SlideShare a Scribd company logo
1 of 43
Download to read offline
การทางานในโปรแกรม Photoshop นอกจากผู้เรียนจะสามารถตกแต่งรูปภาพด้วยวิธีการ
ต่าง ๆ ตามที่ได้เรียนมาในบทเรียนก่อนหน้านี้แล้ว โปรแกรมยังมีความสามารถใช้คุณสมบัติที่มีมา
กับโปรแกรมทาการตกแต่งและเพิ่มเอฟเฟ็กต์ให้กับรูปภาพได้หลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถ
นารูปภาพไปใช้งานได้ตามความเหมาะสมและสวยงามมากยิ่งึึ้น ซึ่งในโปรแกรม Photoshop มี
คุณสมบัติที่ใช้งานอีกมาก แต่ในบทเรียนนี้จะให้ได้รู้จักกับคุณสมบัติที่น่าสนใจดังรายละเอียด
ต่อไปนี้
การใช้งานฟิลเตอร์ (Filter)
Filter คือ คาสั่งพิเศษ หรือ คาสั่งสาเร็จรูปที่ตกแต่งภาพให้สวยงามภายในคาสั่งเดียว โดย
จะช่วยลดความยุ่งยากในการตกแต่งภาพที่มีึั้นตอนมากมายให้น้อยลง เช่น การสร้างแสงให้กับ
ภาพ ถ้าทาตามึั้นตอนจะต้องสร้างทีละึั้นตอน คือ สร้างเลเยอร์ใหม่ , คัดลอกภาพลงเลเยอร์ ลงสี
แล้วจึงปรับค่า Opacity แต่ถ้าเราใช้คาสั่งสาเร็จรูปที่มีอยู่พร้อมแล้วใน Photoshop ก็จะลดึั้นตอน
ตามที่กล่าวมาให้สามารถทางานได้ในึั้นตอนหรือคาสั่งเดียว
โดยการทางานึอง Filter จะมีหลักการทางานคล้ายกับฟิลเตอร์ึองกล้องถ่ายภาพ คือ
การใช้เอฟเฟ็กต์ซ้อนลงบนภาพทาให้เกิดภาพที่มีลักษณะหลากหลายและแปลกตาออกไป
 วิธีการใช้งาน Filter
ผู้เรียนสามารถเรียกใช้ Filter ได้ 2 วิธี คือ
 กาหนด Filter จากคาสั่งที่เมนูบาร์
วิธีการเรียกใช้คาสั่ง คือ คลิกเมนูคาสั่ง Filter จะปรากฏชื่อฟิลเตอร์ให้เลือกในตอนท้าย
ึองคาสั่ง ซึ่งบางคาสั่งจะมีการปรับแต่งเองแต่บางคาสั่งจะเึ้าไปสู่หน้าต่าง Filter Gallery จาก
ตัวอย่างเป็นการเรียกใช้คาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Stylize เลือกคาสั่ง Diffuse
เรื่อง การใช้คุณสมบัติต่าง ๆ ในโปรแกรม Adobe Photoshop CS5
238
คาสั่ง Filter ที่สามารถเรียกใช้งานได้
ไดอะล็อกซ์บล็อกซ์ของคาสั่ง Filter >>
Stylize >>Diffuse จากนั้นให้กาหนดค่า
ต่าง ๆ ของคาสั่ง
รูปภาพต้นฉบับ รูปภาพเมื่อใช้ Filter
239
 กาหนด Filter จาก Filter Gallery
เป็นหน้าต่างที่ใช้ Filter สาเร็จรูป โดยสามารถเลือกใช้ฟิลเตอร์ได้หลากหลาย โดยดู
เพียงหน้าต่างเดียว ซึ่งไม่ต้องเรียกใช้คาสั่งเหมือนกับการใช้จากเมนูบาร์ วิธีการเรียกใช้คาสั่ง คือ
คลิกเมนูคาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Filter Gallery … จะปรากฏหน้าต่าง Filter Gallery สาหรับ
การปรับแต่งรูปภาพ ดังรูป
ภาพตัวอย่าง
คลิกเลือกชื่อโฟลเดอร์ของกลุ่มฟิลเตอร์และฟิลเตอร์ย่อยที่อยู่ในโฟลเดอร์
ค่าออปชั่นต่าง ๆ ในการ
กาหนดการใช้งานฟิลเตอร์
รายการฟิลเตอร์ที่เรียกใช้
เรียงตามลาดับการใช้งาน
โดยฟิลเตอร์ที่ใช้งานล่าสุด
จะอยู่ด้านบน
เพิ่มการใช้งานฟิลเตอร์อื่น ๆ ใน
การตกแต่งภาพและลบฟิลเตอร์
Filter Gallery แสดงชื่อฟิลเตอร์
และลักษณะของฟิลเตอร์ แต่จะมี
บางฟิลเตอรร์ที่ไม่ถูกแสดงผลใน
หน้าต่างนี้
รูปภาพต้นฉบับ รูปภาพที่ได้หลังจากใช้ Filter Gallery
240
หัวึ้อต่อไปนี้จะเป็นการใช้ฟิลเตอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโปรแกรม Photoshop CS5
ซึ่งการใช้ฟิลเตอร์จะมีหลายกลุ่มคาสั่ง โดยจะยกตัวอย่างเฉพาะบางคาสั่งที่อยู่ในกลุ่มเท่านั้นเพื่อให้
ผู้เรียนได้รู้จักและนาไปใช้งานได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
 ฟิลเตอร์ Blur
เป็นกลุ่มฟิลเตอร์ที่ช่วยทาให้ภาพอ่อนนุ่มลงดูกลมกลืนกับส่วนประกอบอื่น ๆ ภายในภาพ
ซึ่งการคาสั่งจะมีคุณสมบัติคล้ายกับการใช้เครื่องมือ Blur Tool ซึ่งภายในฟิลเตอร์ Blur จะมี
คาสั่งย่อยให้กาหนดรูปแบบและรายละเอียดต่าง ๆึองการทาภาพเบลออีกหลายคาสั่ง ซึ่งผู้เรียน
สามารถเลือกใช้คาสั่งที่ตรงกับความต้องการได้ โดยคลิกเลือกเมนูคาสั่ง Filter บนเมนูบาร์
จากนั้นเลือกคาสั่ง Blur จะปรากฏคาสั่งย่อยึอง Blur อยู่อีก ให้ผู้เรียนคลิกเมาส์ที่รูปแบบที
ต้องการจากนั้นทาการปรับตั้งค่าจากไดอะล็อกซ์บล็อกซ์ได้ทันที ซึ่งผู้เรียนสามารถดูภาพตัวอย่างที่
ได้ปรับแต่งจากช่อง Preview ตัวอย่างึองการปรับแต่งฟิลเตอร์ Blur
ฟิลเตอร์ Blur ซึ่งจะมีคาสั่งย่อยอยู่อีก
241
 คาสั่ง Radial Blur
 ค่าออปชั่นสาหรับ Redial Blur
- Amount กาหนดเพื่อปรับความเบลอึองภาพ โดยสามารถระบุค่าตัวเลึ หรือ เลื่อน
แถบสไลเดอร์
- Blur Method กาหนดวิธีการสร้างภาพเบลอให้เป็นแบบต่าง ๆ คือ
Spin สร้างภาพเบลอแบบหมุนวน
Zoom สร้างภาพเบลอแบบเลนส์ึยาย
- Quality กาหนดคุณภาพึองภาพ ที่ได้จากการแต่งภาพเบลอ
Draft กาหนดคุณภาพแบบหยาบ
Good สร้างภาพเบลอแบบเลนส์ึยาย
Best กาหนดคุณภาพแบบดีที่สุด
 คาสั่ง Gaussian Blur
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Redial Blur
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Gaussian Blur
242
 ค่าออปชั่นสาหรับ Gaussian Blur
- Radius กาหนดน้าหนักหรือปริมาณความเบลอึองภาพ
 คาสั่ง Smart Blur
 ค่าออปชั่นสาหรับ Smart Blur
- Radius กาหนดน้าหนักหรือปริมาณความเบลอึองภาพ
- Threshold กาหนดความแตกต่างึองความเบลอและเทคนิคพิเศษที่ใช้ตกแต่งภาพ
- Quality กาหนดคุณภาพความเบลอึองภาพ ซึ่งค่าปกติเป็น Low
- Mode กาหนดโหมดการแสดงผล
 ฟิลเตอร์ Sharpen
เป็นกลุ่มฟิลเตอร์ที่ช่วยทาให้ภาพคมชัดมากยิ่งึึ้น
ซึ่งหลักการทางานจะคล้ายคลึงกับการใช้เครื่องมือ
Sharpen Tool แต่มีความพิเศษกว่าในเรื่องึองการกาหนด
ความคมชัดที่ทาได้อย่างอิสระจากค่าออปชั่นที่กาหนด
ได้ตามความต้องการและเลือกใช้งานฟิลเตอร์ผสมผสานกันได้
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Gaussian Blur
243
 ค่าออปชั่นสาหรับ Smart Sharpen
- Amount กาหนดปริมาณการปรับภาพให้เกิดความคมชัด ซึ่งมีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์
- Radius กาหนดปริมาณการสร้างความคมชัดในแต่ละพิกเซล
- Remove ปรับความเบลอึองภาพด้วยการใส่ฟิลเตอร์แบบเบลอทดแทน
 คาสั่ง Unsharp Mask
ฟิลเตอร์ Sharpen ซึ่งจะมีคาสั่งย่อยอยู่อีก
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Smart Sharpenภาพต้นฉบับ
คาสั่ง Smart Sharpen
244
คาสั่ง Noise
คาสั่ง Noise เป็นฟิลเตอร์ที่ใช้สร้างจุดสีที่เรียกว่า
“พิกเซล (Pixel)” ให้ปรากฏบนภาพ ซึ่งในทางเทคนิค
อาจกล่าวได้ว่าการสร้างภาพให้มีสัญญาณแทรก (คือจุดสี
ที่ปรากฏนั่นเอง) โดยที่ผู้เรียนสามารถกาหนดปริมาณและ
ความแตกต่างึองจุดสีที่ปรากฏได้จากกลุ่มฟิลเตอร์ึอง
Noise นั่นเอง
ภาพต้นฉบับ
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Unsharp Mask
245
 ฟิลเตอร์ Artistic
Artistic จัดเป็นฟิลเตอร์ที่ใช้ในการปรับแต่งแก้ไึ
รูปภาพ โดยอาศัยหลักการระบายภาพคล้ายคลึงกับการ
แรเงาลงบนภาพ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มฟิลเตอร์ย่อยที่
ทางานแตกต่างกันออกไป สาหรับการแต่งภาพจะกระทา
กับค่าพิกเซลบนภาพทั้งหมด เพื่อให้แต่ละส่วนมีความ
กลมกลืนกัน
 คาสั่ง Colored Pencil
 ค่าออปชั่นสาหรับ Colored Pencil
- Pencil Width กาหนดึนาดความกว้างึองเส้นวาด
- Stroke Pressure กาหนดความคมชัดึองเส้น
- Paper Brightness กาหนดความมืด หรือ สว่างึอง
ฉากหลัง
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Bust&Scratchesภาพต้นฉบับ
ฟิลเตอร์ Artistic ซึ่งจะมีคาสั่งย่อยอยู่อีก
246
 คาสั่ง Neon Glow
 ค่าออปชั่นสาหรับ Neon Glow
- Glow Size กาหนดึนาดึองแสงที่แสดงรอบวัตถุ
- Glow Brightness กาหนดความสว่างึองแสงรอบวัตถุ
- Glow Color เลือกสีที่นามาใช้แสดงรอบวัตถุ
ใช้คาสั่ง Colored Pencil จาก Filter Gallery
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Colored Pencilภาพต้นฉบับ
247
ใช้คาสั่ง Neon Glow จาก Filter Gallery
ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Neon Glow
248
 คาสั่ง Poster Edges
 ค่าออปชั่นสาหรับ Poster Edges
- Edge Thickness กาหนดความหนาแน่นึองลักษณะ
เส้นบนภาพโปสเตอร์
- Glow Intensity กาหนดความแึ็งึองเส้น เพื่อสร้าง
เป็นภาพโปสเตอร์
- Posterization กาหนดความเหมือนึองภาพ
โปสเตอร์
ใช้คาสั่ง Poster Edges จาก Filter Gallery
ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Poster Gdges
249
 คาสั่ง Underpainting
 ค่าออปชั่นสาหรับ Underpainting
- Brush Size กาหนดึนาดึองหัวพู่กัน
- Texture Coverage กาหนดอัตราึอบเึตการสร้าง
ลวดลาย
- Texture เลือกลวดลายที่ใช้ในการสร้าง
- Scaling กาหนดอัตราส่วนึอง Scale
- Relief กาหนดความเด่นชัด หรือ ความนูน
- Light กาหนดทิศทางึองแสง
- Invert กาหนดให้แสงทางานแบบตรงึ้ามกับที่กาหนดไว้
ใช้คาสั่ง Underpainting จาก Filter Gallery
ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Underpainting
250
 ฟิลเตอร์ Brush Strokes
Brush Strokes คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่ใช้ในการ
ระบายภาพ มีลักษณะคล้ายคลึงกับการใช้พู่กันระบาย หรือ
วาดรูปภาพให้ภาพมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละ
ฟิลเตอร์ในกลุ่มนี้
 คาสั่ง Crosshatch
 ค่าออปชั่นสาหรับ Crosshatch
- Stroke Length กาหนดความยาวึองเส้น
- Sharpness กาหนดความคมชัดึองเส้น
- Strength กาหนดความแึ็งึองเส้นที่ระบายหรือ
วาดลงบนภาพ
ใช้คาสั่ง Crosshatch
จาก Filter Gallery
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Crosshatchภาพต้นฉบับ
251
 คาสั่ง Dark Strokes
 ค่าออปชั่นสาหรับ Dark Strokes
- Balance กาหนดความสมดุลแสงให้อยู่ใน
อัตราส่วนเท่ากัน
- Black Intensity กาหนดความหนาแน่นึองสีใน
ส่วนที่เป็นสีดา (ความมืด)
- Strength กาหนดความหนาแน่นึองสีในส่วนที่เป็น
สีึาว (ความสว่าง)
ใช้คาสั่ง Dark Strokes
จาก Filter Gallery
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Dark Strokesภาพต้นฉบับ
252
 ฟิลเตอร์ Sketch
Sketch คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่เน้นการแต่งภาพใน
ลักษณะให้เกิดเป็นลวดลายบนพื้นผิวึองรูปภาพ เช่น
เปลี่ยนรูปภาพเป็นลายเส้นวาดด้วยดินสอ , สร้างภาพให้เกิด
รอยนูน หรือ ปรับแต่งภาพด้วยค่าพิกเซลต่าง ๆ เป็นต้น
 คาสั่ง Bas Relief
 ค่าออปชั่นสาหรับ Bas Relief
- Detail กาหนดรายละเอียดเพิ่มเติม
- Smoothness กาหนดให้มีความเรียบ
- Light กาหนดสภาวะแสง
ใช้คาสั่ง Bas Relief
จาก Filter Gallery
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Bas Reliefภาพต้นฉบับ
253
 คาสั่ง Halftone Pattern
 ค่าออปชั่นสาหรับ Halftone Pattern
- Size กาหนดึนาดการแสดงผลึองฟิลเตอร์
- Contrast กาหนดสภาวะความแตกต่างึองลวดลาย
- Pattern Type เลือกประเภทลวดลายที่ต้องการ
สร้างึึ้น
ใช้คาสั่ง Halftone Pattern
จาก Filter Gallery
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Halftone Patternภาพต้นฉบับ
254
 คาสั่ง Plaster
 ค่าออปชั่นสาหรับ Plaster
- Image Balance กาหนดความสมดุลึองภาพที่
นามาสร้าง
- Smoothness กาหนดให้มีความเรียบ
- Light กาหนดสภาวะแสง
ใช้คาสั่ง Plaster จาก Filter Gallery
ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Plaster
255
 ฟิลเตอร์ Distort
Distortคือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่เน้นการปรับรูปทรง
ลักษณะึองภาพให้บิดเบี้ยว เกิดเป็นระลอกหรือปรับแต่ง
แนวเส้นพิกเซลบนภาพตามลักษณะรูปแบบที่โปรแกรม
กาหนดไว้ให้
 คาสั่ง Diffuse Glow
 ค่าออปชั่นสาหรับ Diffuse Glow
- Graininess กาหนดลายเส้นที่แสดงบนภาพ
- Glow Amount กาหนดปริมาณึองแสงที่เปล่งออกมา
- Clear Amount ลดปริมาณึองแสงให้สอดคล้องกับ
ค่า Glow Amount
ใช้คาสั่ง Diffuse Glow
จาก Filter Gallery
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Diffuse Glowภาพต้นฉบับ
256
 คาสั่ง Ripple
 ค่าออปชั่นสาหรับ Ripple
- Amount กาหนดปริมาณึองการกระเพื่อมระลอก
คลื่นบนรูปภาพ
- Size กาหนดึนาดึองระลอกคลื่นว่าให้มีึนาด
ใหญ่ , เล็ก หรือ ปานกลาง
 คาสั่ง ZigZag
 ค่าออปชั่นสาหรับ ZigZag
- Amount กาหนดปริมาณึองการปรับภาพให้เกิด
การซิกแซก
- Ridges กาหนดพื้นที่ส่วนที่นูน
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Rippleภาพต้นฉบับ
257
 ฟิลเตอร์ Pixelate
Pixelate คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่เน้นการปรับแต่งรูปภาพใน
แต่ละค่าตาแหน่งพิกเซลภาพด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป
เช่น การึยายค่าพิกเซลให้ใหญ่ึึ้น หรือการแสดงค่าพิกเซลเป็น
แบบหลายจุดสี เป็นต้น
 คาสั่ง Crystallize
 ค่าออปชั่นสาหรับ Crystallize
- Cell Size กาหนดึนาดึองก้อนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ส่งผลให้ภาพมองเห็นอย่างชัดเจนหรือไม่
โดยหากกาหนดให้มีค่ามากก็จะยิ่งทาให้ึนาดใหญ่มากึึ้นแล้วมองภาพได้ไม่ชัดเจน (การมองเห็น
ไม่ชัดเจนเนื่องจากถูกปิดบังด้วยก้อนสี่เหลี่ยมึองผลึกแก้ว)
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง ZigZagภาพต้นฉบับ
258
 คาสั่ง Mosaic
 ค่าออปชั่นสาหรับ Mosaic
- Cell Size กาหนดพิกเซลที่แสดงซ้อนทับบนภาพ
ให้มีึนาดใหญ่ึึ้นหรือเล็กลง โดยหากกาหนดค่ามากก็จะ
ทาให้ภาพไม่สามารถดูเป็นภาพใหญ่ได้อย่างชัดเจน
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Crystallizeภาพต้นฉบับ
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Mosaicภาพต้นฉบับ
259
 ฟิลเตอร์ Stylize
Stylize คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่ใช้เพื่อเปลี่ยนภาพ
ด้วยเทคนิคพิเศษ โดยเก็บรักษาเค้าโครงึองวัตถุ
ให้เป็นเส้นอย่างเด่นชัด อีกทั้งลวดลายหรือพื้นผิวึองวัตถุ
ก็ถูกปรับแต่งให้เปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบที่น่าสนใจ
 คาสั่ง Emboss
 ค่าออปชั่นสาหรับ Emboss
- Angle กาหนดตาแหน่งมุมสะท้อน แสงเงา และ
โครงร่างวัตถุให้อยู่ในระดับองศาที่เท่าใด
- Height กาหนดความสูงึองวัตถุที่นูนึึ้นมา โดยยิ่ง
กาหนดค่ามากจะทาให้เกิดการนูนมากยิ่งึึ้น
- Amount กาหนดปริมาณมวลรวมทั้งหมดึองภาพ
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Embossภาพต้นฉบับ
260
 ฟิลเตอร์ Texture
Texture คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่เน้นการสร้าง
ลวดลายพื้นผิวให้กับรูปภาพเป็นหลัก โดยรูปแบบึอง
ลวดลายในแต่ละฟิลเตอร์ย่อยึองกลุ่ม Texture มี
ความแตกต่างกันแต่อย่างไรก็ตามความคล้ายคลึงกัน
ึองฟิลเตอร์ในกลุ่มนี้ คือลวดลายที่สร้างึึ้นมานั้นจะมี
ความนูนึึ้นจากระดับปกติ (ปรากฏเป็นลายนูน) ซึ่ง
การใช้ฟิลเตอร์นี้จะเรียกใช้จาก Filter Gallery
 คาสั่ง Craquelure
 คาสั่ง Patchwork
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Craquelureภาพต้นฉบับ
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Patchworkภาพต้นฉบับ
261
 คาสั่ง Stained Glass
 ฟิลเตอร์ Render
Render คือ ฟิลเตอร์ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับโปรแกรม
Photoshop CS5 โดยที่กลุ่มฟิลเตอร์ย่อยภายใน Render
จะเน้นสาหรับใส่ลูกเล่นพิเศษให้กับรูปภาพ
 คาสั่ง Clouds
เป็นฟิลเตอร์ที่นามาใช้สร้างภาพเมฆหมอกลงบนภาพ
หรือ บนกระดานออกแบบโดยเกิดจากการผสมผสานระหว่างสี
Foreground และ Background ซึ่งจะปิดบังรูปภาพที่นามาตกแต่ง
โดยที่ฟิลเตอร์นี้ไม่มีค่าออปชั่นใด ๆ ที่ต้องกาหนด
โดยสามารถเลือกบริเวณพื้นที่ที่ต้องการได้ซึ่งจะต้องสร้าง
Selection บริเวณนั้นก่อนใช้คาสั่ง
ภาพต้นฉบับ
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Stained Glassภาพต้นฉบับ
262
 คาสั่ง Lens Flare
Lens Flare เป็นฟิลเตอร์ที่ใช้สาหรับใส่ลาแสงลงบน
ภาพในตาแหน่งที่ต้องการ โดยการคลิกเลือกวางตาแหน่ง
ึองลาแสงที่ต้องการให้แสดงบนตาแหน่งึองรูปภาพตาม
ต้องการ
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Cloudsสร้าง Selection เพื่อเลือกบริเวณที่
จะใส่ภาพท้องฟ้า
ภาพต้นฉบับ
ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Lens Flareภาพต้นฉบับ
263
 คาสั่ง Reduse Noise
Noise คือการใส่จุดสีอยู่บนรูปภาพ อาจเกิดึึ้นได้จาก
ความละเอียดึองรูปภาพที่มีไม่มากพอจึงทาให้ภาพเกิดจุดสี
มองเห็นไม่ได้ชัดเจน โดยคาสั่งนี้จะทาการลบจุดสีที่เกิดึึ้นบน
ภาพนั้นให้ออกไปจากภาพและปรับ แต่งภาพให้เกิดความ
คมชัดมากยิ่งึึ้น
 ค่าออปชั่นสาหรับ Reduse Noise
- Strength กาหนดน้าหนักความแึ็งึองภาพที่ได้จากการปรับ
- Preserve Details กาหนดปริมาณการรักษาความสมบูรณ์ึองภาพเมื่อมีการปรับ
- Reduse Color Noise ลบจุดสีที่ปรากฏบนภาพเพื่อให้เกิดความคมชัดึองภาพ
- Remove JPEG Artifact รักษามาตรฐานไฟล์ภาพแบบ JPEG ซึ่งจะมีความหยาบและ
ดูไม่ชัดเจน
คาสั่ง Reduse Noise
264
 คาสั่ง Lens Correction
Lens Correction คือการใช้เทคนิคพิเศษบนภาพถ่ายโดย
อ้างอิงคุณสมบัติึองเลนส์ถ่ายภาพ อาทิ การเน้นภาพนูนหรือ
เว้า , ใส่มิติระยะใกล้หรือไกลึองรูปภาพในตาแหน่งที่ต้องการ
หรือแม้แต่การจัดวางรูปภาพในตาแหน่งหรือมุมมองที่แตกต่าง
จากรูปภาพปกติ
ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Reduse Noise
คาสั่ง Lens Correction
265
การใช้ Style สร้างปุ่ม (Button)
การสร้างปุ่มึึ้นมาใช้งานในรูปแบบที่สวยงามก็เป็นอีกวิธีที่โปรแกรม Photoshop สามารถ
สร้างสรรค์เพื่อให้สามารถนาไปใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น สร้างปุ่มที่ใช้สาหรับส่วนประกอบบน
เว็บเพจ หรือใช้ร่วมกับรูปภาพและเว็บเพจเพื่อให้มีความแปลกใหม่และน่าสนใจมากกว่าการใช้
ึ้อความแบบธรรมดา ซึ่งในหัวึ้อนี้จะสร้างปุ่ม โดยใช้ Style สาเร็จรูปที่มีอยู่ใน Photoshop
CS5 โดยมีวิธีการสร้างปุ่มตามึั้นตอนต่อไปนี้
1. สร้างหน้ากระดาษึึ้นมาใหม่
2. เรียกพาแนลึึ้นมาใช้งานโดยคลิกเมนูคาสั่ง Window เลือกคาสั่ง Styles
3. เมื่อปรากฏพาแนล Styles แล้วให้คลิกรูปแบบึองสไตล์ที่ต้องการเปิดึึ้นมาใช้งาน
ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Lens Correction
266
4. สร้างปุ่มในรูปแบบที่ต้องการโดยคลิกเลือกเครื่องมือ Shape Tool เพื่อสร้างปุ่มตามที่ต้องการ
บนหน้ากระดาษ โดยเลือกออปชั่น (Shape Layers) บน Toolbox
5. คลิกปุ่มเลือกสไตล์บน Option bar หรือเลือกสไตล์ได้จากพาแนล Styles โดยเลือกรูปแบบ
ตามที่ต้องการ
6. เมื่อสร้างปุ่มบนหน้ากระดาษทาการ จะเห็นว่ารูปแบบึองสไตล์ที่เลือกจะปรากฏบนปุ่ม หรือถ้า
สร้างปุ่มในรูปแบบที่ต้องการได้แล้วจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่น ๆ ให้คลิกเมาส์เพื่อเลือกปุ่มนั้น
จากนั้นคลิกสไตล์ในรูปแบบอื่น ๆ ตามต้องการ
6
5
4
267
การใช้ Actions เพื่อปรับแต่งรูปภาพโดยอัตโนมัติ
คาสั่ง Actions เป็นชุดคาสั่งปรับแต่ง แก้ไึ หรือ สร้างงานสาเร็จรูปแบบอัตโนมัติโดยใช้
ชุดคาสั่งบนพาแนล Actions เพื่อทางาน ซึ่งจะทาให้ประหยัดเวลาในการสร้างสรรค์งานได้ด้วย
การคลิกปุ่มเพียงปุ่มเดียว ซึ่งสามารถทางานได้ทั้งกับรูปภาพและึ้อความ รวมทั้งสร้างพื้นผิวก็
สามารถสร้างได้จากพาแนล Actions เช่นกัน โดยึั้นตอนการใช้ Action ใน Photoshop CS5 มี
วิธีการใช้งานดังต่อไปนี้
1. เปิดพาแนล Actions ึึ้นมาใช้งานโดยเลือกเมนูคาสั่ง Window
คลิกชื่อพาแนล Actions จากนั้นคลิกเมาส์ที่ปุ่ม
เพื่อเรียกรูปแบบึอง Actions ึึ้นมาใช้งาน
2. เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการปรับแต่งึึ้นมา
3. คลิกที่พาแนล Actions จากนั้นคลิกที่รูปแบบึอง Actions ที่
ต้องการ เช่น Actions Frames จากนั้นลูกศรชี้ไปทางึวา ึองชื่อ Frames
จะปรากฏชื่อรูปแบบย่อยึอง Frames ให้คลิกเลือกรูปแบบที่ต้องการ
4. คลิกที่ปุ่ม Play บนพาแนล Actions เพื่อเริ่มต้นการทางานในรูปแบบึอง Actions ที่
เลือก
รูปแบบของ
Actions
คลิกปุ่ม Play เพื่อเริ่มต้นการทางาน
รูปแบบของ Actions โดยคลิก
เลือกรูปแบบที่ต้องการ
268
รูปภาพต้นฉบับ
รูปภาพที่ใช้ Actions >> Fames >>
Wood Frames
รูปภาพที่ใช้ Actions >> Fames >>
Sepia Toning
รูปภาพที่ใช้ Actions >> Fames
>> Quadrant
รูปภาพที่ใช้ Actions >> Fames >>
Custom RGB to Grayscale
269
ข้อความที่ใช้ Actions >> Text effects >>
Brushes Metal (type)
ข้อความที่ใช้ Actions >> Text effects >>
Cast Shadow (type)
ข้อความต้นฉบับ โดยการใช้จะต้องคลิกเมาส์ที่ข้อความก่อนใช้คาสั่ง
270
การสัดส่วนของภาพด้วย Liquify
Liquify เป็นคาสั่งที่ใช้ในการทาเอฟเฟ็กต์ให้กับรูปภาพได้หลากหลาย เช่น การทาภาพบิด
เบื้ยว , ภาพปูดบวมและทาภาพเงาสะท้อนบนกระจก โดยึั้นตอนการใช้ Liquify ใน Photoshop
CS5 มีวิธีการใช้งานดังต่อไปนี้
1. เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการปรับแต่งึึ้นมา
2. คลิกเมาส์ที่เมนูคาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Liquify จะปรากฏไดอะล็อกซ์บล็อกซ์สาหรับการ
ปรับแต่งรูปภาพ
พื้นหลังที่ใช้ Actions >>
Textures >> Asphalt
พื้นหลังที่ใช้ Actions >> Textures >>
Parchment Paper
271
ภายในคาสั่ง Liquify มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยในการปรับแต่งภาพ ดังนี้
บิดภาพด้วย Forward Warp Tool
ปรับแต่งภาพด้วยการหมุนภาพ Twirl Clockwise Tool
บีบภาพด้วย Pucker Tool
ึยายพื้นที่ภาพด้วย Bloat Tool
เลื่อนพื้นที่ภาพด้วย Push Left Tool
สร้างภาพสะท้อนด้วย Mirror Tool
บิดภาพให้เป็นคลื่นด้วย Turbulance Tool
กู้ส่วนที่ผิดพลาดให้กลับสู่สภาพเดิมด้วย Reconstruct Tool
ตัวอย่างึองการใช้เครื่องมือใน Liquify มีดังนี้
บิดภาพด้วย Forward Warp Tool
1. เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการปรับแต่ง จากตัวอย่างจะทาการบิดภาพในส่วนคิ้วึองนางแบบ
ให้โก่งึึ้นเล็กน้อย
2. เลือกเมนูคาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Liquify จากนั้นคลิกเลือกเครื่องมือ
รายละเอียดของการปรับแต่งของ
แต่ละเครื่องมือ
เครื่องมือแต่ละชนิดที่ใช้ในการตกแต่งภาพ
272
3. จากนั้นนาเมาส์ไปคลิกแล้วลากึึ้นไปด้านบนเล็กน้อย สังเกตว่าคิ้วที่ต้องการทาให้โก่งก็
จะบิดเป็นรูปตามที่ต้องการ
บิดภาพให้เป็นคลื่นด้วย Turbulance Tool
1. เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการปรับแต่ง จากตัวอย่างจะเปลี่ยนเส้นผมึองนางแบบจากผมตรง
เป็นผมดัดหยิกเล็กน้อย
2. เลือกเมนูคาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Liquify จากนั้นคลิกเลือกเครื่องมือ
3. จากนั้นนาเมาส์ไปคลิกค้างไว้ที่เส้นผมบริเวณที่ต้องการ หากต้องการให้มีความหยิกมาก
คลิกเมาส์แล้วลากขึ้นเล็กน้อย
รูปภาพที่ได้หลังการ
ปรับแต่ง
รูปภาพต้นฉบับ
273
ก็ให้ลากเมาส์ไปมาหลาย ๆ ครั้ง จนเส้นผมเกิดเป็นรอนคลื่น โดยสามารถปรับแต่งรูปแบบึอง
คาสั่งจากออปชั่นด้านึวามือ เช่น ึนาดึองหัวแปรง , น้าหนักึองแปรงที่ใช้ เป็นต้น
คลิกเมาส์ไปมาบริเวณไรผมให้เป็นคลื่น
รูปภาพต้นฉบับ รูปภาพที่ได้หลังการปรับแต่ง
274
ในส่วนึองการปรับแต่งด้วยเครื่องมือ Liquify นี้หากผู้เรียนทาการปรับแต่งรูปแบบึอง
ภาพแล้วมีการผิดพลาด หรือต้องการย้อนกลับการทางาน ให้คลิกเมาส์ที่ไอคอน
Reconstruct Tool จากนั้นคลิกระบายบริเวณส่วนที่ต้องการย้อนกลับให้เป็นภาพเดิม ซึ่งรูปภาพ
ส่วนที่ระบายจะย้อนกลับตามค่าเดิมเฉพาะในส่วนที่ระบายเท่านั้น
วางภาพแบบมุมมอง 3 มิติด้วย Vanishing Point
Vanishing Point เป็นคาสั่งที่ใช้ปรับแต่งรูปภาพให้ลักษณะแบบ Perspective โดยสามารถ
กาหนดพื้นที่ให้มีมิติเหมือนมองเห็นด้วยตาจริงๆ แล้วนาภาพอื่นมาตกแต่งบนรูปที่สร้าง, แสตมป์
ภาพ หรือ ระบายสีในพื้นที่ที่กาหนดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Vanishing Point กับ
งาน 3 มิติเช่น CAD, modeling, animation และ โปรแกรมสร้าง special effects อื่นๆ
การใช้งานไดอะล็อกบ็อกซ์ Vanishing Point
เมื่อใช้คาสั่ง Filter >> Vanishing Point เพื่อเปิดใช้งาน Vanishing Point
จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ที่ใช้สาหรับสร้างและปรับแต่งค่าึอง Vanishing Point ซึ่งจะมีพื้นที่การ
ทางาน, ภาพตัวอย่าง และเครื่องมือต่างๆ ดังนี้
เมนู แถบอธิบายเครื่องมือ
เครื่องมือ
Plane หรือพื้นที่
Node จุดของ
Plane
ย่อ-ขยาย ภาพตัวอย่าง
ออปชั่นเครื่องมือที่เลือก
ภาพตัวอย่าง
275
เครื่องมือใน Vanishing Point
Edit Plane tool ใช้สาหรับเลือก, แก้ไึ, ย้าย และปรับึนาด plane (พื้นที่ที่วาดไว้)
Create Plane tool ใช้สาหรับสร้างพื้นที่ plane โดยการคลิกสร้างจุด (node) เป็นพื้นที่
สี่เหลี่ยมึองพื้นที่ที่เป็นค่าเริ่มต้น และใช้ปรับแต่งรูปทรงึอง Plane ได้
Marquee tool สร้าง Selection ภายในพื้นที่ plane เพื่อใช้จัดวางภาพ หรือใช้โคลนภาพ
Stamp tool ใช้สาหรับแสตมป์หรือโคลนภาพจากต้นฉบับที่เลือก ลงภายในพื้นที่ึอง
plane (ไม่สามารถโคลนจากภาพอื่นได้)
Brush tool ใช้ระบายสีลงบนพื้นที่ plane ที่สร้างไว้
Transform tool ใช้สาหรับปรับย่อ-ึยาย, หมุน และย้ายภาพหรือวัตถุที่อยู่ใน Selection
(ทาหน้าที่เหมือนเครื่องมือ Free Transform
Eyedropper tool ใช้สาหรับเลือกสีบนภาพตัวอย่าง เพื่อใช้ระบายในจุดอื่น
Measure tool ใช้วัดระยะและมุมึองพื้นที่ plane (มีใน Photoshop CS5 รุ่น Extended)
Zoom tool ใช้ปรับย่อ-ึยายมุมมองภาพตัวอย่าง
Hand tool ใช้เลื่อนไปยังตาแหน่งต่างๆ บนภาพตัวอย่าง
ตัวอย่างการใช้งาน Vanishing Point
276
1 เตรียมภาพที่จะนามาใช้งานกับ Vanishing Point
 เปิดไฟล์ภาพที่ 1 ซึ่งเป็นภาพที่จะนามาใช้สาหรับวางลงบน Plane ที่จะสร้างึึ้น
โดยกดคีย์ Ctrl+A เลือกภาพทั้งภาพ แล้วกดคีย์ Ctrl+C เพื่อก๊อบปี้ภาพไปไว้ที่คลิป
บอร์ด
 เปิดไฟล์ภาพที่ 2 เป็นไฟล์ภาพที่จะนามาใช้คาสั่ง Vanishing Point
2 อยู่ที่ไฟล์ภาพที่สอง แล้วเลือกคาสั่ง Filter>> Vanishing Point
3 คลิกเลือก Create Plane tool เพื่อสร้างพื้นที่ plane
4 คลิกจุด (node) ึองพื้นที่ ึึ้นมา 4 จุด เพื่อสร้างเป็นพื้นผิวึอง plane เริ่มต้น ผลคือจะ
ได้เส้นโครงร่างสีน้าเงินเป็นรูปสี่เหลี่ยม
 กดคีย์ BkSp ลบทิ้งได้ กรณีที่กาหนดจุดผิด แล้วเริ่มสร้างจุดพื้นที่ใหม่
พื้นที่ของ plane จะเป็น
โครงเส้นสีน้าเงิน
277
5 กดคีย์ Ctrl ค้างไว้ จากนั้นเลื่อนเมาส์ไปที่จุด node ที่กึ่งกลางทางซ้าย (หรือึวา ึึ้นอยู่
กับพื้นที่ที่สร้างด้วย)สังเกตจากเมาส์พอยเตอร์จะเปลี่ยนรูป ลูกศรสีึาว
6 คลิกลากลูกศรเพื่อึยายพื้นที่ึอง plane ออกไปด้านึ้าง
7 เลื่อนเมาส์ไปที่จุดึอง node ที่อยู่รอบๆ เพื่อปรับ ย่อ-ึยาย พื้นที่ปรับย่อ-ึยายพื้นที่ใน
ลักษณะึอง perspective ให้พอดีกับรูปทรงได้ตามต้องการ
8 ในกรณีที่ต้องการวางภาพลงในพื้นที่ึอง plane ให้กด Ctrl+V วางภาพ (ภาพนี้จะต้อง
ก๊อปปี้ไว้ก่อนที่จะเึ้ามาใช้คาสั่ง Vanishing Point ตามึั้นตอนที่ 1)
9 คลิกลากรูปภาพที่วางไว้เึ้าไปในพื้นที่ึองplane (เส้นโครงร่างสีน้าเงิน)ซึ่งรูปภาพนั้น
จะถูกปรับให้เึ้ากับพื้นที่โดยอัตโนมัติ (เครื่องมือจะเปลี่ยนเป็น Marquee tool
โดยอัตโนมัติ)
คลิกลากเพื่อ
ขยายพื้นที่ไป
ด้านข้าง
กด Ctrl+V เพื่อวางภาพที่ก๊อป
ปี้ไว้จากขั้นตอนที่ 1
278
 อาจกดคีย์ Ctrl+T เพื่อปรับย่อ-ึยายรูปภาพนั้นได้ เหมือนใช้เครื่องมือ Free
Transform ที่ใช้ย่อึยายรูปทั่วๆ ไป (ถ้ารูปมีึนาดใหญ่กว่ากรอบคุณจะมองไม่
เห็นจุดสาหรับปรับึนาดภาพซึ่งคุณจะต้องเลื่อนภาพให้เห็นมุมหรือด้านก่อน จึง
จะปรับได้)
คลิกลากภาพเข้า
มาในบริเวณ
พื้นที่ของ plane
ที่สร้างไว้
จัดวางภาพให้เหมาะสมกับพื้นที่บนรูปทรง
279
10 คลิกลากจัดวางรูปภาพให้เหมาะสม ตามความต้องการ
11 คลิกปุ่ม ok ออกจากคาสั่ง
เมื่อคลิกปุ่ม ok แล้วคุณจะได้ภาพที่ก๊อปปี้ไว้นั้น วางอยู่บนรูปทรงึองอีกภาพหนึ่งทีใช้
คาสั่ง Vanishing Point โดยภาพจะหักงอไปตามพื้นที่ึอง plane ที่สร้างไว้ดังภาพ

More Related Content

Similar to Lesson 8

คู่มือการใช้งาน Photoshop cs
คู่มือการใช้งาน Photoshop csคู่มือการใช้งาน Photoshop cs
คู่มือการใช้งาน Photoshop cssurachet179
 
เทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopเทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopthaksapron
 
Photoshop (ครูปอ)
Photoshop (ครูปอ)Photoshop (ครูปอ)
Photoshop (ครูปอ)Toei Love
 
Photoshop cs
Photoshop csPhotoshop cs
Photoshop csnoismart
 
โครงงานคอมพิวเตอร์Photoshop cc2014 1/2
โครงงานคอมพิวเตอร์Photoshop cc2014 1/2โครงงานคอมพิวเตอร์Photoshop cc2014 1/2
โครงงานคอมพิวเตอร์Photoshop cc2014 1/2ยิ้ม' เเฉ่ง
 
3แก้ไขภาพ
3แก้ไขภาพ3แก้ไขภาพ
3แก้ไขภาพyada2524
 
การซูมภาพ เพื่อเน้นจุดสนใจ
การซูมภาพ เพื่อเน้นจุดสนใจการซูมภาพ เพื่อเน้นจุดสนใจ
การซูมภาพ เพื่อเน้นจุดสนใจIvIy Alice
 
เทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopเทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopthaksapron
 
เทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopเทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopthaksapron
 
เปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพวาดสีน้ำ
เปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพวาดสีน้ำเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพวาดสีน้ำ
เปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพวาดสีน้ำSurachatNhaMha
 
เทคนิคการทำภาพขาวดำให้กลายเป็นภาพสี
เทคนิคการทำภาพขาวดำให้กลายเป็นภาพสีเทคนิคการทำภาพขาวดำให้กลายเป็นภาพสี
เทคนิคการทำภาพขาวดำให้กลายเป็นภาพสีNimanong Nim
 

Similar to Lesson 8 (20)

Layer photoshop cs5
Layer photoshop cs5Layer photoshop cs5
Layer photoshop cs5
 
Photoshop lab1
Photoshop lab1Photoshop lab1
Photoshop lab1
 
Lesson 4 2
Lesson 4 2Lesson 4 2
Lesson 4 2
 
คู่มือการใช้งาน Photoshop cs
คู่มือการใช้งาน Photoshop csคู่มือการใช้งาน Photoshop cs
คู่มือการใช้งาน Photoshop cs
 
Adobe photoshop cs
Adobe photoshop csAdobe photoshop cs
Adobe photoshop cs
 
เทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopเทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshop
 
Photoshop (ครูปอ)
Photoshop (ครูปอ)Photoshop (ครูปอ)
Photoshop (ครูปอ)
 
Chapter1
Chapter1Chapter1
Chapter1
 
Photoshop cs
Photoshop csPhotoshop cs
Photoshop cs
 
บทที่3
บทที่3บทที่3
บทที่3
 
โครงงานคอมพิวเตอร์Photoshop cc2014 1/2
โครงงานคอมพิวเตอร์Photoshop cc2014 1/2โครงงานคอมพิวเตอร์Photoshop cc2014 1/2
โครงงานคอมพิวเตอร์Photoshop cc2014 1/2
 
3แก้ไขภาพ
3แก้ไขภาพ3แก้ไขภาพ
3แก้ไขภาพ
 
Filter photoshop cs5
Filter photoshop cs5Filter photoshop cs5
Filter photoshop cs5
 
Photoshop7
Photoshop7Photoshop7
Photoshop7
 
การซูมภาพ เพื่อเน้นจุดสนใจ
การซูมภาพ เพื่อเน้นจุดสนใจการซูมภาพ เพื่อเน้นจุดสนใจ
การซูมภาพ เพื่อเน้นจุดสนใจ
 
เทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopเทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshop
 
เทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshopเทคนิคการใช้ Photoshop
เทคนิคการใช้ Photoshop
 
Lesson4
Lesson4Lesson4
Lesson4
 
เปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพวาดสีน้ำ
เปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพวาดสีน้ำเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพวาดสีน้ำ
เปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นภาพวาดสีน้ำ
 
เทคนิคการทำภาพขาวดำให้กลายเป็นภาพสี
เทคนิคการทำภาพขาวดำให้กลายเป็นภาพสีเทคนิคการทำภาพขาวดำให้กลายเป็นภาพสี
เทคนิคการทำภาพขาวดำให้กลายเป็นภาพสี
 

More from krunueng1

ใบความรู้ที่10 การสร้างและประยุกต์ใช้แมโคร
ใบความรู้ที่10 การสร้างและประยุกต์ใช้แมโครใบความรู้ที่10 การสร้างและประยุกต์ใช้แมโคร
ใบความรู้ที่10 การสร้างและประยุกต์ใช้แมโครkrunueng1
 
ใบความรู้ที่8 การตกแต่งฟอร์ม (Form) และรายงาน (Report)
ใบความรู้ที่8 การตกแต่งฟอร์ม (Form) และรายงาน (Report)ใบความรู้ที่8 การตกแต่งฟอร์ม (Form) และรายงาน (Report)
ใบความรู้ที่8 การตกแต่งฟอร์ม (Form) และรายงาน (Report)krunueng1
 
ใบความรู้ที่ 7 การสร้างรายงาน (Report)
ใบความรู้ที่ 7 การสร้างรายงาน (Report)ใบความรู้ที่ 7 การสร้างรายงาน (Report)
ใบความรู้ที่ 7 การสร้างรายงาน (Report)krunueng1
 
ใบความรู้ที่ 6 การสร้างแบบฟอร์ม (Form)อย่างง่าย
ใบความรู้ที่ 6 การสร้างแบบฟอร์ม (Form)อย่างง่ายใบความรู้ที่ 6 การสร้างแบบฟอร์ม (Form)อย่างง่าย
ใบความรู้ที่ 6 การสร้างแบบฟอร์ม (Form)อย่างง่ายkrunueng1
 
ใบความรู้ที่ 6 การสร้าง Query เพื่อคัดเลือกข้อมูล
ใบความรู้ที่ 6 การสร้าง Query เพื่อคัดเลือกข้อมูลใบความรู้ที่ 6 การสร้าง Query เพื่อคัดเลือกข้อมูล
ใบความรู้ที่ 6 การสร้าง Query เพื่อคัดเลือกข้อมูลkrunueng1
 
ใบความรู้ที่5 ตาราง Table
ใบความรู้ที่5 ตาราง  Tableใบความรู้ที่5 ตาราง  Table
ใบความรู้ที่5 ตาราง Tablekrunueng1
 
ใบความรู้ที่5 ตาราง Table
ใบความรู้ที่5 ตาราง  Tableใบความรู้ที่5 ตาราง  Table
ใบความรู้ที่5 ตาราง Tablekrunueng1
 
แนะนำการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Access 2010
แนะนำการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Access 2010แนะนำการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Access 2010
แนะนำการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Access 2010krunueng1
 

More from krunueng1 (20)

ใบความรู้ที่10 การสร้างและประยุกต์ใช้แมโคร
ใบความรู้ที่10 การสร้างและประยุกต์ใช้แมโครใบความรู้ที่10 การสร้างและประยุกต์ใช้แมโคร
ใบความรู้ที่10 การสร้างและประยุกต์ใช้แมโคร
 
ใบความรู้ที่8 การตกแต่งฟอร์ม (Form) และรายงาน (Report)
ใบความรู้ที่8 การตกแต่งฟอร์ม (Form) และรายงาน (Report)ใบความรู้ที่8 การตกแต่งฟอร์ม (Form) และรายงาน (Report)
ใบความรู้ที่8 การตกแต่งฟอร์ม (Form) และรายงาน (Report)
 
ใบความรู้ที่ 7 การสร้างรายงาน (Report)
ใบความรู้ที่ 7 การสร้างรายงาน (Report)ใบความรู้ที่ 7 การสร้างรายงาน (Report)
ใบความรู้ที่ 7 การสร้างรายงาน (Report)
 
ใบความรู้ที่ 6 การสร้างแบบฟอร์ม (Form)อย่างง่าย
ใบความรู้ที่ 6 การสร้างแบบฟอร์ม (Form)อย่างง่ายใบความรู้ที่ 6 การสร้างแบบฟอร์ม (Form)อย่างง่าย
ใบความรู้ที่ 6 การสร้างแบบฟอร์ม (Form)อย่างง่าย
 
ใบความรู้ที่ 6 การสร้าง Query เพื่อคัดเลือกข้อมูล
ใบความรู้ที่ 6 การสร้าง Query เพื่อคัดเลือกข้อมูลใบความรู้ที่ 6 การสร้าง Query เพื่อคัดเลือกข้อมูล
ใบความรู้ที่ 6 การสร้าง Query เพื่อคัดเลือกข้อมูล
 
ใบความรู้ที่5 ตาราง Table
ใบความรู้ที่5 ตาราง  Tableใบความรู้ที่5 ตาราง  Table
ใบความรู้ที่5 ตาราง Table
 
ใบความรู้ที่5 ตาราง Table
ใบความรู้ที่5 ตาราง  Tableใบความรู้ที่5 ตาราง  Table
ใบความรู้ที่5 ตาราง Table
 
แนะนำการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Access 2010
แนะนำการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Access 2010แนะนำการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Access 2010
แนะนำการใช้โปรแกรมสำเร็จรูป Microsoft Access 2010
 
Lesson8
Lesson8Lesson8
Lesson8
 
Lesson7
Lesson7Lesson7
Lesson7
 
Lesson6
Lesson6Lesson6
Lesson6
 
Lesson5
Lesson5Lesson5
Lesson5
 
Lesson4
Lesson4Lesson4
Lesson4
 
Lesson2
Lesson2Lesson2
Lesson2
 
Lesson1
Lesson1Lesson1
Lesson1
 
Lesson3
Lesson3Lesson3
Lesson3
 
Lesson9
Lesson9Lesson9
Lesson9
 
Lesson8
Lesson8Lesson8
Lesson8
 
Lesson7
Lesson7Lesson7
Lesson7
 
Lesson6
Lesson6Lesson6
Lesson6
 

Lesson 8

  • 1. การทางานในโปรแกรม Photoshop นอกจากผู้เรียนจะสามารถตกแต่งรูปภาพด้วยวิธีการ ต่าง ๆ ตามที่ได้เรียนมาในบทเรียนก่อนหน้านี้แล้ว โปรแกรมยังมีความสามารถใช้คุณสมบัติที่มีมา กับโปรแกรมทาการตกแต่งและเพิ่มเอฟเฟ็กต์ให้กับรูปภาพได้หลากหลาย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถ นารูปภาพไปใช้งานได้ตามความเหมาะสมและสวยงามมากยิ่งึึ้น ซึ่งในโปรแกรม Photoshop มี คุณสมบัติที่ใช้งานอีกมาก แต่ในบทเรียนนี้จะให้ได้รู้จักกับคุณสมบัติที่น่าสนใจดังรายละเอียด ต่อไปนี้ การใช้งานฟิลเตอร์ (Filter) Filter คือ คาสั่งพิเศษ หรือ คาสั่งสาเร็จรูปที่ตกแต่งภาพให้สวยงามภายในคาสั่งเดียว โดย จะช่วยลดความยุ่งยากในการตกแต่งภาพที่มีึั้นตอนมากมายให้น้อยลง เช่น การสร้างแสงให้กับ ภาพ ถ้าทาตามึั้นตอนจะต้องสร้างทีละึั้นตอน คือ สร้างเลเยอร์ใหม่ , คัดลอกภาพลงเลเยอร์ ลงสี แล้วจึงปรับค่า Opacity แต่ถ้าเราใช้คาสั่งสาเร็จรูปที่มีอยู่พร้อมแล้วใน Photoshop ก็จะลดึั้นตอน ตามที่กล่าวมาให้สามารถทางานได้ในึั้นตอนหรือคาสั่งเดียว โดยการทางานึอง Filter จะมีหลักการทางานคล้ายกับฟิลเตอร์ึองกล้องถ่ายภาพ คือ การใช้เอฟเฟ็กต์ซ้อนลงบนภาพทาให้เกิดภาพที่มีลักษณะหลากหลายและแปลกตาออกไป  วิธีการใช้งาน Filter ผู้เรียนสามารถเรียกใช้ Filter ได้ 2 วิธี คือ  กาหนด Filter จากคาสั่งที่เมนูบาร์ วิธีการเรียกใช้คาสั่ง คือ คลิกเมนูคาสั่ง Filter จะปรากฏชื่อฟิลเตอร์ให้เลือกในตอนท้าย ึองคาสั่ง ซึ่งบางคาสั่งจะมีการปรับแต่งเองแต่บางคาสั่งจะเึ้าไปสู่หน้าต่าง Filter Gallery จาก ตัวอย่างเป็นการเรียกใช้คาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Stylize เลือกคาสั่ง Diffuse เรื่อง การใช้คุณสมบัติต่าง ๆ ในโปรแกรม Adobe Photoshop CS5
  • 2. 238 คาสั่ง Filter ที่สามารถเรียกใช้งานได้ ไดอะล็อกซ์บล็อกซ์ของคาสั่ง Filter >> Stylize >>Diffuse จากนั้นให้กาหนดค่า ต่าง ๆ ของคาสั่ง รูปภาพต้นฉบับ รูปภาพเมื่อใช้ Filter
  • 3. 239  กาหนด Filter จาก Filter Gallery เป็นหน้าต่างที่ใช้ Filter สาเร็จรูป โดยสามารถเลือกใช้ฟิลเตอร์ได้หลากหลาย โดยดู เพียงหน้าต่างเดียว ซึ่งไม่ต้องเรียกใช้คาสั่งเหมือนกับการใช้จากเมนูบาร์ วิธีการเรียกใช้คาสั่ง คือ คลิกเมนูคาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Filter Gallery … จะปรากฏหน้าต่าง Filter Gallery สาหรับ การปรับแต่งรูปภาพ ดังรูป ภาพตัวอย่าง คลิกเลือกชื่อโฟลเดอร์ของกลุ่มฟิลเตอร์และฟิลเตอร์ย่อยที่อยู่ในโฟลเดอร์ ค่าออปชั่นต่าง ๆ ในการ กาหนดการใช้งานฟิลเตอร์ รายการฟิลเตอร์ที่เรียกใช้ เรียงตามลาดับการใช้งาน โดยฟิลเตอร์ที่ใช้งานล่าสุด จะอยู่ด้านบน เพิ่มการใช้งานฟิลเตอร์อื่น ๆ ใน การตกแต่งภาพและลบฟิลเตอร์ Filter Gallery แสดงชื่อฟิลเตอร์ และลักษณะของฟิลเตอร์ แต่จะมี บางฟิลเตอรร์ที่ไม่ถูกแสดงผลใน หน้าต่างนี้ รูปภาพต้นฉบับ รูปภาพที่ได้หลังจากใช้ Filter Gallery
  • 4. 240 หัวึ้อต่อไปนี้จะเป็นการใช้ฟิลเตอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโปรแกรม Photoshop CS5 ซึ่งการใช้ฟิลเตอร์จะมีหลายกลุ่มคาสั่ง โดยจะยกตัวอย่างเฉพาะบางคาสั่งที่อยู่ในกลุ่มเท่านั้นเพื่อให้ ผู้เรียนได้รู้จักและนาไปใช้งานได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้  ฟิลเตอร์ Blur เป็นกลุ่มฟิลเตอร์ที่ช่วยทาให้ภาพอ่อนนุ่มลงดูกลมกลืนกับส่วนประกอบอื่น ๆ ภายในภาพ ซึ่งการคาสั่งจะมีคุณสมบัติคล้ายกับการใช้เครื่องมือ Blur Tool ซึ่งภายในฟิลเตอร์ Blur จะมี คาสั่งย่อยให้กาหนดรูปแบบและรายละเอียดต่าง ๆึองการทาภาพเบลออีกหลายคาสั่ง ซึ่งผู้เรียน สามารถเลือกใช้คาสั่งที่ตรงกับความต้องการได้ โดยคลิกเลือกเมนูคาสั่ง Filter บนเมนูบาร์ จากนั้นเลือกคาสั่ง Blur จะปรากฏคาสั่งย่อยึอง Blur อยู่อีก ให้ผู้เรียนคลิกเมาส์ที่รูปแบบที ต้องการจากนั้นทาการปรับตั้งค่าจากไดอะล็อกซ์บล็อกซ์ได้ทันที ซึ่งผู้เรียนสามารถดูภาพตัวอย่างที่ ได้ปรับแต่งจากช่อง Preview ตัวอย่างึองการปรับแต่งฟิลเตอร์ Blur ฟิลเตอร์ Blur ซึ่งจะมีคาสั่งย่อยอยู่อีก
  • 5. 241  คาสั่ง Radial Blur  ค่าออปชั่นสาหรับ Redial Blur - Amount กาหนดเพื่อปรับความเบลอึองภาพ โดยสามารถระบุค่าตัวเลึ หรือ เลื่อน แถบสไลเดอร์ - Blur Method กาหนดวิธีการสร้างภาพเบลอให้เป็นแบบต่าง ๆ คือ Spin สร้างภาพเบลอแบบหมุนวน Zoom สร้างภาพเบลอแบบเลนส์ึยาย - Quality กาหนดคุณภาพึองภาพ ที่ได้จากการแต่งภาพเบลอ Draft กาหนดคุณภาพแบบหยาบ Good สร้างภาพเบลอแบบเลนส์ึยาย Best กาหนดคุณภาพแบบดีที่สุด  คาสั่ง Gaussian Blur ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Redial Blur ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Gaussian Blur
  • 6. 242  ค่าออปชั่นสาหรับ Gaussian Blur - Radius กาหนดน้าหนักหรือปริมาณความเบลอึองภาพ  คาสั่ง Smart Blur  ค่าออปชั่นสาหรับ Smart Blur - Radius กาหนดน้าหนักหรือปริมาณความเบลอึองภาพ - Threshold กาหนดความแตกต่างึองความเบลอและเทคนิคพิเศษที่ใช้ตกแต่งภาพ - Quality กาหนดคุณภาพความเบลอึองภาพ ซึ่งค่าปกติเป็น Low - Mode กาหนดโหมดการแสดงผล  ฟิลเตอร์ Sharpen เป็นกลุ่มฟิลเตอร์ที่ช่วยทาให้ภาพคมชัดมากยิ่งึึ้น ซึ่งหลักการทางานจะคล้ายคลึงกับการใช้เครื่องมือ Sharpen Tool แต่มีความพิเศษกว่าในเรื่องึองการกาหนด ความคมชัดที่ทาได้อย่างอิสระจากค่าออปชั่นที่กาหนด ได้ตามความต้องการและเลือกใช้งานฟิลเตอร์ผสมผสานกันได้ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Gaussian Blur
  • 7. 243  ค่าออปชั่นสาหรับ Smart Sharpen - Amount กาหนดปริมาณการปรับภาพให้เกิดความคมชัด ซึ่งมีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ - Radius กาหนดปริมาณการสร้างความคมชัดในแต่ละพิกเซล - Remove ปรับความเบลอึองภาพด้วยการใส่ฟิลเตอร์แบบเบลอทดแทน  คาสั่ง Unsharp Mask ฟิลเตอร์ Sharpen ซึ่งจะมีคาสั่งย่อยอยู่อีก ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Smart Sharpenภาพต้นฉบับ คาสั่ง Smart Sharpen
  • 8. 244 คาสั่ง Noise คาสั่ง Noise เป็นฟิลเตอร์ที่ใช้สร้างจุดสีที่เรียกว่า “พิกเซล (Pixel)” ให้ปรากฏบนภาพ ซึ่งในทางเทคนิค อาจกล่าวได้ว่าการสร้างภาพให้มีสัญญาณแทรก (คือจุดสี ที่ปรากฏนั่นเอง) โดยที่ผู้เรียนสามารถกาหนดปริมาณและ ความแตกต่างึองจุดสีที่ปรากฏได้จากกลุ่มฟิลเตอร์ึอง Noise นั่นเอง ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Unsharp Mask
  • 9. 245  ฟิลเตอร์ Artistic Artistic จัดเป็นฟิลเตอร์ที่ใช้ในการปรับแต่งแก้ไึ รูปภาพ โดยอาศัยหลักการระบายภาพคล้ายคลึงกับการ แรเงาลงบนภาพ ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มฟิลเตอร์ย่อยที่ ทางานแตกต่างกันออกไป สาหรับการแต่งภาพจะกระทา กับค่าพิกเซลบนภาพทั้งหมด เพื่อให้แต่ละส่วนมีความ กลมกลืนกัน  คาสั่ง Colored Pencil  ค่าออปชั่นสาหรับ Colored Pencil - Pencil Width กาหนดึนาดความกว้างึองเส้นวาด - Stroke Pressure กาหนดความคมชัดึองเส้น - Paper Brightness กาหนดความมืด หรือ สว่างึอง ฉากหลัง ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Bust&Scratchesภาพต้นฉบับ ฟิลเตอร์ Artistic ซึ่งจะมีคาสั่งย่อยอยู่อีก
  • 10. 246  คาสั่ง Neon Glow  ค่าออปชั่นสาหรับ Neon Glow - Glow Size กาหนดึนาดึองแสงที่แสดงรอบวัตถุ - Glow Brightness กาหนดความสว่างึองแสงรอบวัตถุ - Glow Color เลือกสีที่นามาใช้แสดงรอบวัตถุ ใช้คาสั่ง Colored Pencil จาก Filter Gallery ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Colored Pencilภาพต้นฉบับ
  • 11. 247 ใช้คาสั่ง Neon Glow จาก Filter Gallery ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Neon Glow
  • 12. 248  คาสั่ง Poster Edges  ค่าออปชั่นสาหรับ Poster Edges - Edge Thickness กาหนดความหนาแน่นึองลักษณะ เส้นบนภาพโปสเตอร์ - Glow Intensity กาหนดความแึ็งึองเส้น เพื่อสร้าง เป็นภาพโปสเตอร์ - Posterization กาหนดความเหมือนึองภาพ โปสเตอร์ ใช้คาสั่ง Poster Edges จาก Filter Gallery ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Poster Gdges
  • 13. 249  คาสั่ง Underpainting  ค่าออปชั่นสาหรับ Underpainting - Brush Size กาหนดึนาดึองหัวพู่กัน - Texture Coverage กาหนดอัตราึอบเึตการสร้าง ลวดลาย - Texture เลือกลวดลายที่ใช้ในการสร้าง - Scaling กาหนดอัตราส่วนึอง Scale - Relief กาหนดความเด่นชัด หรือ ความนูน - Light กาหนดทิศทางึองแสง - Invert กาหนดให้แสงทางานแบบตรงึ้ามกับที่กาหนดไว้ ใช้คาสั่ง Underpainting จาก Filter Gallery ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Underpainting
  • 14. 250  ฟิลเตอร์ Brush Strokes Brush Strokes คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่ใช้ในการ ระบายภาพ มีลักษณะคล้ายคลึงกับการใช้พู่กันระบาย หรือ วาดรูปภาพให้ภาพมีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละ ฟิลเตอร์ในกลุ่มนี้  คาสั่ง Crosshatch  ค่าออปชั่นสาหรับ Crosshatch - Stroke Length กาหนดความยาวึองเส้น - Sharpness กาหนดความคมชัดึองเส้น - Strength กาหนดความแึ็งึองเส้นที่ระบายหรือ วาดลงบนภาพ ใช้คาสั่ง Crosshatch จาก Filter Gallery ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Crosshatchภาพต้นฉบับ
  • 15. 251  คาสั่ง Dark Strokes  ค่าออปชั่นสาหรับ Dark Strokes - Balance กาหนดความสมดุลแสงให้อยู่ใน อัตราส่วนเท่ากัน - Black Intensity กาหนดความหนาแน่นึองสีใน ส่วนที่เป็นสีดา (ความมืด) - Strength กาหนดความหนาแน่นึองสีในส่วนที่เป็น สีึาว (ความสว่าง) ใช้คาสั่ง Dark Strokes จาก Filter Gallery ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Dark Strokesภาพต้นฉบับ
  • 16. 252  ฟิลเตอร์ Sketch Sketch คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่เน้นการแต่งภาพใน ลักษณะให้เกิดเป็นลวดลายบนพื้นผิวึองรูปภาพ เช่น เปลี่ยนรูปภาพเป็นลายเส้นวาดด้วยดินสอ , สร้างภาพให้เกิด รอยนูน หรือ ปรับแต่งภาพด้วยค่าพิกเซลต่าง ๆ เป็นต้น  คาสั่ง Bas Relief  ค่าออปชั่นสาหรับ Bas Relief - Detail กาหนดรายละเอียดเพิ่มเติม - Smoothness กาหนดให้มีความเรียบ - Light กาหนดสภาวะแสง ใช้คาสั่ง Bas Relief จาก Filter Gallery ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Bas Reliefภาพต้นฉบับ
  • 17. 253  คาสั่ง Halftone Pattern  ค่าออปชั่นสาหรับ Halftone Pattern - Size กาหนดึนาดการแสดงผลึองฟิลเตอร์ - Contrast กาหนดสภาวะความแตกต่างึองลวดลาย - Pattern Type เลือกประเภทลวดลายที่ต้องการ สร้างึึ้น ใช้คาสั่ง Halftone Pattern จาก Filter Gallery ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Halftone Patternภาพต้นฉบับ
  • 18. 254  คาสั่ง Plaster  ค่าออปชั่นสาหรับ Plaster - Image Balance กาหนดความสมดุลึองภาพที่ นามาสร้าง - Smoothness กาหนดให้มีความเรียบ - Light กาหนดสภาวะแสง ใช้คาสั่ง Plaster จาก Filter Gallery ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Plaster
  • 19. 255  ฟิลเตอร์ Distort Distortคือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่เน้นการปรับรูปทรง ลักษณะึองภาพให้บิดเบี้ยว เกิดเป็นระลอกหรือปรับแต่ง แนวเส้นพิกเซลบนภาพตามลักษณะรูปแบบที่โปรแกรม กาหนดไว้ให้  คาสั่ง Diffuse Glow  ค่าออปชั่นสาหรับ Diffuse Glow - Graininess กาหนดลายเส้นที่แสดงบนภาพ - Glow Amount กาหนดปริมาณึองแสงที่เปล่งออกมา - Clear Amount ลดปริมาณึองแสงให้สอดคล้องกับ ค่า Glow Amount ใช้คาสั่ง Diffuse Glow จาก Filter Gallery ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Diffuse Glowภาพต้นฉบับ
  • 20. 256  คาสั่ง Ripple  ค่าออปชั่นสาหรับ Ripple - Amount กาหนดปริมาณึองการกระเพื่อมระลอก คลื่นบนรูปภาพ - Size กาหนดึนาดึองระลอกคลื่นว่าให้มีึนาด ใหญ่ , เล็ก หรือ ปานกลาง  คาสั่ง ZigZag  ค่าออปชั่นสาหรับ ZigZag - Amount กาหนดปริมาณึองการปรับภาพให้เกิด การซิกแซก - Ridges กาหนดพื้นที่ส่วนที่นูน ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Rippleภาพต้นฉบับ
  • 21. 257  ฟิลเตอร์ Pixelate Pixelate คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่เน้นการปรับแต่งรูปภาพใน แต่ละค่าตาแหน่งพิกเซลภาพด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เช่น การึยายค่าพิกเซลให้ใหญ่ึึ้น หรือการแสดงค่าพิกเซลเป็น แบบหลายจุดสี เป็นต้น  คาสั่ง Crystallize  ค่าออปชั่นสาหรับ Crystallize - Cell Size กาหนดึนาดึองก้อนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ส่งผลให้ภาพมองเห็นอย่างชัดเจนหรือไม่ โดยหากกาหนดให้มีค่ามากก็จะยิ่งทาให้ึนาดใหญ่มากึึ้นแล้วมองภาพได้ไม่ชัดเจน (การมองเห็น ไม่ชัดเจนเนื่องจากถูกปิดบังด้วยก้อนสี่เหลี่ยมึองผลึกแก้ว) ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง ZigZagภาพต้นฉบับ
  • 22. 258  คาสั่ง Mosaic  ค่าออปชั่นสาหรับ Mosaic - Cell Size กาหนดพิกเซลที่แสดงซ้อนทับบนภาพ ให้มีึนาดใหญ่ึึ้นหรือเล็กลง โดยหากกาหนดค่ามากก็จะ ทาให้ภาพไม่สามารถดูเป็นภาพใหญ่ได้อย่างชัดเจน ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Crystallizeภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Mosaicภาพต้นฉบับ
  • 23. 259  ฟิลเตอร์ Stylize Stylize คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่ใช้เพื่อเปลี่ยนภาพ ด้วยเทคนิคพิเศษ โดยเก็บรักษาเค้าโครงึองวัตถุ ให้เป็นเส้นอย่างเด่นชัด อีกทั้งลวดลายหรือพื้นผิวึองวัตถุ ก็ถูกปรับแต่งให้เปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบที่น่าสนใจ  คาสั่ง Emboss  ค่าออปชั่นสาหรับ Emboss - Angle กาหนดตาแหน่งมุมสะท้อน แสงเงา และ โครงร่างวัตถุให้อยู่ในระดับองศาที่เท่าใด - Height กาหนดความสูงึองวัตถุที่นูนึึ้นมา โดยยิ่ง กาหนดค่ามากจะทาให้เกิดการนูนมากยิ่งึึ้น - Amount กาหนดปริมาณมวลรวมทั้งหมดึองภาพ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Embossภาพต้นฉบับ
  • 24. 260  ฟิลเตอร์ Texture Texture คือ กลุ่มึองฟิลเตอร์ที่เน้นการสร้าง ลวดลายพื้นผิวให้กับรูปภาพเป็นหลัก โดยรูปแบบึอง ลวดลายในแต่ละฟิลเตอร์ย่อยึองกลุ่ม Texture มี ความแตกต่างกันแต่อย่างไรก็ตามความคล้ายคลึงกัน ึองฟิลเตอร์ในกลุ่มนี้ คือลวดลายที่สร้างึึ้นมานั้นจะมี ความนูนึึ้นจากระดับปกติ (ปรากฏเป็นลายนูน) ซึ่ง การใช้ฟิลเตอร์นี้จะเรียกใช้จาก Filter Gallery  คาสั่ง Craquelure  คาสั่ง Patchwork ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Craquelureภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Patchworkภาพต้นฉบับ
  • 25. 261  คาสั่ง Stained Glass  ฟิลเตอร์ Render Render คือ ฟิลเตอร์ที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับโปรแกรม Photoshop CS5 โดยที่กลุ่มฟิลเตอร์ย่อยภายใน Render จะเน้นสาหรับใส่ลูกเล่นพิเศษให้กับรูปภาพ  คาสั่ง Clouds เป็นฟิลเตอร์ที่นามาใช้สร้างภาพเมฆหมอกลงบนภาพ หรือ บนกระดานออกแบบโดยเกิดจากการผสมผสานระหว่างสี Foreground และ Background ซึ่งจะปิดบังรูปภาพที่นามาตกแต่ง โดยที่ฟิลเตอร์นี้ไม่มีค่าออปชั่นใด ๆ ที่ต้องกาหนด โดยสามารถเลือกบริเวณพื้นที่ที่ต้องการได้ซึ่งจะต้องสร้าง Selection บริเวณนั้นก่อนใช้คาสั่ง ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Stained Glassภาพต้นฉบับ
  • 26. 262  คาสั่ง Lens Flare Lens Flare เป็นฟิลเตอร์ที่ใช้สาหรับใส่ลาแสงลงบน ภาพในตาแหน่งที่ต้องการ โดยการคลิกเลือกวางตาแหน่ง ึองลาแสงที่ต้องการให้แสดงบนตาแหน่งึองรูปภาพตาม ต้องการ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Cloudsสร้าง Selection เพื่อเลือกบริเวณที่ จะใส่ภาพท้องฟ้า ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Lens Flareภาพต้นฉบับ
  • 27. 263  คาสั่ง Reduse Noise Noise คือการใส่จุดสีอยู่บนรูปภาพ อาจเกิดึึ้นได้จาก ความละเอียดึองรูปภาพที่มีไม่มากพอจึงทาให้ภาพเกิดจุดสี มองเห็นไม่ได้ชัดเจน โดยคาสั่งนี้จะทาการลบจุดสีที่เกิดึึ้นบน ภาพนั้นให้ออกไปจากภาพและปรับ แต่งภาพให้เกิดความ คมชัดมากยิ่งึึ้น  ค่าออปชั่นสาหรับ Reduse Noise - Strength กาหนดน้าหนักความแึ็งึองภาพที่ได้จากการปรับ - Preserve Details กาหนดปริมาณการรักษาความสมบูรณ์ึองภาพเมื่อมีการปรับ - Reduse Color Noise ลบจุดสีที่ปรากฏบนภาพเพื่อให้เกิดความคมชัดึองภาพ - Remove JPEG Artifact รักษามาตรฐานไฟล์ภาพแบบ JPEG ซึ่งจะมีความหยาบและ ดูไม่ชัดเจน คาสั่ง Reduse Noise
  • 28. 264  คาสั่ง Lens Correction Lens Correction คือการใช้เทคนิคพิเศษบนภาพถ่ายโดย อ้างอิงคุณสมบัติึองเลนส์ถ่ายภาพ อาทิ การเน้นภาพนูนหรือ เว้า , ใส่มิติระยะใกล้หรือไกลึองรูปภาพในตาแหน่งที่ต้องการ หรือแม้แต่การจัดวางรูปภาพในตาแหน่งหรือมุมมองที่แตกต่าง จากรูปภาพปกติ ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Reduse Noise คาสั่ง Lens Correction
  • 29. 265 การใช้ Style สร้างปุ่ม (Button) การสร้างปุ่มึึ้นมาใช้งานในรูปแบบที่สวยงามก็เป็นอีกวิธีที่โปรแกรม Photoshop สามารถ สร้างสรรค์เพื่อให้สามารถนาไปใช้ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ เช่น สร้างปุ่มที่ใช้สาหรับส่วนประกอบบน เว็บเพจ หรือใช้ร่วมกับรูปภาพและเว็บเพจเพื่อให้มีความแปลกใหม่และน่าสนใจมากกว่าการใช้ ึ้อความแบบธรรมดา ซึ่งในหัวึ้อนี้จะสร้างปุ่ม โดยใช้ Style สาเร็จรูปที่มีอยู่ใน Photoshop CS5 โดยมีวิธีการสร้างปุ่มตามึั้นตอนต่อไปนี้ 1. สร้างหน้ากระดาษึึ้นมาใหม่ 2. เรียกพาแนลึึ้นมาใช้งานโดยคลิกเมนูคาสั่ง Window เลือกคาสั่ง Styles 3. เมื่อปรากฏพาแนล Styles แล้วให้คลิกรูปแบบึองสไตล์ที่ต้องการเปิดึึ้นมาใช้งาน ภาพต้นฉบับ ภาพที่ได้เมื่อใช้คาสั่ง Lens Correction
  • 30. 266 4. สร้างปุ่มในรูปแบบที่ต้องการโดยคลิกเลือกเครื่องมือ Shape Tool เพื่อสร้างปุ่มตามที่ต้องการ บนหน้ากระดาษ โดยเลือกออปชั่น (Shape Layers) บน Toolbox 5. คลิกปุ่มเลือกสไตล์บน Option bar หรือเลือกสไตล์ได้จากพาแนล Styles โดยเลือกรูปแบบ ตามที่ต้องการ 6. เมื่อสร้างปุ่มบนหน้ากระดาษทาการ จะเห็นว่ารูปแบบึองสไตล์ที่เลือกจะปรากฏบนปุ่ม หรือถ้า สร้างปุ่มในรูปแบบที่ต้องการได้แล้วจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบอื่น ๆ ให้คลิกเมาส์เพื่อเลือกปุ่มนั้น จากนั้นคลิกสไตล์ในรูปแบบอื่น ๆ ตามต้องการ 6 5 4
  • 31. 267 การใช้ Actions เพื่อปรับแต่งรูปภาพโดยอัตโนมัติ คาสั่ง Actions เป็นชุดคาสั่งปรับแต่ง แก้ไึ หรือ สร้างงานสาเร็จรูปแบบอัตโนมัติโดยใช้ ชุดคาสั่งบนพาแนล Actions เพื่อทางาน ซึ่งจะทาให้ประหยัดเวลาในการสร้างสรรค์งานได้ด้วย การคลิกปุ่มเพียงปุ่มเดียว ซึ่งสามารถทางานได้ทั้งกับรูปภาพและึ้อความ รวมทั้งสร้างพื้นผิวก็ สามารถสร้างได้จากพาแนล Actions เช่นกัน โดยึั้นตอนการใช้ Action ใน Photoshop CS5 มี วิธีการใช้งานดังต่อไปนี้ 1. เปิดพาแนล Actions ึึ้นมาใช้งานโดยเลือกเมนูคาสั่ง Window คลิกชื่อพาแนล Actions จากนั้นคลิกเมาส์ที่ปุ่ม เพื่อเรียกรูปแบบึอง Actions ึึ้นมาใช้งาน 2. เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการปรับแต่งึึ้นมา 3. คลิกที่พาแนล Actions จากนั้นคลิกที่รูปแบบึอง Actions ที่ ต้องการ เช่น Actions Frames จากนั้นลูกศรชี้ไปทางึวา ึองชื่อ Frames จะปรากฏชื่อรูปแบบย่อยึอง Frames ให้คลิกเลือกรูปแบบที่ต้องการ 4. คลิกที่ปุ่ม Play บนพาแนล Actions เพื่อเริ่มต้นการทางานในรูปแบบึอง Actions ที่ เลือก รูปแบบของ Actions คลิกปุ่ม Play เพื่อเริ่มต้นการทางาน รูปแบบของ Actions โดยคลิก เลือกรูปแบบที่ต้องการ
  • 32. 268 รูปภาพต้นฉบับ รูปภาพที่ใช้ Actions >> Fames >> Wood Frames รูปภาพที่ใช้ Actions >> Fames >> Sepia Toning รูปภาพที่ใช้ Actions >> Fames >> Quadrant รูปภาพที่ใช้ Actions >> Fames >> Custom RGB to Grayscale
  • 33. 269 ข้อความที่ใช้ Actions >> Text effects >> Brushes Metal (type) ข้อความที่ใช้ Actions >> Text effects >> Cast Shadow (type) ข้อความต้นฉบับ โดยการใช้จะต้องคลิกเมาส์ที่ข้อความก่อนใช้คาสั่ง
  • 34. 270 การสัดส่วนของภาพด้วย Liquify Liquify เป็นคาสั่งที่ใช้ในการทาเอฟเฟ็กต์ให้กับรูปภาพได้หลากหลาย เช่น การทาภาพบิด เบื้ยว , ภาพปูดบวมและทาภาพเงาสะท้อนบนกระจก โดยึั้นตอนการใช้ Liquify ใน Photoshop CS5 มีวิธีการใช้งานดังต่อไปนี้ 1. เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการปรับแต่งึึ้นมา 2. คลิกเมาส์ที่เมนูคาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Liquify จะปรากฏไดอะล็อกซ์บล็อกซ์สาหรับการ ปรับแต่งรูปภาพ พื้นหลังที่ใช้ Actions >> Textures >> Asphalt พื้นหลังที่ใช้ Actions >> Textures >> Parchment Paper
  • 35. 271 ภายในคาสั่ง Liquify มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยในการปรับแต่งภาพ ดังนี้ บิดภาพด้วย Forward Warp Tool ปรับแต่งภาพด้วยการหมุนภาพ Twirl Clockwise Tool บีบภาพด้วย Pucker Tool ึยายพื้นที่ภาพด้วย Bloat Tool เลื่อนพื้นที่ภาพด้วย Push Left Tool สร้างภาพสะท้อนด้วย Mirror Tool บิดภาพให้เป็นคลื่นด้วย Turbulance Tool กู้ส่วนที่ผิดพลาดให้กลับสู่สภาพเดิมด้วย Reconstruct Tool ตัวอย่างึองการใช้เครื่องมือใน Liquify มีดังนี้ บิดภาพด้วย Forward Warp Tool 1. เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการปรับแต่ง จากตัวอย่างจะทาการบิดภาพในส่วนคิ้วึองนางแบบ ให้โก่งึึ้นเล็กน้อย 2. เลือกเมนูคาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Liquify จากนั้นคลิกเลือกเครื่องมือ รายละเอียดของการปรับแต่งของ แต่ละเครื่องมือ เครื่องมือแต่ละชนิดที่ใช้ในการตกแต่งภาพ
  • 36. 272 3. จากนั้นนาเมาส์ไปคลิกแล้วลากึึ้นไปด้านบนเล็กน้อย สังเกตว่าคิ้วที่ต้องการทาให้โก่งก็ จะบิดเป็นรูปตามที่ต้องการ บิดภาพให้เป็นคลื่นด้วย Turbulance Tool 1. เปิดไฟล์ภาพที่ต้องการปรับแต่ง จากตัวอย่างจะเปลี่ยนเส้นผมึองนางแบบจากผมตรง เป็นผมดัดหยิกเล็กน้อย 2. เลือกเมนูคาสั่ง Filter เลือกคาสั่ง Liquify จากนั้นคลิกเลือกเครื่องมือ 3. จากนั้นนาเมาส์ไปคลิกค้างไว้ที่เส้นผมบริเวณที่ต้องการ หากต้องการให้มีความหยิกมาก คลิกเมาส์แล้วลากขึ้นเล็กน้อย รูปภาพที่ได้หลังการ ปรับแต่ง รูปภาพต้นฉบับ
  • 37. 273 ก็ให้ลากเมาส์ไปมาหลาย ๆ ครั้ง จนเส้นผมเกิดเป็นรอนคลื่น โดยสามารถปรับแต่งรูปแบบึอง คาสั่งจากออปชั่นด้านึวามือ เช่น ึนาดึองหัวแปรง , น้าหนักึองแปรงที่ใช้ เป็นต้น คลิกเมาส์ไปมาบริเวณไรผมให้เป็นคลื่น รูปภาพต้นฉบับ รูปภาพที่ได้หลังการปรับแต่ง
  • 38. 274 ในส่วนึองการปรับแต่งด้วยเครื่องมือ Liquify นี้หากผู้เรียนทาการปรับแต่งรูปแบบึอง ภาพแล้วมีการผิดพลาด หรือต้องการย้อนกลับการทางาน ให้คลิกเมาส์ที่ไอคอน Reconstruct Tool จากนั้นคลิกระบายบริเวณส่วนที่ต้องการย้อนกลับให้เป็นภาพเดิม ซึ่งรูปภาพ ส่วนที่ระบายจะย้อนกลับตามค่าเดิมเฉพาะในส่วนที่ระบายเท่านั้น วางภาพแบบมุมมอง 3 มิติด้วย Vanishing Point Vanishing Point เป็นคาสั่งที่ใช้ปรับแต่งรูปภาพให้ลักษณะแบบ Perspective โดยสามารถ กาหนดพื้นที่ให้มีมิติเหมือนมองเห็นด้วยตาจริงๆ แล้วนาภาพอื่นมาตกแต่งบนรูปที่สร้าง, แสตมป์ ภาพ หรือ ระบายสีในพื้นที่ที่กาหนดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Vanishing Point กับ งาน 3 มิติเช่น CAD, modeling, animation และ โปรแกรมสร้าง special effects อื่นๆ การใช้งานไดอะล็อกบ็อกซ์ Vanishing Point เมื่อใช้คาสั่ง Filter >> Vanishing Point เพื่อเปิดใช้งาน Vanishing Point จะปรากฏไดอะล็อกบ็อกซ์ที่ใช้สาหรับสร้างและปรับแต่งค่าึอง Vanishing Point ซึ่งจะมีพื้นที่การ ทางาน, ภาพตัวอย่าง และเครื่องมือต่างๆ ดังนี้ เมนู แถบอธิบายเครื่องมือ เครื่องมือ Plane หรือพื้นที่ Node จุดของ Plane ย่อ-ขยาย ภาพตัวอย่าง ออปชั่นเครื่องมือที่เลือก ภาพตัวอย่าง
  • 39. 275 เครื่องมือใน Vanishing Point Edit Plane tool ใช้สาหรับเลือก, แก้ไึ, ย้าย และปรับึนาด plane (พื้นที่ที่วาดไว้) Create Plane tool ใช้สาหรับสร้างพื้นที่ plane โดยการคลิกสร้างจุด (node) เป็นพื้นที่ สี่เหลี่ยมึองพื้นที่ที่เป็นค่าเริ่มต้น และใช้ปรับแต่งรูปทรงึอง Plane ได้ Marquee tool สร้าง Selection ภายในพื้นที่ plane เพื่อใช้จัดวางภาพ หรือใช้โคลนภาพ Stamp tool ใช้สาหรับแสตมป์หรือโคลนภาพจากต้นฉบับที่เลือก ลงภายในพื้นที่ึอง plane (ไม่สามารถโคลนจากภาพอื่นได้) Brush tool ใช้ระบายสีลงบนพื้นที่ plane ที่สร้างไว้ Transform tool ใช้สาหรับปรับย่อ-ึยาย, หมุน และย้ายภาพหรือวัตถุที่อยู่ใน Selection (ทาหน้าที่เหมือนเครื่องมือ Free Transform Eyedropper tool ใช้สาหรับเลือกสีบนภาพตัวอย่าง เพื่อใช้ระบายในจุดอื่น Measure tool ใช้วัดระยะและมุมึองพื้นที่ plane (มีใน Photoshop CS5 รุ่น Extended) Zoom tool ใช้ปรับย่อ-ึยายมุมมองภาพตัวอย่าง Hand tool ใช้เลื่อนไปยังตาแหน่งต่างๆ บนภาพตัวอย่าง ตัวอย่างการใช้งาน Vanishing Point
  • 40. 276 1 เตรียมภาพที่จะนามาใช้งานกับ Vanishing Point  เปิดไฟล์ภาพที่ 1 ซึ่งเป็นภาพที่จะนามาใช้สาหรับวางลงบน Plane ที่จะสร้างึึ้น โดยกดคีย์ Ctrl+A เลือกภาพทั้งภาพ แล้วกดคีย์ Ctrl+C เพื่อก๊อบปี้ภาพไปไว้ที่คลิป บอร์ด  เปิดไฟล์ภาพที่ 2 เป็นไฟล์ภาพที่จะนามาใช้คาสั่ง Vanishing Point 2 อยู่ที่ไฟล์ภาพที่สอง แล้วเลือกคาสั่ง Filter>> Vanishing Point 3 คลิกเลือก Create Plane tool เพื่อสร้างพื้นที่ plane 4 คลิกจุด (node) ึองพื้นที่ ึึ้นมา 4 จุด เพื่อสร้างเป็นพื้นผิวึอง plane เริ่มต้น ผลคือจะ ได้เส้นโครงร่างสีน้าเงินเป็นรูปสี่เหลี่ยม  กดคีย์ BkSp ลบทิ้งได้ กรณีที่กาหนดจุดผิด แล้วเริ่มสร้างจุดพื้นที่ใหม่ พื้นที่ของ plane จะเป็น โครงเส้นสีน้าเงิน
  • 41. 277 5 กดคีย์ Ctrl ค้างไว้ จากนั้นเลื่อนเมาส์ไปที่จุด node ที่กึ่งกลางทางซ้าย (หรือึวา ึึ้นอยู่ กับพื้นที่ที่สร้างด้วย)สังเกตจากเมาส์พอยเตอร์จะเปลี่ยนรูป ลูกศรสีึาว 6 คลิกลากลูกศรเพื่อึยายพื้นที่ึอง plane ออกไปด้านึ้าง 7 เลื่อนเมาส์ไปที่จุดึอง node ที่อยู่รอบๆ เพื่อปรับ ย่อ-ึยาย พื้นที่ปรับย่อ-ึยายพื้นที่ใน ลักษณะึอง perspective ให้พอดีกับรูปทรงได้ตามต้องการ 8 ในกรณีที่ต้องการวางภาพลงในพื้นที่ึอง plane ให้กด Ctrl+V วางภาพ (ภาพนี้จะต้อง ก๊อปปี้ไว้ก่อนที่จะเึ้ามาใช้คาสั่ง Vanishing Point ตามึั้นตอนที่ 1) 9 คลิกลากรูปภาพที่วางไว้เึ้าไปในพื้นที่ึองplane (เส้นโครงร่างสีน้าเงิน)ซึ่งรูปภาพนั้น จะถูกปรับให้เึ้ากับพื้นที่โดยอัตโนมัติ (เครื่องมือจะเปลี่ยนเป็น Marquee tool โดยอัตโนมัติ) คลิกลากเพื่อ ขยายพื้นที่ไป ด้านข้าง กด Ctrl+V เพื่อวางภาพที่ก๊อป ปี้ไว้จากขั้นตอนที่ 1
  • 42. 278  อาจกดคีย์ Ctrl+T เพื่อปรับย่อ-ึยายรูปภาพนั้นได้ เหมือนใช้เครื่องมือ Free Transform ที่ใช้ย่อึยายรูปทั่วๆ ไป (ถ้ารูปมีึนาดใหญ่กว่ากรอบคุณจะมองไม่ เห็นจุดสาหรับปรับึนาดภาพซึ่งคุณจะต้องเลื่อนภาพให้เห็นมุมหรือด้านก่อน จึง จะปรับได้) คลิกลากภาพเข้า มาในบริเวณ พื้นที่ของ plane ที่สร้างไว้ จัดวางภาพให้เหมาะสมกับพื้นที่บนรูปทรง
  • 43. 279 10 คลิกลากจัดวางรูปภาพให้เหมาะสม ตามความต้องการ 11 คลิกปุ่ม ok ออกจากคาสั่ง เมื่อคลิกปุ่ม ok แล้วคุณจะได้ภาพที่ก๊อปปี้ไว้นั้น วางอยู่บนรูปทรงึองอีกภาพหนึ่งทีใช้ คาสั่ง Vanishing Point โดยภาพจะหักงอไปตามพื้นที่ึอง plane ที่สร้างไว้ดังภาพ