More Related Content Similar to Slชุดการสอนวงจรไฟฟ้า
Similar to Slชุดการสอนวงจรไฟฟ้า (20) More from krupornpana55 (20) Slชุดการสอนวงจรไฟฟ้า1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่ 3
ชุดการสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้ า
ชื่อ...................................................................... สกุล ...............................................................
ชั้น..................................................................... เลขที่ ............................................................
โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี ) สมุทรปราการ
อาเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
2. ก
คานา
ชุดการสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้า ประกอบด้วยการใช้สื่ออุปกรณ์ในการเรียน การสอน
กิจกรรมการทดลอง และแบบทดสอบ ผู้สอนได้สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ให้นักเรียนได้เรียนรู้
และเข้าใจ วงจรไฟฟ้าอย่างถูกต้องรวดเร็วและมองเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น นอกจากนี้ยังใช้
เปรียบเทียบกับวงจรที่ต่อแบบถูกต้องและไม่ถูกต้องได้ เพื่อเป็นประสบการณ์ในการปฏิบัติจริงใน
ชีวิตประจาวัน ทั้งยังเชื่อมโยงความรู้ในเรื่องวงจรไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง เช่นเปลี่ยนวงจรไฟฟ้า
แบบอนุกรม เป็นวงจรไฟฟ้าแบบขนาน หรือเปลี่ยนเป็นวงจรไฟฟ้าแบบผสม กลับไป - กลับมาได้
อย่างสะดวก ชุด การสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้า นี้ได้ติดตั้งอุปกรณ์ให้อยู่กับที่ เมื่อต้องการต่อ
วงจรไฟฟ้าแบบใดก็เพียงใช้สายไฟต่อเชื่อมจุดต่างๆ ให้เป็นวงจรการไหลของกระแสไฟฟ้าตาม
ต้องการได้ สายไฟที่ใช้ต่อเชื่อมจุดต่างๆ ได้ทาให้มีขนาดสั้นพอดีกับระยะของจุดเชื่อม ทาให้
สามารถมองเห็นเส้นทางการไหลของกระแสไฟฟ้าได้ง่าย สายไฟไม่ทับซ้อน จึงแก้ปัญหาการ
สับสนของสายไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี ชุดการสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้า จึงเหมาะสมกับผู้ที่เริ่มต้นเรียนรู้
การต่อวงจรไฟฟ้า หรือนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่เรียน เรื่อง เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า
ชุดการสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้า จัดทาขึ้นเพื่อใช้กับบทเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง พลังงาน
ไฟฟ้าของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ซึ่งมี 11 กิจกรรม ทั้งยัง
สามารถดัดแปลงรูปแบบวงจรไฟฟ้าได้มากกว่าที่กาหนดไว้ในแบบเรียน หรือจะใช้เป็น
แบบทดสอบทักษะการต่อวงจรไฟฟ้าเป็นรายบุคคล ซึ่งสะดวกรวดเร็ว ประหยัดเวลา ใช้วัดทักษะ
ได้อย่างแม่นยา
สันต์ชัย ลิมปพฤกษ์
ครู วิทยฐานะชานาญการ
3. ข
สารบัญ
คานา ก
สารบัญ ข
คู่มือการใช้ชุดการสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้า ค
การต่อวงจรไฟฟ้าไฟฟ้า 1
พลังงานไฟฟ้า 2
กิจกรรมที่ 1 การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย 3
กิจกรรมที่ 2 การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม 6
กิจกรรมที่ 3 การต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนาน 10
กิจกรรมที่ 4 การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน 13
กิจกรรมที่ 5 การต่อวงจรไฟฟ้าแบบผสม 1 8
กิจกรรมที่ 6 การวัดค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรแบบอนุกรม และแบบขนาน 21
กิจกรรมที่ 7 การวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจร 27
กิจกรรมที่ 8 การวัดกระแสไฟฟ้า และความต่างศักย์ในวงจรไฟฟ้า 33
กิจกรรมที่ 9 ขนาดของเส้นลวดกับค่าความต้านทานไฟฟ้า 37
กิจกรรมที่ 10 ความยาวของเส้นลวดกับความต้านทานไฟฟ้า 40
กิจกรรมที่ 11 ประโยชน์ของฉนวนหุ้มสายไฟ 43
4. ค
คู่มือการใช้ชุดการสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้ า
1.ศึกษาเอกสารชุดการสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้า ให้เข้าใจก่อนนาชุดการสอนไปใช้
2.เตรียมอุปกรณ์ในแต่ละกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วย สายไฟ เซลล์ไฟฟ้า หลอดไฟ สวิตซ์
ลวดนิโครม แอมมิเตอร์ โวลต์มิเตอร์ กระบะถ่านไฟฉาย เต้าเสียบ มาตรไฟฟ้า
สะพานไฟ
3.นักเรียนทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียน จานวน 40 ข้อ
4.นาอุปกรณ์ไปใช้ในการทากิจกรรมโดยเรียงลาดับกิจกรรมให้ครบทั้ง 11 กิจกรรม ตามเวลา
ที่กาหนด
5.สังเกตการร่วมกิจกรรม ให้คาแนะนากรณีที่นักเรียนมีปัญหา หรือข้อสงสัย
6.นักเรียนทาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียน จานวน 40 ข้อ
5. 1
การต่อวงจรไฟฟ้ า
วงจรไฟฟ้ า (Electric circuit) หมายถึง เส้นทางที่กระแสไฟฟ้าไหลผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ
เช่น เซลล์ไฟฟ้า สายไฟ หลอดไฟ และสวิตช์ ได้ครบรอบ
เมื่อต่อวงจรไฟฟ้าจนครบวงจร เข้ากับแหล่งกาเนิดไฟฟ้ากระแสตรง เช่น ถ่านไฟฉาย
กระแสไฟฟ้าจากถ่านไฟฉายจะเคลื่อนที่จากขั้วบวกไปยังขั้วลบ หากกระแสไฟฟ้าไหลได้ไม่ครบวงจร
หลอดไฟจะไม่สว่าง เรียกวงจรลักษณะนี้ว่า วงจรเปิด หากต่อวงจรไฟฟ้าแล้วมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
ได้จนครบวงจร หลอดไฟก็จะสว่าง เรียกวงจรลักษณะนี้ว่า วงจรปิด
วงจรไฟฟ้าประกอบด้วยส่วนสาคัญ3ส่วนคือ แหล่งพลังงานอุปกรณ์ไฟฟ้า และ สายไฟ
สัญลักษณ์ที่ใช้ในชุดการสอน เรื่อง วงจรไฟฟ้ า
อุปกรณ์ในชุดการสอน ประกอบด้วย สายไฟ เซลล์ไฟฟ้า หลอดไฟ ลวดนิโครม สวิตซ์
แอมมิเตอร์ โวลต์มิเตอร์ กระบะถ่านไฟฉาย เต้าเสียบ มาตรไฟฟ้า สะพานไฟ
ไฟฟ้าขั้วบวก
ไฟฟ้าขั้วลบ
เซลล์ไฟฟ้า
สายไฟฟ้าขั้วบวก (สายสีแดง)
สายไฟฟ้าขั้วลบ (สายสีดา)
หลอดไฟฟ้าไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
หลอดไฟฟ้ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
ลวดนิโครม
แอมมิเตอร์
โวลต์มิเตอร์
กระบะถ่านไฟฉาย
6. 2
ภาพ โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ (www.ecurriculum.mv.ac.th) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2550
พลังงานไฟฟ้าเกี่ยวข้องกับการดาเนินชีวิตของเราทุกคน ในแต่ละวันเราใช้พลังงานไฟฟ้ากับ
เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ โดยผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องซื้อพลังงานไฟฟ้าจากผู้ผลิต และจะต้องจ่ายค่าพลังงานไฟฟ้า
แต่ละเดือนตามจานวนเงินที่เรียกเก็บ
ปัจจุบันไฟฟ้าได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการดารงชีวิตประจาวันของมนุษย์ การพัฒนา
ประเทศในทุกด้านจาเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า เครื่องใช้ในบ้าน ในสานักงาน ส่วนใหญ่ต้องใช้
พลังงานไฟฟ้าทั้งสิ้น
เมื่อมีแหล่งพลังงานไฟฟ้า เราสามารถจะนาพลังงานไฟฟ้ามาเปลี่ยนเป็นพลังงานอื่นๆ เพื่อใช้
ประโยชน์ โดยทาให้พลังงานไฟฟ้าไหลผ่านลวดตัวนาไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการให้ครบวงจร
เครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะทางานได้ เริ่มแรกเราจะมาศึกษาการต่อวงจรไฟฟ้าจากกิจกรรมต่อไปนี้
7. 3
กิจกรรมที่ 1 การต่อวงจรไฟฟ้ าอย่างง่าย
จุดประสงค์
1. นักเรียนสามารถต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายได้
2. อธิบายความหมายของวงจรปิด และวงจรเปิดได้
3. สรุปได้ว่าจานวนถ่านไฟฉายมีผลต่อความสว่างของหลอดไฟ
4. เลือกใช้สายไฟและวิธีการตรวจสอบสายไฟที่ชารุดได้
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้า โดยใช้ถ่านไฟฉาย 1 ก้อน ต่อสายไฟเข้ากับหลอดไฟ A แล้วกดสวิตซ์
(วงจรปิด) สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่หลอดไฟ A ยกสวิตซ์ขึ้น (วงจรเปิด)
2. ทาซ้าข้อ 1 โดยเพิ่มถ่านไฟฉายอีกครั้งละ 1 ก้อน จนครบ 4 ก้อน สังเกตความสว่างของ
หลอดไฟ A บันทึกผล
3. ทาซ้าข้อ 1 แต่เปลี่ยนไปใช้หลอดไฟ B และ C ตามลาดับ
4. บันทึกผลการทดลอง โดยกาหนด (+ ) แทนความสว่าง ยิ่งสว่างมากจานวน (+) จะมาก เช่น
ความสว่าง (+++) จะสว่างมากว่า (++)
5. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย
8. 4
บันทึกผลการทดลอง
จานวนถ่านไฟฉาย
(ก้อน)
ความสว่างของหลอดไฟ (+)
หลอดไฟ A หลอดไฟ B หลอดไฟ C
1
2
3
4
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
ภาพวงจรไฟฟ้ าอย่างง่าย
สรุปผลการทดลอง
…………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………….
9. 5
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 5 คะแนน)
1. ถ่านไฟฉาย 4 ก้อนในกระบะมีการต่อเซลล์ไฟฟ้าเป็นวงจรแบบใด……………………………..
2. เมื่อกดสวิตซ์ วงจรปิด มีความหมายอย่างไร……………………………………………………
….……………………………………………………………………………………………….
3. จานวนถ่านไฟฉายที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อความสว่างของหลอดไฟฟ้าหรือไม่อย่างไร…………..….....
….……………………………………………………………………………………………….
4. เขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างจานวนถ่านไฟฉายกับความสว่างของหลอดไฟ
5. ให้นักเรียนบอกสาเหตุและวิธีการแก้ไขเมื่อต่อวงจรไฟฟ้าแล้วหลอดไฟไม่สว่าง
.....................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... ..
..................................................................................................................................................... .
.................................................................................................................................................... ..
......................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... ..
10. 6
วงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรม
การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรม คือการต่อหลอดไฟแถวเดียวเรียงกันไป โดยใช้สายไฟต่อเข้าที่
ขาข้างหนึ่งของหลอดไฟ ส่วนขาอีกข้างต่อไปยังขาหลอดไฟอีกหลอดหนึ่งเรียงลาดับกันไปตามรูป
โดยที่มีปริมาณของกระแสไฟฟ้าไหลผ่านทุกส่วนของวงจรเท่ากัน
กิจกรรมที่ 2 การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรม
จุดประสงค์
1. นักเรียนสามารถต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมได้ และอธิบายเส้นทางการไหลของกระแสไฟฟ้าได้
2. เขียนแผนภาพการต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมได้
3. อธิบายว่าวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมเมื่อหลอดไฟดวงใดดวงหนึ่งดับหรือไส้หลอดขาด จะมีผลทา
ให้หลอดไฟดวงอื่นๆ ไม่สว่างด้วย
4. บอกได้ว่าการเพิ่มจานวนถ่านไฟฉายมีผลให้หลอดไฟสว่างมากขึ้น
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าโดยใช้ถ่านไฟฉาย 1 ก้อน ต่อกับหลอดไฟ 3 ดวง โดยต่อเรียงลาดับกัน
กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตความสว่างของหลอดไฟทั้ง 3 ดวง
2. ทาซ้าข้อ 1 โดยเพิ่มถ่านไฟฉายอีกครั้งละ 1 ก้อน จนครบทั้ง 4 ก้อน สังเกตความสว่างของ
หลอดไฟทั้ง 3 ดวง
3. ทดลองถอดขั้วสายไฟที่หลอดไฟ A แล้วสังเกตหลอดไฟ B และ C บันทึกผล
4. ทาซ้าข้อ 4 แต่เปลี่ยนไปถอดขั้วสายไฟที่หลอดไฟ B และ C ตามลาดับ สังเกตการ
เปลี่ยนแปลง บันทึกผล
5. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย
13. 9
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 5 คะแนน)
1. เมื่อกดสวิตซ์ (วงจรปิด) หลอดไฟแต่ละดวงมีความสว่างเท่ากันหรือไม่ อย่างไร
....................................................................................................................................................................
2. ให้นักเรียนเขียนภาพวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมของการต่อหลอดไฟ 3 ดวง
3. การที่นักเรียนถอดสายไฟที่ขั้วหลอดไฟดวงใดดวงหนึ่งออก จะมีผลกระทบต่อหลอดไฟดวง
อื่นหรือไม่ เพราะอะไร...............................................................................................................................
...................................................................................................................................................................
4. ถอดขั้วสายไฟหลอด A กับการถอดขั้วสายไฟหลอด C เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนกันหรือไม่
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
5. การเพิ่มจานวนถ่านไฟฉาย มีผลต่อความสว่างของหลอดไฟหรือไม่ อย่างไร
..................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................
14. 10
วงจรไฟฟ้ าแบบขนาน
การต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนาน คือเป็นการนาปลายข้างเดียวกัน ( ขั้วเดียวกัน) ของแต่ละอุปกรณ์ มา
รวมกันก่อน แล้วจึงต่อเข้ากับเซลล์ไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจะแยกผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละอย่าง โดย
กระแสไฟฟ้ารวมในวงจรเท่ากับกระแสไฟฟ้าที่แยกผ่านอุปกรณ์แต่ละอย่างรวมกัน
กิจกรรมที่ 3 การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบขนาน
จุดประสงค์
1. นักเรียนสามารถต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนานได้
2. อธิบายเส้นทางการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าได้
3. เขียนแผนภาพการต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนานได้
4. สรุปได้ว่าวงจรไฟฟ้าแบบขนาน เมื่อหลอดไฟดวงใดดวงหนึ่งดับหรือไส้หลอดขาด
จะไม่ทาให้หลอดไฟดวงอื่นๆ ดับ และมีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจรได้ตามปกติ
5. สรุปได้ว่าการเพิ่มจานวนถ่านไฟฉาย มีผลทาให้หลอดไฟสว่างมากขึ้น
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าโดยใช้ถ่านไฟฉาย 1 ก้อน และหลอดไฟ 3 ดวง โดยต่อแบบคร่อมจุด
2. กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตความสว่างของหลอดไฟทั้ง 3 ดวง
3. ทาซ้าข้อ 1 โดยเพิ่มจานวนถ่านไฟฉายครั้งละ 1 ก้อน จนครบทั้ง 4 ก้อน สังเกตความสว่าง
ของหลอดไฟ บันทึกผลการทดลอง
4. ถอดขั้วสายไฟที่หลอดไฟ A ออก สังเกตหลอดไฟดวงอื่น ๆ
5. ทาซ้าข้อ 4 แต่เปลี่ยนไปถอดขั้วสายไฟที่หลอดไฟ B และ C ตามลาดับ สังเกต
การเปลี่ยนแปลงหลอดไฟดวงที่ไม่ได้ถอดขั้ว บันทึกผลการทดลอง
6. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าแบบขนาน
15. 11
1
1
1
1
1
1
รูป วงจรไฟฟ้าแบบขนาน ใช้หลอดไฟ 3 ดวง
บันทึกผลการทดลอง
จานวนถ่านไฟฉาย
(ก้อน)
ความสว่างของหลอดไฟ (+)
หลอดไฟ A หลอดไฟ B หลอดไฟ C
1
2
3
4
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
………………...
16. 12
2
2
2
2
2
2/
ภาพวงจรไฟฟ้ าอย่างง่าย
สรุปผลการทดลอง
………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………..
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 7 คะแนน)
1. ในการทดลองนี้นักเรียนใช้สายไฟทั้งหมดกี่เส้น
.............................................................................................................................................................
2. เมื่อกดสวิตซ์ (วงจรปิด) หลอดไฟทั้ง 3 ดวง มีความสว่างเท่ากันหรือไม่
.............................................................................................................................................................
3. ถอดขั้วสายไฟหลอดไฟ A จะมีผลต่อหลอดไฟ B และ C หรือไม่เพราะเหตุใด
.............................................................................................................................................................
4. ถอดขั้วสายไฟที่หลอดไฟ C จะมีผลต่อความสว่างของหลอดไฟ A และ B หรือไม่
.............................................................................................................................................................
5. การเพิ่มจานวนถ่านไฟฉายมีผลต่อความสว่างของหลอดไฟในวงจรหรือไม่
.............................................................................................................................................................
6. การต่อหลอดไฟแบบขนาน แตกต่างจากการต่อหลอดไฟแบบอนุกรมอย่างไร
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
7. การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม กับแบบขนาน วงจรแบบใดมีผลทาให้หลอดไฟสว่างมากกว่ากัน
เมื่อกาหนดให้จานวนหลอดไฟและขนาดเท่ากัน ใช้เซลล์ไฟฟ้าเท่ากัน..............................................
17. 13
ในการต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน เมื่อนักเรียนทาการทดลอง กิจกรรมเรื่อง
การต่อวงจรไฟฟ้า พบว่านักเรียนมีความเข้าใจสับสนเกี่ยวกับการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรม และ
การต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน โดยเมื่อใช้หลอดไฟฟ้า 2 หลอด ต่อเข้ากับถ่านไฟฉายจานวน 4 ก้อน
ความสว่างของหลอดไฟฟ้าของการต่อทั้ง 2 แบบ ใกล้เคียงกัน ซึ่งในความเป็นจริงถ้าใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า
ที่ใช้อยู่ตามบ้าน การต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนานเมื่อใช้หลอดไฟฟ้า 2 หลอด จะสว่างกว่าการต่อหลอด
ไฟฟ้าแบบอนุกรม เพราะการใช้ไฟฟ้าจากบ้านกระแสไฟฟ้ามีแรงเคลื่อนไฟฟ้ามากกว่าถ่านไฟฉาย จึง
ไม่ทาให้แรงเคลื่อนไฟฟ้าตก ผู้สอนจึงได้จัดทาสื่อการต่อวงจรไฟฟ้า โดยใช้อุปกรณ์ที่ใช้อยู่ตามบ้าน
เพื่อให้นักเรียนทดลอง และเกิดการเรียนรู้เพิ่มขึ้น
กิจกรรมที่ 4 การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรมและแบบขนาน
จุดประสงค์
1. ทดลองและสรุปผลเกี่ยวกับการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนานได้
2. เปรียบเทียบความสว่างของหลอดไฟที่ต่อแบบอนุกรมและแบบขนานได้
3. บอกผลดีของการต่อหลอดไฟแบบขนานได้
วิธีทดลอง
1. นาสื่อการต่อวงจรไฟฟ้ามาติดตั้งหลอดไฟ A , B และ C ที่แผงวงจรไฟฟ้าทั้งแบบอนุกรมและ
แบบขนาน ตามลาดับ
2. นาเต้าเสียบของแผงวงจรไฟฟ้าทั้งแบบอนุกรมและแบบขนาน ต่อเข้ากับเต้ารับของห้องเรียน
3. ที่แผงวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม เปิดสวิตซ์ S1 , S2 และ S3 ตามลาดับ สังเกตความสว่างของ
หลอดไฟทั้ง 3 ดวง บันทึกผลการทดลอง
4. ที่แผงวงจรไฟฟ้าแบบขนาน ยกคันโยกสะพานไฟขึ้น เปิดสวิตซ์ S1 , S2 และ S3 ตามลาดับ
สังเกตความสว่างของหลอดไฟทั้ง 3 ดวง บันทึกผลการทดลอง
20. 16
บันทึกผลการทดลอง
การต่อหลอดไฟ
ความสว่างของหลอดไฟ
หลอดไฟ A หลอดไฟ B หลอดไฟ C
แบบอนุกรม ………………… ………………… …………………
แบบขนาน ………………… ………………… …………………
สรุปผลการทดลอง
…………………………………………………………………………………………………….
.......................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 5 คะแนน) ให้ทาลงในกระดาษคาตอบ หน้า 17
1. การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมมีลักษณะอย่างไร
ก. เป็นการนาหลอดไฟแต่ละดวงมาต่อเรียงกันเป็นสายเดียว
ข. เป็นการนาหลอดไฟแต่ละดวงมาต่อคร่อมกันระหว่างจุด 2 จุด
ค. เป็นการนาหลอดไฟแต่ละดวงมาต่อเรียงกันสลับกับการต่อคร่อมกันระหว่างจุด 2 จุด
ง. เป็นการนาหลอดไฟแต่ละดวงมาต่อคร่อมกันระหว่างจุด 2 จุด สลับกับการต่อเรียงกัน
2. การต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนานมีลักษณะอย่างไร
ก. เป็นการนาหลอดไฟแต่ละดวงมาต่อเรียงกันเป็นสายเดียว
ข. เป็นการนาหลอดไฟแต่ละดวงมาต่อคร่อมกันระหว่างจุด 2 จุด
ค. เป็นการนาหลอดไฟแต่ละดวงมาต่อเรียงกันสลับกับการต่อคร่อมกันระหว่างจุด 2 จุด
ง. เป็นการนาหลอดไฟแต่ละดวงมาต่อคร่อมกันระหว่างจุด 2 จุด สลับกับการต่อเรียงกัน
3. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้ าแบบขนาน
ก. ความต้านทานรวมจะน้อยลง
ข. ความต้านทานรวมจะมากขึ้น
ค. กระแสไฟฟ้าไหลผ่านหลอดไฟน้อย
ง. ถ้าหลอดไฟหลอดหนึ่งขาดจะทาให้หลอดอื่นดับ
22. 18
วงจรไฟฟ้ าแบบผสม เป็นวงจรที่นาเอาวิธีการต่อแบบอนุกรม และวิธีการต่อแบบขนานมารวม
ให้เป็นวงจรเดียวกัน ซึ่งสามารถแบ่งตามลักษณะของการต่อได้ 2 ลักษณะ ดังนี้
1 .วงจรผสมแบบอนุกรม-ขนาน เป็นการนาเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโหลดไปต่อกันอย่างอนุกรม
ก่อน แล้วจึงนาไปต่อกันแบบขนานอีกครั้งหนึ่ง
2. วงจรผสมแบบขนาน-อนุกรม เป็นการนาเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือโหลดไปต่อกันอย่างขนานก่อน
แล้วจึงนาไปต่อกันแบบอนุกรมอีกครั้งหนึ่ง
กิจกรรมที่ 5 การต่อวงจรไฟฟ้ าแบบผสม
จุดประสงค์
1. นักเรียนสามารถต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม และแบบขนานให้อยู่ในวงจรไฟฟ้าเดียวกันได้
2. บอกได้ว่าหลอดไฟที่ต่อแบบอนุกรม จะมีความสว่างมากกว่าหลอดไฟฟ้าที่ต่อแบบขนาน
ที่อยู่ในวงจรไฟฟ้าเดียวกัน
3. นักเรียนสามารถต่อวงจรไฟฟ้าได้หลายรูปแบบ
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าโดยใช้ถ่านไฟฉาย 4 ก้อน และหลอดไฟ 3 ดวง โดยต่อวงจรแบบอนุกรมที่
หลอดไฟ A และต่อคร่อมจุด (แบบขนาน) ที่หลอดไฟ B และ C
2. กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตหลอดไฟทั้งสามดวง
3. ถอดขั้วสายไฟที่หลอดไฟ A สังเกตหลอดไฟ B และ C
4. ทาซ้าข้อ 3 แต่เปลี่ยนเป็นถอดขั้วสายไฟที่หลอดไฟ B และ C ตามลาดับ สังเกตหลอดไฟ
ดวงที่ไม่ได้ถอดขั้ว บันทึกผลการทดลอง
5. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าแบบผสม
24. 20
ภาพการต่อวงจรไฟฟ้ า
สรุปผลการทดลอง
......................................................................................................................................................
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 6 คะแนน)
1. หลอดไฟดวงใดต่อวงจรแบบอนุกรมและหลอดไฟใดที่ต่อวงจรแบบขนาน
.............................................................................................................................................................
2. หลอดไฟดวงใดสว่างมากที่สุด
............................................................................................................................................................
3. การดับของหลอดไฟดวงใด มีผลทาให้หลอดไฟดวงอื่นๆ ดับไปด้วย
............................................................................................................................................................
4. ถ้านักเรียนจะเลือกถอดหลอดไฟออกไป 1 ดวง จะเลือกดวงใด ที่ไม่เกิดผลกระทบต่อวงจรไฟฟ้า
............................................................................................................................................................
5. การเพิ่มจานวนถ่านไฟฉาย มีผลต่อความสว่างของหลอดไฟดวงใดมากที่สุด
............................................................................................................................................................
6. ถ้าทาการถอดขั้วสายไฟที่หลอด C จะมีผลกระทบต่อหลอดไฟ A และหลอดไฟ B อย่างไร
...........................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................
25. 21
แอมมิเตอร์ (Ammeter)
แอมมิเตอร์ คือเครื่องมือสาเร็จรูปที่ใช้วัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านวงจร ความต้านทานภายในของ
เครื่องแอมมิเตอร์มีค่าน้อยมาก วิธีใช้ต้องต่อแบบอนุกรมกับวงจร มีหน่วยวัด คือ แอมแปร์
คุณสมบัติของแอมมิเตอร์ที่ดี
1. มีความแม่นยาสูง เพื่อว่าเมื่อนาแอมมิเตอร์ไปต่ออนุกรมในวงจรแล้ว จะไม่ทาให้ความ
ต้านทานรวมของวงจรเปลี่ยนแปลง ทาให้กระแสไฟฟ้าที่วัดได้มีความแม่นยาสูง หรือมีความผิดพลาด
จากการวัดน้อย
2. มีความไว ( Sensitivity ) สูง แอมมิเตอร์ที่ดีจะสามารถตรวจวัดค่ากระแสไฟฟ้าน้อยๆ ได้
กล่าวคือ แม้วงจรจะมีกระแสไฟฟ้าไหลเพียงเล็กน้อย แอมมิเตอร์ก็สามารถตรวจวัดค่าได้
กิจกรรมที่ 6 การวัดค่ากระแสไฟฟ้ าในวงจรแบบอนุกรม และแบบขนาน
จุดประสงค์
1. นักเรียนสามารถใช้แอมมิเตอร์วัดค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรได้
2. นักเรียนบอกวิธีการใช้ ข้อจากัด และการอ่านค่าแอมมิเตอร์ได้อย่างถูกต้อง
3. นาแอมมิเตอร์เข้าไปวัดค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าทั้งแบบอนุกรม และแบบขนาน
ได้อย่างถูกต้อง
ตอนที่ 1 การวัดค่ากระแสไฟฟ้าในวงจรแบบอนุกรม
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้ าแบบอนุกรมโดยใช้หลอดไฟ 3 ดวง และต่อแอมมิเตอร์ เข้าในวงจร
แบบอนุกรม โดยใช้ถ่านไฟฉาย 1 ก้อน
2. กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตความสว่างของหลอดไฟ และอ่านค่าจากแอมมิเตอร์
3. ทาซ้าข้อ 1 โดยเพิ่มถ่านไฟฉายทีละก้อน จนครบ 4 ก้อน สังเกตความสว่างของ
หลอดไฟทั้งสามดวง บันทึกค่ากระแสไฟฟ้าจากการอ่านแอมมิเตอร์ได้
4. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม ต่อกับแอมมิเตอร์
5. ทาซ้าข้อ 1 ถึงข้อ 4 แต่เปลี่ยนเป็นวงจรไฟฟ้าแบบขนาน
29. 25
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 9 คะแนน)
1. ในวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมหลอดไฟทั้ง 3 ดวงมีความสว่างเท่ากันหรือไม่
..............................................................................................................................................................
2. ในวงจรไฟฟ้าแบบขนานหลอดไฟทั้ง 3 ดวงมีความสว่างเท่ากันหรือไม่
..............................................................................................................................................................
3. การวัดค่ากระแสไฟฟ้าที่ตาแหน่งหน้าหลอดไฟ A จะแตกต่างจากการวัดที่ตาแหน่งหลัง
หลอดไฟ C หรือไม่ และค่ากระแสไฟฟ้าที่อ่านได้จากแอมมิเตอร์เปลี่ยนแปลงอย่างไร
...............................................................................................................................................................
4. การสลับขั้วสายไฟที่แอมมิเตอร์จะมีผลต่อการอ่านค่าแอมมิเตอร์หรือไม่ อย่างไร
..............................................................................................................................................................
5. อ่านค่ากระแสไฟฟ้าที่วัดได้จากแอมมิเตอร์ในวงจรแบบอนุกรมได้เท่าใด
..............................................................................................................................................................
6. ภาพหน้าปัดแอมมิเตอร์ ที่ใช้ในการทดลอง
6.1 แอมมิเตอร์นี้ใช้วัดค่ากระแสไฟฟ้าได้สูงสุด – ต่าสุดเท่าใด......................................................
6.2 ถ้าต่อวงจรไฟฟ้าขั้วลบที่จุด P และขั้วบวกที่จุด A เข็มของเครื่องวัด ชี้เต็มหน้าปัดพอดี
จะอ่านค่ากระแสไฟฟ้าได้เท่าใด…………………………………………….....…………….
6.3 จากข้อ 6.2 ถ้าต่อขั้วบวกที่จุด B แทน เข็มของเครื่องวัดชี้ไปที่จุดกึ่งกลางของหน้าปัด
พอดี จะอ่านค่ากระแสไฟฟ้าได้เท่าใด....................................................................................
6.4 ถ้าวงจรไฟฟ้าชนิดหนึ่งมีกระแสไฟฟ้าไหลในวงจรประมาณ 0.3 แอมแปร์ นักเรียนจะต่อ
สายไฟฟ้าขั้วลบ และขั้วบวก เข้าที่จุดใดในแอมมิเตอร์............................................................
30. 26
โวลต์มิเตอร์ (Voltmeter)
โวลต์มิเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดแรงดันไฟฟ้า หรือค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า เมื่อจะใช้ ต้องนาไป
ต่อคร่อมจุดที่ต้องการวัด (ต่อแบบขนาน)
คุณสมบัติของโวลต์มิเตอร์ที่ดี
1. มีความแม่นยาสูง ซึ่งเกิดจากการนาตัวความต้านทานที่มีค่าสูงมากๆ มาต่อแบบอนุกรม
เพื่อป้ องกันไม่ให้มีกระแสแยกไหลผ่านโวลต์มิเตอร์ ทาให้กระแสไหลผ่านจุดที่ต้องการวัดทั้งหมด ค่า
แรงดันที่วัดได้ จึงมีความผิดพลาดน้อย
2. มีความไวสูง แม้ค่าแรงดันมีค่าต่ามากก็สามารถตรวจวัดได้
กิจกรรมที่ 7 การวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้ าในวงจร
จุดประสงค์
1. นักเรียนสามารถใช้โวลต์มิเตอร์วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าได้
2. นักเรียนบอกวิธีการใช้ ข้อจากัด และการอ่านค่าโวลต์มิเตอร์ได้
3. สามารถใช้โวลต์มิเตอร์วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม
และวงจรไฟฟ้าแบบขนานได้อย่างถูกต้อง
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมโดยใช้ถ่านไฟฉาย 1 ก้อน หลอดไฟ 3 ดวง แล้วนา
โวลต์มิเตอร์ต่อคร่อมจุด (แบบขนาน) ระหว่างขั้วหลอดไฟ A กับขั้วหลอดไฟ C
2. กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตความสว่างของหลอดไฟทั้งสาม อ่านค่าความต่างศักย์
3. ทาซ้าข้อ 1 โดยเพิ่มถ่านไฟฉายทีละก้อนจนครบทั้ง 4 ก้อน สังเกตความสว่างของหลอดไฟ
และบันทึกค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าจากโวลต์มิเตอร์ที่อ่านได้
4. ทดลองสลับขั้วโวลต์มิเตอร์ สังเกตเข็มของโวลต์มิเตอร์
5. ทาซ้าข้อ 1 ถึงข้อ 3 โดยเปลี่ยนเป็นวงจรไฟฟ้าแบบขนาน
6. เขียนแผนภาพการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรแบบอนุกรม และแบบขนาน
34. 30
ตอนที่ 2 วัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรแบบขนาน
จานวนถ่านไฟฉาย
(ก้อน)
ความสว่างของหลอดไฟ (+) ค่าความต่างศักย์
(โวลต์)A B C
1
2
3
4
ภาพการต่อวงจรไฟฟ้ า
ภาพการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรแบบขนาน
สรุปผลการทดลอง
................................................................................................................................................. ...
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
35. 31
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 6 คะแนน)
1. ขั้วบวกและขั้วลบของโวลต์มิเตอร์ต่อที่ตาแหน่งใดของวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม
..............................................................................................................................................................
2. ถ้าหลอดไฟดวงใดดวงหนึ่งดับในวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมมีผลต่อค่าโวลต์มิเตอร์อย่างไร
..............................................................................................................................................................
3. ถ้าหลอดไฟดวงใดดวงหนึ่งดับในวงจรไฟฟ้าแบบขนานมีผลต่อค่าโวลต์มิเตอร์อย่างไร
..............................................................................................................................................................
4. การสลับขั้วสายไฟที่โวลต์มิเตอร์ จะมีผลต่อโวลต์มิเตอร์อย่างไร
..............................................................................................................................................................
5. การอ่านค่าความต่างศักย์ในวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม กับวงจรไฟฟ้าแบบขนานเมื่อจานวนถ่านไฟฉาย
และจานวนหลอดไฟเท่ากันแบบใดอ่านค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าได้มากกว่ากันเพราะอะไร
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
6. หลอดไฟดวงใดดวงหนึ่งดับ ค่าความต่างศักย์ในวงจรไฟฟ้าแบบขนานจะมีค่ามากขึ้น
หรือลดลงอย่างไร
.............................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................
36. 32
กระแสไฟฟ้ า หมายถึงการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนอิสระจากอะตอมหนึ่งไปยังอะตอมหนึ่ง จะ
ไหลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความต้านทานของวงจร ใช้แทนด้วยตัว I มีหน่วยวัดเป็น แอมแปร์ (A)
เครื่องมือที่ใช้สาหรับวัดกระแสไฟฟ้าเรียกว่า แอมมิเตอร์
ความต่างศักย์ไฟฟ้ า เกิดจากความแตกต่างของระดับพลังงานของจุด 2 จุด ในวงจรไฟฟ้า โดย
กระแสไฟฟ้าจะไหลจากจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าสูง ไปยังจุดที่มีศักย์ไฟฟ้าต่ากว่าเสมอ และจะหยุดไหลเมื่อ
ศักย์ไฟฟ้าเท่ากัน ใช้แทนด้วยตัว V มีหน่วยเป็นโวลต์ (V) เครื่องมือที่ใช้วัดความต่างศักย์เรียกว่า
โวลต์มิเตอร์
กิจกรรมที่ 8 การวัดกระแสไฟฟ้ า และความต่างศักย์ไฟฟ้ าในวงจรไฟฟ้ า
จุดประสงค์
1. นักเรียนสามารถนาแอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์ ต่อเข้าในวงจรเพื่อวัดค่ากระแสไฟฟ้า และค่า
ความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าได้ถูกต้อง
2. อธิบายและเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง กระแสไฟฟ้ากับความต่างศักย์ไฟฟ้าได้
3. นักเรียนอธิบายได้ว่า การเพิ่มจานวนถ่านไฟฉายหรือการเพิ่มหลอดไฟในวงจร มีผลให้
กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรเปลี่ยนแปลง
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม โดยใช้ถ่านไฟฉาย 1 ก้อน หลอดไฟ 3 ดวง แอมมิเตอร์
(ต่อแบบอนุกรม) และโวลต์มิเตอร์ (ต่อแบบขนาน) เข้าในวงจร
2. กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตความสว่างของหลอดไฟ และอ่านค่ากระแสไฟฟ้า จากแอมมิเตอร์
และค่าความต่างศักย์จากโวลต์มิเตอร์
3. ทาซ้าข้อ 1 โดยเพิ่มถ่านไฟฉายทีละก้อนจนครบ 4 ก้อน สังเกตความสว่างของหลอดไฟ และ
บันทึกค่ากระแสไฟฟ้า และค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า
4. เขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างกระแสไฟฟ้า กับค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า
5. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม ที่มีแอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์ในวงจรไฟฟ้า
6. ทาซ้าข้อ 1 ถึงข้อ 5 แต่เปลี่ยนเป็นวงจรไฟฟ้าแบบขนาน
39. 35
บันทึกผลการทดลอง
ตอนที่ 1 วัดค่ากระแสไฟฟ้าและค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรแบบขนาน
จานวนถ่านไฟฉาย
(ก้อน)
ความสว่างของหลอดไฟ (+) กระแสไฟฟ้า
(มิลลิแอมแปร์)
ความต่างศักย์
(โวลต์)A B C
1
2
3
4
ภาพการต่อวงจรไฟฟ้ า
ภาพการวัดค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรแบบขนาน
สรุปผลการทดลอง
................................................................................................................................................. ...
.................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 5 คะแนน)
1. แอมมิเตอร์ และโวลต์มิเตอร์ที่ใช้ในการทดลอง มีวิธีการใช้แตกต่างกันอย่างไร
...........................................................................................................................................................
2. ถ้านาโวลต์มิเตอร์ มาต่อในวงจรแบบอนุกรม จะมีผลอย่างไร..........................................................
...........................................................................................................................................................
3. การสลับขั้วไฟฟ้าที่แอมมิเตอร์และโวลต์มิเตอร์จะเกิดผลอย่างไร........................................................................
4. วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม กับวงจรไฟฟ้าแบบขนาน ที่ใช้เซลล์ไฟฟ้า 4 เซลล์วงจรแบบใดมี
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้มากกว่า และมากกว่ากี่มิลลิแอมแปร์.............................................................................
5. หลอดไฟฟ้าที่ต่อกันแบบขนานเมื่อหลอดไฟดวงใดดวงหนึ่งดับ จะมีผลทาให้หลอดไฟ
ดวงอื่นๆ มีความสว่างเพิ่มขึ้นหรือไม่...............................................................................................
40. 36
กฎของโอห์ม (Ohm’s Law)
โอห์ม (George Simon Ohm) ได้ทดลองเกี่ยวกับไฟฟ้าและสรุปเป็นกฎขึ้นมาว่า “เมื่ออุณหภูมิ
คงตัวกระแสไฟฟ้ าที่ไหลผ่านตัวนาจะมีค่าแปรผันโดยตรงกับค่าความต่างศักย์ไฟฟ้ าระหว่างปลายขั้วทั้ง
สองของตัวนานั้น”
ความต้านทานไฟฟ้า ( Resistance) หมายถึง สมบัติของสารแต่ละชนิดที่จะยอมให้
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้
1. ความยาวของลวดตัวนา
2. พื้นที่หน้าตัดของลวดตัวนา
3. ชนิดของโลหะ
4. อุณหภูมิ อุณหภูมิในระดับ -230 °C โลหะจะมีค่าความต้านทานเป็นศูนย์(ตัวนายิ่งยวด)
กิจกรรมที่ 9 ขนาดของเส้นลวดกับค่าความต้านทานไฟฟ้ า
จุดประสงค์
1. อธิบายได้ว่าเบอร์ของเส้นลวดโลหะ บอกถึงขนาดพื้นที่หน้าตัดของเส้นลวดได้
2. เปรียบเทียบขนาดพื้นที่หน้าตัดของลวดโลหะ ต่อการไหลของกระแสไฟฟ้าและ
ความต่างศักย์ไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าโดยใช้ถ่านไฟฉาย 4 ก้อน หลอดไฟ B ลวดนิโครม เบอร์ 26 ยาว 30 cm และ
แอมมิเตอร์โดยต่อเป็นวงจรแบบอนุกรม แล้วใช้โวลต์มิเตอร์ต่อคร่อมจุด (แบบขนาน) ที่ลวดนิโครม
เบอร์ 26
2. กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตความสว่างของหลอดไฟ B บันทึกค่ากระแสไฟฟ้า และค่า
ความต่างศักย์ไฟฟ้า
3. ทาซ้าข้อ 1 แต่เปลี่ยนไปใช้ลวดนิโครม เบอร์ 30 ยาว 30 cm. สังเกตความสว่างของหลอดไฟ
และบันทึกค่ากระแสไฟฟ้า และความต่างศักย์ไฟฟ้า
4. สรุปเปรียบเทียบขนาดของเส้นลวดกับค่าความต้านทานไฟฟ้า
5. เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าตามการทดลอง
43. 39
ความต้านทานไฟฟ้ า หมายถึง ตัวที่ต้านการไหลของกระแสไฟฟ้าให้ไหลในจานวนจากัด ซึ่ง อยู่
ในรูปของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เช่น แผ่นลวดความร้อนของเตารีด หม้อหุงข้าว หลอดไฟฟ้า เป็นต้น
เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ต้านการไหลของกระแสไฟฟ้า ให้ไหลในจานวนจากัด ใช้แทนด้วยตัว R มี
กิจกรรมที่ 10 ความยาวของเส้นลวดกับความต้านทานไฟฟ้ า
จุดประสงค์
1. อธิบายได้ว่าความยาวของเส้นลวดโลหะ มีผลต่อการไหลของกระแสไฟฟ้าและ
ค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า
2. สรุปความสัมพันธ์ของพื้นที่หน้าตัด ความยาว ชนิดของเส้นลวดโลหะมีผลต่อการไหลของ
กระแสไฟฟ้า และค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าโดยใช้ถ่านไฟฉาย 4 ก้อน หลอดไฟ B ลวดนิโครมเบอร์ 30 ยาว 30 cm
และแอมมิเตอร์โดยต่อเป็นวงจรแบบอนุกรม แล้วใช้โวลต์มิเตอร์ต่อคร่อมจุด (แบบขนาน)
ที่ปลายลวดนิโครม เบอร์ 30
2. กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตความสว่างของหลอดไฟ บันทึกค่ากระแสไฟฟ้าจากแอมมิเตอร์
และค่าความต่างศักย์ไฟฟ้าจากโวลต์มิเตอร์
3. ทาซ้าข้อ 1 แต่เปลี่ยนไปใช้ลวดนิโครม เบอร์ 30 ยาว 15 cm สังเกตความสว่างของหลอดไฟ
และบันทึกค่ากระแสไฟฟ้า และค่าความต่างศักย์ไฟฟ้า
4. เปรียบเทียบความยาวของเส้นลวด กับค่าความต้านทานไฟฟ้า
5. เขียนรูปแผนภาพวงจรไฟฟ้า ตามการทดลอง
45. 41
คาถาม (ข้อละ 1 คะแนน รวม 5 คะแนน)
1. ความยาวของลวดนิโครมมีผลต่อกระแสไฟฟ้าอย่างไร………………………………………………
2 ความยาวของลวดนิโครมมีความสัมพันธ์อย่างไรกับความต้านทานไฟฟ้า
............................................................................................................................................................
3. จากการทดลอง จงบอกค่าตัวแปรต่อไปนี้
5.1 ตัวแปรต้น คือ......................................................................................................................
5.2 ตัวแปรตาม คือ ....................................................................................................................
5.3 ตัวแปรควบคุม คือ...............................................................................................................
46. 42
ฉนวนไฟฟ้ า คือ วัตถุที่ไม่ยอมให้ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ไปโดยสะดวก หรือไม่ยอมให้ประจุไฟฟ้า
เคลื่อนที่ผ่านไป วัตถุชนิดที่จะเป็นฉนวนไฟฟ้าได้ดี เช่น กระเบื้องเคลือบ ยาง แก้ว ไม้ พลาสติก
เป็นต้น
กิจกรรมที่ 11 ประโยชน์ของฉนวนหุ้มสายไฟ
จุดประสงค์
1. นักเรียนสามารถบอกประโยชน์ของฉนวนที่ใช้หุ้มสายไฟได้
2. อธิบายการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร และเส้นทางการไหลของกระแสไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลง
3. นักเรียนบอกถึงอันตรายและผลที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
วิธีทดลอง
1. ต่อวงจรไฟฟ้าโดยใช้ถ่านไฟฉาย 4 ก้อน ต่อกับลวดนิโครมเบอร์ 26 ยาว 30 cm ไปยัง
หลอดไฟ A แล้วต่อกับลวดนิโครม เบอร์ 30 ยาว 30 cm ตามลาดับเป็นวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม
2. กดสวิตซ์ (วงจรปิด) สังเกตความสว่างของหลอดไฟ
3. ใช้ฝอยเหล็กวางพาดระหว่างลวดนิโครม เบอร์ 26 กับลวดนิโครม เบอร์ 30 สังเกตความสว่าง
ของหลอดไฟฟ้า บันทึกผล
4. เขียนแผนภาพการต่อวงจรไฟฟ้า ตามการทดลอง