More Related Content
Similar to 3.1 โครงสร้างของภาษาซี
Similar to 3.1 โครงสร้างของภาษาซี (20)
More from รัสนา สิงหปรีชา
More from รัสนา สิงหปรีชา (20)
3.1 โครงสร้างของภาษาซี
- 2. โครงสร้างของภาษา C
ในโปรแกรมที่พัฒนาด้วยภาษา C ทุกโปรแกรมจะมีโครงสร้างการ พัฒนาไม่แตกต่างกัน ซึ่งประกอบด้วย 5 ส่วนหลัก ๆ โดยที่แต่ละส่วนมี หน้าที่แตกต่างกัน ดังนี้ 1
พรีโปรเซสเซอร์ไดเรกทีฟ (Preprocessor directive)
2
ส่วนประกาศ (Global declarations)
3
ส่วนฟังก์ชันหลัก (main () function)
4
ส่วนกาหนดฟังก์ชันขึ้นใช้เอง (Uses –define functions)
5
ส่วนอธิบายโปรแกรม (Program comment)
- 3. 1. พรีโปรเซสเซอร์ไดเรกทีฟ (Preprocessor directive) อาจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าส่วนหัวโปรแกรม (Header Part) ส่วนนี้ทุกโปรแกรมจะต้องมี จะขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย # เสมอ การ ทางานของคอมไพเลอร์จะทางานในส่วนนี้เป็นส่วนแรก จะเป็นส่วนที่ เก็บไลบราลีมาตรฐานของภาษา C ซึ่งจะถูกดึงเข้ามารวมกับ โปรแกรมในขณะแปลภาษาโปรแกรม (Compile) โดยใช้คาสั่ง #Include ซึ่งสามารถเขียนได้ 2 รูปแบบ คือ
•รูปแบบที่ 1 #include<HeaderName>
•รูปแบบที่ 2 #include“HeaderName”
โครงสร้างของภาษา C
- 4. แบบที่ใช้เครื่องหมาย <…> คอมไพเลอร์จะค้นหาเฮดเดอร์ จากไลบราลีของภาษา C เพียงที่เดียวเท่านั้น ส่วนที่ใช้ เครื่องหมาย “…” คอมไพเลอร์จะค้นหาเฮดเดอร์จากไลบราลีที่ เก็บ Source Code ของเราก่อน ถ้าหากไม่เจอก็จะไปค้นหาที่ไล บราลีของภาษา C และเฮดเดอร์ไฟล์นี้จะมีนามสกุลเป็น .h เท่านั้น
ในการเขียนโปรแกรมภาษา C เฮดเดอร์ไฟล์ที่เก็บไลบราลี มาตรฐานในการจัดการเกี่ยวกับอินพุต และเอาต์พุตของ โปรแกรมก็คือ stdio.h ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสาคัญที่ขาดไม่ได้
โครงสร้างของภาษา C
- 5. 2. ส่วนประกาศ (Global declarations) ส่วนนี้จะใช้ในการ ประกาศตัวแปรหรือฟังก์ชันที่ต้องใช้ในโปรแกรม โดยทุก ๆ ส่วนของโปรแกรมสามารถจะเรียกใช้ข้อมูลที่ประกาศไว้ในส่วน นี้ได้ ซึ่งส่วนนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้
- 6. 3. ส่วนของฟังก์ชันหลัก (main() function) ส่วนนี้ทุกโปรแกรม จะต้องมี ซึ่งจะประกอบไปด้วยประโยคคาสั่งต่าง ๆ ที่จะให้ โปรแกรมทางาน โดยนาคาสั่งต่าง ๆ มาเรียงต่อกัน และแต่ละ ประโยคคาสั่งจะจบด้วยเครื่องหมายเซมิโคลอน (;) โดยใน ขอบเขตของฟังก์ชันจะเริ่มต้นด้วยเครื่องหมาย { และสิ้นสุดด้วย เครื่องหมาย }
- 7. 4. ส่วนกาหนดฟังก์ชันขึ้นใช้เอง (Uses –define functions) เป็นการเขียนคาสั่งและฟังก์ชันต่าง ๆ ขึ้นใช้ในโปรแกรม โดย ต้องอยู่ในเครื่องหมาย { } และต้องสร้างฟังก์ชันหรือคาใหม่ที่ให้ ทางานตามที่เราต้องการให้กับโปรแกรมและสามารถเรียกใช้ได้ ภายในโปรแกรม
- 9. 5. ส่วนอธิบายโปรแกรม (Program comment) ส่วนนี้ใช้เขียน คอมเมนต์ในโปรแกรม เพื่ออธิบายการทางานต่าง ๆ ทาให้ผู้ ศึกษาโปรแกรมในภายหลังทาความเข้าใจโปรแกรมได้ง่ายขึ้น เมื่อคอมไพล์โปรแกรมส่วนนี้จะถูกข้ามไป
คอมเมนต์ในภาษาซีมี 2 แบบ คือ
1. คอมเมนต์แบบบรรทัดเดียวใช้เครื่องหมาย //
2. คอมเมนต์แบบหลายบรรทัด ใช้เครื่องหมาย /* และ */
- 12. จากตัวอย่างโปรแกรมอย่างง่ายจะประกอบด้วยสองส่วนคือ
1. ส่วนที่หนึ่งเป็นส่วนหัวหรือส่วนเรียกโมดูลอื่น ๆ เข้ามาแปลความหมาย โดยเป็นส่วนของพรีโปรเซสเซอร์ไดเร็กทีฟ (Preprocessor Directive) ซึ่งอาจ เป็นโมดูลมาตรฐานที่มีอยู่แล้วในโปรแกรมหรือโมดูลใหม่ที่สร้างขึ้นมาเองก็ได้ โดยโมดูลเหล่านี้จะบรรจุคาสั่งหรือข้อกาหนดต่าง ๆ ที่จะใช้ในโปรแกรมที่เขียน ขึ้น
2. ส่วนที่สอง เรียกว่าส่วนฟังก์ชันหลัก ซึ่งเป็นส่วนคาสั่งหรือสเตตเมนต์ (Statement) จะเป็นส่วนที่เก็บคาสั่งต่าง ๆ ที่จะให้โปรแกรมทางาน โดยจะ เริ่มต้นด้วยเครื่องหมายปีกกาเปิด { และจบด้วยเครื่องหมายปีกกาปิด } ส่วนนี้ จะมีมากกว่าหนึ่งฟังก์ชันก็ได้ แต่ทุกโปรแกรมจะต้องมีฟังก์ชัน main ซึ่งถือว่า เป็นฟังก์ชันหลักที่โปรแกรมจะทางานได้
- 14. ที่มา : คู่มืออบรมครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม การเขียนโปรแกรมเบื้องต้นด้วยภาษา C บริษทซัคเซสมีเดีย คู่มือเรียนเขียนโปรแกรมภาษา สานักพิมพ์ IDC PREMIER