สถานการณ์ของดินและการใช้ที่ดินของโลก
กลุ่ม ประไพพรรณ
นางสาว นฤมล บัวทอง เลขที่ 13
นางสาว นารีรัตน์ แสงจันทร์ เลขที่ 14
นางสาง ประไพรพรรณ มั่นหมาย เลขที่ 20
เสนอ
อาจารย์ วรรณา ไชยศรี
สถานการณ์ของดินและการใช้ที่ดินของโลก
"ทรัพยากรที่ดิน" เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สาคัญในการดารงชีพของมนุษย์ ประเทศไทยเป็นประเทศ
เกษตรกรรมที่ต้องใช้ที่ดินเป็นปัจจัยหลักการเพิ่มขึ้นของประชากร ประกอบกับความต้องการใช้ที่ดิน เพื่อใช้ในกิจกรรม
ทางเศรษฐกิจสาขาอื่นก็มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น เช่น การพัฒนาเมือง เขตอุตสาหกรรม เป็นต้น ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้น
ในการใช้ประโยชน์ที่ดิน คือ การนาพื้นที่เหมาะสมทางการเกษตรมาใช้ในการขยายเมือง การนาพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมต่อ
การเกษตรมาใช้ในการเกษตร การใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ทาให้เกิดปัญหาความเสื่อมโทรม
ของดิน ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเกษตรกร ชุมชนและประเทศชาติ ปัญหาของทรัพยากรดินและ
การใช้ที่ดินจึงแยกได้ 2 ประการคือ ปัญหาความเสื่อมโทรมของดินและปัญหาการใช้ที่ดิน
สถานการณ์ดินและที่ดิน
สถานการณ์ของทรัพยากรดิน ปัจจุบันของโลกกับความต้องการที่จะใช้ดินภูมิภาค
ต่างๆ
ดินปัญหา
เป็นดินปัญหาทางการเกษตร
ประมาณ 269 ล้านไร่
ดินเปรี้ยวจัด
ดินเค็ม
ดินอินทรีย์
ดินทราย
ดินตื้น
ดินกรด ดินที่ลาดชันเชิงซ้อน
อื่นๆ
สถานการณ์การใช้ที่ดิน
ทรัพยากรดิน จะมีความอุดมสมบูรณ์ปานกลางถึงต่า เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่สูง มีความลาดชัน
มาก และมีการตัดไม้ทาลายป่า ทาไร่เลื่อนลอย จึงก่อให้เกิดการชะล้างและพังทลายหน้าดินได้ง่าย ดินที่
พบตามลุ่มแม่น้าต่าง ๆ คือ ดินอัลลูเวียนเหมาะในการทานา และดินลานตะพักลาน้า เหมาะในการปลูก
พืชไร่
การใช้ที่ดินนั้นไม่คงที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กรมพัฒนาที่ดินได้ศึกษาการ
เปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินของประเทศไทยโดยการแปลภาพถ่ายทางอากาศ และข้อมูลดาวเทียม และการ
ตรวจสอบในสนาม ในปี พ.ศ. 2523 2529 2541 และ 2544 พบว่าในขณะที่พื้นที่ป่าไม้ลดลง พื้นที่
เกษตรกรรมเพิ่มขึ้น รวมทั้งพื้นที่ชุมชนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 8 เท่าตัวจาก พ.ศ. 2523 อย่างไรก็ตามเป็นที่น่า
สังเกตว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2529-พ.ศ. 2541 พื้นที่นาได้ลดลงประมาณ 3.5 ล้านไร่ พื้นที่นาที่ลดลงนั้นถูกเปลี่ยน
สภาพไปเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัย สนามกอล์ฟ รีสอร์ท หรือที่พักผ่อนหย่อนใจจานวนมาก แต่
ในช่วงปี พ.ศ. 2541-2544 พื้นที่นาได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 ล้านไร่ เนื่องจากหลังวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ
ในปี พ.ศ. 2540 ได้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับสู่ภาคเกษตรมากขึ้น
1) การประเมินการสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เกิดจากการชะล้างพังทลาย โดยใช้ปุ๋ ยเพื่อทดแทน
ความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารในดินที่สูญเสียไป (Replacement cost) เนื่องจากประเทศไทย
มีพื้นที่ที่เกิดการสูญเสียดินประมาณ 108.87 ล้านไร่ ในการศึกษานี้จะพิจารณาเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกพืชไร่
เนื่องจากมีอัตราการชะล้างพังทลายดินในระดับปานกลางถึงรุนแรงมาก หรือมีอัตราการสูญเสียดินประมาณ
2-50 ตันต่อไร่ต่อปี ข้อมูลที่ใช้ในการคานวณมูลค่าการสูญเสียธาตุอาหาร คือ ข้อมูลอัตราการสูญเสียปุ๋ ยใน
พื้นที่เพาะปลูกพืชไร่ในแต่ละภาค ตามชนิดของปุ๋ ย จากการสารวจการพัดพาปุ๋ ยของพื้นที่เพาะปลูกพืชไร่ใน
แต่ละภาคของ
2) การประเมินการสูญเสียความอุดมสมบูรณ์จากดินเค็มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาดินเค็ม
ส่วนหนึ่งเกิดมาจากการใช้ที่ดิน การปลูกพืช การสร้างอ่างเก็บน้า การตัดถนน การตัดไม้ทาลายป่า
กิจกรรมเหล่านี้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับน้าใต้ดิน คือ ยกระดับน้าใต้ดินสูงขึ้นทาให้ละลายเกลือ
ซึ่งอยู่ตามธรรมชาติใต้ดินขึ้นมาบนผิวดินจึงทาให้เกิดปัญหาดินเค็มส่งผลให้ไม่สามารถปลูกพืชได้
ในบางพื้นที่ปลูกพืชได้แต่ผลผลิตลดลง และรายได้ลดลง เป็นต้น พื้นที่ดินเค็มในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือเท่ากับ 17.8 ล้านไร่
3)ธรณีพิบัติภัย ได้แก่ ดินถล่ม แผ่นดินไหว หลุมยุบ และการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เป็นภัยธรรมชาติ
ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน ทรัพยากรธรรมชาติ และเศรษฐกิจ ซึ่งมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น
โดยเฉพาะแผ่นดินถล่ม ซึ่งร้อยละ 21 ของพื้นที่ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อดินถล่มในระดับสูงดิน
ถล่มเกิดจากสาเหตุตามธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ โดยกิจกรรมของมนุษย์มีส่วนเร่งให้เกิด
มากขึ้น เช่น การตัดไม้ทาลายป่า การปลูกพืชในพื้นที่ที่มีความลาดชันสูง การตั้งบ้านเรือนตามหุบ
เขาหรือตามทางน้า การปลูกสร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางน้า เป็นต้น
ขอจบการนาเสนอเพียงเท่านี้
ขอบคุณค่ะ

Prapipun