More Related Content More from Saipanya school
More from Saipanya school (20) atom 14. AFM
I SSN 1 4 3 0 - 4 1 7 1
THE C H EMICAL EDUCATOR h t t p : / / j o u r n a l s . s p r i n g e r - n y . c o m / c h e d r
© 1 9 9 6 SPRI NGER- VERLAG NEW YORK, I NC. S 1 4 3 0 - 4 1 7 1 ( 9 6 ) 0 5 0 5 9 - 5
รูป เครื่อง AFM
4
9. • 1. ธาตุประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กจานวนมากเรียกว่า
“อะตอม” ที่ไม่สามารถแบ่งแยกย่อยลงไปได้อีกและ
ทาให้เกิดขึ้นใหม่หรือสูญหายไม่ได้
2. อะตอมของธาตุชนิดเดียวกันจะมีสมบัติเหมือนกัน
เช่น มวล และมีสมบัติต่างจากอะตอมของธาตุอื่น
3. สารประกอบเกิดจาก อะตอมของธาตุมากกว่า 1 ชนิด
ทาปฏิกิริยาเคมีรวมตัวกันในอัตราส่วนที่เป็นเลข
จานวนเต็มลงตัวน้อยๆ เช่น อะตอมของธาตุ C กับ O
รวมกันเป็น CO , CO2 9
10. Dalton atomic theory
• 1) each element made up of atoms
• 2) which cannot be created, destroyed, divided or
converted
• 3) all atoms of each type have the same properties
• 4) atoms of different types have different
properties
• 5) “reactions” involve reorganizing atoms: joining,
separating or rearranging them
• 6) these combine in small, whole-number ratios to
form compounds; multiple combinations are possible
10
19. ในปี ค.ศ. 1833 ไมเคิล ฟาราเดย์ ได้เสนอผลงานเกี่ยวกับ
การนาไฟฟ้ าของสารละลาย คือเรื่องอิเล็กโทรลิซิส ซึ่งเป็ น
แนวทางในการนาไปสู่ส่วนประกอบทางไฟฟ้ าของอะตอม
การประดิษฐ์เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่สาคัญ
ต่อการค้นพบอิเล็กตรอน คือ หลอดรังสีแคโทด
19
20. William Crooks ค.ศ.1897 สร้างหลอดรังสีแคโทด
( cathode rays tube) ซึ่งเป็นหลอดแก้ว ภายในสูบอากาศ
ออกหมดแล้วบรรจุแก๊สไว้เพียงเล็กน้อยเพื่อให้แก๊สมีความ
ดันต่ามาก เมื่อใช้อิเล็กโทรดและให้ความต่างศักย์สูง(high
voltage) 10,000 โวลต์ แก๊สจะนาไฟฟ้ าได้ และเกิดรังสีพุ่ง
ออกจากแคโทดหรือขั้วลบ ซึ่งเรียกว่า รังสีแคโทด ( cathode
rays )
20
22. ออยเกน โกลด์ชไตน์ (Eugen Goldstein) พ.ศ.2429 ,เยอรมัน
หลอดรังสีแคโทดกับอนุภาคบวก
http://www.uwec.edu/boulteje/Boulter103Notes/11September.htm
แคโทด
แอโนด
22
23. พบลาแสงที่มีประจุเป็ นบวก(canal rays) ด้านหลังแคโทด
ประจุบวกนี้เกิดขึ้นจากอะตอมของแก๊สซึ่งเป็ นกลาง ถ้าใช้
แก๊สต่างกัน อัตราส่วนประจุต่อมวล(e/m) จะไม่เท่ากัน
23
และถ้าบรรจุแก๊สไฮโดรเจนไว้ในหลอดรังสีแคโทด จะ
ได้อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้ าบวกเท่ากับประจุไฟฟ้ าลบ
ซึ่งต่อมาเรียกอนุภาค
บวกที่เกิดจากแก๊ส
ไฮโดรเจนนี้ว่า
โปรตอน(proton)
24. เจ เจ ทอมสัน พ.ศ.2440 แสดงให้เห็นว่า รังสีแคโทด
เบี่ยงเบนภายใต้สนามแม่เหล็ก และสนามไฟฟ้ าโดย
ดัดแปลงหลอดรังสีแคโทด สรุปว่ารังสีแคโทดประกอบด้วย
อนุภาคที่มีประจุลบ
24
แอโนด
แคโทด
26. เจ เจ ทอมสัน ทาการทดลองต่อโดย
เปลี่ยนชนิดของแก๊สและโลหะที่ใช้เป็น
แคโทด พบว่ารังสีที่เกิดขึ้นยังคง
ประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุลบ
ทอมสัน สรุปว่า อะตอมทุกชนิดมีอนุภาคที่มีประจุลบเป็ น
องค์ประกอบ เรียกอนุภาคนี้ว่า อิเล็กตรอน
จากการที่อะตอมเป็นกลางทางไฟฟ้ า แสดงว่า อะตอมต้อง
ประกอบด้วยอนุภาคที่มีประจุบวก(โปรตอน)และอนุภาคที่มีประจุลบ
(อิเล็กตรอน) อยู่ในอะตอมเท่าๆกัน
เมื่อคานวณหาอัตราส่วนประจุต่อมวล(e/m)ของอนุภาคลบ พบว่าได้
ค่าคงที่เท่ากับ 1.76x108 คูลอมบ์ต่อกรัม ทุกครั้ง
26
29. รอเบิร์ต แอนดรูส์ มิลลิแกน (Robert
Andrews Millikan) ค.ศ. 1868 -1953
อเมริกัน
การทดลองหยด
น้ามันของมิลลิแกน
เพื่อหาค่าประจุของ
อิเล็กตรอน
http://millikan.nbaoh.com/1.htm
ค.ศ. 1909, “Oil Drop experiment”
29
30. http://millikan.nbaoh.com/1.htm
ค.ศ. 1909, “Oil Drop experiment”
รังสีเอกซ์ ทาให้อากาศ
ในกล่องแตกตัวเป็นให้
อิเล็กตรอน
หยดน้ามันรับ
อิเล็กตรอนมีประจุ ตก
ลงมาตามแรงโน้มถ่วง
ปรับขนาดความต่าง
ศักย์ของสนามไฟฟ้ า
ควบคุมอัตราเร็วการตก
ของหยดน้ามัน 30
33. e/m ของอิเล็กตรอน = 1.76x108 คูลอมบ์ต่อกรัม
ประจุของอิเล็กตรอน = 1.60x10-19 คูลอมบ์
m ของอิเล็กตรอน =
1.76x108 คูลอมบ์ต่อกรัม
1.60x10-19 คูลอมบ์
m ของอิเล็กตรอน = 0.909 x10-27 กรัม
m ของอิเล็กตรอน = 9.09 x10-28 กรัม
มวลของอิเล็กตรอน = 9.1 x10-28 กรัม
33
35. 1. อิเล็กตรอนมวล 1 กรัม จะมีจานวนอนุภาคอิเล็กตรอน
ทั้งหมดกี่อิเล็กตรอน ?
2. อิเล็กตรอนจานวน 12.04 x1023 อิเล็กตรอน จะมีมวลกี่กรัม
ลองคิดดู
35