More Related Content
Similar to ใบความรู้ที่3 (20)
More from Rattana Wongphu-nga
More from Rattana Wongphu-nga (20)
ใบความรู้ที่3
- 1. ใบความรู้ที่ 3 หน่ วยการเรียนรู้ที่ 3
รหัสวิชา ง31102 การงานอาชีพและเทคโนโลยี ระดับมัธยมศึกษาปี ที่ 4
ชื่อหน่ วย การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์
จานวน 1 คาบ
ชื่อเรื่อง วิธีการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์
การพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ จะเกิดขึ้นได้เมื่อผูทาตระหนักถึงความสาคัญและคุณค่าของการทา
้
โครงงาน รวมถึงหลักการและประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อนามาประกอบการตัดสินใจเลือก
โครงงานคอมพิวเตอร์ที่จะทา ซึ่งมีข้นตอนการทาโครงงาน ดังนี้
ั
1. การคัดเลือกหัวข้ อโครงงาน หัวข้อเรื่ องที่จะนามาพัฒนาเป็ นโครงงานคอมพิวเตอร์มกจะได้มาจากปัญหา
ั
คาถาม ความสนใจ การสังเกตหรื อศึกษาสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรื อสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา
ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1.1 การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรื อวารสารต่างๆ ตลอดจนการสืบค้นข้อมูลจาก
อินเทอร์เน็ต
1.2 การไปเยียมชมสถานที่ต่างๆ หรื อสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเรื่ องที่สนใจ
่
1.3 การฟังรายการวิทยุและโทรทัศน์ การบรรยายทางวิชาการ รวมทั้งการสนทนาอภิปรายแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรี ยนหรื อกับบุคคลอื่นๆ ทั้งในโรงเรี ยนและนอกโรงเรี ยน
1.4 การเข้าร่ วมกิจกรรมการเรี ยนการสอนในห้องเรี ยนหรื อกิ จกรรมพัฒนาผูเ้ รี ยน
1.5 การทางานอดิเรกของนักเรี ยนโดยใช้เวลาว่างหลังเลิกเรี ยนและวันหยุด
1.6 การเข้าชมงานนิทรรศการหรื องานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
2. เงื่อนไขความสาเร็จในการทาโครงงาน ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนามาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์
ควรพิจารณาปัจจัยสาคัญที่เป็ นเงื่อนไขของความสาเร็ จ ดังนี้
2.1 ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่ องที่จะนามาทาโครงงาน
2.2 สามารถจัดหาเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับการทาโครงงานที่
เลือกได้
2.3 มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรื อขอคาปรึ กษาจากครู ที่ ปรึ กษา ผูทรงวุฒิหรื อผูเ้ ชี่ยวชาญใน
้
เรื่ องที่ทา
2.4 ต้องมีเวลาในการดาเนินงานเพียงพอ คือ ต้องทางานอย่างต่อเนื่องจนแล้วเสร็ จ
2.5 ต้องมีงบประมาณเพียงพอ เนื่องจากการทาโครงงานคอมพิวเตอร์ ต้องมีคอมพิวเตอร์เป็ นปัจจัย
สาคัญในการทางาน จึงทาให้การใช้งบประมาณค่อนข้างสูง
2.6 ต้องมีความปลอดภัย หมายถึง มีความปลอดภัยในการทาโครงงานคอมพิวเตอร์เพราะต้องเกี่ยวข้อง
กับกลไกอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมไปถึงผลงานที่ออกมาต้องปลอดภัยกับผูใช้ดวย ้ ้
- 2. 3. การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้ อมูล รวมถึงการขอคาปรึ กษาจากครู ที่ปรึ กษา ผูรู้ และ
้
ผูทรงคุณวุฒิ จะช่วยให้เกิดแนวคิดในการกาหนดขอบเขตของเรื่ องที่จะทาได้ชดเจนมากยิงขึ้น จนสามารถ
้ ั ่
ออกแบบและวางแผนดาเนินการทาโครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสมการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์น้ นเรา ั
จะต้องมีคาตอบให้กบคาถามเหล่านี้ได้
ั
ทาอะไร
ทาไมต้องทา
ต้องการให้เกิดอะไร
ทาอย่างไร
ใช้ทรัพยากรอะไร
ทากับใคร
เสนอผลงานอย่างไร
4. การจัดทาโครงร่ าง (Proposal) หรือข้ อเสนอโครงงานของโครงงานคอมพิวเตอร์ การจัดทาเค้าโครงร่ าง
หรื อข้อเสนอโครงงาน จัดทาขึ้นเพื่อนาเสนอต่อครู ที่ปรึ กษาโครงงานก่อนดาเนินการพัฒนาโครงงาน
คอมพิวเตอร์ ในการจัดทาโครงร่ างหรื อข้อเสนอโครงงานมีวิธีดาเนินการ ดังนี้
4.1 ศึกษาค้นคว้าเอกสารอ้างอิง และรวบรวมข้อมูลที่ได้จากผูทรงคุณวุฒิ
้
4.2 วิเคราะห์ขอมูล เพื่อกาหนดขอบเขตและลักษณะของโครงการที่จะพัฒนา
้
4.3 ออกแบบการพัฒนา มีการกาหนดลักษณะของเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์และตัวแปรภาษา
โปรแกรม และวัสดุต่างๆ ที่ ตองใช้ พร้อมทั้งกาหนดตารางการปฏิบติงานของการจัดทาโครงร่ างของ
้ ั
โครงงาน การลงมือทาโครงงาน และสรุ ปรายงานโครงงาน โดยกาหนดช่วงเวลาอย่างกว้างๆ
4.4 การพัฒนาโครงงานขั้นต้น คือ การศึกษาความเป็ นไปได้เบื้องต้น โดยอาจจะทาการพัฒนา
ส่วนย่อยๆ บางส่วนตามที่ได้ออกแบบไว้แล้ว นาผลจากการศึกษาในช่วงนี้ไปปรับปรุ งแผนการทางานที่
ออกแบบไว้ในครั้งแรกให้เหมาะสมมากยิงขึ้น ่
4.5 เสนอโครงร่ างของโครงงานคอมพิวเตอร์ต่ออาจารย์ที่ปรึ กษา ด้วยการถ่ายทอดความคิดของตนเอง
ที่ได้ศึกษา และบันทึกไว้ให้กบอาจารย์ที่ปรึ กษาทราบ เพื่อขอคาแนะนาและปรับปรุ งแก้ไขในส่ว นที่ยง
ั ั
บกพร่ อง เพื่อให้การวางแผนและการดาเนินงานเป็ นไปอย่างถูกต้องเหมาะสมทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่ มต้นจน
แล้วเสร็ จ ซึ่งองค์ประกอบเค้าโครงของโครงงานคอมพิวเตอร์มีดงนี้ ั
- 3. ตารางแสดงองค์ประกอบเค้าโครงของโครงงาน
หัวข้ อ รายละเอียด
1. ชื่อโครงงาน ต้องมีความชัดเจนว่าทาอะไร
2. ชื่อผูจดทาโครงงาน
้ั ผูจดทาโครงงานหรื อผูรับผิดชอบโครงงาน อาจ
้ั ้
เป็ นรายบุคคลหรื อเป็ นกลุ่มก็ได้
3. อาจารย์ที่ปรึ กษาโครงงาน ครู ผทาหน้าที่ให้คาปรึ กษา ดูแลการทาโครงงาน
ู้
ของนักเรี ยน
4. ระยะเวลาดาเนินงาน ระยะเวลาการดาเนินงาน ตั้งแต่วนเริ่ มต้นจนสิ้น
ั
สุดโครงงาน
5. ที่มา ความสาคัญ หรื อแนวคิด ระบุถึงสภาพปัจจุบนที่เป็ นปัญหาหรื อที่เป็ นความ
ั
ต้องการและความคาดหวังที่ตองการให้เกิดขึ้นจาก
้
การทาโครงงาน
6. เป้ าหมาย ผลที่ตองการให้เกิดขึ้นทั้งในเชิงปริ มาณและ
้
คุณภาพ
7. วัตถุประสงค์ ระบุสิ่งที่ตองการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงงานทั้ง
้
ในเชิงกระบวนการและผลผลิต โดยระบุเป็ นข้อๆ
และขึ้นต้นด้วยคาว่า “เพื่อ”
8. หลักการและทฤษฎี หลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องและนามาใช้ในการ
พัฒนาโครงงานซึ่งได้มาจากการศึกษาค้นคว้า
9. วิธีดาเนินงาน กิจกรรมหรื อขั้นตอนการดาเนินงาน เครื่ องมือ
วัสดุอุปกรณ์ เทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา งบประมาณ
และสถานที่
10. ตารางการปฏิบติงาน
ั วัน เวลา และกิจกรรมดาเนินการต่างๆ ตั้งแต่
เริ่ มต้นจนถึงที่สุด
11. ผลที่คาดว่าจะได้รับ ผลที่ตองการให้เกิดทั้งที่เป็ นผลผลิต กระบวนการ
้
ทางาน และผลกระทบที่เกิดขึ้น
12. เอกสารอ้างอิง รายชื่อเอกสารหรื อแหล่งที่มาของข้อมูลซึ่งนามา
ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
5. การดาเนินการพัฒนาโครงงาน เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นชอบจากครู ที่ปรึ กษาแล้ว
ขั้นตอนต่อไปจะเป็ นการพัฒนาโครงงานตามแผนที่วางไว้ หากการจัดทาเค้าโครงมีความชัดเจนเหม าะสมดี
- 4. แล้ว การลงมือปฏิบติงานก็ทาได้สะดวกรวดเร็ ว การลงมือพัฒนาโครงงานแบ่งออกเป็ น 3 ขั้นตอนสาคัญ
ั
ดังนี้
5.1 การเตรี ยมการ คือ เตรี ยมเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการพัฒนาให้
พร้อม และควรเตรี ยมสมุดบันทึกหรื อแฟ้ มข้อมูลไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ สาหรับบันทึกการทากิจกรรม
ต่างๆ ระหว่างทาโครงงาน เช่น ปฏิบติงานอย่างไร เมื่อไหร่ ได้ผลอย่างไรมีปัญหาอะไรบ้าง และได้แก้ไข
ั
หรื อไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตหรื อข้อค้นพบต่างๆ
5.2 การลงมือพัฒนา เป็ นขั้นตอนการปฏิบติงานตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลง
ั
หรื อเพิ่มเติมได้ถาเห็นว่าจะช่วยทาให้ผลงานดีข้ ึนโดยยึดหลักการดังต่อไปนี้
้
5.2.1 จัดระบบการทางาน โดยทาส่วนที่เป็ นหลักสาคัญๆ ให้เสร็ จก่อนแล้วจึงทาในส่วนที่เป็ น
ส่วนประกอบย่อย หรื อส่วนเสริ มเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น
5.2.2 ในกรณี ทางานกลุ่ม ถ้ามีการแบ่งงานกันทาให้ตกลงกันในรายละเอียดในการเชื่อมต่อชิ้นงาน
เข้าด้วยกันให้ชดเจนเพื่อให้งานในภาพรวมมีคุณลักษณะหรื อเป็ นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งกาหนดเวลา
ั
แล้วเสร็ จให้พร้อมกันเพื่อป้ องกันปัญหาความขัดแย้งกันในกลุ่ม
5.2.3 พัฒนาโครงงานอย่างเป็ นระบบ เป็ นขั้นตอนด้วยความละเอียดรอบคอบและมีการบันทึก
ข้อมูลไว้อย่างเป็ นระบบและครบถ้วนทุกขั้นตอน
5.2.4 หากเกิดปัญหาในระหว่างการพัฒนาโครงงานทั้งปัญหาเชิงเทคนิค และปัญหาอื่นใดที่ไม่
สามารถแก้ไขได้ดวยตนเอง หรื อด้วยระบบกลุ่มให้นาไปปรึ กษากับครู ที่ปรึ กษาทันที
้
5.3 การทดสอบผลงานและการปรับปรุ งแก้ไข เป็ นการตรวจสอบความถูกต้องของผล งานด้วยการ
ทดลองใช้ ทดลองแสดง เพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พฒนาขึ้นนั้นตรงตามความต้องการที่กาหนดไว้ใน
ั
เป้ าหมายมากน้อยเพียงใด หากต่ากว่าเป้ าหมายที่กาหนดต้องปรับปรุ งแก้ไขและพัฒนาจนได้ผลงานหรื อ
ชิ้นงานที่มคุณภาพและประสิทธิภาพสูงขึ้น
ี
6. สรุปผลอภิปรายผล เมื่อได้ผลงานที่พฒนาเรี ยบร้อยแล้ว ให้จดทาสรุ ปผลการดาเนินงาน ด้วยข้อความที่
ั ั
สั้นกะทัดรัด แต่ครอบคลุมกระบวนการขั้นตอนการดาเนินทั้งหมด ทาให้ผอ่านรายงานเข้าใจสิ่งที่คนพบจาก
ู้ ้
การทาโครงงานได้ชดเจนขึ้น พร้อมกับการอภิปรายผลเพื่อนาเอาผลที่ได้รับจากการทาโครงงานไปหา
ั
ความสัมพันธ์ กับหลักการ ทฤษฎี หรื อผลงานที่ผอื่นได้ศึกษาไว้แล้ว รวมถึงการนาหลักการ ทฤษฎี หรื อ
ู้
ผลงานของผูอื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่ได้ดวย
้ ้
7. ข้ อเสนอแนะและแนวทางการพัฒนา เมื่อทาโครงงานเสร็ จสิ้นลงแล้ว นักเรี ยนอาจพบข้อสังเกตที่น่าสนใจ
หรื อพบประเด็นที่เป็ นปัญหา ซึ่งสามารถเขียนเป็ นข้อเสนอแนะในสิ่งที่ควรจะศึกษาหรื อแนวทางในการ
พัฒนาโครงงานให้เกิดประโยชน์ต่อไปในอนาคต
8. การเขียนรายงานหรือการจัดทารายงาน เป็ นวิธีการสื่อความหมายให้ผอื่นเข้าใจแนวคิดและวิธีการศึกษา
ู้
ค้นคว้า ทดลองปฏิบติในการทาโครงงานจนได้ขอสรุ ปและข้อเสนอแนะต่า งๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น การ
ั ้
- 5. เขียนรายงานควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา พร้อมกันนั้นควรจะจัดทาคู่มือการใช้
งานโปรแกรมที่นกเรี ยนได้พฒนาขึ้นด้วย ซึ่งคู่มือการใช้งานโปรแกรมประกอบด้วย
ั ั
8.1 ชื่อผลงาน
8.2 ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอ มพิวเตอร์ที่สามารถใช้กบผลงานนั้น
ั
ได้
8.3 ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ตองมีอยูในเครื่ องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผลงาน
้ ่
นั้นทางานได้สมบูรณ์
8.4 คุณลักษณะของผลงาน อธิบายให้รายละเอียดว่าผลงานนั้นทาหน้าที่อะไรบ้างรับอะไรเป็ นข้อมูล
นาเข้า และอะไรคือข้อมูลส่ งออก
8.5 วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชน เช่น อธิบายว่าจะต้องกดคาสังใดหรื อกดปุ่ มใดเพื่อให้ได้ผลการ
ั ่
ทางานในฟังก์ชนหนึ่งๆ
ั
9. การนาเสนอผลงานและการเผยแพร่ เป็ นขั้นตอนสุดท้ายของการพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อให้
บุคคลภายนอกกลุ่มหรื อบุคคลทัวไปได้รู้ และให้ขอวิพากษ์ วิจารณ์เพื่อนาไปสู่การพัฒนาให้ดียงขึ้นก่อน
่ ้ ิ่
นาไปเผยแพร่ ให้แก่ผสนใจทัวไปทั้งในและนอกโรงเรี ยน
ู้ ่