More Related Content Similar to มลพิษทางอากาศ (10) มลพิษทางอากาศ5. 2. ของเหลว: ได้แก่ ไอนำ้า
ส่วนประกอบของ
อากาศ
เมื่อไอนำ้าที่ถูกปล่อยออกมาลอยขึ้นสู่อากาศจะทำาให้เกิด
เป็นปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น ฝน เมฆ หมอกและ
17. 1. อนุภำคต่ำง ๆ
1.1) ฝุน
- เปนอนุภำคที่เปนของแข็งเกิดจำกกำร
บด ขัดสี ทุบ ปน ระเบิด ฯลฯ ของสำรทั้ง
ที่เปนอินทรียวัตถุและอนินทรียวัตถุ
- เมื่อถูกปล่อยเข้ำสู่บรรยำกำศจะสำมำรถ
ล่องลอยอยู่ในอำกำศได้ชั่วระยะเวลำหนึ่ง
จำกนั้นส่วนใหญ่จะตกกลับสู่พื้นดิน
ชนิดของสำรมลพิษทำง
อำกำศ
18. 1. อนุภำคต่ำง ๆ
1.2) ขี้เถ้ำ
ได้แก่ อนุภำคขนำดเล็กมำกของสิ่งที่
เหลือจำกกำรเผำไหม้
1.3) เขม่ำ
เปนอนุภำคที่เกิดจำกกำรรวมตัวของ
อนุภำคขนำดเล็ก ๆ ของคำรบอน ที่เกิดจำก
ชนิดของสำรมลพิษทำง
อำกำศ
19. ฝุ่น
ฝุ่นละอองจากสารอินทรีย์ : เกสรของพืชหรือหญ้า
แบคทีเรีย เศษเน่าเปื่อยของสิ่งมีชีวิตอองจากสารอนินทรีย์ : ฝุ่นหิน ฝุ่นเหล็ก ฝุ่นทราย
พื้นดิน
แหล่งนำ้า
ต้นไม้
ฝุ่นขนาดใหญ่
ตามองเห็น 100 ไมครอน
ฝุ่นขนาดเล็ก ขนาด 10 ไมครอน
ไมโครเมตร (1/1,000,000 เมตร)
Particulate Matter (PM10)
มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็ก
PM10
~ 120 ไมโครกรัม ต่อ
20. ฝุ่น
ฝุ่นละอองจากสารอินทรีย์ : เกสรของพืชหรือหญ้า
แบคทีเรีย เศษเน่าเปื่อยของสิ่งมีชีวิตอองจากสารอนินทรีย์ : ฝุ่นหิน ฝุ่นเหล็ก ฝุ่นทราย
พื้นดิน
แหล่งนำ้า
ต้นไม้
+ PAHs, Dioxins
+ Pb, Cd, Cr, Hg, As
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบต่อ
สุขภาพสิ่งมีชีวิต
1. ตัวฝุ่น : สะสมในปอดและทางเดินหายใจ ทำาลายระบบ
หายใจ
22. 2. ก๊าซและไอต่าง ๆ
2.2) ออกไซด์ของซัลเฟอร์ (SOx)
ถ่านหิน
แร่ธาตุยิปซั่ม
S
นำ้า
มัน
S
+O2
SO3
+O2 +H2O
ต้นไม้ ดิน แหล่งนำ้าผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
1. H2SO4 กัดกร่อน ทำาลายสิ่งก่อสร้าง
2. H2SO4 ทำาให้pH ตำ่ากว่าปกติ ยับยั้งการ
แพร่พันธุ์สัตว์นำ้า
3. H2SO4 ผลผลิตพืชบางประเภทลดลง บาง
H2SO4
กรดซัลฟูริก
ผาไหม้ในโรงงานไฟฟ้า
ผาขยะ การเผาไหม้ของเครื่องยนต์
SO2
23. 2. ก๊าซและไอต่าง ๆ
2.3) ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx)
ถ่านหิน
N นำ้า
มัน
N
+O2
N
พื
ช
N2O, NO3,
N2O3, N2O4,
N2O5,
NO, NO2
+O2
ในไอเสียอุณหภูมิสูง
ส่วนใหญ่
+H2O
HNO3
กรดไนตริก
NO NO2
Nอยู่ในคลอโรฟิล โปรตีน
ฮีโมโกบิน
ของสิ่งมีชีวิต
ต้นไม้ ดิน แหล่งนำ้า
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
1. HNO3กัดกร่อน ทำาลายสิ่งก่อสร้าง
2. HNO3 ทำาให้pH ตำ่ากว่าปกติ ระบบนิเวศ
ในแหล่งนำ้าเปลี่ยน
3. ผลผลิตพืชบางประเภทลดลง บางประเภท
24. 2. ก๊าซและไอต่าง ๆ
2.4) ไฮโดรคาร์บอน (HC)
ความเข้มข้นตำ่า ไม่เป็น
พิษ
สารตั้งต้นการเกิด photochemical
oxidation
เป็นสารก่อมะเร็ง
รประกอบระหว่างคาร์บอนและไฮโดรเจน
จากการสันดาปของเชื้อเพลิง การพ่น ทาสี โรงงานที่ใช้ตัว
นส่งนำ้ามัน
หญ่หลงเหลือจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
ล่านี้ได้แก่ มีเทน (CH4), อีเทน (C2H6),ออกเทน (C8H18)
น (C6H6) เป็นต้น
25. โลหะหนัก Pb, Cd, Cr, Hg, As
นำ้ามัน
เครื่อง
ผสมโลหะ
หนัก
แบตเต
อรี่
เข้าสู่ระบบหายใจ
พื้นดิน
แหล่งนำ้า
ต้นไม้
เกาะกับเม็ดฝุ่น
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบต่อ
สุขภาพสิ่งมีชีวิต
Pb : ขัดขวางการสร้างและเจริญเติบโตของเม็ดเลือดแดง,
Cd : ทำาลายไตและกระดูก(โรคItaiitai), Cr : ปอด
อักเสบ, Hg :ทำาลายระบบประสาทและสมองส่วนที่
การเผาไหม้ในโรงงาน
แบตเตอรี่ โรงงานถลุง
เหล็ก โรงงานย้อมสี ยา
ฆ่าแมลงและปราบศัตรู
พืช เครื่องยนต์ที่ใช้
นำ้ามันผสมโลหะหนัก
26. รายต่างๆ โพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน(
นำ้ามัน
เครื่องผลิตภัณฑ์
ปิโตรเลียมอื่นๆ
เช่น ยาง
พลาสติก
เข้าสู่ระบบหายใจ
พื้นดิน
แหล่งนำ้า
ต้นไม้
เกาะกับเม็ดฝุ่น
การเผาไหม้ต่างๆ
PAHs:ในเครื่องยนต์ เตา
ความร้อนDioxins: เตา
เผาขยะ,กระบวนการเผา
ไหม้ของเสีย สารเคมี
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบต่อ
สุขภาพสิ่งมีชีวิต
บางชนิดก่อให้เกิดมะเร็ง บางชนิดมีผลทำาลายเซลสิ่งมีชีวิต
27. คมิคัลออกซิแดนท์ NO2, PAN, (O3)
แหล่งกำาเนิด
สารประกอบHC
สารประกอบNOx
พื้นดิน
ต้นไม้
แหล่งนำ้า
คือสารมลพิษที่มีคุณสมบัติออกซิไดซ์ มักเกิดขึ้นจากปฏิกิริยา
ของสารประกอบHCและสารประกอบNOxเมื่อโดนรังสีอุลตรา
Photochemical smog
Photochemical
oxidants
เช่น NO NO2 PAN
(Peroxy acyl
nitrates) O3 ฯลฯ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : ส่วนใหญ่เป็นผลจากความ
สามารถในการออกซิไดซ์สูง
1. ทำาให้แสบตา ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ เป็น
เกิดการออกซิไดซ์สารต่างๆ ทำาให้เกิดสารพิษใหม่ๆมา
รังสีอุลตราไวโอเล็ต
+ O2
28. ปรากฏการณ์เรือนกระจก Greenhouse gas
บรรยากาศชั้น Troposhere
ถูกดูดซับ
พลังงาน
ความร้อน
ก๊าซเรือนกระจก CO2, CFC, CH4, NO2 ไอนำ้า
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม : เป็นผลจากปริมาณ
พลังงานความร้อน
อุณหภูมิพื้นผิวโลกเพิ่มขึ้น ภูมิอากาศแปรปรวน
ทำาลายผลิตผลการเกษตร ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
จะรุนแรง
29. ดและตัวอย่างปัญหามลพิษในอากาศที่เกิด
ฝน
กรด
ควัน
พิษหมอกโฟโตเคมิคัล
รถูกทำาลายของชั้นโอโซน
ากฏการณ์เรือนกระจก
(SOX , NOX , COX)
(SOX , NOX , COX , Heavy metal, PAHs , Dioxines )
(NO2, PAN, O3)
(CFC, HCFC)
(CO2, NO2 CFC, CH4)
30. ฝนกรด (Acid rain)
• นำ้าฝนที่รวมตัวกัน
กับก๊าซออกไซด์ของ
โลหะบางชนิดใน
อากาศ (SO2 NOx)
เกิดเป็นสารละลายที่มี
สมบัติเป็นกรด และมี
pH = 3-5 ซึ่งเกิดขึ้น
เองตามธรรมชาติ และ
จากการกระทำาของ
31. ฝนกรดในประเทศไทย
:
• ปี 2535 ที่โรง
ไฟฟ้าแม่เมาะ
จ.ลำาปาง มีการตรวจ
พบว่านำ้าฝนที่ตกลงมา
มีค่า pH ตำ่ากว่า 5.6
•โรงไฟฟ้าแม่เมาะถือ
เป็นแหล่งกำาเนิดก๊าซ
ซัลเฟอร์ไดออกไซด์
ฝนกรด (Acid rain)
34. 2. การกำาหนดมาตรฐาน (Air Quality
Standard Control)เพื่อประโยชน์ต่อการใช้กฎหมาย
ควบคุมคุณภาพอากาศ2.1 มาตรฐานคุณภาพอากาศ
ในบรรยากาศหน่วยงานรัฐควบคุมให้อยู่ใน
เกณฑ์ที่กำาหนด
2.2 มาตรฐานคุณภาพอากาศ
จากแหล่งกำาเนิด
Editor's Notes มีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่งรอบๆ ตัวเราตลอดจนตามที่ว่างต่างๆ อากาศเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น มีมวล น้ำหนัก ต้องการที่อยู่ มีแรงกระทำต่อวัตถุได้ทุกทิศทุกทาง อากาศที่ห่อหุ้มโลกไว้เป็นชั้นๆ มีความสูงจากพื้นผิวโลกขึ้นไปประมาณ 500 กิโลเมตร เราเรียกชั้นของอากาศที่ห่อหุ้มโลกว่า บรรยากาศอากาศเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคน สัตว์ และ พืช ถ้าไม่มีอากาศสิ่งมีชีวิตต่างๆ ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ คนเราสามารถอดอาหารได้หลายวัน แต่ถ้าขาดอากาศหายใจเพียง 5-6 นาที เราสามารถตายได้ อากาศที่อยู่รอบตัวเรานี้ ประกอบด้วยแก๊สหลายชนิด เช่น แก๊สออกซิเจน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ และแก๊สอื่นๆ นอกจากนี้อากาศยังมีส่วนผสมของไอน้ำฝุ่นละออง เขม่าควัน และเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆเจือปนอยู่ด้วย
เกิดจากการระเหยของน้ำจากแหล่งน้ำบนพื้นผิวโลก รวมทั้งการคายน้ำของพืชและการหายใจของสิ่งมีชีวิตต่างๆ
เมื่อไอน้ำที่ถูกปล่อยออกมาลอยขึ้นสู่อากาศ จะทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น ฝน เมฆ หมอกและน้ำค้าง ทำให้อากาศมีความชื้น
นอก จากอากาศประกอบด้วยแก๊ส และของเหลว เช่น ไอน้ำ อากาศยังประกอบด้วยอนุภาคของฝุ่นละอองต่างๆ ซึ่งอาจเป็นอนุภาคที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ฝุ่นละอองดิน ละอองหิน ละอองเกสรดอกไม้ หรืออนุภาคที่เกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ เช่น อนุภาคของฝุ่นละอองจากกระบวนการอุตสาหกรรม การคมนาคม การเผาไหม้ รวมทั้งจุลินทรีย์ต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในอากาศ อนุภาคของฝุ่นละอองที่มีอยู่ในอากาศเป็นที่ยึดเกาะของหยดน้ำที่เกิดจากการ กลั่นตัวของไอน้ำในบรรยากาศ ถ้าไม่มีฝุ่นละอองก็จะไม่มีหยดน้ำในอากาศ ดังนั้น สภาพอากาศในที่ต่างๆ จึงมีความแตกต่างกันไป
ฝนกรด
ฝนกรดเกิดจากชั้นบรรยากาศที่ถูกมนุษย์ปล่อยสิ่งสกปรกไปแล้วเกิดการสะสมไว้ที่ชั้น บรรยากาศ อาทิเช่น ควัน เขม่า ละอองไอเสีย ก๊าซจากโรงงานอุตสาหกรรม จากเครื่องยนต์ เป็นต้น ซึ่งก๊าซบางอย่างจะไปรวมตัวกับน้ำในบรรยากาศ ทำให้น้ำฝนเป็นกรด
ผลกระทบจากฝนกรด
•ผู้ที่ใช้น้ำฝนเป็นน้ำดื่ม น้ำใช้ จะมีผลต่อสุขภาพเพราะฝนกรดเหล่านี้อาจทำให้เกิดพิษภัยต่อผู้บริโภค เช่น ทำให้เป็นโรคกระเพาะ โรคมะเร็ง อันเนื่องมาจากกรดซัลฟูริค เป็นต้น
•ฝนกรดจะทำลายธาตุอาหารบางชนิดในดิน เช่น ไนเตรต ฟอสเฟต ทำให้ดินเป็นกรดเพิ่มขึ้นมีผลต่อการเพาะปลูก เช่นปลูกพืชผักไม่เจริญเติบโตได้ผลผลิตน้อยกว่าปกติ เพราะฝนกรดทำให้ดินเปรี้ยวจุลินทรีย์หลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืชถูกทำอันตรายต่อความเป็นกรดทั้งสิ้นพืชต้องอาศัย จุลินทรีย์จากดิน เช่น สารอินทรีย์โมเลกุลใหญ่จะต้องถูกสลายให้เป็นโมเลกุลเล็กพืชถึงจะดูดเข้าไปใช้ได้ หรือพืชจะต้องอาศัยอนุมูลแอมโมเนียที่จุลินทรีย์ดึงมาจากอากาศ ดังนั้น การที่มีกรดในน้ำฝนจึงลดความเจริญของจุลินทรีย์ในดินยังผลกระทบกระเทือนไปถึงพืชอีกด้วย
•ฝนกรดทำลายวัสดุสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์บางชนิด คือ จะกัดกร่อนทำลายพวกโลหะ เช่น เหล็กเป็นสนิมเร็วขึ้น สังกะสีมุงหลังคาที่ใกล้ ๆ โรงงานจะผุกร่อนเร็ว สังเกตได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้แอร์ ตู้เย็น หรือวัสดุอื่น ๆ เช่น ปูนซีเมนต์หมดอายุเร็วขึ้น ผุกร่อนเร็วขึ้น เป็นต้น
•ฝนกรดจะทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ปู หอย กุ้งสูญพันธุ์ไปได้ เพราะ ฝนกรดที่เกิดจากก๊าซซัลเฟอร์ไดอ๊ออกไซด์และเกิดจากก๊าซไนโตรเจนอ๊อกไซด์ พวกนี้จะทำให้น้ำในแม่น้ำ ทะเลสาบกลายเป็นกรด ทำให้สัตว์น้ำดังกล่าวตาย เช่น อเมริกาตอนกลาง ความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำลดลง ทำให้ทะเลสาบ 85 แห่งไม่มีปลา และทะเลสาบในประเทศวีเดน 15,000 แห่ง ไม่มีปลา และนับวันจะปราศจากปลามากขึ้น ทะเลสาบางแห่งป้องกันฝนกรดได้ เพราะในทะเลสาบนั้นมีสารพวกไบคาร์บอเนตละลายอยู่ หรือบางแห่งมีธาตุทางธรณีวิทยา
ฝนกรด
ฝนกรดเกิดจากชั้นบรรยากาศที่ถูกมนุษย์ปล่อยสิ่งสกปรกไปแล้วเกิดการสะสมไว้ที่ชั้น บรรยากาศ อาทิเช่น ควัน เขม่า ละอองไอเสีย ก๊าซจากโรงงานอุตสาหกรรม จากเครื่องยนต์ เป็นต้น ซึ่งก๊าซบางอย่างจะไปรวมตัวกับน้ำในบรรยากาศ ทำให้น้ำฝนเป็นกรด
ผลกระทบจากฝนกรด
•ผู้ที่ใช้น้ำฝนเป็นน้ำดื่ม น้ำใช้ จะมีผลต่อสุขภาพเพราะฝนกรดเหล่านี้อาจทำให้เกิดพิษภัยต่อผู้บริโภค เช่น ทำให้เป็นโรคกระเพาะ โรคมะเร็ง อันเนื่องมาจากกรดซัลฟูริค เป็นต้น
•ฝนกรดจะทำลายธาตุอาหารบางชนิดในดิน เช่น ไนเตรต ฟอสเฟต ทำให้ดินเป็นกรดเพิ่มขึ้นมีผลต่อการเพาะปลูก เช่นปลูกพืชผักไม่เจริญเติบโตได้ผลผลิตน้อยกว่าปกติ เพราะฝนกรดทำให้ดินเปรี้ยวจุลินทรีย์หลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของพืชถูกทำอันตรายต่อความเป็นกรดทั้งสิ้นพืชต้องอาศัย จุลินทรีย์จากดิน เช่น สารอินทรีย์โมเลกุลใหญ่จะต้องถูกสลายให้เป็นโมเลกุลเล็กพืชถึงจะดูดเข้าไปใช้ได้ หรือพืชจะต้องอาศัยอนุมูลแอมโมเนียที่จุลินทรีย์ดึงมาจากอากาศ ดังนั้น การที่มีกรดในน้ำฝนจึงลดความเจริญของจุลินทรีย์ในดินยังผลกระทบกระเทือนไปถึงพืชอีกด้วย
•ฝนกรดทำลายวัสดุสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์บางชนิด คือ จะกัดกร่อนทำลายพวกโลหะ เช่น เหล็กเป็นสนิมเร็วขึ้น สังกะสีมุงหลังคาที่ใกล้ ๆ โรงงานจะผุกร่อนเร็ว สังเกตได้ง่าย นอกจากนี้ยังทำให้แอร์ ตู้เย็น หรือวัสดุอื่น ๆ เช่น ปูนซีเมนต์หมดอายุเร็วขึ้น ผุกร่อนเร็วขึ้น เป็นต้น
•ฝนกรดจะทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ปู หอย กุ้งสูญพันธุ์ไปได้ เพราะ ฝนกรดที่เกิดจากก๊าซซัลเฟอร์ไดอ๊ออกไซด์และเกิดจากก๊าซไนโตรเจนอ๊อกไซด์ พวกนี้จะทำให้น้ำในแม่น้ำ ทะเลสาบกลายเป็นกรด ทำให้สัตว์น้ำดังกล่าวตาย เช่น อเมริกาตอนกลาง ความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำลดลง ทำให้ทะเลสาบ 85 แห่งไม่มีปลา และทะเลสาบในประเทศวีเดน 15,000 แห่ง ไม่มีปลา และนับวันจะปราศจากปลามากขึ้น ทะเลสาบางแห่งป้องกันฝนกรดได้ เพราะในทะเลสาบนั้นมีสารพวกไบคาร์บอเนตละลายอยู่ หรือบางแห่งมีธาตุทางธรณีวิทยา
ฝนกรด
ฝนกรด หมายถึง น้ำฝนที่มีค่า pH ต่ำกว่า 5.6 โดยส่วนมากเกิดจากก๊าซ 2 ชนิด คือ 1. ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ทำให้เกิดกรด ซัลฟุริก (H2SO4) 2. ออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ทำให้เกิดกรด ไนตริก (HNO3) ฝนกรดมักพบในเขตอุตสาหกรรมซึ่งสามารถอยู่ในรูปของฝน หมอก หิมะ ซึ่งมีผลกระทบต่อพืชสัตว์น้ำ และ สิ่งก่อสร้างต่างๆ