SlideShare a Scribd company logo
1 of 12
Download to read offline
Tanapat Limsaiporm
การประเมินผลงานของพนักงานจะแบ่งออกเป็น 3
ส่วน
 ส่วนแรก คือ การประเมินตามผลงานจากความสาเร็จของงานหรือ KPI (Key
Performance Index) ซึ่งเป็นคะแนนส่วนใหญ่
 ส่วนที่ 2 คือ ความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงาน
(Competency)
 ส่วนที่ 3 เกี่ยวข้องกับหลักการทางานร่วมกันกับผู้อื่นคือ การประเมินตามหลัก ‘Our
Way’ ซึ่งประกอบด้วยความไว้ใจ เชื่อถือ การฝึกสอนคนในทีม การทางานแบบ
Smart นวัตกรรม และความเป็นจิตสาธารณะ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงจะเพิ่มน้าหนัก
ส่วนของ Our Way มากกว่าระดับรองลงมา เนื่องจากเน้นทางานด้านบริหารคน
มากกว่าการลงมือทาแบบฝ่ายปฏิบัติการ
ผู้บริหารต้องทาความเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการประเมิน
 ไม่ว่าระบบการประเมินพนักงานจะเป็น KPI หรือ OKR (Object & Key
Result) ที่กาลังนิยมใช้กัน
 ผู้บริหารต้องทาความเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการประเมิน วัดผล และความชัดเจนของ
เครื่องมือและสิ่งที่องค์กรต้องการจะวัดผลก่อน
สิ่งที่สาคัญคือ การประเมินผล
 สิ่งที่สาคัญคือ การประเมินผลนั้นเป็นไปเพื่อเป้าประสงค์ของธุรกิจ (Business
Goal)
 ต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจขององค์กร (Business Strategy)
การบริหารแบบ Agile และ Water Fall
 การบริหารงานตามแผนและกรอบที่วางไว้ (Waterfall Process)
 การบริหารแบบอะไจล์ (Agile)
การบริหารงานตามแผนและกรอบที่วางไว้
(Waterfall Process)
 องค์กรขนาดใหญ่ มักประสบกับปัญหาเรื่องลาดับขั้นตอนการทางานที่มีอยู่
มากมาย โดยแต่ละแผนกทางานกันแบบ Silo ส่งผลให้เคลื่อนตัวได้ช้า เช่น
การจะออกสินค้าหรือบริการใหม่แต่ละที มีลาดับขั้นตอนที่ยุ่งยาก ต้องผ่านการ
อนุมัติจากหลายฝ่าย ประสานงานได้ยากเนื่องจากแต่ละฝ่ายทางานแยกกันจน
ทาให้ทุกอย่างช้าไปหมด กว่าจะออกสินค้าหรือบริการได้ก็ไม่ทันการเสียแล้วจน
เกิดความเสี่ยงที่จะโดนบริษัทขนาดเล็กอย่างเช่น Startup ที่มีความสามารถ
และความคล่องตัวสูงมา Disrupt โดยการออกผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ
ได้รวดเร็วกว่า ถึงแม้ว่าประสบการณ์ที่มีจะไม่เท่าองค์กรใหญ่ๆ แต่เมื่อได้
ทดลองปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายบริษัทที่มีความคล่องตัวสูงเหล่านี้ก็จะได้
ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เหนือกว่าในที่สุด
การบริหารแบบอะไจล์ (Agile)
 เน้นการทางานในทีมที่ประกอบไปด้วยบุคลากรจากหลายสายงาน (Cross-
functional team) ที่เรียกว่า Agile squad และเปลี่ยนวิธีการ
ทางานจากการกาหนดเป้ าหมายแบบมุ่งไปครั้งเดียวเป็นการวางแผนและส่ง
มอบงานทีละชิ้นๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาหรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
เล็กๆน้อยๆได้ และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
หลักการของทางานแบบ Agile -1
 มีการทางานแบบ Cross-functional team คือการนาบุคคลที่มาจาก
สายงานที่ต่างกัน มานั่งทางานด้วยกัน ไม่ได้แยกแผนก ซึ่งส่งผลให้การ
ประสานงานเป็นไปได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งสามารถรับรู้ปัญหาและแก้ไขได้
อย่างรวดเร็ว
 ทีมมีอานาจในการในการตัดสินใจและกาหนดทิศทางของงาน คนที่ได้รับ
มอบหมายให้ปฏิบัติงานใน Agile squad มักจะได้รับอานาจในการ
ตัดสินใจที่เพียงพอเพื่อไม่ให้ต้องมีการต้องเข้าสู่กระบวนการที่ล่าช้าขององค์กร
โดยคนที่กาหนดทิศทางของสินค้าหรือบริการ หรือ Product Owner
ควรมีอานาจตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการทางาน
และไม่ต้องรอผ่านการอนุมัติจากใคร
หลักการของทางานแบบ Agile -2
 ใช้บุคลากรที่ทางานเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ (Dedicated
resources) มีการแต่งตั้งคนที่รับผิดชอบงานในแต่ละส่วน เพื่อโฟกัสใน
Scope งานของโครงการที่ได้รับมอบหมายมาไม่ให้
 ทางานเป็นชิ้นเล็กๆ การทางานแบบ Agile มักกาหนดเป้ าหมายระยะสั้น และ
ส่งมอบชิ้นงานเป็นชิ้นเล็กๆแล้วค่อยๆทาเพิ่มไปเรื่อยๆ แล้วหากเจอ
ข้อผิดพลาดหรือการเปลี่ยนแปลง ค่อยปรับเปลี่ยนการทางานไปเรื่อยๆในแต่ละ
รอบสั้นๆที่เรียกว่า Sprint
หลักการของทางานแบบ Agile -3
 รับรู้สถานะของโครงการได้อย่างชัดเจน ทุกคนจะต้องสื่อสารและรับรู้ปัญหาที่
เกิดขึ้นในโครงการ รวมทั้งความคืบหน้าของโครงการให้ทั้งทีมได้รู้ เพื่อให้เกิด
ความชัดเจนและการวัดผลที่จับต้องได้
 เรียนรู้ข้อผิดพลาดและข้อดีได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการทางานเป็น รอบเล็กๆ
ทาให้เกิดการเรียนรู้ข้อผิดพลาดจากครั้งก่อนๆ และสามารถหาข้อบกพร่องและ
ข้อดีในการทางานได้อย่างรวดเร็ว
แนวโน้มของการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในยุคนี้
 ผู้บริหารต้องปรับมุมมองที่มีต่อกลุ่มคนเจนวายซึ่งกาลังจะกลายเป็น 50% ของแรงงานทั่ว
โลก ซึ่งคนกลุ่มนี้จะให้ความสาคัญกับสมดุลของชีวิต กับการทางานมากกว่าคนวัยเจนเอ็กซ์
และเบบี้บูมที่ทางานหนักหามรุ่งหามค่า
 ผู้บริหารควรให้ความสาคัญกับการบริหารจัดการประสบการณ์ของคนในองค์กร
(Employee Experience)
 พนักงานที่มีความสุขในการทางานจะส่งผลให้องค์กรสร้างกาไรได้เพิ่มขึ้นถึง 21%
 ระบบบริหารจัดการคนรูปแบบใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเรียนรู้และช่วยปรับปรุงการ
ทางานจะจาเป็นมากยิ่งขึ้น
END

More Related Content

Similar to Hr clinic2

บทที่3
บทที่3บทที่3
บทที่3praphol
 
หลักสูตรที่ 2 หน่วยที่ 4: ความเข้าใจแผนธุรกิจ
หลักสูตรที่ 2 หน่วยที่ 4: ความเข้าใจแผนธุรกิจหลักสูตรที่ 2 หน่วยที่ 4: ความเข้าใจแผนธุรกิจ
หลักสูตรที่ 2 หน่วยที่ 4: ความเข้าใจแผนธุรกิจthanathip
 
Tim how to assess the innovation capability
Tim how to assess the innovation capabilityTim how to assess the innovation capability
Tim how to assess the innovation capabilitypantapong
 
How to write application report (part 2 of 4)
How to write application report (part 2 of 4)How to write application report (part 2 of 4)
How to write application report (part 2 of 4)maruay songtanin
 
Developing high professional
Developing high professionalDeveloping high professional
Developing high professional1clickidea
 
Powerpoint3กระบวนการทางธุรกิจระบบสารสนเทศ
Powerpoint3กระบวนการทางธุรกิจระบบสารสนเทศPowerpoint3กระบวนการทางธุรกิจระบบสารสนเทศ
Powerpoint3กระบวนการทางธุรกิจระบบสารสนเทศNawaponch
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8Phuntita
 
บทที่8 ใหม่
บทที่8 ใหม่บทที่8 ใหม่
บทที่8 ใหม่Phuntita
 
บทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร
บทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารบทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร
บทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารPrakaywan Tumsangwan
 
การจัดการความรู้ KMUTNB #3
การจัดการความรู้ KMUTNB #3การจัดการความรู้ KMUTNB #3
การจัดการความรู้ KMUTNB #3Prachyanun Nilsook
 

Similar to Hr clinic2 (20)

พ้อย
พ้อยพ้อย
พ้อย
 
Tqm1
Tqm1Tqm1
Tqm1
 
Chapter1 kc
Chapter1 kcChapter1 kc
Chapter1 kc
 
Kpi csf
Kpi csfKpi csf
Kpi csf
 
Comment guidelines 2015
Comment guidelines 2015Comment guidelines 2015
Comment guidelines 2015
 
บทที่3
บทที่3บทที่3
บทที่3
 
หลักสูตรที่ 2 หน่วยที่ 4: ความเข้าใจแผนธุรกิจ
หลักสูตรที่ 2 หน่วยที่ 4: ความเข้าใจแผนธุรกิจหลักสูตรที่ 2 หน่วยที่ 4: ความเข้าใจแผนธุรกิจ
หลักสูตรที่ 2 หน่วยที่ 4: ความเข้าใจแผนธุรกิจ
 
Competency
CompetencyCompetency
Competency
 
Tim how to assess the innovation capability
Tim how to assess the innovation capabilityTim how to assess the innovation capability
Tim how to assess the innovation capability
 
Crm
CrmCrm
Crm
 
How to write application report (part 2 of 4)
How to write application report (part 2 of 4)How to write application report (part 2 of 4)
How to write application report (part 2 of 4)
 
Developing high professional
Developing high professionalDeveloping high professional
Developing high professional
 
Powerpoint3กระบวนการทางธุรกิจระบบสารสนเทศ
Powerpoint3กระบวนการทางธุรกิจระบบสารสนเทศPowerpoint3กระบวนการทางธุรกิจระบบสารสนเทศ
Powerpoint3กระบวนการทางธุรกิจระบบสารสนเทศ
 
บทที่8
บทที่8บทที่8
บทที่8
 
บทที่8 ใหม่
บทที่8 ใหม่บทที่8 ใหม่
บทที่8 ใหม่
 
บทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร
บทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารบทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร
บทที่ 6 ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร
 
3.4.1 ผู้บริหาร
3.4.1 ผู้บริหาร3.4.1 ผู้บริหาร
3.4.1 ผู้บริหาร
 
Kpi 18 1_55
Kpi 18 1_55Kpi 18 1_55
Kpi 18 1_55
 
Ok rs
Ok rsOk rs
Ok rs
 
การจัดการความรู้ KMUTNB #3
การจัดการความรู้ KMUTNB #3การจัดการความรู้ KMUTNB #3
การจัดการความรู้ KMUTNB #3
 

More from ธนาพัฒน์ ลิ้มสายพรหม

More from ธนาพัฒน์ ลิ้มสายพรหม (20)

Tanapat-AWS-Certifacate-6-10.pdf
Tanapat-AWS-Certifacate-6-10.pdfTanapat-AWS-Certifacate-6-10.pdf
Tanapat-AWS-Certifacate-6-10.pdf
 
Tanapat-AWS-certificate-1-5.pdf
Tanapat-AWS-certificate-1-5.pdfTanapat-AWS-certificate-1-5.pdf
Tanapat-AWS-certificate-1-5.pdf
 
AWS Identity and access management , tanapat limsaiprom
AWS Identity and access management , tanapat limsaipromAWS Identity and access management , tanapat limsaiprom
AWS Identity and access management , tanapat limsaiprom
 
AWS Technical Essential , Tanapat Limsaiprom
AWS Technical Essential , Tanapat LimsaipromAWS Technical Essential , Tanapat Limsaiprom
AWS Technical Essential , Tanapat Limsaiprom
 
AWS Amazon DynamoDB
AWS Amazon DynamoDB AWS Amazon DynamoDB
AWS Amazon DynamoDB
 
ฺBig Data 101Chapter 8 Module 2
ฺBig Data 101Chapter 8 Module 2ฺBig Data 101Chapter 8 Module 2
ฺBig Data 101Chapter 8 Module 2
 
Big Data 101 : Chapter 8 Module 1
Big Data 101 : Chapter 8 Module 1Big Data 101 : Chapter 8 Module 1
Big Data 101 : Chapter 8 Module 1
 
Mt60307 ch7-data visulization
Mt60307 ch7-data visulizationMt60307 ch7-data visulization
Mt60307 ch7-data visulization
 
Chapter 6 predictive Analytics
Chapter 6 predictive AnalyticsChapter 6 predictive Analytics
Chapter 6 predictive Analytics
 
Ch4 e retailing strategy v62-a4
Ch4 e retailing strategy v62-a4Ch4 e retailing strategy v62-a4
Ch4 e retailing strategy v62-a4
 
Chapter5 descriptive statistic
Chapter5 descriptive statisticChapter5 descriptive statistic
Chapter5 descriptive statistic
 
Ch2 bi gdata
Ch2 bi gdataCh2 bi gdata
Ch2 bi gdata
 
Chapter 2 : Data Management
Chapter 2 : Data ManagementChapter 2 : Data Management
Chapter 2 : Data Management
 
Ch1 Business Information foundation concept
Ch1 Business Information foundation conceptCh1 Business Information foundation concept
Ch1 Business Information foundation concept
 
Chapter2 e-retailing
Chapter2 e-retailingChapter2 e-retailing
Chapter2 e-retailing
 
Chapter2 module 4 Peopleware
Chapter2 module 4 PeoplewareChapter2 module 4 Peopleware
Chapter2 module 4 Peopleware
 
Chapter 2 Module 2 Hardware
Chapter 2 Module 2 HardwareChapter 2 Module 2 Hardware
Chapter 2 Module 2 Hardware
 
Chapter2 M1-foundation concepts-thai-62 feb
Chapter2 M1-foundation concepts-thai-62 febChapter2 M1-foundation concepts-thai-62 feb
Chapter2 M1-foundation concepts-thai-62 feb
 
Tv Rating
Tv RatingTv Rating
Tv Rating
 
Chapter2 communication-v62 a
Chapter2 communication-v62 aChapter2 communication-v62 a
Chapter2 communication-v62 a
 

Hr clinic2

  • 2. การประเมินผลงานของพนักงานจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน  ส่วนแรก คือ การประเมินตามผลงานจากความสาเร็จของงานหรือ KPI (Key Performance Index) ซึ่งเป็นคะแนนส่วนใหญ่  ส่วนที่ 2 คือ ความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมงาน (Competency)  ส่วนที่ 3 เกี่ยวข้องกับหลักการทางานร่วมกันกับผู้อื่นคือ การประเมินตามหลัก ‘Our Way’ ซึ่งประกอบด้วยความไว้ใจ เชื่อถือ การฝึกสอนคนในทีม การทางานแบบ Smart นวัตกรรม และความเป็นจิตสาธารณะ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงจะเพิ่มน้าหนัก ส่วนของ Our Way มากกว่าระดับรองลงมา เนื่องจากเน้นทางานด้านบริหารคน มากกว่าการลงมือทาแบบฝ่ายปฏิบัติการ
  • 3. ผู้บริหารต้องทาความเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการประเมิน  ไม่ว่าระบบการประเมินพนักงานจะเป็น KPI หรือ OKR (Object & Key Result) ที่กาลังนิยมใช้กัน  ผู้บริหารต้องทาความเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการประเมิน วัดผล และความชัดเจนของ เครื่องมือและสิ่งที่องค์กรต้องการจะวัดผลก่อน
  • 4. สิ่งที่สาคัญคือ การประเมินผล  สิ่งที่สาคัญคือ การประเมินผลนั้นเป็นไปเพื่อเป้าประสงค์ของธุรกิจ (Business Goal)  ต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจขององค์กร (Business Strategy)
  • 5. การบริหารแบบ Agile และ Water Fall  การบริหารงานตามแผนและกรอบที่วางไว้ (Waterfall Process)  การบริหารแบบอะไจล์ (Agile)
  • 6. การบริหารงานตามแผนและกรอบที่วางไว้ (Waterfall Process)  องค์กรขนาดใหญ่ มักประสบกับปัญหาเรื่องลาดับขั้นตอนการทางานที่มีอยู่ มากมาย โดยแต่ละแผนกทางานกันแบบ Silo ส่งผลให้เคลื่อนตัวได้ช้า เช่น การจะออกสินค้าหรือบริการใหม่แต่ละที มีลาดับขั้นตอนที่ยุ่งยาก ต้องผ่านการ อนุมัติจากหลายฝ่าย ประสานงานได้ยากเนื่องจากแต่ละฝ่ายทางานแยกกันจน ทาให้ทุกอย่างช้าไปหมด กว่าจะออกสินค้าหรือบริการได้ก็ไม่ทันการเสียแล้วจน เกิดความเสี่ยงที่จะโดนบริษัทขนาดเล็กอย่างเช่น Startup ที่มีความสามารถ และความคล่องตัวสูงมา Disrupt โดยการออกผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ได้รวดเร็วกว่า ถึงแม้ว่าประสบการณ์ที่มีจะไม่เท่าองค์กรใหญ่ๆ แต่เมื่อได้ ทดลองปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายบริษัทที่มีความคล่องตัวสูงเหล่านี้ก็จะได้ ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เหนือกว่าในที่สุด
  • 7. การบริหารแบบอะไจล์ (Agile)  เน้นการทางานในทีมที่ประกอบไปด้วยบุคลากรจากหลายสายงาน (Cross- functional team) ที่เรียกว่า Agile squad และเปลี่ยนวิธีการ ทางานจากการกาหนดเป้ าหมายแบบมุ่งไปครั้งเดียวเป็นการวางแผนและส่ง มอบงานทีละชิ้นๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาหรือข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เล็กๆน้อยๆได้ และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
  • 8. หลักการของทางานแบบ Agile -1  มีการทางานแบบ Cross-functional team คือการนาบุคคลที่มาจาก สายงานที่ต่างกัน มานั่งทางานด้วยกัน ไม่ได้แยกแผนก ซึ่งส่งผลให้การ ประสานงานเป็นไปได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งสามารถรับรู้ปัญหาและแก้ไขได้ อย่างรวดเร็ว  ทีมมีอานาจในการในการตัดสินใจและกาหนดทิศทางของงาน คนที่ได้รับ มอบหมายให้ปฏิบัติงานใน Agile squad มักจะได้รับอานาจในการ ตัดสินใจที่เพียงพอเพื่อไม่ให้ต้องมีการต้องเข้าสู่กระบวนการที่ล่าช้าขององค์กร โดยคนที่กาหนดทิศทางของสินค้าหรือบริการ หรือ Product Owner ควรมีอานาจตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการทางาน และไม่ต้องรอผ่านการอนุมัติจากใคร
  • 9. หลักการของทางานแบบ Agile -2  ใช้บุคลากรที่ทางานเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ (Dedicated resources) มีการแต่งตั้งคนที่รับผิดชอบงานในแต่ละส่วน เพื่อโฟกัสใน Scope งานของโครงการที่ได้รับมอบหมายมาไม่ให้  ทางานเป็นชิ้นเล็กๆ การทางานแบบ Agile มักกาหนดเป้ าหมายระยะสั้น และ ส่งมอบชิ้นงานเป็นชิ้นเล็กๆแล้วค่อยๆทาเพิ่มไปเรื่อยๆ แล้วหากเจอ ข้อผิดพลาดหรือการเปลี่ยนแปลง ค่อยปรับเปลี่ยนการทางานไปเรื่อยๆในแต่ละ รอบสั้นๆที่เรียกว่า Sprint
  • 10. หลักการของทางานแบบ Agile -3  รับรู้สถานะของโครงการได้อย่างชัดเจน ทุกคนจะต้องสื่อสารและรับรู้ปัญหาที่ เกิดขึ้นในโครงการ รวมทั้งความคืบหน้าของโครงการให้ทั้งทีมได้รู้ เพื่อให้เกิด ความชัดเจนและการวัดผลที่จับต้องได้  เรียนรู้ข้อผิดพลาดและข้อดีได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการทางานเป็น รอบเล็กๆ ทาให้เกิดการเรียนรู้ข้อผิดพลาดจากครั้งก่อนๆ และสามารถหาข้อบกพร่องและ ข้อดีในการทางานได้อย่างรวดเร็ว
  • 11. แนวโน้มของการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในยุคนี้  ผู้บริหารต้องปรับมุมมองที่มีต่อกลุ่มคนเจนวายซึ่งกาลังจะกลายเป็น 50% ของแรงงานทั่ว โลก ซึ่งคนกลุ่มนี้จะให้ความสาคัญกับสมดุลของชีวิต กับการทางานมากกว่าคนวัยเจนเอ็กซ์ และเบบี้บูมที่ทางานหนักหามรุ่งหามค่า  ผู้บริหารควรให้ความสาคัญกับการบริหารจัดการประสบการณ์ของคนในองค์กร (Employee Experience)  พนักงานที่มีความสุขในการทางานจะส่งผลให้องค์กรสร้างกาไรได้เพิ่มขึ้นถึง 21%  ระบบบริหารจัดการคนรูปแบบใหม่ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาเรียนรู้และช่วยปรับปรุงการ ทางานจะจาเป็นมากยิ่งขึ้น
  • 12. END