1
ใบความรู้ที่ 1.2 เรื่อง ระบบนิเวศ
ความหมายของระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ (ecosystem) หมาย ถึง ระบบความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันใน
บริเวณนั้น และความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล้อมของแหล่งที่อยู่ ได้แก่ ดิน น้้า แสง ใน
ระบบนิเวศจะมีการถ่ายทอดพลังงานระหว่างกลุ่มสิ่งมีชีวิตกลุ่มต่างๆ และมีการหมุนเวียนสารต่างๆจาก
สิ่งแวดล้อมสู่สิ่งมีชีวิตและจากสิ่งมีชีวิต สู่สิ่งแวดล้อม
ประเภทของระบบนิเวศ
ระบบนิเวศมีอยู่ทุกหนทุกแห่งทั่วโลก มีมากมายหลายระบบ แต่ละระบบมีขนาดเล็กใหญ่
สลับซับซ้อนแตกต่างกัน โลกของเราจัดเป็นระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุด เรียกว่า โลกของสิ่งมีชีวิต
(biosphere) ซึ่งเป็นที่รวมระบบนิเวศหลากหลายระบบ
ส่วนที่จัดเป็นระบบนิเวศเล็ก ๆ
เช่น ทุ่งหญ้า หนองน้้า สระน้้า ริมรั้ว ใต้
ขอนไม้ผุ ระบบนิเวศแบ่งได้เป็น 2
ระบบใหญ่ ๆ คือ
1. ระบบนิเวศตามธรรมชาติ ได้แก่
ระบบนิเวศบนบก เช่น ป่าไม้ ทุ่งหญ้า
ทะเลทราย ระบบนิเวศแหล่งน้้า
แบ่งเป็นระบบนิเวศน้้าจืด เช่น แม่น้้า
ล้าคลอง หนอง บึง
ระบบนิเวศน้้าเค็ม เช่น ทะเล
มหาสมุทร
ระบบนิเวศน้้ากร่อยเช่น บริเวณปากแม่น้้า
2. ระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ระบบนิเวศชุมชนเมือง แหล่งเกษตรกรรม นิคมอุตสาหกรรม
หรือแม้กระทั่งตู้ปลา อ่างเลี้ยงปลา ก็จัดเป็นระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้น
องค์ประกอบของระบบนิเวศ
ระบบนิเวศบนโลกถึงแม้จะมีความหลากหลาย แต่ก็มี
โครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน คือ ประกอบไปด้วยส่วนส้าคัญ 2 ส่วน คือ
1. ส่วนประกอบที่ไม่มีชีวิต (abiotic component ) ประกอบด้วย
อนินทรียสาร ได้แก่ ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน น้้า
และคาร์บอน อินทรียสาร ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ฯลฯ
สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่ อุณหภูมิ แสง ความเป็นกรด
เป็นด่าง ความเค็มและความชื้น
2. ส่วนประกอบที่มีชีวิต (biotic component) ได้แก่ ผู้ผลิต
(producer) ผู้บริโภค (consumer) ผู้ย่อยสลาย (decomposer)
2
ผู้ผลิต (producer) คือ สิ่งมีชีวิตที่สามารถน้าพลังงานจากแสงอาทิตย์มาสังเคราะห์อาหารขึ้นได้
เอง ด้วยแร่ธาตุและสสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ได้แก่ พืชสีเขียว แพลงค์ตอนพืช และแบคทีเรียบางชนิด
ผู้บริโภค (consumer) คือ สิ่งมีชีวิตที่กินสิ่งมีชีวิตอื่นๆเป็นอาหาร แบ่งได้เป็น
- สิ่งมีชีวิตที่กินพืชเป็นอาหาร(herbivore)เช่นวัวควายกระต่ายและปลาที่กินพืชเล็กๆฯลฯ
- สิ่งมีชีวิตที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร (carnivore) เช่น เสือ สุนัข กบ สุนัขจิ้งจอก ฯลฯ
- สิ่งมีชีวิตที่กินทั้งพืช และสัตว์ ซึ่งเป็นล้าดับการกินสูงสุด (omnivore) เช่น มนุษย์
ผู้ย่อยสลาย (decomposer) เป็นพวกย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตให้เป็นสารอินทรีย์ได้
ความสัมพันธ์ของระบบนิเวศ มี 2 ลีกษณะคือ
1. ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่ แสง , อุณหภูมิ , น้้า ,
อากาศ ,ดินและแร่ธาตุในดิน
แสง เป็นปัจจัยส้าคัญที่มีอิทธิพลต่อการด้ารงชีวิต
ของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด เช่น
1. ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
2. การหุบและบานของดอกและใบของพืชหลาย
ชนิด เช่น ใบไมยราบ ใบกระถิน
3. มีอิทธิพลต่อเวลาการออกอาหารของสัตว์
อุณหภูมิ เป็นปัจัยส้าคัญที่มีอิธิพลต่อการด้ารงชีวิต
ของสิ่งมีชีวิตหลายประการ เช่น
1. อุณหภูมิมีผลต่อการหุบและบานของ
ดอกไม้บางชนิด เช่น ดอกบัวจะบานตอนกลางวัน
และจะหุบในตอนกลางคืน
2. อุณหภูมิมีผลต่อพฤติกรรมบางประการของสัตว์ เช่น การจ้าศีลมนฤดูหนาวของหมีขั้วโลก
3. อุณหภูมิมีผลต่อลักษณะและรูปร่างของสิ่งมีชีวิต เช่น สัตว์ในเขตหนาวจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า
สัตว์ในเขตร้อน หรือสัตว์บางชนิดที่อยู่ในเขตหนาวจะมีขนหนากว่าสัตว์ในเขตร้อน
น้้า เป็นปัจจัยส้าคัญที่มีอิทธิพลต่อการด้ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต เช่น
1. น้้าเป็นวัตถุดิบในการบวนการสังเคราะห์ด้วยแวงของพืช และน้้ายังเป็นตัวท้าละลายที่ส้าคัญที่ท้า
ให้แร่ธาตุต่างๆที่มีอยู่ในดินละลายและซึมสู่พื้นดินเพื่อให้พืชสามารถน้าไปใช้ได้
2. น้้าเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด
3. น้้าเป็นส่วนประกอบในเซลล์ร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
4. น้้าเป็นสื่อกลางในการช่วยขับของเสียออกจากร่างการของสิ่งมีชีวิต
ดินและแร่ธาตุในดิน เป็นปัจจัยส้าคัญที่มีอิทธิพลต่อการด้ารงชีวิต
1. ดินเป็นแล่งที่อยู่ของพืช อีกทั้งยังให้แร่ธาตุที่จ้าเป็นในการด้ารงชีวิต
2. ดินช่วยในการกักเก็บน้้าและอากาศ
3
3. ดินเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดบนโลก
อากาศเป็นปัจจัยส้าคัญที่มีอิทธิพลต่อการด้ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต เช่น
1. อากาศมีแก๊สออกซิเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จ้าเป็นต่อการด้ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิด
2. อากาศมีแก๊สออกซิเจน ที่ผสมอยู่ช่วยในการเผาไหม้
2. ความสัมพันธ์ระหว่างสางมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศ
2. ความสัมพันธ์ระหว่างสางมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศ
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในสายใยอาหารมีหลายรูปแบบ ได้แก่
2.1 ภาวะล่าเหยื่อ ( Predation ) หมายถึง การอยู่
ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตโดยฝ่ายหนึ่งจับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอาหาร
เรียกว่า ผู้ล่า (predator) ส่วนฝ่ายที่ถูกจับเป็นอาหารหรือ
ถูกล่า เรียกว่า เหยื่อ ( prey) เช่น -กบกับแมลง :กบเป็นผู้
ล่า แมลงเป็นผู้ถูกล่า และเหยี่ยวกับหนู:เหยี่ยวเป็นผู้ล่า
ส่วนหนูเป็นผู้ถูกล่า
2.2ภาวะพึ่งพา ( Mutualism ) หมายถึง การอยู่
ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดโดยต่างก็ได้รับประโยชน์ซึ่งกัน
และกัน หากแยกกันอยู่จะไม่สามารถด้ารงชีวิตต่อไปได้
เช่น ไลเคนส์ ( Lichens) : สาหร่ายอยู่ร่วมกับสาหร่าย
สาหร่ายได้รับความชื้นและแร่ธาตุจากรา ราได้รับอาหาร
และออกซิเจนจากสาหร่าย
2.3 ภาวะการได้ประโยชน์ ( Protocooperation ) หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต2 ชนิด โดย
ก็ได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน แม้แยกกันอยู่ก็สามารถด้ารงชีวิตได้ตามปกติ เช่น แมลงกับดอกไม้ : แมลง
ได้รับน้้าหวานจากดอกไม้ ส่วนดอกไม้ได้แมลงช่วยผสมเกสรท้าให้แพร่พันธุ์ได้ดีขึ้น
2.4ภาวะอิงอาศัยหรือภาวะเกื้อกูล ( Commensalism ) หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต2 ชนิด
โดยฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้และไม่เสียประโยชน์ เช่น
- ปลาฉลามกับเหาฉลาม : เหาฉลามเกาะติดกับปลาฉลาม ได้เศษอาหารจากปลาฉลามโดยปลา
ฉลามก็ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์อะไร
- พืชอิงอาศัย ( epiphyte) บน ต้นไม้ใหญ่ : พืชอิงอาศัย เช่น ชายผ้าสีดาหรือกล้วยไม้เกาะอยู่บน
ต้นไม้ใหญ่ ได้รับความชุ่มชื้นที่อยู่อาศัยและแสงสว่างที่เหมาะสมโดยต้นไม้ใหญ่ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์ ใดๆ
- นก ต่อ แตน ผึ้ง ท้ารังบนต้นไม้ : สัตว์เหล่านี้ได้ที่อยู่อาศัย หลบภัยจากศัตรูธรรมชาติโดยต้นไม้
ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์อะไร
2.5ภาวะปรสิต ( Parasitism ) หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด โดยฝ่ายหนึ่งได้
ประโยชน์ เรียกว่า ปรสิต ( parasite) อีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์เรียกว่าผู้ถูกอาศัย( host) เช่น
- เห็บ เหา ไร หมัด บนร่างกายสัตว์ : ปรสิตภายนอก ( ectoparasite) เหล่านี้ดูดเลือดจากร่างกาย
สัตว์จึงเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ ส่วนสัตว์เป็นฝ่ายเสียประโยชน์
4
- พยาธิ ในร่างกายสัตว์ :ปรสิตภายใน (endoparasite) จะดูดสารอาหารจากร่างกายสัตว์จึงเป็น
ฝ่ายได้ประโยชน์ส่วนสัตว์เป็นฝ่ายเสียประโยชน์
2.6ภาวะมีการย่อยสลาย (Saprphytism) เป็นความสัมพันธ์ที่กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ย่อยสลายอินทรีย
สารได้แก่ แบคทีเรีย ,เห็ด , รา จะสร้างสารออกมาย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตบางส่วนของสารที่ย่อยแล้ว จะดูด
กลับไกใช้ในการด้ารงชีวิต
การหมุนเวียงของสารในระบบนิเวศ
โดยทั่วไปในสภาวะแวดล้อมจะมี
แร่ธาตุและสารต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบ
อยู่แล้วตามธรรมชาติ สิ่ง มีชีวิตไม่
เพียงแต่ใช้ แร่ธาตุและสารจากธรรมชาติ
แต่กิจกรรมการด้ารงชีวิตก็มีการปล่อย
สารบางอย่างกลับคืนสู่ธรรมชาติด้วย
วนเวียนกันเป็นวัฏจักร
การหมุนเวียงน้้าในระบบนิเวศ
น้้าเป็นสิ่งจ้าเป็นต่อชีวิตอย่างยิ่ง
น้้าเป็นตัวกลางของกระบวนการต่าง ๆ ในสิ่งมีชีวิต
จากการวิเคราะห์องค์ประกอบของเซลล์ของ
สิ่งมีชีวิต พบว่ามีน้้าเป็นองค์ประกอบในปริมาณ
มาก
บางชนิดมีน้้าเป็นองค์ประกอบในเซลล์ถึงร้อยละ
95 สิ่งมีชีวิตจ้านวนมากอาศัยน้้าเป็นแหล่งที่อยู่
เพราะผิวโลกเราประกอบด้วยพื้นน้้าถึง 3 ใน 4
ส่วน
การหมุนวียงไนโตรเจนในระบบนิเวศ
ไนโตรเจน เป็นแร่ธาตุส้าคัญที่พืชต้องการใน
ปริมาณมาก พืชจะใช้ไนโตรเจนในรูปของ
สารประกอบพวกเกลือแอมโมเนีย เกลือไนไตร
เกลือไนเตรต เพื่อสร้างสารประกอบอื่น ๆ ในเซลล์
ส่วนสัตว์จะได้รับสารดังกล่าว โดยถ่ายทอดมาใน
สายใยอาหาร สิ่งมีชีวิตในดิน พวกจุลินทรีย์ เช่น
แบคทีเรียไรโซเบียม ในปมรากพืชตระกูลถั่ว
แบคทีเรียที่ด้ารงชีพอิสระ ใน ดิน และสาหร่ายสี
เขียวแกมน้้าเงินบางชนิด สามารถตรึงไนโตรเจน
5
จากบรรยากาศ แล้วเปลี่ยนเป็นสารประกอบของไนโตรเจนที่พืชสามารถน้าไปใช้ได้ ในขณะเดียวกันก็มี
จุลินทรีย์บางชนิดที่เป็นผู้ย่อยสลายอินทรีย์สารย่อยสลายซากพืชและสัตว์ที่ ตายลง กลาย เป็นไนโตรเจน
อิสระกลับคืนสู่บรรยากาศ และได้สารประกอบไนโตรเจนในดินที่พืชสามารถ น้าไปใช้ได้ นอกจากนี้
ไนโตรเจนอีกส่วนหนึ่งจะกลับคืนสู่บรรยากาศ โดยสัตว์ขับถ่ายสาร ประกอบไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนีย
พืชบางชนิด เช่น - หม้อข้าวหม้อแกงลิง หยาดน้้าค้าง กาบหอยแครง ได้รับสารประกอบไนโตรเจนแตกต่าง
จาก พืชอื่น โดยมีส่วนของใบเปลี่ยนแปลงไปคลายกับดักแมลง เมื่อแมลงตกลงไปจะมี เอนไซม์ย่อยเนื้อเยื่อ
แมลง ได้เป็นสารประกอบไนโตรเจนที่เข้าสู่เซลล์พืชได้
การหมุนเวียงคาร์บอนในระบบนิเวศ
คาร์บอน เป็นองค์ประกอบส้าคัญอย่างหนึ่งของสารที่พบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด คาร์บอนไดออกไซด์ใน
บรรยากาศถูกพืชน้ามาเปลี่ยนแปลงเป็นสารอินทรีย์ที่มี คาร์บอน เป็นองค์ประกอบในพืชโดยกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสง สัตว์ได้รับสารที่มีคาร์บอน เป็นองค์ประกอบโดยการกินอาหาร ส้าหรับกลุ่มผู้ย่อยสลาย
อินทรีย์สาร ก็ได้รับสาร คาร์บอนจากกระบวนการย่อยสลาย สิ่งมีชีวิตทุกชนิดปล่อยคาร์บอนกลับคืนสู่
บรรยากาศ โดยการหายใจออกในรูปของคาร์บอน ไดออกไซด์ ซึ่งพืชก็น้ามาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์
ด้วยแสงอีก ในระบบนิเวศ จึงมีการหมุนเวียนคาร์บอนตลอดเวลา
ใบงาน
จากใบความรู้ที่ 1.2 ให้นักเรียนออกข้อสอบปรนัยแบบ 4 ตัวเลือก จ้านวน 5 ข้อ พร้อมกับ
วงกลมตัวเลือกที่ถูก

ใบความรู้ที่ 1.2

  • 1.
    1 ใบความรู้ที่ 1.2 เรื่องระบบนิเวศ ความหมายของระบบนิเวศ ระบบนิเวศ (ecosystem) หมาย ถึง ระบบความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันใน บริเวณนั้น และความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล้อมของแหล่งที่อยู่ ได้แก่ ดิน น้้า แสง ใน ระบบนิเวศจะมีการถ่ายทอดพลังงานระหว่างกลุ่มสิ่งมีชีวิตกลุ่มต่างๆ และมีการหมุนเวียนสารต่างๆจาก สิ่งแวดล้อมสู่สิ่งมีชีวิตและจากสิ่งมีชีวิต สู่สิ่งแวดล้อม ประเภทของระบบนิเวศ ระบบนิเวศมีอยู่ทุกหนทุกแห่งทั่วโลก มีมากมายหลายระบบ แต่ละระบบมีขนาดเล็กใหญ่ สลับซับซ้อนแตกต่างกัน โลกของเราจัดเป็นระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุด เรียกว่า โลกของสิ่งมีชีวิต (biosphere) ซึ่งเป็นที่รวมระบบนิเวศหลากหลายระบบ ส่วนที่จัดเป็นระบบนิเวศเล็ก ๆ เช่น ทุ่งหญ้า หนองน้้า สระน้้า ริมรั้ว ใต้ ขอนไม้ผุ ระบบนิเวศแบ่งได้เป็น 2 ระบบใหญ่ ๆ คือ 1. ระบบนิเวศตามธรรมชาติ ได้แก่ ระบบนิเวศบนบก เช่น ป่าไม้ ทุ่งหญ้า ทะเลทราย ระบบนิเวศแหล่งน้้า แบ่งเป็นระบบนิเวศน้้าจืด เช่น แม่น้้า ล้าคลอง หนอง บึง ระบบนิเวศน้้าเค็ม เช่น ทะเล มหาสมุทร ระบบนิเวศน้้ากร่อยเช่น บริเวณปากแม่น้้า 2. ระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ระบบนิเวศชุมชนเมือง แหล่งเกษตรกรรม นิคมอุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งตู้ปลา อ่างเลี้ยงปลา ก็จัดเป็นระบบนิเวศที่มนุษย์สร้างขึ้น องค์ประกอบของระบบนิเวศ ระบบนิเวศบนโลกถึงแม้จะมีความหลากหลาย แต่ก็มี โครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน คือ ประกอบไปด้วยส่วนส้าคัญ 2 ส่วน คือ 1. ส่วนประกอบที่ไม่มีชีวิต (abiotic component ) ประกอบด้วย อนินทรียสาร ได้แก่ ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน น้้า และคาร์บอน อินทรียสาร ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ฯลฯ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่ อุณหภูมิ แสง ความเป็นกรด เป็นด่าง ความเค็มและความชื้น 2. ส่วนประกอบที่มีชีวิต (biotic component) ได้แก่ ผู้ผลิต (producer) ผู้บริโภค (consumer) ผู้ย่อยสลาย (decomposer)
  • 2.
    2 ผู้ผลิต (producer) คือสิ่งมีชีวิตที่สามารถน้าพลังงานจากแสงอาทิตย์มาสังเคราะห์อาหารขึ้นได้ เอง ด้วยแร่ธาตุและสสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ได้แก่ พืชสีเขียว แพลงค์ตอนพืช และแบคทีเรียบางชนิด ผู้บริโภค (consumer) คือ สิ่งมีชีวิตที่กินสิ่งมีชีวิตอื่นๆเป็นอาหาร แบ่งได้เป็น - สิ่งมีชีวิตที่กินพืชเป็นอาหาร(herbivore)เช่นวัวควายกระต่ายและปลาที่กินพืชเล็กๆฯลฯ - สิ่งมีชีวิตที่กินสัตว์อื่นเป็นอาหาร (carnivore) เช่น เสือ สุนัข กบ สุนัขจิ้งจอก ฯลฯ - สิ่งมีชีวิตที่กินทั้งพืช และสัตว์ ซึ่งเป็นล้าดับการกินสูงสุด (omnivore) เช่น มนุษย์ ผู้ย่อยสลาย (decomposer) เป็นพวกย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตให้เป็นสารอินทรีย์ได้ ความสัมพันธ์ของระบบนิเวศ มี 2 ลีกษณะคือ 1. ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่ แสง , อุณหภูมิ , น้้า , อากาศ ,ดินและแร่ธาตุในดิน แสง เป็นปัจจัยส้าคัญที่มีอิทธิพลต่อการด้ารงชีวิต ของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด เช่น 1. ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช 2. การหุบและบานของดอกและใบของพืชหลาย ชนิด เช่น ใบไมยราบ ใบกระถิน 3. มีอิทธิพลต่อเวลาการออกอาหารของสัตว์ อุณหภูมิ เป็นปัจัยส้าคัญที่มีอิธิพลต่อการด้ารงชีวิต ของสิ่งมีชีวิตหลายประการ เช่น 1. อุณหภูมิมีผลต่อการหุบและบานของ ดอกไม้บางชนิด เช่น ดอกบัวจะบานตอนกลางวัน และจะหุบในตอนกลางคืน 2. อุณหภูมิมีผลต่อพฤติกรรมบางประการของสัตว์ เช่น การจ้าศีลมนฤดูหนาวของหมีขั้วโลก 3. อุณหภูมิมีผลต่อลักษณะและรูปร่างของสิ่งมีชีวิต เช่น สัตว์ในเขตหนาวจะมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า สัตว์ในเขตร้อน หรือสัตว์บางชนิดที่อยู่ในเขตหนาวจะมีขนหนากว่าสัตว์ในเขตร้อน น้้า เป็นปัจจัยส้าคัญที่มีอิทธิพลต่อการด้ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต เช่น 1. น้้าเป็นวัตถุดิบในการบวนการสังเคราะห์ด้วยแวงของพืช และน้้ายังเป็นตัวท้าละลายที่ส้าคัญที่ท้า ให้แร่ธาตุต่างๆที่มีอยู่ในดินละลายและซึมสู่พื้นดินเพื่อให้พืชสามารถน้าไปใช้ได้ 2. น้้าเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด 3. น้้าเป็นส่วนประกอบในเซลล์ร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด 4. น้้าเป็นสื่อกลางในการช่วยขับของเสียออกจากร่างการของสิ่งมีชีวิต ดินและแร่ธาตุในดิน เป็นปัจจัยส้าคัญที่มีอิทธิพลต่อการด้ารงชีวิต 1. ดินเป็นแล่งที่อยู่ของพืช อีกทั้งยังให้แร่ธาตุที่จ้าเป็นในการด้ารงชีวิต 2. ดินช่วยในการกักเก็บน้้าและอากาศ
  • 3.
    3 3. ดินเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดบนโลก อากาศเป็นปัจจัยส้าคัญที่มีอิทธิพลต่อการด้ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิต เช่น 1.อากาศมีแก๊สออกซิเจน ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่จ้าเป็นต่อการด้ารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิด 2. อากาศมีแก๊สออกซิเจน ที่ผสมอยู่ช่วยในการเผาไหม้ 2. ความสัมพันธ์ระหว่างสางมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศ 2. ความสัมพันธ์ระหว่างสางมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตในสายใยอาหารมีหลายรูปแบบ ได้แก่ 2.1 ภาวะล่าเหยื่อ ( Predation ) หมายถึง การอยู่ ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตโดยฝ่ายหนึ่งจับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอาหาร เรียกว่า ผู้ล่า (predator) ส่วนฝ่ายที่ถูกจับเป็นอาหารหรือ ถูกล่า เรียกว่า เหยื่อ ( prey) เช่น -กบกับแมลง :กบเป็นผู้ ล่า แมลงเป็นผู้ถูกล่า และเหยี่ยวกับหนู:เหยี่ยวเป็นผู้ล่า ส่วนหนูเป็นผู้ถูกล่า 2.2ภาวะพึ่งพา ( Mutualism ) หมายถึง การอยู่ ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดโดยต่างก็ได้รับประโยชน์ซึ่งกัน และกัน หากแยกกันอยู่จะไม่สามารถด้ารงชีวิตต่อไปได้ เช่น ไลเคนส์ ( Lichens) : สาหร่ายอยู่ร่วมกับสาหร่าย สาหร่ายได้รับความชื้นและแร่ธาตุจากรา ราได้รับอาหาร และออกซิเจนจากสาหร่าย 2.3 ภาวะการได้ประโยชน์ ( Protocooperation ) หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต2 ชนิด โดย ก็ได้รับประโยชน์ซึ่งกันและกัน แม้แยกกันอยู่ก็สามารถด้ารงชีวิตได้ตามปกติ เช่น แมลงกับดอกไม้ : แมลง ได้รับน้้าหวานจากดอกไม้ ส่วนดอกไม้ได้แมลงช่วยผสมเกสรท้าให้แพร่พันธุ์ได้ดีขึ้น 2.4ภาวะอิงอาศัยหรือภาวะเกื้อกูล ( Commensalism ) หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต2 ชนิด โดยฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้และไม่เสียประโยชน์ เช่น - ปลาฉลามกับเหาฉลาม : เหาฉลามเกาะติดกับปลาฉลาม ได้เศษอาหารจากปลาฉลามโดยปลา ฉลามก็ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์อะไร - พืชอิงอาศัย ( epiphyte) บน ต้นไม้ใหญ่ : พืชอิงอาศัย เช่น ชายผ้าสีดาหรือกล้วยไม้เกาะอยู่บน ต้นไม้ใหญ่ ได้รับความชุ่มชื้นที่อยู่อาศัยและแสงสว่างที่เหมาะสมโดยต้นไม้ใหญ่ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์ ใดๆ - นก ต่อ แตน ผึ้ง ท้ารังบนต้นไม้ : สัตว์เหล่านี้ได้ที่อยู่อาศัย หลบภัยจากศัตรูธรรมชาติโดยต้นไม้ ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์อะไร 2.5ภาวะปรสิต ( Parasitism ) หมายถึง การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิด โดยฝ่ายหนึ่งได้ ประโยชน์ เรียกว่า ปรสิต ( parasite) อีกฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์เรียกว่าผู้ถูกอาศัย( host) เช่น - เห็บ เหา ไร หมัด บนร่างกายสัตว์ : ปรสิตภายนอก ( ectoparasite) เหล่านี้ดูดเลือดจากร่างกาย สัตว์จึงเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ ส่วนสัตว์เป็นฝ่ายเสียประโยชน์
  • 4.
    4 - พยาธิ ในร่างกายสัตว์:ปรสิตภายใน (endoparasite) จะดูดสารอาหารจากร่างกายสัตว์จึงเป็น ฝ่ายได้ประโยชน์ส่วนสัตว์เป็นฝ่ายเสียประโยชน์ 2.6ภาวะมีการย่อยสลาย (Saprphytism) เป็นความสัมพันธ์ที่กลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้ย่อยสลายอินทรีย สารได้แก่ แบคทีเรีย ,เห็ด , รา จะสร้างสารออกมาย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตบางส่วนของสารที่ย่อยแล้ว จะดูด กลับไกใช้ในการด้ารงชีวิต การหมุนเวียงของสารในระบบนิเวศ โดยทั่วไปในสภาวะแวดล้อมจะมี แร่ธาตุและสารต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบ อยู่แล้วตามธรรมชาติ สิ่ง มีชีวิตไม่ เพียงแต่ใช้ แร่ธาตุและสารจากธรรมชาติ แต่กิจกรรมการด้ารงชีวิตก็มีการปล่อย สารบางอย่างกลับคืนสู่ธรรมชาติด้วย วนเวียนกันเป็นวัฏจักร การหมุนเวียงน้้าในระบบนิเวศ น้้าเป็นสิ่งจ้าเป็นต่อชีวิตอย่างยิ่ง น้้าเป็นตัวกลางของกระบวนการต่าง ๆ ในสิ่งมีชีวิต จากการวิเคราะห์องค์ประกอบของเซลล์ของ สิ่งมีชีวิต พบว่ามีน้้าเป็นองค์ประกอบในปริมาณ มาก บางชนิดมีน้้าเป็นองค์ประกอบในเซลล์ถึงร้อยละ 95 สิ่งมีชีวิตจ้านวนมากอาศัยน้้าเป็นแหล่งที่อยู่ เพราะผิวโลกเราประกอบด้วยพื้นน้้าถึง 3 ใน 4 ส่วน การหมุนวียงไนโตรเจนในระบบนิเวศ ไนโตรเจน เป็นแร่ธาตุส้าคัญที่พืชต้องการใน ปริมาณมาก พืชจะใช้ไนโตรเจนในรูปของ สารประกอบพวกเกลือแอมโมเนีย เกลือไนไตร เกลือไนเตรต เพื่อสร้างสารประกอบอื่น ๆ ในเซลล์ ส่วนสัตว์จะได้รับสารดังกล่าว โดยถ่ายทอดมาใน สายใยอาหาร สิ่งมีชีวิตในดิน พวกจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรียไรโซเบียม ในปมรากพืชตระกูลถั่ว แบคทีเรียที่ด้ารงชีพอิสระ ใน ดิน และสาหร่ายสี เขียวแกมน้้าเงินบางชนิด สามารถตรึงไนโตรเจน
  • 5.
    5 จากบรรยากาศ แล้วเปลี่ยนเป็นสารประกอบของไนโตรเจนที่พืชสามารถน้าไปใช้ได้ ในขณะเดียวกันก็มี จุลินทรีย์บางชนิดที่เป็นผู้ย่อยสลายอินทรีย์สารย่อยสลายซากพืชและสัตว์ที่ตายลง กลาย เป็นไนโตรเจน อิสระกลับคืนสู่บรรยากาศ และได้สารประกอบไนโตรเจนในดินที่พืชสามารถ น้าไปใช้ได้ นอกจากนี้ ไนโตรเจนอีกส่วนหนึ่งจะกลับคืนสู่บรรยากาศ โดยสัตว์ขับถ่ายสาร ประกอบไนโตรเจนในรูปของแอมโมเนีย พืชบางชนิด เช่น - หม้อข้าวหม้อแกงลิง หยาดน้้าค้าง กาบหอยแครง ได้รับสารประกอบไนโตรเจนแตกต่าง จาก พืชอื่น โดยมีส่วนของใบเปลี่ยนแปลงไปคลายกับดักแมลง เมื่อแมลงตกลงไปจะมี เอนไซม์ย่อยเนื้อเยื่อ แมลง ได้เป็นสารประกอบไนโตรเจนที่เข้าสู่เซลล์พืชได้ การหมุนเวียงคาร์บอนในระบบนิเวศ คาร์บอน เป็นองค์ประกอบส้าคัญอย่างหนึ่งของสารที่พบในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด คาร์บอนไดออกไซด์ใน บรรยากาศถูกพืชน้ามาเปลี่ยนแปลงเป็นสารอินทรีย์ที่มี คาร์บอน เป็นองค์ประกอบในพืชโดยกระบวนการ สังเคราะห์ด้วยแสง สัตว์ได้รับสารที่มีคาร์บอน เป็นองค์ประกอบโดยการกินอาหาร ส้าหรับกลุ่มผู้ย่อยสลาย อินทรีย์สาร ก็ได้รับสาร คาร์บอนจากกระบวนการย่อยสลาย สิ่งมีชีวิตทุกชนิดปล่อยคาร์บอนกลับคืนสู่ บรรยากาศ โดยการหายใจออกในรูปของคาร์บอน ไดออกไซด์ ซึ่งพืชก็น้ามาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ ด้วยแสงอีก ในระบบนิเวศ จึงมีการหมุนเวียนคาร์บอนตลอดเวลา ใบงาน จากใบความรู้ที่ 1.2 ให้นักเรียนออกข้อสอบปรนัยแบบ 4 ตัวเลือก จ้านวน 5 ข้อ พร้อมกับ วงกลมตัวเลือกที่ถูก