More Related Content
More from คน ขี้เล่า (18)
All of The Education Theory
- 5. ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์น
ไดค์
(Thorndike’s Classical Connectionism)
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์น
ไดค์
(Thorndike’s Classical Connectionism)
กี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรม
การเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งมีหลายรูป
แบบ บุคคลจะมีการลองผิดลองถูก (trial and error) ปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะ
พบรูปแบบการตอบสนองที่สามารถให้ผลที่พึงพอใจมากที่สุด
กฎการเรียนรู้ของ
ธอร์นไดค์
กฎแห่งความพร้อม
(Law of Readiness)
กฎแห่งการฝึกหัด
(Law of Exercise)
กฎแห่งการใช้
(Law of Use and Disuse)
กฎแห่งผลที่พึง
พอใจ
(Law of Effect)
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์น
- 6. ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์น
ไดค์
(Thorndike’s Classical Connectionism)
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์น
ไดค์
(Thorndike’s Classical Connectionism)
กี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรม
การจัดการเรียน
การสอน
1.การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนแบบลองผิดลองถูกบ้าง
2.การสำารวจความพร้อมหรือการสร้างความพร้อมของผู้
เรียนเป็นสิ่งจำาเป็นที่ ต้องกระทำาก่อนการสอนบทเรียน
3.หากต้องการให้ผู้เรียนมีทักษะในเรื่องใดจะต้องช่วยให้
เขาเกิดความเข้าใจใน เรื่องนั้นอย่างแท้จริง แล้วให้ฝึกฝนโดย
กระทำาสิ่งนั้นบ่อย ๆ
4.เมื่อผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แล้วควรให้ผู้เรียนฝึกการนำาการ
เรียนรู้นั้นไปใช้บ่อย ๆ
5.การให้ผู้เรียนได้รับผลที่ตนพึงพอใจ จะช่วยให้การเรียน
การสอนประสบผลสำาเร็จ
ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์น
- 12. กี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20
ทฤษฎีการวางเงื่อนไ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบ
อัตโนมัติ
(Classical Conditioning )
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบอัต
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรม
กฎการเรียนรู้ 10 ข้อ
ของพาฟลอพ1.พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์เกิดจากการวางเงื่อนไข ที่ตอบ
สนองต่อความต้องการทางธรรมชาติ
2.พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์สามารถเกิดขึ้นได้จากสิ่งเร้าที่
เชื่อมโยงกับ สิ่งเร้าตามธรรมชาติ
3.พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์ที่เกิดจากสิ่งเร้าที่เชื่อมโยงกับ
สิ่งเร้า ตามธรรมชาติจะลดลงเรื่อย ๆ และหยุดลงในที่สุดหากไม่ได้รับการ
ตอบสนองตามธรรมชาติ
4.พฤติกรรมการตอบสนองของมนุษย์ต่อสิ่งเร้าที่เชื่อมโยงกับสิ่งเร้า
ตาม ธรรมชาติจะลดลงและหยุดไปเมื่อไม่ได้รับการตอบสนองตามธรรมชาติ
และจะกลับปรากฏ ขึ้นได้อีกโดยไม่ต้องใช้สิ่งเร้าตามธรรมชาติ
5.มนุษย์มีแนวโน้มที่จะรับรู้สิ่งเร้าที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันและจะตอบ
สนองเหมือน ๆ กัน
- 13. กี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20
ทฤษฎีการวางเงื่อนไ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบ
อัตโนมัติ
(Classical Conditioning )
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบอัต
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรม
กฎการเรียนรู้ 10 ข้อ
ของพาฟลอพ
6.บุคคลมีแนวโน้มทีจะจำาแนกลักษณะของสิ่งเร้าให้แตกต่างกัน
และเลือกตอบสนอง ได้ถูกต้อง
7.กฎแห่งการลดภาวะ (Law of Extinction) พาฟลอฟ กล่าวว่า ความ
เข้มของการตอบสนองจะลดลงเรื่อย ๆ หากบุคคลได้รับแต่สิ่งเร้าที่วาง
เงื่อนไขอย่างเดียว หรือความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขกับสิ่ง
เร้าที่ไม่วาง เงื่อนไขห่างกันออกไปมากขึ้น
8.กฎแห่งการฟื้นคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติ (Law of Spontaneous
Recovery)
9.กฎแห่งการถ่ายโยงการเรียนรู้สู่สถานการณ์อื่น (Law of
Generalization)
10.กฎแห่งการจำาแนกความแตกต่าง (Law of Discrimination)
- 14. กี่ยวกับการเรียนรู้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20
ทฤษฎีการวางเงื่อนไ
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบ
อัตโนมัติ
(Classical Conditioning )
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบอัต
ทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรม
การจัดการเรียนการ
สอน
1.การนำาความต้องการทางธรรมชาติของครูผู้สอนมาใช้เป็นสิ่งเร้า สามารถ
ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
2.การสอนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในเรื่องใด อาจใช้วิธีเสนอสิ่งที่จะสอนไป
พร้อม ๆ กัน กับสิ่งเร้าที่ผู้เรียนชอบตามธรรมชาติ
3.การนำาเรื่องที่เคยสอนไปแล้วมาสอนใหม่ สามารถช่วยให้เด็กเกิดการเรียน
รู้ตามที่ต้องการได้
4.การจัดกิจกรรมการเรียนให้ต่อเนื่องและมีลักษณะคล้ายคลึงกัน สามารถ
ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น
5.การเสนอสิ่งเร้าให้ชัดเจนในการสอน จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการ
เรียนรู้และตอบสนองได้ชัดเจนขึ้น
6.หากต้องการให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมใด ควรมีการใช้สิ่งเร้าหลายแบบ แต่
ต้องมีสิ่งเร้าที่มีการตอบสนองโดยไม่มีเงื่อนไขควบคู่อยู่ด้วย