SlideShare a Scribd company logo
1 of 10
Download to read offline
นำเสนอ
  อ.ปิยวรรณ รัตนภำนุศร
         สมำชิก
 1.นำย ไกมิณ เงำกระจ่ำง
  2.นำย กึกก้อง พันธ์นรำ
3.นำย นริศศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์
สื่อนำข้อมูลแบบมีสำย
      สื่อนำข้อมูลแบบมีสำย (wired media) หรือเรียกอีกอย่ำงหนึ่งว่ำ
guided media ซึ่งก็คือ สื่อที่สำมำรถบังคับให้สัญญำณข้อมูลเคลื่อนที่ไปใน
ทิศทำงที่กำหนดได้ แบ่งเป็น 3 ชนิด ดังนี้

         1.สำยคู่บิดเกลียว

         2.สำยโคเเอกเชียล

         3.สำยใยแก้วนำแสง
สำยคู่บิดเกลียว (twisted pair) ประกอบด้วยเส้นทองแดงที่หุ้มด้วยฉนวน
พลำสติก 2 เส้นพันบิดเป็นเกลียวทั้งนี้เพื่อลดกำรกวนจำกคลืนสัญญำณแม่เหล็กจำกคู่
                                                        ่
ข้ำงเคียงภำยในเคเบิ้ลเดียวกันหรือจำกภำยนอก
เนื่องจำกสำยคูบิดเกลียวนี้ยอมให้สัญญำณไฟฟ้ำควำมถี่สูงผ่ำนได้ สำหรับอัตรำกำรส่ง
               ่
ข้อมูลผ่ำนสำยคู่บิดเกลียวจะขึนอยู่กลับควำมหนำของสำย กล่ำวคือ สำยทองแดงทีเส้น
                             ้                                             ่
ผ่ำนศูนย์กลำงกว้ำง จะสำมำรถส่งสัญญำณไฟฟ้ำกำลังแรงได้
เป็นสำยชนิดที่ได้รับควำมนิยมสูงสุดในกำรนำมำใช้งำนตำมห้องปฏิบัติกำรคอมพิวเตอร์ทั่วไป รวมทั้งตำมสำนักงำนต่ำงๆ สำย
ชนิดนี้ได้ชื่อมำจำกลักษณะองค์ประกอบภำยในของสำย ที่เป็นสำยลวดทองแดงสองเส้นนำมำพันเกลียวเข้ำด้วยกันเพือทำให้เกิด
                                                                                                           ่
เป็นสนำมแม่เหล็ก ซึ่งใช้เป็นเสมือนเกรำะสำหรับป้องกันสัญญำณรบกวนทั่วไปได้ในตัวเอง จำนวนรอบหรือควำมถี่ ในกำรพัน
เกลียว เช่น พันเกลียว 10 รอบต่อควำมยำว 1 ฟุต นันมีผลโดยตรงต่อกำลังของสนำมแม่เหล็กที่เกิดขึน ถ้ำจำนวนรอบสูงก็จะทำ
                                                   ้                                          ้
ให้สนำมแม่เหล็กมีกำลังแรงขึน สำมำรถป้องกัน สัญญำณรบกวนได้ดีขน แต่ก็ทำให้สิ้นเปลืองสำยมำกขึน แต่ถ้ำจำนวนรอบต่ำ ก็
                             ้                                      ึ้                          ้
จะเกิดสนำมแม่เหล็กกำลังอ่อน ซึ่งป้องกันสัญญำณรบกวนได้นอยลงก็ใช้สำยเปลืองน้อยลงเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วสำยชนิดนี้จึงมี
                                                            ้
คุณสมบัติในกำรป้องกันสัญญำณรบกวนได้ดกว่ำสำยที่ไม่มีกำร พันเกลียวเลยบริเวณแกน (Core) ของสำยคูบิดเกลียว สำยคู่
                                            ี                                                         ่
บิดเกลียว ประกอบด้วยสำยทองแดงจำนวนหนึ่ง หรือหลำยคู่สำย ห่อหุ้มสำยด้วยฉนวนบำงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกำรลัดวงจร
แล้วนำมำพันเกลียวเข้ำด้วยกันเป็นคู่ ทุกคู่จะถูกห่อหุ้มฉนวนอีกชันหนึ่งรวมกันเป็นสำยขนำดใหญ่เพียงสำยเดียว สำยคูบิด
                                                               ้                                             ่
เกลียวแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
1. แบบไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP : Unshielded Twisted Pair)
2. แบบมีฉนวนหุ้ม (STP : Shielded Twisted Pair)
สำยคู่บิดเกลียวแบบไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP : Unshielded Twisted air)
            สำย UTP เป็นสำยที่พบเห็นกันมำก มักจะใช้เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์สื่อสำรตำม
มำตรฐำนที่กำหนด สำหรับสำยประเภทนี้จะมีควำมยำวของสำยในกำรเชื่อมต่อได้ไม่เกิน 100 เมตร และสำย
UTP มีจำนวนสำยบิดเกลียวภำยใน 4 คู่ คู่สำยในสำยคู่ตีเกลียวไม่หุ้มฉนวนคล้ำยสำยโทรศัพท์ มีหลำย
เส้นซึ่งแต่ละเส้นก็จะมีสีแตกต่ำงกัน และตลอดทั้งสำยนั้นจะถูกหุ้มด้วยพลำสติก (Plastic Cover)
ปัจจุบันเป็นสำยทีได้รับควำมนิยมมำกที่สุด เนื่องจำกรำคำถูกและติดตั้งได้ง่ำย แสดงดังรูป
                  ่
สำย UTP จะมีสำยสัญญำณอยู่จำนวน 4 คู่
8 เส้น ประกอบด้วย
1.เขียว - ขำวเขียว
2.ส้ม - ขำวส้ม
3.น้ำเงิน - ขำวน้ำเงิน
4.น้ำตำล - ขำวน้ำตำล
คุณสมบัติของสำย UTP ที่ใช้ในกำรออกแบบ
               ขนำดของสำย UTP เมื่อวัดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงภำยนอกควรมีขนำดน้อยกว่ำ 0.25 นิว หรือ 6.35 มิลลิเมตร โดย
                                                                                                 ้
สำยแต่ละเส้น ทนแรงดึงได้มำกกว่ำ 400 นิวตัน คุณสมบัติในเรื่องกำรดัดโค้งของ สำยมีรัศมีควำมโค้งได้เท่ำกับ 1 นิ้ว ควำม
ต้ำนทำนของสำยตำมมำตรฐำนกำหนดไว้ โดยวัดที่ควำมยำว 100 เมตร ต้องมีควำมต้ำนทำนไม่เกิน 9.38 โอห์ม (ที่อุณหภูมิ 20
องศำเซลเซียส) ควำมต้ำนทำนของสำยแต่ละคู่จะต้องต่ำงกันไม่เกินกว่ำ 5% คุณสมบัติทำงด้ำนกำรเหนี่ยวนำร่วมของสำยตัวนำให้
เกิดคุณสมบัติเป็นตัวเก็บประจุเมื่อวัดที่ควำมถึ่ 1 กิโลเฮิรตซ์ อุณหภูมิ 20 องศำเซลเซียส ไม่ควรเกินกว่ำ 6.6 นำโนฟำรัด ที่ควำม
ยำว 100 เมตร สำหรับสำย UTP CAT3 หำกเป็นสำย UTP 4 และ 5 ควรมีคำควำมจุไม่เกิน 5.6 นำโนฟำรัด ค่ำควำมจุ
                                                                                  ่
ของตัวเก็บประจุของแต่ละสำย เมื่อเทียบกับกรำวน์ และวัดทีควำมถี่ 1 กิโลเฮิรตซ์ มีค่ำไม่เกินกว่ำ 330 PF ต่อควำมยำว 100
                                                              ่
เมตร ที่อุณหภูมิ 20 องศำเซลเซียส ค่ำลักษณะสมบัติอิมพีแดนซ์ของสำย UTP เป็นสิ่งที่มีควำมสำคัญ ค่ำนี้จะเกี่ยวกับกำร
สะท้อนของสัญญำณ ถ้ำกำรเชื่อมโยงไม่แมตซ์กนคุณสมบัตของสำย UTP ในเรื่องลักษณะสมบัติอิมพีแดซ์นมีค่ำ 100 โอห์ม +-
                                                 ั          ิ                                             ี้
15 % ที่วัดที่ควำมถี่ 1 MHz จนถึงควำมถี่สูงสุดของสำยที่ยอมรับในขอบเขตกำรใช้งำน เมื่อใช้งำนสำย UTP ที่ควำมถี่สูงจะมี
คุณสมบัติกำรสะท้อนกลับของสัญญำณหำกไม่มีกำรแมตซ์ที่ปลำยสำย ทำให้สัญญำณสะท้อนกลับเป็นตัวบันทอนสัญญำณให้เล็ก
                                                                                                       ่
ลง กำรบันทอนในเรื่องนี้ เรำเรียกว่ำ SRL-Structure Return Lose
         ่
ข้อดีของสาย STP
- ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่า UTP
- ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นวิทยุ

ข้อเสียของสาย STP - มีขนาดใหญ่และไม่ค่อยยืดหยุ่นในการงอพับสายมากนัก
- ราคาแพงกว่าสาย UTP
1.สำยคู่บิดเกลียวมีกี่แบบ อะไรบ้ำง?
2.กำรที่สำยคู่บิดเกลียวมีฉนวนมำหุ้มนั้น เพื่ออะไร?
3.ตำมอุปกรณ์กำรสื่อสำรที่เห็นทั่วไป เป็นสำยคู่บิดเกลียวแบบใด?
4.อัตรำกำรส่งข้อมูลของสำยคู่บิดเกลียวนั้น มีปัจจัยใดเป็นหลักที่เป็นตัวควบคุมกำรส่ง?
5.สำยมีสีอะไรบ้ำง?

-2แบบ 1.แบบหุ้มฉนวน 2.แบบไม่หุ้มฉนวน
-เพื่อลดกำรกวนจำกคลื่นสัญญำณแม่เหล็กจำกคู่ข้ำงเคียงภำยในเคเบิ้ลเดียวกัน
 หรือจำกภำยนอก
http://www.kmitl.ac.th/~kpteeraw/data_com/d
atacom_52/html/utp.htm

More Related Content

What's hot

ไมโครเวฟ(ภคพรวรรณ+ณิชา)405
ไมโครเวฟ(ภคพรวรรณ+ณิชา)405ไมโครเวฟ(ภคพรวรรณ+ณิชา)405
ไมโครเวฟ(ภคพรวรรณ+ณิชา)405Nachi Montianarrt
 
เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ
เรื่อง  คลื่นไมโครเวฟเรื่อง  คลื่นไมโครเวฟ
เรื่อง คลื่นไมโครเวฟSomporn Laothongsarn
 
เรื่อง รังสีอัลตราไวโอเลต
เรื่อง  รังสีอัลตราไวโอเลตเรื่อง  รังสีอัลตราไวโอเลต
เรื่อง รังสีอัลตราไวโอเลตSomporn Laothongsarn
 
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401Niewkaryu Mungtavesinsuk
 
อินฟาเรด(ปัณฑรณิชา+อลิสา)405
อินฟาเรด(ปัณฑรณิชา+อลิสา)405อินฟาเรด(ปัณฑรณิชา+อลิสา)405
อินฟาเรด(ปัณฑรณิชา+อลิสา)405Alspkc Edk
 
อินฟาเรด(ธัชนนท์+ธีม)403
อินฟาเรด(ธัชนนท์+ธีม)403อินฟาเรด(ธัชนนท์+ธีม)403
อินฟาเรด(ธัชนนท์+ธีม)403Theem N. Veokeki
 
สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401
สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401
สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401Blank Jirayusw
 
เรื่อง คลื่นโทรทัศน์
เรื่อง  คลื่นโทรทัศน์เรื่อง  คลื่นโทรทัศน์
เรื่อง คลื่นโทรทัศน์Somporn Laothongsarn
 
อินฟาเรด(วีรสิทธิ์+ณัฐวุฒิ)401
อินฟาเรด(วีรสิทธิ์+ณัฐวุฒิ)401อินฟาเรด(วีรสิทธิ์+ณัฐวุฒิ)401
อินฟาเรด(วีรสิทธิ์+ณัฐวุฒิ)401Nuttavud Suebsai
 
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402Pibi Densiriaksorn
 
คลื่นไมโครเวฟ (สุพิชชา มัลลิกา) 407
คลื่นไมโครเวฟ (สุพิชชา มัลลิกา) 407คลื่นไมโครเวฟ (สุพิชชา มัลลิกา) 407
คลื่นไมโครเวฟ (สุพิชชา มัลลิกา) 407Mullika Pummuen
 
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404ณัชชา เอื้อนฤมลสุข
 
เรื่อง รังสีอินฟราเรด
เรื่อง  รังสีอินฟราเรดเรื่อง  รังสีอินฟราเรด
เรื่อง รังสีอินฟราเรดSomporn Laothongsarn
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าuntika
 
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403Piyawan
 
คลื่นวิทยุ(สิทธิกานต์+วรุตม์)404
คลื่นวิทยุ(สิทธิกานต์+วรุตม์)404คลื่นวิทยุ(สิทธิกานต์+วรุตม์)404
คลื่นวิทยุ(สิทธิกานต์+วรุตม์)404Pom Ruangtham
 
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404ธัญจัง สุนทรวิภาต
 

What's hot (20)

ไมโครเวฟ(ภคพรวรรณ+ณิชา)405
ไมโครเวฟ(ภคพรวรรณ+ณิชา)405ไมโครเวฟ(ภคพรวรรณ+ณิชา)405
ไมโครเวฟ(ภคพรวรรณ+ณิชา)405
 
สายคู่บิดเกลียว(คิด เต็มตะวัน-407)
สายคู่บิดเกลียว(คิด เต็มตะวัน-407)สายคู่บิดเกลียว(คิด เต็มตะวัน-407)
สายคู่บิดเกลียว(คิด เต็มตะวัน-407)
 
สายคู่บิดเกลียว
สายคู่บิดเกลียวสายคู่บิดเกลียว
สายคู่บิดเกลียว
 
เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ
เรื่อง  คลื่นไมโครเวฟเรื่อง  คลื่นไมโครเวฟ
เรื่อง คลื่นไมโครเวฟ
 
เรื่อง รังสีอัลตราไวโอเลต
เรื่อง  รังสีอัลตราไวโอเลตเรื่อง  รังสีอัลตราไวโอเลต
เรื่อง รังสีอัลตราไวโอเลต
 
อินฟาเรด(พลพัชร+รุจ)406
อินฟาเรด(พลพัชร+รุจ)406อินฟาเรด(พลพัชร+รุจ)406
อินฟาเรด(พลพัชร+รุจ)406
 
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
ไมโครเวฟ(พิทักษ์พงษ์+สุทธวีร์)401
 
อินฟาเรด(ปัณฑรณิชา+อลิสา)405
อินฟาเรด(ปัณฑรณิชา+อลิสา)405อินฟาเรด(ปัณฑรณิชา+อลิสา)405
อินฟาเรด(ปัณฑรณิชา+อลิสา)405
 
อินฟาเรด(ธัชนนท์+ธีม)403
อินฟาเรด(ธัชนนท์+ธีม)403อินฟาเรด(ธัชนนท์+ธีม)403
อินฟาเรด(ธัชนนท์+ธีม)403
 
สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401
สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401
สายคู่บิดเกลียว(จืรายุส+สุภัทรชัย)401
 
เรื่อง คลื่นโทรทัศน์
เรื่อง  คลื่นโทรทัศน์เรื่อง  คลื่นโทรทัศน์
เรื่อง คลื่นโทรทัศน์
 
อินฟาเรด(วีรสิทธิ์+ณัฐวุฒิ)401
อินฟาเรด(วีรสิทธิ์+ณัฐวุฒิ)401อินฟาเรด(วีรสิทธิ์+ณัฐวุฒิ)401
อินฟาเรด(วีรสิทธิ์+ณัฐวุฒิ)401
 
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
สายไฟเบอร์ออฟติก (นันทวรรณ+ฐิตา) 402
 
คลื่นไมโครเวฟ (สุพิชชา มัลลิกา) 407
คลื่นไมโครเวฟ (สุพิชชา มัลลิกา) 407คลื่นไมโครเวฟ (สุพิชชา มัลลิกา) 407
คลื่นไมโครเวฟ (สุพิชชา มัลลิกา) 407
 
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
สายไฟเบอร์ออฟติก(ณัชชา+กวิสรา+ศิรภัสสร)404
 
เรื่อง รังสีอินฟราเรด
เรื่อง  รังสีอินฟราเรดเรื่อง  รังสีอินฟราเรด
เรื่อง รังสีอินฟราเรด
 
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
 
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
สายไฟเบอร์ออพติก(ณัฐมน+พิชญานันท์+อุไรรัตน์)403
 
คลื่นวิทยุ(สิทธิกานต์+วรุตม์)404
คลื่นวิทยุ(สิทธิกานต์+วรุตม์)404คลื่นวิทยุ(สิทธิกานต์+วรุตม์)404
คลื่นวิทยุ(สิทธิกานต์+วรุตม์)404
 
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
 

Similar to สายคู่บิดเกลียว(ไกมิณ+กึกก้อง+นริศศักดิ์)405

สายคู่บิดเกลียว(ปัณฑารีย์ อรัชพร)406
สายคู่บิดเกลียว(ปัณฑารีย์ อรัชพร)406สายคู่บิดเกลียว(ปัณฑารีย์ อรัชพร)406
สายคู่บิดเกลียว(ปัณฑารีย์ อรัชพร)406Arutchapaun Trongsiriwat
 
สายคู่บิดเกลียว(ชญานิศ ภัคสุภา-ณัฐณิชา)407
สายคู่บิดเกลียว(ชญานิศ ภัคสุภา-ณัฐณิชา)407สายคู่บิดเกลียว(ชญานิศ ภัคสุภา-ณัฐณิชา)407
สายคู่บิดเกลียว(ชญานิศ ภัคสุภา-ณัฐณิชา)407Paksupa Pleehajinda
 
สายคู่บิดเกลียว(Chonnikarn+mutita)401
สายคู่บิดเกลียว(Chonnikarn+mutita)401สายคู่บิดเกลียว(Chonnikarn+mutita)401
สายคู่บิดเกลียว(Chonnikarn+mutita)401Mink Chonnikan
 
สายคู่บิดเกลียว(ปภังกร+ปัณณธร)403
สายคู่บิดเกลียว(ปภังกร+ปัณณธร)403สายคู่บิดเกลียว(ปภังกร+ปัณณธร)403
สายคู่บิดเกลียว(ปภังกร+ปัณณธร)403Papangkorn Chamviteelert
 
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407Aommy Arpajai
 
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404ธัญจัง สุนทรวิภาต
 
สายคู่บิดเกลียว(สุภวัฒณ์+ภูบดี) 405
สายคู่บิดเกลียว(สุภวัฒณ์+ภูบดี) 405สายคู่บิดเกลียว(สุภวัฒณ์+ภูบดี) 405
สายคู่บิดเกลียว(สุภวัฒณ์+ภูบดี) 405Te Mu Su
 
พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)Nontawat Rupsung
 
พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)Nontawat Rupsung
 
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าwongteamjan
 
สายไฟเบอร์ออพติก(พิชญ์ชพร+พิชญานิน 405)
สายไฟเบอร์ออพติก(พิชญ์ชพร+พิชญานิน 405)สายไฟเบอร์ออพติก(พิชญ์ชพร+พิชญานิน 405)
สายไฟเบอร์ออพติก(พิชญ์ชพร+พิชญานิน 405)Ploy's Sutantirat
 
สายทองแดง สายคู่บิดเกลียว(จิดาภา+ธัชนนท์)402
สายทองแดง สายคู่บิดเกลียว(จิดาภา+ธัชนนท์)402สายทองแดง สายคู่บิดเกลียว(จิดาภา+ธัชนนท์)402
สายทองแดง สายคู่บิดเกลียว(จิดาภา+ธัชนนท์)402แพทตี้ ฉัตรบริรักษ์
 
สายไฟฟ้า, ไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิคส์
สายไฟฟ้า, ไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิคส์สายไฟฟ้า, ไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิคส์
สายไฟฟ้า, ไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิคส์ASpyda Ch
 
สายคู่บิดเกลียว(ธีภพ สิรภพ)402
สายคู่บิดเกลียว(ธีภพ สิรภพ)402สายคู่บิดเกลียว(ธีภพ สิรภพ)402
สายคู่บิดเกลียว(ธีภพ สิรภพ)402Theepop Eamchotchawalit
 
สายไฟเบอร์ออพติก
สายไฟเบอร์ออพติกสายไฟเบอร์ออพติก
สายไฟเบอร์ออพติกGunn Chaemkasem
 
โครงงานไฟฟ้า
โครงงานไฟฟ้าโครงงานไฟฟ้า
โครงงานไฟฟ้าrattanapon
 

Similar to สายคู่บิดเกลียว(ไกมิณ+กึกก้อง+นริศศักดิ์)405 (20)

สายคู่บิดเกลียว(ปัณฑารีย์ อรัชพร)406
สายคู่บิดเกลียว(ปัณฑารีย์ อรัชพร)406สายคู่บิดเกลียว(ปัณฑารีย์ อรัชพร)406
สายคู่บิดเกลียว(ปัณฑารีย์ อรัชพร)406
 
สายคู่บิดเกลียว(ชญานิศ ภัคสุภา-ณัฐณิชา)407
สายคู่บิดเกลียว(ชญานิศ ภัคสุภา-ณัฐณิชา)407สายคู่บิดเกลียว(ชญานิศ ภัคสุภา-ณัฐณิชา)407
สายคู่บิดเกลียว(ชญานิศ ภัคสุภา-ณัฐณิชา)407
 
สายคู่บิดเกลียว(Chonnikarn+mutita)401
สายคู่บิดเกลียว(Chonnikarn+mutita)401สายคู่บิดเกลียว(Chonnikarn+mutita)401
สายคู่บิดเกลียว(Chonnikarn+mutita)401
 
สายคู่บิดเกลียว(ปภังกร+ปัณณธร)403
สายคู่บิดเกลียว(ปภังกร+ปัณณธร)403สายคู่บิดเกลียว(ปภังกร+ปัณณธร)403
สายคู่บิดเกลียว(ปภังกร+ปัณณธร)403
 
54101 unit10
54101 unit1054101 unit10
54101 unit10
 
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
สายโคแอ็กซ์เชียล (ธมนวรรณ อาภาใจ)407
 
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
สายคู่บิดเกลียว อัฏฐรัตน์+สัภยา 404
 
สายคู่บิดเกลียว(สุภวัฒณ์+ภูบดี) 405
สายคู่บิดเกลียว(สุภวัฒณ์+ภูบดี) 405สายคู่บิดเกลียว(สุภวัฒณ์+ภูบดี) 405
สายคู่บิดเกลียว(สุภวัฒณ์+ภูบดี) 405
 
Lesson16
Lesson16Lesson16
Lesson16
 
พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)
 
พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)พลังงานไฟฟ้า (1)
พลังงานไฟฟ้า (1)
 
Em wave
Em waveEm wave
Em wave
 
พลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าพลังงานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้า
 
สายไฟเบอร์ออพติก(พิชญ์ชพร+พิชญานิน 405)
สายไฟเบอร์ออพติก(พิชญ์ชพร+พิชญานิน 405)สายไฟเบอร์ออพติก(พิชญ์ชพร+พิชญานิน 405)
สายไฟเบอร์ออพติก(พิชญ์ชพร+พิชญานิน 405)
 
สายกีตาร์
สายกีตาร์สายกีตาร์
สายกีตาร์
 
สายทองแดง สายคู่บิดเกลียว(จิดาภา+ธัชนนท์)402
สายทองแดง สายคู่บิดเกลียว(จิดาภา+ธัชนนท์)402สายทองแดง สายคู่บิดเกลียว(จิดาภา+ธัชนนท์)402
สายทองแดง สายคู่บิดเกลียว(จิดาภา+ธัชนนท์)402
 
สายไฟฟ้า, ไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิคส์
สายไฟฟ้า, ไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิคส์สายไฟฟ้า, ไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิคส์
สายไฟฟ้า, ไฟฟ้ากำลัง, อิเล็กทรอนิคส์
 
สายคู่บิดเกลียว(ธีภพ สิรภพ)402
สายคู่บิดเกลียว(ธีภพ สิรภพ)402สายคู่บิดเกลียว(ธีภพ สิรภพ)402
สายคู่บิดเกลียว(ธีภพ สิรภพ)402
 
สายไฟเบอร์ออพติก
สายไฟเบอร์ออพติกสายไฟเบอร์ออพติก
สายไฟเบอร์ออพติก
 
โครงงานไฟฟ้า
โครงงานไฟฟ้าโครงงานไฟฟ้า
โครงงานไฟฟ้า
 

สายคู่บิดเกลียว(ไกมิณ+กึกก้อง+นริศศักดิ์)405

  • 1. นำเสนอ อ.ปิยวรรณ รัตนภำนุศร สมำชิก 1.นำย ไกมิณ เงำกระจ่ำง 2.นำย กึกก้อง พันธ์นรำ 3.นำย นริศศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์
  • 2. สื่อนำข้อมูลแบบมีสำย สื่อนำข้อมูลแบบมีสำย (wired media) หรือเรียกอีกอย่ำงหนึ่งว่ำ guided media ซึ่งก็คือ สื่อที่สำมำรถบังคับให้สัญญำณข้อมูลเคลื่อนที่ไปใน ทิศทำงที่กำหนดได้ แบ่งเป็น 3 ชนิด ดังนี้ 1.สำยคู่บิดเกลียว 2.สำยโคเเอกเชียล 3.สำยใยแก้วนำแสง
  • 3. สำยคู่บิดเกลียว (twisted pair) ประกอบด้วยเส้นทองแดงที่หุ้มด้วยฉนวน พลำสติก 2 เส้นพันบิดเป็นเกลียวทั้งนี้เพื่อลดกำรกวนจำกคลืนสัญญำณแม่เหล็กจำกคู่ ่ ข้ำงเคียงภำยในเคเบิ้ลเดียวกันหรือจำกภำยนอก เนื่องจำกสำยคูบิดเกลียวนี้ยอมให้สัญญำณไฟฟ้ำควำมถี่สูงผ่ำนได้ สำหรับอัตรำกำรส่ง ่ ข้อมูลผ่ำนสำยคู่บิดเกลียวจะขึนอยู่กลับควำมหนำของสำย กล่ำวคือ สำยทองแดงทีเส้น ้ ่ ผ่ำนศูนย์กลำงกว้ำง จะสำมำรถส่งสัญญำณไฟฟ้ำกำลังแรงได้
  • 4. เป็นสำยชนิดที่ได้รับควำมนิยมสูงสุดในกำรนำมำใช้งำนตำมห้องปฏิบัติกำรคอมพิวเตอร์ทั่วไป รวมทั้งตำมสำนักงำนต่ำงๆ สำย ชนิดนี้ได้ชื่อมำจำกลักษณะองค์ประกอบภำยในของสำย ที่เป็นสำยลวดทองแดงสองเส้นนำมำพันเกลียวเข้ำด้วยกันเพือทำให้เกิด ่ เป็นสนำมแม่เหล็ก ซึ่งใช้เป็นเสมือนเกรำะสำหรับป้องกันสัญญำณรบกวนทั่วไปได้ในตัวเอง จำนวนรอบหรือควำมถี่ ในกำรพัน เกลียว เช่น พันเกลียว 10 รอบต่อควำมยำว 1 ฟุต นันมีผลโดยตรงต่อกำลังของสนำมแม่เหล็กที่เกิดขึน ถ้ำจำนวนรอบสูงก็จะทำ ้ ้ ให้สนำมแม่เหล็กมีกำลังแรงขึน สำมำรถป้องกัน สัญญำณรบกวนได้ดีขน แต่ก็ทำให้สิ้นเปลืองสำยมำกขึน แต่ถ้ำจำนวนรอบต่ำ ก็ ้ ึ้ ้ จะเกิดสนำมแม่เหล็กกำลังอ่อน ซึ่งป้องกันสัญญำณรบกวนได้นอยลงก็ใช้สำยเปลืองน้อยลงเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วสำยชนิดนี้จึงมี ้ คุณสมบัติในกำรป้องกันสัญญำณรบกวนได้ดกว่ำสำยที่ไม่มีกำร พันเกลียวเลยบริเวณแกน (Core) ของสำยคูบิดเกลียว สำยคู่ ี ่ บิดเกลียว ประกอบด้วยสำยทองแดงจำนวนหนึ่ง หรือหลำยคู่สำย ห่อหุ้มสำยด้วยฉนวนบำงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกำรลัดวงจร แล้วนำมำพันเกลียวเข้ำด้วยกันเป็นคู่ ทุกคู่จะถูกห่อหุ้มฉนวนอีกชันหนึ่งรวมกันเป็นสำยขนำดใหญ่เพียงสำยเดียว สำยคูบิด ้ ่ เกลียวแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ 1. แบบไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP : Unshielded Twisted Pair) 2. แบบมีฉนวนหุ้ม (STP : Shielded Twisted Pair)
  • 5. สำยคู่บิดเกลียวแบบไม่มีฉนวนหุ้ม (UTP : Unshielded Twisted air) สำย UTP เป็นสำยที่พบเห็นกันมำก มักจะใช้เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ไปยังอุปกรณ์สื่อสำรตำม มำตรฐำนที่กำหนด สำหรับสำยประเภทนี้จะมีควำมยำวของสำยในกำรเชื่อมต่อได้ไม่เกิน 100 เมตร และสำย UTP มีจำนวนสำยบิดเกลียวภำยใน 4 คู่ คู่สำยในสำยคู่ตีเกลียวไม่หุ้มฉนวนคล้ำยสำยโทรศัพท์ มีหลำย เส้นซึ่งแต่ละเส้นก็จะมีสีแตกต่ำงกัน และตลอดทั้งสำยนั้นจะถูกหุ้มด้วยพลำสติก (Plastic Cover) ปัจจุบันเป็นสำยทีได้รับควำมนิยมมำกที่สุด เนื่องจำกรำคำถูกและติดตั้งได้ง่ำย แสดงดังรูป ่
  • 6. สำย UTP จะมีสำยสัญญำณอยู่จำนวน 4 คู่ 8 เส้น ประกอบด้วย 1.เขียว - ขำวเขียว 2.ส้ม - ขำวส้ม 3.น้ำเงิน - ขำวน้ำเงิน 4.น้ำตำล - ขำวน้ำตำล
  • 7. คุณสมบัติของสำย UTP ที่ใช้ในกำรออกแบบ ขนำดของสำย UTP เมื่อวัดเส้นผ่ำนศูนย์กลำงภำยนอกควรมีขนำดน้อยกว่ำ 0.25 นิว หรือ 6.35 มิลลิเมตร โดย ้ สำยแต่ละเส้น ทนแรงดึงได้มำกกว่ำ 400 นิวตัน คุณสมบัติในเรื่องกำรดัดโค้งของ สำยมีรัศมีควำมโค้งได้เท่ำกับ 1 นิ้ว ควำม ต้ำนทำนของสำยตำมมำตรฐำนกำหนดไว้ โดยวัดที่ควำมยำว 100 เมตร ต้องมีควำมต้ำนทำนไม่เกิน 9.38 โอห์ม (ที่อุณหภูมิ 20 องศำเซลเซียส) ควำมต้ำนทำนของสำยแต่ละคู่จะต้องต่ำงกันไม่เกินกว่ำ 5% คุณสมบัติทำงด้ำนกำรเหนี่ยวนำร่วมของสำยตัวนำให้ เกิดคุณสมบัติเป็นตัวเก็บประจุเมื่อวัดที่ควำมถึ่ 1 กิโลเฮิรตซ์ อุณหภูมิ 20 องศำเซลเซียส ไม่ควรเกินกว่ำ 6.6 นำโนฟำรัด ที่ควำม ยำว 100 เมตร สำหรับสำย UTP CAT3 หำกเป็นสำย UTP 4 และ 5 ควรมีคำควำมจุไม่เกิน 5.6 นำโนฟำรัด ค่ำควำมจุ ่ ของตัวเก็บประจุของแต่ละสำย เมื่อเทียบกับกรำวน์ และวัดทีควำมถี่ 1 กิโลเฮิรตซ์ มีค่ำไม่เกินกว่ำ 330 PF ต่อควำมยำว 100 ่ เมตร ที่อุณหภูมิ 20 องศำเซลเซียส ค่ำลักษณะสมบัติอิมพีแดนซ์ของสำย UTP เป็นสิ่งที่มีควำมสำคัญ ค่ำนี้จะเกี่ยวกับกำร สะท้อนของสัญญำณ ถ้ำกำรเชื่อมโยงไม่แมตซ์กนคุณสมบัตของสำย UTP ในเรื่องลักษณะสมบัติอิมพีแดซ์นมีค่ำ 100 โอห์ม +- ั ิ ี้ 15 % ที่วัดที่ควำมถี่ 1 MHz จนถึงควำมถี่สูงสุดของสำยที่ยอมรับในขอบเขตกำรใช้งำน เมื่อใช้งำนสำย UTP ที่ควำมถี่สูงจะมี คุณสมบัติกำรสะท้อนกลับของสัญญำณหำกไม่มีกำรแมตซ์ที่ปลำยสำย ทำให้สัญญำณสะท้อนกลับเป็นตัวบันทอนสัญญำณให้เล็ก ่ ลง กำรบันทอนในเรื่องนี้ เรำเรียกว่ำ SRL-Structure Return Lose ่
  • 8. ข้อดีของสาย STP - ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงกว่า UTP - ป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นวิทยุ ข้อเสียของสาย STP - มีขนาดใหญ่และไม่ค่อยยืดหยุ่นในการงอพับสายมากนัก - ราคาแพงกว่าสาย UTP
  • 9. 1.สำยคู่บิดเกลียวมีกี่แบบ อะไรบ้ำง? 2.กำรที่สำยคู่บิดเกลียวมีฉนวนมำหุ้มนั้น เพื่ออะไร? 3.ตำมอุปกรณ์กำรสื่อสำรที่เห็นทั่วไป เป็นสำยคู่บิดเกลียวแบบใด? 4.อัตรำกำรส่งข้อมูลของสำยคู่บิดเกลียวนั้น มีปัจจัยใดเป็นหลักที่เป็นตัวควบคุมกำรส่ง? 5.สำยมีสีอะไรบ้ำง? -2แบบ 1.แบบหุ้มฉนวน 2.แบบไม่หุ้มฉนวน -เพื่อลดกำรกวนจำกคลื่นสัญญำณแม่เหล็กจำกคู่ข้ำงเคียงภำยในเคเบิ้ลเดียวกัน หรือจำกภำยนอก