More Related Content
Similar to เรื่อง การสื่อสารข้อมูล
Similar to เรื่อง การสื่อสารข้อมูล (20)
เรื่อง การสื่อสารข้อมูล
- 4. การสื่อสารข้อมูล
ในปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการสื่อสาร ทาให้เราหันมาให้ความสาคัญต่อการ
ติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทาให้เราสามารถติดต่อเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้ทั่วโลก ไม่
ว่าจะอยู่ในรูปของอินเทอร์เน็ต หรือด้านการติดต่อสื่อสารโทรคมนาคมในระยะไกลต่าง ๆ ก่อให้เกิด
การนาเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลมาใช้ในวงการธุรกิจต่าง ๆ เป็นการนาความรู้จากข้อมูลข่าวสารที่
ได้รับมาสร้างทางเลือกในการตัดสินใจ
ในการดาเนินธุรกิจต่าง ๆ ส่งผลให้เราสามารถลดต้นทุน ลด
เวลาในการติดต่อสื่อสาร ส่งเสริมให้เกิดการใช้งานทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งเหมาะกับสภาพของ
องค์กรในปัจจุบันที่ต้องการการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง
จากจุดเริ่มแรกทาให้มีการใช้บริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
การใช้งานผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และเว็บไซต์เพื่อการพาณิชย์ต่าง ๆ ส่งผลให้เกิดแรงผลักดันใน
การพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้ง่าย ๆ จากการเปลี่ยนแปลงจากการ
สื่อสารแบบอนาล็อกเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายดิจิทัล ทาให้มีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้น และส่ง
ข้อมูลได้เป็นจานวนมาก ลดความผิดพลาดในการส่งข้อมูล ซึ่งสามารถส่งสารสนเทศทั้งที่เป็นข้อมูล
ประเภท เสียง และวิดีโอ ไปพร้อม ๆ กัน อีกทั้งการใช้ดาวเทียมสื่อสารทาให้สามารถส่งข้อมูลภาพ
และเสียงข้ามซีกโลกได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการใช้เซลลูลาห์หรือเครือข่ายไร้สายอื่น ๆ นับว่าเป็น
การทาให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการใช้อุปกรณ์แบบพกพาแบบต่าง ๆ ทาให้เราสามารถ
ติดต่อสื่อสารกันได้ทั่วโลก
- 5. องค์ประกอบพื้นฐานในการสื่อสารข้อมูล
องค์ประกอบพื้นฐานของการสื่อสารข้อมูลสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ส่วนแสดงดัง
รูปที่ 4.1
รูปที่ 4.1 องค์ประกอบการสื่อสาร
1. ผู้ส่งหรืออุปกรณ์ส่งข้อมูล (Sender) เป็นแหล่งต้นทางของการสื่อสารโดยมีหน้าที่
ในการให้กาเนิดข้อมูล หรือเตรียมข้อมูล เช่น ผู้พูด คอมพิวเตอร์ต้นทาง เป็นต้น
2. ผู้รับหรืออุปกรณ์รับข้อมูล ( Receiver) เป็นแหล่งปลายทางของการสื่อสาร
หรือเป็นอุปกรณ์สาหรับข้อมูลที่จะนาข้อมูลนั้นไปใช้ดาเนินการต่อไป เช่น ผู้รับ
คอมพิวเตอร์
ปลายทาง เครื่องพิมพ์
3. ข่าวสาร (Massage) เป็นตัวเนื้อหาของข้อมูล ซึ่งมีได้หลายรูปแบบดังนี้ คือ
- ข้อความ (Text) ข้อมูลที่อยู่ในรูปอักขระ หรือเอกสาร เช่น ข้อความใน
หนังสือ เป็นต้น
- เสียง (Voice) ข้อมูลเสียงที่แหล่งต้นทางสร้างขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นเสียงที่มนุษย์
หรืออุปกรณ์บางอย่างเป็นตัวสร้างก็ได้
- รูปภาพ (Image) เป็นข้อมูลที่ไม่เหมือนข้อความตัวอักษรที่เรียงติดต่อกัน แต่
จะมีลักษณะเหมือนรูปภาพ เช่น การสแกนภาพเข้าคอมพิวเตอร์ เป็นต้น เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลรูปภาพ
กับข้อมูลข้อความ แล้วรูปภาพจะมีขนาดใหญ่กว่า
- 6. - สื่อผสม (Multimedia) ข้อมูลที่ผสมลักษณะของทั้งรูปภาพ เสียงและข้อความ
เข้าด้วยกัน โดยสามารถเคลื่อนไหวได้ เช่น การเรียนผ่านระบบ VDO conference เป็นต้น โดย
ข้อมูลจะมีขนาดใหญ่มาก
4. สื่อกลางหรือตัวกลางในการนาส่งข้อมูล (Medium) เป็นสื่อหรือช่องทางที่ใช้ใน
การนาข้อมูลจากต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งอาจเป็นตัวกลางที่มีสายสัญญาณ เช่น สายไฟ หรือ
ตัวกลางที่ไม่ใช้สายสัญญาณ เช่น อากาศ เป็นต้น
5. โปรโตคอล (Protocol) เป็นข้อกาหนดหรือข้อตกลงถึงกฎระเบียบและวิธีการที่
ใช้ในการสื่อสารเพื่อให้ผู้ส่งและผู้รับมีความเข้าใจตรงกัน
ชนิดของการสื่อสาร
การสื่อสารข้อมูลระหว่างผู้รับกับผู้ส่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
1.
การสื่อสารข้อมูลทิศทางเดียว ( Simplex Transmission)
เป็นการ
ติดต่อสื่อสารเพียงทิศทางเดียว คือผู้ส่งจะส่งข้อมูลเพียงฝั่งเดียวและโดยฝั่งรับไม่มีการตอบกลับ เช่น
การกระจายเสียงของสถานีวิทยุ การส่ง e-mail เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 4.2
รูปที่ 4.2 แสดงการสื่อสารข้อมูลทิศทางเดียว
- 7. 2. การสื่อสารข้อมูลสองทิศทางสลับกัน (Half Duplex Transmission) เป็นการ
สื่อสาร 2 ทิศทางแต่คนละเวลากัน เช่น วิทยุสื่อสาร เป็นต้น แสดงดังรูปที่ 4.3
รูปที่ 4.3 แสดงการสื่อสารข้อมูลสองทิศทางสลับกัน
3. การสื่อสารข้อมูลสองทิศทางพร้อมกัน ( Full Duplex Transmission) เป็น
การสื่อสาร 2 ทิศทาง โดยสามารถส่งข้อมูลในเวลาเดียวกันได้ เช่น การคุยโทรศัพท์ เป็นต้น แสดงดัง
รูปที่ 4.4
รูปที่ 4.4 แสดงการสื่อสารข้อมูลสองทิศทางพร้อมกัน
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์
การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง การโอนถ่าย ( Transmission) ข้อมูลหรือ
การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ส่งต้นทางกับผู้รับปลายทาง ทั้งข้อมูลประเภท ข้อความ รูปภาพ เสียง
หรือข้อมูลสื่อผสม โดยผู้ส่งต้นทางส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหน้าที่
แปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยู่ในรูปสัญญาณทางไฟฟ้า (Electronic data) จากนั้นถึงส่งไปยังอุปกรณ์
หรือคอมพิวเตอร์ปลายทาง
- 8. ประเภทของสัญญาณ
ข้อมูลที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ ต้องเป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปสัญญาณ
ทางไฟฟ้า ซึ่งสามารถจาแนกสัญญาณได้ 2 ลักษณะ
1. สัญญาณแบบดิจิทัล(Digitals signal)
เป็นสัญญาณที่ถูกแบ่งเป็นช่วงๆ อย่างไม่ต่อเนื่อง ( Discrete) โดยลักษณะของ
สัญญาณจะแบ่งออกเป็นสองระดับเพื่อแทนสถานะสองสถานะ คือ สถานะของบิต 0 และสถานะของบิต
1 โดยแต่ละสถานะคือ การให้แรงดันทางไฟฟ้าที่แตกต่างกัน การทางานในคอมพิวเตอร์ใช้สัญญาณ
ดิจิทัล แสดงดังรูปที่ 4.5
รูปที่ 4.5 แสดงสัญญาณแบบดิจิทัล
2. สัญญาณอนาลอก(Analog Signal)
เป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความต่อเนื่องของสัญญาณ โดยไม่เปลี่ยนแปลง
แบบทันที่ทันใดเหมือนกับสัญญาณดิจิทัล เช่น เสียงพูด หรืออุณหภูมิในอากาศเมื่อเทียบกับเวลาที่
เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง แสดงดังรูปที่ 4.6
รูปที่ 4.6 แสดงสัญญาณแบบอนาลอก
- 9. สื่อกลางการสื่อสาร (Transmission media)
การส่งข้อมูลจากผู้ส่งไปยังผู้รับให้ครบถ้วนและถูกต้องจาเป็นต้องอาศัยสื่อกลางในการ
เชื่อมต่อซึ่งสื่อกลาง (Medium) ทาหน้าที่เป็นเส้นทางเดินของข้อมูล โดยคุณภาพของสัญญาณที่ถูก
ส่งออกไปจะเกิดการสูญเสียความเข้มของสัญญาณระหว่างเส้นทางการสื่อสารทาให้ข้อมูลฝั่งรับเกิด
ข้อผิดพลาดและเป็นการลดทอนประสิทธิภาพของการสื่อสารลง
ซึ่งสื่อที่ใช้ในการส่งผ่านข้อมูล
(Transmission medium) จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการส่งด้วย โดยสื่อกลางในการส่งแบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภท
1. สื่อกลางแบบมีสาย (Guide media)
เป็นสื่อซึ่งอาศัยวัสดุที่จับต้องได้เป็นตัวส่งผ่านสัญญาณ
เช่น สายทองแดง สายคู่ตี
เกลียว (Twisted pair)
1.1 Twisted Pair (สายคู่ตีเกลียว)
สายคูตเี กลียวแบ่งออกเป็นสายคูตเี กลียวไม่หมฉนวนเรียกสันๆ ว่า UTP
่
่
ุ้
้
(Unshielded Twisted Pair) และสายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair)
- UTP (Unshielded Twisted Pair)
คู่สายในสายคู่ตีเกลียวไม่หุ้มฉนวนคล้ายสายโทรศัพท์ มีหลายเส้น ซึ่งแต่ละ
เส้นก็จะมีสีแตกต่างไปและตลอดทั้งสายนั้นจะถูกหุ้มด้วยพลาสติก(Plastic Cover) ซึ่งการตีเกลียว
ลักษณะนี้จะช่วยให้มันมีคุณสมบัติในการป้องกันสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น จาก
เครื่องถ่ายเอกสารที่อยู่ใกล้ๆ เป็นต้น ปัจจุบันเป็นสายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากราคาถูก
และติดตั้งได้ง่าย แสดงดังรูปที่ 4.7
รูปที่ 4.7 UTP (Unshielded Twisted Pair)
- 10. - STP (Shield Twisted Pair)
เป็นสายคู่ลักษณะคล้ายกันกับสาย UTP
แต่มีฉนวนป้องกันสัญญาณ
รบกวน สายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวนที่เป็นโลหะถักเป็นร่างแหโลหะหรือฟอยส์ ซึ่งร่างแหนี้จะมีคุณสมบัติ
เป็นเกราะในการป้องกันสัญญาณรบกวนต่างๆ ภาษาเทคนิคเรียกเกราะนี้ว่า ชิลด์ (Shield) จะใช้ใน
กรณีที่เชื่อมต่อเป็นระยะทางไกลเกินกว่าระยะทางที่จะใช้สาย UTP แสดงดังรูปที่ 4.8
รูปที่ 4.8 สายคู่ตีเกลียวหุ้มฉนวน (Shielded Twisted Pair)
1.2 สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable)
ลักษณะแกนกลางของสายโคแอกเชียลเป็นทองแดงแล้วหุมด้วยพลาสติกส่วน
้
ชั้นนอกหุ้มด้วยโลหะหรือฟอยล์ที่ถักเป็นร่างแหเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวน สายโคแอกเชียลมี 2 แบบ
คือ แบบหนา (thick) และแบบบาง (thin) ส่วนใหญ่ใช้กับระบบเครือข่ายแบบ Ethernet
แบบเดิม ซึ่งใช้เชื่อมต่อระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงไม่ต้องใช้อุปกรณ์รวมสาย (Hub) แต่ใน
ปัจจุบันมีการใช้น้อยลงเนื่องจากถูกแทนที่ด้วยสาย UTP ที่มีราคาถูกกว่าและสามารถติดตั้งได้ง่าย
กว่า แสดงดังรูปที่ 4.9
รูปที่ 4.9 สายโคแอกเชียล
- 11. 1.3 ใยแก้วนาแสง (Fiber-Optic)
ลักษณะใยแก้วนาแสงจะส่งสัญญาณแสงวิ่งผ่านท่อแก้วหรือท่อพลาสติกเล็กๆซึ่งท่อ
แก้วนี้จะถูกหุ้มด้วยเจลหรือพลาสติก เพื่อป้องกันความเสียหายและการสูญเสียของสัญญาณ มีข้อดี
ตรงที่ส่งสัญญาณได้ระยะทางไกลโดยไม่มีสัญญาณรบกวน แสดงดังรูปที่ 4.10
รูปที่ 4.10 ใยแก้วนาแสง
2. สายกลางแบบไร้สาย (Unguided media)
เป็นสื่อกลางประเภทที่ไม่ใช้วัสดุใดๆ
ในการนาสัญญาณ
ซึ่งจะไม่มีการกาหนด
เส้นทางให้สัญญาณเดินทาง เช่น คลื่นไมโครเวฟ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
2.1 ระบบคลื่นไมโครเวฟ
ระบบสื่อสารด้วยคลื่นไมโครเวฟ มักใช้ในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ที่
เชื่อมต่อด้วยสื่อประเภทอื่นลาบาก เช่น มีแม่น้าขวางกั้นอยู่ หรือการสื่อสารข้ามอาคาร เป็นต้น การ
ส่งสัญญาณข้อมูลไปกับคลื่นไมโครเวฟเป็นการส่งสัญญาณข้อมูลแบบรับช่วงต่อๆ กันจากสถานีรับส่ง
สัญญาณหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่ง โดยสามารถเกิดสัญญาณรบกวน ซึ่งสภาพดินฟ้าอากาศมีผลต่อการ
ส่งคลื่นไมโครเวฟพอสมควร เช่นถ้าสภาพอากาศมีฝนหรือควันมาก สัญญาณไมโครเวฟจะถูกรบกวน
ได้ ด้วยเหตุนี้ทาให้เครื่องส่งรับไมโครเวฟส่วนใหญ่จะถูกออกแบบมาให้ทางานในสภาพอากาศต่างๆ
ที่แตกต่างกัน แสดงดังรูปที่ 4.11
- 12. รูปที่ 4.11 ระบบคลื่นไมโครเวฟ
2.2 ระบบดาวเทียม
การสื่อสารผ่านดาวเทียมเป็นการสื่อสารที่สถานีรับ -ส่งที่อยู่บนพื้นดิน ส่งตรงไปยัง
ดาวเทียมแล้วส่งกลับมายังตัวรับปลายทางที่พื้นดินอีกครั้งหนึ่ง ลักษณะการสื่อสารระบบดาวเทียม
เหมาะสาหรับการติดต่อสื่อสารระยะไกลที่ระบบสื่อสารอื่นๆ เข้าถึงลาบาก เช่น เดินเรืออยู่กลางทะเล
แสดงดังรูปที่ 4.12
รูปที่ 4.12 ระบบดาวเทียม
สัญญาณรบกวนและสภาพดินฟ้าอากาศก็นับว่ามีผลต่อการส่งข้อมูลจากสถานีพื้นโลก
กับดาวเทียมอยู่พอสมควร เพราะว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนจะรบกวนสัญญาณให้ผิดเพี้ยนไปได้
โดยส่วนใหญ่ดาวเทียมจะถูกออกแบบมาให้ชดเชยการรบกวนของสภาพอากาศที่แปรปรวนเหล่านั้น
เช่น ฝน หรือหมอก เป็นต้น
- 13. อุปกรณ์สาหรับการสื่อสาร
การสื่อสารข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์จาเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ทางอิเล็คโทรนิกค์ช่วยในการส่ง
ข้อมูล จากผู้ส่งไปยังผู้รับ ไม่ว่าจะเป็นการแปลงข้อมูล เช่น ข้อความในกระดาษ รูปภาพ ที่ไม่อยู่ใน
รูปสัญญาณทางไฟฟ้าให้เปลี่ยนอยู่ในรูปสัญญาณไฟฟ้าหรือสัญญาณดิจิทัล อุปกรณ์ในการสื่อสารยัง
รวมถึงอุปกรณ์ที่ช่วยในการแก้ปัญหาสัญญาณอ่อนกาลัง ปัญหาสัญญาณรบกวนเมื่อมีการส่ง
สัญญาณ ดังนั้นระบบการสื่อสารข้อมูลจึงต้องมีอุปกรณ์การสื่อสารมาช่วยในการจัดการปัญหา
ต่างๆ เหล่านี้เพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยในหัวข้อนี้จะขอ
ยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่มีการใช้กับมากในระบบการสื่อสารข้อมูล
1. เครื่องเทอร์มินอล (Terminal)
เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ต้นทางหรือปลายทางที่ทาหน้าที่ในการส่งและรับข้อมูล ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วๆไป (Personal Computer)
2. โมเด็ม (Modem)
เมื่อต้องการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย
ไปยังระบบอินเทอร์เน็ต(Internet) ต้องอาศัยอุปกรณ์ที่เรียกว่า โมเด็ม ซึ่งทาหน้าที่แปลงสัญญาณ
จากสัญญาณดิจิทัลเป็นสัญญาณอนาล็อกแล้วส่งผ่านไปตามระบบโทรศัพท์
3. เครื่องทวนสัญญาณ (Repeater)
เป็นอุปกรณ์ทบทวนสัญญาณ และป้องกันการขาดหายของสัญญาณ เนื่องจาก การ
สื่อสารข้อมูลต้องใช้สัญญาณไฟฟ้าในการรับส่งข้อมูล โดยตามปรกติเมื่อสัญญาณทางไฟฟ้าเดินทาง
จากจุดๆหนึ่งไปยังปลายทางจะเกิดการสูญเสียแรงดันทางไฟฟ้า และส่งผลให้สัญญาณเกิดออ่อนกาลัง
ดังนั้น จึงจาเป็นต้องมีรีพีตเตอร์มาช่วยในการรับส่งข้อมูล โดยรีพีตเตอร์ทาหน้าที่ทบทวน
สัญญาณไฟฟ้าขึ้นใหม่ให้เหมือนสัญญาณเดิมที่ถูกส่ง
4. เครื่องขยายสัญญาณ (Amplifier)
เป็นอุปกรณ์ขยายสัญญาณ โดยมีหน้าที่การทางานเหมือนกับรีพีตเตอร์ แต่จะใช้กับ
สัญญาณอนาล็อก โดยเมื่อสัญญาณอนาล็อกอ่อนกาลังเครื่องขยายสัญญาณจะทาการขยายสัญญาณ
- 15. อ้างอิง
กิตติ ภักดีวัฒนะกุล.คัมภีร์ระบบสารสนเทศ.พิมพ์ครั้งที1เคทีพี คอมพ์ แอนด์ คอนซัลท์.พฤศจิกายน
่
2546.
สถาบันราชภัฎสวนดุสิต. เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู. ้ พิมพ์ครั้งที่ 1ศูนย์หนังสือสถาบันราช
ภัฎสวนดุสิต. กรกฎาคม 2544.
อนิรุทธิ์ รัชตะวราห์ และวศิน เพิ่มทรัพย์. ผ่า!คอมพิวเตอร์ ฉบับสมบูรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ
โปรวิชั่น. สิงหาคม
2545.
www.chakkham.ac.th/technology/network/datacommu.html