SlideShare a Scribd company logo
1 of 4
Download to read offline
ใบงานที่ 10 เรื่อง คิดวิเคราะห์ สร้ างทางเลือก และเกณฑ์ที่ใช้


1. ปลูกไม้ดอกไม้ประดับทีบ้าน (ต้องตอบให้ครบทุกวิธี)
                             ่
        วิธีที่ 1 ปลูกในกระถางดินเผา
                   เกณฑ์ที่เลือกใช้ ... พื้นที่มีจำกัด ...
        วิธีที่ 2 ปลูกในกระบะไม้
                   เกณฑ์ที่เลือกใช้ ...เป็ นไม้ที่สำมำรถปลูกในกระบะได้
        วิธีที่ 3 ปลูกในร่ องสวน
                   เกณฑ์ที่เลือกใช้ สภำพพื้นที่เป็ นดินเหนียว เป็ นร่ องสวน
        วิธีที่ 4 ปลูกพืนที่ข้างบ้ าน
                        ้
                   เกณฑ์ที่เลือกใช้ พื้นที่มีจำกัด

   2. เก็บอาหารให้ อยู่ได้ นาน ๆ (ต้องตอบให้ ครบทุกวิธี)
           วิธีที่ 1 ดองเค็ม
                      เกณฑ์ที่เลือกใช้ เป็ นกระบวนกำรที่เกิดขึ้นเนื่องจำกจุลินทรี ยยอยสลำย
                                                                                   ์่
คำร์โบไฮเดรตหรื อสำรอื่น ภำยใต้สภำวะที่มีหรื อไม่มีอำกำศ ซึ่งจะแตกต่ำงจำกกำรถนอมอำหำรอื่น
ที่มี วัตถุประสงค์ในกำรทำลำยจุลินทรี ย ์ และเอนไซม์ธรรมชำติในอำหำร กำรหมักดองจะทำ
ให้ pH ของอำหำรลดต่ำลง ซึ่งจะเป็ นกำรป้ องกันไม่ให้เชื้อจุลินทรี ยที่ก่อให้เกิดโรคเจริ ญได้
                                                                        ์

         วิธีที่ 2 สารเคมี
                    เกณฑ์ที่เลือกใช้ มีจุดประสงค์เพื่อยึดอำยุกำรเก็บรักษำอำหำร โดยมี
ผลยับยั้งกำรเน่ำเสียเนื่องจำกจุลินทรี ย ์ สำรเคมีที่มีฤทธิ์ยบยังกำรเจริ ญของจุลินทรี ย ์ ได้แก่ เกลือ
                                                            ั ้
น้ ำตำล กรด สำรกันเสี ย สำรกันชื่น
วิธีที่ 3 รังสี
                    เกณฑ์ที่เลือกใช้ กำรฉำยรังสีอำหำรเป็ นวิธีกำรถนอมอำหำรที่ตองกำร ้
เลี่ยงกำรใช้ควำมร้อน เนื่องจำกควำมร้อนสำมำรถเปลี่ยนแปลงสมบัติดำนประสำทสัมผัสของ
                                                                           ้
อำหำร
         นั้นๆ ได้ รังสีชนิดที่แตกตัวได้ (ionizing radiation) ที่มีช่วงคลื่นสั้น สำมำรถที่จะยับยั้งกำร
เจริ ญของจุลินทรี ย ์ กำรทำงำนของเอนไซม์ และกำรเจริ ญเติบโตของไข่ และตัวอ่อนของแมลงได้ดี
ทั้งยังสำมำรถป้ องกันกำรงอกของผัก และผลไม้ โดยยังคงคุณค่ำทำงโภชนำกำร เนื้อสัมผัส และ
รสชำติของอำหำรได้ดีโดยรังสีที่ใช้ในกำรถนอมอำหำรมี 3 ชนิดคือ รังสีแกมมำ (gamma
radiation) รังสีเอกซ์ (x-radiation) และอิเล็กตรอนกำลังสูง (high speed electron)

          วิธีที่ 4 ความเย็น
                       เกณฑ์ที่เลือกใช้ เป็ นกำรลดอุณหภูมิของอำหำรลงให้ต่ำกว่ำ 10 oC
เพื่อทำให้กระบวนกำร metabolism กำรเจริ ญของจุลินทรี ยรวมทั้งกิจกรรมของเอนไซม์เกิดได้ชำ จึง
                                                              ์                           ้
เป็ นกำรยับยั้งกำรเจริ ญของจุลินทรี ย ์ ชะลอกำรเน่ำเสีย และลดอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงทำงเคมีทำให้
สำมำรถยืดอำยุกำรเก็บรักษำอำหำรได้ระยะหนึ่ง
          1 กำรแช่เย็น (chilling) เป็ นกรรมวิธีที่ควบคุมอุณหภูมของอำหำรไว้ที่
                                                                  ิ
อุณหภูมิ -1 oC ถึง 8 oC เพื่อลดอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำทำงชีวเคมี และกำรเปลี่ยนแปลงเนื่องจำก
จุลินทรี ย ์ วิธีน้ ีจะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงคุณค่ำทำงโภชนำกำร และคุณสมบัติทำงประสำทสัมผัส
น้อย ที่สุด โดยมักจะใช้กำรแช่เย็นควบคู่กบกรรมวิธีแปรรูปอื่นๆ เช่น กำรหมัก กำรฉำยรังสี
                                                ั
          2 กำรแช่เยือกแข็ง (freezing) กำรแช่เยือกแข็งเป็ นกรรมวิธีกำรลดอุณหภูมิ
ของอำหำรให้ต่ำลงกว่ำจุดเยือกแข็ง โดยส่วนของน้ ำจะเปลี่ยนสภำพไปเป็ นผลึกน้ ำแข็ง กำรตรึ งน้ ำ
กับน้ ำแข็ง และผลจำกควำมเข้มข้นของตัวทำละลำยในน้ ำที่ยงไม่แข็งตัวจะทำให้ค่ำ water
                                                                ั
activity ของอำหำรลดลง จุลินทรี ยจึงไม่สำมำรถนำน้ ำมำใช้ในกำรเจริ ญได้ สำหรับอำหำรที่นิยมแช่
                                         ์
เยือกแข็ง ได้แก่ อำหำรทะเล เช่น กุง เนื้อปู้
3. ตกแต่งห้ องเรียนให้ สวยงาม
       วิธีที่ 1 บริเวณหน้ าห้องเรียน
                   เกณฑ์ที่เลือกใช้สะอำด และน่ำสนใจ
       วิธีที่ 2 บริเวณในห้ องเรียน
                   เกณฑ์ที่เลือกใช้ ปลอดโปล่ง ไม่แออัดจนเกินไป
       วิธีที่ 3 บริเวณหลังห้ องเรียน
                 เกณฑ์ที่เลือกใช้ จัดที่วำงของให้นกเรี ยน เพื่อที่จะไม่ได้ไปแกะกะภำยในโต๊ะของ
                                                   ั
นักเรี ยน
         วิธีที่ 4 บริเวณข้ างห้ องเรียน
                  เกณฑ์ที่เลือกใช้ ควรมีตนไม้ เพื่อที่จำทำให้หองเรี ยนร่ มรื่ น และมีชีวิตชีวำ
                                          ้                    ้

4.อ่ำนหนังสือให้แม่นมำกยิงขึ้น    ่
        วิธีที่ 1 ตัดทัศนคติที่แย่ๆเกี่ยวกับหนังสือออกให้หมด
        วิธีที่ 2 เมื่อมีทศนคติที่ดีต่อกำรอ่ำนหนังสือแล้ว ก็ตองมำสร้ำงแรงจูงใจในกำรอ่ำนหนังสือ
                          ั                                    ้
ด้วย แรงจูงใจจะเป็ นตัวผลักดัน และกระตุนให้เพื่อนๆ มีควำมอยำกในกำรอ่ำนหนังสือ วิธีกำร
                                                ้
สร้ำงแรงจูงใจก็คือพยำยำมคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้ำเรำอ่ำนหนังสือสำเร็ จ เช่น ถ้ำเรำตั้งใจอ่ำน
หนังสือและเตรี ยมควำมฟิ ตให้ตวเองจนพร้อมแล้ว เรำก็สำมำรถตะลุยข้อสอบได้
                                       ั
        วิธีที่ 3 พยำยำมสรุ ปเรื่ องที่เรำอ่ำนแล้วจำเป็ นรู ปภำพ ปกติแล้วมนุษย์จะจำเรื่ องรำวทั้งหมด
เป็ นรู ปภำพ หลำยๆ วิชำที่ไม่มีรูปภำพประกอบทำให้เรำอ่ำนแล้วไม่สำมำรถจินตำกำร หรื อจดจำ
ได้ ให้เพื่อนๆ สรุ ปเรื่ องที่เรำอ่ำนแล้ว นำมำทำเป็ น My map เพื่อเชื่อมโยงในส่วนที่สมพันธ์กน
                                                                                          ั       ั
และวำดให้เป็ นควำมเข้ำใจของตัวเอง
        วิธีที่ 4 หำเวลำติวให้เพื่อน เป็ นวิธีกำรทบทวนควำมรู้ไปในตัวได้ดีที่สุด เพรำะเรำจะสอน
ออกมำจำกควำมเข้ำใจของตัวเรำเอง หำกติวแล้วเพื่อนที่เรำติวให้เข้ำใจ ถือว่ำเรำแตกฉำนใน
ควำมรู้น้นได้อย่ำงแท้จริ ง
            ั
        วิธีที่ 5 เน้นกำรตะลุยโจทย์ให้เยอะๆ พยำยำมหำข้อสอบย้อนหลังมำทำให้ได้มำกที่สุด
เพรำะกำรตะลุยโจทย์จะทำให้เรำจำได้ง่ำยกว่ำกำรอ่ำนเนื้อหำ
วิธีที่ 6 เตรี ยมตัว และให้ควำมสำคัญในกำรอ่ำนหนังสือในวิชำที่เรำถนัดมำกกว่ำวิชำที่ดน ั
ไม่ข้ ึน เพื่อนๆ หลำยคนเข้ำใจผิด ไปทุ่มเทเวลำให้กบวิชำที่เรำไม่ถนัด วิชำไหนที่เรำไม่ถนัด ดัน
                                                     ั
ยังไงมันก็ไม่ข้ ึน เสียเวลำเปล่ำ เอำเวลำไปทุ่มให้กบวิชำที่เรำทำได้ให้ชวร์ดีกว่ำ จะได้เอำคะแนนไป
                                                   ั                  ั
ถัวเฉลี่ยกับวิชำอื่นๆ
           วิธีที่ 7 สมำธิเป็ นสิ่งสำคัญมำกในกำรอ่ำนหนังสือ กำรอ่ำนหนังสือให้มีประสิทธิภำพ ต้อง
มีสมำธิดี ใครที่สมำธิส้ น จะจำยำก ลืมง่ำย ใครสมำธิดี จะจำง่ำย ลืมยำก กำรอ่ำนหนังสือ ต้องอ่ำน
                            ั
ต่อเนื่องอย่ำงน้อย ชัวโมงครึ่ ง 30 นำทีแรกจิตใจของเรำกำลังฟุ้ ง ให้พยำยำมปรับให้นิ่ง 60 นำทีหลัง
                          ่
ใจนิ่งมีสมำธิแล้ว ก็พร้อมรับสิ่งใหม่ เข้ำสู่สมอง ที่สำคัญอย่ำเอำขยะมำใส่หว ห้ำมคิดเรื่ องพวกนี้ซก
                                                                            ั                     ั
พัก เช่น เรื่ องหนัง , เกม , แฟน พยำยำมออกกำลังกำย ดูแลสุขภำพ สิ่งเหล่ำนี้จะช่วยให้จิตใจเรำนิ่ง
ขึ้น

More Related Content

What's hot (16)

ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10
 
ใบงาน10
ใบงาน10ใบงาน10
ใบงาน10
 
K10
K10K10
K10
 
ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10
 
ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10
 
K10
K10K10
K10
 
K10
K10K10
K10
 
K10
K10K10
K10
 
ใบงานที่10
ใบงานที่10ใบงานที่10
ใบงานที่10
 
K10
K10K10
K10
 
ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10
 
ใบงานท 10
ใบงานท   10ใบงานท   10
ใบงานท 10
 
K10 (1)
K10 (1)K10 (1)
K10 (1)
 
K10
K10K10
K10
 
K10
K10K10
K10
 
ใบงานที่10
ใบงานที่10ใบงานที่10
ใบงานที่10
 

Viewers also liked

ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภทsuparada
 
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภทsuparada
 
Chapter 1
Chapter 1Chapter 1
Chapter 1Cel Koh
 
โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1suparada
 
Chapter 1
Chapter 1Chapter 1
Chapter 1Cel Koh
 
Memes & Fitness Landscapes - analogies of testing with sci evol (2011)
Memes & Fitness Landscapes - analogies of testing with sci evol (2011)Memes & Fitness Landscapes - analogies of testing with sci evol (2011)
Memes & Fitness Landscapes - analogies of testing with sci evol (2011)Neil Thompson
 
The Science of Software Testing - Experiments, Evolution & Emergence (2011)
The Science of Software Testing - Experiments, Evolution & Emergence (2011)The Science of Software Testing - Experiments, Evolution & Emergence (2011)
The Science of Software Testing - Experiments, Evolution & Emergence (2011)Neil Thompson
 
Testing as Value Flow Mgmt - organise your toolbox (2012)
Testing as Value Flow Mgmt - organise your toolbox (2012)Testing as Value Flow Mgmt - organise your toolbox (2012)
Testing as Value Flow Mgmt - organise your toolbox (2012)Neil Thompson
 
'Best Practices' & 'Context-Driven' - Building a bridge (2003)
'Best Practices' & 'Context-Driven' - Building a bridge (2003)'Best Practices' & 'Context-Driven' - Building a bridge (2003)
'Best Practices' & 'Context-Driven' - Building a bridge (2003)Neil Thompson
 
Value Flow Science - Fitter lifecycles from lean balanced scorecards (2011)
Value Flow Science - Fitter lifecycles from lean balanced scorecards  (2011)Value Flow Science - Fitter lifecycles from lean balanced scorecards  (2011)
Value Flow Science - Fitter lifecycles from lean balanced scorecards (2011)Neil Thompson
 
Risk-Based Testing - Designing & managing the test process (2002)
Risk-Based Testing - Designing & managing the test process (2002)Risk-Based Testing - Designing & managing the test process (2002)
Risk-Based Testing - Designing & managing the test process (2002)Neil Thompson
 
Risk Mitigation Trees - Review test handovers with stakeholders (2004)
Risk Mitigation Trees - Review test handovers with stakeholders (2004)Risk Mitigation Trees - Review test handovers with stakeholders (2004)
Risk Mitigation Trees - Review test handovers with stakeholders (2004)Neil Thompson
 

Viewers also liked (14)

ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
 
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภทใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
ใบงานที่ 4 เรื่อง โครงงานประเภท
 
Eng 2552
Eng 2552Eng 2552
Eng 2552
 
Chapter 1
Chapter 1Chapter 1
Chapter 1
 
โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1
 
Chapter 1
Chapter 1Chapter 1
Chapter 1
 
Pat5
Pat5Pat5
Pat5
 
Memes & Fitness Landscapes - analogies of testing with sci evol (2011)
Memes & Fitness Landscapes - analogies of testing with sci evol (2011)Memes & Fitness Landscapes - analogies of testing with sci evol (2011)
Memes & Fitness Landscapes - analogies of testing with sci evol (2011)
 
The Science of Software Testing - Experiments, Evolution & Emergence (2011)
The Science of Software Testing - Experiments, Evolution & Emergence (2011)The Science of Software Testing - Experiments, Evolution & Emergence (2011)
The Science of Software Testing - Experiments, Evolution & Emergence (2011)
 
Testing as Value Flow Mgmt - organise your toolbox (2012)
Testing as Value Flow Mgmt - organise your toolbox (2012)Testing as Value Flow Mgmt - organise your toolbox (2012)
Testing as Value Flow Mgmt - organise your toolbox (2012)
 
'Best Practices' & 'Context-Driven' - Building a bridge (2003)
'Best Practices' & 'Context-Driven' - Building a bridge (2003)'Best Practices' & 'Context-Driven' - Building a bridge (2003)
'Best Practices' & 'Context-Driven' - Building a bridge (2003)
 
Value Flow Science - Fitter lifecycles from lean balanced scorecards (2011)
Value Flow Science - Fitter lifecycles from lean balanced scorecards  (2011)Value Flow Science - Fitter lifecycles from lean balanced scorecards  (2011)
Value Flow Science - Fitter lifecycles from lean balanced scorecards (2011)
 
Risk-Based Testing - Designing & managing the test process (2002)
Risk-Based Testing - Designing & managing the test process (2002)Risk-Based Testing - Designing & managing the test process (2002)
Risk-Based Testing - Designing & managing the test process (2002)
 
Risk Mitigation Trees - Review test handovers with stakeholders (2004)
Risk Mitigation Trees - Review test handovers with stakeholders (2004)Risk Mitigation Trees - Review test handovers with stakeholders (2004)
Risk Mitigation Trees - Review test handovers with stakeholders (2004)
 

Similar to K10 (20)

ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10
 
ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10ใบงานที่ 10
ใบงานที่ 10
 
At10
At10At10
At10
 
At10
At10At10
At10
 
ใบงานที่10
ใบงานที่10ใบงานที่10
ใบงานที่10
 
ใบงานที่10
ใบงานที่10ใบงานที่10
ใบงานที่10
 
ใบงานที่10
ใบงานที่10ใบงานที่10
ใบงานที่10
 
K10
K10K10
K10
 
งานที่ 10
งานที่ 10งานที่ 10
งานที่ 10
 
K10
K10K10
K10
 
K10
K10K10
K10
 
K10
K10K10
K10
 
K10
K10K10
K10
 
K10 2
K10 2K10 2
K10 2
 
ใบงานที่10
ใบงานที่10ใบงานที่10
ใบงานที่10
 
K10
K10K10
K10
 
K10
K10K10
K10
 
K10
K10K10
K10
 
ใบงาน10
ใบงาน10ใบงาน10
ใบงาน10
 
ใบงานที่ 10 เรื่อง คิดวิเคราะห์สร้างทางเลือก และเกณฑ์ที่ใช้
ใบงานที่ 10 เรื่อง คิดวิเคราะห์สร้างทางเลือก และเกณฑ์ที่ใช้ใบงานที่ 10 เรื่อง คิดวิเคราะห์สร้างทางเลือก และเกณฑ์ที่ใช้
ใบงานที่ 10 เรื่อง คิดวิเคราะห์สร้างทางเลือก และเกณฑ์ที่ใช้
 

More from suparada

โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1suparada
 
โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1suparada
 
สังคม 53
สังคม 53สังคม 53
สังคม 53suparada
 
วิทย์ 53
วิทย์ 53วิทย์ 53
วิทย์ 53suparada
 
ไทย 53
ไทย 53ไทย 53
ไทย 53suparada
 
คณิต 53
คณิต 53คณิต 53
คณิต 53suparada
 
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5suparada
 
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5suparada
 

More from suparada (20)

โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1
 
โครงงานคอม1
โครงงานคอม1โครงงานคอม1
โครงงานคอม1
 
K15.
K15.K15.
K15.
 
K14
K14K14
K14
 
22
2222
22
 
สังคม 53
สังคม 53สังคม 53
สังคม 53
 
วิทย์ 53
วิทย์ 53วิทย์ 53
วิทย์ 53
 
ไทย 53
ไทย 53ไทย 53
ไทย 53
 
คณิต 53
คณิต 53คณิต 53
คณิต 53
 
Pat5
Pat5Pat5
Pat5
 
Eng 2552
Eng 2552Eng 2552
Eng 2552
 
K11
K11K11
K11
 
K10
K10K10
K10
 
9
99
9
 
7
77
7
 
6
66
6
 
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
 
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
โครงงานพัฒนาเครื่องมือ 5
 
K11
K11K11
K11
 
9
99
9
 

K10

  • 1. ใบงานที่ 10 เรื่อง คิดวิเคราะห์ สร้ างทางเลือก และเกณฑ์ที่ใช้ 1. ปลูกไม้ดอกไม้ประดับทีบ้าน (ต้องตอบให้ครบทุกวิธี) ่ วิธีที่ 1 ปลูกในกระถางดินเผา เกณฑ์ที่เลือกใช้ ... พื้นที่มีจำกัด ... วิธีที่ 2 ปลูกในกระบะไม้ เกณฑ์ที่เลือกใช้ ...เป็ นไม้ที่สำมำรถปลูกในกระบะได้ วิธีที่ 3 ปลูกในร่ องสวน เกณฑ์ที่เลือกใช้ สภำพพื้นที่เป็ นดินเหนียว เป็ นร่ องสวน วิธีที่ 4 ปลูกพืนที่ข้างบ้ าน ้ เกณฑ์ที่เลือกใช้ พื้นที่มีจำกัด 2. เก็บอาหารให้ อยู่ได้ นาน ๆ (ต้องตอบให้ ครบทุกวิธี) วิธีที่ 1 ดองเค็ม เกณฑ์ที่เลือกใช้ เป็ นกระบวนกำรที่เกิดขึ้นเนื่องจำกจุลินทรี ยยอยสลำย ์่ คำร์โบไฮเดรตหรื อสำรอื่น ภำยใต้สภำวะที่มีหรื อไม่มีอำกำศ ซึ่งจะแตกต่ำงจำกกำรถนอมอำหำรอื่น ที่มี วัตถุประสงค์ในกำรทำลำยจุลินทรี ย ์ และเอนไซม์ธรรมชำติในอำหำร กำรหมักดองจะทำ ให้ pH ของอำหำรลดต่ำลง ซึ่งจะเป็ นกำรป้ องกันไม่ให้เชื้อจุลินทรี ยที่ก่อให้เกิดโรคเจริ ญได้ ์ วิธีที่ 2 สารเคมี เกณฑ์ที่เลือกใช้ มีจุดประสงค์เพื่อยึดอำยุกำรเก็บรักษำอำหำร โดยมี ผลยับยั้งกำรเน่ำเสียเนื่องจำกจุลินทรี ย ์ สำรเคมีที่มีฤทธิ์ยบยังกำรเจริ ญของจุลินทรี ย ์ ได้แก่ เกลือ ั ้ น้ ำตำล กรด สำรกันเสี ย สำรกันชื่น
  • 2. วิธีที่ 3 รังสี เกณฑ์ที่เลือกใช้ กำรฉำยรังสีอำหำรเป็ นวิธีกำรถนอมอำหำรที่ตองกำร ้ เลี่ยงกำรใช้ควำมร้อน เนื่องจำกควำมร้อนสำมำรถเปลี่ยนแปลงสมบัติดำนประสำทสัมผัสของ ้ อำหำร นั้นๆ ได้ รังสีชนิดที่แตกตัวได้ (ionizing radiation) ที่มีช่วงคลื่นสั้น สำมำรถที่จะยับยั้งกำร เจริ ญของจุลินทรี ย ์ กำรทำงำนของเอนไซม์ และกำรเจริ ญเติบโตของไข่ และตัวอ่อนของแมลงได้ดี ทั้งยังสำมำรถป้ องกันกำรงอกของผัก และผลไม้ โดยยังคงคุณค่ำทำงโภชนำกำร เนื้อสัมผัส และ รสชำติของอำหำรได้ดีโดยรังสีที่ใช้ในกำรถนอมอำหำรมี 3 ชนิดคือ รังสีแกมมำ (gamma radiation) รังสีเอกซ์ (x-radiation) และอิเล็กตรอนกำลังสูง (high speed electron) วิธีที่ 4 ความเย็น เกณฑ์ที่เลือกใช้ เป็ นกำรลดอุณหภูมิของอำหำรลงให้ต่ำกว่ำ 10 oC เพื่อทำให้กระบวนกำร metabolism กำรเจริ ญของจุลินทรี ยรวมทั้งกิจกรรมของเอนไซม์เกิดได้ชำ จึง ์ ้ เป็ นกำรยับยั้งกำรเจริ ญของจุลินทรี ย ์ ชะลอกำรเน่ำเสีย และลดอัตรำกำรเปลี่ยนแปลงทำงเคมีทำให้ สำมำรถยืดอำยุกำรเก็บรักษำอำหำรได้ระยะหนึ่ง 1 กำรแช่เย็น (chilling) เป็ นกรรมวิธีที่ควบคุมอุณหภูมของอำหำรไว้ที่ ิ อุณหภูมิ -1 oC ถึง 8 oC เพื่อลดอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำทำงชีวเคมี และกำรเปลี่ยนแปลงเนื่องจำก จุลินทรี ย ์ วิธีน้ ีจะทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปลงคุณค่ำทำงโภชนำกำร และคุณสมบัติทำงประสำทสัมผัส น้อย ที่สุด โดยมักจะใช้กำรแช่เย็นควบคู่กบกรรมวิธีแปรรูปอื่นๆ เช่น กำรหมัก กำรฉำยรังสี ั 2 กำรแช่เยือกแข็ง (freezing) กำรแช่เยือกแข็งเป็ นกรรมวิธีกำรลดอุณหภูมิ ของอำหำรให้ต่ำลงกว่ำจุดเยือกแข็ง โดยส่วนของน้ ำจะเปลี่ยนสภำพไปเป็ นผลึกน้ ำแข็ง กำรตรึ งน้ ำ กับน้ ำแข็ง และผลจำกควำมเข้มข้นของตัวทำละลำยในน้ ำที่ยงไม่แข็งตัวจะทำให้ค่ำ water ั activity ของอำหำรลดลง จุลินทรี ยจึงไม่สำมำรถนำน้ ำมำใช้ในกำรเจริ ญได้ สำหรับอำหำรที่นิยมแช่ ์ เยือกแข็ง ได้แก่ อำหำรทะเล เช่น กุง เนื้อปู้
  • 3. 3. ตกแต่งห้ องเรียนให้ สวยงาม วิธีที่ 1 บริเวณหน้ าห้องเรียน เกณฑ์ที่เลือกใช้สะอำด และน่ำสนใจ วิธีที่ 2 บริเวณในห้ องเรียน เกณฑ์ที่เลือกใช้ ปลอดโปล่ง ไม่แออัดจนเกินไป วิธีที่ 3 บริเวณหลังห้ องเรียน เกณฑ์ที่เลือกใช้ จัดที่วำงของให้นกเรี ยน เพื่อที่จะไม่ได้ไปแกะกะภำยในโต๊ะของ ั นักเรี ยน วิธีที่ 4 บริเวณข้ างห้ องเรียน เกณฑ์ที่เลือกใช้ ควรมีตนไม้ เพื่อที่จำทำให้หองเรี ยนร่ มรื่ น และมีชีวิตชีวำ ้ ้ 4.อ่ำนหนังสือให้แม่นมำกยิงขึ้น ่ วิธีที่ 1 ตัดทัศนคติที่แย่ๆเกี่ยวกับหนังสือออกให้หมด วิธีที่ 2 เมื่อมีทศนคติที่ดีต่อกำรอ่ำนหนังสือแล้ว ก็ตองมำสร้ำงแรงจูงใจในกำรอ่ำนหนังสือ ั ้ ด้วย แรงจูงใจจะเป็ นตัวผลักดัน และกระตุนให้เพื่อนๆ มีควำมอยำกในกำรอ่ำนหนังสือ วิธีกำร ้ สร้ำงแรงจูงใจก็คือพยำยำมคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้ำเรำอ่ำนหนังสือสำเร็ จ เช่น ถ้ำเรำตั้งใจอ่ำน หนังสือและเตรี ยมควำมฟิ ตให้ตวเองจนพร้อมแล้ว เรำก็สำมำรถตะลุยข้อสอบได้ ั วิธีที่ 3 พยำยำมสรุ ปเรื่ องที่เรำอ่ำนแล้วจำเป็ นรู ปภำพ ปกติแล้วมนุษย์จะจำเรื่ องรำวทั้งหมด เป็ นรู ปภำพ หลำยๆ วิชำที่ไม่มีรูปภำพประกอบทำให้เรำอ่ำนแล้วไม่สำมำรถจินตำกำร หรื อจดจำ ได้ ให้เพื่อนๆ สรุ ปเรื่ องที่เรำอ่ำนแล้ว นำมำทำเป็ น My map เพื่อเชื่อมโยงในส่วนที่สมพันธ์กน ั ั และวำดให้เป็ นควำมเข้ำใจของตัวเอง วิธีที่ 4 หำเวลำติวให้เพื่อน เป็ นวิธีกำรทบทวนควำมรู้ไปในตัวได้ดีที่สุด เพรำะเรำจะสอน ออกมำจำกควำมเข้ำใจของตัวเรำเอง หำกติวแล้วเพื่อนที่เรำติวให้เข้ำใจ ถือว่ำเรำแตกฉำนใน ควำมรู้น้นได้อย่ำงแท้จริ ง ั วิธีที่ 5 เน้นกำรตะลุยโจทย์ให้เยอะๆ พยำยำมหำข้อสอบย้อนหลังมำทำให้ได้มำกที่สุด เพรำะกำรตะลุยโจทย์จะทำให้เรำจำได้ง่ำยกว่ำกำรอ่ำนเนื้อหำ
  • 4. วิธีที่ 6 เตรี ยมตัว และให้ควำมสำคัญในกำรอ่ำนหนังสือในวิชำที่เรำถนัดมำกกว่ำวิชำที่ดน ั ไม่ข้ ึน เพื่อนๆ หลำยคนเข้ำใจผิด ไปทุ่มเทเวลำให้กบวิชำที่เรำไม่ถนัด วิชำไหนที่เรำไม่ถนัด ดัน ั ยังไงมันก็ไม่ข้ ึน เสียเวลำเปล่ำ เอำเวลำไปทุ่มให้กบวิชำที่เรำทำได้ให้ชวร์ดีกว่ำ จะได้เอำคะแนนไป ั ั ถัวเฉลี่ยกับวิชำอื่นๆ วิธีที่ 7 สมำธิเป็ นสิ่งสำคัญมำกในกำรอ่ำนหนังสือ กำรอ่ำนหนังสือให้มีประสิทธิภำพ ต้อง มีสมำธิดี ใครที่สมำธิส้ น จะจำยำก ลืมง่ำย ใครสมำธิดี จะจำง่ำย ลืมยำก กำรอ่ำนหนังสือ ต้องอ่ำน ั ต่อเนื่องอย่ำงน้อย ชัวโมงครึ่ ง 30 นำทีแรกจิตใจของเรำกำลังฟุ้ ง ให้พยำยำมปรับให้นิ่ง 60 นำทีหลัง ่ ใจนิ่งมีสมำธิแล้ว ก็พร้อมรับสิ่งใหม่ เข้ำสู่สมอง ที่สำคัญอย่ำเอำขยะมำใส่หว ห้ำมคิดเรื่ องพวกนี้ซก ั ั พัก เช่น เรื่ องหนัง , เกม , แฟน พยำยำมออกกำลังกำย ดูแลสุขภำพ สิ่งเหล่ำนี้จะช่วยให้จิตใจเรำนิ่ง ขึ้น