SlideShare a Scribd company logo
ซูเราะฮ์ อตตะห์ รีม
ั
เชคอิมรอน พิชัยรัตน์ / แปลและเรียบเรียงจากตัฟซีรนะมูเนะฮ์
เนื้อหาโดยรวมของซูเราะฮ์
ซูเราะฮ์น้ ีถูกประทานที่มะดีนะฮ์ มีท้งหมด 12 โองการ ประกอบด้วยเนื้อหาสี่ ส่วนหลัก
ั
ๆ ดังนี้
ส่วนที่ 1 เริ่ มจากโองการที่ 1-5 เกี่ยวกับเรื่ องของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)กับภริ ยาบางคนของท่าน
ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้ห้ามตัวท่านเองจากอาหารที่หะล้าลบางชนิด โองการข้างต้นจึงถูก
ประทานลงมาและตาหนิบรรดาภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)
ส่วนที่ 2 ตั้งแต่โองการที่ 6-8 กล่าวแก่บรรดาผูศรัทธาทั้งหมดเกี่ยวกับการระวังเรื่ องการเรี ยนการ
้
สอนและการอบรมครอบครัวและความจาเป็ นในการขออภัยโทษจากความผิดบาป
ส่วนที่ 3 มีเพียงโองการเดียวที่กล่าวแก่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ) เกี่ยวกับเรื่ องการญิฮาดกับบรรดาผู้
ปฏิเสธและบรรดาผูกลับกลอก
้
ส่วนที่ 4 เป็ นส่วนสุดท้ายของซูเราะฮ์ ซึ่ งประกอบด้วยโองการที่ 10-12 พระผูเ้ ป็ นเจ้าได้อธิบาย
ถึงสภาพของสตรี ที่ประพฤติดีสองคน(ท่านหญิงมัรยัมและภรรยาของฟิ รอูน)และสภาพของสตรี
ที่ประพฤติไม่ดีสองคน( ภรรยาของศาสดานูห์และภรรยาของศาสดาลูฏ) อันที่จริ งแล้วเป็ น
โองการที่เตือนภรรยาของบรรดาผูศรัทธาโดยเฉพาะบรรดาภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ว่าจงทา
้
ตัวให้สอดคล้องกับกลุ่มแรกไม่ใช่กลุ่มที่สอง

~1~
ความประเสริฐในการอ่ านซูเราะฮ์ นี้
มีฮะดีษบทหนึ่งจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ)ว่า “ใครก็ตามที่อ่านซูเราะฮ์น้ ี พระ
ผูเ้ ป็ นเจ้าจะทรงประทานโอกาสในการขออภัยโทษที่บริ สุทธิ์แก่เขา”1
และมีฮะดีษอีกบทหนึ่งจากอิมามซอดิก (อ.) ว่า

“ใครก็ตามที่อ่านซูเราะฮ์ฏอลากและ

อัตตะห์รีมในนมาซวาญิบ พระผูเ้ ป็ นเจ้าจะทรงประทานที่พกพิงจากความกลัวและความทุกข์โศ
ั
รกแก่เขาในวันกิยามะฮ์ ให้เขารอดพ้นจากไฟแห่งนรก และทรงให้เขาเข้าสู่สวนสวรรค์เนื่องจาก
การอ่านซูเราะฮ์น้ ีอย่างต่อเนื่อง เพราะสองซูเราะฮ์น้ ีเกี่ยวกับท่านศาสดา(ศ็อลฯ)”2

5-1‫آيه‬

‫ِب َّل َّل َّل ِب‬
‫ِب س الِبه ال َمْح ِب الِب س‬
‫َمْح ِب‬
‫ِب‬
‫َّل‬
‫َّل‬
)1(‫يأيها الَّل ُّىب ِب ل ُم ما أ َّل الهُم اك ت بَمْحتغى ملضات أزوجك و الهُم ُم وٌر وِب سٌر‬
‫َّل‬
‫ِّر‬
‫َمْح‬
‫َّل‬
‫َّل‬
)2(‫َمْح ف لض الهُم ا سَمْح ِب َّلل أ َمْحِبل ُمسَمْح و الهُمم َمْح ش و ُم اَمْح ِبل سُم اَمْح ِب سُم‬
‫َمْح‬

‫َمْح‬

‫َمْح ِب‬
‫َّل‬
‫و ِب َمْح أ ل الَّل ُّىب ِبىل َمْح ِب أزوجِبه ِب يياًا ف لما ن بَّلأت ِبِبه و أ هل ُم الهُم ل َمْحِبه لف َمْح هُم و أ َمْحلض‬
‫َّل‬
‫َّل‬
‫َّل‬
)3(‫ف لما ن بَّلأ ا ِبِبه اات م َمْح أنبأك ذ اا ن بَّلأ اَمْح ِبل سُم اِبب ُم‬
‫َمْح‬
‫َّل‬

‫ِب‬
‫ِب‬
‫َّل َّل‬
‫َّل‬
‫ِب ن ت تُم ا ِبىل الِبه ف َمْح صغت ُملُم ُم ُمما و ِب ن تظهل ل َمْحِبه فِب ن اله ُم م َمْح ُم و ج ِبي ُم و صل ُم اَمْحمُم َمْحِبمِبل و‬
‫ِب‬
)4(‫اَمْحمل ُم َمْح ِباك ه ٌر‬

1
2

มัจมะอุลบะยาน เล่ม 10 หน้า 311
ษะวาบุลอะอ์มาล ตามการรายงานของ นูรุษษะกอลัยน์ เล่ม 5 หน้า 267

~2~
‫ى وُّىبهُمِب ن َّلل ُم َّل أن يُمبَمْحِب اهُم أزوجاًا ًا مِّرل ُم َّل مُم ِبلمت م َمْحِبملت ِبلتت ت بت ِبب ت حت ث ِّربت و‬
‫ُّىب‬
‫َمْح‬
)5(‫أ َمْح اوًا‬
คาแปล
1. โอ้ ศาสดาเอ๋ ย ทาไมเจ้ าจึ งห้ ามตัวเองจากสิ่ งที่อัลลอฮ์ ได้ ทรงอนุมติแก่ เจ้ า เพื่อแสวงหาความ
ั
พึงพอใจบรรดาภริ ยาของเจ้ าเล่ า ? และอัลลอฮ์ นั้นเป็ นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา
2. แน่ นอนอัลลอฮ์ ได้ ทรงกาหนดแก่ พวกเจ้ าแล้ วในการแก้ คาสาบานของพวกเจ้ าและอัลลอฮ์ เป็ น
ผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้ า และพระองค์ เป็ นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรี ชาญาณ
3. และจงราลึกขณะที่ท่านศาสดาได้ บอกความลับเรื่ องหนึ่งแก่ ภริ ยาบางคนของเขา ครั้ นเมื่อนาง
ได้ บอกเล่ าเรื่ องนี ้ (แก่ คนอื่น) และอัลลอฮ์ ได้ ทรงแจ้ งเรื่ องนีแก่ เขา (ท่ านศาสดา) เขาก็ได้ แจ้ ง
้
บางส่ วนของเรื่ องนี ้ และไม่แจ้ งบางส่ วน ครั้ นเมื่อเขา (ท่ านศาสดา) ได้ แจ้ งเรื่ องนีแก่ นาง นางได้
้
กล่ าวว่ า ใครบอกเล่ าเรื่ องนีแก่ ท่าน ? เขา (ท่ านศาสดา) กล่ าวว่ าพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรง
้
ตระหนักยิ่ง ทรงแจ้ งแก่ ฉัน
4. หากเจ้ าทั้งสองกลับเนือกลับตัวขออภัยโทษต่ อัลลอฮ์ (ก็จะเป็ นการดีแก่ เจ้ าทั้งสอง)
้

เพราะ

แน่ นอนหั วใจของเจ้ าทั้งสองก็โอนอ่ อนอยู่แล้ ว แต่ หากเจ้ าทั้งสองร่ วมกันต่ อต้ านเขา (ท่ าน
ศาสดา) แท้ จริ งอัลลอฮ์ พระองค์ เป็ นผู้ทรงคุ้มครองเขา อีกทั้งญิบรี ล และบรรดาผู้ศรั ทธาที่ดี ๆ
และนอกจากนั้น มะลาอิกะฮ์ กยังเป็ นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนอีกด้ วย
็
5.หากเขาหย่ าพวกนาง บางทีพระผู้อภิบาลของเขาจะทรงเปลี่ยนแปลงให้ แก่ เขามีภริ ยาที่ดีกว่ า
พวกนาง เป็ นหญิงที่นอบน้ อมถ่ อมตน เป็ นหญิงผู้ศรั ทธา เป็ นหญิงผู้ภักดี เป็ นหญิงผู้ขอลุแก่ โทษ

~3~
เป็ นหญิงผู้มนต่ อการอิบาดะฮ์ เป็ นหญิงผู้มนต่ อการถือศีลอด เป็ นหญิงที่เป็ นหม้าย และที่เป็ น
ั่
ั่
หญิงสาว
สาเหตุการประทาน
มีบนทึกไว้ว่า
ั

: บางครั้งท่านศาสดา(ศ็อลฯ)จะไปหา พระนางไซหนับ บินติ ญุฮช์ (ภริ ยา

คนหนึ่งของท่าน) ไซหนับได้มองท่าน แล้วนาน้ าผึ้งที่เตรี ยมไว้มาให้แก่ท่าน เรื่ องนี้ไปถึงหูของ
พระนางอาอิชะฮ์ นางกล่าวว่า “ ฉันได้นดกับ ฮัฟเซาะฮ์ (ภริ ยาอีกท่านหนึ่งของท่านศาสดา(ศ็อล
ั
ฯ))ว่าเมื่อไหร่ ก็ตามที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)มาหาใครคนใดคนหนึ่ง ให้รีบกล่าวเลยว่า ท่าน
รับประทานยางไม้มะฆอฟี รมาหรื ออย่างไร ?(มะฆอฟิ ร คือยางไม้ชนิดหนึ่งที่ไหลออกมาจาก
ต้นไม้ของฮิญาซที่มีชื่อว่า อุรฟุฏ และมีกลิ่นเหม็น) ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)จะพิถีพิถนที่จะไม่ให้มี
ั
กลิ่นไม่ดีจากปากหรื อเสื้ อผ้าของท่านเลย ทว่าท่านต้องการให้มีกลิ่นหอมอยูเ่ สมอ ด้วยเหตุน้ ีวน
ั
ั
หนึ่งท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้มาหาพระนางฮัฟเซาะฮ์ นางได้พูดเช่นนี้กบท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ท่าน
ดารัสว่า “ ฉันไม่ได้กิน มะฆอฟิ ร แต่ฉนดื่มน้ าผึ้งที่ ซัยหนับ บินติ ญุฮช์ และฉันสาบานว่า
ั
ต่อไปนี้จะไม่ดื่มน้ าผึ้งนั้นอีกแล้ว (เป็ นไปได้ที่ผ้ ึงอาจไปทารังบนต้นไม้ที่ไม่เหมาะสม
โดยเฉพาะต้น มะฆอฟิ ร) แต่นางอย่านาเรื่ องนี้ไปพูดกับใครล่ะ ” แต่สุดท้ายนางก็ได้เปิ ดโปง
ความลับนี้ และต่อมาก็รู้ว่าเรื่ องนี้เป็ นการวางแผน ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)โกรธมาก โองการข้างต้น
จึงถูกประทานลงมา3
คาอรรถาธิบาย
การตาหนิอย่ างรุนแรงต่ อภริยาบางท่ านของท่ านศาสดา(ศ็อลฯ)
3

บุคอรี เล่ม 6 หน้า 193

~4~
ไม่ตองสงสัยเลยว่าบุรุษผูยิ่งใหญ่เฉกเช่น ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)มิได้เป็ นของใครคนใดคน
้
้
หนึ่งเพียงคนเดียว ทว่าเป็ นของสังคมอิสลามและโลกมนุษย์ท้งหมด ด้วยเหตุน้ ีหากในบ้านมีการ
ั
่
วางแผนต่าง ๆ ที่ต่อต้านท่านเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าผิวเผินแล้วจะเป็ นเรื่ องเล็ก จะต้องไม่ปล่อยให้ผาน
ไปง่าย ๆ เกียรติยศของท่านจะต้องไม่เป็ นเครื่ องเล่นของคนโน้นคนนี้ ถ้าหากมีแผนงานเช่นนี้
เกิดขึ้นจะต้องโต้ตอบอย่างเด็ดขาด อันที่จริ งโองการข้างต้นเป็ นความเด็ดขาดจากพระผูเ้ ป็ นเจ้าผู้
ทรงยิ่งใหญ่ต่อเหตุการณ์เช่นนี้ เพื่อรักษาไว้ซ่ ึ งเกียรติยศแห่งศาสดาของพระองค์ เริ่ มด้วยการ
สนทนากับท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ว่า “โอ้ ศาสดาเอ๋ ย ทาไมเจ้ าจึ งห้ ามตัวเองจากสิ่ งที่อัลลอฮ์ ได้ ทรง
อนุมติแก่ เจ้ า เพื่อแสวงหาความพึงพอใจบรรดาภริ ยาของเจ้ าเล่ า ?” แน่นอนการห้ามนี้ไม่ใช่เป็ น
ั
การห้ามของหลักการศาสนา ทว่าอย่างที่จะได้รับประโยชน์จากโองการต่อมาว่าท่านศาสดา
(ศ็อลฯ)ได้กล่าวคาสาบาน และการสาบานในการละทิ้งสิ่ งที่อนุญาต (มุบาห์) นั้นไม่ถือเป็ นบาป
ด้วยเหตุน้ ีประโยค (ทาไมเจ้าจึงห้ามตัวเอง) ไม่ใช่เป็ นการตาหนิแต่เป็ นความเห็นใจและความ
เมตตา ทรงตรัสท้ายโองการว่า “ และอัลลอฮ์ นั้นเป็ นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา” การอภัยและความ
เมตตานี้แก่บรรดาภริ ยาที่ก่อเรื่ องนี้ข้ ึน ซึ่ งถ้าหากขออภัยโทษอย่างแท้จริ งก็จะได้รับสิ่ งนั้น
เช่นกัน และตรัสเพิ่มเติมในโองการต่อมาว่า “แน่ นอนอัลลอฮ์ ได้ ทรงกาหนดแก่ พวกเจ้ าแล้ วใน
การแก้ คาสาบานของพวกเจ้ า” ด้วยเหตุน้ ีจงจ่ายค่าชดเชย(กัฟฟาเราะฮ์)แล้วให้ตวเองเป็ นอิสระ
ั
แต่ถาหากสาบานในกรณี ที่ละทิ้งสิ่ งที่ไม่ดี จาเป็ นต้องปฏิบติตามคาสาบานนั้นไม่เช่นนั้นถือเป็ น
้
ั
บาป ส่วนกรณี ละทิ้งสิ่ งที่ดี(เฉกเช่นโองการนี้)ในลักษณะเช่นนี้อนุญาตให้ไม่ตองทาตามคา
้
สาบานได้ แต่เพื่อรักษาเกียรติของการสาบานเป็ นการดีที่ให้จ่ายค่าชดเชยด้วยเช่นกัน ต่อมาทรง
ตรัสว่า “และอัลลอฮ์ เป็ นผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้ า และพระองค์ เป็ นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรี ชาญาณ”
~5~
ด้วยเหตุน้ ีพระองค์จึงทาให้ทางรอดพ้นจากการสาบานในลักษณะนี้ราบรื่ นแก่เจ้า และทรงแก้ไข
ปัญหาแก่เจ้าด้วยความรอบรู้และปรี ชาญาณของพระองค์ มีรายงานกล่าวว่าหลังจากที่โองการถูก
ประทานลงมาท่านศาสดาได้ปล่อยท่าสคนหนึ่งให้เป็ นอิสระ และทาให้สิ่งที่เคยสาบานเป็ นที่
ต้องห้ามสาหรับตนเองกลายเป็ นสิ่ งที่อนุมติ (ฮาล้าล) โองการต่อมาได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
ั
เรื่ องนี้ว่า “และจงราลึกขณะที่ท่านศาสดาได้ บอกความลับเรื่ องหนึ่งแก่ ภริ ยาบางคนของเขา ครั้ น
เมื่อนางได้ บอกเล่ าเรื่ องนี ้ (แก่ คนอื่น) และอัลลอฮ์ ได้ ทรงแจ้ งเรื่ องนีแก่ เขา (ท่ านศาสดา) เขาก็ได้
้
แจ้ งบางส่ วนของเรื่ องนี ้ และไม่แจ้ งบางส่ วน” ความลับอันนี้คืออะไรกันที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้
กล่าวแก่ภริ ยาบางคน ซึ่ งนางไม่เก็บเป็ นความลับไว้ ? ตามที่เราได้กล่าวในสาเหตุการประทาน
แล้วว่า ความลับนี้มีดวยกันสองเรื่ อง คือการดื่มน้ าผึ้งจากภริ ยาของท่าน ไซหนับ บินติ ญุฮช์
้
และการห้ามตัวเองโดยไม่ดื่มมันอีกต่อไป และภริ ยาที่ไม่เก็บเป็ นความลับในโองการนี้คือ พระ
นางฮัฟเซาะฮ์ ที่นางได้ยินคากล่าวนี้แล้วนาไปบอกแก่ พระนางอาอิชะฮ์ เมื่อท่านศาสดา(ศ็อลฯ)
รู้ถึงการเปิ ดเผยความลับนี้จากหนทางของวะห์ยู ท่านจึงกล่าวบางเรื่ องแก่พระนางฮัฟเซาะฮ์ โดย
ไม่กล่าวอีกบางเรื่ องทั้งนี้เพื่อไม่ให้นางเกิดความละอายมากไปกว่านี้ท(เป็ นไปได้ที่ท่านอาจจะ
เป็ นกล่าวเรื่ องแรก คือ การดื่มน้ าผึ้งและไม่กล่าวถึงเรื่ องที่สองคือ การห้ามตัวเองจากการดื่ม)
อย่างไรก็ตามเมื่อท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้แจ้งข่าวการถูกเปิ ดเผยความลับนี้แก่พระนาง(ฮัฟเซาะฮ์)
นางกล่าวว่า “ ครั้ นเมื่อเขา (ท่ านศาสดา) ได้ แจ้ งเรื่ องนีแก่ นาง นางได้ กล่ าวว่ า ใครบอกเล่ าเรื่ องนี ้
้
แก่ ท่าน ? เขา (ท่ านศาสดา) กล่ าวว่ าพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงตระหนักยิ่ง ทรงแจ้ งแก่ ฉัน ”
ได้รับจากโองการนี้โดยรวมว่า ภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)บางคน ไม่เพียงแต่ทาให้ท่าน
ศาสดาเสี ยใจด้วยคาพูด ทว่าเรื่ องการเก็บความลับซึ่ งถือเป็ นคุณสมบัติที่สาคัญที่สุดของภรรยาที่
~6~
ซื่ อสัตย์ ก็ไม่มีในพวกนางเช่นกัน แต่ในทางกลับกัน ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้ปฏิบติอย่างยิ่งใหญ่
ั
ต่อพวกนางทั้งๆที่มีคุณลักษณะเช่นนี้ แม้แต่ไม่พร้อมที่จะพูดความลับทั้งหมดที่นางได้เปิ ดเผย
ให้นางได้รับรู้ ท่านได้ช้ ีให้เห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ต่อมาทรงตรัสแก่ภรรยาสองคนที่ได้
วางแผนข้างต้นว่า “หากเจ้ าทั้งสองกลับเนือกลับตัวขออภัยโทษต่ อัลลอฮ์ (ก็จะเป็ นการดีแก่ เจ้ า
้
ทั้งสอง)

เพราะแน่ นอนหั วใจของเจ้ าทั้งสองได้ โน้ มเอียงไปแล้ ว”เป้ าหมายของทั้งสองใน

โองการนี้ เป็ นมติเอกฉันท์ท้งฝ่ ายชีอะฮ์และพี่นองซุนนะฮ์ว่า คือ พระนางฮัฟเซาะฮ์และพระนาง
ั
้
อาอิชะฮ์ ซึ่ งเป็ นลูกสาวของ อุมรและอบูบกร์ ตามลาดับ และเป้ าหมายของ(หัวใจของเจ้าทั้งสอง
ั
ั
ได้โน้มเอียงไปแล้ว)คือการหลงผิดของจิตใจพวกนางออกจากทางแห่งสัจธรรมสู่การทาบาป
แล้วทรงตรัสเพิ่มเติมว่า “แต่ หากเจ้ าทั้งสองร่ วมกันต่ อต้ านเขา (ท่ านศาสดา) แท้ จริ งอัลลอฮ์
พระองค์ เป็ นผู้ทรงคุ้มครองเขา อีกทั้งญิบรี ล และบรรดาผู้ศรั ทธาที่ดี ๆ และนอกจากนั้น มะลาอิ
กะฮ์ กยังเป็ นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนอีกด้ วย” ประโยคนี้ช้ ีให้เห็นว่าเรื่ องนี้ได้ส่งผลกระทบในแง่
็
ลบต่อจิตใจอันบริ สุทธิ์และยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)มากเพียงใด จนกระทังพระผูเ้ ป็ นเจ้า
่
ต้องปกป้ องท่าน ทั้ง ๆ ที่พลานุภาพของพระองค์เองก็เพียงพอแล้วจากทุก ๆ สิ่ ง ยังทรงประกาศ
ถึงการช่วยเหลือสนับสนุนของญิบรออีล บรรดาผูศรัทธาที่ดีและมวลมะลาอิกะฮ์อื่น ๆอีก
้
เช่นกัน โองการสุดท้ายพระผูเ้ ป็ นเจ้าทรงกลับมาตรัสแก่บรรดาภริ ยาทั้งหมดของท่านศาสดา
(ศ็อลฯ)ด้วยการเตือนสาทับว่า

“หากเขาหย่ าพวกนาง

บางทีพระผู้อภิบาลของเขาจะทรง

เปลี่ยนแปลงให้ แก่ เขามีภริ ยาที่ดีกว่ าพวกนาง เป็ นหญิงที่นอบน้ อมถ่ อมตน เป็ นหญิงผู้ศรั ทธา
เป็ นหญิงผู้ภักดี เป็ นหญิงผู้ขอลุแก่ โทษ เป็ นหญิงผู้มนต่ อการอิบาดะฮ์ เป็ นหญิงผู้มนต่ อการถือ
ั่
ั่
ศีลอด เป็ นหญิงที่เป็ นหม้าย และที่เป็ นหญิงสาว ” ด้วยเหตุน้ ีทรงเตือนแก่พวกนางว่า อย่าคิดว่า
~7~
ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)จะไม่หย่าพวกนาง และอย่าคิดว่า หากหย่าพวกนางแล้วจะไม่มีภรรยาคนใด
ที่ดีกว่ามาแทนที่พวกนางได้ จงวางมือจากการวางแผน การทาร้าย หาไม่แล้วพวกเจ้าจะถูกกีด
กันจากความภาคภูมิในการเป็ นภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ไปตลอดกาล และจะมีบรรดาสตรี ที่
ดีกว่า ที่ประเสริ ฐกว่ามาแทนที่พวกนาง
สาระศึกษา
คุณสมบัตของภรรยาที่ดี
ิ
1. ตรงนี้อลกุรอานกล่าวถึงคุณสมบัติของภรรยาที่ดีไว้ 6 ประการ ซึ่ งมุสลิมสามารถนามาเป็ น
ั
ต้นแบบในการเลือกคู่ครอง
1. อิสลาม
้
2. ศรัทธา กล่าวคือ ความเชื่อความศรัทธาที่ซึมซับเข้าสู่กนบึ้งของหัวใจ
3. ความนอบน้อมและการเชื่อฟังสามี
4. การขออภัย กล่าวคือหากทาความผิด ต้องไม่ร้ ันในความความผิดของตนและรู้จกขออภัย
ั
5. นมัสการ (อิบาดะฮ์) ต้องเป็ นการภักดีที่สร้างจิตวิญญาณให้สะอาดผุดผ่อง
6. เชื่อฟังและภักดีต่อพระผูเ้ ป็ น่เจ้า หลีกห่างจากการการทาบาปทั้งปวง
ประเด็นที่น่าสนใจคือ คาว่า ‫ سائحات‬เป็ นพหุพจน์ของคาว่า ‫ سائح‬ซึ่ งนักอรรถาธิบายอัลกุ
รอานส่วนมากให้ความหมายว่า ผูถือศีลอด แต่ท่านรอฆิบ กล่าวไว้ในหนังสื อ มุฟรอดาต ว่า การ
้
ถือศีลอดมี 2 ลักษณะคือ (ฮะกีกี) กล่าวคือเป็ นการถือศีลอดที่ละเว้นจากการกินการดื่ม ลักษณะ
ที่สนอง คือ (ฮุกมี) กล่าวคือ การระมัดระวังอวัยวะทั้งหมดจากการทาบาปทั้งปวง และเป้ าหมาย
่
ของการถือศีลอดในโองการข้างต้นนั้นอยูในการลักษณะที่สอง
~8~
2. ใครคือผูศรัทธาที่ดี
้
ไม่ตองสงสัยเลยว่า ผูศรัทธานั้นมีความหมายที่กว้าง ซึ่ งครอบคลุมผูศรัทธาที่มีความยาเกรงที่
้
้
้
สมบูรณ์ทุกคน แม้ว่าคาว่า ‫ صالح‬จะเป็ นคาเอกพจน์ก็ตาม แต่ก็ให้ความหมายที่ครอบคลุม ทว่า
ใครกันคือผูศรัทธาที่มีความสมบูรณ์สูงสุดในตรงนี้ แน่นอนมีรายงานมากมายกล่าวว่า หมายถึง
้
อิมามอะลี (อ.)
3. ท่านศาสดาไม่พอใจภริ ยาบางท่าน
มีบุรุษผูยิงใหญ่มากมายในหน้าประวัติศาสตร์ ที่มีภริ ยาไม่เหมาะสมและคู่ควรกับพวกท่าน และ
้่
เป็ นเหตุให้ตองอดทนกล้ ากลืนฝื นทนกับนาง ซึ่ งอัลกุรอานก็กล่าวถึงตัวอย่างต่างๆไว้ในหมู่
้
บรรดาศาสดา โองการข้างต้นชี้ให้เห็นว่าท่านศาสดามุฮมหมัด (ศ็อลฯ) ก็ไม่พอใจภริ ยาบางท่าน
ั
เนื่องจากการแข่งขันกันและกันระหว่างพวกนางทาให้จิตวิญญาณอันบริ สุทธ์ของท่านต้องมีรอย
แผล จนบางครั้งต้องทาให้ท่านต้องเอ่ยตาหนิพวกนาง กระทังพระผูเ้ ป็ นเจ้าต้องออกมาปกป้ อง
่
ท่านศาสดาด้วยการเตือนสาทับ จนถึงขั้นข่มขู่ดวยการหย่าร้างเลยทีเดียว อย่างที่มีปรากฏว่า
้
หลังจากเหตุการณ์ของโองการข้างต้นเกิดขึ้น ท่านศาสดาไม่พอใจภริ ยาของท่านเป็ นเวลานานถึง
หนึ่งเดือน ทั้งนี้เพื่อให้นางให้สานึกและปรับปรุ งตน
4. การเปิ ดเผยความลับ
การเก็บความลับไม่เพียงแต่เป็ นคุณสมบัติของผูศรัทธาที่แท้จริ งเท่านั้น ทว่ามนุษย์ผมีเกียรติทุก
้
ู้
คนจาเป็ นต้องมีคุณสมบัติเช่นนี้ และยิ่งเป็ นสิ่ งจาเป็ นและมีความสาคัญในกรณี เพื่อนสนิทและ
ภริ ยา จากโองการข้างต้นเราก็ได้เห็นแล้วว่าพระผูเ้ ป็ นเจ้าทรงตาหนิภริ ยาบางท่านของท่าน
ศาสดามุฮมหมัด (ศ็อลฯ) ไว้รุนแรงเพียงใด ที่ได้เปิ ดเผยความลับของท่านศาสดา (ศ็อลฯ)
ั
~9~
5. ต้องไม่ทาให้สิ่งอนุมติของพระองค์เป็ นสิ่ งต้องห้ามสาหรับตนเอง
ั
่
กรณี ที่พระองค์ทรงให้เป็ นสิ่ งอนุมติ (ฮะล้าล) หรื อ ต้องห้าม (ฮะรอม) ทั้งหมดล้วนวางอยูบน
ั
บรรทัดฐานของความเหมาะสมอย่างถ้วนถี่ ดังนั้นจึงเหลือที่ว่างให้มนุษย์สลับที่ระหว่างสิ่ งที่ฮะ
ล้าลและสิ่ งที่ฮะรอมสาหรับตน แม้แต่หากได้ทาการสาบาน –เหมือนดังกรณี โองการข้างต้น- ก็
ให้ยกเลิกคาสาบานนั้น
8-6‫آيه‬

‫ِب‬
‫ٌر‬
‫يأيها َّلاذي ء ملُم ُم أن ُم سَمْح و أ َمْحِبل سَمْح ناوًا و ُم دُم ا الَّلاس و اَمْحِب جاوُم ل ها مل ٌر ِب ظ ِب دٌر‬
‫َّل‬
)6(‫ي َمْح ن اله ما أمل ُمسَمْح و ي َمْح لُم ن ما يُمَمْحملُمون‬

‫ِب‬
)7(‫لُمو ت َمْحتذوُمو اَمْح َمْح ِبَّلَّنا َمْح ون ما ُملتُمسَمْح ت َمْحملُم ن‬
‫َمْح‬

‫ِب‬
‫اًا ى وُّىب ُمسَمْح أن يُم ِّرل ل ُمسَمْح ِّر ات ُمسَمْح و يُمَمْح ِب ل سَمْح جلَّلت‬
‫ِب ِب ِب ِب‬
‫أيَمْح يهسَمْح و أ َمْح لهسَمْح‬

‫ء ملُم م هُم نُم وُم ُمسَمْح ي ى‬
)8(‫ِب يلٌر‬

‫ِب‬
‫يأيها َّلاذي‬

‫ِب‬
‫َّل‬
‫يأيها َّلاذي ء ملُم تُم ُم ِبىل الِبه ت َمْح ًا نَّل‬

‫ِب‬
‫َّل‬
‫خيَمْحِبى الهُم الَّل َّل و َّلاذي‬

‫ِب‬
‫َمْحتها انَمْحهلُم ي َمْح‬

‫ِب‬
‫َمْحلى ِبم‬

‫ي ُم اُم ن وَّللا أ َمْحِب سَمْح الا نُم ونا و َمْحِب ل الا ِب نَّلك لى ِّر ىَمْحء‬
‫َمْح‬

คาแปล
6. โอ้ บรรดาผู้ศรั ทธาเอ๋ ย จงปกป้ องตัวของพวกเจ้ าและครอบครั วของพวกเจ้ าให้ พ้นจากไฟนรก
เพราะเชือเพลิงของมันคือมนุษย์ และก้ อนหิ น มีมะลาอิกะฮ์ ผ้ แข็งกร้ าวหาญคอยเฝ้ ารั กษามันอยู่
้
ู
พวกเขาจะไม่ฝ่าฝื นอัลลอฮ์ ในสิ่ งที่พระองค์ ทรงบัญชาแก่ พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่
ถูกบัญชา

~ 10 ~
7. โอ้ บรรดาผู้ปฏิเสธศรั ทธาเอ๋ ย วันนีพวกเจ้ าอย่ าได้ แก้ ตัวเลย
้

แต่ ว่าพวกเจ้ าจะถูกตอบแทน

ตามที่พวกเจ้ าได้ กระทาไว้
8. โอ้ บรรดาผู้ศรั ทธาเอ๋ ย จงขอลุแก่ โทษแด่ อัลลอฮ์ ด้วยการลุแก่ โทษอย่ างจริ งใจเถิดบางทีพระผู้
อภิบาลของพวกเจ้ าจะลบล้ างความผิดของพวกเจ้ าออกจากพวกเจ้ าและจะทรงให้ พวกเจ้ าเข้ า
สวนสวรรค์ หลากหลาย ณ เบืองล่ างสวนสวรรค์ นั้นมีลานาหลายสายไหลผ่ าน วันที่อัลลอฮ์ จะ
้
้
ไม่ทรงทาให้ ศาสดา และบรรดาผู้ศรั ทธาร่ วมกับเขาต้ องอัปยศแสงสว่ างของพวกเขาจะส่ องจ้ า
ไปเบืองหน้ าของพวกเขาและทางเบืองขวาของพวกเขา พวกเขาจะกล่ าวว่ าข้ าแต่ พระผู้อภิบาล
้
้
ของเรา ขอพระองค์ ได้ ทรงโปรดทาให้ แสงสว่ างของเราอยู่กับเราตลอดไปและทรงยกโทษให้ แก่
เราแท้ จริ งพระองค์ ท่านเป็ นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ ง
คาอรรถาธิบาย
จงให้ ครอบครัวของตนปลอดภัยจากไฟแห่ งนรก
ต่อจากการเตือนและการตาหนิภริ ยาบางคนของท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ในโองการต่าง ๆ นี้
พระผูเ้ ป็ นเจ้าทรงตรัสแก่บรรดาผูศรัทธาทั้งหมด โดยทรงตรัสถึงบัญชาต่าง ๆ เกี่ยวกับการสอน
้
การอบรม ภรรยา ลูก ๆ และครอบครัวว่า “โอ้ บรรดาผู้ศรั ทธาเอ๋ ย จงปกป้ องตัวของพวกเจ้ าและ
ครอบครั วของพวกเจ้ าให้ พ้นจากไฟนรก เพราะเชือเพลิงของมันคือมนุษย์ และก้ อนหิ น ” การ
้
ปกป้ องตนเองจากการทาบาป และไม่ยอมจานนต่ออารมณ์แห่งความดื้อรั้น และปกป้ อง
ครอบครัวด้วยการเรี ยนการสอน การอบรม การเชิญชวนสู่ความดีและการห้ามปรามจากความ
ชัว สร้างบรรยากาศภายในบ้านแลครอบครัวให้สะอาดบริ สุทธิ์ปราศจากทุก ๆ สิ่ งที่แปดเปื้ อน
่
แผนงานอันนี้จาเป็ นต้องเริ่ มตั้งหิ นก้อนแรกที่สร้างครอบครัว กล่าวคือ ตั้งแต่เริ่ มแต่งงานและ
~ 11 ~
ต่อมาเริ่ มตั้งแต่มีลูก ต้องวางแผนงานให้ถูกต้องในทุก ๆขั้นตอน และติดตามอย่างรอบคอบที่สุด
จะกล่าวอีกอย่างได้ว่า สิ ทธิของภรรยาและลูก ๆ นั้นไม่ใช่เพียงแต่การเตรี ยมพร้อมค่าใช้จ่ายใน
่
การใช้ชีวิต ที่อยูอาศัยและอาหารการกินของพวกเขาเท่านั้น สิ่ งที่สาคัญกว่านั้นคือ อาหารทางจิต
วิญญาณของพวกเขาและการสอน การอบรมที่ถูกต้อง สิ่ งที่น่าสนใจคือ ประโยค (จงปกป้ อง)
ชี้ให้เห็นว่าหากปล่อยพวกเขาไว้ตามสภาพ พวกเขา ก็จะมุ่งสู่หนทางของไฟนรก ท่านต่างหากที่
จาเป็ นต้องปกป้ องพวกเขาให้รอดพ้นจากการตกลงไปในไฟแห่งนรก ไฟแห่งนรกไม่เหมือนกับ
ไฟแห่งโลกนี้ เปลวไฟต่าง ๆ ของมันนั้นได้ปะทุมาจากภายในของมนุษย์และจากหิ นต่าง ๆ
ต่อมาทรงตรัสว่า “ มีมะลาอิกะฮ์ ผ้ แข็งกร้ าวหาญคอยเฝ้ ารั กษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝื นอัลลอฮ์
ู
ในสิ่ งที่พระองค์ ทรงบัญชาแก่ พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา” ด้วยเหตุน้ ีจึงไม่มี
ทางที่จะหนี การร้อง ไห้ การขอร้อง และการโหดครวญก็ไม่ส่งผลอันใดเลย แน่นอนเจ้าหน้าที่
ในแต่ละฝ่ ายต่างก็ตองมีจิตวิญญาณที่คู่ควรกับภารกิจนั้นๆ และเจ้าหน้าที่ที่ทาการลงโทษก็ยอม
้
้
มีคุณสมบัติที่ไร้ความปราณี เพราะในนรกเป็ นสถานที่ที่ไร้ความปราณี เป็ นสถานที่แห่งความ
กริ้ วของพระผูเ้ ป็ นเจ้า แต่ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็จะไม่ปฏิบติเกินหน้าที่และ
ั
ขอบข่ายของความยุติธรรม ปฏิบติไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระองค์อย่างสมบูรณ์
ั
โองการต่อมากล่าวแก่บรรดาผูปฏิเสธและกล่าวถึงสภาพของพวกเขาในวันนั้นว่า “โอ้ บรรดาผู้
้
ปฏิเสธศรั ทธาเอ๋ ย วันนีพวกเจ้ าอย่ าได้ แก้ ตัวเลย แต่ ว่าพวกเจ้ าจะถูกตอบแทนตามที่พวกเจ้ าได้
้
่
่
กระทาไว้ ” การ ที่ให้โองการนี้อยูหลังจากโองการที่ผานมาซึ่ งกล่าวถึงบรรดาผูศรัทธา ชี้ให้เห็น
้
ถึงความจริ งอันนี้ว่า ถ้าหากพวกเจ้าดูแลภรรยา ลูก ๆและครอบครัว ไม่ทวถึงเป็ นไปได้ที่การงาน
ั่
ของพวกท่านจะไปถึงยังจุดหนึ่งทีพวกท่านจะเป็ นคู่สนทนาตามนี้ในวันกิยามะฮ์ ประโยค (พวก
่
~ 12 ~
เจ้าจะถูกตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทาไว้ )ได้ตอกย้าถึงความจริ งอันนี้อีกครั้งว่า การตอบ
แทนการทาบาปต่าง ๆ ของพวกเขาในวันกิยามะฮ์น้ นคือการกระทาต่าง ๆ ของพวกเขาเอง ที่จะ
ั
ถูกเปิ ดเผยออกมาต่อพวกเขา ประเด็นนี้ก็น่าสนใจที่ว่า การไม่ยอมรับคา

ขอโทษในที่น้ น
ั

เนื่องจากว่า การ ขอโทษนั้นเป็ นการกลับตัวกลับใจ (เตาบะฮ์) อย่างหนึ่ง และการ กลับตัวกลับใจ
นั้นเป็ นไปได้เฉพาะในโลกนี้เท่านั้น ไม่ใช่ในอีกโลกหนึ่งและก็ไม่ใช่เมื่อเข้าสู่นรกแล้ว
โองการต่อมาซึ่ งอันที่จริ งชี้ให้เห็นถึงทางรอดพ้นจากไฟแห่งนรกว่า “โอ้ บรรดาผู้ศรั ทธาเอ๋ ย จง
ขอลุแก่ โทษแด่ อัลลอฮ์ ด้วยการลุแก่ โทษอย่ างจริ งใจเถิด”การขออภัยโทษที่แท้จริ งคือ การเสี ยใจ
จากการทาบาปซึ่ งผลที่ตามมาคือการตัดสิ นใจว่าต่อไปข้างหน้าจะไม่ทามันอีก และถ้าหากเป็ น
บาปที่สามารถทดแทนและชดเชยได้ก็ตองทาการทดแทน และการกล่าวขออภัยโทษ (อิสติฆ
้
ฟาร)ก็บ่งบอกถึงความหมายนี้เช่นกัน ด้วยเหตุน้ ีสามารถสรุ ปหลักของการขออภัยโทษได้ 5
ประการดังนี้คือ ละทิ้งการทาบาป เสี ยใจ ตัดสิ นใจว่าต่อไปจะละทิ้งการทาบาป ทดแทนและ
่
ชดเชยที่ผานมา และขออภัยโทษ(อิสติฆฟาร) การกลับตัวกลับใจอย่างจริ งใจนั้นคือ การปฏิวติ
ั
ตัวตนด้วยการปิ ดประตูแห่งการกลับสู่การทาบาป เปรี ยบเหมือนดังเช่นน้ านมมิอาจกลับคืนสู่เต้า
นมได้อีกครั้ง
ต่อมาชี้ให้เห็นถึงผลของการขออภัยโทษอย่างจริ งใจว่า “บางทีพระผู้อภิบาลของพวกเจ้ าจะลบ
ล้ างความผิดของพวกเจ้ าออกจากพวกเจ้ า และจะทรงให้ พวกเจ้ าเข้ าสวนสวรรค์ หลากหลาย ณ
เบืองล่ างสวนสวรรค์ นั้นมีลานาหลายสายไหลผ่ าน” “ วันที่อัลลอฮ์ จะไม่ทรงทาให้ ศาสดา และ
้
้
บรรดาผู้ศรั ทธาร่ วมกับเขาต้ องอัปยศ” ในสภาพที่ว่า “แสงสว่ างของพวกเขาจะส่ องจ้ าไปเบือง
้
หน้ าของพวกเขาและทางเบืองขวาของพวกเขา”
้

แล้วพวกเขาก็มุ่งสู่พระผูเ้ ป็ นเจ้า“พวกเขาจะ

~ 13 ~
กล่ าวว่ าข้ าแต่ พระผู้อภิบาลของเรา

ขอพระองค์ ได้ ทรงโปรดทาให้ แสงสว่ างของเราอยู่กับเรา

ตลอดไปและทรงยกโทษให้ แก่ เราแท้ จริ งพระองค์ ท่านเป็ นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ ง”
อันที่จริ งการขออภัยโทษอย่างจริ งใจนี้มีผล 5 ประการที่ยิ่งใหญ่ดงนี้
ั
1. ได้รับอภัยโทษในความผิดและบาปต่าง ๆ
2. เข้าสู่สวนสวรรค์ที่เปี่ ยมไปด้วยความโปรดปรานของพระผูเ้ ป็ นเจ้า
3. ปราศจากความอัปยศในวันนั้นวันที่ม่านต่าง ๆจะถูกเปิ ดออก วันที่ความจริ งถูกเปิ ดเผย และ
บรรดาผูมดเท็จนั้นจะประสบกับความอัปยศ ใช่แล้วท่านศาสดา(ศ็อลฯ)และบรรดาผูศรัทธาจะ
้
้
เป็ นผูที่มีเกียรติในวันนั้น เพราะสิ่ งที่เขาพูดนั้นสัจจริ ง
้
4. แสงสว่างแห่งศรัทธาและการกระทาต่าง ๆ ของพวกเขาได้ห้อมล้อมพวกเขาทั้งด้านซ้ายและ
ด้านขวาและให้ความสว่างแก่หนทางของพวกเขาสู่สวนสวรรค์
5. ทาให้เขามุ่งสู่พระผูเ้ ป็ นเจ้ามากขึ้น จึงหันกลับสู่อลลอฮ์(ซบ.) และวิงวอนขอให้พระองค์ทรง
ั
ทาให้แสงสว่างและการอภัยโทษบาปนั้นสมบูรณ์
สาระศึกษา
1. การสอนและการอบรมครอบครัว
การเชิญชวนสู่ความดีและห้ามปรามการทาชัวนั้นเป็ นบัญชาทัวไปที่บรรดามุสลิมทั้งหมดต้องมี
่
่
ต่อกัน แต่โองการข้างต้น และรายงานต่าง ๆในหลักฐานต่าง ๆ ของอิสลามเกี่ยวกับสิ ทธิของลูก
ๆและที่เกี่ยวข้องกันนี้ ทาให้ได้รับประโยชน์เป็ นอย่างดีว่ามนุษย์มีภาระหน้าที่ที่หนักยิ่งต่อ
ภรรยาและลูก ๆ ของเขา และ ต้องปฏิบติหน้าที่จนสุดความสามารถในการสอนและการอบรม
ั
พวกเขา ห้ามปรามพวกเขาจากการทาบาปและเชิญชวนสู่การทาความดี ไม่หยุดอยูเ่ พียงแค่การ
~ 14 ~
ให้อาหารทางร่ างกายแก่พวกเขาเท่านั้น อันที่จริ งสังคมที่ใหญ่น้ นประกอบไปด้วยหน่วยเล็ก ๆ
ั
ซึ่ งมีชื่อว่า ครอบครัว เมื่อไหร่ ก็ตามที่หน่วยเล็ก ๆ นี้ซ่ ึ งการดูแลมันนั้นง่ายกว่าได้รับการ
ปรับปรุ ง สังคมทั้งหมดก็จะได้รับการปรับปรุ ง และภาระหน้าที่อนนี้ตกเป็ นของพ่อแม่ท้งหลาย
ั
ั
เป็ นอันดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยของเราที่คลื่นกระแสของความเลวร้ายภายนอก
ครอบครัวนั้นแข็งแกร่ งและอันตรายยิ่ง มีฮะดีษบทหนึ่งจากท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ว่า “จงรู้ไว้เถิดว่า
พวกท่านทั้งหมดนั้นเป็ นยาม และพวกท่านต้องรับผิดชอบต่อผูที่ถูกสังให้เป็ นยามดูแลพวกเขา
้
่
ผูนาของการปกครองอิสลามนั้นเป็ นยามของประชาชน และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อพวกเขา สามี
้
คือยามของครอบครัวของตน และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อพวกเขา ภรรยาก็เป็ นยามของ
ครอบครัว สามีและลูก ๆ และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อพวกเขา จงรู้ไว้เถิด พวกท่านทั้งหมดนั้น
เป็ นยาม และพวกท่านต้องรับผิดชอบต่อผูที่ถูกสังให้เป็ นยามดูแลพวกเขา”4
้
่
2. การกลับตัวกลับใจคือประตูสู่ความเมตตาของพระผูเ้ ป็ นเจ้า
มีหลายครั้งหลายครานักที่มนุษย์เกิดความหักเหโดยเฉพาะในช่วงแรกๆของการเริ่ มต้นการจาริ ก
สู่อลลอฮ์ หากประตูแห่งการที่ยอนกลับไปเริ่ มต้นใหม่ถูกปิ ดตายสาหรับเขา แน่นอนเขาก็จะสิ้ น
ั
้
หวัง และเคว้งคว้าง ดังนั้นการอบรมฝึ กฝนในศาสนาอิสลาม จึงมีประตูแห่งการกลับตัวกลับใจ
ซึ่ งถือเป็ นพื้นฐานหลักที่สาคัญของการอบรม ฝึ กฝนจิตวิญญาณ และได้เรี ยกร้องเชิญชวนผูทา
้
บาปทั้งหลายเข้าสู่ประตูบานนี้เพื่อแก้ไขปรับปรุ งตนเอง แต่อย่างไรก็ตามต้องระลึกอยูเ่ สมอว่า
การกลับตัวกลับใจนั้นไม่ใช่เพียงลมปากเท่านั้น ไม่ใช่การกล่าว “อัสตัฆฟิ รุ ลลลอฮ์” เท่านั้น ทว่า
มีเงื่อนไขดังที่ได้กล่าวมาแล้วในโองการข้างต้น เมื่อใดก็ตามที่การกลับตัวกลับใจเกิดขึ้นอย่าง
4

มัจมูเอะ วะรอม เล่ม 1 หน้า6

~ 15 ~
จริ งใจตามเงื่อนไขแล้ว ย่อมส่งผลอย่างใหญ่หลวง ด้วยการที่บาปต่างๆทั้งหมดจะลงล้างไปจาก
จิตวิญญาณของมนุษย์
12-9‫آيه‬

‫ِب‬
‫ِب َمْح‬
)9(‫يأيها الَّل ُّىب جه ِب اَمْح َّلاو و اَمْحمُملِب ِب و َمْحلُمظ ل هسَمْح و مأو ُمسَمْح جهلَّلسُم و ِب َمْحس اَمْحم ِب ُم‬

‫ِب ِب‬
‫ِب‬
‫َّل‬
‫ضلب الهُم مي ًا ِّراَّللذي لُمو مَمْحلت نُم ح و مَمْحلأت اُم ط ان تا َمْحت بَمْح يَمْح ِب ِبم َمْح ِب بادنا صلح ِب فخان تاُها‬
‫ُم‬
‫َّل‬
)10( ‫ف لسَمْح يُمغَمْحِبل ا لهُمما ِبم الِبه َمْح اًا و ِب دَمْح ُم الَّلاو م ا َّل ِب ِبل‬
‫ِب‬
‫َّل‬
‫و ضلب الهُم مي ًا ِّراَّللذي ء ملُم مَمْحلأت ِبفل َمْحن ِب َمْح اات وب َمْح ِب ىل ِب ل ك َمْحتاًا ىف الَّلِب و جنِّرىن ِبم ِبفل َمْحن و‬
‫َمْح‬
‫َمْح‬
‫َمْح‬
‫ِب ِب‬
)11( ‫مِبلِبه و جنِّرىن ِبم اَمْح َمْحِب اظلم‬
‫ِب‬
‫و مل َمْحلت ِب مَمْحلن َّلاىت أ َمْح لت ف لجها ف ل خَمْحلا ِبف ِبه ِبم ووِب لا و ص َّل ت ِب ِبلمت وهبا و ُمتُمِببِبه و انت‬
‫ُّىب‬
‫َمْح‬
‫َمْح‬

)12( ‫ِبم اَمْح ِبلِبت‬
คาแปล
9. โอ้ ศาสดาเอ๋ ย จงต่ อสู้ กับพวกปฏิเสธศรั ทธาและพวก กลับกลอก และจงแข็งกร้ าวกับพวกเขา
เพราะที่พานักของพวกเขาคือนรก และมันเป็ นทางกลับที่ชั่วช้ ายิ่ง
10. อัลลอฮ์ ทรงยกอุทาหรณ์ แก่ บรรดาผู้ปฏิเสธศรั ทธาถึงภริ ยาของนูห์ และภริ ยาของลูฏ นางทั้ง
สองอยู่ภายใต้ การปกครองของบ่ าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่ าวของเรา แต่ นางทั้งสองได้ ทรยศต่ อ
เขาทั้งสองให้ พ้นจากการลงโทษาของอัลลอฮ์ แต่ ประการใด จึ งมีเสี ยงกล่ าวขึนว่ า เจ้ าทั้งสองจง
้
เข้ าไปในไฟนรกพร้ อมกับบรรดาผู้ที่เข้ าไปในมัน

~ 16 ~
11. และอัลลอฮ์ ทรงยกอุทาหรณ์ แก่ บรรดาผู้ศรั ทธาถึงภริ ยาของฟิ รอูนเมื่อนางได้ กล่ าวว่ า ข้ าแต่
พระผู้อภิบาลของข้ าพระองค์ ขอพระองค์ ทรงโปรดสร้ างบ้ านหลังหนึ่งให้ แก่ ข้าพระองค์ ณ ที่
พระองค์ ท่านในสวนสวรรค์ และทรงโปรดช่ วยข้ าพระองค์ ให้ พ้นจากฟิ รอูน และการกระทาของ
เขา และทรงโปรดช่ วยข้ าพระองค์ ให้ พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม
12. และมัรยัมบุตรี ของอิมรอน ผู้ซึ่งรั กษาพรหมจารี ของนาง แล้ วเราได้ เป่ าวิญญาณของเราเข้ า
ไปในนาง และนางได้ ศรั ทธาต่ อพระพจนารถต่ าง ๆ แห่ งพระผู้อภิบาลของนาง และ (ได้ ศรั ทธา
ต่ อ) คัมภีร์ต่ าง ๆ ของพระองค์ และนางจึ งอยู่ในหมู่ผ้ นอบน้ อมภักดีทั้งหลาย
ู

คาอรรถาธิบาย
สตรีแบบอย่ างของผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธ
เนื่องจากแน่นอนการที่ความลับภายในบ้านท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ถูกเปิ ดเผยออกมาและ
การทะเลาะ ความขัดแย้งระหว่างภรรยาของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ย่อมทาให้ บรรดาผูกลับกลอกดี
้
ใจ ซึ่ งถูกกล่าวถึงในโองการก่อนหน้านี้ ทว่าพวกเขาพยายามแพร่ กระจายเรื่ องนี้ ฉะนั้นเป็ นไป
ได้ว่าโองการแรกนี้จึงสังให้ปะทะกับพวกเขาอย่างแข็งกร้าว ทรงตรัสว่า “โอ้ ศาสดาเอ๋ ย จงต่ อสู้
่
กับพวกปฏิเสธศรั ทธาและพวกกลับกลอก และจงแข็งกร้ าวกับพวกเขา เพราะที่พานักของพวก
ั
เขาคือนรก และมันเป็ นทางกลับที่ชั่วช้ ายิ่ง ” เป็ นไปได้ที่การต่อสู้กบพวกบรรดาผูปฏิเสธอาจจะ
้
ั
เป็ นการต่อสู้ดวยอาวุธหรื อไม่ใช่ก็ได้ แต่ การต่อสู้กบบรรดาผูกลับกลอกนั้นไม่ใช่เป็ นการต่อสู้
้
้
ด้วยอาวุธอย่างแน่นอน เพราะไม่มีบนทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ใดเลยที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ต่อสู้
ั
ั
กับบรรดาผูกลับกลอกด้วยอาวุธ ด้วยเหตุน้ ีเป้ าหมายของการต่อสู้กบพวกเขา คือ การตาหนิ ข่มขู่
้
~ 17 ~
ตักเตือน และทาให้พวกเขาอัปยศ เพราะว่า การต่อสู้(ญิฮาด)ให้ความหมายกว้างซึ่ งครอบคลุมถึง
ทุก ๆ ความเพียรพยายาม และประโยค (และจงแข็งกร้าวกับพวกเขา) ชี้ให้เห็นถึงการแข็งกร้าว
ในคาพูด การข่มขู่และ การกระทาอื่นๆในลักษณะนี้ การต่อสู้ ในลักษณะนี้เฉพาะแก่บรรดาผู้
กลับกลอกทั้ง ๆที่พวกเขาเป็ นศัตรู ตัวฉกาจของอิสลาม เนื่องจากภายนอกพวกเขาแสดงตนเป็ น
่ ั
อิสลาม และได้ใช้ชีวิตร่ วมอยูกบบรรดามุสลิมอย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุน้ ีจึงเป็ นไปไม่ได้ที่จะ
กระทาต่อพวกเขาเหมือนกับบรรดาผูปฏิเสธ ทว่าในลักษณะที่พวกเขาไม่ได้ใช้อาวุธ ถ้าหาก
้
พวกใช้อาวุธแน่นอนต้องตอบโต้เช่นนั้นเหมือนกัน เพราะในลักษณะนี้ถือเป็ นการทาสงคราม
ถึงแม้ว่าเรื่ องนี้จะไม่เกิดขึ้นในสมัยท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ทว่าได้เกิดขึ้นหลังจากท่านโดยเฉพาะ
ั
สมัยอะมีรุลมุอมินีน อะลี (อ.) และอิมามก็ได้ลุกขึ้นต่อสู้กบบรรดาผูกลับกลอก ด้วยอาวุธเช่นกัน
์
้
ต่อมากลับมากล่าวถึงเรื่ องภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)อีกครั้ง เพื่อให้เป็ นบทเรี ยนในทางปฏิบติ
ั
่
แก่พวกนาง จึง กล่าวถึงชะตาชีวิตอย่างพอสังเขปของภริ ยาทั้งสองที่ไม่มีความยาเกรงทั้งที่อยูใน
บ้านของศาสดาที่ยิ่งใหญ่ท้งสองของอัลลอฮ์(ซบ.) และชะตาชีวิตของสองสตรี ผศรัทธาและผู้
ั
ู้
่
เสี ยสละ ซึ่ งผูหนึ่งอยูในบ้านของผูที่อธรรมที่สุดในหน้าประวัตศาสตร์ ทรงตรัสว่า “อัลลอฮ์ ทรง
้
้
ยกอุทาหรณ์ แก่ บรรดาผู้ปฏิเสธศรั ทธาถึงภริ ยาของนุห์ และภริ ยาของลู๊ฏ นางทั้งสองอยู่ภายใต้
การปกครองของบ่ าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่ าวของเรา แต่ นางทั้งสองได้ ทรยศต่ อเขาทั้งสองให้
พ้ นจากการลงโทษาของอัลลอฮ์ แต่ ประการใด จึ งมีเสี ยงกล่ าวขึนว่ า เจ้ าทั้งสองจงเข้ าไปในไฟ
้
นรกพร้ อมกับบรรดาผู้ที่เข้ าไปในมัน” ด้วยเหตุน้ ีจึงเตือนแก่ภริ ยาทั้งสองของท่านศาสดา(ศ็อล
ฯ)ที่เปิ ดเผยความลับและทาร้ายท่าน(ศ็อลฯ) ว่าอย่าคิดว่าเพียงการเป็ นภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อล
ฯ)สามารถปกป้ องเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษได้ อย่างที่ความ เป็ นภริ ยาของนุห์ (อ.) และลูฏ
~ 18 ~
(อ.) ได้ขาดสะบั้นลงจากครอบครัวแห่งตาแหน่งศาสดาและวะห์ยเู นื่องจากการทรยศ และต้อง
ประสบกับการลงโทษของพระผูเ้ ป็ นเจ้า นอกจากนั้นยังเป็ นการตักเตือนแก่บรรดาผูศรัทธา
้
ั
ทั้งหมดในทุก ๆ ระดับชั้นที่มีความเกี่ยวพันธ์กบบรรดาตัวแทนของอัลลอฮ์(ซบ.) ในลักษณะที่
ทาบาปก็จงอย่าคิดว่าจะปกป้ องเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของพระผูเ้ ป็ นเจ้าได้ สตรี สองคนนี้
ได้ทรยศต่อสองศาสดาผูยิ่งใหญ่ การทรยศของภริ ยาของศาสดาลูฏ (อ.) ที่ได้ให้ความร่ วมมือกับ
้
บรรดาศัตรู ของท่านศาสดา(อ.)และนาความลับภายในบ้านของท่านแจ้งแก่ฝ่ายศัตรู และภริ ยา
ของศาสดานุห์ (อ.)

ก็เช่นกันโองการข้างต้นได้ตดความหวังที่จอมปลอมของบรรดาผูที่คิดว่า
ั
้

ั
เพียงความสัมพันธ์กบบรรดาผูยิ่งใหญ่เฉกเช่นท่านศาสดา(ศ็อลฯ)จะสามารถช่วยให้พวกเขารอด
้
ปลอดภัย (ถึงแม้จะแปดเปื้ อนในการปฏิบติก็ตามที) เพื่อให้ไม่ให้ใครถือเอาความคิดนี้ปกป้ อง
ั
ตนเอง ทรงตรัสต่อท้ายโองการว่า “จึ งมีเสี ยงกล่ าวขึนว่ า เจ้ าทั้งสองจงเข้ าไปในไฟนรกพร้ อมกับ
้
บรรดาผู้ที่เข้ าไปในมัน” หมายความว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างพวกเจ้าและบุคคลอื่น ๆ
ต่อมากล่าวถึงสองตัวอย่างสาหรับบรรดาผูมีศรัทธา ทรงตรัสว่า “และอัลลอฮ์ ทรงยกอุทาหรณ์
้
แก่ บรรดาผู้ศรั ทธาถึงภริ ยาของฟิ รอูนเมื่อนางได้ กล่ าวว่ า ข้ าแต่ พระผู้อภิบาลของข้ าพระองค์ ขอ
พระองค์ ทรงโปรดสร้ างบ้ านหลังหนึ่งให้ แก่ ข้าพระองค์ ณ ที่พระองค์ ท่านในสวนสวรรค์ และ
ทรงโปรดช่ วยข้ าพระองค์ ให้ พ้นจากฟิ รอูน

และการกระทาของเขา และทรงโปรดช่ วยข้ า

ั
พระองค์ ให้ พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม” เป็ นที่รู้กนว่าภรรยาของฟิ รอูนคือ พระนางอาซี ยะฮ์ และ
บิดาของท่านมีนามว่า มะซาฮิม กล่าวกัน ว่าเมื่อนางได้เห็นปาฏิหาริ ยของศาสดามูซา (อ.) ต่อ
์
บรรดานักมายากล แสงสว่างแห่งศรัทธาได้เปล่งประกายในก้นบึ้งแห่งหัวใจของนางและมี
ศรัทธาต่อศาสดามูซา(อ.)ทันที ในขณะนั้นนางได้ซ่อนศรัทธาของนางไว้ตลอดเวลา ทว่าศรัทธา
~ 19 ~
และความรักต่ออัลลอฮ์(ซบ.)ไม่ใช่สิ่งที่สามารถปกปิ ดมันไว้ได้ตลอดไป เมื่อฟิ รอูนรู้ข่าวถึงการ
มีศรัทธาของนาง เขาได้ห้ามปรามนางหลายต่อหลายครั้ง และรบเร้าให้นางวางมือจากศาสนา
ของมูซา (อ.) และละทิ้งพระเจ้าของมูซา(อ.) แต่สตรี ผน้ ีไม่ยอมจานนต่อความต้องการของฟิ
ู้
รอูนอย่างหนักแน่น ในที่สุดฟิ รอูนสังให้มดนางไว้ดวยการตอกตะปูที่มือและเท้าและปล่อยให้
ั
้
่
่
อยูใต้แสงแดดที่แผดเผา แล้วได้วางหิ นอันใหญ่ไว้บนหน้าอกของนาง เมื่อช่วงสุดท้ายของชีวิต
ของนางได้มาถึง นางได้ ขอพร (ดุอาอ์) ว่า โอ้ขาแต่พระผู้ อภิบาของข้าฯ ได้โปรดทรงสร้างบ้าน
้
ั
หลังหนึ่งใกล้กบพระองค์ให้แก่ขาพระองค์ในสวนสวรรค์ดวยเถิด และโปรดให้ขาพระองค์หลุด
้
้
้
พ้นจากฟิ รอูนและการกระทาต่าง ๆ ของเขาด้วยเถิด และโปรดให้ขาพระองค์ปลอดภัยจากชน
้
ชาติที่กดขี่น้ ีดวยเถิด พระผูเ้ ป็ นเจ้าก็ตอบรับ คาขอพร (ดุอาอ์) ของสตรี ผศรัทธาที่สะอาดบริ สุทธิ์
้
ู้
่
และผูเ้ สี ยสละนางนี้ โดยให้นางได้อยูร่วมกับสตรี ที่ประเสริ ฐสุดของโลกคือพระนางมัรยัม ดังที่
่
่
ในโองการนี้ได้ให้อยูระดับเดียวกับพระนาง สิ่ งที่น่าทึ่งคือ ภรรยาของฟิ รอูนได้
ยิ่งใหญ่ของฟิ รอูนด้วยคากล่าวเช่นนี้

ดูแคลนวังที่

เมื่อเทียบกับบ้านที่อยูเ่ คียงข้างความเมตตาแห่งอัลลอฮ์

(ซบ.) แล้วนั้นมันไม่มีค่าอันใดเลย นางได้ให้คาตอบ เช่นนี้แก่พวกเขาที่ได้เตือนนางว่าจงอย่าให้
สวัสดิการอันอลังการที่ได้มาจากการเป็ นราชินีแห่งอียิปต์ อันเป็ นกรรมสิ ทธิ์ของท่านต้องหลุด
มือไปด้วยกับการมีศรัทธาต่อคนอย่างมูซาเลย ได้ประกาศความเอือมระอาของตนทั้งจากตัวของ
ฟิ รอูน ความกดขี่และบาปต่าง ๆ ของเขาด้วยประโยค (ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พนจากฟิ
้
รอูน และการกระทาของเขา) และประกาศการไม่ ให้ตนแปดเปื้ อนกับสภาพแวดล้อมที่เปรอะ
เปื้ อน และแปลกแยกตนจากการทาบาปต่าง ๆ ของพวกเขา ด้วยประโยค (และทรงโปรดช่วยข้า
พระองค์ให้พนจากหมู่ชนผูอธรรม) ประโยคทั้งสามนี้ช่างเป็ นประโยคที่คานวณไว้แล้ว ซึ่ งสตรี
้
้
~ 20 ~
ผูที่เข้าใจและผูเ้ สี ยสละได้อธิบายไว้ในช่วงสุดท้ายของชีวิตของนาง เป็ นคาพูดที่เป็ นแบบอย่าง
้
ให้แก่บรุ ษและสตรี ผศรัทธาทั้งโลก เป็ นคาตอบให้แก่ผที่ชอบอ้างถึงสภาพแวดล้อม หรื อภรรยา
ู้
ู้
ที่ไม่ดี ในการไม่ภกดีและไม่มีความยาเกรงต่อพระผูเ้ ป็ นเจ้า แน่นอนในยุคนั้นไม่มีฐานันดรใดที่
ั
จะยิ่งใหญ่และสูงส่งไปกว่าการเป็ นราชินีแห่งฟิ รอูน และเช่นกันไม่มีการลงโทษใดที่จะร้ายแรง
และรุ นแรงไปกว่าการลงโทษของฟิ รอูน แต่นางก็ไม่ยอมคุกเข่าจานน กลับมุ่งสู่หนทางแห่ง
ความพึงพอพระทัยของพระผูเ้ ป็ นเจ้าจนวาระสุดท้ายของชีวิต ต่อมาชี้ให้เห็นสตรี ผมีเกียรติท่าน
ู้
ที่สองซึ่ งถือว่าเป็ นแบบอย่างสาหรับบรรดาผูศรัทธา ทรงตรัสว่า “และมัรยัมบุตรี ของอิมรอน ผู้
้
ซึ่ งรั กษาพรหมจารี ของนาง แล้ วเราได้ เป่ าวิญญาณของเราเข้ าไปในนาง” ด้วยบัญชาแห่งอัลลอฮ์
(ซบ.)พระนางได้มีบุตรคนหนึ่งโดยปราศจากสามีซ่ ึ งต่อมาเป็ นศาสดาผูยิ่งใหญ่ของพระผูอภิบาล
้
้
ต่อมาทรงตรัสเพิ่มเติมว่า “ และนางได้ ศรั ทธาต่ อพระพจนารถต่ าง ๆ แห่ งพระผู้อภิบาลของนาง
และ (ได้ ศรั ทธาต่ อ) คัมภีร์ต่ าง ๆ ของพระองค์ และนางจึ งอยู่ในหมู่ผ้ นอบน้ อมภักดีทั้งหลาย”
ู
ท่านอยู่ ณ จุดสูงสุดใน ด้านของความศรัทธา เป็ นผูมีศรัทธามันต่อคัมภีร์แห่งฟากฟ้ าและบัญชา
้
่
ต่าง ๆ ทั้งหมดของพระผูเ้ ป็ นเจ้า และภักดีต่อบัญชาต่าง ๆ ของพระผูเ้ ป็ นเจ้าใน

ด้านของการ

ปฏิบติ เป็ นไปได้ที่ความแตกต่างระหว่างพระพจนารถกับคัมภีร์ คือ คัมภีร์ ชี้ให้เห็นถึงคัมภีร์
ั
ต่าง ๆ แห่งฟากฟ้ าทั้งหมดที่ถูกประทานลงมาแก่บรรดาศาสดา(ศ็อลฯ) และพระพจนารถ
ชี้ให้เห็นถึงวะห์ยต่าง ๆ ที่ไม่ใช่สภาพของคัมภีร์แห่งฟากฟ้ า และประโยค (แล้วเราได้เป่ า
ู
วิญญาณของเราเข้าไปในนาง) เป้ าหมายคือวิญญาณที่ยิงใหญ่และสูงส่ง หรื อกล่าวอีกอย่างได้ว่า
่
การเกี่ยวโยงวิญญาณยังพระผูเ้ ป็ นเจ้านั้นเป็ นการเกี่ยวโยงแบบการให้เกียรติซ่ ึ งมาเพื่ออธิบายถึง

~ 21 ~
ความยิ่งใหญ่ของสิ่ งหนึ่ง เช่นการเกี่ยวโยงบ้านยังอัลลอฮ์(ซบ.)ในประโยค บัยตุลลอฮ์ หาไม่
แล้วพระผูเ้ ป็ นเจ้าไม่มีท้งวิญญาณและบ้าน
ั
สาระศึกษา
1. มีฮะดีษบทหนึ่งจากอิมามซอดิก (อ.) ว่า “ ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ)ไม่เคยทาสงครามกับ
บรรดาผูกลับกลอกเลย ทว่าท่านพยายามที่จะเชื่อมโยงหัวใจของพวกเขา”5
้
2. มีรายงานบทหนึ่งจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ)ว่า “สตรี ที่ประเสริ ฐแห่งชาวสวรรค์มี
4ท่านคือ คอดียะฮ์ บุตรี ของ คุวยลิด , ฟาติมะฮ์ บุตรี ของ มุฮมหมัด (ศ็อลฯ) , มัรยัม บุตรี ของ
ั
ั
อิมรอน และอาซิ ยะฮ์ บุตรี ของมะซาฮิม6

5
6

มัจมะอุลบะยาน เล่ม 10 หน้า319
ดุรรุ ลมันษูร เล่ม 6 หน้า 246

~ 22 ~

More Related Content

What's hot

การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความการอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
Surapong Klamboot
 
ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์
Padvee Academy
 
ศาสนาเปรียบเทียบ
ศาสนาเปรียบเทียบศาสนาเปรียบเทียบ
ศาสนาเปรียบเทียบthnaporn999
 
หลักภาษา
หลักภาษาหลักภาษา
หลักภาษา
krumanee thaiswkj
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
Padvee Academy
 
จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้
Aoun หมูอ้วน
 
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงLakkana Wuittiket
 
ประวัติศาสตร์สุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัยประวัติศาสตร์สุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัย
chatsawat265
 
ถอดความบทประพันธ์เรื่อง โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
ถอดความบทประพันธ์เรื่อง โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการถอดความบทประพันธ์เรื่อง โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
ถอดความบทประพันธ์เรื่อง โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการsupaporn2516mw
 
PPTออมไว้ใส่ถุงแดง
PPTออมไว้ใส่ถุงแดง PPTออมไว้ใส่ถุงแดง
PPTออมไว้ใส่ถุงแดง KruBowbaro
 
โวหารการเขียน ม.6
โวหารการเขียน ม.6โวหารการเขียน ม.6
โวหารการเขียน ม.6
WijittraSreepraram
 
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎก
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎกโครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎก
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎกAnchalee BuddhaBucha
 
วิวัฒนาการการศึกษาไทย
วิวัฒนาการการศึกษาไทยวิวัฒนาการการศึกษาไทย
วิวัฒนาการการศึกษาไทยnaykulap
 
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ARM ARM
 
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาเทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา
CC Nakhon Pathom Rajabhat University
 

What's hot (20)

2
22
2
 
9 การกรอกแบบฟอร์ม(263-287)
9 การกรอกแบบฟอร์ม(263-287)9 การกรอกแบบฟอร์ม(263-287)
9 การกรอกแบบฟอร์ม(263-287)
 
สามัคคีเภทคำฉันท์2
สามัคคีเภทคำฉันท์2สามัคคีเภทคำฉันท์2
สามัคคีเภทคำฉันท์2
 
ปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาท ปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาท
 
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความการอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
การอ่านแปลความ ตีความและขยายความ
 
ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์ศาสนาซิกข์
ศาสนาซิกข์
 
ศาสนาเปรียบเทียบ
ศาสนาเปรียบเทียบศาสนาเปรียบเทียบ
ศาสนาเปรียบเทียบ
 
หลักภาษา
หลักภาษาหลักภาษา
หลักภาษา
 
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
ธรรมภาคปฏิบัติ บทที่ ๓ การเจริญวิปัสสนากรรมฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔
 
จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้จิตวิทยาการเรียนรู้
จิตวิทยาการเรียนรู้
 
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง
 
ประวัติศาสตร์สุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัยประวัติศาสตร์สุโขทัย
ประวัติศาสตร์สุโขทัย
 
ภุชงคประยาคฉันท์ 12
ภุชงคประยาคฉันท์ 12ภุชงคประยาคฉันท์ 12
ภุชงคประยาคฉันท์ 12
 
ถอดความบทประพันธ์เรื่อง โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
ถอดความบทประพันธ์เรื่อง โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการถอดความบทประพันธ์เรื่อง โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
ถอดความบทประพันธ์เรื่อง โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
 
PPTออมไว้ใส่ถุงแดง
PPTออมไว้ใส่ถุงแดง PPTออมไว้ใส่ถุงแดง
PPTออมไว้ใส่ถุงแดง
 
โวหารการเขียน ม.6
โวหารการเขียน ม.6โวหารการเขียน ม.6
โวหารการเขียน ม.6
 
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎก
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎกโครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎก
โครงสร้างและเนื้อหาสาระพระไตรปิฎก
 
วิวัฒนาการการศึกษาไทย
วิวัฒนาการการศึกษาไทยวิวัฒนาการการศึกษาไทย
วิวัฒนาการการศึกษาไทย
 
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
ประวัติศาสตร์ รัตนโกสินทร์ ประถมศึกษาปีที่6
 
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาเทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา
เทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนา
 

Similar to ตัฟซีร ซูเราะฮ์อัตตะฮ์รีม

Th asman ramadhan
Th asman ramadhanTh asman ramadhan
Th asman ramadhan
Loveofpeople
 
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอนความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอนMuhammadrusdee Almaarify
 
หนทางสสะลาฟียฺ
หนทางสสะลาฟียฺหนทางสสะลาฟียฺ
หนทางสสะลาฟียฺ
Muttakeen Che-leah
 
คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ
 คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ  คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ
คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ
Islamic Invitation
 
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมานsunnahstudent
 
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมานละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
sunnahstudent
 
๒๒ สามัญญผลสูตร มจร.pdf
๒๒ สามัญญผลสูตร มจร.pdf๒๒ สามัญญผลสูตร มจร.pdf
๒๒ สามัญญผลสูตร มจร.pdf
maruay songtanin
 
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัชผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัชKumobarick Achiroki
 
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรมหลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
Islamic Invitation
 
กุนูตศุบหฺ
กุนูตศุบหฺกุนูตศุบหฺ
กุนูตศุบหฺsunnahstudent
 
วิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษวิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษMuttakeen Che-leah
 
Th tuwaijiriy aliman_billah
Th tuwaijiriy aliman_billahTh tuwaijiriy aliman_billah
Th tuwaijiriy aliman_billah
IslamHouseCom
 
Th twaijiriy fadhail_alsiyam
Th twaijiriy fadhail_alsiyamTh twaijiriy fadhail_alsiyam
Th twaijiriy fadhail_alsiyam
Loveofpeople
 
Tri91 03++มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๓
Tri91 03++มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๓Tri91 03++มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๓
Tri91 03++มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๓Tongsamut vorasan
 
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดูศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดูJani Kp
 
๒๑ มหาสมัยสูตร มจร.pdf
๒๑ มหาสมัยสูตร มจร.pdf๒๑ มหาสมัยสูตร มจร.pdf
๒๑ มหาสมัยสูตร มจร.pdf
maruay songtanin
 
Th muhammad is not terrorist
Th muhammad is not terroristTh muhammad is not terrorist
Th muhammad is not terrorist
Loveofpeople
 
Th faisal siyam_makna_hukum_fadail
Th faisal siyam_makna_hukum_fadailTh faisal siyam_makna_hukum_fadail
Th faisal siyam_makna_hukum_fadail
Loveofpeople
 

Similar to ตัฟซีร ซูเราะฮ์อัตตะฮ์รีม (20)

Th asman ramadhan
Th asman ramadhanTh asman ramadhan
Th asman ramadhan
 
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอนความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
ความประเสริฐของ 10 คืนสุดท้ายเดือนเราะมะฎอน
 
หนทางสสะลาฟียฺ
หนทางสสะลาฟียฺหนทางสสะลาฟียฺ
หนทางสสะลาฟียฺ
 
คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ
 คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ  คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ
คู่มือเพื่อความเข้าใจศาสนาอิสลามพร้อมภาพประกอบฉบับย่อ
 
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
(ล่าสุดฉบับแก้ไขครั้งที่ 2) ละหมาดตะรอวีห์ โดย อาริฟีน แสงวิมาน
 
Mazhab
MazhabMazhab
Mazhab
 
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมานละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
ละหมาดตะรอวีหฺ เขียนโดย อารีฟีน แสงวิมาน
 
๒๒ สามัญญผลสูตร มจร.pdf
๒๒ สามัญญผลสูตร มจร.pdf๒๒ สามัญญผลสูตร มจร.pdf
๒๒ สามัญญผลสูตร มจร.pdf
 
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัชผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
ผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์จากอัลลอฮให้อยู่ใต้ร่มเงาของอรัช
 
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรมหลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
หลากหลายคำถามที่นำชาวชีอะฮฺสู่สัจธรรม
 
กุนูตศุบหฺ
กุนูตศุบหฺกุนูตศุบหฺ
กุนูตศุบหฺ
 
Pramote tarorveah
Pramote tarorveahPramote tarorveah
Pramote tarorveah
 
วิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษวิเคราะห์ฮะดีษ
วิเคราะห์ฮะดีษ
 
Th tuwaijiriy aliman_billah
Th tuwaijiriy aliman_billahTh tuwaijiriy aliman_billah
Th tuwaijiriy aliman_billah
 
Th twaijiriy fadhail_alsiyam
Th twaijiriy fadhail_alsiyamTh twaijiriy fadhail_alsiyam
Th twaijiriy fadhail_alsiyam
 
Tri91 03++มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๓
Tri91 03++มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๓Tri91 03++มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๓
Tri91 03++มหาวิภังค์+เล่ม+๑+ภาค+๓
 
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดูศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
 
๒๑ มหาสมัยสูตร มจร.pdf
๒๑ มหาสมัยสูตร มจร.pdf๒๑ มหาสมัยสูตร มจร.pdf
๒๑ มหาสมัยสูตร มจร.pdf
 
Th muhammad is not terrorist
Th muhammad is not terroristTh muhammad is not terrorist
Th muhammad is not terrorist
 
Th faisal siyam_makna_hukum_fadail
Th faisal siyam_makna_hukum_fadailTh faisal siyam_makna_hukum_fadail
Th faisal siyam_makna_hukum_fadail
 

ตัฟซีร ซูเราะฮ์อัตตะฮ์รีม

  • 1. ซูเราะฮ์ อตตะห์ รีม ั เชคอิมรอน พิชัยรัตน์ / แปลและเรียบเรียงจากตัฟซีรนะมูเนะฮ์ เนื้อหาโดยรวมของซูเราะฮ์ ซูเราะฮ์น้ ีถูกประทานที่มะดีนะฮ์ มีท้งหมด 12 โองการ ประกอบด้วยเนื้อหาสี่ ส่วนหลัก ั ๆ ดังนี้ ส่วนที่ 1 เริ่ มจากโองการที่ 1-5 เกี่ยวกับเรื่ องของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)กับภริ ยาบางคนของท่าน ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้ห้ามตัวท่านเองจากอาหารที่หะล้าลบางชนิด โองการข้างต้นจึงถูก ประทานลงมาและตาหนิบรรดาภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ส่วนที่ 2 ตั้งแต่โองการที่ 6-8 กล่าวแก่บรรดาผูศรัทธาทั้งหมดเกี่ยวกับการระวังเรื่ องการเรี ยนการ ้ สอนและการอบรมครอบครัวและความจาเป็ นในการขออภัยโทษจากความผิดบาป ส่วนที่ 3 มีเพียงโองการเดียวที่กล่าวแก่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ) เกี่ยวกับเรื่ องการญิฮาดกับบรรดาผู้ ปฏิเสธและบรรดาผูกลับกลอก ้ ส่วนที่ 4 เป็ นส่วนสุดท้ายของซูเราะฮ์ ซึ่ งประกอบด้วยโองการที่ 10-12 พระผูเ้ ป็ นเจ้าได้อธิบาย ถึงสภาพของสตรี ที่ประพฤติดีสองคน(ท่านหญิงมัรยัมและภรรยาของฟิ รอูน)และสภาพของสตรี ที่ประพฤติไม่ดีสองคน( ภรรยาของศาสดานูห์และภรรยาของศาสดาลูฏ) อันที่จริ งแล้วเป็ น โองการที่เตือนภรรยาของบรรดาผูศรัทธาโดยเฉพาะบรรดาภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ว่าจงทา ้ ตัวให้สอดคล้องกับกลุ่มแรกไม่ใช่กลุ่มที่สอง ~1~
  • 2. ความประเสริฐในการอ่ านซูเราะฮ์ นี้ มีฮะดีษบทหนึ่งจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ)ว่า “ใครก็ตามที่อ่านซูเราะฮ์น้ ี พระ ผูเ้ ป็ นเจ้าจะทรงประทานโอกาสในการขออภัยโทษที่บริ สุทธิ์แก่เขา”1 และมีฮะดีษอีกบทหนึ่งจากอิมามซอดิก (อ.) ว่า “ใครก็ตามที่อ่านซูเราะฮ์ฏอลากและ อัตตะห์รีมในนมาซวาญิบ พระผูเ้ ป็ นเจ้าจะทรงประทานที่พกพิงจากความกลัวและความทุกข์โศ ั รกแก่เขาในวันกิยามะฮ์ ให้เขารอดพ้นจากไฟแห่งนรก และทรงให้เขาเข้าสู่สวนสวรรค์เนื่องจาก การอ่านซูเราะฮ์น้ ีอย่างต่อเนื่อง เพราะสองซูเราะฮ์น้ ีเกี่ยวกับท่านศาสดา(ศ็อลฯ)”2 5-1‫آيه‬ ‫ِب َّل َّل َّل ِب‬ ‫ِب س الِبه ال َمْح ِب الِب س‬ ‫َمْح ِب‬ ‫ِب‬ ‫َّل‬ ‫َّل‬ )1(‫يأيها الَّل ُّىب ِب ل ُم ما أ َّل الهُم اك ت بَمْحتغى ملضات أزوجك و الهُم ُم وٌر وِب سٌر‬ ‫َّل‬ ‫ِّر‬ ‫َمْح‬ ‫َّل‬ ‫َّل‬ )2(‫َمْح ف لض الهُم ا سَمْح ِب َّلل أ َمْحِبل ُمسَمْح و الهُمم َمْح ش و ُم اَمْح ِبل سُم اَمْح ِب سُم‬ ‫َمْح‬ ‫َمْح‬ ‫َمْح ِب‬ ‫َّل‬ ‫و ِب َمْح أ ل الَّل ُّىب ِبىل َمْح ِب أزوجِبه ِب يياًا ف لما ن بَّلأت ِبِبه و أ هل ُم الهُم ل َمْحِبه لف َمْح هُم و أ َمْحلض‬ ‫َّل‬ ‫َّل‬ ‫َّل‬ )3(‫ف لما ن بَّلأ ا ِبِبه اات م َمْح أنبأك ذ اا ن بَّلأ اَمْح ِبل سُم اِبب ُم‬ ‫َمْح‬ ‫َّل‬ ‫ِب‬ ‫ِب‬ ‫َّل َّل‬ ‫َّل‬ ‫ِب ن ت تُم ا ِبىل الِبه ف َمْح صغت ُملُم ُم ُمما و ِب ن تظهل ل َمْحِبه فِب ن اله ُم م َمْح ُم و ج ِبي ُم و صل ُم اَمْحمُم َمْحِبمِبل و‬ ‫ِب‬ )4(‫اَمْحمل ُم َمْح ِباك ه ٌر‬ 1 2 มัจมะอุลบะยาน เล่ม 10 หน้า 311 ษะวาบุลอะอ์มาล ตามการรายงานของ นูรุษษะกอลัยน์ เล่ม 5 หน้า 267 ~2~
  • 3. ‫ى وُّىبهُمِب ن َّلل ُم َّل أن يُمبَمْحِب اهُم أزوجاًا ًا مِّرل ُم َّل مُم ِبلمت م َمْحِبملت ِبلتت ت بت ِبب ت حت ث ِّربت و‬ ‫ُّىب‬ ‫َمْح‬ )5(‫أ َمْح اوًا‬ คาแปล 1. โอ้ ศาสดาเอ๋ ย ทาไมเจ้ าจึ งห้ ามตัวเองจากสิ่ งที่อัลลอฮ์ ได้ ทรงอนุมติแก่ เจ้ า เพื่อแสวงหาความ ั พึงพอใจบรรดาภริ ยาของเจ้ าเล่ า ? และอัลลอฮ์ นั้นเป็ นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา 2. แน่ นอนอัลลอฮ์ ได้ ทรงกาหนดแก่ พวกเจ้ าแล้ วในการแก้ คาสาบานของพวกเจ้ าและอัลลอฮ์ เป็ น ผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้ า และพระองค์ เป็ นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรี ชาญาณ 3. และจงราลึกขณะที่ท่านศาสดาได้ บอกความลับเรื่ องหนึ่งแก่ ภริ ยาบางคนของเขา ครั้ นเมื่อนาง ได้ บอกเล่ าเรื่ องนี ้ (แก่ คนอื่น) และอัลลอฮ์ ได้ ทรงแจ้ งเรื่ องนีแก่ เขา (ท่ านศาสดา) เขาก็ได้ แจ้ ง ้ บางส่ วนของเรื่ องนี ้ และไม่แจ้ งบางส่ วน ครั้ นเมื่อเขา (ท่ านศาสดา) ได้ แจ้ งเรื่ องนีแก่ นาง นางได้ ้ กล่ าวว่ า ใครบอกเล่ าเรื่ องนีแก่ ท่าน ? เขา (ท่ านศาสดา) กล่ าวว่ าพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรง ้ ตระหนักยิ่ง ทรงแจ้ งแก่ ฉัน 4. หากเจ้ าทั้งสองกลับเนือกลับตัวขออภัยโทษต่ อัลลอฮ์ (ก็จะเป็ นการดีแก่ เจ้ าทั้งสอง) ้ เพราะ แน่ นอนหั วใจของเจ้ าทั้งสองก็โอนอ่ อนอยู่แล้ ว แต่ หากเจ้ าทั้งสองร่ วมกันต่ อต้ านเขา (ท่ าน ศาสดา) แท้ จริ งอัลลอฮ์ พระองค์ เป็ นผู้ทรงคุ้มครองเขา อีกทั้งญิบรี ล และบรรดาผู้ศรั ทธาที่ดี ๆ และนอกจากนั้น มะลาอิกะฮ์ กยังเป็ นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนอีกด้ วย ็ 5.หากเขาหย่ าพวกนาง บางทีพระผู้อภิบาลของเขาจะทรงเปลี่ยนแปลงให้ แก่ เขามีภริ ยาที่ดีกว่ า พวกนาง เป็ นหญิงที่นอบน้ อมถ่ อมตน เป็ นหญิงผู้ศรั ทธา เป็ นหญิงผู้ภักดี เป็ นหญิงผู้ขอลุแก่ โทษ ~3~
  • 4. เป็ นหญิงผู้มนต่ อการอิบาดะฮ์ เป็ นหญิงผู้มนต่ อการถือศีลอด เป็ นหญิงที่เป็ นหม้าย และที่เป็ น ั่ ั่ หญิงสาว สาเหตุการประทาน มีบนทึกไว้ว่า ั : บางครั้งท่านศาสดา(ศ็อลฯ)จะไปหา พระนางไซหนับ บินติ ญุฮช์ (ภริ ยา คนหนึ่งของท่าน) ไซหนับได้มองท่าน แล้วนาน้ าผึ้งที่เตรี ยมไว้มาให้แก่ท่าน เรื่ องนี้ไปถึงหูของ พระนางอาอิชะฮ์ นางกล่าวว่า “ ฉันได้นดกับ ฮัฟเซาะฮ์ (ภริ ยาอีกท่านหนึ่งของท่านศาสดา(ศ็อล ั ฯ))ว่าเมื่อไหร่ ก็ตามที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)มาหาใครคนใดคนหนึ่ง ให้รีบกล่าวเลยว่า ท่าน รับประทานยางไม้มะฆอฟี รมาหรื ออย่างไร ?(มะฆอฟิ ร คือยางไม้ชนิดหนึ่งที่ไหลออกมาจาก ต้นไม้ของฮิญาซที่มีชื่อว่า อุรฟุฏ และมีกลิ่นเหม็น) ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)จะพิถีพิถนที่จะไม่ให้มี ั กลิ่นไม่ดีจากปากหรื อเสื้ อผ้าของท่านเลย ทว่าท่านต้องการให้มีกลิ่นหอมอยูเ่ สมอ ด้วยเหตุน้ ีวน ั ั หนึ่งท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้มาหาพระนางฮัฟเซาะฮ์ นางได้พูดเช่นนี้กบท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ท่าน ดารัสว่า “ ฉันไม่ได้กิน มะฆอฟิ ร แต่ฉนดื่มน้ าผึ้งที่ ซัยหนับ บินติ ญุฮช์ และฉันสาบานว่า ั ต่อไปนี้จะไม่ดื่มน้ าผึ้งนั้นอีกแล้ว (เป็ นไปได้ที่ผ้ ึงอาจไปทารังบนต้นไม้ที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะต้น มะฆอฟิ ร) แต่นางอย่านาเรื่ องนี้ไปพูดกับใครล่ะ ” แต่สุดท้ายนางก็ได้เปิ ดโปง ความลับนี้ และต่อมาก็รู้ว่าเรื่ องนี้เป็ นการวางแผน ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)โกรธมาก โองการข้างต้น จึงถูกประทานลงมา3 คาอรรถาธิบาย การตาหนิอย่ างรุนแรงต่ อภริยาบางท่ านของท่ านศาสดา(ศ็อลฯ) 3 บุคอรี เล่ม 6 หน้า 193 ~4~
  • 5. ไม่ตองสงสัยเลยว่าบุรุษผูยิ่งใหญ่เฉกเช่น ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)มิได้เป็ นของใครคนใดคน ้ ้ หนึ่งเพียงคนเดียว ทว่าเป็ นของสังคมอิสลามและโลกมนุษย์ท้งหมด ด้วยเหตุน้ ีหากในบ้านมีการ ั ่ วางแผนต่าง ๆ ที่ต่อต้านท่านเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าผิวเผินแล้วจะเป็ นเรื่ องเล็ก จะต้องไม่ปล่อยให้ผาน ไปง่าย ๆ เกียรติยศของท่านจะต้องไม่เป็ นเครื่ องเล่นของคนโน้นคนนี้ ถ้าหากมีแผนงานเช่นนี้ เกิดขึ้นจะต้องโต้ตอบอย่างเด็ดขาด อันที่จริ งโองการข้างต้นเป็ นความเด็ดขาดจากพระผูเ้ ป็ นเจ้าผู้ ทรงยิ่งใหญ่ต่อเหตุการณ์เช่นนี้ เพื่อรักษาไว้ซ่ ึ งเกียรติยศแห่งศาสดาของพระองค์ เริ่ มด้วยการ สนทนากับท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ว่า “โอ้ ศาสดาเอ๋ ย ทาไมเจ้ าจึ งห้ ามตัวเองจากสิ่ งที่อัลลอฮ์ ได้ ทรง อนุมติแก่ เจ้ า เพื่อแสวงหาความพึงพอใจบรรดาภริ ยาของเจ้ าเล่ า ?” แน่นอนการห้ามนี้ไม่ใช่เป็ น ั การห้ามของหลักการศาสนา ทว่าอย่างที่จะได้รับประโยชน์จากโองการต่อมาว่าท่านศาสดา (ศ็อลฯ)ได้กล่าวคาสาบาน และการสาบานในการละทิ้งสิ่ งที่อนุญาต (มุบาห์) นั้นไม่ถือเป็ นบาป ด้วยเหตุน้ ีประโยค (ทาไมเจ้าจึงห้ามตัวเอง) ไม่ใช่เป็ นการตาหนิแต่เป็ นความเห็นใจและความ เมตตา ทรงตรัสท้ายโองการว่า “ และอัลลอฮ์ นั้นเป็ นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตา” การอภัยและความ เมตตานี้แก่บรรดาภริ ยาที่ก่อเรื่ องนี้ข้ ึน ซึ่ งถ้าหากขออภัยโทษอย่างแท้จริ งก็จะได้รับสิ่ งนั้น เช่นกัน และตรัสเพิ่มเติมในโองการต่อมาว่า “แน่ นอนอัลลอฮ์ ได้ ทรงกาหนดแก่ พวกเจ้ าแล้ วใน การแก้ คาสาบานของพวกเจ้ า” ด้วยเหตุน้ ีจงจ่ายค่าชดเชย(กัฟฟาเราะฮ์)แล้วให้ตวเองเป็ นอิสระ ั แต่ถาหากสาบานในกรณี ที่ละทิ้งสิ่ งที่ไม่ดี จาเป็ นต้องปฏิบติตามคาสาบานนั้นไม่เช่นนั้นถือเป็ น ้ ั บาป ส่วนกรณี ละทิ้งสิ่ งที่ดี(เฉกเช่นโองการนี้)ในลักษณะเช่นนี้อนุญาตให้ไม่ตองทาตามคา ้ สาบานได้ แต่เพื่อรักษาเกียรติของการสาบานเป็ นการดีที่ให้จ่ายค่าชดเชยด้วยเช่นกัน ต่อมาทรง ตรัสว่า “และอัลลอฮ์ เป็ นผู้ทรงคุ้มครองพวกเจ้ า และพระองค์ เป็ นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรี ชาญาณ” ~5~
  • 6. ด้วยเหตุน้ ีพระองค์จึงทาให้ทางรอดพ้นจากการสาบานในลักษณะนี้ราบรื่ นแก่เจ้า และทรงแก้ไข ปัญหาแก่เจ้าด้วยความรอบรู้และปรี ชาญาณของพระองค์ มีรายงานกล่าวว่าหลังจากที่โองการถูก ประทานลงมาท่านศาสดาได้ปล่อยท่าสคนหนึ่งให้เป็ นอิสระ และทาให้สิ่งที่เคยสาบานเป็ นที่ ต้องห้ามสาหรับตนเองกลายเป็ นสิ่ งที่อนุมติ (ฮาล้าล) โองการต่อมาได้อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ั เรื่ องนี้ว่า “และจงราลึกขณะที่ท่านศาสดาได้ บอกความลับเรื่ องหนึ่งแก่ ภริ ยาบางคนของเขา ครั้ น เมื่อนางได้ บอกเล่ าเรื่ องนี ้ (แก่ คนอื่น) และอัลลอฮ์ ได้ ทรงแจ้ งเรื่ องนีแก่ เขา (ท่ านศาสดา) เขาก็ได้ ้ แจ้ งบางส่ วนของเรื่ องนี ้ และไม่แจ้ งบางส่ วน” ความลับอันนี้คืออะไรกันที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้ กล่าวแก่ภริ ยาบางคน ซึ่ งนางไม่เก็บเป็ นความลับไว้ ? ตามที่เราได้กล่าวในสาเหตุการประทาน แล้วว่า ความลับนี้มีดวยกันสองเรื่ อง คือการดื่มน้ าผึ้งจากภริ ยาของท่าน ไซหนับ บินติ ญุฮช์ ้ และการห้ามตัวเองโดยไม่ดื่มมันอีกต่อไป และภริ ยาที่ไม่เก็บเป็ นความลับในโองการนี้คือ พระ นางฮัฟเซาะฮ์ ที่นางได้ยินคากล่าวนี้แล้วนาไปบอกแก่ พระนางอาอิชะฮ์ เมื่อท่านศาสดา(ศ็อลฯ) รู้ถึงการเปิ ดเผยความลับนี้จากหนทางของวะห์ยู ท่านจึงกล่าวบางเรื่ องแก่พระนางฮัฟเซาะฮ์ โดย ไม่กล่าวอีกบางเรื่ องทั้งนี้เพื่อไม่ให้นางเกิดความละอายมากไปกว่านี้ท(เป็ นไปได้ที่ท่านอาจจะ เป็ นกล่าวเรื่ องแรก คือ การดื่มน้ าผึ้งและไม่กล่าวถึงเรื่ องที่สองคือ การห้ามตัวเองจากการดื่ม) อย่างไรก็ตามเมื่อท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้แจ้งข่าวการถูกเปิ ดเผยความลับนี้แก่พระนาง(ฮัฟเซาะฮ์) นางกล่าวว่า “ ครั้ นเมื่อเขา (ท่ านศาสดา) ได้ แจ้ งเรื่ องนีแก่ นาง นางได้ กล่ าวว่ า ใครบอกเล่ าเรื่ องนี ้ ้ แก่ ท่าน ? เขา (ท่ านศาสดา) กล่ าวว่ าพระผู้ทรงรอบรู้ พระผู้ทรงตระหนักยิ่ง ทรงแจ้ งแก่ ฉัน ” ได้รับจากโองการนี้โดยรวมว่า ภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)บางคน ไม่เพียงแต่ทาให้ท่าน ศาสดาเสี ยใจด้วยคาพูด ทว่าเรื่ องการเก็บความลับซึ่ งถือเป็ นคุณสมบัติที่สาคัญที่สุดของภรรยาที่ ~6~
  • 7. ซื่ อสัตย์ ก็ไม่มีในพวกนางเช่นกัน แต่ในทางกลับกัน ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ได้ปฏิบติอย่างยิ่งใหญ่ ั ต่อพวกนางทั้งๆที่มีคุณลักษณะเช่นนี้ แม้แต่ไม่พร้อมที่จะพูดความลับทั้งหมดที่นางได้เปิ ดเผย ให้นางได้รับรู้ ท่านได้ช้ ีให้เห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น ต่อมาทรงตรัสแก่ภรรยาสองคนที่ได้ วางแผนข้างต้นว่า “หากเจ้ าทั้งสองกลับเนือกลับตัวขออภัยโทษต่ อัลลอฮ์ (ก็จะเป็ นการดีแก่ เจ้ า ้ ทั้งสอง) เพราะแน่ นอนหั วใจของเจ้ าทั้งสองได้ โน้ มเอียงไปแล้ ว”เป้ าหมายของทั้งสองใน โองการนี้ เป็ นมติเอกฉันท์ท้งฝ่ ายชีอะฮ์และพี่นองซุนนะฮ์ว่า คือ พระนางฮัฟเซาะฮ์และพระนาง ั ้ อาอิชะฮ์ ซึ่ งเป็ นลูกสาวของ อุมรและอบูบกร์ ตามลาดับ และเป้ าหมายของ(หัวใจของเจ้าทั้งสอง ั ั ได้โน้มเอียงไปแล้ว)คือการหลงผิดของจิตใจพวกนางออกจากทางแห่งสัจธรรมสู่การทาบาป แล้วทรงตรัสเพิ่มเติมว่า “แต่ หากเจ้ าทั้งสองร่ วมกันต่ อต้ านเขา (ท่ านศาสดา) แท้ จริ งอัลลอฮ์ พระองค์ เป็ นผู้ทรงคุ้มครองเขา อีกทั้งญิบรี ล และบรรดาผู้ศรั ทธาที่ดี ๆ และนอกจากนั้น มะลาอิ กะฮ์ กยังเป็ นผู้ช่วยเหลือสนับสนุนอีกด้ วย” ประโยคนี้ช้ ีให้เห็นว่าเรื่ องนี้ได้ส่งผลกระทบในแง่ ็ ลบต่อจิตใจอันบริ สุทธิ์และยิ่งใหญ่ของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)มากเพียงใด จนกระทังพระผูเ้ ป็ นเจ้า ่ ต้องปกป้ องท่าน ทั้ง ๆ ที่พลานุภาพของพระองค์เองก็เพียงพอแล้วจากทุก ๆ สิ่ ง ยังทรงประกาศ ถึงการช่วยเหลือสนับสนุนของญิบรออีล บรรดาผูศรัทธาที่ดีและมวลมะลาอิกะฮ์อื่น ๆอีก ้ เช่นกัน โองการสุดท้ายพระผูเ้ ป็ นเจ้าทรงกลับมาตรัสแก่บรรดาภริ ยาทั้งหมดของท่านศาสดา (ศ็อลฯ)ด้วยการเตือนสาทับว่า “หากเขาหย่ าพวกนาง บางทีพระผู้อภิบาลของเขาจะทรง เปลี่ยนแปลงให้ แก่ เขามีภริ ยาที่ดีกว่ าพวกนาง เป็ นหญิงที่นอบน้ อมถ่ อมตน เป็ นหญิงผู้ศรั ทธา เป็ นหญิงผู้ภักดี เป็ นหญิงผู้ขอลุแก่ โทษ เป็ นหญิงผู้มนต่ อการอิบาดะฮ์ เป็ นหญิงผู้มนต่ อการถือ ั่ ั่ ศีลอด เป็ นหญิงที่เป็ นหม้าย และที่เป็ นหญิงสาว ” ด้วยเหตุน้ ีทรงเตือนแก่พวกนางว่า อย่าคิดว่า ~7~
  • 8. ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)จะไม่หย่าพวกนาง และอย่าคิดว่า หากหย่าพวกนางแล้วจะไม่มีภรรยาคนใด ที่ดีกว่ามาแทนที่พวกนางได้ จงวางมือจากการวางแผน การทาร้าย หาไม่แล้วพวกเจ้าจะถูกกีด กันจากความภาคภูมิในการเป็ นภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ไปตลอดกาล และจะมีบรรดาสตรี ที่ ดีกว่า ที่ประเสริ ฐกว่ามาแทนที่พวกนาง สาระศึกษา คุณสมบัตของภรรยาที่ดี ิ 1. ตรงนี้อลกุรอานกล่าวถึงคุณสมบัติของภรรยาที่ดีไว้ 6 ประการ ซึ่ งมุสลิมสามารถนามาเป็ น ั ต้นแบบในการเลือกคู่ครอง 1. อิสลาม ้ 2. ศรัทธา กล่าวคือ ความเชื่อความศรัทธาที่ซึมซับเข้าสู่กนบึ้งของหัวใจ 3. ความนอบน้อมและการเชื่อฟังสามี 4. การขออภัย กล่าวคือหากทาความผิด ต้องไม่ร้ ันในความความผิดของตนและรู้จกขออภัย ั 5. นมัสการ (อิบาดะฮ์) ต้องเป็ นการภักดีที่สร้างจิตวิญญาณให้สะอาดผุดผ่อง 6. เชื่อฟังและภักดีต่อพระผูเ้ ป็ น่เจ้า หลีกห่างจากการการทาบาปทั้งปวง ประเด็นที่น่าสนใจคือ คาว่า ‫ سائحات‬เป็ นพหุพจน์ของคาว่า ‫ سائح‬ซึ่ งนักอรรถาธิบายอัลกุ รอานส่วนมากให้ความหมายว่า ผูถือศีลอด แต่ท่านรอฆิบ กล่าวไว้ในหนังสื อ มุฟรอดาต ว่า การ ้ ถือศีลอดมี 2 ลักษณะคือ (ฮะกีกี) กล่าวคือเป็ นการถือศีลอดที่ละเว้นจากการกินการดื่ม ลักษณะ ที่สนอง คือ (ฮุกมี) กล่าวคือ การระมัดระวังอวัยวะทั้งหมดจากการทาบาปทั้งปวง และเป้ าหมาย ่ ของการถือศีลอดในโองการข้างต้นนั้นอยูในการลักษณะที่สอง ~8~
  • 9. 2. ใครคือผูศรัทธาที่ดี ้ ไม่ตองสงสัยเลยว่า ผูศรัทธานั้นมีความหมายที่กว้าง ซึ่ งครอบคลุมผูศรัทธาที่มีความยาเกรงที่ ้ ้ ้ สมบูรณ์ทุกคน แม้ว่าคาว่า ‫ صالح‬จะเป็ นคาเอกพจน์ก็ตาม แต่ก็ให้ความหมายที่ครอบคลุม ทว่า ใครกันคือผูศรัทธาที่มีความสมบูรณ์สูงสุดในตรงนี้ แน่นอนมีรายงานมากมายกล่าวว่า หมายถึง ้ อิมามอะลี (อ.) 3. ท่านศาสดาไม่พอใจภริ ยาบางท่าน มีบุรุษผูยิงใหญ่มากมายในหน้าประวัติศาสตร์ ที่มีภริ ยาไม่เหมาะสมและคู่ควรกับพวกท่าน และ ้่ เป็ นเหตุให้ตองอดทนกล้ ากลืนฝื นทนกับนาง ซึ่ งอัลกุรอานก็กล่าวถึงตัวอย่างต่างๆไว้ในหมู่ ้ บรรดาศาสดา โองการข้างต้นชี้ให้เห็นว่าท่านศาสดามุฮมหมัด (ศ็อลฯ) ก็ไม่พอใจภริ ยาบางท่าน ั เนื่องจากการแข่งขันกันและกันระหว่างพวกนางทาให้จิตวิญญาณอันบริ สุทธ์ของท่านต้องมีรอย แผล จนบางครั้งต้องทาให้ท่านต้องเอ่ยตาหนิพวกนาง กระทังพระผูเ้ ป็ นเจ้าต้องออกมาปกป้ อง ่ ท่านศาสดาด้วยการเตือนสาทับ จนถึงขั้นข่มขู่ดวยการหย่าร้างเลยทีเดียว อย่างที่มีปรากฏว่า ้ หลังจากเหตุการณ์ของโองการข้างต้นเกิดขึ้น ท่านศาสดาไม่พอใจภริ ยาของท่านเป็ นเวลานานถึง หนึ่งเดือน ทั้งนี้เพื่อให้นางให้สานึกและปรับปรุ งตน 4. การเปิ ดเผยความลับ การเก็บความลับไม่เพียงแต่เป็ นคุณสมบัติของผูศรัทธาที่แท้จริ งเท่านั้น ทว่ามนุษย์ผมีเกียรติทุก ้ ู้ คนจาเป็ นต้องมีคุณสมบัติเช่นนี้ และยิ่งเป็ นสิ่ งจาเป็ นและมีความสาคัญในกรณี เพื่อนสนิทและ ภริ ยา จากโองการข้างต้นเราก็ได้เห็นแล้วว่าพระผูเ้ ป็ นเจ้าทรงตาหนิภริ ยาบางท่านของท่าน ศาสดามุฮมหมัด (ศ็อลฯ) ไว้รุนแรงเพียงใด ที่ได้เปิ ดเผยความลับของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ั ~9~
  • 10. 5. ต้องไม่ทาให้สิ่งอนุมติของพระองค์เป็ นสิ่ งต้องห้ามสาหรับตนเอง ั ่ กรณี ที่พระองค์ทรงให้เป็ นสิ่ งอนุมติ (ฮะล้าล) หรื อ ต้องห้าม (ฮะรอม) ทั้งหมดล้วนวางอยูบน ั บรรทัดฐานของความเหมาะสมอย่างถ้วนถี่ ดังนั้นจึงเหลือที่ว่างให้มนุษย์สลับที่ระหว่างสิ่ งที่ฮะ ล้าลและสิ่ งที่ฮะรอมสาหรับตน แม้แต่หากได้ทาการสาบาน –เหมือนดังกรณี โองการข้างต้น- ก็ ให้ยกเลิกคาสาบานนั้น 8-6‫آيه‬ ‫ِب‬ ‫ٌر‬ ‫يأيها َّلاذي ء ملُم ُم أن ُم سَمْح و أ َمْحِبل سَمْح ناوًا و ُم دُم ا الَّلاس و اَمْحِب جاوُم ل ها مل ٌر ِب ظ ِب دٌر‬ ‫َّل‬ )6(‫ي َمْح ن اله ما أمل ُمسَمْح و ي َمْح لُم ن ما يُمَمْحملُمون‬ ‫ِب‬ )7(‫لُمو ت َمْحتذوُمو اَمْح َمْح ِبَّلَّنا َمْح ون ما ُملتُمسَمْح ت َمْحملُم ن‬ ‫َمْح‬ ‫ِب‬ ‫اًا ى وُّىب ُمسَمْح أن يُم ِّرل ل ُمسَمْح ِّر ات ُمسَمْح و يُمَمْح ِب ل سَمْح جلَّلت‬ ‫ِب ِب ِب ِب‬ ‫أيَمْح يهسَمْح و أ َمْح لهسَمْح‬ ‫ء ملُم م هُم نُم وُم ُمسَمْح ي ى‬ )8(‫ِب يلٌر‬ ‫ِب‬ ‫يأيها َّلاذي‬ ‫ِب‬ ‫َّل‬ ‫يأيها َّلاذي ء ملُم تُم ُم ِبىل الِبه ت َمْح ًا نَّل‬ ‫ِب‬ ‫َّل‬ ‫خيَمْحِبى الهُم الَّل َّل و َّلاذي‬ ‫ِب‬ ‫َمْحتها انَمْحهلُم ي َمْح‬ ‫ِب‬ ‫َمْحلى ِبم‬ ‫ي ُم اُم ن وَّللا أ َمْحِب سَمْح الا نُم ونا و َمْحِب ل الا ِب نَّلك لى ِّر ىَمْحء‬ ‫َمْح‬ คาแปล 6. โอ้ บรรดาผู้ศรั ทธาเอ๋ ย จงปกป้ องตัวของพวกเจ้ าและครอบครั วของพวกเจ้ าให้ พ้นจากไฟนรก เพราะเชือเพลิงของมันคือมนุษย์ และก้ อนหิ น มีมะลาอิกะฮ์ ผ้ แข็งกร้ าวหาญคอยเฝ้ ารั กษามันอยู่ ้ ู พวกเขาจะไม่ฝ่าฝื นอัลลอฮ์ ในสิ่ งที่พระองค์ ทรงบัญชาแก่ พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ ถูกบัญชา ~ 10 ~
  • 11. 7. โอ้ บรรดาผู้ปฏิเสธศรั ทธาเอ๋ ย วันนีพวกเจ้ าอย่ าได้ แก้ ตัวเลย ้ แต่ ว่าพวกเจ้ าจะถูกตอบแทน ตามที่พวกเจ้ าได้ กระทาไว้ 8. โอ้ บรรดาผู้ศรั ทธาเอ๋ ย จงขอลุแก่ โทษแด่ อัลลอฮ์ ด้วยการลุแก่ โทษอย่ างจริ งใจเถิดบางทีพระผู้ อภิบาลของพวกเจ้ าจะลบล้ างความผิดของพวกเจ้ าออกจากพวกเจ้ าและจะทรงให้ พวกเจ้ าเข้ า สวนสวรรค์ หลากหลาย ณ เบืองล่ างสวนสวรรค์ นั้นมีลานาหลายสายไหลผ่ าน วันที่อัลลอฮ์ จะ ้ ้ ไม่ทรงทาให้ ศาสดา และบรรดาผู้ศรั ทธาร่ วมกับเขาต้ องอัปยศแสงสว่ างของพวกเขาจะส่ องจ้ า ไปเบืองหน้ าของพวกเขาและทางเบืองขวาของพวกเขา พวกเขาจะกล่ าวว่ าข้ าแต่ พระผู้อภิบาล ้ ้ ของเรา ขอพระองค์ ได้ ทรงโปรดทาให้ แสงสว่ างของเราอยู่กับเราตลอดไปและทรงยกโทษให้ แก่ เราแท้ จริ งพระองค์ ท่านเป็ นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ ง คาอรรถาธิบาย จงให้ ครอบครัวของตนปลอดภัยจากไฟแห่ งนรก ต่อจากการเตือนและการตาหนิภริ ยาบางคนของท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ในโองการต่าง ๆ นี้ พระผูเ้ ป็ นเจ้าทรงตรัสแก่บรรดาผูศรัทธาทั้งหมด โดยทรงตรัสถึงบัญชาต่าง ๆ เกี่ยวกับการสอน ้ การอบรม ภรรยา ลูก ๆ และครอบครัวว่า “โอ้ บรรดาผู้ศรั ทธาเอ๋ ย จงปกป้ องตัวของพวกเจ้ าและ ครอบครั วของพวกเจ้ าให้ พ้นจากไฟนรก เพราะเชือเพลิงของมันคือมนุษย์ และก้ อนหิ น ” การ ้ ปกป้ องตนเองจากการทาบาป และไม่ยอมจานนต่ออารมณ์แห่งความดื้อรั้น และปกป้ อง ครอบครัวด้วยการเรี ยนการสอน การอบรม การเชิญชวนสู่ความดีและการห้ามปรามจากความ ชัว สร้างบรรยากาศภายในบ้านแลครอบครัวให้สะอาดบริ สุทธิ์ปราศจากทุก ๆ สิ่ งที่แปดเปื้ อน ่ แผนงานอันนี้จาเป็ นต้องเริ่ มตั้งหิ นก้อนแรกที่สร้างครอบครัว กล่าวคือ ตั้งแต่เริ่ มแต่งงานและ ~ 11 ~
  • 12. ต่อมาเริ่ มตั้งแต่มีลูก ต้องวางแผนงานให้ถูกต้องในทุก ๆขั้นตอน และติดตามอย่างรอบคอบที่สุด จะกล่าวอีกอย่างได้ว่า สิ ทธิของภรรยาและลูก ๆ นั้นไม่ใช่เพียงแต่การเตรี ยมพร้อมค่าใช้จ่ายใน ่ การใช้ชีวิต ที่อยูอาศัยและอาหารการกินของพวกเขาเท่านั้น สิ่ งที่สาคัญกว่านั้นคือ อาหารทางจิต วิญญาณของพวกเขาและการสอน การอบรมที่ถูกต้อง สิ่ งที่น่าสนใจคือ ประโยค (จงปกป้ อง) ชี้ให้เห็นว่าหากปล่อยพวกเขาไว้ตามสภาพ พวกเขา ก็จะมุ่งสู่หนทางของไฟนรก ท่านต่างหากที่ จาเป็ นต้องปกป้ องพวกเขาให้รอดพ้นจากการตกลงไปในไฟแห่งนรก ไฟแห่งนรกไม่เหมือนกับ ไฟแห่งโลกนี้ เปลวไฟต่าง ๆ ของมันนั้นได้ปะทุมาจากภายในของมนุษย์และจากหิ นต่าง ๆ ต่อมาทรงตรัสว่า “ มีมะลาอิกะฮ์ ผ้ แข็งกร้ าวหาญคอยเฝ้ ารั กษามันอยู่ พวกเขาจะไม่ฝ่าฝื นอัลลอฮ์ ู ในสิ่ งที่พระองค์ ทรงบัญชาแก่ พวกเขา และพวกเขาจะปฏิบัติตามที่ถูกบัญชา” ด้วยเหตุน้ ีจึงไม่มี ทางที่จะหนี การร้อง ไห้ การขอร้อง และการโหดครวญก็ไม่ส่งผลอันใดเลย แน่นอนเจ้าหน้าที่ ในแต่ละฝ่ ายต่างก็ตองมีจิตวิญญาณที่คู่ควรกับภารกิจนั้นๆ และเจ้าหน้าที่ที่ทาการลงโทษก็ยอม ้ ้ มีคุณสมบัติที่ไร้ความปราณี เพราะในนรกเป็ นสถานที่ที่ไร้ความปราณี เป็ นสถานที่แห่งความ กริ้ วของพระผูเ้ ป็ นเจ้า แต่ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็จะไม่ปฏิบติเกินหน้าที่และ ั ขอบข่ายของความยุติธรรม ปฏิบติไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากพระองค์อย่างสมบูรณ์ ั โองการต่อมากล่าวแก่บรรดาผูปฏิเสธและกล่าวถึงสภาพของพวกเขาในวันนั้นว่า “โอ้ บรรดาผู้ ้ ปฏิเสธศรั ทธาเอ๋ ย วันนีพวกเจ้ าอย่ าได้ แก้ ตัวเลย แต่ ว่าพวกเจ้ าจะถูกตอบแทนตามที่พวกเจ้ าได้ ้ ่ ่ กระทาไว้ ” การ ที่ให้โองการนี้อยูหลังจากโองการที่ผานมาซึ่ งกล่าวถึงบรรดาผูศรัทธา ชี้ให้เห็น ้ ถึงความจริ งอันนี้ว่า ถ้าหากพวกเจ้าดูแลภรรยา ลูก ๆและครอบครัว ไม่ทวถึงเป็ นไปได้ที่การงาน ั่ ของพวกท่านจะไปถึงยังจุดหนึ่งทีพวกท่านจะเป็ นคู่สนทนาตามนี้ในวันกิยามะฮ์ ประโยค (พวก ่ ~ 12 ~
  • 13. เจ้าจะถูกตอบแทนตามที่พวกเจ้าได้กระทาไว้ )ได้ตอกย้าถึงความจริ งอันนี้อีกครั้งว่า การตอบ แทนการทาบาปต่าง ๆ ของพวกเขาในวันกิยามะฮ์น้ นคือการกระทาต่าง ๆ ของพวกเขาเอง ที่จะ ั ถูกเปิ ดเผยออกมาต่อพวกเขา ประเด็นนี้ก็น่าสนใจที่ว่า การไม่ยอมรับคา ขอโทษในที่น้ น ั เนื่องจากว่า การ ขอโทษนั้นเป็ นการกลับตัวกลับใจ (เตาบะฮ์) อย่างหนึ่ง และการ กลับตัวกลับใจ นั้นเป็ นไปได้เฉพาะในโลกนี้เท่านั้น ไม่ใช่ในอีกโลกหนึ่งและก็ไม่ใช่เมื่อเข้าสู่นรกแล้ว โองการต่อมาซึ่ งอันที่จริ งชี้ให้เห็นถึงทางรอดพ้นจากไฟแห่งนรกว่า “โอ้ บรรดาผู้ศรั ทธาเอ๋ ย จง ขอลุแก่ โทษแด่ อัลลอฮ์ ด้วยการลุแก่ โทษอย่ างจริ งใจเถิด”การขออภัยโทษที่แท้จริ งคือ การเสี ยใจ จากการทาบาปซึ่ งผลที่ตามมาคือการตัดสิ นใจว่าต่อไปข้างหน้าจะไม่ทามันอีก และถ้าหากเป็ น บาปที่สามารถทดแทนและชดเชยได้ก็ตองทาการทดแทน และการกล่าวขออภัยโทษ (อิสติฆ ้ ฟาร)ก็บ่งบอกถึงความหมายนี้เช่นกัน ด้วยเหตุน้ ีสามารถสรุ ปหลักของการขออภัยโทษได้ 5 ประการดังนี้คือ ละทิ้งการทาบาป เสี ยใจ ตัดสิ นใจว่าต่อไปจะละทิ้งการทาบาป ทดแทนและ ่ ชดเชยที่ผานมา และขออภัยโทษ(อิสติฆฟาร) การกลับตัวกลับใจอย่างจริ งใจนั้นคือ การปฏิวติ ั ตัวตนด้วยการปิ ดประตูแห่งการกลับสู่การทาบาป เปรี ยบเหมือนดังเช่นน้ านมมิอาจกลับคืนสู่เต้า นมได้อีกครั้ง ต่อมาชี้ให้เห็นถึงผลของการขออภัยโทษอย่างจริ งใจว่า “บางทีพระผู้อภิบาลของพวกเจ้ าจะลบ ล้ างความผิดของพวกเจ้ าออกจากพวกเจ้ า และจะทรงให้ พวกเจ้ าเข้ าสวนสวรรค์ หลากหลาย ณ เบืองล่ างสวนสวรรค์ นั้นมีลานาหลายสายไหลผ่ าน” “ วันที่อัลลอฮ์ จะไม่ทรงทาให้ ศาสดา และ ้ ้ บรรดาผู้ศรั ทธาร่ วมกับเขาต้ องอัปยศ” ในสภาพที่ว่า “แสงสว่ างของพวกเขาจะส่ องจ้ าไปเบือง ้ หน้ าของพวกเขาและทางเบืองขวาของพวกเขา” ้ แล้วพวกเขาก็มุ่งสู่พระผูเ้ ป็ นเจ้า“พวกเขาจะ ~ 13 ~
  • 14. กล่ าวว่ าข้ าแต่ พระผู้อภิบาลของเรา ขอพระองค์ ได้ ทรงโปรดทาให้ แสงสว่ างของเราอยู่กับเรา ตลอดไปและทรงยกโทษให้ แก่ เราแท้ จริ งพระองค์ ท่านเป็ นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ ง” อันที่จริ งการขออภัยโทษอย่างจริ งใจนี้มีผล 5 ประการที่ยิ่งใหญ่ดงนี้ ั 1. ได้รับอภัยโทษในความผิดและบาปต่าง ๆ 2. เข้าสู่สวนสวรรค์ที่เปี่ ยมไปด้วยความโปรดปรานของพระผูเ้ ป็ นเจ้า 3. ปราศจากความอัปยศในวันนั้นวันที่ม่านต่าง ๆจะถูกเปิ ดออก วันที่ความจริ งถูกเปิ ดเผย และ บรรดาผูมดเท็จนั้นจะประสบกับความอัปยศ ใช่แล้วท่านศาสดา(ศ็อลฯ)และบรรดาผูศรัทธาจะ ้ ้ เป็ นผูที่มีเกียรติในวันนั้น เพราะสิ่ งที่เขาพูดนั้นสัจจริ ง ้ 4. แสงสว่างแห่งศรัทธาและการกระทาต่าง ๆ ของพวกเขาได้ห้อมล้อมพวกเขาทั้งด้านซ้ายและ ด้านขวาและให้ความสว่างแก่หนทางของพวกเขาสู่สวนสวรรค์ 5. ทาให้เขามุ่งสู่พระผูเ้ ป็ นเจ้ามากขึ้น จึงหันกลับสู่อลลอฮ์(ซบ.) และวิงวอนขอให้พระองค์ทรง ั ทาให้แสงสว่างและการอภัยโทษบาปนั้นสมบูรณ์ สาระศึกษา 1. การสอนและการอบรมครอบครัว การเชิญชวนสู่ความดีและห้ามปรามการทาชัวนั้นเป็ นบัญชาทัวไปที่บรรดามุสลิมทั้งหมดต้องมี ่ ่ ต่อกัน แต่โองการข้างต้น และรายงานต่าง ๆในหลักฐานต่าง ๆ ของอิสลามเกี่ยวกับสิ ทธิของลูก ๆและที่เกี่ยวข้องกันนี้ ทาให้ได้รับประโยชน์เป็ นอย่างดีว่ามนุษย์มีภาระหน้าที่ที่หนักยิ่งต่อ ภรรยาและลูก ๆ ของเขา และ ต้องปฏิบติหน้าที่จนสุดความสามารถในการสอนและการอบรม ั พวกเขา ห้ามปรามพวกเขาจากการทาบาปและเชิญชวนสู่การทาความดี ไม่หยุดอยูเ่ พียงแค่การ ~ 14 ~
  • 15. ให้อาหารทางร่ างกายแก่พวกเขาเท่านั้น อันที่จริ งสังคมที่ใหญ่น้ นประกอบไปด้วยหน่วยเล็ก ๆ ั ซึ่ งมีชื่อว่า ครอบครัว เมื่อไหร่ ก็ตามที่หน่วยเล็ก ๆ นี้ซ่ ึ งการดูแลมันนั้นง่ายกว่าได้รับการ ปรับปรุ ง สังคมทั้งหมดก็จะได้รับการปรับปรุ ง และภาระหน้าที่อนนี้ตกเป็ นของพ่อแม่ท้งหลาย ั ั เป็ นอันดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยของเราที่คลื่นกระแสของความเลวร้ายภายนอก ครอบครัวนั้นแข็งแกร่ งและอันตรายยิ่ง มีฮะดีษบทหนึ่งจากท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ว่า “จงรู้ไว้เถิดว่า พวกท่านทั้งหมดนั้นเป็ นยาม และพวกท่านต้องรับผิดชอบต่อผูที่ถูกสังให้เป็ นยามดูแลพวกเขา ้ ่ ผูนาของการปกครองอิสลามนั้นเป็ นยามของประชาชน และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อพวกเขา สามี ้ คือยามของครอบครัวของตน และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อพวกเขา ภรรยาก็เป็ นยามของ ครอบครัว สามีและลูก ๆ และมีหน้าที่รับผิดชอบต่อพวกเขา จงรู้ไว้เถิด พวกท่านทั้งหมดนั้น เป็ นยาม และพวกท่านต้องรับผิดชอบต่อผูที่ถูกสังให้เป็ นยามดูแลพวกเขา”4 ้ ่ 2. การกลับตัวกลับใจคือประตูสู่ความเมตตาของพระผูเ้ ป็ นเจ้า มีหลายครั้งหลายครานักที่มนุษย์เกิดความหักเหโดยเฉพาะในช่วงแรกๆของการเริ่ มต้นการจาริ ก สู่อลลอฮ์ หากประตูแห่งการที่ยอนกลับไปเริ่ มต้นใหม่ถูกปิ ดตายสาหรับเขา แน่นอนเขาก็จะสิ้ น ั ้ หวัง และเคว้งคว้าง ดังนั้นการอบรมฝึ กฝนในศาสนาอิสลาม จึงมีประตูแห่งการกลับตัวกลับใจ ซึ่ งถือเป็ นพื้นฐานหลักที่สาคัญของการอบรม ฝึ กฝนจิตวิญญาณ และได้เรี ยกร้องเชิญชวนผูทา ้ บาปทั้งหลายเข้าสู่ประตูบานนี้เพื่อแก้ไขปรับปรุ งตนเอง แต่อย่างไรก็ตามต้องระลึกอยูเ่ สมอว่า การกลับตัวกลับใจนั้นไม่ใช่เพียงลมปากเท่านั้น ไม่ใช่การกล่าว “อัสตัฆฟิ รุ ลลลอฮ์” เท่านั้น ทว่า มีเงื่อนไขดังที่ได้กล่าวมาแล้วในโองการข้างต้น เมื่อใดก็ตามที่การกลับตัวกลับใจเกิดขึ้นอย่าง 4 มัจมูเอะ วะรอม เล่ม 1 หน้า6 ~ 15 ~
  • 16. จริ งใจตามเงื่อนไขแล้ว ย่อมส่งผลอย่างใหญ่หลวง ด้วยการที่บาปต่างๆทั้งหมดจะลงล้างไปจาก จิตวิญญาณของมนุษย์ 12-9‫آيه‬ ‫ِب‬ ‫ِب َمْح‬ )9(‫يأيها الَّل ُّىب جه ِب اَمْح َّلاو و اَمْحمُملِب ِب و َمْحلُمظ ل هسَمْح و مأو ُمسَمْح جهلَّلسُم و ِب َمْحس اَمْحم ِب ُم‬ ‫ِب ِب‬ ‫ِب‬ ‫َّل‬ ‫ضلب الهُم مي ًا ِّراَّللذي لُمو مَمْحلت نُم ح و مَمْحلأت اُم ط ان تا َمْحت بَمْح يَمْح ِب ِبم َمْح ِب بادنا صلح ِب فخان تاُها‬ ‫ُم‬ ‫َّل‬ )10( ‫ف لسَمْح يُمغَمْحِبل ا لهُمما ِبم الِبه َمْح اًا و ِب دَمْح ُم الَّلاو م ا َّل ِب ِبل‬ ‫ِب‬ ‫َّل‬ ‫و ضلب الهُم مي ًا ِّراَّللذي ء ملُم مَمْحلأت ِبفل َمْحن ِب َمْح اات وب َمْح ِب ىل ِب ل ك َمْحتاًا ىف الَّلِب و جنِّرىن ِبم ِبفل َمْحن و‬ ‫َمْح‬ ‫َمْح‬ ‫َمْح‬ ‫ِب ِب‬ )11( ‫مِبلِبه و جنِّرىن ِبم اَمْح َمْحِب اظلم‬ ‫ِب‬ ‫و مل َمْحلت ِب مَمْحلن َّلاىت أ َمْح لت ف لجها ف ل خَمْحلا ِبف ِبه ِبم ووِب لا و ص َّل ت ِب ِبلمت وهبا و ُمتُمِببِبه و انت‬ ‫ُّىب‬ ‫َمْح‬ ‫َمْح‬ )12( ‫ِبم اَمْح ِبلِبت‬ คาแปล 9. โอ้ ศาสดาเอ๋ ย จงต่ อสู้ กับพวกปฏิเสธศรั ทธาและพวก กลับกลอก และจงแข็งกร้ าวกับพวกเขา เพราะที่พานักของพวกเขาคือนรก และมันเป็ นทางกลับที่ชั่วช้ ายิ่ง 10. อัลลอฮ์ ทรงยกอุทาหรณ์ แก่ บรรดาผู้ปฏิเสธศรั ทธาถึงภริ ยาของนูห์ และภริ ยาของลูฏ นางทั้ง สองอยู่ภายใต้ การปกครองของบ่ าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่ าวของเรา แต่ นางทั้งสองได้ ทรยศต่ อ เขาทั้งสองให้ พ้นจากการลงโทษาของอัลลอฮ์ แต่ ประการใด จึ งมีเสี ยงกล่ าวขึนว่ า เจ้ าทั้งสองจง ้ เข้ าไปในไฟนรกพร้ อมกับบรรดาผู้ที่เข้ าไปในมัน ~ 16 ~
  • 17. 11. และอัลลอฮ์ ทรงยกอุทาหรณ์ แก่ บรรดาผู้ศรั ทธาถึงภริ ยาของฟิ รอูนเมื่อนางได้ กล่ าวว่ า ข้ าแต่ พระผู้อภิบาลของข้ าพระองค์ ขอพระองค์ ทรงโปรดสร้ างบ้ านหลังหนึ่งให้ แก่ ข้าพระองค์ ณ ที่ พระองค์ ท่านในสวนสวรรค์ และทรงโปรดช่ วยข้ าพระองค์ ให้ พ้นจากฟิ รอูน และการกระทาของ เขา และทรงโปรดช่ วยข้ าพระองค์ ให้ พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม 12. และมัรยัมบุตรี ของอิมรอน ผู้ซึ่งรั กษาพรหมจารี ของนาง แล้ วเราได้ เป่ าวิญญาณของเราเข้ า ไปในนาง และนางได้ ศรั ทธาต่ อพระพจนารถต่ าง ๆ แห่ งพระผู้อภิบาลของนาง และ (ได้ ศรั ทธา ต่ อ) คัมภีร์ต่ าง ๆ ของพระองค์ และนางจึ งอยู่ในหมู่ผ้ นอบน้ อมภักดีทั้งหลาย ู คาอรรถาธิบาย สตรีแบบอย่ างของผู้ศรัทธาและผู้ปฏิเสธ เนื่องจากแน่นอนการที่ความลับภายในบ้านท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ถูกเปิ ดเผยออกมาและ การทะเลาะ ความขัดแย้งระหว่างภรรยาของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ย่อมทาให้ บรรดาผูกลับกลอกดี ้ ใจ ซึ่ งถูกกล่าวถึงในโองการก่อนหน้านี้ ทว่าพวกเขาพยายามแพร่ กระจายเรื่ องนี้ ฉะนั้นเป็ นไป ได้ว่าโองการแรกนี้จึงสังให้ปะทะกับพวกเขาอย่างแข็งกร้าว ทรงตรัสว่า “โอ้ ศาสดาเอ๋ ย จงต่ อสู้ ่ กับพวกปฏิเสธศรั ทธาและพวกกลับกลอก และจงแข็งกร้ าวกับพวกเขา เพราะที่พานักของพวก ั เขาคือนรก และมันเป็ นทางกลับที่ชั่วช้ ายิ่ง ” เป็ นไปได้ที่การต่อสู้กบพวกบรรดาผูปฏิเสธอาจจะ ้ ั เป็ นการต่อสู้ดวยอาวุธหรื อไม่ใช่ก็ได้ แต่ การต่อสู้กบบรรดาผูกลับกลอกนั้นไม่ใช่เป็ นการต่อสู้ ้ ้ ด้วยอาวุธอย่างแน่นอน เพราะไม่มีบนทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ใดเลยที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)ต่อสู้ ั ั กับบรรดาผูกลับกลอกด้วยอาวุธ ด้วยเหตุน้ ีเป้ าหมายของการต่อสู้กบพวกเขา คือ การตาหนิ ข่มขู่ ้ ~ 17 ~
  • 18. ตักเตือน และทาให้พวกเขาอัปยศ เพราะว่า การต่อสู้(ญิฮาด)ให้ความหมายกว้างซึ่ งครอบคลุมถึง ทุก ๆ ความเพียรพยายาม และประโยค (และจงแข็งกร้าวกับพวกเขา) ชี้ให้เห็นถึงการแข็งกร้าว ในคาพูด การข่มขู่และ การกระทาอื่นๆในลักษณะนี้ การต่อสู้ ในลักษณะนี้เฉพาะแก่บรรดาผู้ กลับกลอกทั้ง ๆที่พวกเขาเป็ นศัตรู ตัวฉกาจของอิสลาม เนื่องจากภายนอกพวกเขาแสดงตนเป็ น ่ ั อิสลาม และได้ใช้ชีวิตร่ วมอยูกบบรรดามุสลิมอย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุน้ ีจึงเป็ นไปไม่ได้ที่จะ กระทาต่อพวกเขาเหมือนกับบรรดาผูปฏิเสธ ทว่าในลักษณะที่พวกเขาไม่ได้ใช้อาวุธ ถ้าหาก ้ พวกใช้อาวุธแน่นอนต้องตอบโต้เช่นนั้นเหมือนกัน เพราะในลักษณะนี้ถือเป็ นการทาสงคราม ถึงแม้ว่าเรื่ องนี้จะไม่เกิดขึ้นในสมัยท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ทว่าได้เกิดขึ้นหลังจากท่านโดยเฉพาะ ั สมัยอะมีรุลมุอมินีน อะลี (อ.) และอิมามก็ได้ลุกขึ้นต่อสู้กบบรรดาผูกลับกลอก ด้วยอาวุธเช่นกัน ์ ้ ต่อมากลับมากล่าวถึงเรื่ องภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)อีกครั้ง เพื่อให้เป็ นบทเรี ยนในทางปฏิบติ ั ่ แก่พวกนาง จึง กล่าวถึงชะตาชีวิตอย่างพอสังเขปของภริ ยาทั้งสองที่ไม่มีความยาเกรงทั้งที่อยูใน บ้านของศาสดาที่ยิ่งใหญ่ท้งสองของอัลลอฮ์(ซบ.) และชะตาชีวิตของสองสตรี ผศรัทธาและผู้ ั ู้ ่ เสี ยสละ ซึ่ งผูหนึ่งอยูในบ้านของผูที่อธรรมที่สุดในหน้าประวัตศาสตร์ ทรงตรัสว่า “อัลลอฮ์ ทรง ้ ้ ยกอุทาหรณ์ แก่ บรรดาผู้ปฏิเสธศรั ทธาถึงภริ ยาของนุห์ และภริ ยาของลู๊ฏ นางทั้งสองอยู่ภายใต้ การปกครองของบ่ าวที่ดีทั้งสองในหมู่ปวงบ่ าวของเรา แต่ นางทั้งสองได้ ทรยศต่ อเขาทั้งสองให้ พ้ นจากการลงโทษาของอัลลอฮ์ แต่ ประการใด จึ งมีเสี ยงกล่ าวขึนว่ า เจ้ าทั้งสองจงเข้ าไปในไฟ ้ นรกพร้ อมกับบรรดาผู้ที่เข้ าไปในมัน” ด้วยเหตุน้ ีจึงเตือนแก่ภริ ยาทั้งสองของท่านศาสดา(ศ็อล ฯ)ที่เปิ ดเผยความลับและทาร้ายท่าน(ศ็อลฯ) ว่าอย่าคิดว่าเพียงการเป็ นภริ ยาของท่านศาสดา(ศ็อล ฯ)สามารถปกป้ องเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษได้ อย่างที่ความ เป็ นภริ ยาของนุห์ (อ.) และลูฏ ~ 18 ~
  • 19. (อ.) ได้ขาดสะบั้นลงจากครอบครัวแห่งตาแหน่งศาสดาและวะห์ยเู นื่องจากการทรยศ และต้อง ประสบกับการลงโทษของพระผูเ้ ป็ นเจ้า นอกจากนั้นยังเป็ นการตักเตือนแก่บรรดาผูศรัทธา ้ ั ทั้งหมดในทุก ๆ ระดับชั้นที่มีความเกี่ยวพันธ์กบบรรดาตัวแทนของอัลลอฮ์(ซบ.) ในลักษณะที่ ทาบาปก็จงอย่าคิดว่าจะปกป้ องเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของพระผูเ้ ป็ นเจ้าได้ สตรี สองคนนี้ ได้ทรยศต่อสองศาสดาผูยิ่งใหญ่ การทรยศของภริ ยาของศาสดาลูฏ (อ.) ที่ได้ให้ความร่ วมมือกับ ้ บรรดาศัตรู ของท่านศาสดา(อ.)และนาความลับภายในบ้านของท่านแจ้งแก่ฝ่ายศัตรู และภริ ยา ของศาสดานุห์ (อ.) ก็เช่นกันโองการข้างต้นได้ตดความหวังที่จอมปลอมของบรรดาผูที่คิดว่า ั ้ ั เพียงความสัมพันธ์กบบรรดาผูยิ่งใหญ่เฉกเช่นท่านศาสดา(ศ็อลฯ)จะสามารถช่วยให้พวกเขารอด ้ ปลอดภัย (ถึงแม้จะแปดเปื้ อนในการปฏิบติก็ตามที) เพื่อให้ไม่ให้ใครถือเอาความคิดนี้ปกป้ อง ั ตนเอง ทรงตรัสต่อท้ายโองการว่า “จึ งมีเสี ยงกล่ าวขึนว่ า เจ้ าทั้งสองจงเข้ าไปในไฟนรกพร้ อมกับ ้ บรรดาผู้ที่เข้ าไปในมัน” หมายความว่าไม่มีความแตกต่างระหว่างพวกเจ้าและบุคคลอื่น ๆ ต่อมากล่าวถึงสองตัวอย่างสาหรับบรรดาผูมีศรัทธา ทรงตรัสว่า “และอัลลอฮ์ ทรงยกอุทาหรณ์ ้ แก่ บรรดาผู้ศรั ทธาถึงภริ ยาของฟิ รอูนเมื่อนางได้ กล่ าวว่ า ข้ าแต่ พระผู้อภิบาลของข้ าพระองค์ ขอ พระองค์ ทรงโปรดสร้ างบ้ านหลังหนึ่งให้ แก่ ข้าพระองค์ ณ ที่พระองค์ ท่านในสวนสวรรค์ และ ทรงโปรดช่ วยข้ าพระองค์ ให้ พ้นจากฟิ รอูน และการกระทาของเขา และทรงโปรดช่ วยข้ า ั พระองค์ ให้ พ้นจากหมู่ชนผู้อธรรม” เป็ นที่รู้กนว่าภรรยาของฟิ รอูนคือ พระนางอาซี ยะฮ์ และ บิดาของท่านมีนามว่า มะซาฮิม กล่าวกัน ว่าเมื่อนางได้เห็นปาฏิหาริ ยของศาสดามูซา (อ.) ต่อ ์ บรรดานักมายากล แสงสว่างแห่งศรัทธาได้เปล่งประกายในก้นบึ้งแห่งหัวใจของนางและมี ศรัทธาต่อศาสดามูซา(อ.)ทันที ในขณะนั้นนางได้ซ่อนศรัทธาของนางไว้ตลอดเวลา ทว่าศรัทธา ~ 19 ~
  • 20. และความรักต่ออัลลอฮ์(ซบ.)ไม่ใช่สิ่งที่สามารถปกปิ ดมันไว้ได้ตลอดไป เมื่อฟิ รอูนรู้ข่าวถึงการ มีศรัทธาของนาง เขาได้ห้ามปรามนางหลายต่อหลายครั้ง และรบเร้าให้นางวางมือจากศาสนา ของมูซา (อ.) และละทิ้งพระเจ้าของมูซา(อ.) แต่สตรี ผน้ ีไม่ยอมจานนต่อความต้องการของฟิ ู้ รอูนอย่างหนักแน่น ในที่สุดฟิ รอูนสังให้มดนางไว้ดวยการตอกตะปูที่มือและเท้าและปล่อยให้ ั ้ ่ ่ อยูใต้แสงแดดที่แผดเผา แล้วได้วางหิ นอันใหญ่ไว้บนหน้าอกของนาง เมื่อช่วงสุดท้ายของชีวิต ของนางได้มาถึง นางได้ ขอพร (ดุอาอ์) ว่า โอ้ขาแต่พระผู้ อภิบาของข้าฯ ได้โปรดทรงสร้างบ้าน ้ ั หลังหนึ่งใกล้กบพระองค์ให้แก่ขาพระองค์ในสวนสวรรค์ดวยเถิด และโปรดให้ขาพระองค์หลุด ้ ้ ้ พ้นจากฟิ รอูนและการกระทาต่าง ๆ ของเขาด้วยเถิด และโปรดให้ขาพระองค์ปลอดภัยจากชน ้ ชาติที่กดขี่น้ ีดวยเถิด พระผูเ้ ป็ นเจ้าก็ตอบรับ คาขอพร (ดุอาอ์) ของสตรี ผศรัทธาที่สะอาดบริ สุทธิ์ ้ ู้ ่ และผูเ้ สี ยสละนางนี้ โดยให้นางได้อยูร่วมกับสตรี ที่ประเสริ ฐสุดของโลกคือพระนางมัรยัม ดังที่ ่ ่ ในโองการนี้ได้ให้อยูระดับเดียวกับพระนาง สิ่ งที่น่าทึ่งคือ ภรรยาของฟิ รอูนได้ ยิ่งใหญ่ของฟิ รอูนด้วยคากล่าวเช่นนี้ ดูแคลนวังที่ เมื่อเทียบกับบ้านที่อยูเ่ คียงข้างความเมตตาแห่งอัลลอฮ์ (ซบ.) แล้วนั้นมันไม่มีค่าอันใดเลย นางได้ให้คาตอบ เช่นนี้แก่พวกเขาที่ได้เตือนนางว่าจงอย่าให้ สวัสดิการอันอลังการที่ได้มาจากการเป็ นราชินีแห่งอียิปต์ อันเป็ นกรรมสิ ทธิ์ของท่านต้องหลุด มือไปด้วยกับการมีศรัทธาต่อคนอย่างมูซาเลย ได้ประกาศความเอือมระอาของตนทั้งจากตัวของ ฟิ รอูน ความกดขี่และบาปต่าง ๆ ของเขาด้วยประโยค (ทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พนจากฟิ ้ รอูน และการกระทาของเขา) และประกาศการไม่ ให้ตนแปดเปื้ อนกับสภาพแวดล้อมที่เปรอะ เปื้ อน และแปลกแยกตนจากการทาบาปต่าง ๆ ของพวกเขา ด้วยประโยค (และทรงโปรดช่วยข้า พระองค์ให้พนจากหมู่ชนผูอธรรม) ประโยคทั้งสามนี้ช่างเป็ นประโยคที่คานวณไว้แล้ว ซึ่ งสตรี ้ ้ ~ 20 ~
  • 21. ผูที่เข้าใจและผูเ้ สี ยสละได้อธิบายไว้ในช่วงสุดท้ายของชีวิตของนาง เป็ นคาพูดที่เป็ นแบบอย่าง ้ ให้แก่บรุ ษและสตรี ผศรัทธาทั้งโลก เป็ นคาตอบให้แก่ผที่ชอบอ้างถึงสภาพแวดล้อม หรื อภรรยา ู้ ู้ ที่ไม่ดี ในการไม่ภกดีและไม่มีความยาเกรงต่อพระผูเ้ ป็ นเจ้า แน่นอนในยุคนั้นไม่มีฐานันดรใดที่ ั จะยิ่งใหญ่และสูงส่งไปกว่าการเป็ นราชินีแห่งฟิ รอูน และเช่นกันไม่มีการลงโทษใดที่จะร้ายแรง และรุ นแรงไปกว่าการลงโทษของฟิ รอูน แต่นางก็ไม่ยอมคุกเข่าจานน กลับมุ่งสู่หนทางแห่ง ความพึงพอพระทัยของพระผูเ้ ป็ นเจ้าจนวาระสุดท้ายของชีวิต ต่อมาชี้ให้เห็นสตรี ผมีเกียรติท่าน ู้ ที่สองซึ่ งถือว่าเป็ นแบบอย่างสาหรับบรรดาผูศรัทธา ทรงตรัสว่า “และมัรยัมบุตรี ของอิมรอน ผู้ ้ ซึ่ งรั กษาพรหมจารี ของนาง แล้ วเราได้ เป่ าวิญญาณของเราเข้ าไปในนาง” ด้วยบัญชาแห่งอัลลอฮ์ (ซบ.)พระนางได้มีบุตรคนหนึ่งโดยปราศจากสามีซ่ ึ งต่อมาเป็ นศาสดาผูยิ่งใหญ่ของพระผูอภิบาล ้ ้ ต่อมาทรงตรัสเพิ่มเติมว่า “ และนางได้ ศรั ทธาต่ อพระพจนารถต่ าง ๆ แห่ งพระผู้อภิบาลของนาง และ (ได้ ศรั ทธาต่ อ) คัมภีร์ต่ าง ๆ ของพระองค์ และนางจึ งอยู่ในหมู่ผ้ นอบน้ อมภักดีทั้งหลาย” ู ท่านอยู่ ณ จุดสูงสุดใน ด้านของความศรัทธา เป็ นผูมีศรัทธามันต่อคัมภีร์แห่งฟากฟ้ าและบัญชา ้ ่ ต่าง ๆ ทั้งหมดของพระผูเ้ ป็ นเจ้า และภักดีต่อบัญชาต่าง ๆ ของพระผูเ้ ป็ นเจ้าใน ด้านของการ ปฏิบติ เป็ นไปได้ที่ความแตกต่างระหว่างพระพจนารถกับคัมภีร์ คือ คัมภีร์ ชี้ให้เห็นถึงคัมภีร์ ั ต่าง ๆ แห่งฟากฟ้ าทั้งหมดที่ถูกประทานลงมาแก่บรรดาศาสดา(ศ็อลฯ) และพระพจนารถ ชี้ให้เห็นถึงวะห์ยต่าง ๆ ที่ไม่ใช่สภาพของคัมภีร์แห่งฟากฟ้ า และประโยค (แล้วเราได้เป่ า ู วิญญาณของเราเข้าไปในนาง) เป้ าหมายคือวิญญาณที่ยิงใหญ่และสูงส่ง หรื อกล่าวอีกอย่างได้ว่า ่ การเกี่ยวโยงวิญญาณยังพระผูเ้ ป็ นเจ้านั้นเป็ นการเกี่ยวโยงแบบการให้เกียรติซ่ ึ งมาเพื่ออธิบายถึง ~ 21 ~
  • 22. ความยิ่งใหญ่ของสิ่ งหนึ่ง เช่นการเกี่ยวโยงบ้านยังอัลลอฮ์(ซบ.)ในประโยค บัยตุลลอฮ์ หาไม่ แล้วพระผูเ้ ป็ นเจ้าไม่มีท้งวิญญาณและบ้าน ั สาระศึกษา 1. มีฮะดีษบทหนึ่งจากอิมามซอดิก (อ.) ว่า “ ศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ)ไม่เคยทาสงครามกับ บรรดาผูกลับกลอกเลย ทว่าท่านพยายามที่จะเชื่อมโยงหัวใจของพวกเขา”5 ้ 2. มีรายงานบทหนึ่งจากท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ็อลฯ)ว่า “สตรี ที่ประเสริ ฐแห่งชาวสวรรค์มี 4ท่านคือ คอดียะฮ์ บุตรี ของ คุวยลิด , ฟาติมะฮ์ บุตรี ของ มุฮมหมัด (ศ็อลฯ) , มัรยัม บุตรี ของ ั ั อิมรอน และอาซิ ยะฮ์ บุตรี ของมะซาฮิม6 5 6 มัจมะอุลบะยาน เล่ม 10 หน้า319 ดุรรุ ลมันษูร เล่ม 6 หน้า 246 ~ 22 ~