More Related Content
Similar to การประกันภัยตาม พ
Similar to การประกันภัยตาม พ (12)
More from มัทนา อานามนารถ
More from มัทนา อานามนารถ (16)
การประกันภัยตาม พ
- 4. 1.ประเภทสามัญ เป็นการประกันชีวิตที่มีจานวนเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 50,000
บาทขึ้นไป เหมาะสาหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ในการพิจารณารับประกันชีวิตอาจจะมีการ
ตรวจสุขภาพหรือไม่ตรวจสุขภาพ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท และมีการชาระเบี้ยประกันภัย
เป็นรายปี, ราย 6 เดือน, ราย 3 เดือน หรือรายเดือน
2.ประเภทอุตสาหกรรม เป็นการประกันชีวิตที่มีจานวนเงินเอาประกันภัยต่า โดยทั่วไปตั้งแต่
10,000 - 30,000 บาท เหมาะสาหรับผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่า การชาระเบี้ยประกันภัย
จะชาระเป็นรายเดือน และไม่มีการตรวจสุขภาพ ฉะนั้นจึงมีระยะเวลารอคอย คือ ถ้าผู้เอา
ประกันภัยเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บตามธรรมชาติ บริษัทจะไม่จ่ายจานวนเงินเอาประกันภัยให้
แต่จะคืนเบี้ยประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยได้ชาระมาแล้วทั้งหมด
3.ประเภทกลุ่ม เป็นการประกันชีวิตที่กรมธรรม์หนึ่งจะมีผู้เอาประกันชีวิตร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้น
ไป ส่วนมากจะเป็นกลุ่มของพนักงานบริษัท ในการพิจารณารับประกันอาจจะมีการตรวจสุขภาพ
หรือไม่ตรวจก็ได้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัท การประกันชีวิตกลุ่มนี้อัตราเบี้ยประกันชีวิตจะ
ต่ากว่าประเภทสามัญและประเภทอุตสาหกรรม
- 5. การประกันชีวิตมีมากมายหลายแบบ แต่ละแบบจะมีลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์
แตกต่างกันออกไป แบบการประกันชีวิตพื้นฐานมีอยู่ 4 แบบคือ
1.แบบตลอดชีพ เป็นการประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต
เมื่อใดในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายจานวนเงินเอาประกันภัย ให้แก่
ผู้รับประโยชน์ วัตถุประสงค์เบื้องต้นของการประกันภัยแบบนี้เพื่อจัดหาเงินทุนสาหรับจุนเจือ
บุคคลที่อยู่ในความอุปการะเมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต หรือเพื่อเป็นเงินทุนสาหรับการเจ็บป่วย
ครั้งสุดท้ายและค่าทาศพ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ตกเป็นภาระของคนอื่น
2.แบบสะสมทรัพย์เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทจะจ่ายจานวนเงินเอาประกันภัยให้แก่ผู้เอา
ประกันภัยเมื่อมีชีวิตอยู่ครบกาหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันภัย ให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้
เอาประกันภัยเสียชีวิตลงภายในระยะเวลาประกันภัย การประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เป็น
ส่วนผสมของการคุ้มครองชีวิตและการออมทรัพย์ ส่วนของการออมทรัพย์ คือส่วนที่ผู้เอา
ประกันภัยได้รับคืนเมื่อสัญญาครบกาหนด
- 6. 3.แบบชั่วระยะเวลา เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับ
ประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตในระยะเวลาประกันภัย วัตถุประสงค์เพื่อ
คุ้มครอง การเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร การประกันชีวิตแบบนี้ไม่มีส่วนของการ
ออมทรัพย์ เบี้ยประกันภัยจึงต่ากว่าแบบอื่น ๆ และไม่มีเงินเหลือคืนให้หากผู้เอา
ประกันภัยอยู่จนครบกาหนดสัญญา
4.แบบเงินได้ประจา เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินจานวนหนึ่ง
เท่ากันอย่างสม่าเสมอให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกเดือน นับแต่ผู้เอาประกันภัย
เกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขใน
กรมธรรม์ที่กาหนดไว้ สาหรับระยะเวลาการจ่ายเงินได้ประจานี้ขึ้นอยู่กับความ
ต้องการของผู้เอาประกันชีวิตที่จะเลือกซื้อ
แบบของการประกันชีวิต(ต่อ)
- 8. 3.แบบสะสมทรัพย์ บริษัทจะจ่ายเงินตามจานวนที่เอาประกันภัยไว้ ให้แก่ผู้รับ
ประโยชน์ถ้าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กาหนดไว้ หรือจ่ายเงินเอา
ประกันชีวิตให้แก่ผู้เอาประกันภัยในกรณีที่มีชีวิตอยู่รอดพ้นระยะเวลาที่กาหนดไว้
4.แบบเงินได้ประจา บริษัทจะจ่ายเงินได้ประจา หรือเงินบานาญให้แก่ผู้เอา
ประกันภัยโดยเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยไม่สามารถประกอบอาชีพได้
ตามปกติเนื่องจากความชรา ไปจนถึงวันที่กาหนดไว้ (อาจเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่ง
หรือตลอดอายุก็ได้)
** แบบ 3 ส่วนท้าย และแบบ 4 เป็นการจ่ายเงินโดยมีเงื่อนไขว่าผู้เอาประกันภัย
ต้องมีชีวิตรอดอยู่จนพ้นระยะเวลาที่กาหนดไว้
- 10. 5.ในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้กรอกแบบคาขอเอาประกันชีวิตแทนท่าน ให้ตรวจสอบความ
ถูกต้องก่อนลงชื่อในแบบคาขอเมื่อได้รับกรมธรรม์ ควรตรวจสอบความถูกต้อง หากพบ
ข้อมูลที่ผิด เช่น ชื่อผู้รับประโยชน์หรือชื่อผู้เอาประกันภัยผิดพลาด ฯลฯ ให้ทักท้วงบริษัท
เพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง
6.จ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตตามกาหนดทุกครั้ง โดยติดต่อชาระที่บริษัท สาขา หรือทาง
ไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือผ่านธนาคารในกรณีชาระผ่านตัวแทนของบริษัท ให้เรียก
ใบเสร็จรับเงินตามแบบพิมพ์ของบริษัทเก็บไว้เป็นหลักฐานทุกครั้ง
7.แจ้งให้ผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุชื่อในกรมธรรม์ หรือบุคคลในครอบครัวทราบ ถึงการ
ทาประกันชีวิต และสถานที่เก็บกรมธรรม์
8.ติดต่อสานักงานคณะกรรมการกากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)
สานักงาน คปภ.เขต สานักงาน คปภ.ภาค และสานักงาน คปภ. จังหวัด ทุกครั้งที่มี
ปัญหา
- 11. นการขอรับเงินผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ หรือที่เข้าใจกันทั่วไปว่าเป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนนั้น ให้ดาเนินการดังนี้
1.ติดต่อบริษัทประกันภัยให้เร็วที่สุด
2.กรณีผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต จะแยกเป็นกรณีตามสาเหตุของการเสียชีวิต ดังนี้
2.1 เสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
** ต้องแจ้งให้ทราบภายใน 14 วัน และเตรียมหลักฐานประกอบด้วย
(1) กรมธรรม์ประกันชีวิต (ถ้าหายให้แจ้งความแล้วนาสาเนา รายงานประจาวันรับแจ้งเอกสารหายไปแสดงแทน)
(2) ใบเสร็จรับเงินงวดสุดท้าย
(3) ใบมรณบัตรของผู้เอาประกันภัย
(4) ทะเบียนบ้านของผู้รับประโยชน์
(5) บัตรประชาชนของผู้รับประโยชน์
2.2 เสียชีวิตโดยฆ่าตัวตาย
* เตรียมหลักฐานตาม 2.1(1) - (5) โดยเพิ่ม
(6) สาเนาบันทึกประจาวันรับแจ้งเหตุของเจ้าหน้าที่ตารวจ
(7) ใบชันสูตรพลิกศพ
2.3 เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
* เตรียมหลักฐานตาม 2.1(1) - (5) โดยเพิ่ม
(6) สาเนาบันทึกประจาวันรับแจ้งเหตุของเจ้าหน้าที่ตารวจ
(7) สาเนาบันทึกประจาวันหลังกลับจากสถานที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ตารวจ
(8) ใบชันสูตรพลิกศพ
- 12. 3.กรณีเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล ทุพพลภาพ และสูญเสียอวัยวะ
* แจ้งบริษัททราบภายใน 10 วัน และเตรียมหลักฐานดังนี้
(1) กรอกแบบฟอร์มใบเรียกร้องค่าทดแทนของบริษัท
(2) ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลที่ระบุวันเริ่มต้น และวันสุดท้ายในการรักษาตัวใน
โรงพยาบาล
(3) อื่น ๆ เช่น ฟิล์มเอ็กซซเรย์
4.กรณีกรมธรรม์ครบกาหนด
ในกรณีเป็นการประกันชีวิต ประเภทสะสมทรัพย์ที่มีเงินคืนเมื่อกรมธรรม์ครบกาหนด ให้
ดาเนินการและเตรียมหลักฐาน
(1) ติดต่อบริษัทประกันภัย
(2) กรมธรรม์ประกันชีวิต
(3) บัตรประชาชนของผู้เอาประกันภัย
- 18. ก. 2
ข.3
ค.4
ง.5
เฉลย ข.3ประเภท