SlideShare a Scribd company logo
1 of 8
Download to read offline
การผลิตปุยอินทรียปริมาณมากแบบไมพลิกกลับกอง วิธีวิศวกรรมแมโจ 1
ผูชวยศาสตราจารยธีระพงษ สวางปญญางกูร
ผูอํานวยการสถานบริการวิชาการ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ
โทร 086 917 4846 E-mail: teerapongs@mju.ac.th
ความจําเปนของการผลิตปุยอินทรีย
ในการเพาะปลูกของเกษตรกรสิ่งที่มีความจําเปนและสําคัญที่สุดคือความอุดมสมบูรณของดิน ความอุดมสมบูรณ
ของดินจะไดมาจากการที่มีอินทรียวัตถุสะสมอยูในดินอยูมาก จุลินทรียดินจะใชอินทรียวัตถุเปนสารอาหารแลวปลดปลอย
แรธาตุที่จําเปนใหแกพืชในปริมาณที่พืชตองการอยางเพียงพอ ซึ่งไดแก ธาตุอาหารหลัก (ไนโตรเจน-N ฟอสฟอรัส-P2O5
และโพแทสเซียม-K2O) ธาตุอาหารรอง (ซัลเฟอร แคลเซียม และแมกนีเซียม) และจุลธาตุ (แมงกานีส ทองแดง โบรอน โม
ลิบดินัม เหล็ก คลอรีน และสังกะสี) ดังนั้น การเติมความอุดมสมบูรณใหกับดินวิธีหนึ่งคือการใชปุยหมักหรือปุยอินทรีย ซึ่ง
นอกจากจะเปนการเพิ่มแรธาตุใหกับพืชแลว ปุยอินทรียยังชวยลดความเปนกรดของดินที่เกิดจากการใชปุยเคมีและยาฆา
หญาอยางยาวนานไดอีกดวย
นอกจากนี้ ในอดีตกอนที่จะมีการผลิตปุยเคมีขึ้นในโลก เกษตรกรในประเทศไทยก็ไดมีการสรางความอุดมสมบูรณ
ใหกับดินในการเพาะปลูกโดยการใชมูลสัตวตาง ๆ เชน มูลโค มูลกระบือ และมูลไก เปนตน ประเทศไทยในขณะนั้น
สามารถสงออกขาวเปนที่ 1 ของโลกมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่ไมมีปุยเคมีใช
แตปจจุบัน ภายหลังจากการ “ปฏิวัติเขียว” หรือการนําปุยเคมีเขามาจําหนายในประเทศไทยประมาณป พ.ศ.
2503 การเกษตรกรรมของไทยก็ไดใชปุยเคมี สารเคมี และยาฆาหญาอยางหนัก โดยลืมที่จะเติมความอุดมสมบูรณใหกับ
ดินอยางแตกอน การใชปุยเคมีและสารเคมีอยางยาวนาน 40 - 50 ป ไดทําใหดินเพาะปลูกเสื่อมสภาพลงอยางมาก
กลายเปนดินที่แนน แข็ง และเปนกรด รากพืชไมสามารถชอนไชหาอาหารไดดี ความเปนกรดของดินทําใหเกิดการละลาย
ของธาตุอะลูมิเนียมออกมาแลวดูดซึมเขาทางรากพืช ทําใหพืชไมแข็งแรงกลายเปนโรคงาย และเชื้อราที่เปนโรคพืชบาง
ชนิดยังทํางานไดดีในดินที่เปนกรดอีกดวย ทําใหเกษตรกรตองใชปุยเคมีและสารเคมีเพิ่มมากขึ้นทุกปทําใหมีตนทุนสูงขึ้น
2
และในขณะเดียวกัน การเผาทําลายเศษพืชในแตละครั้งก็สงผลใหอินทรียวัตถุและจุลินทรียดินที่มีอยูนอยพลอยสลายตัว
หายไปอีก
เพื่อใหความอุดมสมบูรณของดินกลับคืนมาเกษตรกรจึงควรงดการเผาเศษพืช และนําเศษพืชมาผลิตเปนปุย
อินทรียคุณภาพดีแลวนําไปปรับปรุงบํารุงดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุใหกับดิน เพิ่มความอุดมสมบูรณใหกับดิน ที่จะสงผลให
การใชปุยเคมีและสารเคมีลดลง ซึ่งหมายถึงตนทุนการผลิตก็จะลดลง มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ทําใหมีผลกําไรมากขึ้นตามไป
ดวย ดินเพาะปลูกจะกลับมาเปนดินดําที่ฟู นุม โครงสรางเม็ดดินจะรวนซุยขึ้น มีไสเดือนกลับคืนมาที่ชวยการชอนไชของ
รากพืช พืชก็จะกลับมาแข็งแรง เกษตรกรและประชาชนจะมีสุขภาวะที่ดีจากการลดควันพิษจากการเผาและลดการใช
สารเคมี
การผลิตปุยอินทรียวิธีใหม “วิศวกรรมแมโจ 1”
จากผลการคนควาวิจัยของคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ ในป พ.ศ. 2552 ไดมี
นวัตกรรมใหมในการผลิตปุยอินทรียที่ไมตองพลิกกลับกอง เกษตรกรจะสามารถผลิตไดปุยอินทรียคุณภาพดีปริมาณมาก
ครั้งละ 10 – 100 ตัน ปุยอินทรียที่ผลิตไดมีคาตามมาตรฐานปุยอินทรียของกรมวิชาการเกษตร พ.ศ. 2551 เสร็จภายใน
เวลาเพียง 60 วัน เรียกวาวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” ที่ไมสงผลกระทบใด ๆ ตอสิ่งแวดลอม ไมมีกลิ่นและน้ําเสีย วัตถุดิบมี
เพียงเศษพืชกับมูลสัตวเพียง 2 อยางเทานั้น โดยถาเศษพืชเปนฟางขาวอัตราสวนระหวางฟางขาวกับมูลสัตวคือ 4 ตอ 1
โดยปริมาตร และถาเปนเศษใบไมใหใชอัตราสวน 3 ตอ 1 โดยปริมาตร
ขั้นตอนการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1”
ขั้นตอนการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” มีดังนี้
1. นําฟางขาว 4 เขง วางเปนชั้นบาง ๆ สูงไมเกิน 10 เซนติเมตร ฐานกวาง 2.5 เมตร โปรยทับดวยมูลสัตว 1 เขง
แลวรดน้ํา ทําเชนนี้ 15 - 17 ชั้น รดน้ําแตละชั้นใหมีความชื้น ขึ้นกองเปนรูปสามเหลี่ยมที่มีความสูง 1.50 เมตร กองปุยจะ
มีความยาวเทาไรก็ไดขึ้นอยูกับปริมาณเศษพืชและมูลสัตวที่มี ความสําคัญของการที่ตองทําเปนชั้นบาง ๆ 15 - 17 ชั้นก็
เพื่อใหจุลินทรียที่มีอยูในมูลสัตวไดใชทั้งธาตุคารบอนที่มีอยูในเศษพืชและธาตุไนโตรเจนที่มีในมูลสัตวในการเจริญเติบโต
และสรางเซลล ซึ่งจะทําใหการยอยสลายวัตถุดิบเปนไปไดอยางรวดเร็ว
3
ฟางขาว 4 เขง มูลโค 1 เขง วางเปนชั้นบาง ๆ หนา 10 ซม. ฐานกวาง 2.5 เมตร รดน้ําแตละชั้นใหชุม
วางฟางสลับกับมูลสัตว 15 – 17 ชั้น กองเปนรูปสามเหลี่ยม สูง 1.5 เมตร มีความยาวของกองไมจํากัด
2. รักษาความชื้นภายในกองปุยใหมีความเหมาะสมอยูเสมอตลอดเวลา (มีคาประมาณรอยละ 60 – 70) โดยมี 2
ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 รดน้ําภายนอกกองปุยทุกวัน ๆ ละครั้ง โดยไมใหมีน้ําไหลนองออกมาจากกองปุย
ขั้นตอนที่ 2 เมื่อครบวันที่ 10 ใชไมแทงกองปุยใหเปนรูลึกถึงขางลางแลวกรอกน้ําลงไป ระยะหางของรู
ประมาณ 40 เซนติเมตร ทําขั้นตอนที่สองนี้ 5 ครั้ง ระยะเวลาหางกัน 10 วัน เมื่อเติมน้ําเสร็จแลวใหปดรูเพื่อไมใหสูญเสีย
ความรอนภายในกองปุย ขั้นตอนนี้แมวาอยูในชวงของฤดูฝนก็ยังตองทํา เพราะน้ําฝนไมสามารถไหลซึมเขาไปในกองปุยได
จากขอดีที่น้ําฝนไมสามารถชะลางเขาไปในกองปุยได เกษตรกรจึงสามารถผลิตปุยอินทรียดวยวิธีนี้ในฤดูฝนไดดวย
ภายในเวลา 5 วันแรก กองปุยจะมีคาอุณหภูมิสูงขึ้นมาก บางครั้งสูงถึง 70 องศาเซลเซียส ซึ่งเปนเรื่องปกติ
สําหรับกองปุยที่ทําไดถูกวิธี ความรอนสูงนี้เกิดจากกิจกรรมการยอยสลายของจุลินทรีย (จุลินทรียมีมากมายและ
หลากหลายในมูลสัตวอยูแลว) และความรอนสูงนี้ยังเปนสภาวะแวดลอมที่เหมาะสมกับการทํางานของจุลินทรียในกองปุย
4
อีกดวย (จุลินทรียกลุม Thermophiles และ Mesophiles) หลังจากนั้นอุณหภูมิจะคอย ๆ ลดลงจนมีคาอุณหภูมิปกติที่
อายุ 60 วัน
ขั้นตอนแรก รักษาความชื้นภายนอกกองโดยรดน้ําวันละครั้ง ขั้นตอนที่สอง เอาไมแทงกองปุยทุก 10 วันเพื่อ
เติมน้ําภายในกอง
3. เมื่อกองปุยมีอายุครบ 60 วัน ก็หยุดใหความชื้น กองปุยจะมีความสูงเหลือเพียง 1 เมตร แลวทําปุยอินทรียให
แหงเพื่อใหจุลินทรียสงบตัว (Stabilization Period) และไมใหเปนอันตรายตอรากพืช วิธีการทําปุยอินทรียใหแหงอาจทํา
โดยทิ้งไวในกองเฉย ๆ ประมาณ 1 เดือน หรืออาจแผกระจายใหมีความหนาประมาณ 20 – 30 ซม. ซึ่งจะแหงภายในเวลา
3 – 4 วัน สําหรับผูที่ตองการจําหนายปุยอินทรียก็อาจนําปุยอินทรียที่แหงแลวไปตีปนใหมีขนาดเล็กสม่ําเสมอ ซึ่งจะมี
ราคาประมาณกิโลกรัมละ 5 - 7 บาท สามารถเก็บไดนานหลายป
สภาพปุยอินทรียจากฟางขาวอายุ 60 วัน โดยไมพลิกกลับกอง
กองปุยที่สูง 1.5 เมตรจะสามารถเก็บกักความรอนที่เกิดจากปฏิกิริยาการยอยสลายของจุลินทรียเอาไวในกองปุย
ความรอนนี้นอกจากจะเปนสภาพแวดลอมที่เหมาะกับจุลินทรียชนิดชอบความรอนสูงที่มีในมูลสัตวแลว เมื่อความรอนนี้
ลอยตัวสูงขึ้นจะทําใหอากาศภายนอกที่เย็นกวาไหลเวียนเขาไปในภายในกองปุย ซึ่งเกิดจากการพาความรอนแบบปลองไฟ
5
หรือ Chimney Convection อากาศภายนอกที่ไหลหมุนเวียนเขากองปุยนี้ชวยทําใหเกิดสภาวะการยอยสลายของ
จุลินทรียแบบใชอากาศ (Aerobic Decomposition) ทําใหไมตองมีการพลิกกลับกอง และชวยใหกองปุยไมมีกลิ่นหรือน้ํา
เสียใด ๆ
หัวใจสําคัญของการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1”
หัวใจสําคัญของการผลิตปุยอินทรียดวยวิธีนี้ คือ ตองรักษาความชื้นภายในกองปุยใหมีความเหมาะสมอยูเสมอ
ตลอดเวลาทั้งภายในและภายนอกกองปุยดวยวิธีการ 2 ขั้นตอนขางตน บริเวณใดที่แหงเกินไปหรือแฉะเกินไป จุลินทรียจะ
ไมสามารถยอยสลายได ทําใหวัสดุไมยอยสลาย กระบวนการอาจใชเวลานานถึง 6 เดือนถึง 1 ปก็ได
ขอหามของการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1”
ขอหามของการผลิตปุยอินทรียวิธีนี้คือ
1. หามขึ้นเหยียบกองปุยใหแนน หรือเอาผาคลุมกองปุย หรือเอาดินปกคลุมดานบนกองปุย เพราะจะทําให
อากาศไมสามารถไหลถายเทได
2. หามละเลยการดูแลความชื้นทั้ง 2 ขั้นตอน เพราะถากองปุยแหงเกินไปจะทําใหระยะเวลาแลวเสร็จนานและ
ปุยอินทรียมีคุณภาพต่ํา
3. หามวางเศษพืชเปนชั้นหนาเกินไป การวางเศษพืชเปนชั้นหนาเกินไปจะทําใหจุลินทรียที่มีในมูลสัตวไมสามารถ
เขาไปยอยสลายเศษพืชได
4. หามทํากองปุยใตตนไม เพราะความรอนของกองปุยอาจทําใหตนไมตายได
5. หามระบายความรอนออกจากกองปุย เพราะความรอนสูงในกองปุยจะชวยใหจุลินทรียทํางานไดดีมากขึ้น และ
ยังชวยใหเกิดการไหลเวียนของอากาศผานกองปุยอีกดวย
เศษพืชทุกชนิดสามารถนํามาใชผลิตปุยอินทรียวิธีนี้ได เชน ฟางขาว ซังและเปลือกขาวโพด ผักตบชวา เศษผัก
จากตลาด และเศษใบไม (ทั้งสดและแหง) เปนตน สวนมูลสัตวสามารถนํามาใชไดทั้งมูลโค มูลไก และมูลสุกร (ทั้งแหงและ
เปยก) โดยพบวา ฟางขาว ผักตบชวา และเศษขาวโพดเลี้ยงสัตวเปนเศษพืชที่ยอยสลายไดงายที่สุด สวนเมล็ดลําไยหรือ
ลิ้นจี่ก็สามารถนํามาผลิตปุยอินทรียไดแตตองนําไปตีบดในเครื่องยอยเศษพืชเสียกอน
การผลิตปุยอินทรียวิธีนี้จะชวยลดการเผาฟางขาวในนาได โดยการไถกลบตอซังแลวนําฟางขาวกับมูลสัตวขึ้นกอง
ปุยวิธีใหมนี้ในทุงนาใกลแหลงน้ํา เมื่อปุยอินทรียแหงหรือถึงฤดูการเพาะปลูกก็นําไปโปรยในอัตราสวน 500 – 1,000 กก.
ตอไร แลวไถกลบไปพรอมกับการเตรียมดินไดเลย ซึ่งจะชวยประหยัดเวลาและแรงงานในการขนวัสดุไดมาก
รูปตัวอยางการผลิตปุยอินทรียวิธี วิศวกรรมแมโจ 1
6
การผลิตปุยอินทรียในแปลงเพาะปลูก การผลิตปุยอินทรีย 10,000 ตันของสวนสม
อําเภอฝาง
การผลิตปุยอินทรียของศูนยพัฒนาพันธุพืชจักรพันธเพ็ญศิริ มูลนิธิชัยพัฒนา อ.แมสาย จ.เชียงราย
การผลิตปุยอินทรียของเกษตรกรเทศบาลเมืองแมโจ อ.สันทราย จ.เชียงใหม
7
การผลิตปุยอินทรียของเทศบาลนครเชียงใหม การผลิตปุยอินทรียของเกษตรกรบานนาทุง หวย
ทับทัน ศรีสะเกษ
การผลิตปุยอินทรียจากเศษขาวโพดเลี้ยงสัตว
ฐานเรียนรูการผลิตปุยอินทรียมหาวิทยาลัยแมโจ
มหาวิทยาลัยแมโจมีฐานเรียนรูการผลิตปุยอินทรียแบบไมพลิกกลับกอง ผลิตปุยอินทรียจากเศษใบไมที่รวบรวมได
ในมหาวิทยาลัยตั้งแต พ.ศ.2547 ผูที่สนใจสามารถเขาชมไดทุกวันเวลาราชการโดยไมมีคาใชจายใด ๆ ติดตอคณะ
วิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ โทรสาร 053 498902 โทรศัพท 086 917 4846
8

More Related Content

Featured

Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Kurio // The Social Media Age(ncy)
 
Good Stuff Happens in 1:1 Meetings: Why you need them and how to do them well
Good Stuff Happens in 1:1 Meetings: Why you need them and how to do them wellGood Stuff Happens in 1:1 Meetings: Why you need them and how to do them well
Good Stuff Happens in 1:1 Meetings: Why you need them and how to do them well
Saba Software
 

Featured (20)

Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
Unlocking the Power of ChatGPT and AI in Testing - A Real-World Look, present...
 
12 Ways to Increase Your Influence at Work
12 Ways to Increase Your Influence at Work12 Ways to Increase Your Influence at Work
12 Ways to Increase Your Influence at Work
 
ChatGPT webinar slides
ChatGPT webinar slidesChatGPT webinar slides
ChatGPT webinar slides
 
More than Just Lines on a Map: Best Practices for U.S Bike Routes
More than Just Lines on a Map: Best Practices for U.S Bike RoutesMore than Just Lines on a Map: Best Practices for U.S Bike Routes
More than Just Lines on a Map: Best Practices for U.S Bike Routes
 
Ride the Storm: Navigating Through Unstable Periods / Katerina Rudko (Belka G...
Ride the Storm: Navigating Through Unstable Periods / Katerina Rudko (Belka G...Ride the Storm: Navigating Through Unstable Periods / Katerina Rudko (Belka G...
Ride the Storm: Navigating Through Unstable Periods / Katerina Rudko (Belka G...
 
Barbie - Brand Strategy Presentation
Barbie - Brand Strategy PresentationBarbie - Brand Strategy Presentation
Barbie - Brand Strategy Presentation
 
Good Stuff Happens in 1:1 Meetings: Why you need them and how to do them well
Good Stuff Happens in 1:1 Meetings: Why you need them and how to do them wellGood Stuff Happens in 1:1 Meetings: Why you need them and how to do them well
Good Stuff Happens in 1:1 Meetings: Why you need them and how to do them well
 

คู่มือการผลิตปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกอง 2558 อีกไฟล์

  • 1. การผลิตปุยอินทรียปริมาณมากแบบไมพลิกกลับกอง วิธีวิศวกรรมแมโจ 1 ผูชวยศาสตราจารยธีระพงษ สวางปญญางกูร ผูอํานวยการสถานบริการวิชาการ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ โทร 086 917 4846 E-mail: teerapongs@mju.ac.th ความจําเปนของการผลิตปุยอินทรีย ในการเพาะปลูกของเกษตรกรสิ่งที่มีความจําเปนและสําคัญที่สุดคือความอุดมสมบูรณของดิน ความอุดมสมบูรณ ของดินจะไดมาจากการที่มีอินทรียวัตถุสะสมอยูในดินอยูมาก จุลินทรียดินจะใชอินทรียวัตถุเปนสารอาหารแลวปลดปลอย แรธาตุที่จําเปนใหแกพืชในปริมาณที่พืชตองการอยางเพียงพอ ซึ่งไดแก ธาตุอาหารหลัก (ไนโตรเจน-N ฟอสฟอรัส-P2O5 และโพแทสเซียม-K2O) ธาตุอาหารรอง (ซัลเฟอร แคลเซียม และแมกนีเซียม) และจุลธาตุ (แมงกานีส ทองแดง โบรอน โม ลิบดินัม เหล็ก คลอรีน และสังกะสี) ดังนั้น การเติมความอุดมสมบูรณใหกับดินวิธีหนึ่งคือการใชปุยหมักหรือปุยอินทรีย ซึ่ง นอกจากจะเปนการเพิ่มแรธาตุใหกับพืชแลว ปุยอินทรียยังชวยลดความเปนกรดของดินที่เกิดจากการใชปุยเคมีและยาฆา หญาอยางยาวนานไดอีกดวย นอกจากนี้ ในอดีตกอนที่จะมีการผลิตปุยเคมีขึ้นในโลก เกษตรกรในประเทศไทยก็ไดมีการสรางความอุดมสมบูรณ ใหกับดินในการเพาะปลูกโดยการใชมูลสัตวตาง ๆ เชน มูลโค มูลกระบือ และมูลไก เปนตน ประเทศไทยในขณะนั้น สามารถสงออกขาวเปนที่ 1 ของโลกมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่ไมมีปุยเคมีใช แตปจจุบัน ภายหลังจากการ “ปฏิวัติเขียว” หรือการนําปุยเคมีเขามาจําหนายในประเทศไทยประมาณป พ.ศ. 2503 การเกษตรกรรมของไทยก็ไดใชปุยเคมี สารเคมี และยาฆาหญาอยางหนัก โดยลืมที่จะเติมความอุดมสมบูรณใหกับ ดินอยางแตกอน การใชปุยเคมีและสารเคมีอยางยาวนาน 40 - 50 ป ไดทําใหดินเพาะปลูกเสื่อมสภาพลงอยางมาก กลายเปนดินที่แนน แข็ง และเปนกรด รากพืชไมสามารถชอนไชหาอาหารไดดี ความเปนกรดของดินทําใหเกิดการละลาย ของธาตุอะลูมิเนียมออกมาแลวดูดซึมเขาทางรากพืช ทําใหพืชไมแข็งแรงกลายเปนโรคงาย และเชื้อราที่เปนโรคพืชบาง ชนิดยังทํางานไดดีในดินที่เปนกรดอีกดวย ทําใหเกษตรกรตองใชปุยเคมีและสารเคมีเพิ่มมากขึ้นทุกปทําใหมีตนทุนสูงขึ้น
  • 2. 2 และในขณะเดียวกัน การเผาทําลายเศษพืชในแตละครั้งก็สงผลใหอินทรียวัตถุและจุลินทรียดินที่มีอยูนอยพลอยสลายตัว หายไปอีก เพื่อใหความอุดมสมบูรณของดินกลับคืนมาเกษตรกรจึงควรงดการเผาเศษพืช และนําเศษพืชมาผลิตเปนปุย อินทรียคุณภาพดีแลวนําไปปรับปรุงบํารุงดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุใหกับดิน เพิ่มความอุดมสมบูรณใหกับดิน ที่จะสงผลให การใชปุยเคมีและสารเคมีลดลง ซึ่งหมายถึงตนทุนการผลิตก็จะลดลง มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ทําใหมีผลกําไรมากขึ้นตามไป ดวย ดินเพาะปลูกจะกลับมาเปนดินดําที่ฟู นุม โครงสรางเม็ดดินจะรวนซุยขึ้น มีไสเดือนกลับคืนมาที่ชวยการชอนไชของ รากพืช พืชก็จะกลับมาแข็งแรง เกษตรกรและประชาชนจะมีสุขภาวะที่ดีจากการลดควันพิษจากการเผาและลดการใช สารเคมี การผลิตปุยอินทรียวิธีใหม “วิศวกรรมแมโจ 1” จากผลการคนควาวิจัยของคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ ในป พ.ศ. 2552 ไดมี นวัตกรรมใหมในการผลิตปุยอินทรียที่ไมตองพลิกกลับกอง เกษตรกรจะสามารถผลิตไดปุยอินทรียคุณภาพดีปริมาณมาก ครั้งละ 10 – 100 ตัน ปุยอินทรียที่ผลิตไดมีคาตามมาตรฐานปุยอินทรียของกรมวิชาการเกษตร พ.ศ. 2551 เสร็จภายใน เวลาเพียง 60 วัน เรียกวาวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” ที่ไมสงผลกระทบใด ๆ ตอสิ่งแวดลอม ไมมีกลิ่นและน้ําเสีย วัตถุดิบมี เพียงเศษพืชกับมูลสัตวเพียง 2 อยางเทานั้น โดยถาเศษพืชเปนฟางขาวอัตราสวนระหวางฟางขาวกับมูลสัตวคือ 4 ตอ 1 โดยปริมาตร และถาเปนเศษใบไมใหใชอัตราสวน 3 ตอ 1 โดยปริมาตร ขั้นตอนการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” ขั้นตอนการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” มีดังนี้ 1. นําฟางขาว 4 เขง วางเปนชั้นบาง ๆ สูงไมเกิน 10 เซนติเมตร ฐานกวาง 2.5 เมตร โปรยทับดวยมูลสัตว 1 เขง แลวรดน้ํา ทําเชนนี้ 15 - 17 ชั้น รดน้ําแตละชั้นใหมีความชื้น ขึ้นกองเปนรูปสามเหลี่ยมที่มีความสูง 1.50 เมตร กองปุยจะ มีความยาวเทาไรก็ไดขึ้นอยูกับปริมาณเศษพืชและมูลสัตวที่มี ความสําคัญของการที่ตองทําเปนชั้นบาง ๆ 15 - 17 ชั้นก็ เพื่อใหจุลินทรียที่มีอยูในมูลสัตวไดใชทั้งธาตุคารบอนที่มีอยูในเศษพืชและธาตุไนโตรเจนที่มีในมูลสัตวในการเจริญเติบโต และสรางเซลล ซึ่งจะทําใหการยอยสลายวัตถุดิบเปนไปไดอยางรวดเร็ว
  • 3. 3 ฟางขาว 4 เขง มูลโค 1 เขง วางเปนชั้นบาง ๆ หนา 10 ซม. ฐานกวาง 2.5 เมตร รดน้ําแตละชั้นใหชุม วางฟางสลับกับมูลสัตว 15 – 17 ชั้น กองเปนรูปสามเหลี่ยม สูง 1.5 เมตร มีความยาวของกองไมจํากัด 2. รักษาความชื้นภายในกองปุยใหมีความเหมาะสมอยูเสมอตลอดเวลา (มีคาประมาณรอยละ 60 – 70) โดยมี 2 ขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 รดน้ําภายนอกกองปุยทุกวัน ๆ ละครั้ง โดยไมใหมีน้ําไหลนองออกมาจากกองปุย ขั้นตอนที่ 2 เมื่อครบวันที่ 10 ใชไมแทงกองปุยใหเปนรูลึกถึงขางลางแลวกรอกน้ําลงไป ระยะหางของรู ประมาณ 40 เซนติเมตร ทําขั้นตอนที่สองนี้ 5 ครั้ง ระยะเวลาหางกัน 10 วัน เมื่อเติมน้ําเสร็จแลวใหปดรูเพื่อไมใหสูญเสีย ความรอนภายในกองปุย ขั้นตอนนี้แมวาอยูในชวงของฤดูฝนก็ยังตองทํา เพราะน้ําฝนไมสามารถไหลซึมเขาไปในกองปุยได จากขอดีที่น้ําฝนไมสามารถชะลางเขาไปในกองปุยได เกษตรกรจึงสามารถผลิตปุยอินทรียดวยวิธีนี้ในฤดูฝนไดดวย ภายในเวลา 5 วันแรก กองปุยจะมีคาอุณหภูมิสูงขึ้นมาก บางครั้งสูงถึง 70 องศาเซลเซียส ซึ่งเปนเรื่องปกติ สําหรับกองปุยที่ทําไดถูกวิธี ความรอนสูงนี้เกิดจากกิจกรรมการยอยสลายของจุลินทรีย (จุลินทรียมีมากมายและ หลากหลายในมูลสัตวอยูแลว) และความรอนสูงนี้ยังเปนสภาวะแวดลอมที่เหมาะสมกับการทํางานของจุลินทรียในกองปุย
  • 4. 4 อีกดวย (จุลินทรียกลุม Thermophiles และ Mesophiles) หลังจากนั้นอุณหภูมิจะคอย ๆ ลดลงจนมีคาอุณหภูมิปกติที่ อายุ 60 วัน ขั้นตอนแรก รักษาความชื้นภายนอกกองโดยรดน้ําวันละครั้ง ขั้นตอนที่สอง เอาไมแทงกองปุยทุก 10 วันเพื่อ เติมน้ําภายในกอง 3. เมื่อกองปุยมีอายุครบ 60 วัน ก็หยุดใหความชื้น กองปุยจะมีความสูงเหลือเพียง 1 เมตร แลวทําปุยอินทรียให แหงเพื่อใหจุลินทรียสงบตัว (Stabilization Period) และไมใหเปนอันตรายตอรากพืช วิธีการทําปุยอินทรียใหแหงอาจทํา โดยทิ้งไวในกองเฉย ๆ ประมาณ 1 เดือน หรืออาจแผกระจายใหมีความหนาประมาณ 20 – 30 ซม. ซึ่งจะแหงภายในเวลา 3 – 4 วัน สําหรับผูที่ตองการจําหนายปุยอินทรียก็อาจนําปุยอินทรียที่แหงแลวไปตีปนใหมีขนาดเล็กสม่ําเสมอ ซึ่งจะมี ราคาประมาณกิโลกรัมละ 5 - 7 บาท สามารถเก็บไดนานหลายป สภาพปุยอินทรียจากฟางขาวอายุ 60 วัน โดยไมพลิกกลับกอง กองปุยที่สูง 1.5 เมตรจะสามารถเก็บกักความรอนที่เกิดจากปฏิกิริยาการยอยสลายของจุลินทรียเอาไวในกองปุย ความรอนนี้นอกจากจะเปนสภาพแวดลอมที่เหมาะกับจุลินทรียชนิดชอบความรอนสูงที่มีในมูลสัตวแลว เมื่อความรอนนี้ ลอยตัวสูงขึ้นจะทําใหอากาศภายนอกที่เย็นกวาไหลเวียนเขาไปในภายในกองปุย ซึ่งเกิดจากการพาความรอนแบบปลองไฟ
  • 5. 5 หรือ Chimney Convection อากาศภายนอกที่ไหลหมุนเวียนเขากองปุยนี้ชวยทําใหเกิดสภาวะการยอยสลายของ จุลินทรียแบบใชอากาศ (Aerobic Decomposition) ทําใหไมตองมีการพลิกกลับกอง และชวยใหกองปุยไมมีกลิ่นหรือน้ํา เสียใด ๆ หัวใจสําคัญของการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” หัวใจสําคัญของการผลิตปุยอินทรียดวยวิธีนี้ คือ ตองรักษาความชื้นภายในกองปุยใหมีความเหมาะสมอยูเสมอ ตลอดเวลาทั้งภายในและภายนอกกองปุยดวยวิธีการ 2 ขั้นตอนขางตน บริเวณใดที่แหงเกินไปหรือแฉะเกินไป จุลินทรียจะ ไมสามารถยอยสลายได ทําใหวัสดุไมยอยสลาย กระบวนการอาจใชเวลานานถึง 6 เดือนถึง 1 ปก็ได ขอหามของการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” ขอหามของการผลิตปุยอินทรียวิธีนี้คือ 1. หามขึ้นเหยียบกองปุยใหแนน หรือเอาผาคลุมกองปุย หรือเอาดินปกคลุมดานบนกองปุย เพราะจะทําให อากาศไมสามารถไหลถายเทได 2. หามละเลยการดูแลความชื้นทั้ง 2 ขั้นตอน เพราะถากองปุยแหงเกินไปจะทําใหระยะเวลาแลวเสร็จนานและ ปุยอินทรียมีคุณภาพต่ํา 3. หามวางเศษพืชเปนชั้นหนาเกินไป การวางเศษพืชเปนชั้นหนาเกินไปจะทําใหจุลินทรียที่มีในมูลสัตวไมสามารถ เขาไปยอยสลายเศษพืชได 4. หามทํากองปุยใตตนไม เพราะความรอนของกองปุยอาจทําใหตนไมตายได 5. หามระบายความรอนออกจากกองปุย เพราะความรอนสูงในกองปุยจะชวยใหจุลินทรียทํางานไดดีมากขึ้น และ ยังชวยใหเกิดการไหลเวียนของอากาศผานกองปุยอีกดวย เศษพืชทุกชนิดสามารถนํามาใชผลิตปุยอินทรียวิธีนี้ได เชน ฟางขาว ซังและเปลือกขาวโพด ผักตบชวา เศษผัก จากตลาด และเศษใบไม (ทั้งสดและแหง) เปนตน สวนมูลสัตวสามารถนํามาใชไดทั้งมูลโค มูลไก และมูลสุกร (ทั้งแหงและ เปยก) โดยพบวา ฟางขาว ผักตบชวา และเศษขาวโพดเลี้ยงสัตวเปนเศษพืชที่ยอยสลายไดงายที่สุด สวนเมล็ดลําไยหรือ ลิ้นจี่ก็สามารถนํามาผลิตปุยอินทรียไดแตตองนําไปตีบดในเครื่องยอยเศษพืชเสียกอน การผลิตปุยอินทรียวิธีนี้จะชวยลดการเผาฟางขาวในนาได โดยการไถกลบตอซังแลวนําฟางขาวกับมูลสัตวขึ้นกอง ปุยวิธีใหมนี้ในทุงนาใกลแหลงน้ํา เมื่อปุยอินทรียแหงหรือถึงฤดูการเพาะปลูกก็นําไปโปรยในอัตราสวน 500 – 1,000 กก. ตอไร แลวไถกลบไปพรอมกับการเตรียมดินไดเลย ซึ่งจะชวยประหยัดเวลาและแรงงานในการขนวัสดุไดมาก รูปตัวอยางการผลิตปุยอินทรียวิธี วิศวกรรมแมโจ 1
  • 6. 6 การผลิตปุยอินทรียในแปลงเพาะปลูก การผลิตปุยอินทรีย 10,000 ตันของสวนสม อําเภอฝาง การผลิตปุยอินทรียของศูนยพัฒนาพันธุพืชจักรพันธเพ็ญศิริ มูลนิธิชัยพัฒนา อ.แมสาย จ.เชียงราย การผลิตปุยอินทรียของเกษตรกรเทศบาลเมืองแมโจ อ.สันทราย จ.เชียงใหม
  • 7. 7 การผลิตปุยอินทรียของเทศบาลนครเชียงใหม การผลิตปุยอินทรียของเกษตรกรบานนาทุง หวย ทับทัน ศรีสะเกษ การผลิตปุยอินทรียจากเศษขาวโพดเลี้ยงสัตว ฐานเรียนรูการผลิตปุยอินทรียมหาวิทยาลัยแมโจ มหาวิทยาลัยแมโจมีฐานเรียนรูการผลิตปุยอินทรียแบบไมพลิกกลับกอง ผลิตปุยอินทรียจากเศษใบไมที่รวบรวมได ในมหาวิทยาลัยตั้งแต พ.ศ.2547 ผูที่สนใจสามารถเขาชมไดทุกวันเวลาราชการโดยไมมีคาใชจายใด ๆ ติดตอคณะ วิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ โทรสาร 053 498902 โทรศัพท 086 917 4846
  • 8. 8