More Related Content
Similar to 2562 final-project
Similar to 2562 final-project (20)
2562 final-project
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงาน สิวในวัยรุ่น
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาวชรินรัตน์ สุริจันทร์ เลขที่ 38 ชั้น ม.6 ห้อง 4
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1. นางสาวชรินรัตน์ สุริจันทร์ เลขที่ 38
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
สิวในวัยรุ่น
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Teenage acne
ประเภทโครงงาน โครงงานเพื่อสุขภาพ
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาวชรินรัตน์ สุริจันทร์
ชื่อที่ปรึกษา
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2562
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
ในช่วงวัยแรกรุ่นอายุ ๑๒–๑๘ ปีจะสังเกตเห็นได้ว่าผู้ชายและผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีสิวเกิดขึ้น จะมีมากมีน้อยก็
แล้วแต่บุคคล โดยสาเหตุหลักของการเกิดสิวในช่วงอายุนี้คือฮอร์โมน(Hormone) โดยระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน
(testosterone ฮอร์โมนเพศชาย) เพิ่มขึ้นทั้งในชายและหญิง ในผู้ชาย ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ส่งผลต่อการ
เจริญเติบโตขององคชาตและอัณฑะ ในผู้หญิงฮอร์โมนจะเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก และที่สาคัญ
ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ยังทาให้เกิดสิวึึ่งเปนเหตุผลที่ทาไมสิวฮอร์โมนจึงขึ้นออกมามากในช่วงวัยนี้ แต่ก็ยังมีปัจจัย
อื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย รวมไปถึงชนิดของสิวที่เกิดขึ้น ดังนั้นในช่วงวัยรุ่นถึง 70% ต้องรับมือกับปัญหาผิวมีแนวโน้มที่จะ
เกิดสิวฮอร์โมนในช่วงวัยแรกรุ่น ด้วยเหตุนี้จึงนาไปสู่ที่มาของโครงงาน ถ้าใบหน้าเปนสิวก็อาจจะทาให้ความมั่นใจ
ลดลงและการดาเนินชีวิตบางอย่างอาจไม่ปกติ เพราะใบหน้าเปนปัจจัยภายนอกที่จะทาให้รู้สึกเกิดความมั่นใจใน
ตัวเองตลอดเวลา เมื่อเวลาที่เราพบประผู้คน รูปลักษณ์ภายนอกจะเปรียบเสมือนประตูด่านแรก ที่ทาให้ผู้ที่พบเห็น
รู้สึกประทับใจ ใบหน้าก็เช่นกันที่เปนส่วนที่สาคัญที่สุด ดังนั้นผู้จัดทาจึงจัดทาโครงงานนี้
วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้รู้จักชนิดของสิว
2.เพื่อให้รู้วิธีรักษาและป้องกันการเกิดสิวแต่ละชนิดได้อย่างถูกต้อง
3.เพื่อให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและการเจริญเติบโตของช่วงอายุวัยนี้
- 3. 3
ขอบเขตโครงงาน
1. ขอบเขตด้านเนื้อหา
ผู้ศึกษาจะทำการศึกษาเกี่ยวกับการเกิดสิวัแนวทางการรกษาัป้องกนัและการเลือกใช้ั
ผลิตภณฑ์รกษาสิวให้เหมาะสมแต่ละบุคคล
2. ขอบเขตด้านประชากร
เป็นการเลือกกลุ่มตวอย่างโดยลกษณะของกลุ่มตวอย่างที่เลือกจะอยู่ในช่วงวยแรกรุ่นอายุ
12-18ปีที่มีสิวเกิดขึ้นมากน้อยคละกนไป
หลักการและทฤษฎี
โครงงานนี้จะศึกษาเกี่ยวกับสิว ความรู้กบหลกการัหรือทฤษฎี ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกบทางการแพทย์ั
หรือเกี่ยวกบหลกการทางชีววิทยาเป็นส่วนใหญ่ัโดยมีหลกการสนบสนุน ดังนี้
1. ทฤษฎีของWai สาเหตุแท้จริงของสิว คือ ผิวที่บวมน้าแล้วไปกดทับท่อไขมันจนตีบ จนทาให้ไขมันผ่านออกมา
หล่อเลี้ยงผิวชั้นนอกตามธรรมชาติไม่ได้ ผิวบวมน้าเกิดจากการคั่งค้างหรือสะสมของสารหลาย ๆ อย่าง ที่
เด่นชัดคือ โปรตีน
คือการที่โปรตีนที่เราได้รับเข้าไปไม่สามารถถูกย่อยเปนกรดอะมิโนเพื่อเอาไปใช้ ได้ เนื่องจากโปรตีนนั้นมี
ลักษณะผิดแผกไปจากที่เอ็นไึม์ย่อยเค้าจาได้
2. การวินิจฉัยสิว จากเว็บไึต์siamhealth แบ่งระดับความรุนแรงของสิว หรือจะแบ่งออกเปน 4 grade ดังนี้
สิว GRADE 1
ความรุนแรงของสิวระยะนี้จัดเปนสิวระดับอ่อน มีสิวจานวนไม่มากเปนสิวหัวขาวหรือสิวหัวดา ไม่ได้ขึ้นทุกวัน
และไม่มีการอักเสบ การดูแลสิวในระยะนี้ท่านสามารถึื้อยาทาที่มีส่วนผสมของ salicylic acid and benzoyl
peroxide(BPO) ทา แต่ท่านต้องติดตามให้ดี เพราะหากดูแลไม่ดีก็จะกลายเปนสิว
สิว GRADE 2
สิวระยะนี้จัดระดับความรุนแรงปานกลาง สิวระยะนี้พบได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย จะมีทั้งสิวหัวขาว สิวหัวดา มี
หนอง หรือตุ่มขึ้น และมักจะมีการอักเสบของสิว มักจะพบในผู้หญิงขณะมีประจาเดือน มักจะขึ้นบริเวณใบหน้า
การดูแลสิวในระยะนี้ยังสามารถใช้ยาที่ึื้อตามร้านขายยา โดยยาจะมีส่วนประกอบของ glycolic acid, salicylic
acid, and BPO ทางเลือกอื่นอาจจะไปพบแพทย์ใช้ยาตามที่แพทย์สั่ง
ข้อควรระวังต้องติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิดหากอาการไม่ดีขึ้นใน 1 เดือนควรจะพบแพทย์ผิวหนังเพราะอาจจะ
ทาให้เกิดแผลเปน
สิว GRADE 3
สิวระยะนี้จัดระดับความรุนแรงชนิดรุนแรง มีการอักเสบของสิวค่อนข้างมาก ผิวโดยรอบสิวจะบวม แดง และคัน
จะมีตุ่ม papules หรือเปน cyst หรือเปน nodules สิวจะพบที่หน้า หน้าอก และบริเวณหลัง
การรักษาสิวในระยะนี้จะลดการเกิดแผลเปน แต่ต้องใช้เวลารักษานานเปนเดือน หรือเปนปี
สิว GRADE 4
เปนระดับที่มีความรุนแรงมากที่สุด จะมีอาการปวด มีทั้ง cysts, papules, pustules, และ nodules จานวน
มาก แผลอาจจะลามลงในชั้นลึกและไม่ทางระบายออกสู่ผิวหนัง
- 4. 4
3. การรักษาสิวจากเว็บไึต์pobpad ได้อธิบายไว้ว่า
การรักษาด้วยยา แบบยาทาเฉพาะที่ ได้แก่
เรตินอยด์ (Retinoid) ึึ่งเปนสารที่ได้มาจากวิตามินเอ แรก ๆ ใช้ยาทาสามครั้งต่อสัปดาห์ในตอนเย็น
หลังจากนั้นใช้ทาวันละครั้งเพื่อให้ผิวคุ้นเคยกับสาร ยาตัวนี้จะช่วยป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) ยาจะฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง รวมทั้งลดรอยแดงจากสิว อาจใช้ร่วมกับยาตัวอื่น
ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางการรักษา เช่น โดยแรก ๆ อาจใช้ยาปฏิชีวินะควบคู่กับเรตินอยด์ โดยทายาปฏิชีวนะใน
ตอนเช้า และทาเรตินอยด์ในตอนเย็น หรือใช้ร่วมกับเบนโึอิล เพอร์ออกไึด์ เพื่อลดปฏิกิริยาดื้อยาปฏิชีวนะ เช่น
ใช้คลินดามัยึิน (Clindamycin) ร่วมกับเบนโึอิล เพอร์ออกไึด์ และอีริโทรมัยึิน (Erythromycin) ร่วมกับเบน
โึอิล เพอร์ออกไึด์ เปนต้น
แดพโึน (Dapsone) เปนยารักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียและการอักเสบของผิวหนัง ใช้ร่วมกับเรตินอยด์
เพื่อประสิทธิผลทางการรักษาสูงสุด อาจมีผลข้างเคียงอย่างผิวแห้งและเปนรอยแดง
การรักษาด้วยยา แบบยารับประทาน
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) ใช้ลดเชื้อแบคทีเรียและต้านการอักเสบ ใช้เมื่อผู้ป่วยเปนสิวอักเสบในระดับปาน
กลางไปจนถึงรุนแรง สามารถใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะแบบทาได้ โดยแพทย์จะจ่ายยาตามความเหมาะสม เพื่อป้องกัน
ไม่ให้ร่างกายต้านสารหรือดื้อยา ส่วนผลข้างเคียงที่อาจพบจากการใช้ยา ได้แก่ ท้องไส้ปั่นป่วน เวียนศีรษะ เพิ่มความ
บอบบางให้ผิวไวต่อแดด เปนต้น โดยตัวยาที่ใช้ คือ ยากลุ่มเตตราึัยคลีน (Tetracycline) เช่น ดอกึีึัยคลีน
(Doxycycline)
ยาคุมกาเนิดแบบฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive) เปนประโยชน์ต่อการรักษาผู้ป่วยและ
วัยรุ่นเพศหญิง เพราะตัวยามีฮอร์โมนเอสโตรเจนึึ่งเปนฮอร์โมนเพศหญิง ส่งผลต่อกระบวนการผลิตขนและน้ามัน ลด
ความเสี่ยงของการอุดตันจนทาให้เกิดสิว แต่มีผลข้างเคียง คือ อาการปวดหัว คลื่นไส้ ปวดหน้าอก น้าหนักเพิ่มขึ้น มี
เลือดไหลก่อนมีประจาเดือน และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
ยาต้านฮอร์โมนเพศชาย (Anti-androgen) จะลดผลกระทบที่เกิดจากการมีฮอร์โมนเพศชายสะสมที่ต่อม
ไขมันใต้ผิวมากเกินไป จนทาให้เกิดการผลิตขนและน้ามันมากจนเสี่ยงต่อการเกิดสิว อาจนามาใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยึึ่ง
เปนผู้หญิงหรือวัยรุ่นเพศหญิงรับประทานยาปฏิชีวนะแล้วไม่ได้ผล โดยมีผลข้างเคียง อย่างอาการปวดเต้านม ปวด
ประจาเดือนมาก เปนต้น
ไอโึเตรติโนอิน (Isotretinoin) ยาอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ ใช้ในผู้ป่วยที่มีสิวอักเสบในระดับรุนแรงมาก
ที่สุด และผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาสิวด้วยวิธีอื่น ๆ โดยผู้ที่ใช้ยาต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะ
ด้วยประสิทธิภาพทางการรักษาสูงสุดก็ทาให้ยานี้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพสูงด้วยเช่นกัน เช่น เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะ
ึึมเศร้า หรือภาวะึึมเศร้าที่นาไปสู่การฆ่าตัวตาย เสี่ยงต่อโรคลาไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง และเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ที่จะ
พิการรุนแรงแต่กาเนิด
การรักษาด้วยวิธีการบาบัด
การกดสิว ใช้ในกรณีที่รักษาด้วยยาแล้วสิวหัวดาและสิวหัวขาวยังไม่หมดไป โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือช่วยใน
การบีบเอาสิ่งที่อุดตันภายในสิวออกมา ผลข้างเคียง คือ อาจเกิดร่องรอยหรือรอยแผลเปนได้
- 5. 5
การผลัดเึลล์ผิว ใช้กระบวนการทางเคมีมาช่วยในการรักษา เช่น การใช้กรดึาลิเึลิกเพื่อขัดลอกผิวชั้นนอก
ลดการอุดตันของน้ามันและเึลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว โดยจะมีประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุดเมื่อใช้ร่วมกับวิธีการรักษา
อื่น ๆ ยกเว้นการรับประทานยาเรตินอยด์ เพราะจะทาให้ผิวแพ้ง่ายและระคายเคือง ผลข้างเคียงที่พบ คือ อาจเกิด
รอยแดง ผิวพุพอง หรือหลุดล่อนออกมา
การฉีดสเตียรอยด์ (Steroid) เปนการรักษาสิวก้อนลึกและสิวึีสต์ ทาให้การบวมอักเสบของสิวหายไปโดยที่
ไม่ต้องบีบสิวออกมา ด้วยการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปยังบริเวณที่เปนสิว โดยมีผลข้างเคียง คือ ทาให้ผิวบางอาจเห็นรอย
เส้นเลือดใต้ผิวหนังได้
การฉายแสง (Light Therapy) เปนการฉายแสงเพื่อทาลายเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ การ
ฉายแสงต้องดาเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อควบคุมคุณภาพและปริมาณของแสงให้เหมาะสม การรักษาด้วยการ
ฉายแสงอาจมีผลข้างเคียง คือ เจ็บปวดบริเวณที่ฉายแสง รอยแดงที่เกิดหลังการฉายแสงึึ่งจะหายไปในภายหลัง และ
ผิวบริเวณที่ฉายแสงจะมีความไวต่อแสงแดด มีโอกาสแพ้แสงมากขึ้น
การรักษารอยแผลเปนที่เกิดจากสิว
การฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะฉีดสารเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อทาให้ผิวตึงและรอยแผลเปนดูจางลง เช่น พวกคอลลา
เจนหรือไขมัน แต่เปนการรักษาที่คงอยู่เพียงชั่วคราวและสารเหล่านั้นก็จะสลายไป หากรักษาด้วยวิธีนี้ต้องไปฉีดฟิล
เลอร์เปนระยะ ๆ ผลข้างเคียง คือ อาจเกิดการบวม แดง หรือรอยช้าเปนจ้าเลือดบริเวณผิวหนังได้
การผลัดเึลล์ผิว เปนการใช้กรดที่มีความเข้มข้นสูงในการขัดผิวทั้งเึลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วและบริเวณชั้น
ผิวหนังที่ลึกลงไปที่เปนรอยแผลเปน
การทาเลเึอร์ (Laser Resurfacing) เปนการยิงเลเึอร์เพื่อกาจัดเึลล์ผิวเก่าที่ไม่พึงประสงค์บริเวณที่เกิด
รอยแผลเปน และเปนการกระตุ้นให้ผลัดเึลล์ผิวใหม่
การฉายแสง เปนการฉายลาแสงที่ทาให้เกิดความร้อนแต่ไม่เปนอันตรายต่อผิวชั้นนอก เพื่อทาลายเึลล์ผิว
เก่า และกระตุ้นชั้นผิวหนังให้สร้างเึลล์ผิวใหม่ การฉายแสงเปนวิธีการรักษาที่ใช้เวลาในการทาน้อยกว่าวิธีอื่น แต่ต้อง
ทาึ้าหลายครั้งเพื่อผลการรักษาที่ดีขึ้น
การกรอผิว ใช้รักษารอยแผลเปนที่รุนแรงด้วยการใช้เครื่องกรอึึ่งเปนเครื่องมือแพทย์ในการขัดเอาเึลล์ผิว
เก่าที่เสียและตายแล้วบริเวณรอยแผลเปนออกไป หลังจากกรอเอาผิวที่เปนรอยแผลเปนออกไปแล้ว ผิวบริเวณนั้นก็จะ
กลมกลืนกับผิวบริเวณโดยรอบ
การทาศัลยกรรมผิวหนัง แพทย์จะผ่าตัดเอาเนื้อบริเวณหลุมสิวหรือแผลเปนที่เกิดจากสิวออกไป แล้วเย็บหรือ
ปลูกถ่ายเนื้อเยื่อใหม่แทนที่
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. รวบรวมข้อมูลการเกิดสิวและรักษาสิว
2. ทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง ค้นหาปัญหา ข้อเสีย หรือข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น
3. แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
4. ประเมินผล และพัฒนาระบบตามข้อคิดเห็น
- 6. 6
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. ใบปลิวความรู้เรื่องสิว
2. สิ่งของรักษาสิวที่ใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
งบประมาณ
1,000 บาท
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ผู้จัดทามีความเข้าใจในหัวข้อที่สนใจมากขึ้น
2. รู้จักชนิดของสิว
3. รู้วิธีรักษาและป้องกันการเกิดสิวแต่ละชนิดได้อย่างถูกต้อง
4. เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและการเจริญเติบโตของช่วงอายุวัย
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
แหล่งอ้างอิง
สิว/19 พฤศจิกายน 2562/จากเว็บไึต์
https://www.eucerin.co.th/skin-concerns/acne-prone-skin/how-blemishes-develop