SlideShare a Scribd company logo
1 of 39
Download to read offline
บทที่ 4 ดุลยภาพของตลาด
751100
บทที่ 4 ดุลยภาพของตลาด
 การกาหนดราคาและดุลยภาพตลาด
 การเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพ
 การแทรกแซงราคาของรัฐบาล
 ตลาดและการแข่งขัน
การกาหนดราคาและดุลยภาพตลาด
(Price Determination and Market Equilibrium)
ดุลยภาพของตลาด (Market equilibrium)
คือ ภาวะที่ปริมาณความต้องการเสนอซื้อเท่ากับปริมาณความต้องการเสนอ
ขาย ณ ระดับราคาใดราคาหนึ่ง
 จุดดุลยภาพดังกล่าวนี้จะถูกกาหนดโดยอุปสงค์และอุปทานของตลาด
ณ จุดที่เส้นอุปสงสค์ตัดกับเส้นอุปทาน เรียกว่า “จุดดุลยภาพ” (Equilibrium point)
 ระดับราคา “ราคาดุลยภาพ” (Equilibrium price)
 ระดับปริมาณ “ปริมาณดุลยภาพ” (Equilbrium quantity)
0
(P)
(Q)
เส้น Demand = D1
เส้น Supply = S1
การกาหนดราคาและดุลยภาพตลาด (ต่อ)
ดุลยภาพอยู่ที่จุด E
 ราคาดุลยภาพ =
 ปริมาณดุลยภาพ =
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
 หมายถึง ปริมาณเสนอขาย มากกว่า ปริมาณเสนอซื้อ
อุปทานส่วนเกิน (Excess Supply)
ที่ระดับราคา = P2
อุปสงค์ =
อุปทาน =
อุปทานส่วนเกิน =
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
อุปสงค์ส่วนเกิน (Excess Demand)
 หมายถึง ปริมาณเสนอซื้อ มากกว่า ปริมาณเสนอขาย
ที่ระดับราคา = P3
อุปสงค์ =
อุปทาน =
อุปสงค์ส่วนเกิน =
ภาวะดุลยภาพของตลาดจะเปลี่ยนแปลงก็ต่อเมื่อปัจจัยโดยอ้อมของอุปสงค์
หรืออุปทานเปลี่ยนแปลงไป ทาให้เส้นอุปสงค์หรือเส้นอุปทานย้ายไปทั้งเส้น
การเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพ (Change in Equilibrium)
โดยการเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพของตลาดอาจเกิดขึ้นได้ใน3 กรณี คือ
1. อุปสงค์เปลี่ยนแปลง โดยที่อุปทานคงที่
2. อุปทานเปลี่ยนแปลง โดยที่อุปสงค์คงที่
3. อุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลง
3.1. D S
3.2. D S
3.3. D S
3.4. D S
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
1. อุปสงค์เปลี่ยนแปลง โดยที่อุปทานคงที่
กรณีอุปสงค์เพิ่ม
D = D1เดิม S = S1
ดุลยภาพ = E1
D =ต่อมา S =
ดุลยภาพ =
ทาให้
อุปสงค์เปลี่ยนแปลง โดยที่อุปทานคงที่ (ต่อ)
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
กรณีอุปสงค์ลดลง
D3
2. อุปทานเปลี่ยนแปลง โดยที่อุปสงค์คงที่
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
กรณีอุปทานเพิ่มขึ้น
S2
อุปทานเปลี่ยนแปลง โดยที่อุปสงค์คงที่ (ต่อ)
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
กรณีอุปทานลดลง
S3
 เกิดจากปัจจัยทางอ้อมที่กาหนดอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยน
 การเปลี่ยนแปลงทั้งอุปสงค์และอุปทานพร้อมกันมีผลทาให้ดุลยภาพเปลี่ยนแปลง
แต่ราคาและปริมาณดุลยภาพจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี
 ราคาและปริมาณใหม่อาจสูงหรือต่ากว่าราคาและปริมาณเดิมขึ้นอยู่กับขนาดการ
เปลี่ยนแปลงของเส้นอุปสงค์และอุปทาน
3. อุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลง
 เกิดขึ้นได้4 กรณี คือ
3.1. อุปสงค์เพิ่ม อุปทานเพิ่ม
3.2. อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด
3.3. อุปสงค์ลด อุปทานเพิ่ม
3.4. อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.1 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานเพิ่ม
3.1.1 อุปสงค์เพิ่ม มากกว่า อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.1 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานเพิ่ม (ต่อ)
3.1.2 อุปสงค์เพิ่ม เท่ากับ อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.1 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานเพิ่ม (ต่อ)
3.1.3 อุปสงค์เพิ่ม น้อยกว่า อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.2 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด (ต่อ)
3.2.1 อุปสงค์เพิ่ม มากกว่า อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.2 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด (ต่อ)
3.2.2 อุปสงค์เพิ่ม เท่ากับ อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.2 อุปสงค์เพิ่ม อุปทานลด (ต่อ)
3.2.3 อุปสงค์เพิ่ม น้อยกว่า อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.3 อุปสงค์ลด อุปทานเพิ่ม
3.3.1 อุปสงค์ลด มากกว่า อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.3 อุปสงค์ลด อุปทานเพิ่ม (ต่อ)
3.3.2 อุปสงค์ลด เท่ากับ อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.3 อุปสงค์ลด อุปทานเพิ่ม (ต่อ)
3.3.3 อุปสงค์ลด น้อยกว่า อุปทานเพิ่ม
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.4 อุปสงค์ลด อุปทานลด
3.4.1 อุปสงค์ลด มากกว่า อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.4 อุปสงค์ลด อุปทานลด (ต่อ)
3.4.2 อุปสงค์ลด เท่ากับ อุปทานลด
D2
S2
0
(P)
(Q)
1S
1D
1E
1P
1Q
3.4 อุปสงค์ลด อุปทานลด (ต่อ)
3.4.3 อุปสงค์ลด น้อยกว่า อุปทานลด
D2
S2
การปล่อยให้กลไกราคาทางานเอง โดยรัฐไม่เข้าไปแทรกแซงการดาเนิน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาจเกิด
 ราคาสินค้าอาจจะต่ามากจนไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ทาให้ผู้ผลิตเดือดร้อน
ได้รับความเสียหาย
 ราคาสินค้าอาจจะสูงเกินไป จนทาให้ผู้บริโภคเดือดร้อน
 ดังนั้นรัฐบาลจึงจาเป็นต้องเข้ามาแทรกแซงราคา เรียกว่า “การแทรกแซงราคา”
การแทรกแซงราคาของรัฐ
การแทรกแซงราคา แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. การประกันราคาขั้นต่า
2. การกาหนดราคาขั้นสูง
 คือวิธีการที่รัฐบาลเข้าช่วยเหลือผู้ผลิตให้สามารถขายสินค้าในราคาที่สูงขึ้น โดย
การแทรกแซงราคาสินค้าให้ สูงกว่า ราคาดุลยภาพในตลาด
 เป็นการที่รัฐบาลใช้ช่วยเหลือผู้ผลิตสินค้า เมื่อราคาสินค้าตกต่ามากเกินไปจนไม่
อาจคุ้มกับต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรกรรม
1. การประกันราคาขั้นต่า (Price Support) หรือการพยุงราคา
มีวิธีการดังนี้
1.1. รับซื้ออุปทานส่วนเกิน
1.2. ให้เงินอุดหนุนเกษตรกร
0
P
Q
1S
1D
1E
1P
1Q
เมื่อรัฐบาลทาการประกันราคาขั้นต่าแล้ว รัฐบาลจะรับซื้อสินค้าที่ผู้ผลิตขายไม่
หมด (อุปทานส่วนเกิน) เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตสามารถขายสินค้าได้ในราคาต่อหน่วยที่สูงขึ้น
ตามที่รัฐบาลประกันราคาขั้นต่าไว้
1.1 รับซื้ออุปทานส่วนเกิน
รัฐบาลทาประกันราคาขั้นต่าที่ระดับราคา P2
อุปสงค์ = 0Q3
อุปทาน = 0Q2
อุปทานส่วนเกิน = Q2Q3
รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณ
เท่ากับพื้นที่ ABQ2Q3
P2
Q3Q2
A B
0
P
Q
1S
1D
1E
1P
1Q
1.2 ให้เงินอุดหนุนเกษตรกร
รัฐบาลจะให้การซื้อขายสินค้าเป็นไปตามกลไกของตลาด แต่รัฐบาลจะจ่ายเงิน
อุดหนุนแก่เกษตรกรเพิ่มเติม เพื่อให้เกษตรกรได้เงินเท่ากับราคาประกันขั้นต่า
รัฐบาลทาการอุดหนุนเงินให้กับเกษตรกร
เพื่อให้ได้เงินเท่ากับที่ราคาประกัน คือ ที่ราคา P2
โดยที่เกษตรกรจะได้รับเงิน
- จากการขายสินค้าที่ราคา P1
= พื้นที่ 0P1E1Q1
- จากการอุดหนุนของรัฐบาลที่ราคา P2
= พื้นที่ P1P2AE1
- ดังนั้นเกษตรกรจะได้รับเงินทั้งหมด
= พื้นที่ 0P2AQ1
P2
A
 เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนสินค้า เพราะเมื่อเกิดการขาดแคลนสินค้า ราคาสินค้า
จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทาให้ผู้บริโภคเดือดร้อน
 รัฐบาลจะเข้ามาควบคุมราคา ด้วยการกาหนดราคาขั้นสูง
 ซึ่งจะเป็นราคาที่ น้อยกว่า ราคาดุลยภาพ
 เช่น ข้าวสาร เนื้อหมู ไข่ไก่ น้ามันพืช น้าตาลทราย แก๊สหุงต้ม เป็นต้น
2. การกาหนดราคาขั้นสูง (Price Ceiling) หรือการควบคุมราคา
การกาหนดราคาขั้นสูง (ต่อ)
0
P
Q
1S
1D
1E
1P
1Q
อุปสงค์ = 0Q3
อุปทาน = 0Q2
อุปสงค์ส่วนเกิน = Q2Q3
รัฐบาลทาการกาหนดราคาขั้นสูงที่ระดับราคา P3
Q3
P3
Q2
 “กิจกรรม” การตกลงซื้อขายสินค้าและบริการ รวมทั้งปัจจัยการผลิต
 ดังนั้น ตลาดในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่เท่านั้น แต่จะหมายถึง การทากิจกรรม
การซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากัน โดยผู้ซื้อและผู้ขายอาจไม่ได้พบกันเลย แต่
สามารถจะติดต่อซื้อขายกันได้
 เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์การซื้อขายทองคา การซื้อขาย
เงินตราต่างประเทศ เป็นต้น
 ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ ประกอบด้วย ผู้ซื้อ ผู้ขาย และสินค้าที่ซ้อขาย
ตลาดและการแข่งขัน
ประเภทของตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ แบ่งได้เป็น2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfectly Competitive Market)
2. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfectly Competitive Market)
2.1 ตลาดผูกขาด (Monopoly)
2.2 ตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly)
2.3 ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition)
ตลาดและการแข่งขัน (ต่อ)
 มีผู้ซื้อผู้ขายจานวนมากราย
 สินค้าที่ซื้อขายกันนั้นมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ (Homogeneous Product)
 ผู้ขายสามารถเข้าและออกจากกิจการได้อย่างเสรี (Freedom of entry or exit)
 สินค้าและปัจจัยสามารถโยกย้ายได้อย่างเสรี (Free Mobility)
 ผู้ซื้อและผู้ขายมีความรอบรู้เกี่ยวกับสภาพของตลาดได้เป็นอย่างดี (Perfect
Knowledge)
1. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ (Perfectly Competitive Market)
 มีผู้ขายจานวนไม่มาก
 ผลิตสินค้าเป็นสัดส่วนที่มากในตลาด
 มีการกีดกันผู้ขายรายใหม่ด้วยวิธีการต่าง ๆ
 สินค้าที่ซื้อขายมีลักษณะแตกต่างกัน
 ผู้ขายแต่ละรายมีอานาจในการกาหนดราคาสินค้าได้บ้างและผู้ซื้อไม่สามารถ
ทราบการเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างสมบูรณ์
2. ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ (Imperfectly Competitive Market)
 มีผู้ขายเพียงรายเดียว เรียกว่า “ผู้ผูกขาด” (Monopolist)
 สินค้าที่ขายมีคุณสมบัติพิเศษไม่เหมือนใคร และไม่สามารถหาสินค้าอื่นมา
ทดแทนได้(No close substitution)
 ผู้ขายเป็นผู้กาหนดราคาหรือปริมาณสินค้า อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
 ผู้ผูกขาดสามารถกีดกันไม่ให้ผู้ขายรายอื่นเข้ามาทาการผลิตแข่งขันได้(Barrier to
entry)
2.1 ตลาดผูกขาด (Monopoly)
สาเหตุที่เกิดการผูกขาด
 ผู้ผลิตหลายรายรวมตัวกันผูกขาด
 รัฐออกกฎหมายให้ผูกขาดการผลิตแต่เพียงผู้เดียว
 เป็นการผลิตที่ต้องใช้ทุนจานวนมากและต้องมีขนาดการผลิตใหญ่ เพื่อจะได้รับ
ประโยชน์จากการประหยัดของขนาดการผลิต (Economies of Scale) ทาให้ผู้ผลิต
รายใหม่เข้ามาทาการแข่งขันได้ยาก เพราะต้องการเงินทุนที่สูงพอ
 การเป็นเจ้าของวัตถุดิบการผลิตแต่เพียงผู้เดียว
 การจดทะเบียนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย
ตลาดผูกขาด (ต่อ)
 มีผู้ขายจานวนน้อยราย
 ผู้ขายแต่ละรายมีส่วนแบ่งตลาดมาก แต่อานาจในการกาหนดราคาหรือปริมาณ
ขายของผู้ขายแต่ละรายมีน้อยกว่าตลาดผูกขาด
 สินค้าที่ซื้อขายกันในตลาดอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือแตกต่างกันก็ได้
- มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ (Pure oligopoly) เช่น น้ามัน
- มีลักษณะแตกต่างกัน แต่ใช้ทดแทนกันได้ (Differentiated oligopoly)
เช่น รถยนต์
 ในตลาดน้อยรายผู้ขายมักจะไม่ลดราคาแข่งขันกัน เพราะการแข่งขันลดราคา
สินค้าจะทาลายผลประโยชน์ของผู้ผลิตทุกคน
2.2 ตลาดผู้ขายน้อยราย (Oligopoly)
 ผู้ผลิตในตลาดจะแข่งขันกันด้วยวิธีการ เช่น การพัฒนาคุณภาพของสินค้าและการ
ส่งเสริมการขาย เช่น การแจกของแถม การโฆษณา เป็นต้น
 เป็นการแข่งขันทางด้านการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการส่งเสริมการขายนี้ถือ
เป็นการแข่งขันโดยไม่ใช่ราคา (Non-price Competition)
 เพราะการลดราคาสินค้าไม่ช่วยให้ผู้ขายสามารถขายสินค้าได้มากนัก เพราะผู้
แข่งขันรายอื่นจะโต้ตอบด้วยการลดราคาสินค้าเช่นกัน แต่ถ้าผู้ขายรายใดรายหนึ่ง
ขึ้นราคาสินค้า ผู้ขายรายอื่น ๆ จะไม่ขึ้นราคาสินค้าตามไปด้วย ทาให้ขายได้
น้อยลง
 เช่น เบียร์ น้าอัดลม โทรศัพท์มือถือ ปูนซีเมนต์
ตลาดผู้ขายน้อยราย (ต่อ)
• หมายถึงตลาดที่มีผู้ขายจานวนมาก แต่มีจานวนน้อยกว่าตลาดแข่งขันสมบูรณ์
• ผู้ขายแต่ละรายขายสินค้าที่คล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน สินค้าจะแตกต่างกันดังนี้
- คุณภาพของสินค้า เช่น แชมพู สบู่ รองเท้า
- ทางด้านการบริการ เช่น โรงแรม โรงพยาบาล
- การโฆษณา เป็นการทาให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าสินค้ามีความแตกต่างกัน
- การบรรจุหีบห่อ
• ผู้ผลิตแต่ละรายจะมีอานาจผูกขาดมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับว่าผู้ผลิตสามารถทาให้
สินค้าของตนแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่นได้มากน้อยเพียงใด
• เช่น สบู่ เครื่องเขียน เสื้อผ้านิตยสาร บริการเสริมสวย ถ่ายเอกสาร ซ่อมรถ
2.3 ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (Monopolistic Competition)

More Related Content

What's hot

ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)Areewan Plienduang
 
ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภค
ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภค
ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคVolunteerCharmSchool
 
โครงสร้างตลาด
โครงสร้างตลาดโครงสร้างตลาด
โครงสร้างตลาดtumetr1
 
Econ presentation 2
Econ presentation 2Econ presentation 2
Econ presentation 2wowwilawanph
 
Chapter3 ความยืดหยุ่น
Chapter3 ความยืดหยุ่นChapter3 ความยืดหยุ่น
Chapter3 ความยืดหยุ่นPattapong Promchai
 
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาดบทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาดOrnkapat Bualom
 
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคบทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคOrnkapat Bualom
 
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...VolunteerCharmSchool
 
Unit3 elasticity
Unit3 elasticityUnit3 elasticity
Unit3 elasticitysavinee
 
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพบทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพOrnkapat Bualom
 
การกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทาน
การกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทานการกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทาน
การกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทานVolunteerCharmSchool
 
Demand and supply
Demand and supplyDemand and supply
Demand and supplybnongluk
 
เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
เยื่อหุ้มปอดอักเสบเยื่อหุ้มปอดอักเสบ
เยื่อหุ้มปอดอักเสบWan Ngamwongwan
 
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติบทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติOrnkapat Bualom
 
ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
ทฤษฎีจลน์ของแก๊สทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
ทฤษฎีจลน์ของแก๊สChanthawan Suwanhitathorn
 
Econ Presentation 6
Econ Presentation 6Econ Presentation 6
Econ Presentation 6wowwilawanph
 

What's hot (20)

ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of demand)
 
ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภค
ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภค
ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภค
 
โครงสร้างตลาด
โครงสร้างตลาดโครงสร้างตลาด
โครงสร้างตลาด
 
Econ presentation 2
Econ presentation 2Econ presentation 2
Econ presentation 2
 
Chapter3 ความยืดหยุ่น
Chapter3 ความยืดหยุ่นChapter3 ความยืดหยุ่น
Chapter3 ความยืดหยุ่น
 
Chapter5
Chapter5Chapter5
Chapter5
 
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาดบทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
บทที่ 8 การกำหนดราคา และผลผลิตในตลาด
 
Ch12
Ch12Ch12
Ch12
 
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคบทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
บทที่ 5 ทฤษฎีว่าด้วยพฤติกรรมผู้บริโภค
 
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ อุปทาน และประโยชน์ของการนำความรู้ทางความยืดหยุ่นไปวิเค...
 
Unit3 elasticity
Unit3 elasticityUnit3 elasticity
Unit3 elasticity
 
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพบทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ
บทที่ 2 อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ
 
การกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทาน
การกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทานการกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทาน
การกำหนดราคาโดยอุปสงค์และอุปทาน
 
Demand and supply
Demand and supplyDemand and supply
Demand and supply
 
ไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิตไฟฟ้าสถิต
ไฟฟ้าสถิต
 
เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
เยื่อหุ้มปอดอักเสบเยื่อหุ้มปอดอักเสบ
เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
 
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติบทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
บทที่ 4 อุปสงค์และอุปทานในทางปฏิบัติ
 
ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
ทฤษฎีจลน์ของแก๊สทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส
 
ไฟฟ้าสถิตPpt
ไฟฟ้าสถิตPptไฟฟ้าสถิตPpt
ไฟฟ้าสถิตPpt
 
Econ Presentation 6
Econ Presentation 6Econ Presentation 6
Econ Presentation 6
 

Econ100 04 sec015