Recommended
More Related Content
More from วรรณา ไชยศรี
Map
- 1. รายงานเรื่อง…แผนที่และองค์ประกอบของแผนที่ จัดทาโดย นาย ธีรเทพ แก้วงาม ม.5/1 เลขที่2 นาย อรรถชัย แจ่มขา ม.5/1 เลขที่4 นาย ชยานันท์ อินทวงษ์ ม.5/1 เลขที่5 นาย ภากร สุขษาเกษ ม.5/1 เลขที่8 เสนอ อาจารย์ วรรณณา ไชยศรี
- 3. องค์ประกอบของแผนที่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ 1. สิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ภูมิประเทศแบบต่างๆ ป่าไม้ ปริมาณน้าฝน 2. สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ที่ตั้งของเมือง เส้นทางคมนาคม พื้นที่เพาะปลูก
- 4. 1 ชื่อแผนที่ -เป็นสิ่งที่มีความจาเป็นสาหรับให้ผู้ใช้ได้ทราบว่าเป็นแผนที่เรื่องอะไร -แสดงรายละเอียดอะไรบ้าง เพื่อให้ผู้ใช้ได้อย่างถูกต้อง และตรงความต้องการ โดยปกติชื่อแผนที่จะมีคาอธิบายเพิ่มเติมแสดงไว้ด้วย เช่น แผนที่ประเทศไทยแสดงเนื้อที่ป่าไม้ แผนที่ระเทศไทยแสดงการแบ่งภาคและเขตจังหวัด
- 5. 2. ขอบระวาง ขอบเขตของพื้นที่ในภูมิประเทศที่แสดงบนแผนที่แผ่นนั้น มักจะแสดงด้วยเส้นขนาน -เพื่อแสดงตาแหน่งละติจูดกับเส้นเมริเดียน -เพื่อแสดง ตาแหน่งลองจิจูด -แสดงตัวเลขเพื่อบอกค่าพิกัดภูมิศาสตร์ของตาแหน่งต่างๆ
- 6. 3 .ทิศทาง -มีความสาคัญต่อการค้นหาตาแหน่งที่ตั้งของสิ่งต่างๆ สมัยโบราณ ใช้วิธีดูทิศทางตามการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ในเวลากลางวัน และการดูทิศทางของดาวเหนือในเวลากลางคืน ต่อมามีการประดิษฐ์เข็มทิศ ซึ่งเป็นเครื่องมือช่วยในการหาทิศขึ้น -เนื่องจากเข็มของเข็มทิศจะชี้ไปทางทิศเหนือตลอดเวลา -การใช้ทิศทางในแผนที่ประกอบกับเข็มทิศ -การสังเกตดวงอาทิตย์และดาวเหนือ
- 8. 5. มาตราส่วน เป็นอัตราส่วนระหว่างระยะทางที่ย่อส่วนมาลงในแผนที่กับระยะทางจริงในภูมิประเทศ มาตราส่วนช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่าแผนที่นั้นๆย่อส่วนมาจากสภาพในภูมิประเทศจริงในอัตราส่วนเท่าใด มาตราส่วนแผนที่” มาตราส่วนแผนที่โดยมากจะมี 3 ลักษณะ ได้แก่ 1.มาตราส่วนแบบเศษส่วน 2.มาตราส่วนคาพูด 3.มาตราส่วนแบบกราฟิก มาตราส่วนของแผนที่ คือ อัตราส่วนระหว่างระยะบนแผนที่กับระยะในภูมิประเทศ หรือ คือความสัมพันธ์ระหว่างระยะทางราบบนแผนที่กับระยะทางราบใน ภูมิประเทศ การเขียนมาตราส่วน เขียนได้หลายวิธี เช่น 1/50,000 หรือ 1:5,000 การคานวณระยะทางบนแผนที่ คานวณได้จากสูตร : มาตราส่วนของแผนที่ = ระยะบนแผนที่* ระยะในภูมิประเทศ
- 9. 6. เส้นโครงแผนที่ เป็นระบบของเส้นขนานและเส้นเมริเดียน ที่สร้างขึ้นเพื่อกาหนดตาแหน่งพิกัดภูมิศาสตร์ให้เป็นมาตรฐานไว้ใช้อ้างอิง ร่วมกัน ซึ่งประกอบด้วย 6.1 เส้นขนาน เป็นเส้นสมมติที่ลากจากทิศตะวันออก สร้างขึ้นจากการวัดมุมเริ่มจากเส้นศูนย์สูตร ซึ่งมีค่ามุม 0 องศา ไปยังขั้ว โลกทั้งสองด้านละไม่เกิน 90 องศา เส้นขนานที่สาคัญประกอบด้วยตามภาพ
- 10. เส้น มีค่ามุม 1. เส้นศูนย์สูตรหรือเส้นอิเควเตอร์ 0 องศา 2. เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ 23 องศา 30 ลิปดาเหนือ 3. เส้นทรอปิกอฟแคปริคอร์น 23 องศา 30 ลิดาใต้ 4. เส้นอาร์กติกเซอร์เคิล 66 องศา 30 ลิปดาเหนือ 5. เส้นอาร์กติกเซอร์เคิล 66 องศา 30 ลิปดาใต้
- 11. 6.2 เส้นเมริเดียน ใช้บอกพิกัดของตาแหน่งที่ตั้งต่าง ๆ บนพื้นผิวโลกโดยใช้ร่วมกันเส้นขนาน ( เส้นละติจูด ) และใช้เป็นแนวแบ่งเขตเวลาของโลก สร้างขึ้นจากการสมมติเส้นเมริเดียนปฐม มีค่ามุม 0 องศา ลากผ่านตาบลกรีนิซ กรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร ไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ด้านละ 180 องศา โดยเส้นเมริเดียนที่ 180 องศาตะวันออกและ 180 องศาตะวันตก จะทับกันเป็นเส้นเดียวนี้ให้เป็นเส้นวันที่หรือเส้นแบ่งเขตวันระหว่างชาติ หรือเส้นแบ่งเขตวันสากล เส้นเมริเดียนรอบโลก มี 360 เส้น แบ่งเป็นเส้นองศา ตะวันออก 180 เส้น และเส้นองศาตะวันตก 180 เส้น ตาบลกรีนิซ กรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เส้นเมริเดียนที่ 180 องศาตะวันออก และ 180 องศาตะวันตก
- 12. 7. พิกัดภูมิศาสตร์ เป็นระบบที่บอกตาแหน่งของสิ่งต่างๆ บนพื้นผิวโลก โดยอาศัยเส้นโครงแผนที่ซึ่งเส้นขนานและเส้นเมริเดียนตัดกันเป็น จุดสิ่งต่างๆ บนพื้นผิวโลก โดยอ่านค่าพิกัดภูมิศาสตร์ เป็นละติจูด (เส้นขนาน) และลองจิจูด(เส้นเมริเดียน) 1 องศา มีค่าเท่ากับ 60 ลิปดา 1 ลิปดา มีค่าเท่ากับ 60 ฟิลิปดา
- 13. 1.) ละติจูด (Latitude ) เป็นค่าของระยะทางเชิงมุม โดยนับ 0 องศา จากเส้นศูนย์สูตรไปทางเหนือหรือใต้จนถึง 90 องศา ที่ขั้วโลกทั้งสอง
- 14. 2.) ลองจิจูด (Longitude ) เป็นค่าของระยะทางเชิงมุม โดยนับ 0 องศา จากเส้นเมริเดียน ไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จนถึง 180 องศา
- 15. ปัจจุบันการบ่งบอกจุดตาแหน่งบนพื้นผิวโลก สามารถทราบได้ง่ายและถูกต้อง โดยใช้จีพีเอสเครื่องมือกาหนดตาแหน่งบนพื้นผิวโลก (GPS: Global Positioning System) เมื่อกดปุ่มสวิตช์ เครื่องจะรับสัญญาณจากดาวเทียมแล้วบอกค่าพิกัดภูมิศาสตร์ให้ทราบ เครื่องมือชนิดนี้ มีขนาดเล็กพกพาได้สะดวกให้ข้อมูลตาแหน่งบนพื้นผิวโลกได้ตรงกับความเป็นจริง ดังนั้นจึงมีผู้นาเครื่องมือนี้ไปใช้ได้สะดวกสบายในกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การเดินเรือ การเดินทางท่องเที่ยวป่า เครื่องบิน การเดินทางรถยนต์