More Related Content More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand More from Princess Chulabhorn's College, Chiang Rai Thailand (20) การปฏิวัติทางภูมิปัญญา1. ผู้จัดทำ
นำยภูฟ้ำ ยะมงคล เลขที่ 4
นำยธนดล ไชยเสน เลขที่ 9
นำงสำวรอยพิมพ์ ธนำนุศักดิ์ เลขที่ 16
นำงสำวสุนันทำ หอมนำน เลขที่ 21
2. การปฏิวัติทางภูมิปัญญา
การปฏิวัติทางภูมิปัญญาเป็นผลสืบเนื่องจากการฟื้นฟูศิลปวิทยาการซึ่ง
กระตุ้นให้ชาวยุโรปสนใจศึกษาหาความรู้และค้นหาความจริงทาให้ยุโรปพ้นจาก
ยุคมืดมีโอกาสแสวงหาความรู้วิทยาการแขนงใหม่ที่มีอิสรภาพ และเสรีภาพมาก
ขึ้นส่งผลให้ชาวยุโรปมีความคิดก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองเกิดนัก
คิดนักปรัชญาขึ้นมากมายซึ่งอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 17-18
3. สมัยปฏิวัติทางปัญญา
ยุคภูมิธรรม (ยุครูแจ้ง)
้
The Enlightenment
- ควำมแน่นอน โลกแท้จริง คือโลกที่มนุษย์สัมผัสและเข้ำใจได้
- กำรมองโลกในแง่ดี ควำมเข้ำใจกลไกของโลก
- เชื่อในเหตุผล และควำมก้ำวหน้ำ หลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่หยุดยั้ง
* นักคิดที่สำคัญ เช่น ชำลส์ ดำร์วิน (1809 – 1882)
- Law of Natural selection กำรเลือกสรรโดยธรรมชำติ
- Survival of the fittest กำรดำรงอยู่ของผู้เหมำะสมที่สุด
- ผลกระทบต่อปรัชญำ ควำมเชื่อ Creation ของศำสนำคริสต์
4. ยุคภูมิธรรมและแนวคิดประชาธิปไตย
นตกในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ไม่เพียงก่อให้เกิด
กำรปฏิวัติทำงวิทยำศำสตร์ที่เริ่มขึ้นในสังคมตะวั
ควำมเจริญก้ำวหน้ำทำงวิทยำกำรและเทคนิค ตลอดจนสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์ต่อกำรพัฒนำ
คุณภำพชีวิตให้ดีขึ้นเท่ำนั้น แต่ยังนำไปสู่กำรปฏิวัติทำงภูมิปัญญำ (Intellectual
Revolution) ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 อีกด้วย วิธีกำรทำงวิทยำศำสตร์และกำรหลุดพ้นจำก
อำนำจของคริสต์ศำสนจักร ทำให้ชำวตะวันตกกล้ำใช้เหตุผลเพื่อแสดงควำมคิดเห็นทำงสังคมและ
กำรเมืองมำกขึ้น และเชื่อมั่นว่ำควำมมีเหตุผลสำมำรถเปลี่ยนแปลงชีวิตและสังคมให้ดีขึ้นได้ กำรแสดง
ควำมคิดเห็นทำงสังคมและกำรเมือง ตลอดจนกำรเรียกร้องสิทธิเสรีภำพในกำรมีส่วนร่วมในกำร
ปกครองจึงเป็นลักษณะเด่นประกำรหนึ่งของคริสต์ศตวรรษที่ 18 กำรพัฒนำกำรด้ำนต่ำงๆ ที่เกิดขึ้นใน
คริสต์ศตวรรษนี้จึงเปรียบเสมือนแสงสว่ำงที่ส่องนำทำงให้โลกตะวันตกเป็นสังคมที่รุ่งโรจน์ในวิชำกำร
ต่ำงๆ ทำให้ผู้มีควำมรู้ต่ำงๆ ทำให้ผู้มีควำมรู้ มีสติปัญญำและควำมคิด ตลอดจนควำมสำมำรถได้รับ
กำรยกย่องจำกสังคมมำกขึ้น และเป็นพื้นฐำนสำคัญที่ทำให้ชำติตะวันตกเข้ำสู่ควำมเจริญในยุคใหม่
ดังนั้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 จึงได้รับสมญำว่ำเป็น ยุคภูมิธรรม (The Age of
Enlightenment)
6. 1.พระเจ้าเฟรเดอริกมหาราชแห่งปรัสเซีย
(Frederick the Great : ค.ศ.1740-1786)
ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของ
กษัตริย์ทรงภูมิธรรม (Enlightened Despotism)
ด้วยทรงใช้สติปัญญาและเหตุผลในการปกครอง
ส่งเสริมการอุตสาหกรรมและการค้าเพื่อให้
ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นทรงใช้หลักขันติ
ธรรมทางศาสนา (religious toleration) ให้
เสรีภาพแก่ประชาชนในการนับถือศาสนา และ
เปิดโอกาสให้ปัญญาชนสามารถแสดงความ
คิดเห็นได้อย่างกว้างขวาง
7. 2.ธอมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes :
ค.ศ.1586-1679)
เป็นนักปรัชญาชาวอังกฤษ เขาได้เขียน
หนังสือเรื่อง Leviathan ซึ่งแสดงแนวคิด
ทางการเมืองว่าสังคมการเมืองที่อยู่อย่าง
สันติสุขต้องมอบอานาจให้ผู้ปกครองทา
หน้าที่ปกครองประชาชน ทั้งนี้ประชาชน
มีสิทธิเลือกการปกครองที่สอดคล้องกับ
ความต้องการของคนส่วนใหญ่
8. 3. จอห์น ล็อค (John Locke
: ค.ศ. 1632-1704)
เป็นนักปรัชญาชาวอังกฤษ
เขาได้เขียนหนังสือเรื่อง Two
Treatises of Government
ซึ่งเสนอแนวคิดว่ารัฐบาลต้อง
จัดตั้งโดยความยินยอมของ
ประชาชนและต้องรับผิดชอบ
ความเป็นอยู่ของประชาชน
9. 4. บารอน เดอ มองเตสกิเออ (Baron de
Montesquieu : ค.ศ. 1689-1755)
เป็นขุนนางชาวฝรั่งเศสซึ่งต่อมาเป็นราช
บัณฑิตของราชบัณฑิตยสถานของฝรั่งเศส
เขาได้เขียนหนังสือเรื่อง The Spirit of Laws
ซึ่งเสนอว่ากฎหมายที่รัฐบาลบัญญัติขึ้นต้อง
สอดคล้องกับสังคมนั้น (วัฒนธรรม ประเพณี
และประวัติศาสตร์ของแต่ละสังคม) เขาชื่นชม
ระบอบการปกครองของอังกฤษที่กษัตริย์อยู่ใต้
รัฐธรรมนูญ และแบ่งอานาจนิติบัญญัติ
บริหาร และตุลาการ ออกจากกัน
10. 5. วอลแตร์ (Voltaire : ค.ศ.1694-1778)
นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ได้เขียนหนังสือเรื่อง
The Philosophical Letters หรือ Letters on
the English ซึ่งได้โจมตีสถาบันและ
กฎระเบียบต่างๆของฝรั่งเศส และเรียกร้อง
ให้มีการปฏิรูปในหนังสือเรื่อง Elements of
the Philosophy of Nation, Essay on
Universal History และ เรื่อง The Age of
Louis XIV เขาเสนอให้ใช้เหตุผลและ
สติปัญญาแก้ไขปัญหาสังคมและการเมือง
11. 6. ชอง-ชาคส์ รุสโซ (Jean-Jacques
Rousseau : ค.ศ. 1712-1778)
นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส หนังสือที่สาคัญคือ
เรื่อง สัญญาประชาคม (The Social Contract)
ซึ่งถือว่าเป็นการวางรากฐานแนวคิดเกี่ยวกับ
อานาจอธิปไตยของประชาชน เพราะมนุษย์
เป็นอิสระควรจัดตั้งรูปแบบการปกครองที่ให้
ประชาชนร่วมทา “เจตจานงร่วม”
(General Will) หรือสัญญาประชาคมขึ้นเป็น
อานาจสูงสุด รัฐบาลจึงควรเกิดจากความเห็น
ร่วมกันของประชาชน
12. 7. อดัม สมิธ (Adam Smith : ค.ศ. 1723-1790)
เป็นนักปรัชญาชาวสก๊อต มีผลงานเขียนที่มีชื่อเสียง
คือหนังสือเรื่อง ความมั่งคั่งของชาติ (The Wealth of
the Nations) ใน ค.ศ.1776 ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อ
แนว ความคิดทางการเมืองและเศรษฐกิจของยุโรปใน
คริสต์ศตวรรษ ที่ 18 และ 19 หนังสือเล่มนี้กล่าวถึง
ทฤษฎีการค้าเสรี โดยปล่อยให้การค้าเป็นไปตาม
กฎธรรมชาติที่จะสนองความต้องการในเรื่องของอุป
สงค์และอุปทาน (Demand and Supply) ซึ่งรัฐไม่ควร
เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้าของเอกชนแต่รัฐมีหน้าที่ช่วย
ป้องกันไม่ให้เกิดการเอาเปรียบ จัดการศึกษาและบริการ
สาธารณสุข
แนวคิดของนักปรัชญาเหล่านี้มุ่งที่จะปฏิรูปสังคม
และการเมือง ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิวัติทาง
วิทยาศาสตร์นั่นเอง