แนวทางการเตรียมตัวสอบ
ครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ.
แนวทางการเตรียมตัวในระยะเวลาสั้นๆ
ควรเตรียมตัวอยางไร ?
เตรียมตัวในระยะเวลาสั้นๆ?การเตรียมตัวในการสอบนั้น
แน่นอนว่าแต่ละคน จะมีวิธีการเตรียมตัวที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่
ทุกคนมีเหมือนกันคือ เวลา เพราะทุกคนนั้น มีเวลาเท่ากัน แต่จะทําอย่างไร
เมื่อเรามีเวลาเตรียมตัวในการสอบน้อยเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน
จะอ่านหนังสือเล่มไหน จะปรึกษาใคร และจะจัดสรรเวลาในการอ่านหนังสือ
อย่างไร วันนี้ ผมมาแนะนําวิธีการเตรียมตัว และเทคนิคในการอ่านหนังสือ
ภายในเวลาที่จํากัด เพียง 1 เดือน สําหรับผมนั้น ระหว่างที่กําลังเตรียมตัว
สอบ ผมต้องฝึกสอนไปด้วย เพราะเป็นช่วงเทอมสุดท้าย ของการฝึกสอน
และกําลังจะจบการศึกษา ที่อุตส่าห์รํ่าเรียนมาตั้ง 5 ปี มันไม่ง่ายเลยนะ
สําหรับการเตรียมตัวสอบ เพื่อชี้เป็นชี้ตาย ชี้อนาคตของการทุ่มเทในการ
เรียนมา เอาหละ เรามาดูกันเลยครับ...
ร่างกาย
จิตใจ
สมอง
ความรู้
ร่างกาย
การเตรียมร่างกายให้พร้อมถือเป็นสิ่งสําคัญในการเตรียมตัวสอบ ซึ่งเป็นส่วนที่สําคัญที่สุด
เพราะการมีร่างกายที่พร้อม จะทําให้เราสามารถเรียนรู้ และเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เราศึกษาได้
เป็นอย่างดี การเตรียมร่างกายให้พร้อมนั้น ง่ายนิดเดียว คือ การรับประทานอาหารที่มี
ประโยชน์ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ออกกําลังกายอย่างสมํ่าเสมอ และที่สําคัญ พักผ่อน
ให้เพียงพออย่านอนดึก ไม่ใช่ว่าจะอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตาย... อาจจะหาอะไรมาบํารุง
ร่างกายและสมองบ้าง เช่น วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารต่างๆ ที่จําเป็นต่อร่างกาย แต่
ผมแนะนําอะไรที่ได้มาจากธรรมชาตินะ เช่น กล้วย ผัก ผลไม้ต่างๆ กล้วยนี่ก็มีประโยชน์
มากเชียวหละ แทนที่เราจะไปซื้อพวก ซุปไก่สกัด หรือพวกเครื่องดื่มที่สกัดจากถั่วเหลือง ที่
เค้าโฆษณากัน ผมว่ามันเปลืองเงินเปล่าๆ กล้วยนํ้าว้า กล้วยหอมนะ ดีมาก เพราะในกล้วย
อุดมไปด้วยวิตามิน บี ต่างๆ ที่จําเป็นต่อการทํางานของระบบประสาทและสมอง เวลาอ่าน
หนังสือ หรือท่องตํารา กินกล้วยไปด้วยนี่ สมองลื่นปรื้ด ลื่นปรื้ดเชียวหละ...... อีกอย่าง
ช่วงเตรียมตัวสอบนี่นะ สําคัญเชียว เพราะมันอยู่ในช่วงสงกรานต์ ก็งดเล่นได้ก็ดี เอาเวลา
อันน้อยนิดมาเตรียมตัว ดีกว่าไปเล่นสาดนํ้า ทั้งเสียเวลา และบางทีอาจทําให้เกิดการ
สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แขนขาขาด หัวฟาด ปากแตก เข้าโรงพยาบาล บอกเลย ไม่คุ้ม
มันไม่ได้มีปีเดียวนะ สงกรานต์ ปีหน้าก็มี ไว้เป็นครูก่อน ค่อยเล่นก็ได้
จิตใจ
การเตรียมใจ ก็สําคัญไม่แพ้กันเลย..... การเตรียมใจ คือ การทําจิตใจเราให้พร้อมในการ
รับรู้ ดูดซับ หรือรับเอาข้อมูลต่างๆ เข้ามา..... แน่นอนว่า มันอาจขัดใจบ้างในเรื่องบางเรื่อง
แต่ผมว่า ทนเอาหน่อย ตั้งใจไว้ว่า อ่านหนังสือ เตรียมตัวแค่ปีนี้ปีเดียว......เริ่มด้วยการ
ตั้งเป้ าหมายว่าเราต้องได้เป็นครู หรือเป้ าหมายในทางบวก ในสิ่งที่เราต้องการ จากนั้นก็
ลุยโลด..... มีหลายคนที่ถอดใจ เพราะ โอ้โห ดูสิ คนนั้นก็จบจากมหาลัย ใหญ่ๆ มหาลัยดังๆ
เค้าคงเก่งน่าดู แล้วเราจะสู้ไหวเหรอ เกรดเราก็ได้นิดเดียว ตายแน่ๆ ....... คือตัดความคิด
ส่วนนี้ทิ้ง แล้วขุดหลุมลึกๆ ฝังมันลงไป และโบกปูนทับไปเลย....... เราไม่ได้แข่งกับคนอื่น เรา
แข่งกับตัวเองต่างหาก เพราะเกณฑ์ก็มีบอกอยู่แล้วว่าต้องผ่าน 60% นั่นหมายความว่า
ถ้าคุณทําข้อสอบได้ 90 ข้อขึ้นไป ใน 150 ข้อ คุณก็ผ่าน เตรียมตัวไปรอบต่อไป มีตรงไหน
ไหม ที่แข่งกับคนอื่น .... ไม่มีเลยครับ ขอบอก...... ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่า เราได้เกรดเฉลี่ยน้อย
เรียนไม่เก่ง หรือ จบมาจากมหาลัยไม่มีชื่อ ผมว่ามันอยู่ที่การเตรียมตัวมากกว่า คนเก่งๆ
อาจไม่ติดก็ได้........ ผมคนหนึ่งหละ จบมาจากมหาลัยราชภัฏ ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกว่า ด้อยกว่า
ใครๆ แม้แต่น้อย มันกลับเป็นอะไรที่ผลักดันให้เราสู้มากกว่า........ ฉันเนี่ยแหละ จบจากราช
ภัฏ และฉันจะเป็นครูให้ดู ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีฉันก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร
สมอง
การเตรียมสมอง หรือ การเตรียมความรู้ ก่อนอื่นมาทําความเข้าใจ
ว่าใน 1 เดือน เราคงไม่สามารถ ยัด ทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าไปในสมองอันน้อยนิด ของเราได้ห
.... ดังนั้นเราควรทําอย่างไรหละ...... ทํายังไง... ป๊ ะ ไปดูเทคนิค
วิธีการที่ผมทํา
1. ผมรู้ตัวเองว่า ผมไม่ค่อยที่จะชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่ อ่านเมื่อไหร่ ง่วง ปวดหัวทุกที
ดังนั้นผมจึงอ่านหนังสือน้อยมาก แต่ผมใช้การฟังแทน..... โน่นไง มีคนสรุปความรู้ไว้ให้
เยอะแยะ... การอ่านหนังสือ และทําความเข้าใจเองบอกเลย เราใช้เวลาในการทําความเข้าใจ
เยอะ กว่าจะรับรู้ ตีความ แปลความหมาย แล้วเข้ารหัสลงไปในสมอง..... มันนานมาก ใน
การนี้ ผมต้องขอบคุณ YOUTUBE ที่มีผู้รู้หลายๆ ท่านสรุป และบันทึกเป็นไฟล์ลงมาไว้
เยอะแยะมากมาย เราก็ไปเลือกมาฟัง ฟังจากหลายๆท่าน รวมๆ กัน ... อ่าว แล้วฟังตอน
ไหน .. ตอนไหนว่างก็ตอนนั้นแหละ ... ผมลงทุนลบเพลงจากโทรศัพท์ทิ้ง แล้วเอาไฟล์เสียงใส่
แทน ตื่นนอนตอนเช้าก็เปิด อาบนํ้าแปรงฟัน ว่างจากสอน พักเที่ยง โน่นนี่นั่น ก็เปิด คือ การ
ทําแบบนี้ มันเหมือนการฟังเพลงนะ ฟังแบบไม่ได้ใส่ใจ แต่ฟังไปฟังมา เราจําได้ พูดตามได้
เลยหละ
2. การไปติว สําหรับผม การไปติวนั้นก็ถือว่าพอใช้ในระดับหนึ่ง ผมไปติว
ไม่ใช่ไปเพื่อที่จะเอาความรู้แม้แต่นิดเดียว.... คิดดูว่า เราอ่านหนังสือ ศึกษามาตั้ง
นาน แล้วไปติวแค่ไม่กี่วัน มันจะได้รับความรู้แค่ไหนกันเชียว อีกอย่างสํานักติว
บางสํานัก ก็ติวผิดๆ ถูกๆ มั่วซั่วไปหมด..... แล้วไปทําไมกัน การไปติว ผม
ไปเอาแค่วิธีคิด หรือเทคนิควิธีการในการเรียบเรียงความรู้ภายในสมอง แล้วก็
เทคนิควิธีการเดาคําตอบ ในกรณีที่เราไม่ทราบจริงๆว่า จะต้องตอบอะไร เราก็
เอาเทคนิควิธีการเดามาใช้...... ใช่ว่าจะเดามั่วๆไป เพราะกาถูก ก็เป็นคะแนนนะ
เออ........... แนะนําอีกอย่างครับ..... อย่าไปเลย ไอ้ที่ใช้เวลาหลายๆวัน เป็นอาทิตย์
หรือเป็นหลายอาทิตย์ ตารางติวนี่แน่นตั้งแต่ 06.00 -23.00 ก็มี เราเอาเวลา
ไหนพัก ไม่ไหวนะ ร่างกายเหนื่อย สมองก็ล้า ที่ติวมาไม่จําหรอก.....เหนื่อยเปล่า
เสียทั้งเงิน และเวลา สู้อ่านเองเถอะ....... แนะนําครับว่า ไปแค่ครั้งเดียว ซัก 2-3
วันแค่นั่นพอ แล้วก็ไปตั้งแต่เนิ่นๆ จะดี เพราะจะได้มีเวลามาจัดเรียงความรู้
เนื้อหาที่เราจะศึกษาเองได้ดียิ่งขึ้น
3. การเลือกซื้อหนังสือมาอ่าน....... ผมไม่อยากให้ตามกระแสนะครับ เพื่อนคนนั้น
ว่าหนังสือดี คนโน้นว่าข้อสอบออกตามหนังสือเล่มนี้บ่อยๆ คือ แท้จริงแล้ว เนื้อหา
ในหนังสือไม่ต่างกันเลยครับ สํานักหนังสือ ผมเห็นมาเยอะมาก เห็นข้อสอบใน
หนังสือ คําถามเดียวกัน ตัวเลือกเดียวกัน พวกสํานักหนังสือ ก็รวบรวมมาจาก
หนังสือเล่มอื่นเหมือนกันครับ ก็คือ ลอกกันมานั่นเอง ....... เราควรจะเลือก
หนังสือที่เราอ่านแล้วเราพอใจ ใช้ภาษาที่เราอ่านปุ๊ บเข้าใจปั๊บ.... ไม่ยืดยาว.........
ไม่จําเป็นต้องไปตามหรอกนะ ที่ว่าหนังสือที่ผลิตไม่ทัน ต้องสั่งจอง อะไรประมานนี้
เอาเป็นว่าเราอ่านเล่มไหน แล้ววางไม่ลง อ่านแล้วเข้าใจก็เอาเล่มนั้นแหละ..........
แต่ที่ผมชอบทําคือ ในเนต มีทั้งสรุปความรู้ ทั้งข้อสอบเยอะมาก ผมเลยโหลดใน
เนตมาอ่าน ฝึกทําครับ ประหยัดดี
เช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็น
จันทร์ ดูข่าว ฟังเสียง
บรรยาย
ข่าวเที่ยง พักผ่อน ข่าว/ฟัง
บรรยาย
พรบ. ฯลฯ
อังคาร ดูข่าว อ่านไทย ข่าวเที่ยง ฟังเพลง
พักผ่อน
ข่าว/ทีวี/ ฟัง
บรรยาย
พุธ คณิต คณิต ข่าวเที่ยง นอน ข่าว/ทีวี/ ฟัง
บรรยาย
พฤหัสฯ อ่านเรื่อง
รอบตัว
หนังสือพิมพ์ ข่าวเที่ยง ทําอะไรก็ได้ ข่าว/ทีวี/ ฟัง
บรรยาย
ศุกร์ อ่านภาค ข
เอก/การศึกษา
อ่านไทย ข่าวเที่ยง พักสมอง
ฟังเพลง
ข่าว/ทีวี/ ฟัง
บรรยาย
เสาร์ ทําข้อสอบคณิต ข่าวเที่ยง ทําข้อสอบไทย
อาทิตย์ ทําข้อสอบวิชาการศึกษา ข่าวเที่ยง ข้อสอบวิชาเอก
• ตารางด้านบนคือสิ่งที่ผมทํา หลังจากฝึกสอนเสร็จเป็นระยะเวลา 1 เดือน บางวันก็ทําได้ตาม
ตาราง บางวันก็ทําไมได้เนื่องจากมีกิจกรรมอื่นมาแทรกบ้าง ผมจึงไม่ได้กําหนดเวลาที่ชัดเจน
ลงไป เพราะมันเปลี่ยนแปลงได้ หากผมทําไม่ได้ตามตาราง ผมก็ไม่เคยลงโทษตัวเองนะ เพราะ
มันจะกดดันตัวเองมากเกินไป เราจะไม่มีความสุขในการอ่านหนังสือ หรือซึมซับความรู้นั้นๆ
• สังเกตว่าตอนเช้า ผมจะดูข่าวทีวี รวมไปถึงฟังเสียงบรรยายต่างๆ สายมาหน่อยก็ฟัง
บรรยายแล้วก็ พักผ่อนบ้าง ช่วงนั้นอากาศมันร้อนก็ไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือเลยหละ ต่อมาก็
ข่าวเที่ยง ซึ่งจะขาดไม่ได้เลย ตกช่วงบ่ายมาก็มีอ่านบ้าง นอนพักบ้าง สลับกันไป แล้วแต่
โอกาส
• ในส่วนของช่วงเย็น คือหลังสองทุ่มครึ่งนะครับ ช่วงเวลาที่ละครตอนเย็นเล่น หลังจากทํา
กิจวัตรเสร็จ ก็จะอ่านบ้าง ฟังบรรยายบ้าง แล้วก็ขึ้นนอน ก่อนนอนผมก็จะเปิดเสียงบรรยาย
ฟัง เอาที่ว่า หลับคาบรรยายเลย เป็นแบบนี้เป็นประจํา
• สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ อ่านแล้วเราต้องลองทําแบบฝึกด้วย นั่นก็คือข้อสอบตามหนังสือ หรือใน
เนตนั่นแหละ ทําข้อสอบนะครับ ไม่ใช่ จํา ข้อสอบ
• ผมไม่ได้อ่านหนังสือ แบบอดตาหลับ ขับตานอน ผมใช้สายกลางครับ อ่านเยอะไปก็ไม่จํา เอาที่
อ่านแล้วมีความสุข ไม่ทรมานตัวเองดีกว่าครับ อ่อ สําหรับตารางเวลา ผมว่า แต่ละท่านควร
ปรับเปลี่ยนเอง ตามความเหมาะสม ของแต่ละคนนะครับ
พูดถึงเรื่อง จํา ข้อสอบ
• การจําข้อสอบเป็นสิ่งที่ไม่ควรทําเลย เพราะข้อสอบปัจจุบันนั้น เน้นการคิดวิเคราะห์ ไอ้การที่
เราไปจํานั้น จะทําให้มันรกสมองเปล่าๆ ผมมีเพื่อนหลายคนที่ถูกล้างสมองจาก สํานักติว
หรือจากรุ่นพี่ก็แล้วแต่........ ถ้าพูดถึง ข้อความใดข้อความหนึ่ง ว่า อยู่ในหมวดใด มาตราใด
เขาจะไม่รีรอที่จะตอบ และก็ถูกทุกครั้งซะด้วย....... คือนั่นไม่ใช่อะไรที่เราจะต้องไปใส่ใจเลย.......
เช่น พวก วันประกาศใช้ ใครรับแต่งตั้ง ใครตําแหน่งใด ใครไม่ได้อยู่ในตําแหน่งใด สมาชิกสภา
สมาชิกคณะกรรมการต่างๆ ใครเป็น ใครไม่เป็น.......อะไรพวกนี้ คือ ผมไม่จํา ไม่ท่อง แล้วก็
ไม่ได้ใส่ใจเลย....... มันรกสมอง............ ดังนั้นเวลาเราจะสอบ เราต้องมีการดูข้อสอบว่า เป็น
ข้อสอบแบบไหน ออกมาจากส่วนกลาง หรือไม่ หรือเขตเป็นคนออก ถ้าส่วนกลาง นี่อย่างที่
กล่าวมา ไม่ต้องจําอะไรพวกนั้น....... แต่ถ้าเขตออก ก็ไม่แน่ครับ..... เราต้องทําการบ้าน
ว่า เขตออก หรือ ส่วนกลางออก เพื่อที่จะได้กําหนดแนวทางในการอ่าน
หรือ เตรียมตัวของเราได้ถูกต้อง
ไม่มีดวง ดวงไม่ดี สอบไม่ติดหรอก!
• สําหรับคนที่คิดว่า ตัวเองดวงไม่ดี หรือ เดาไม่แม่น ....... ทํายังไง ก็คงจะไม่ติดแน่ๆ
...... คุณคิดผิด....... ทําไมหละ.......... ดวงก็อาจเป็นส่วนหนึ่งก็จริง แต่เบื้องหลังคํา
ว่าดวง วาสนานั้น มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกมากมาย........... ในการกาข้อสอบ 1 ข้อ
คุณอาจกาผิด แต่เพื่อนอีก 39 คนอาจกาถูก นั่นมันไม่ใช่เพราะดวงนะ แต่เพราะ
คุณไม่รู้ต่างหาก........ ในทางกลับกัน ข้อสอบอีก 1 ข้อ เพื่อน 39 คน ผิดหมด
แต่มีคุณถูก อยู่คนเดียว นั่นไม่ใช่เพราะดวง......... แต่เพราะคุณรู้คําตอบ.......... มันก็
เป็นได้.......... ดังนั้น การที่คุณไม่เตรียมตัว ก็เท่ากับคุณ ไม่มีดวง
เราอ่าน เราศึกษา เรารู้ เราจึงมีดวง เราจึงมีวาสนาดี
อ่านแค่ไหนที่เรียกว่าอ่าน
• บางคนอ่านมามาก อ่านมาเยอะ แต่ไม่สามารถจับใจความจากเรื่องที่อ่าน
ได้ มันก็ไม่ใช่การอ่าน......... ก่อนคุณอ่าน คุณมีคําถามในหัว...
เมื่อไหร่ที่อ่านแล้วตอบคําถามตัวเองได้ นั่นถึงเรียกว่าการอ่าน
• อ่านให้ได้เนื้อ อ่านให้รู้เรื่อง ไม่ใช่อ่านตามกระแส ไม่ใช่อ่านเพื่อ
จะให้คนอื่นดูว่าเราอ่านจริงๆ
• ทุกคนมีขีดจํากัดของแต่ละคนเอง....... จงก้าวข้ามขีดจํากัดของ
ตัวเองให้ได้ โดยทําตามเป้ าหมายที่ตั้งไว้
• อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะเวลาในการทํา
ข้อสอบ เราก็ไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่เขาอ่าน หรือสิ่งที่เราอ่านจะเจอ
ในข้อสอบหรือไม่ ดังนั้นไม่ต้องกลัว หรือกังวลใจใดๆ
• การเข้ากลุ่มติว ตาม facebook จะช่วยให้เราได้เจอข้อสอบใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพราะจะมี
สมาชิกจากภูมิภาคต่างๆ เข้ามาในกลุ่ม ซึ่งข้อสอบแต่ละภูมิภาคก็จะมีความแตกต่างกันไป
ซึ่งในส่วนนี้จะทําให้เราได้เจอกับข้อสอบที่มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น
• ก่อนถึงเวลาสอบ 2 อาทิตย์ ควรออกจากกลุ่มนั้นทันที เนื่องจากเวลาจะสอบ จะมีพวกที่
ชอบก่อกวน ตามกลุ่มติวต่างๆ มาทําเฉลยผิดๆ แล้วหากเราอ่าน ก็จะทําให้เราสับสน
ดังนั้นควรออกจากกลุ่มนั้น ก่อนถึงวันสอบสัก 2 อาทิตย์เพื่อไม่ให้เป็นการนําความรู้ที่
ผิดๆ มารบกวนความรู้ที่เราจัดเรียงลําดับมาเป็นอย่างดีแล้ว
• อย่ามัวไปดูคําตอบตามที่สมาชิกในกลุ่มตอบมากเกินไป การที่คําตอบใด มีคนเห็นด้วยเป็น
ส่วนมาก ก็ใช่ว่าจะเป็นคําตอบที่ถูกต้อง
• การเข้ากลุ่มก็มีข้อเสียอยู่บ้าง นั่นคือ คําตอบที่ได้จะไม่ตรงกัน เนื่องจากมาจากหลากหลาย
ตํารา ซึ่งตําราบางเล่มก็เฉลยผิด ดังนั้นหากเราไม่แน่ใจในคําตอบก็ขอให้เช็คดูอีกที เพื่อ
เป็นการตรวจสอบความถูกต้อง อีกทั้งจะทําให้เราเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
เข้ากลุ่มติว ตาม Facebook ต่างๆ
• เลือกเขตที่จะไปสมัครสอบอย่างไรดี
• การเลือกเขตไปสอบ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่จะทําให้เราประสบผลสําเร็จได้เร็ว (หากได้ขึ้นบัญชีไว้)
– สําหรับคนที่มีประสบการณ์แล้ว คงไม่ต้องบอกว่าเลือกอย่างไร แต่สําหรับคนที่จะเลือกเขตสอบใน
ครั้งแรก ก็ควรมีการพิจารณาอย่างดีและถี่ถ้วน
• ให้เลือกเขตที่มีอัตราการเกษียณที่เยอะ หรืออัตราการเรียกบรรจุที่มาก อันจะหาได้จาก
เว็บไซต์ของสํานักงานเขตต่างๆ ที่เราสนใจ
• สําหรับคนที่กําลังจะสอบครั้งแรก ขอเถอะ ถ้าไม่มีญาติ หรือคนรู้จักจริงๆ ที่พอจะช่วยเรื่อง
ที่พัก หรือ เดินทางแนะนําว่า เลือกที่ที่ใกล้บ้านที่สุด...... เพราะมันเป็นอะไรที่เปลืองมาก
มหาศาลจริงๆ (มองถึง สมัคร ภาค ก ภาค ข และ ภาค ค)
• สพม หรือ สพป อย่างไหนดี..... แล้วแต่ครับ สพป ก็สอนประถม ส่วน สพม ก็สอนมัธยม
แต่ทั้งนี้ก็อิงตามอัตราเรียกบรรจุ หรือ อัตราเกษียณหละครับ หากได้ขึ้นบัญชี จะได้เรียกช้า
หรือเร็ว
• อย่าเห่อ ตามคนที่บอกมา........ ให้เอาตามที่ใจเราชอบ เราอยากไปจริงๆ ..... เช่น ปีที่ผมสอบ
นั้น คนส่วนใหญ่ คิดว่า ภาคตะวันออกคนไปสอบน้อย......แต่...... คนส่วนมากคิดเช่นนี้ ภาค
ตะวันออกจึงมีคนไปสมัครเยอะมาก ตรงกันข้ามกับภาคอีสานของเราเลย คนอยู่ในเกณฑ์ที่
ค่อนข้างน้อย
• สรุป เลือกที่ไหน ก็เอาที่ สบายใจแล้วกัน
• เมื่อเผชิญกับข้อสอบในห้องสอบ
• แม่เจ้า เจอข้อสอบเข้าไปสตัน 20 วิ กันเลยทีเดียว
– เอาภาค ก มี คณิตฯ ไทย ความรู้รอบตัว รวมถึงภาษาอังกฤษ
ในการทําข้อสอบแล้ว มีเวลาน้อยมาก เมื่อเทียบกับจํานวนข้อ ดังนั้น
จงตั้งสติ เมื่อเจอกับข้อสอบ ... ข้อสอบจะแยกกันมา หรืออาจรวมกัน
มา.....เจอข้อไหนไม่ได้ สิ่งที่ควรทําคือ ข้ามไปก่อน... อย่าเสียเวลา.......
คณิตศาสตร์ คืออะไรที่ยากจะอธิบาย สําหรับเราๆ ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับ
มันเลย ข้อไหนได้ทํา ส่วนข้อไม่ได้ ข้ามไป อย่าเสียเวลา ไปดูที่
ภาษาไทย วิชานี้เป็นอะไรที่เรายังจะเดาได้ แต่ก็ควรคิดให้ถี่ถ้วน เพราะ
ไทยเนี่ยแหละ จะช่วยชีวิตเราไว้ เช่นกันหากข้อไหนไม่ได้ ก็ข้ามไป
.............. เมื่อทําครบ แล้วค่อยเวียนมาทําข้อที่ไม่ได้ ...... อย่าลืม
วิธีการวิเคราะห์แบบตัดตัวเลือกออกไปน่ะ..... แน่นอนว่า เราไม่รู้เวลา
เลยว่าเหลือเท่าไหร่ แต่จะมีกรรมการกลางที่จะคอยประกาศ แบบ
กดดันนิดๆ ว่า คุณจะหมดเวลาทําข้อสอบแล้วนะ ให้รีบ เดา
• ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากมาย แต่ก็หวังว่า
การที่ผมมาเล่าวิธีการเตรียมตัวของผม
จะเป็ นประโยชน์กับทุกท่านที่เตรียมตัวสอบ
บ้างครับ........
• ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ.......
• เส้นทางครูผู้ช่วยรออยู่

เตรียมสอบครูผู้ช่วย สพฐ

  • 1.
  • 2.
    แนวทางการเตรียมตัวในระยะเวลาสั้นๆ ควรเตรียมตัวอยางไร ? เตรียมตัวในระยะเวลาสั้นๆ?การเตรียมตัวในการสอบนั้น แน่นอนว่าแต่ละคน จะมีวิธีการเตรียมตัวที่แตกต่างกันออกไปแต่สิ่งหนึ่งที่ ทุกคนมีเหมือนกันคือ เวลา เพราะทุกคนนั้น มีเวลาเท่ากัน แต่จะทําอย่างไร เมื่อเรามีเวลาเตรียมตัวในการสอบน้อยเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน จะอ่านหนังสือเล่มไหน จะปรึกษาใคร และจะจัดสรรเวลาในการอ่านหนังสือ อย่างไร วันนี้ ผมมาแนะนําวิธีการเตรียมตัว และเทคนิคในการอ่านหนังสือ ภายในเวลาที่จํากัด เพียง 1 เดือน สําหรับผมนั้น ระหว่างที่กําลังเตรียมตัว สอบ ผมต้องฝึกสอนไปด้วย เพราะเป็นช่วงเทอมสุดท้าย ของการฝึกสอน และกําลังจะจบการศึกษา ที่อุตส่าห์รํ่าเรียนมาตั้ง 5 ปี มันไม่ง่ายเลยนะ สําหรับการเตรียมตัวสอบ เพื่อชี้เป็นชี้ตาย ชี้อนาคตของการทุ่มเทในการ เรียนมา เอาหละ เรามาดูกันเลยครับ...
  • 3.
  • 4.
    ร่างกาย การเตรียมร่างกายให้พร้อมถือเป็นสิ่งสําคัญในการเตรียมตัวสอบ ซึ่งเป็นส่วนที่สําคัญที่สุด เพราะการมีร่างกายที่พร้อม จะทําให้เราสามารถเรียนรู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เราศึกษาได้ เป็นอย่างดี การเตรียมร่างกายให้พร้อมนั้น ง่ายนิดเดียว คือ การรับประทานอาหารที่มี ประโยชน์ งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ออกกําลังกายอย่างสมํ่าเสมอ และที่สําคัญ พักผ่อน ให้เพียงพออย่านอนดึก ไม่ใช่ว่าจะอ่านหนังสือเอาเป็นเอาตาย... อาจจะหาอะไรมาบํารุง ร่างกายและสมองบ้าง เช่น วิตามิน เกลือแร่ และสารอาหารต่างๆ ที่จําเป็นต่อร่างกาย แต่ ผมแนะนําอะไรที่ได้มาจากธรรมชาตินะ เช่น กล้วย ผัก ผลไม้ต่างๆ กล้วยนี่ก็มีประโยชน์ มากเชียวหละ แทนที่เราจะไปซื้อพวก ซุปไก่สกัด หรือพวกเครื่องดื่มที่สกัดจากถั่วเหลือง ที่ เค้าโฆษณากัน ผมว่ามันเปลืองเงินเปล่าๆ กล้วยนํ้าว้า กล้วยหอมนะ ดีมาก เพราะในกล้วย อุดมไปด้วยวิตามิน บี ต่างๆ ที่จําเป็นต่อการทํางานของระบบประสาทและสมอง เวลาอ่าน หนังสือ หรือท่องตํารา กินกล้วยไปด้วยนี่ สมองลื่นปรื้ด ลื่นปรื้ดเชียวหละ...... อีกอย่าง ช่วงเตรียมตัวสอบนี่นะ สําคัญเชียว เพราะมันอยู่ในช่วงสงกรานต์ ก็งดเล่นได้ก็ดี เอาเวลา อันน้อยนิดมาเตรียมตัว ดีกว่าไปเล่นสาดนํ้า ทั้งเสียเวลา และบางทีอาจทําให้เกิดการ สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แขนขาขาด หัวฟาด ปากแตก เข้าโรงพยาบาล บอกเลย ไม่คุ้ม มันไม่ได้มีปีเดียวนะ สงกรานต์ ปีหน้าก็มี ไว้เป็นครูก่อน ค่อยเล่นก็ได้
  • 5.
    จิตใจ การเตรียมใจ ก็สําคัญไม่แพ้กันเลย..... การเตรียมใจคือ การทําจิตใจเราให้พร้อมในการ รับรู้ ดูดซับ หรือรับเอาข้อมูลต่างๆ เข้ามา..... แน่นอนว่า มันอาจขัดใจบ้างในเรื่องบางเรื่อง แต่ผมว่า ทนเอาหน่อย ตั้งใจไว้ว่า อ่านหนังสือ เตรียมตัวแค่ปีนี้ปีเดียว......เริ่มด้วยการ ตั้งเป้ าหมายว่าเราต้องได้เป็นครู หรือเป้ าหมายในทางบวก ในสิ่งที่เราต้องการ จากนั้นก็ ลุยโลด..... มีหลายคนที่ถอดใจ เพราะ โอ้โห ดูสิ คนนั้นก็จบจากมหาลัย ใหญ่ๆ มหาลัยดังๆ เค้าคงเก่งน่าดู แล้วเราจะสู้ไหวเหรอ เกรดเราก็ได้นิดเดียว ตายแน่ๆ ....... คือตัดความคิด ส่วนนี้ทิ้ง แล้วขุดหลุมลึกๆ ฝังมันลงไป และโบกปูนทับไปเลย....... เราไม่ได้แข่งกับคนอื่น เรา แข่งกับตัวเองต่างหาก เพราะเกณฑ์ก็มีบอกอยู่แล้วว่าต้องผ่าน 60% นั่นหมายความว่า ถ้าคุณทําข้อสอบได้ 90 ข้อขึ้นไป ใน 150 ข้อ คุณก็ผ่าน เตรียมตัวไปรอบต่อไป มีตรงไหน ไหม ที่แข่งกับคนอื่น .... ไม่มีเลยครับ ขอบอก...... ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่า เราได้เกรดเฉลี่ยน้อย เรียนไม่เก่ง หรือ จบมาจากมหาลัยไม่มีชื่อ ผมว่ามันอยู่ที่การเตรียมตัวมากกว่า คนเก่งๆ อาจไม่ติดก็ได้........ ผมคนหนึ่งหละ จบมาจากมหาลัยราชภัฏ ซึ่งผมก็ไม่ได้รู้สึกว่า ด้อยกว่า ใครๆ แม้แต่น้อย มันกลับเป็นอะไรที่ผลักดันให้เราสู้มากกว่า........ ฉันเนี่ยแหละ จบจากราช ภัฏ และฉันจะเป็นครูให้ดู ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีฉันก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร
  • 6.
    สมอง การเตรียมสมอง หรือ การเตรียมความรู้ก่อนอื่นมาทําความเข้าใจ ว่าใน 1 เดือน เราคงไม่สามารถ ยัด ทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าไปในสมองอันน้อยนิด ของเราได้ห .... ดังนั้นเราควรทําอย่างไรหละ...... ทํายังไง... ป๊ ะ ไปดูเทคนิค วิธีการที่ผมทํา 1. ผมรู้ตัวเองว่า ผมไม่ค่อยที่จะชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่ อ่านเมื่อไหร่ ง่วง ปวดหัวทุกที ดังนั้นผมจึงอ่านหนังสือน้อยมาก แต่ผมใช้การฟังแทน..... โน่นไง มีคนสรุปความรู้ไว้ให้ เยอะแยะ... การอ่านหนังสือ และทําความเข้าใจเองบอกเลย เราใช้เวลาในการทําความเข้าใจ เยอะ กว่าจะรับรู้ ตีความ แปลความหมาย แล้วเข้ารหัสลงไปในสมอง..... มันนานมาก ใน การนี้ ผมต้องขอบคุณ YOUTUBE ที่มีผู้รู้หลายๆ ท่านสรุป และบันทึกเป็นไฟล์ลงมาไว้ เยอะแยะมากมาย เราก็ไปเลือกมาฟัง ฟังจากหลายๆท่าน รวมๆ กัน ... อ่าว แล้วฟังตอน ไหน .. ตอนไหนว่างก็ตอนนั้นแหละ ... ผมลงทุนลบเพลงจากโทรศัพท์ทิ้ง แล้วเอาไฟล์เสียงใส่ แทน ตื่นนอนตอนเช้าก็เปิด อาบนํ้าแปรงฟัน ว่างจากสอน พักเที่ยง โน่นนี่นั่น ก็เปิด คือ การ ทําแบบนี้ มันเหมือนการฟังเพลงนะ ฟังแบบไม่ได้ใส่ใจ แต่ฟังไปฟังมา เราจําได้ พูดตามได้ เลยหละ
  • 7.
    2. การไปติว สําหรับผมการไปติวนั้นก็ถือว่าพอใช้ในระดับหนึ่ง ผมไปติว ไม่ใช่ไปเพื่อที่จะเอาความรู้แม้แต่นิดเดียว.... คิดดูว่า เราอ่านหนังสือ ศึกษามาตั้ง นาน แล้วไปติวแค่ไม่กี่วัน มันจะได้รับความรู้แค่ไหนกันเชียว อีกอย่างสํานักติว บางสํานัก ก็ติวผิดๆ ถูกๆ มั่วซั่วไปหมด..... แล้วไปทําไมกัน การไปติว ผม ไปเอาแค่วิธีคิด หรือเทคนิควิธีการในการเรียบเรียงความรู้ภายในสมอง แล้วก็ เทคนิควิธีการเดาคําตอบ ในกรณีที่เราไม่ทราบจริงๆว่า จะต้องตอบอะไร เราก็ เอาเทคนิควิธีการเดามาใช้...... ใช่ว่าจะเดามั่วๆไป เพราะกาถูก ก็เป็นคะแนนนะ เออ........... แนะนําอีกอย่างครับ..... อย่าไปเลย ไอ้ที่ใช้เวลาหลายๆวัน เป็นอาทิตย์ หรือเป็นหลายอาทิตย์ ตารางติวนี่แน่นตั้งแต่ 06.00 -23.00 ก็มี เราเอาเวลา ไหนพัก ไม่ไหวนะ ร่างกายเหนื่อย สมองก็ล้า ที่ติวมาไม่จําหรอก.....เหนื่อยเปล่า เสียทั้งเงิน และเวลา สู้อ่านเองเถอะ....... แนะนําครับว่า ไปแค่ครั้งเดียว ซัก 2-3 วันแค่นั่นพอ แล้วก็ไปตั้งแต่เนิ่นๆ จะดี เพราะจะได้มีเวลามาจัดเรียงความรู้ เนื้อหาที่เราจะศึกษาเองได้ดียิ่งขึ้น
  • 8.
    3. การเลือกซื้อหนังสือมาอ่าน....... ผมไม่อยากให้ตามกระแสนะครับเพื่อนคนนั้น ว่าหนังสือดี คนโน้นว่าข้อสอบออกตามหนังสือเล่มนี้บ่อยๆ คือ แท้จริงแล้ว เนื้อหา ในหนังสือไม่ต่างกันเลยครับ สํานักหนังสือ ผมเห็นมาเยอะมาก เห็นข้อสอบใน หนังสือ คําถามเดียวกัน ตัวเลือกเดียวกัน พวกสํานักหนังสือ ก็รวบรวมมาจาก หนังสือเล่มอื่นเหมือนกันครับ ก็คือ ลอกกันมานั่นเอง ....... เราควรจะเลือก หนังสือที่เราอ่านแล้วเราพอใจ ใช้ภาษาที่เราอ่านปุ๊ บเข้าใจปั๊บ.... ไม่ยืดยาว......... ไม่จําเป็นต้องไปตามหรอกนะ ที่ว่าหนังสือที่ผลิตไม่ทัน ต้องสั่งจอง อะไรประมานนี้ เอาเป็นว่าเราอ่านเล่มไหน แล้ววางไม่ลง อ่านแล้วเข้าใจก็เอาเล่มนั้นแหละ.......... แต่ที่ผมชอบทําคือ ในเนต มีทั้งสรุปความรู้ ทั้งข้อสอบเยอะมาก ผมเลยโหลดใน เนตมาอ่าน ฝึกทําครับ ประหยัดดี
  • 9.
    เช้า สาย เที่ยงบ่าย เย็น จันทร์ ดูข่าว ฟังเสียง บรรยาย ข่าวเที่ยง พักผ่อน ข่าว/ฟัง บรรยาย พรบ. ฯลฯ อังคาร ดูข่าว อ่านไทย ข่าวเที่ยง ฟังเพลง พักผ่อน ข่าว/ทีวี/ ฟัง บรรยาย พุธ คณิต คณิต ข่าวเที่ยง นอน ข่าว/ทีวี/ ฟัง บรรยาย พฤหัสฯ อ่านเรื่อง รอบตัว หนังสือพิมพ์ ข่าวเที่ยง ทําอะไรก็ได้ ข่าว/ทีวี/ ฟัง บรรยาย ศุกร์ อ่านภาค ข เอก/การศึกษา อ่านไทย ข่าวเที่ยง พักสมอง ฟังเพลง ข่าว/ทีวี/ ฟัง บรรยาย เสาร์ ทําข้อสอบคณิต ข่าวเที่ยง ทําข้อสอบไทย อาทิตย์ ทําข้อสอบวิชาการศึกษา ข่าวเที่ยง ข้อสอบวิชาเอก
  • 10.
    • ตารางด้านบนคือสิ่งที่ผมทํา หลังจากฝึกสอนเสร็จเป็นระยะเวลา1 เดือน บางวันก็ทําได้ตาม ตาราง บางวันก็ทําไมได้เนื่องจากมีกิจกรรมอื่นมาแทรกบ้าง ผมจึงไม่ได้กําหนดเวลาที่ชัดเจน ลงไป เพราะมันเปลี่ยนแปลงได้ หากผมทําไม่ได้ตามตาราง ผมก็ไม่เคยลงโทษตัวเองนะ เพราะ มันจะกดดันตัวเองมากเกินไป เราจะไม่มีความสุขในการอ่านหนังสือ หรือซึมซับความรู้นั้นๆ • สังเกตว่าตอนเช้า ผมจะดูข่าวทีวี รวมไปถึงฟังเสียงบรรยายต่างๆ สายมาหน่อยก็ฟัง บรรยายแล้วก็ พักผ่อนบ้าง ช่วงนั้นอากาศมันร้อนก็ไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือเลยหละ ต่อมาก็ ข่าวเที่ยง ซึ่งจะขาดไม่ได้เลย ตกช่วงบ่ายมาก็มีอ่านบ้าง นอนพักบ้าง สลับกันไป แล้วแต่ โอกาส • ในส่วนของช่วงเย็น คือหลังสองทุ่มครึ่งนะครับ ช่วงเวลาที่ละครตอนเย็นเล่น หลังจากทํา กิจวัตรเสร็จ ก็จะอ่านบ้าง ฟังบรรยายบ้าง แล้วก็ขึ้นนอน ก่อนนอนผมก็จะเปิดเสียงบรรยาย ฟัง เอาที่ว่า หลับคาบรรยายเลย เป็นแบบนี้เป็นประจํา • สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ อ่านแล้วเราต้องลองทําแบบฝึกด้วย นั่นก็คือข้อสอบตามหนังสือ หรือใน เนตนั่นแหละ ทําข้อสอบนะครับ ไม่ใช่ จํา ข้อสอบ • ผมไม่ได้อ่านหนังสือ แบบอดตาหลับ ขับตานอน ผมใช้สายกลางครับ อ่านเยอะไปก็ไม่จํา เอาที่ อ่านแล้วมีความสุข ไม่ทรมานตัวเองดีกว่าครับ อ่อ สําหรับตารางเวลา ผมว่า แต่ละท่านควร ปรับเปลี่ยนเอง ตามความเหมาะสม ของแต่ละคนนะครับ
  • 11.
    พูดถึงเรื่อง จํา ข้อสอบ •การจําข้อสอบเป็นสิ่งที่ไม่ควรทําเลย เพราะข้อสอบปัจจุบันนั้น เน้นการคิดวิเคราะห์ ไอ้การที่ เราไปจํานั้น จะทําให้มันรกสมองเปล่าๆ ผมมีเพื่อนหลายคนที่ถูกล้างสมองจาก สํานักติว หรือจากรุ่นพี่ก็แล้วแต่........ ถ้าพูดถึง ข้อความใดข้อความหนึ่ง ว่า อยู่ในหมวดใด มาตราใด เขาจะไม่รีรอที่จะตอบ และก็ถูกทุกครั้งซะด้วย....... คือนั่นไม่ใช่อะไรที่เราจะต้องไปใส่ใจเลย....... เช่น พวก วันประกาศใช้ ใครรับแต่งตั้ง ใครตําแหน่งใด ใครไม่ได้อยู่ในตําแหน่งใด สมาชิกสภา สมาชิกคณะกรรมการต่างๆ ใครเป็น ใครไม่เป็น.......อะไรพวกนี้ คือ ผมไม่จํา ไม่ท่อง แล้วก็ ไม่ได้ใส่ใจเลย....... มันรกสมอง............ ดังนั้นเวลาเราจะสอบ เราต้องมีการดูข้อสอบว่า เป็น ข้อสอบแบบไหน ออกมาจากส่วนกลาง หรือไม่ หรือเขตเป็นคนออก ถ้าส่วนกลาง นี่อย่างที่ กล่าวมา ไม่ต้องจําอะไรพวกนั้น....... แต่ถ้าเขตออก ก็ไม่แน่ครับ..... เราต้องทําการบ้าน ว่า เขตออก หรือ ส่วนกลางออก เพื่อที่จะได้กําหนดแนวทางในการอ่าน หรือ เตรียมตัวของเราได้ถูกต้อง
  • 12.
    ไม่มีดวง ดวงไม่ดี สอบไม่ติดหรอก! •สําหรับคนที่คิดว่า ตัวเองดวงไม่ดี หรือ เดาไม่แม่น ....... ทํายังไง ก็คงจะไม่ติดแน่ๆ ...... คุณคิดผิด....... ทําไมหละ.......... ดวงก็อาจเป็นส่วนหนึ่งก็จริง แต่เบื้องหลังคํา ว่าดวง วาสนานั้น มันมีอะไรมากกว่านั้นอีกมากมาย........... ในการกาข้อสอบ 1 ข้อ คุณอาจกาผิด แต่เพื่อนอีก 39 คนอาจกาถูก นั่นมันไม่ใช่เพราะดวงนะ แต่เพราะ คุณไม่รู้ต่างหาก........ ในทางกลับกัน ข้อสอบอีก 1 ข้อ เพื่อน 39 คน ผิดหมด แต่มีคุณถูก อยู่คนเดียว นั่นไม่ใช่เพราะดวง......... แต่เพราะคุณรู้คําตอบ.......... มันก็ เป็นได้.......... ดังนั้น การที่คุณไม่เตรียมตัว ก็เท่ากับคุณ ไม่มีดวง เราอ่าน เราศึกษา เรารู้ เราจึงมีดวง เราจึงมีวาสนาดี
  • 13.
    อ่านแค่ไหนที่เรียกว่าอ่าน • บางคนอ่านมามาก อ่านมาเยอะแต่ไม่สามารถจับใจความจากเรื่องที่อ่าน ได้ มันก็ไม่ใช่การอ่าน......... ก่อนคุณอ่าน คุณมีคําถามในหัว... เมื่อไหร่ที่อ่านแล้วตอบคําถามตัวเองได้ นั่นถึงเรียกว่าการอ่าน • อ่านให้ได้เนื้อ อ่านให้รู้เรื่อง ไม่ใช่อ่านตามกระแส ไม่ใช่อ่านเพื่อ จะให้คนอื่นดูว่าเราอ่านจริงๆ • ทุกคนมีขีดจํากัดของแต่ละคนเอง....... จงก้าวข้ามขีดจํากัดของ ตัวเองให้ได้ โดยทําตามเป้ าหมายที่ตั้งไว้ • อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะเวลาในการทํา ข้อสอบ เราก็ไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่เขาอ่าน หรือสิ่งที่เราอ่านจะเจอ ในข้อสอบหรือไม่ ดังนั้นไม่ต้องกลัว หรือกังวลใจใดๆ
  • 14.
    • การเข้ากลุ่มติว ตามfacebook จะช่วยให้เราได้เจอข้อสอบใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพราะจะมี สมาชิกจากภูมิภาคต่างๆ เข้ามาในกลุ่ม ซึ่งข้อสอบแต่ละภูมิภาคก็จะมีความแตกต่างกันไป ซึ่งในส่วนนี้จะทําให้เราได้เจอกับข้อสอบที่มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น • ก่อนถึงเวลาสอบ 2 อาทิตย์ ควรออกจากกลุ่มนั้นทันที เนื่องจากเวลาจะสอบ จะมีพวกที่ ชอบก่อกวน ตามกลุ่มติวต่างๆ มาทําเฉลยผิดๆ แล้วหากเราอ่าน ก็จะทําให้เราสับสน ดังนั้นควรออกจากกลุ่มนั้น ก่อนถึงวันสอบสัก 2 อาทิตย์เพื่อไม่ให้เป็นการนําความรู้ที่ ผิดๆ มารบกวนความรู้ที่เราจัดเรียงลําดับมาเป็นอย่างดีแล้ว • อย่ามัวไปดูคําตอบตามที่สมาชิกในกลุ่มตอบมากเกินไป การที่คําตอบใด มีคนเห็นด้วยเป็น ส่วนมาก ก็ใช่ว่าจะเป็นคําตอบที่ถูกต้อง • การเข้ากลุ่มก็มีข้อเสียอยู่บ้าง นั่นคือ คําตอบที่ได้จะไม่ตรงกัน เนื่องจากมาจากหลากหลาย ตํารา ซึ่งตําราบางเล่มก็เฉลยผิด ดังนั้นหากเราไม่แน่ใจในคําตอบก็ขอให้เช็คดูอีกที เพื่อ เป็นการตรวจสอบความถูกต้อง อีกทั้งจะทําให้เราเข้าใจเพิ่มมากขึ้น เข้ากลุ่มติว ตาม Facebook ต่างๆ
  • 15.
    • เลือกเขตที่จะไปสมัครสอบอย่างไรดี • การเลือกเขตไปสอบเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่จะทําให้เราประสบผลสําเร็จได้เร็ว (หากได้ขึ้นบัญชีไว้) – สําหรับคนที่มีประสบการณ์แล้ว คงไม่ต้องบอกว่าเลือกอย่างไร แต่สําหรับคนที่จะเลือกเขตสอบใน ครั้งแรก ก็ควรมีการพิจารณาอย่างดีและถี่ถ้วน • ให้เลือกเขตที่มีอัตราการเกษียณที่เยอะ หรืออัตราการเรียกบรรจุที่มาก อันจะหาได้จาก เว็บไซต์ของสํานักงานเขตต่างๆ ที่เราสนใจ • สําหรับคนที่กําลังจะสอบครั้งแรก ขอเถอะ ถ้าไม่มีญาติ หรือคนรู้จักจริงๆ ที่พอจะช่วยเรื่อง ที่พัก หรือ เดินทางแนะนําว่า เลือกที่ที่ใกล้บ้านที่สุด...... เพราะมันเป็นอะไรที่เปลืองมาก มหาศาลจริงๆ (มองถึง สมัคร ภาค ก ภาค ข และ ภาค ค) • สพม หรือ สพป อย่างไหนดี..... แล้วแต่ครับ สพป ก็สอนประถม ส่วน สพม ก็สอนมัธยม แต่ทั้งนี้ก็อิงตามอัตราเรียกบรรจุ หรือ อัตราเกษียณหละครับ หากได้ขึ้นบัญชี จะได้เรียกช้า หรือเร็ว • อย่าเห่อ ตามคนที่บอกมา........ ให้เอาตามที่ใจเราชอบ เราอยากไปจริงๆ ..... เช่น ปีที่ผมสอบ นั้น คนส่วนใหญ่ คิดว่า ภาคตะวันออกคนไปสอบน้อย......แต่...... คนส่วนมากคิดเช่นนี้ ภาค ตะวันออกจึงมีคนไปสมัครเยอะมาก ตรงกันข้ามกับภาคอีสานของเราเลย คนอยู่ในเกณฑ์ที่ ค่อนข้างน้อย • สรุป เลือกที่ไหน ก็เอาที่ สบายใจแล้วกัน
  • 16.
    • เมื่อเผชิญกับข้อสอบในห้องสอบ • แม่เจ้าเจอข้อสอบเข้าไปสตัน 20 วิ กันเลยทีเดียว – เอาภาค ก มี คณิตฯ ไทย ความรู้รอบตัว รวมถึงภาษาอังกฤษ ในการทําข้อสอบแล้ว มีเวลาน้อยมาก เมื่อเทียบกับจํานวนข้อ ดังนั้น จงตั้งสติ เมื่อเจอกับข้อสอบ ... ข้อสอบจะแยกกันมา หรืออาจรวมกัน มา.....เจอข้อไหนไม่ได้ สิ่งที่ควรทําคือ ข้ามไปก่อน... อย่าเสียเวลา....... คณิตศาสตร์ คืออะไรที่ยากจะอธิบาย สําหรับเราๆ ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับ มันเลย ข้อไหนได้ทํา ส่วนข้อไม่ได้ ข้ามไป อย่าเสียเวลา ไปดูที่ ภาษาไทย วิชานี้เป็นอะไรที่เรายังจะเดาได้ แต่ก็ควรคิดให้ถี่ถ้วน เพราะ ไทยเนี่ยแหละ จะช่วยชีวิตเราไว้ เช่นกันหากข้อไหนไม่ได้ ก็ข้ามไป .............. เมื่อทําครบ แล้วค่อยเวียนมาทําข้อที่ไม่ได้ ...... อย่าลืม วิธีการวิเคราะห์แบบตัดตัวเลือกออกไปน่ะ..... แน่นอนว่า เราไม่รู้เวลา เลยว่าเหลือเท่าไหร่ แต่จะมีกรรมการกลางที่จะคอยประกาศ แบบ กดดันนิดๆ ว่า คุณจะหมดเวลาทําข้อสอบแล้วนะ ให้รีบ เดา
  • 17.
    • ผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากมาย แต่ก็หวังว่า การที่ผมมาเล่าวิธีการเตรียมตัวของผม จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่เตรียมตัวสอบ บ้างครับ........ • ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ....... • เส้นทางครูผู้ช่วยรออยู่