More Related Content
Similar to ส่วนประกอบของดอก
Similar to ส่วนประกอบของดอก (20)
ส่วนประกอบของดอก
- 3. โดยทั่วไปดอกประกอบด้วยส่วนต่ำงๆ 4 ชั้น
ติดอยู่บนฐำนดอก (receptacle) ซึ่งคือส่วนของข้อ corolla
และปล้องที่อัดตัวกันแน่น เกือบอยู่ในระดับเดียวกันที่
ปลำยของก้ำนดอก (peduncle) ทำหน้ำทีรองรับ
่
ส่วนประกอบต่ำงๆ ของดอก โดยเรียงลำดับจำกชั้นที่อยู่
ด้ำนนอกเข้ำสู่ด้ำนใน ได้แก่ชั้น
(1) วงกลีบเลี้ยง (calyx)
(2) วงกลีบดอก (corolla)
calyx
(3) วงเกสรเพศผู้ (androecium)
(4) วงเกสรเพศเมีย (gynoecium)
gynoecium
androecium
- 4. วงกลีบเลี้ยง ประกอบขึ้นจำกกลีบ
เลี้ยง (sepal) ซึ่งอำจแยกจำกกัน
เป็นอิสระ หรือเชื่อมติดกันที่บริเวณ
โคน และส่วนปลำยแยกออกจำกกัน
เรียกส่วนที่เชื่อมติดกันว่ำ หลอดกลีบ
เลี้ยง (calyx tube) และเรียกส่วน
ปลำยที่แยกจำกกันว่ำ แฉกกลีบเลี้ยง
sepal
(calyx lobe)
calyx lobe
corolla lobe
corolla tube
calyx tube
petal
วงกลีบดอก ประกอบขึ้นจำกกลีบ
ดอก (petal) ซึ่งอำจแยกจำกกัน
เป็นอิสระ หรือเชื่อมติดกันที่บริเวณ
โคน และส่วนปลำยแยกออกจำกกัน
เรียกส่วนที่เชื่อมติดกันว่ำ หลอด
กลีบดอก (corolla tube) และ
เรียกส่วนปลำยที่แยกจำกกันว่ำ
แฉกกลีบดอก (corolla lobe)
- 5. คำว่ำ “วงกลีบรวม” (perianth)
มีควำมหมำยหลำยอย่ำง ใช้ได้ในหลำยกรณี เช่น ใช้เป็นคำรวมที่เรียกทั้งกลีบเลี้ยง และ
กลีบดอก นั่นคือในกรณีนี้ perianth จะหมำยถึงวงกลีบทั้งหมดของพืชซึ่งสำมำรถแยกได้เป็นวง
กลีบเลี้ยงและวงกลีบดอก
แต่ในดอกไม้บำงชนิดที่ลักษณะของวงกลีบไม่สำมำรถจำแนกได้ชัดเจนว่ำจะเป็นวงกลีบ
เลี้ยง หรือวงกลีบดอก เช่น บัวจีน พลับพลึง ซึ่งแต่ละชนิดมีวงกลีบ 2 ชั้น ๆ ละ 3 กลีบ แต่กลีบในแต่
ละชั้นมีลักษณะ รูปร่ำง สีสัน ที่เหมือนกัน ในลักษณะเช่นนี้ก็สำมำรถใช้คำว่ำ perianth แทนกลีบ
ทั้ง 6 กลีบ และเรียกแต่ละกลีบว่ำ กลีบรวม (tepal)
หรือในดอกไม้อีกหลำยๆ ชนิด เช่น บัวหลวง จำปี จำปำ ที่มีจำนวนกลีบมำกและมีลักษณะ
ที่ไม่แตก ต่ำงกันอย่ำงเด่นชัด หรือมีควำมคล้ำยคลึงกันมำก ก็สำมำรถใช้คำว่ำ perianth ได้และ
เรียกแต่ละกลีบนั้นว่ำเป็นกลีบรวมได้เช่นเดียวกัน
- 6. วงเกสรเพศผู้ ประกอบขึ้นจำกเกสรเพศผู้ (stamen) ซึ่งอำจมีจำนวนตั้งแต่ 1 อันถึงจำนวนมำก
ประกอบด้วยส่วนที่เรียกว่ำ อับเรณู (anther) และก้ำนชูอับเรณู (filament)
เกสรเพศผู้อำจติดอยู่บนฐำนดอก (receptacle) หรือติดอยู่เหนือวงกลีบ (epipetalpous)
อำจแยกกันอยู่เป็นอิสระ หรือส่วนของก้ำนชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็นกลุ่ม หรือมีส่วนอับเรณูเชื่อมติดกัน
anther
ก้ำนชูอับเรณูส่วนที่เชื่อมติดกัน
filament
anther
ก้ำนชูอับเรณูส่วนที่เชื่อมติดกัน
anther
filament
- 7. วงเกสรเพศเมีย ประกอบขึ้นจำกเกสรเพศเมีย
(pistil) ซึ่งอำจมีจำนวนตั้งแต่ 1 อันถึงจำนวน
มำก เกสรเพศเมียแต่ละอันเกิดขึ้นมำจำกใบพิเศษที่
เรียกว่ำ คำร์เพล (carpel) เกสรเพศเมียหนึ่งอัน
อำจจะมำจำก 1 คำร์เพล หรือหลำยคำร์เพลเชื่อม
ติดกันก็ได้ แล้วมีกำรเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงลักษณะใน
ไปเป็นส่วนต่ำงๆ ของเกสรเพศเมีย ได้แก่ รังไข่
(ovary) ก้ำนยอดเกสรเพศเมีย (style) และ
ยอดเกสรเพศเมีย (stigma) ภำยในรังไข่อำจมี
ช่องในรังไข่ 1 ช่องหรือหลำยช่อง ขึ้นอยู่กับจำนวน
และลักษณะกำรเชื่อมติดกันของคำร์เพล ในช่องรัง
ไข่จะพบออวุล (ovule) ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปเป็น
เมล็ด (seed) ส่วนรังไข่จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นผล
(fruit) หลังกำรปฏิสนธิ (fertilization)
ovary
ovule
carpel
carpel
- 8. ดอกไม้ที่มีชั้นต่ำงๆ ครบทั้ง 4 ชั้น เรียก “ดอกครบส่วน” (complete flower) แต่
บำงชนิดอำจมีชั้นต่ำงๆ ไม่ครบทั้ง 4 ส่วน เรียกดอกเหล่ำนี้ว่ำ “ดอกไม่ครบส่วน” (incomplete flower) ในดอกไม่ครบส่วน หำกชั้นที่หำยไปชั้นใดชั้นหนึ่งนั้นคือชั้นของเกสรเพศผู้
หรือเกสรเพศเมีย จะเรียกดอกเหล่ำนั้นว่ำ “ดอกไม่สมบูรณ์เพศ” (imperfect flower) และ
ดอกใดก็ตำมถ้ำมีชั้นเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียครบอยู่ในดอกเดียวกัน (ไม่ว่ำชั้นอื่นๆ จะมีครบ
หรือไม่) จะเรียกว่ำ ดอกสมบูรณ์เพศ (perfect flower)
ดอกส้านเป็นดอกสมบูรณ์เพศ
และเป็นดอกครบส่วน
ดอกเฟื่องฟ้าเป็นดอกสมบูรณ์เพศ
แต่เป็นดอกไม่ครบส่วน คือ
ขาดชั้นวงกลีบดอก
ดอกย่อยโป๊ยเซียนถือเป็นดอก
ไม่สมบูรณ์เพศ คือ แยกเป็นดอกเพศผู้
และดอกเพศเมียและดอกแต่ละเพศ
เป็นดอกไม่ครบส่วน
ดอกปัตตาเวียถึงแม้มีกลีบเลี้ยง
และกลีบดอก แต่ถือเป็นดอกไม่
ครบส่วน เนื่องจากเป็นดอกแยก
เพศ มีทั้งดอกเพศผู้ และดอกเพศ
เมีย ดังนั้นจึงเป็นดอกไม่สมบูรณ์
เพศด้วยเช่นกัน
- 9. นอกจำกชั้นต่ำงๆ ทั้ง 4 ชั้นแล้ว ยังอำจพบ “ใบ
ประดับ” (bract) ในดอกได้อีกด้วย โดยทั่วๆ ไป
ใบประดับจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ำวงกลีบเลี้ยง คือ
อยู่ที่โคนหรือปลำยก้ำนดอก ในกรณีที่เป็นช่อดอก
ใบประดับที่รองรับช่อดอกจะใช้คำว่ำ bract แต่
ถ้ำเป็นใบประดับที่รองรับดอกย่อยในช่อจะเรียกว่ำ
ใบประดับย่อย (bracteole)
bracteole
(ใบประดับย่อย)
bract
(ใบประดับ)
corona
(กะบังรอบ)
corolla
(วงกลีบดอก)
ดอกไม้บำงชนิดอำจมีชั้นพิเศษเกิดขึ้นมำ เรียก
ชั้นกะบังรอบ หรือมงกุฎ (corona) เป็นชั้น
พิเศษที่มักอยู่ระหว่ำงวงกลีบดอก และวงเกสร
เพศผู้ ชั้นกะบังรอบอำจเจริญหรือพัฒนำมำจำก
ส่วนของเกสรเพศ หรือวงกลีบดอกก็ได้
- 10. corolla
(วงกลีบดอก)
calyx
(วงกลีบเลี้ยง)
epicalyx (ริ้วประดับ)
pedicel (ก้ำนดอกย่อย)
peduncle
(ก้ำนช่อดอก)
ชบำ (Hibiscus rosa-sinensis L.)
แนวรอยต่อระหว่ำงก้ำนช่อดอกและก้ำนดอกย่อย
ดอกชบาเป็นดอกช่อที่ลดรูปเหลือเพียงดอกย่อยที่ปลายหนึ่งดอก เป็นดอกสมบูรณ์ กลีบเลี้ยงสีเขียว 5 กลีบ เชื่อมติด
กันคล้ายรูปหลอด ปลายแยกเป็น 4-5 แฉก โคนหลอดกลีบเลี้ยงมีริ้วประดับ กลีบดอกสีแดง ขาว หรือชมพู 5 กลีบ
เชื่อมติดกันเล็กน้อยที่โคน และเชื่อมติดกับโคนหลอดเกสรเพศผู้ เกสรเพศผู้จานวนมาก ก้านชูอับเรณูเชื่อมติดกันเป็น
หลอด และหุ้มล้อมรอบรังไข่ และก้านยอดเกสรเพศเมีย ก้านยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน แต่ส่วนปลายแยกเป็นแฉก 5
แฉก ยอดเกสรเพศเมีย 5 อัน กลมหรือรี มีขน รังไข่เหนือวงกลีบ
- 14. petaloid staminode
(เกสรเพศผู้เป็นหมันที่
เปลี่ยนรูปไปคล้ำยกลีบดอก)
corolla
(วงกลีบดอก)
bracteole
พุทธรักษำ (Canna sp.)
sepal
(กลีบเลี้ยง)
(ใบประดับย่อย)
พุทธรักษาออกดอกเป็นช่อ ดอกย่อยแต่ละดอกมีใบประดับย่อยสีเขียวรองรับ กลีบเลี้ยง 3 กลีบ แยกจากกันเป็นอิสระ
กลีบดอก 3 กลีบเชื่อมติดกันที่โคน และเชื่อมติดกับเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียด้วย ทาให้มีลักษณะคล้ายเป็นหลอด
เกสรเพศผู้ 1 อัน เปลี่ยนรูปไปคล้ายเป็นกลีบดอก แต่ยังคงเห็นอับเรณูติดอยู่ที่ด้านข้างของส่วนที่คล้ายเป็นกลีบ เกสร
เพศผู้เป็นหมัน 4 อัน เปลี่ยนรูปไปคล้ายเป็นกลีบดอกเช่นกัน เกสรเพศเมีย 1 อัน รังไข่ใต้วงกลีบ ก้านยอดเกสรเพศ
เมีย 1 อัน แผ่ออกคล้ายเป็นกลีบ ยอดเกสรเพศเมียอยู่ที่ขอบด้านบนของก้านยอดเกสรเพศเมียที่แผ่ออก
- 16. ดอนย่ำ, ใบต่ำงดอก (Mussaenda spp.)
ดอนย่าหรือใบต่างดอกออกดอกเป็นช่อ ดอกย่อยในช่ออาจแน่นหรือโปร่ง กลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยก
เป็นแฉกกลีบเลี้ยง 4-5 แฉก แฉกกลีบเลี้ยง 1 แฉกหรือทั้งหมดมักเปลี่ยนรูปไปคล้ายเป็นกลีบดอก มีสีสันสวยงาม
กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็นแฉกกลีบดอก 5 แฉก เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดบนหลอดกลีบดอก
สลับกับแฉกกลีบดอก เกสรเพศเมีย 1 อัน รังไข่ใต้วงกลีบ ก้านยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน ยอดเกสรเพศเมีย 2 แฉก
- 18. corona
(กะบังรอบ)
corolla
(วงกลีบดอก)
sepal
(กลีบเลี้ยง)
รัก (Calotropis gigantea (L.) Dryander ex W.T.Aiton)
รักออกดอกเป็นช่อ กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ขนาดเล็ก แยกจากกันเป็นอิสระ กลีบดอก 5 กลีบเชื่อมติดกันเป็นรูปกงล้อ
เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดอยู่บนหลอดกลีบดอก เชื่อมติดกันเองและเชื่อมติดกับยอดเกสรเพศเมีย แล้วเปลี่ยนรูปร่างไปเป็น
ชั้นกะบังรอบ หรือชั้นมงกุฎ ล้อมรอบรังไข่ และก้านยอดเกสรเพศเมียเอาไว้ข้างใน อับเรณู 5 อัน มีเยื่อบาง ๆ คลุมปิด
อยู่ แต่ละอับเรณูมี 2 ช่อง เรณูทั้งหมดในแต่ละช่องเกาะรวมกันเป็นหนึ่งกลุ่มเกิดเป็น “กลุ่มเรณู” ดังนั้นใน 1 อับเรณู
จะมี 2 “กลุ่มอับเรณู” แต่ “กลุ่มเรณู” ในอับเรณูเดียวกันจะไม่เชื่อมติดกัน การเชื่อมกันของ “กลุ่มเรณู” จะเกิดขึ้น
ระหว่างช่องของอับเรณูที่อยู่ติดกัน เกิดเป็น “ชุดกลุ่มเรณู” ขึ้น เกสรเพศเมีย 1 อัน แต่ส่วนของรังไข่ และก้านยอด
เกสรเพศเมียแยกจากกัน และไปเชื่อมติดกันที่ยอดเกสรเพศเมีย รังไข่เหนือวงกลีบ
- 20. หวำย (Dendrobium sp.)
กลีบเลี้ยง
petal
(กลีบดอก)
operculum
(ฝำปิดอับเรณู)
หวายออกดอกเป็นช่อ ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ กลีบ
petal
petal เลี้ยงอันบนแยกเป็นอิสระ กลีบเลี้ยงคู่ข้างเชื่อมติด
กันที่โคนมีลักษณะคล้ายเป็นคางยื่นออกมา กลีบดอก 3
กลีบแยกจากกัน กลีบดอกหนึ่งกลีบที่อยู่ด้านล่างมี
ลักษณะแตกต่างไปจากกลีบดอกอีก 2 กลีบ เรียกกลีบ
ปาก เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียเชื่อมติดกันเกิดเป็น
sepal
โครงสร้างที่เรียก เส้าเกสร ส่วนบนสุดเป็นอับเรณู ซึ่งมี
(กลีบเลี้ยง)
ฝาปิดคลุมกลุ่มเรณูเอาไว้ ถัดจากอับเรณู
anther
pollinium (กลุ่มเรณู)
ลงมามีลักษณะเป็นแอ่ง มีน้าเหนียวๆ คือ
(อับเรณู)
ยอดเกสรเพศเมีย รังไข่อยู่ใต้วงกลีบ
ovule
(ออวุล)
column
(เส้ำเกสร)
stigma
ovary
(ยอดเกสรเพศเมีย) (รังไข่)
- 21. bract
bract
(ใบประดับ)
pistillate flower
(ดอกเพศเมีย)
(ใบประดับ)
staminate flower
gland
(ต่อม)
(ดอกเพศผู้)
โป๊ยเซียน (Euphorbia milii Des Moul)
โป๊ยเซียนออกดอกเป็นช่อแต่ดูคล้ายเป็นดอกเดี่ยว ช่อดอกเป็นรูปถ้วย มีใบประดับขนาดใหญ่สองใบรองรับช่อดอก
มีต่อมที่มีลักษณะและสีสันคล้ายกลีบติดอยู่กับใบประดับล้อมรอบดอกย่อยในช่อ ดอกย่อยแยกเพศ และไม่มีวงกลีบ
ใน 1 ช่อดอกจะพบดอกเพศเมีย 1 ดอกอยู่ตรงกลางช่อ และลดรูปจนเหลือเพียงเกสรเพศเมีย1 อันติดอยู่บนก้าน
ดอกย่อย รังไข่ลักษณะเป็น 3 พู ก้านเกสรเพศเมีย 3 อัน ยอดเกสรเพศเมีย 3 อัน แต่ละอันมีลักษณะเป็นสองแฉก
ดอกเพศผู้มีหลายดอกอยู่ล้อมรอบดอกเพศเมีย และลดรูปจนเหลือเพียงเกสรเพศผู้ 1 อันติดบนก้านดอกย่อย ที่โคน
ก้านดอกย่อยมีใบประดับย่อยที่มีลักษณะเป็นแผ่นหรือเส้นบางๆ หรือมีลักษณะคล้ายเป็นริ้วหรือขน
- 26. bracteole
(ใบประดับย่อย)
หำงนกยูงฝรั่ง (Delonix regia (Bojer ex Hook.) Raf.)
หางนกยูงฝรั่งออกดอกเป็นช่อ มีใบประดับย่อยที่โคนก้านดอกย่อย ดอกมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ แยกจากกันเป็นอิสระ
ลักษณะอวบมีเนื้อ ด้านนอกสีเขียว ด้านในสีแดง กลีบดอก 5 กลีบ แยกจากกันเป็นอิสระ กลีบดอกอันบนสุดมีสีสัน
และรูปร่างแตกต่างจาก 4 กลีบที่เหลือ เกสรเพศผู้ 10 อัน ติดบนฐานดอก เกสรเพศเมีย 1 อัน รังไข่เหนือวงกลีบ
ก้านยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน ยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน ลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ
- 28. พลับพลึงตีนเป็ด (Hymenocallis littoralis Salisb.)
พลับพลึงตีนเป็ดออกดอกเป็นช่อ มีใบประดับ stigma (ยอดเกสรเพศเมีย)
ที่ปลายก้านช่อดอก ดอกย่อยแต่ละดอกมีใบ
ประดับย่อย กลีบรวมมี 6 กลีบ เชื่อมติดกัน
ที่โคน ปลายแยกเป็นแฉก 6 แฉก เกสรเพศ
ผู้ 6 อัน ติดบนหลอดกลีบดอก ส่วนโคนก้าน
ชูอับเรณูแผ่ออกคล้ายเป็นปีก และเชื่อมติดกัน
เกิดเป็นชั้นกะบังรอบ ที่มีลักษณะคล้ายเป็นวง
กลีบ เกสรเพศเมีย 1 อัน รังไข่ใต้วงกลีบ
ก้านยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน ยอดเกสรเพศ
เมีย 1 อัน ลักษณะเป็นตุ่มกลม
bracteole
(ใบประดับย่อย)
anther
(อับเรณู)
style
style
ovary
(รังไข่)
bract
(ใบประดับ)
ovule
(ออวุล)
- 31. กลีบกลำง (standard)
กลีบคู่ข้ำง (wing)
กลีบคู่ล่ำง
(keel)
กลีบกลำง
กลีบคู่ข้ำง
กลีบคู่ล่ำง
ทองกวำว (Butea monosperma (Lam.) Taub.)
ทองกวาวออกดอกเป็นช่อ ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ เชื่อมติดกันคล้ายรูปถ้วย
ปลายแยกเป็นแฉกกลีบเลี้ยง 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ แยกจากกันเป็นอิสระ แบ่ง
ตามตาแหน่งและรูปร่างได้เป็น 3 ชุด ชุดแรกมี 1 กลีบ เป็นกลีบที่ใหญ่ที่สุด เรียก
กลีบกลาง ชุดที่ 2 อยู่ด้านข้างของกลีบกลาง เรียก กลีบคู่ข้าง คู่สุดท้ายเรียกกลีบคู่
ล่าง มักเชื่อมติดกันแบบหลวมๆ คล้ายรูปท้องเรือ หุ้มล้อมเกสรเพศผู้และเกสรเพศ
เมีย เกสรเพศผู้ 10 อัน แบ่งเป็น 2 ชุด ชุดที่ 1 มี 9 อันเชื่อมติดกันเป็นหนึ่งกลุ่ม
ชุดที่ 2 มี 1 อันแยกเป็นอิสระ เกสรเพศเมีย 1 อัน
เกสรเพศผู้
(stamen)
วงกลีบเลี้ยง
เกสรเพศเมีย
(pistil)
- 32. ดอกย่อยดอกกลำง
ก้ำนช่อดอก
ดอกย่อย
จำมจุรี ฉำฉำ (Albizia lebbeck (L.) Benth.)
จามจุรีออกดอกเป็นช่อ อาจมีใบประดับย่อยรองรับดอกย่อย ดอกย่อยมี 2 แบบอยู่ในช่อเดียวกัน ไม่มีก้านดอกย่อย
ดอกย่อยส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก แต่มีเกสรเพศผู้ยาว อยู่ล้อมรอบดอกย่อยอีก 1 ดอก ซึ่งอยู่ตรงกลางช่อ และมีขนาด
ใหญ่กว่าดอกย่อยอื่นๆ ชัดเจน แต่มีเกสรเพศผู้สั้นกว่า ดอกย่อยทั้งสองแบบกลีบเลี้ยงมีกลีบเลี้ยงสีเขียว เชื่อม
ติดกันเป็นหลอด ส่วนปลายแยกเป็นแฉกกลีบเลี้ยง กลีบดอกสีชมพูเชื่อมติดกันเป็นหลอด ส่วนปลายแยกเป็นแฉก
กลีบดอก เกสรเพศผู้จานวนมาก ก้านชูอับเรณูมีสีขาวที่บริเวณครึ่งล่าง ส่วนครึ่งบนมีสีชมพู โคนก้านชูอับเรณูเชื่อม
ติดกันเป็นหลอด ส่วนปลายแยกจากกันเป็นอิสระ อับเรณูสีเหลือง เกสรเพศเมีย 1 อัน รังไข่เหนือวงกลีบ รูปร่างยาว
ก้านยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน ยอดเกสรเพศเมีย 1 อัน