More Related Content
Similar to สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401
Similar to สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401 (20)
สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401
- 1. นำเสนอ
อ.ปิยวรรณ รัตนภำนุศร
สมำชิก
นำยจิรำยุส เวียงสิมมำ ม.4/1 เลขที่1
นำยสุภัทรชัย วอนเป้ำ ม.4/1 เลขที่11
- 2. สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pair Wire)
• เป็นสายชนิดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการนามาใช้งานตามห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ทั่วไป รวมทั้งตาม
สานักงานต่างๆ สายชนิดนี้ได้ชื่อมาจากลักษณะองค์ประกอบภายในของสาย ที่เป็นสายลวดทองแดงสองเส้นนามา
พันเกลียวเข้าด้วยกันเพือทาให้เกิดเป็นสนามแม่เหล็ก ซึงใช้เป็นเสมือนเกราะสาหรับป้องกันสัญญาณรบกวนทั่วไป
่ ่
ได้ในตัวเอง จานวนรอบหรือความถี่ ในการพันเกลียว สายคู่บิดเกลียว ประกอบด้วยสายทองแดงจานวนหนึ่ง หรือ
หลายคู่สาย ห่อหุ้มสายด้วยฉนวนบางๆ เพือป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจร แล้วนามาพันเกลียวเข้าด้วยกันเป็นคู่ ทุกคู่
่
จะถูกห่อหุ้มฉนวนอีกชั้นหนึ่งรวมกันเป็นสายขนาดใหญ่เพียงสายเดียว สายคู่บิดเกลียวแบ่งออกเป็นสองประเภท
• 1.แบบไม่มฉนวนหุ้ม (UTP : Unshielded Twisted Pair)
ี
• 2.แบบมีฉนวนหุ้ม (STP : Shielded Twisted Pair)
- 3. สายคู่บิดเกลียวแบบไม่มีฉนวนหุม (UTP :
้
Unshielded Twisted Pair)
• สาย UTP เป็นสายที่พบเห็นกันมาก มักจะใช้เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์
สื่อสารตามมาตรฐานที่กาหนด สาหรับสายประเภทนี้จะมีความยาวของสายใน
การเชื่อมต่อได้ไม่เกิน 100 เมตร และสาย UTP มีจานวนสายบิดเกลียวภายใน 4
คู่ คู่สายในสายคู่ตีเกลียวไม่หุ้มฉนวนคล้ายสายโทรศัพท์ มีหลายเส้นซึ่งแต่ละเส้น
ก็จะมีสีแตกต่างกัน และตลอดทั้งสายนั้นจะถูกหุ้มด้วยพลาสติก (Plastic
Cover) ปัจจุบันเป็นสายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากราคาถูกและ
ติดตั้งได้ง่าย แสดงดังรูป
- 4. มาตรฐานสายสัญญาณ
• สมำคมอุตสำหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EIA (Electronics
Industries Association) และสมำคมอุตสำหกรรมโทรคมนำคม หรือ
TIA (Telecommunication Industries Association) ได้
ร่วมกันกำหนดมำตรฐำน EIA/TIA 568 ซึ่งเป็นมำตรฐำนที่ใช้ในกำรผลิต
สำย UTP โดยมำตรฐำนนี้ได้แบ่งประเภทของสำยออกเป็นหลำยประเภท
โดยแต่ละประเภทเรียกว่ำ Category N โดย N คือหมำยเลขที่บอก
ประเภท ส่วนสถำบันมำตรฐำนนำนำชำติ (International
Organization for Standardization) ได้กำหนดมำตรฐำนนี้เช่นกัน
โดยจะเรียกสำยแต่ละประเภทเป็น Class A-F คุณสมบัติทั่วไปของสำยแต่
ละประเภทเป็นดังนี้
•
- 5. มาตรฐานสายสัญญาณ2
• Category 1/Class A : เป็นสายที่ใช้ในระบบโทรศัพท์อย่างเดียว โดยสายนี้ไม่สามารถใช้ในการ
ส่ง ข้อมูลแบบดิจิตอลได้
• Category 2/Class B : เป็นสายที่รองรับแบนด์วิธได้ถึง 4 MHz ซึ่งทาให้สามารถส่งข้อมูลแบบ
ดิจิตอล ได้ถึง 4 MHz ซึ่งจะประกอบด้วยสายคู่บิดเกลียวอยู่ 4 คู่
• Category 3/Class C : เป็นสายที่สามารถส่งข้อมูลได้ถึง 16 Mbps และมีสายคู่บิดเกลียวอยู่ 4
คู่
• Category 4 : ส่งข้อมูลได้ถึง 20 Mbps และมีสายคู่บิดเกลียวอยู่ 4 คู่
• Category 5/Class D : ส่งข้อมูลได้ถึง 100 Mbps และมีสายคู่บิดเกลียวอยู่ 4 คู่
• Category 5 Enhanced (5e) : มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ Cat 5 แต่มีคุณภาพของสายที่
ดีกว่า เพื่อรองรับการส่งข้อมูลแบบฟูลล์ดูเพล็กซ์ที่ 1,000 Mbps ซึ่งใช้4 คู่สาย
• Category 6/Class E : ส่งข้อมูลได้ถึง 10,000 Mbps รองรับแบนด์วิธได้ถึง 250 MHz
• Category 7/Class F : รองรบแบนด์วิธได้ถึง 600 MHz และกาลังอยู่ในระหว่างการวิจัย
- 6. ปัจจัยที่ใช้กาหนดคุณภาพของสายสัญญาณ
• ผู้ผลิตสาย UTP แต่ละ Category ต้องผลิตสายสัญญาณให้ได้คุณภาพขั้นต่าตามที่กาหนดไว้ในมาตรฐาน
ANSI/EIA/TIA-568-B (568-B.2 (Category 5e) และ 568.B.2-1 (category 6)) ซึ่ง
กาหนดค่าต่าง ๆ ในสาย UTP ดังนี้
• Parameter dB
• CAT5
• CAT5e
• CAT6
• Minimum Frequency (สูงสุด)100 MHz100 MHz250 MHzAttenuation (สูงสุด)24
dB24 dB36 dBNEXT (ต่าสุด)27.1 dB30.1 dB33.1 dBPS-NEXT(ต่าสุด)N/A27.1
dB33.2 dBELFEXT(ต่าสุด)17 dB17.4 dB17.3 dBPS-ELFEXT(ต่าสุด)14.4 dB14.4
dB12.3 dBACR(ต่าสุด)3.1 dB6.1 dB-2.9 dBPS-ACR(ต่าสุด)N/B3.1 dB-5.8 dBReturn
Loss(ต่าสุด)8 dB10 dB8 dBPropagation Delay (สูงสุด)548 nsec548 nsec546
nsecDelay Skew (สูงสุด)50 nsec50 nsec50 nsec
- 7. ปัจจัยที่ใช้กาหนดคุณภาพของสายสัญญาณ2
• Maximum Frequency คือค่าความถีของสัญญาณในสายสัญญาณ ค่าสูงดีกว่า แสดงถึงความสามารถในการ รองรับความถี่ที่สูงกว่า
่
• Attenuation เป็นค่าการลดทอนของสัญญาณในสายสัญญาณ ค่าที่ตากว่าจะดีกว่า แต่จากตาราง สาย UTP CAT6 จะสูงกว่า UTP CAT5 และ UTP
่
CAT5e เนื่องจากเป็นการกาหนดที่ความถี่สงสุดของสายสัญญาณ คือ 250 MHz ของ UTP CAT6 ในขณะที่ UTP CAT5 และ CAT5e กาหนดจาก
ู
ความถี่ที่ 100 MHz
• NEXT (Near-end Crosstalk) เป็นค่าสัญญาณรบกวน (Crosstalk)ที่เกิดจากคู่สายที่ใช้สงสัญญาณอีกคู่ ต่อคู่ ที่ใช้สงสัญญาณที่ทาการวัด มีหน่วย
่ ่
เป็นเดซิเบล ค่าที่สงหมายถึงสายสัญญาณคู่ที่วัดค่านี้ สามารถรองรับต่อ Crosstalk ที่เกิดได้ดีกว่า
ู
• PS-NEXT (Power Sun NEXT) เป็นค่าสัญญาณรบกวนจากการใช้สายสัญญาณครบทังสี่คู่ โดยวัดสัญญาณ รบกวนที่เกิดจากสายสัญญาณในอีก 3 คู่ ที่
้
เกิดต่อสายคู่ที่วดสัญญาณ เป็นค่าที่ใช้ทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่า สายสัญญาณทั้งสี่คู่ สามารถใช้งานพร้อมกันได้โดยไม่ก่อสัญญาณรบกวนระหว่างกันมากเกินไป
ั
• ELFEXT (Equal Level FEXT) เป็นค่าการลดทอนของสัญญาณที่เกิดจาก Crosstalk ค่าที่ต่าแสดงอัตราการ สูญเสียข้อมูลที่สูงกว่าค่ามาก
• PSELFEXT (Power Sum ELFEXT) เป็นค่า FEXT ที่วัดจากสายสัญญาณทั้งสี่คู่
• ACR เป็นค่าที่ใช้บอกความคุณภาพของสายสัญญาณในการรองรับการส่งข้อมูล วัดจากอัตราส่วนระหว่าง การลดทอนของสัญญาณ กับค่า crosstalk ค่าที่สูง
บอกถึงความสามารถในการรองรับ Bandwidth ที่มากกว่า
• PSACR เป็นค่า ACR ที่วัดจากสายสัญญาณทั้ง 4 เส้น จากตาราง จะพบว่า ค่า ACR และ PSACR ของสาย UTP CAT 6 จะต่ากว่า UTP CAT5 และ
CAT 5e เนื่องจากเป็นการกาหนดที่ความถี่สงสุดของสายสัญญาณ คือ 250 MHz ของ UTP CAT6 ในขณะที่ UTP CAT5 และ CAT5e กาหนดจาก
ู
ความถี่ที่ 100 MHz
• Return Loss เป็นค่าอัตราส่วนการสะท้อนกลับของสัญญาณในสายจากปลายทาง ซึ่งจะขัดขวางการส่ง สัญญาณในสาย ทาให้สัญญาณในสายหาย สาหรับ
ทั้ง UTP CAT5 , 5e, 6 กาหนดไว้ไกล้เคียงกัน โดยค่าที่ มากกว่า จะมีประสิทธิภาพดีกว่า
• Propagation Delay เป็นระยะเวลาที่สญญาณเดินทางอยูในสายสัญญาณจากจุดหนึง ไปอีกจุด โดยมาตรฐาน EIA/TIA กาหนดให้ไม่เกิน 548 nsec
ั ่ ่
ต่อระยะทาง 100 เมตร ในสาย UTP CAT5 , 5e และ 546 nsec ในสาย UTP CAT6
• Delay Skew เป็นค่าบอกความแตกต่างของเวลาระหว่างสัญญาณในคูสายสัญญาณที่เร็วที่สด กับที่ช้าที่สุดใน สาย UTP เนื่องจากสัญญาณอาจเดินทาง
่ ุ
มาถึงปลายทางไม่พร้อมกัน ค่าสูงสุดกาหนดให้ไม่เกิน 50 nsec
- 8. ข้อดีของสาย UTP-ข้อเสียของสาย UTP
• - ราคาถูก
- ติดตั้งง่ายเนืองจากน้าหนักเบา
่
- มีความยืดหยุ่น และสามารถโค้งงอได้มา
ข้อเสียของสำย UTP
• - ไม่เหมาะในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ห่างไกลมาก เพราะสัญญาณที่
วิ่งบนสายจะถูกลดทอนลงไปตามความยาวของสาย (มีความยาวของ
สายในการเชือมต่อได้ไม่เกิน 100 เมตร)
่
- 9. สายคู่บิดเกลียวแบบมีฉนวนหุ้ม (STP : Shielded
Twisted Pair)
• สายสัญญาณ STP มีการนาสายคู่พันเกลียวมารวมอยู่และมีการเพิ่มฉนวน
ป้องกันสัญญาณรบกวน ซึ่งร่างแหนี้จะมีคุณสมบัติเป็นเกราะในการป้องกัน
สัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่างๆ เรียกเกราะนี้ว่า ชิลด์ (Shield)
และเป็นสายสัญญาณที่ได้รับการพัฒนาต่อจากสาย UTP โดยเพิ่มการชีลด์กัน
สัญญาณรบกวนเพื่อทาให้คุณสมบัติโดยรวมของสัญญาณดีมากขึ้น คุณลักษณะ
ของสาย STP ก็เหมือนกับสาย UTP คือมีเรื่องเกี่ยวกับอัตราการบั่นทอนครอส
ทอร์ก
- 10. ข้อดีของสาย STP -ข้อเสียของสาย STP
• - ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่า UTP
- ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นวิทยุ
• ข้อเสียของสำย STP
- มีขนาดใหญ่และไม่ค่อยยืดหยุนในการงอพับสายมากนัก
่
- ราคาแพงกว่าสาย UTP
- 11. คาถาม ????????????
• 1.สายคู่บิดเกลียวมีกี่ประเภทอะไรบ้าง
• 2.ทาไมถึงได้ชื่อว่าสายคู่บิดเกลียว
• 3.สายคู่บิดเกลียวแบบไม่มฉนวนหุ้ม มักมีความยาวสายไม่เกินกี่เมตร
ี
• 4.สายคู่บิดเกลียวแบบมีฉนวนหุมมีคุณสมบัติเป็นเกราะในการป้องกัน
้
สัญญาณรบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่างๆ เรียกเกราะนี้ว่าอะไร
• 5. สาย UTP จะมีสายสัญญาณอยู่จานวน 4 คู่ 8 เส้น ประกอบด้วย
อะไรบ้าง
- 12. เฉลย !!!!!!
• 1. 2.ประเภท 1.แบบไม่มีฉนวนหุ้ม 2.แบบมีฉนวนหุ้ม
• 2. สายชนิดนี้ได้ชื่อมาจากลักษณะองค์ประกอบภายในของสาย ที่เป็นสาย
ลวดทองแดงสองเส้นนามาพันเกลียวเข้าด้วยกัน
• 3.ไม่เกิน 100 เมตร
• 4. เรียกเกราะนีว่า ชิลด์ (Shield)
้
• 5. เขียว - ขาวเขียว
ส้ม - ขาวส้ม
น้าเงิน - ขาวน้าเงิน
น้าตาล - ขาวน้าตาล