การทําเกษตร
  อินทรีย
ทําไมตองทําเกษตร
     อินทรีย
ปญหาการเกษตรของไทย
ปลูกพืชชนิดเดียวซ้ําๆกัน โดยไมปรับปรุงบํารุงดิน ความอุดมสมบูรณของดินลดลง

ใชสารเคมีกําจัดศัตรูพืชและปุยเคมีมากเกินไป พบสารเคมีตกคางในน้ําดื่ม น้ําใช

 ตองใชปุยเคมีในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นทุกปจึงจะไดรับผลผลิตเทาเดิม

  เกิดปญหาโรคและแมลงระบาดทําใหเกิดความยุงยากในการปองกันและกําจัด


  สภาพแวดลอมถูกทําลายเสียหายจนยากที่จะเยียวยาใหกลับคืนมาดังเดิม
ผลที่เกิดขึ้นจากการใช
       สารเคมี
พืช
                (ผูผลิต)



        เคมี




 จุลินทรีย                  สัตว
(ผูยอยสลาย)               (ผูบริโภค)
มีสารพิษตกคางในผลผลิตและเขาสูรางกาย


             สะสมในรางกาย
โรคมะเร็ง โรคเรื้อรัง ตกคาง ไปยังเด็กแรกเกิด

    เปนพิษเฉียบพลัน     ตาย
สิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ไมเปนศัตรูพืชถูกทําลาย
                ๑. แมงมุม
                ๒. กุง หอย ปู ปลา
                 ๓. ตัวห้ํา ตัวเบียน
                 ๔. ไสเดือนฝอย
ตองเสียเงินซื้อสินคาจากตางประเทศ
       ๑. เครื่องจักรกล
      ๒. ปุยเคมี
       ๓. สารเคมีปองกันกําจัดศัตรูพืช
เกษตรอินทรีย คือ
         ไมใชสารเคมีสังเคราะหในการกําจัดศัตรูพืช

                                     ไมใชพันธุพืช
                                      สัตวที่เกิดจาก
             ไมใชปุยเคมี        การตัดตอพันธุกรรม


มีการจดบันทึกขอมูล ใชการปรับปรุงบํารุงดิน ไมมีการใชสารเคมี
     การปฏิบัติ                             สังเคราะหทุกขั้นตอน
                       ดวยอินทรียวัตถุ
                                            การผลิต
มีการจดบันทึกขอมูลการปฏิบัติ
• ไถ : วันที่ ....เดือน...พ.ศ.
• พรวน : วันที่ ... เดือน... พ.ศ.
• ใสปุยอินทรียรองพื้นกนหลุม
• วันที่.. เดือน..พ.ศ...
• จํานวน..กิโลกรัมตอไร
• ปลูก : วันที่ ... เดือน..พ.ศ.
เริ่มไดเมื่อไหร

   เกษตรอินทรียเริ่มไดตั้งแตวันนี้
                     ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนเพื่อให
                        ไดรับการตรวจสอบรับรอง

         ไร – นา – สวน
ไดรับการรับรองผลผลิตเกษตรอินทรีย
จะทําอยางไร
ตองรูวาจะปลูกพืชชนิดใด
ตองรูวาจะขายที่ไหน
ตองรูวาจะไดรายไดเทาไร
การปลูกพืชหลากหลายชนิด
๑. การปลูกพืชสลับแถวเวนแถว
๒. การปลูกพืชแบบหลายแถวสลับกัน
๓. การจัดการระบบปลูกพืชเพื่อใหรากอยู
   รวมกันอยางเหมาะสม
๔. การปลูกพืชลมลุกหลายชนิดปนกันไป
ปุยอินทรีย
เปนปุยที่ไดจากการสลายตัวของ
สิ่งมีชีวิตตางๆ เชน มูลสัตว ซากพืช
ซากสัตว ฟางขาว แกลบ เศษพืช ฯลฯ
ชนิดของปุยอินทรีย
             ปุยหมัก




ปุยคอก   ปุยอินทรีย        ปุยพืชสด




           ปุยอินทรียน้ํา
ประโยชนของปุยอินทรีย
            เปนแหลงของธาตุอาหารพืช
         ชวยใหจุลินทรียในดินทํางานไดดี
             ปรับปรุงโครงสรางของดิน
         ชวยปรับคาความเปนกรดของดิน
         ชวยลดการชะลางพังทลายของดิน
  ชวยลดความเค็มของดินและความเปนพิษของสารบางชนิด
วิสาหกิจชุมชนเปนอะไรคลายเกษตรผสมผสานหรือวนเกษตร
ปุยหมัก คือ ปุยที่ไดจากการหมักเศษพืช มูลสัตว เศษเหลือทิ้ง
ตางๆจนสลายดีแลวจึงนําไปใช ทําไดหลายวิธี


1. ใชเศษพืชเพียงอยางเดียว

 2. ใชเศษพืชผสมมูลสัตว ในอัตราเศษพืช 100 สวน
     มูลสัตว 10 สวน กองสลับกันเปนชั้นๆ
ใชเศษพืชเพียงอยางเดียว


                     1 – 1.5 เมตร

        เศษพืช
        2 – 3 เมตร
ใชเศษพืชผสมมูลสัตว

มูลสัตว           เศษพืช

                              1 – 1.5 เมตร




                 2 – 3 เมตร
การปฏิบัติดูแลกองปุยหมัก
๑. รดน้ําเพื่อใหความชุมชื้น

๒. กลับกองปุยเดือนละ 1 ครั้ง (ประมาณ 4 เดือนเศษ
   พืชจะยอยสลายหมด

๓. ใชวัสดุเชน ทางมะพราว ฟางขาว หรือ ดินคลุมกอง
   ปุยเพื่อรักษาความชื้น
อัตราการใชปุยหมักสําหรับพืชชนิดตางๆ
 พื้นที่    ปริมาณปุยหมัก วิธีการใสปุยหมัก
                                         หวานทั่วพื้นที่แลวไถ
 ขาว          2 - 4 ตันตอไร              กลบกอนปลูก

                                           ใสเปนแถวตาม
พืชไร         2 - 4 ตันตอไร
                                            แนวปลูกพืช
           -แปลงเพาะกลา 2 – 4 กก. ตอ - ใสปุยคลุกเคลากับดินใน
                               กก.
พืชผัก     ตารางเมตร
           -แปลงขนาดใหญ 4 – 6 ตัน
                                          แปลงเพาะกลา
                                       - หวานใหทั่วแปลงปลูก แลว
           ตอไร                        ไถกลบ
อัตราการใชปุยหมักสําหรับพืชชนิดตางๆ
  พื้นที่    ปริมาณปุยหมัก วิธีการใสปุยหมัก
            -ตนขนาดใหญ 25 - 50           -เตรียมปลุกคลุกเคลากับ
 ไมผล       กิโลกรัมตอหลุม                 ดินใสดานลางหลุม
ไมยืนตน   - ตนขนาดเล็ก 15 – 20           - พืชเจริญแลวขุดรองรอบ
              กิโลกรัมตอหลุม                 ตนตามแนวทรงพุม

            - ไมตัดดอก 1 – 3 ตันตอไร    -หวานใหทั่วแลวกลบกอปลูก
            - ไมดอกยืนตน 5 – 10 กก.
                                  กก.      - ใสปุยคลุกเคลากับดินรอง
 ไมดอก        ตอหลุม                     กนหลุมปลูก
ไมประดับ   - ไมประดับ 1 กก.ตอดิน
              เหนียว 4 กก. หรือ 1 กก.ตอ
                                           - ใสปุยหมักผสมคลุกเคลาให
                                           เขากับดิน
              ดินทราย 2 กก.
ปุยพืชสด คือ ปุยที่ไดจากการนําพืช เชน ถั่วตางๆ โสน
ปอเทือง มาทําเปนปุย


โดยการปลูกพืชชนิดนั้นจนถึงระยะเริ่มออกดอก
จึงไถกลบลงดิน
ประโยชนของปุยพืชสด
     เพิ่มอินทรียวัตถุใหแกดิน      ชวยในการอนุรักษดินและน้ํา
  เพิ่มธาตุอาหารไนโตรเจน             ชวยปรับปรุงโครงสรางทาง
 ใหแกดิน                           กายภาพดิน
 รักษาปริมาณธาตุอาหารพืช             ชวยในการปองกันกําจัดวัชพืช
 ใหดิน
                                      ชวยลดตนทุนในการใชปุยเคมี
 สามารถที่จะดึงเอาธาตุอาหาร
พืชที่อยูในดินซึ่งพืชชนิดอื่นๆที่      ชวยเพิ่มผลผลิตพืชหลัก
ระบบรากสั้นเขาไมถึงขึ้นมาใชใน
ดินชั้นบนได
ปุยอินทรียน้ํา คือ ปุยอินทรียในรูปของเหลว ไดจากการ
ยอยสลายวัสดุเหลือใชจากพืช หรือ สัตวที่สด

     วิธีการทําปุยอินทรียน้ําจากพืช
1 พืช + กากน้ําตาล + น้ํา อัตรา 4 : 1 : 1

2 ใสลงในถังคลุกใหเขากัน

 3 ปดฝา(ไมตองสนิท)เก็บไวในที่รม
วิธีการทําปุยอินทรียน้ําจากสัตว
1 เศษปลา(หรือหอยเชอรร) + เศษพืช + กากน้ําตาล + น้ํา
                      ี่
  อัตรา 3 : 1 : 1 : 1
2 ใสลงในถังคลุกใหเขากัน

3 ปดฝา(ไมตองสนิท)เก็บไวในที่รม

4 คนหรือกวนทุกๆ 7 วัน
หลักการพิจารณาปุยเบื้องตน
               กลิ่นแอลกอฮอลจะลดลง

มีกลิ่นเปรี้ยวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดกรดอินทรียเพิ่มขึ้น

  ริเริ่ม สรางสรรค โดยชุมชนทําใหเกิดนวัตกรรม

         ไมปรากฏฟองกาซ หรือมีนอยมาก
        ไดสารละลาย หรือของเหลวใสไมขุน
การจัดการแมลง
   ศัตรูพืช
   และ
   โรคพืช
วิธีการปองกันการระบาดของศัตรูพืช

เลือกใชพันธุที่ตานทานตอโรคและแมลง
ใชเมล็ดและทอนพันธุที่ปราศจากศัตรูพืช

ใชปุยอินทรียปรับปรุงบํารุงดิน

บํารุงรักษาใหพืชแข็งแรง

ไมทําลายแมลงที่เปนประโยชนในไร นา สวน

การจัดการใหน้ําที่ดีและเหมาะสม
หมั่นสํารวจโรค แมลงศัตรูพืชในแปลงอยางสม่ําเสมอ
อนุรักษผึ้ง แมลงที่เปนประโยชน


                                แมงมุม

กินหนอน ชนิดตาง ๆ เพลี้ยออน เพลี้ย
กระโดด เพลี้ยจั๊กจั่น
แมงมุม 1 ตัว กินเพลี้ยกระโดดได 14 ตัว/วัน   ไสเดือนฝอย ใชกําจัดหนอนผีเสื้อ
                                             หลายชนิด และตัวออนดวงหมัดผัก
แมลงหางหนีบ

                                  Earwig


   ประโยชน        เปนแมลงห้ําที่ทําลายไขและหนอนขนาดเล็ก
                เสาะหาเหยื่อไดดี ทําลายเหยื่อโดยใชแพนหาง
                หนีบเหยื่อกิน
อัตราการปลอย   ปลอยแมลงหางหนีบไดทุกวัย ในอัตรา 100 ตัว/ไร
เชื้อราไตรโคเคอรมา

ประโยชน
     เปนเชื้อจุลินทรียที่เปนศัตรูตอเชื้อรา
     สาเหตุโรครากเนา โคนเนา ของพืช Trichoderma
                                        harzianum
อัตราสวนผสม    เชื้อราไตรโคเคอรมา : รํา : ปุยหมักหรือปุยคอก 1 :10
                :40
การนําไปใช    • รองกนหลุม 50-100 กรัม (1 กํามือ)
               • โรยหรือหวานแปลงพืช แปลงกลา 100 กรัม / ตร.ม.
               • ไมผล 3 - 5 กก. / ตน
ควบคุมโดยวิธีกล

๑. จับทําลาย
๒. ตัดแตงกิ่งเปนโรคนําไปเผา
๓. เผา
๔. ฝง
สะเดา


                              Azadirachta indica var.siamensis
ประโยชน      ควบคุมหนอนใยผัก หนอนกระทู เพลี้ยออน อยางไดผลดี
การนําไปใช
        • เมล็ดสะเดาบด 1 กก. แชน้ํา 20 ลิตร นาน 1 คืน ผสมสารจับใบ
        • ใบสะเดาแก + ขา + ตะไครหอม อยางละ 1 กก. แชน้ํา 20 ลิตร
         นาน 1 คืน ผสมสารจับใบ
วิธีการควบคุมวัชพืช

* กําหนดวันปลูกที่เหมาะสม
* การไถพรวน
* ใชเมล็ดพันธุพืชที่ไมมีการปะปนของเมล็ดวัชพืช
* ใชวัสดุ เชน ฟาง คลุมดิน
* การปลูกพืชหมุนเวียน
การเลี้ยงสัตวควบคูไปกับการปลูกพืช
๑. สรางปุยไดเอง
๒.ใชเศษเหลือของพืชและอาหารของคนใหเปน
   อาหารสัตว

๓. ได ไข และ เนื้อสัตวเปนอาหารและรายได
   ของครอบครัว

การทำเกษตรอินทรีย์ [โหมดความเข้ากันได้]