More Related Content
Similar to การพูดเพื่อนำเสนอ
Similar to การพูดเพื่อนำเสนอ (20)
More from Rattana Wongphu-nga
More from Rattana Wongphu-nga (20)
การพูดเพื่อนำเสนอ
- 1. การพูดเพื่อนาเสนอ
การพูดเพื่อนาเสนอ เป็นการพูดที่มีความสาคัญมากในปัจจุบัน เราทุกคนต่างก็เป็นนักนาเสนอ เพียงแต่
ใครจะเป็นผู้นาเสนอได้ดีและมีประสิทธิภาพกว่ากัน เช่น เด็กๆ ต้องพูดนาเสนอเพื่อขอเงินผู้ปกครองไปซื้อสิ่งของที่
ตนเองต้องการ , นักขายพูดนาเสนอขายสินค้าแก่ลูกค้า , ผู้ให้บริการต้องพูดนาเสนอการให้บริการที่ประทับใจแก่
ผู้รับบริการ , นักการเมืองต้องพูดเพื่อนาเสนอนโยบายแก่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกตนเข้าไป
บริหารประเทศ, ผู้เผยแพร่ศาสนาต้องพูดนาเสนอเพื่อให้ผู้ฟังเชื่อถือ ศรัทธาและนาไปปฏิบัติ ฯลฯ
ในบทความนี้ใคร่ขอแนะนาเทคนิคบางประการที่จะทาให้การพูดเพื่อนาเสนอให้เป็นที่สนใจและดึงดูด
ใจผู้ฟัง ดังนี้
1.ต้องวิเคราะห์ผู้ฟัง การพูดนาเสนอที่ดีและประสบความสาเร็จ สิ่งที่ผู้พูดควรคานึงถึงอันดับแรก คือ
ต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง ต้องรู้ว่าผู้ฟังคือใคร มีเพศใด มีอายุเท่าไร สถานภาพของผู้ฟังเป็นอย่างไร ทางานอาชีพอะไร
ความรู้การศึกษาของผู้ฟังอยู่ระดับไหน ผู้ฟังนับถือ ศาสนา มีวัฒนธรรม มีประเพณีอะไร แล้วผู้ฟังมีความต้องการ
อะไร รักชอบอะไร การวิเคราะห์ผู้ฟังและการพูดในสิ่งที่ผู้ฟังมีความต้องการจะทาให้ผู้พูด สามารถพูดนาเสนอเพื่อ
เป็นที่ประทับใจแก่ผู้ฟังได้ ทั้งนี้การวิเคราะห์ผู้ฟังยังรวมไปถึง เรื่องของอารมณ์ ความรู้สึก ของผู้ฟังในขณะฟังผู้พูด
พูดอีกด้วย
2.ต้องเตรียมเนื้อหาที่จะพูด ควรมีองค์ประกอบตามโครงสร้าง คือ คาขึ้นต้น เนื้อเรื่อง และสรุป
จบ อีกทั้งต้องทาให้ทั้ง 3 ส่วน มีความสอดคล้อง กลมกลืนไปในทิศทางหรือเนื้อหาเดียวกัน ดังตัวอย่าง
2.1.การขึ้นต้นการพูดที่ดีเราต้องรู้จักสร้างความสนใจ สร้างความตื่นเต้น สร้างความอยากที่จะฟัง
แก่ผู้ฟัง ซึ่งการขึ้นต้นมีเทคนิคหลายอย่าง เช่น
- การขึ้นต้นโดยตั้งคาถาม (ท่านผู้ฟังครับ ท่านผู้ฟังอยากมีเงินล้านภายใน 1 ปี หรือเปล่าครับ
การขึ้นต้นประโยคดังกล่าว จะทาให้ผู้ฟังอยากที่จะฟังเรื่องราวของผู้พูด ว่าทาอย่างไรถึงจะมีเงิน
ล้านภายใน 1 ปี ได้ )
- การขึ้นต้นด้วยการสร้างความสงสัย ( ท่านเชื่อไหมว่าเราสามารถอายุยืนนานถึง 110 ปี)
- การขึ้นต้นด้วยการพาดหัวข่าว( แม่แจ้งจับพระใช้ไฮไฟว์ลวง ม.3 เข้ากุฏิ)
- การขึ้นต้นด้วยการอ้างอิง ( มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่า สมุนไพรไทยรักษาโรคได้เกือบทุกชนิด)
สาหรับการขึ้นต้นมีความสาคัญมากสาหรับการพูดนาเสนอ หากเราขึ้นต้นได้ดี ก็จะทาให้ผู้ฟัง
อยากติดตามเรื่องราวที่จะนาเสนอในส่วนของเนื้อเรื่อง แต่ถ้าหากขึ้นต้นไม่มี ไม่ดึงดูดใจผู้ฟัง ก็จะ
ทาให้ผู้ฟังไม่อยากฟังเรื่องราวในส่วนของเนื้อหาต่อไป
2.2.เนื้อเรื่อง เป็นส่วนของเนื้อหาที่ต้องสอดคล้องกับคาขึ้นต้น เป็นส่วนที่มีเนื้อหามากกว่า ส่วน
ขึ้นต้นและสรุปจบ อาจพูดได้ว่ามีสัดส่วนดังนี้( คาขึ้นต้น 5-10 เปอร์เซ็นต์ เนื้อเรื่อง 80-90
เปอร์เซ็นต์และสรุปจบ 5-10 เปอร์เซ็นต์) เช่น
- เรียงตามลาดับ เวลา สถานที่ เช่น เรียงลาดับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต , เรียงจากจังหวัดเหนือ
สุดไปใต้สุด ฯลฯ
- ใช้ตัวอย่างประกอบ ตัวอย่างจะทาให้เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น เพราะเรื่องราวบางอย่างอาจจะเป็น
นามธรรม แต่การยกตัวอย่างจะทาให้เห็นเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น
- 2. - เน้นจุดมุ่งหมายเดียว การพูดในส่วนเนื้อหาที่ดี ควรให้อยู่ในจุดมุ่งหมายหรือประเด็นเดียว ไม่
ควรพูดหลายประเด็น จนผู้ฟังฟังแล้วเกิดความสับสนว่าผู้พูดต้องการนาเสนออะไรกันแน่
2.3.สรุปจบ เป็นส่วนสุดท้าย ท้ายสุด การสรุปจบที่ดี ควรทาให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ ตรึงใจ
เช่น
- ฝากแง่คิด เป็นการพูดเพื่อฝากให้ผู้ฟังนาไปคิดต่อไป
- เรียกร้อง เชิญชวน เป็นการสรุปจบแบบ ขอร้อง เชิญชวน ให้ผู้ฟังกระทาสิ่งที่ผู้พูด
ต้องการ เช่น เชิญชวนให้เลิกบุหรี่ สุรา ยาเสพติด เชิญชวนให้ผู้ฟังได้ออกกาลังกาย
3.หาประสบการณ์ เทคนิคข้อนี้มีความสาคัญเป็นอันมาก คนที่มักไม่มีความมั่นใจในการนาเสนอของตน ก็
เนื่องจากขาดประสบการณ์ การหาประสบการณ์ในการพูดนาเสนอจะทาให้ ผู้พูดนาเสนอเกิดความมั่นใจในตนเอง
มากขึ้น อีกทั้งจะทาให้รู้ว่าตนเองควร ปรับปรุง แก้ไข พัฒนาตนเองอย่างไรบ้าง
4.อย่าออกตัว การพูดนาเสนอที่ดี ผู้พูดไม่ควรออกตัว การออกตัวหรือกล่าวคาขอโทษผู้ฟัง จะทาให้ผู้ฟัง
เกิดความไม่มั่นใจ และทาให้ผู้ฟังขาดความศรัทธา ความเชื่อถือ ในตัวผู้พูด เช่น พูดว่าเรื่องที่จะนาเสนอนี้กระผมไม่
ค่อยมีความรู้สักเท่าไร , การนาเสนอในครั้งนี้กระผมไม่ค่อยได้เตรียมตัวมาต้องขอโทษผู้ฟังด้วย ถ้าหากกระผมพูด
อะไรผิดพลาด ฯลฯ
ดังนั้น การพูดเพื่อนาเสนอ จึงมีความสาคัญ สาหรับผู้ที่ต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ ความก้าวหน้าใน
การทางาน อีกทั้งยังทาให้ท่านเกิดความได้เปรียบกว่าคนที่ไม่ได้เรียนรู้ ไม่ได้ฝึกฝน ในการพูดนาเสนอ