คู่มือการผลิตปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกอง 2558 อีกไฟล์
- 1. การผลิตปุยอินทรียปริมาณมากแบบไมพลิกกลับกอง วิธีวิศวกรรมแมโจ 1
ผูชวยศาสตราจารยธีระพงษ สวางปญญางกูร
ผูอํานวยการสถานบริการวิชาการ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ
โทร 086 917 4846 E-mail: teerapongs@mju.ac.th
ความจําเปนของการผลิตปุยอินทรีย
ในการเพาะปลูกของเกษตรกรสิ่งที่มีความจําเปนและสําคัญที่สุดคือความอุดมสมบูรณของดิน ความอุดมสมบูรณ
ของดินจะไดมาจากการที่มีอินทรียวัตถุสะสมอยูในดินอยูมาก จุลินทรียดินจะใชอินทรียวัตถุเปนสารอาหารแลวปลดปลอย
แรธาตุที่จําเปนใหแกพืชในปริมาณที่พืชตองการอยางเพียงพอ ซึ่งไดแก ธาตุอาหารหลัก (ไนโตรเจน-N ฟอสฟอรัส-P2O5
และโพแทสเซียม-K2O) ธาตุอาหารรอง (ซัลเฟอร แคลเซียม และแมกนีเซียม) และจุลธาตุ (แมงกานีส ทองแดง โบรอน โม
ลิบดินัม เหล็ก คลอรีน และสังกะสี) ดังนั้น การเติมความอุดมสมบูรณใหกับดินวิธีหนึ่งคือการใชปุยหมักหรือปุยอินทรีย ซึ่ง
นอกจากจะเปนการเพิ่มแรธาตุใหกับพืชแลว ปุยอินทรียยังชวยลดความเปนกรดของดินที่เกิดจากการใชปุยเคมีและยาฆา
หญาอยางยาวนานไดอีกดวย
นอกจากนี้ ในอดีตกอนที่จะมีการผลิตปุยเคมีขึ้นในโลก เกษตรกรในประเทศไทยก็ไดมีการสรางความอุดมสมบูรณ
ใหกับดินในการเพาะปลูกโดยการใชมูลสัตวตาง ๆ เชน มูลโค มูลกระบือ และมูลไก เปนตน ประเทศไทยในขณะนั้น
สามารถสงออกขาวเปนที่ 1 ของโลกมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่ไมมีปุยเคมีใช
แตปจจุบัน ภายหลังจากการ “ปฏิวัติเขียว” หรือการนําปุยเคมีเขามาจําหนายในประเทศไทยประมาณป พ.ศ.
2503 การเกษตรกรรมของไทยก็ไดใชปุยเคมี สารเคมี และยาฆาหญาอยางหนัก โดยลืมที่จะเติมความอุดมสมบูรณใหกับ
ดินอยางแตกอน การใชปุยเคมีและสารเคมีอยางยาวนาน 40 - 50 ป ไดทําใหดินเพาะปลูกเสื่อมสภาพลงอยางมาก
กลายเปนดินที่แนน แข็ง และเปนกรด รากพืชไมสามารถชอนไชหาอาหารไดดี ความเปนกรดของดินทําใหเกิดการละลาย
ของธาตุอะลูมิเนียมออกมาแลวดูดซึมเขาทางรากพืช ทําใหพืชไมแข็งแรงกลายเปนโรคงาย และเชื้อราที่เปนโรคพืชบาง
ชนิดยังทํางานไดดีในดินที่เปนกรดอีกดวย ทําใหเกษตรกรตองใชปุยเคมีและสารเคมีเพิ่มมากขึ้นทุกปทําใหมีตนทุนสูงขึ้น
- 2. 2
และในขณะเดียวกัน การเผาทําลายเศษพืชในแตละครั้งก็สงผลใหอินทรียวัตถุและจุลินทรียดินที่มีอยูนอยพลอยสลายตัว
หายไปอีก
เพื่อใหความอุดมสมบูรณของดินกลับคืนมาเกษตรกรจึงควรงดการเผาเศษพืช และนําเศษพืชมาผลิตเปนปุย
อินทรียคุณภาพดีแลวนําไปปรับปรุงบํารุงดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุใหกับดิน เพิ่มความอุดมสมบูรณใหกับดิน ที่จะสงผลให
การใชปุยเคมีและสารเคมีลดลง ซึ่งหมายถึงตนทุนการผลิตก็จะลดลง มีผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ทําใหมีผลกําไรมากขึ้นตามไป
ดวย ดินเพาะปลูกจะกลับมาเปนดินดําที่ฟู นุม โครงสรางเม็ดดินจะรวนซุยขึ้น มีไสเดือนกลับคืนมาที่ชวยการชอนไชของ
รากพืช พืชก็จะกลับมาแข็งแรง เกษตรกรและประชาชนจะมีสุขภาวะที่ดีจากการลดควันพิษจากการเผาและลดการใช
สารเคมี
การผลิตปุยอินทรียวิธีใหม “วิศวกรรมแมโจ 1”
จากผลการคนควาวิจัยของคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ ในป พ.ศ. 2552 ไดมี
นวัตกรรมใหมในการผลิตปุยอินทรียที่ไมตองพลิกกลับกอง เกษตรกรจะสามารถผลิตไดปุยอินทรียคุณภาพดีปริมาณมาก
ครั้งละ 10 – 100 ตัน ปุยอินทรียที่ผลิตไดมีคาตามมาตรฐานปุยอินทรียของกรมวิชาการเกษตร พ.ศ. 2551 เสร็จภายใน
เวลาเพียง 60 วัน เรียกวาวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” ที่ไมสงผลกระทบใด ๆ ตอสิ่งแวดลอม ไมมีกลิ่นและน้ําเสีย วัตถุดิบมี
เพียงเศษพืชกับมูลสัตวเพียง 2 อยางเทานั้น โดยถาเศษพืชเปนฟางขาวอัตราสวนระหวางฟางขาวกับมูลสัตวคือ 4 ตอ 1
โดยปริมาตร และถาเปนเศษใบไมใหใชอัตราสวน 3 ตอ 1 โดยปริมาตร
ขั้นตอนการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1”
ขั้นตอนการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1” มีดังนี้
1. นําฟางขาว 4 เขง วางเปนชั้นบาง ๆ สูงไมเกิน 10 เซนติเมตร ฐานกวาง 2.5 เมตร โปรยทับดวยมูลสัตว 1 เขง
แลวรดน้ํา ทําเชนนี้ 15 - 17 ชั้น รดน้ําแตละชั้นใหมีความชื้น ขึ้นกองเปนรูปสามเหลี่ยมที่มีความสูง 1.50 เมตร กองปุยจะ
มีความยาวเทาไรก็ไดขึ้นอยูกับปริมาณเศษพืชและมูลสัตวที่มี ความสําคัญของการที่ตองทําเปนชั้นบาง ๆ 15 - 17 ชั้นก็
เพื่อใหจุลินทรียที่มีอยูในมูลสัตวไดใชทั้งธาตุคารบอนที่มีอยูในเศษพืชและธาตุไนโตรเจนที่มีในมูลสัตวในการเจริญเติบโต
และสรางเซลล ซึ่งจะทําใหการยอยสลายวัตถุดิบเปนไปไดอยางรวดเร็ว
- 3. 3
ฟางขาว 4 เขง มูลโค 1 เขง วางเปนชั้นบาง ๆ หนา 10 ซม. ฐานกวาง 2.5 เมตร รดน้ําแตละชั้นใหชุม
วางฟางสลับกับมูลสัตว 15 – 17 ชั้น กองเปนรูปสามเหลี่ยม สูง 1.5 เมตร มีความยาวของกองไมจํากัด
2. รักษาความชื้นภายในกองปุยใหมีความเหมาะสมอยูเสมอตลอดเวลา (มีคาประมาณรอยละ 60 – 70) โดยมี 2
ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 รดน้ําภายนอกกองปุยทุกวัน ๆ ละครั้ง โดยไมใหมีน้ําไหลนองออกมาจากกองปุย
ขั้นตอนที่ 2 เมื่อครบวันที่ 10 ใชไมแทงกองปุยใหเปนรูลึกถึงขางลางแลวกรอกน้ําลงไป ระยะหางของรู
ประมาณ 40 เซนติเมตร ทําขั้นตอนที่สองนี้ 5 ครั้ง ระยะเวลาหางกัน 10 วัน เมื่อเติมน้ําเสร็จแลวใหปดรูเพื่อไมใหสูญเสีย
ความรอนภายในกองปุย ขั้นตอนนี้แมวาอยูในชวงของฤดูฝนก็ยังตองทํา เพราะน้ําฝนไมสามารถไหลซึมเขาไปในกองปุยได
จากขอดีที่น้ําฝนไมสามารถชะลางเขาไปในกองปุยได เกษตรกรจึงสามารถผลิตปุยอินทรียดวยวิธีนี้ในฤดูฝนไดดวย
ภายในเวลา 5 วันแรก กองปุยจะมีคาอุณหภูมิสูงขึ้นมาก บางครั้งสูงถึง 70 องศาเซลเซียส ซึ่งเปนเรื่องปกติ
สําหรับกองปุยที่ทําไดถูกวิธี ความรอนสูงนี้เกิดจากกิจกรรมการยอยสลายของจุลินทรีย (จุลินทรียมีมากมายและ
หลากหลายในมูลสัตวอยูแลว) และความรอนสูงนี้ยังเปนสภาวะแวดลอมที่เหมาะสมกับการทํางานของจุลินทรียในกองปุย
- 4. 4
อีกดวย (จุลินทรียกลุม Thermophiles และ Mesophiles) หลังจากนั้นอุณหภูมิจะคอย ๆ ลดลงจนมีคาอุณหภูมิปกติที่
อายุ 60 วัน
ขั้นตอนแรก รักษาความชื้นภายนอกกองโดยรดน้ําวันละครั้ง ขั้นตอนที่สอง เอาไมแทงกองปุยทุก 10 วันเพื่อ
เติมน้ําภายในกอง
3. เมื่อกองปุยมีอายุครบ 60 วัน ก็หยุดใหความชื้น กองปุยจะมีความสูงเหลือเพียง 1 เมตร แลวทําปุยอินทรียให
แหงเพื่อใหจุลินทรียสงบตัว (Stabilization Period) และไมใหเปนอันตรายตอรากพืช วิธีการทําปุยอินทรียใหแหงอาจทํา
โดยทิ้งไวในกองเฉย ๆ ประมาณ 1 เดือน หรืออาจแผกระจายใหมีความหนาประมาณ 20 – 30 ซม. ซึ่งจะแหงภายในเวลา
3 – 4 วัน สําหรับผูที่ตองการจําหนายปุยอินทรียก็อาจนําปุยอินทรียที่แหงแลวไปตีปนใหมีขนาดเล็กสม่ําเสมอ ซึ่งจะมี
ราคาประมาณกิโลกรัมละ 5 - 7 บาท สามารถเก็บไดนานหลายป
สภาพปุยอินทรียจากฟางขาวอายุ 60 วัน โดยไมพลิกกลับกอง
กองปุยที่สูง 1.5 เมตรจะสามารถเก็บกักความรอนที่เกิดจากปฏิกิริยาการยอยสลายของจุลินทรียเอาไวในกองปุย
ความรอนนี้นอกจากจะเปนสภาพแวดลอมที่เหมาะกับจุลินทรียชนิดชอบความรอนสูงที่มีในมูลสัตวแลว เมื่อความรอนนี้
ลอยตัวสูงขึ้นจะทําใหอากาศภายนอกที่เย็นกวาไหลเวียนเขาไปในภายในกองปุย ซึ่งเกิดจากการพาความรอนแบบปลองไฟ
- 5. 5
หรือ Chimney Convection อากาศภายนอกที่ไหลหมุนเวียนเขากองปุยนี้ชวยทําใหเกิดสภาวะการยอยสลายของ
จุลินทรียแบบใชอากาศ (Aerobic Decomposition) ทําใหไมตองมีการพลิกกลับกอง และชวยใหกองปุยไมมีกลิ่นหรือน้ํา
เสียใด ๆ
หัวใจสําคัญของการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1”
หัวใจสําคัญของการผลิตปุยอินทรียดวยวิธีนี้ คือ ตองรักษาความชื้นภายในกองปุยใหมีความเหมาะสมอยูเสมอ
ตลอดเวลาทั้งภายในและภายนอกกองปุยดวยวิธีการ 2 ขั้นตอนขางตน บริเวณใดที่แหงเกินไปหรือแฉะเกินไป จุลินทรียจะ
ไมสามารถยอยสลายได ทําใหวัสดุไมยอยสลาย กระบวนการอาจใชเวลานานถึง 6 เดือนถึง 1 ปก็ได
ขอหามของการผลิตปุยอินทรียวิธี “วิศวกรรมแมโจ 1”
ขอหามของการผลิตปุยอินทรียวิธีนี้คือ
1. หามขึ้นเหยียบกองปุยใหแนน หรือเอาผาคลุมกองปุย หรือเอาดินปกคลุมดานบนกองปุย เพราะจะทําให
อากาศไมสามารถไหลถายเทได
2. หามละเลยการดูแลความชื้นทั้ง 2 ขั้นตอน เพราะถากองปุยแหงเกินไปจะทําใหระยะเวลาแลวเสร็จนานและ
ปุยอินทรียมีคุณภาพต่ํา
3. หามวางเศษพืชเปนชั้นหนาเกินไป การวางเศษพืชเปนชั้นหนาเกินไปจะทําใหจุลินทรียที่มีในมูลสัตวไมสามารถ
เขาไปยอยสลายเศษพืชได
4. หามทํากองปุยใตตนไม เพราะความรอนของกองปุยอาจทําใหตนไมตายได
5. หามระบายความรอนออกจากกองปุย เพราะความรอนสูงในกองปุยจะชวยใหจุลินทรียทํางานไดดีมากขึ้น และ
ยังชวยใหเกิดการไหลเวียนของอากาศผานกองปุยอีกดวย
เศษพืชทุกชนิดสามารถนํามาใชผลิตปุยอินทรียวิธีนี้ได เชน ฟางขาว ซังและเปลือกขาวโพด ผักตบชวา เศษผัก
จากตลาด และเศษใบไม (ทั้งสดและแหง) เปนตน สวนมูลสัตวสามารถนํามาใชไดทั้งมูลโค มูลไก และมูลสุกร (ทั้งแหงและ
เปยก) โดยพบวา ฟางขาว ผักตบชวา และเศษขาวโพดเลี้ยงสัตวเปนเศษพืชที่ยอยสลายไดงายที่สุด สวนเมล็ดลําไยหรือ
ลิ้นจี่ก็สามารถนํามาผลิตปุยอินทรียไดแตตองนําไปตีบดในเครื่องยอยเศษพืชเสียกอน
การผลิตปุยอินทรียวิธีนี้จะชวยลดการเผาฟางขาวในนาได โดยการไถกลบตอซังแลวนําฟางขาวกับมูลสัตวขึ้นกอง
ปุยวิธีใหมนี้ในทุงนาใกลแหลงน้ํา เมื่อปุยอินทรียแหงหรือถึงฤดูการเพาะปลูกก็นําไปโปรยในอัตราสวน 500 – 1,000 กก.
ตอไร แลวไถกลบไปพรอมกับการเตรียมดินไดเลย ซึ่งจะชวยประหยัดเวลาและแรงงานในการขนวัสดุไดมาก
รูปตัวอยางการผลิตปุยอินทรียวิธี วิศวกรรมแมโจ 1
- 7. 7
การผลิตปุยอินทรียของเทศบาลนครเชียงใหม การผลิตปุยอินทรียของเกษตรกรบานนาทุง หวย
ทับทัน ศรีสะเกษ
การผลิตปุยอินทรียจากเศษขาวโพดเลี้ยงสัตว
ฐานเรียนรูการผลิตปุยอินทรียมหาวิทยาลัยแมโจ
มหาวิทยาลัยแมโจมีฐานเรียนรูการผลิตปุยอินทรียแบบไมพลิกกลับกอง ผลิตปุยอินทรียจากเศษใบไมที่รวบรวมได
ในมหาวิทยาลัยตั้งแต พ.ศ.2547 ผูที่สนใจสามารถเขาชมไดทุกวันเวลาราชการโดยไมมีคาใชจายใด ๆ ติดตอคณะ
วิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแมโจ โทรสาร 053 498902 โทรศัพท 086 917 4846