More Related Content
Similar to งานนำเสนอ1 (20)
งานนำเสนอ1
- 2. 1. เครื่องใช้ไฟฟา หมายถึง เครื่องมือที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟาเป็ นพลังงานรูปให้ความ
้ ้
เป็ นอยูของคนในบ้าน ในชุมชน ในสังคม มีความสุขและสะดวกต่างๆที่ตองการ เช่น
่ ้
พลังงานความร้อน พลังงานเสียง พลังงานกล พลังงานเคมี และช่วยสบาย แต่ถาใช้กน ้ ั
อย่างไม่ถกต้อง หรือไม่เหมาะสม ก็จะส่งผลกรทบต่อสภาพแวดล้อม เช่น การสร้างเขือน
ู ่
เพื่อผลิตกระแสไฟฟาทาให้เนือที่ป่าถูกทาลายทังสัตว์ตางๆ ที่ดารงชิวิตอยูในบริเวณนัน
้ ้ ้ ่ ่ ้
หรือการผลิตกระแสไฟฟาจากเชือเพลิง ก็สงผลกระทบ โดยเกิดมลภาวะทางอากาศ และ
้ ้ ่
ทางนาได้
- 3. 2. ข้อควรระวังในการใช้เครื่องใช้ไฟฟา- ใช้เครื่องใช้ไฟฟา และอุปกรณ์ไฟฟาอย่าง
้ ้ ้
ระมัดระวัง- หมันตรวจดูแลสายไฟ และอุปกรณ์ไฟฟาให้อยูในสภาพที่ใช้ได้ดีและปลอดภัย-
่ ้ ่
ถ้าไม่มความรูจริง อย่าแก้หรือซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟาเองเป็ นอันขาด ผลเสียที่จะเกิดขึน
ี ้ ้ ้
เมือใช้เครื่องใช้ไฟฟาอย่างไม่ระมัดระวัง- ถูกไฟฟาช็อต เนืองจากไฟฟาลัดวงจร หรือไฟฟา
่ ้ ้ ่ ้ ้
รัว- เกิดเพลิงไหม้เนืองจากไฟฟาลัดวงจร หรือไฟฟารัว
่ ่ ้ ้ ่
3. อุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟาเป็ นพลังงานแสง ได้แก่ หลอดไฟฟาหลอดฟลูออเรส
้ ้
เซนต์ และหลอดไฟโฆษณา โธมัส แอลวา เอดิสน (ThomasAlva Edison) นัก
ั
ฟิ สิกส์ชาวอเมริกน ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟา ขึนเป็ นครังแรกเมื่อ พ.ศ. 2422 โดยใช้
ั ้ ้ ้
คาร์บอนเส้นเล็กๆเป็ นไส้หลอดและต่อมาได้มีการพัฒนาขึน จนเป็ นหลอดไฟฟาที่ใช้ใน
้ ้
ปั จจุบน
ั
- 4. 4. หลอดไฟฟา เป็ นเครื่องใช้ไฟฟาที่มใช้ในทุกบ้านที่มการใช้พลังงานไฟฟา เป็ นเครื่องใช้ที่
้ ้ ี ี ้
เปลี่ยนพลังงานไฟฟา ไปเป็ นพลังงานแสง หลอดไฟฟาที่ใช้ทวไป มี 3 ชนิด คือ1. หลอด
้ ้ ั่
ไฟฟาแบบธรรมดา หลอดไฟฟาแบบธรรมดา มีการเปลี่ยนรูปพลังงานจากพลังงานไฟฟา
้ ้ ้
เป็ นพลังงานความร้อน แล้วจึงเปลี่ยนเป็ นพลังงานแสง หลอดไฟฟาแบบธรรมดามี 2
้
แบบ คือแบบเกลียวและแบบเขียว มีสวนประกอบดังนี้
้ ่
5. 1.1 ไส้หลอด ทาด้วยโลหะที่มจดหลอดเหลวสูง ทนความร้อนได้มาก มีความทานสูง เช่น ทังสเตน
ี ุ
1.2 หลอดแก้วทาจากแก้วที่ทนความร้อนได้ดี ไม่แตกง่าย สูบอากาศออกจนหมดภายในบรรจุกาซ ๊
ไนโตรเจนและอาร์กอนเล็กน้อย ก๊าซชนิดนีทาปฏิกิริยายากช่วยปองกันไม่ให้ไส้หลอดระเหิดไปจับที่
้ ้
หลอดแก้ว และช่วยไม่ให้ไส้หลอดไม่ขาดง่าย ถ้าบรรจุกาซออกซิเจนจะทาปฏิกิริยากับไส้หลอด ซึ่งทาให้ไส้
๊
หลอดขาดง่าย 1.3 ขัวหลอดไฟ เป็ นจุดต่อวงจรไฟฟา มี 2 แบบ คือ แบบเขียวและแบบเกลียว เนืองจาก
้ ้ ้ ่
หลอดไฟฟาประเภทนีให้แสงสว่างได้ดวยการเปลี่ยนพลังงานไฟฟาเป็ นพลังงานความร้อนก่อนที่จะให้แสง
้ ้ ้ ้
สว่างออกมา จึงทาให้สิ้นเปลือง พลังงานไฟฟามากกว่าหลอดชนิดอื่น ในขนาดกาลังไฟฟา ของหลอดไฟ
้ ้
ซึ่งจะกาหนดไว้ที่หลอดไฟทุกดวง เช่นหลอดไฟฟาขนาด 100 วัตต์ เป็ นต้น
้
- 5. 6. หลักการทางานของหลอดไฟฟาธรรมดา การที่หลอด ไฟฟาให้แสงสว่างได้เป็ นไป
้ ้
ตามหลักการดังนี้ เมือกระแสไฟฟาไหลผ่านไส้หลอด ซึ่งมีความต้านทานสูง พลังงาน
่ ้
ไฟฟาจะเปลี่ยนเป็ นพลังงานความร้อน ทาให้ไส้หลอดร้อนจัดจนเปล่งแสง ออกมาได้ ซึ่ง
้
มีการเปลี่ยนรูปพลังงานดังนี้ พลังงานไฟฟา ----> พลังงานความร้อน ---->
้
พลังงานแสง
7. 2.หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์(Fluorescent Lamp) หลอด
เรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp) ทาด้วยหลอดแก้วที่
สูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทไว้เล็กน้อย มีไส้ที่ปลายหลอดทังสองข้าง หลอด
้
เรืองแสงอาจทาเป็ นหลอดตรง หรือครึ่งวงกลมก็ได้ ส่วนประกอบและการทางานของ
หลอดเรืองแสง มีดงนี้
ั
- 6. 8. 2.1 ตัวหลอด ภายในสูบอากาศออกจนหมดแล้วบรรจุไอปรอทและก๊าซอาร์กอน
เล็กน้อย ผิวด้านในของหลอดเรืองแสงฉาบด้วยสารเรืองแสงชนิดต่างๆแล้วแต่ความ
ต้องการให้เรืองแสงเป็ นสีใด เช่น ถ้าต้องการให้เรืองแสงสีเขียว ต้องฉาบด้วยสารซิงค์ซิ
ลิเคต แสงสีขาวแกมฟาฉาบด้วยมักเนเซียมทังสเตน แสงสีชมพูฉาบด้วยแคดเนียมบอเรต
้
เป็ นต้น 2.2 ไส้หลอด ทาด้วยทังสเตนหรือวุลแฟรมอยูที่ปลายทังสองข้าง เมือ
่ ้ ่
กระแสไฟฟาผ่านไส้หลอดจะทาให้ไส้หลอดร้อนขึน ความร้อนที่เกิดขึนจะทาให้ไอปรอทที่
้ ้ ้
บรรจุไว้ในหลอดกลายเป็ นไอมากขึน แต่ขณะนันกระแสไฟฟายังผ่านไอปรอทไม่สะดวก
้ ้ ้
เพราะปรอทยังเป็ นไอน้อยทาให้ความต้านทานของหลอดสูง
- 7. 9. 2.3 สตาร์ตเตอร์ ทาหน้าที่เป็ นสวิตซ์ไฟฟาอัตโนมัตของวงจรโดยต่อขนานกับหลอด ทาด้วย
้ ิ
หลอดแก้วภายในบรรจุกาซนีออนและแผ่นโลหะคูที่งอตัวได้ เมือได้รบความร้อน เมือกระแสไฟฟา
๊ ่ ่ ั ่ ้
ผ่านก๊าซนีออน ก๊าซนีออนจะติดไฟเกิดความร้อนขึน ทาให้แผ่นโลหะคูงอจนแตะติดกันทาให้กลายเป็ น
้ ่
วงจรปิ ดทาให้กระแสไฟฟาผ่านแผ่น โลหะได้ครบวงจร ก๊าซนีออนที่ตด ิิไฟอยู่จะดับและเย็นลง แผ่น
้
โลหะคูจะแยกออกจากกันทาให้เกิดความต้านทานสูงขึนอย่างทันทีซึ่งขณะ เดียวกันกระแสไฟฟาจะ
่ ้ ้
ผ่านไส้หลอดได้มากขึนทาให้ไส้หลอดร้อนขึนมาก ปรอทก็ ิ้จะเป็ นไอมากขึนจนพอที่นากระแสไฟฟา
้ ้ ้
ได้ 2.4 แบลลัสต์ เป็ นขดลวดที่พนอยู่บนแกนเหล็ก ขณะกระแสไฟฟาไหลผ่านจะเกิดการเหนียวนา
ั ้ ่
แม่เหล็กไฟฟาทาให้เกิดแรงเคลื่อน ไฟฟาเหนียวนาขึน เมือแผ่นโลหะคูในสตาร์ตเตอร์แยกตัวออก
้ ้ ่ ้ ่ ่
จากกันนันจะเกิดวงจรเปิ ดชัวขณะ แรงเคลื่อนไฟฟาเหนียวนาที่เกิดขึนในแบลลัสต์จึงทาให้เกิดความ
้ ่ ้ ่ ้
ต่าง ศักย์ระหว่างไส้หลอดทังสองข้างสูงขึนเพียงพอที่จะทาให้กระแสไฟฟาไหลผ่าน ไอปรอทจากไส้
้ ้ ้
หลอดข้างหนึงไปยังไส้หลอดอีกข้างหนึงได้ แรงเคลื่อนไฟฟาเหนียวนาทีเิ่ กิดจากแบลลัสต์นนจะทา
่ ่ ้ ่ ั้
ให้เกิดกระแสไฟฟา เหนียวนาไหลสวนทางกับกระแสไฟฟาจากวงจรไฟฟาในบ้าน ทาให้กระแส ไฟฟา
้ ่ ้ ้ ้
ที่จะเข้าสูวงจรของหลอดเรืองแสงลดลง
่
- 8. 10. หลักการทางานของหลอดฟลูออเรสเซนต์ เมือกระแสไฟฟาผ่านไอปรอท จะคายพลังงานไฟฟา
่ ้ ้
ให้แก่ไอปรอท ซึ่งจะทาให้อะตอม ของไอปรอทอยู่ในสภาวะถูกกระตุน (exited state) เป็ นผลให้
้
อะตอมปรอทคายพลังงานออกมาเพื่อ ลดระดับพลังงานในตัวเองในรูปของรังสีอลตราไวโอเลต ซึ่ง
ั
มองไม่เห็น เมือรังสีชนิดนีไปกระทบกับสารวาวแสงที่ฉาบไว้ที่ผวด้านในของหลอดฟลูออเรส เซนต์
่ ้ ิ
สารเหล่านีจะเปล่งแสงได้ โดยให้แสงสีตางๆตามชนิดของสารวาวแสงที่ฉาบไว้ภายในหลอดนัน เช่น
้ ่ ้
ซิงค์ซิลิเคท (Zinc silicate) ให้แสงสีเขียว ซิงค์เบริลเลียมซิลิเคท (Zinc
Berylliumsilicate) ให้แสงสีเหลืองนวล นอกจากนียงอาจผสมสารวาวแสงเหล่านี้ เพื่อให้ได้
้ ั
แสงสีผสมที่แตกต่างกันออกไปได้อีกด้วย
11. 3.หลอดไฟโฆษณาหรือหลอดนีออน หลอดไฟโฆษณาหรือหลอดนีออน เป็ นหลอดแก้วที่ถกลนไฟ ู
แล้วดัดให้เป็ นรูปหรือตัวอักษร ไม่มไส้หลอดแต่ที่ปลายทังสองข้างจะมีขวไฟฟาทาด้วยโลหะต่อกับ
ี ้ ั้ ้
แหล่งกาเนิดไฟฟา ที่มความต่างศักย์สงประมาณ 10,000 โวลต์ ภายในหลอดสูบอากาศออกจน
้ ี ู
หมดแล้วใส่กาซบางชนิดที่ให้แสงสีตางๆออกมาเมื่อมีกระแสไฟฟาผ่าน เช่นก๊าซนีออนให้แสงสีแดง
๊ ่ ้
หรือส้ม ก๊าซฮีเลียมให้แสงสีชมพู ความต่างศักย์ที่สงมากๆ จะทาให้กาซที่บรรจุไว้ในหลอดเกิดการ
ู ๊
แตกตัวเป็ นนีออน และนาไฟฟาได้ เมือกระแสไฟฟาผ่านก๊าซเหล่านีจะทาให้กาซร้อนติดไฟให้แสงสี
้ ่ ้ ้ ๊
ต่างๆได้
- 9. 12. เครื่องใช้ไฟฟาที่ให้พลังงานความร้อน เป็ นเครื่องใช้ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟาเป็ นพลังงานความร้อน
้ ้
โดยใช้หลักการคือ เมือปล่อยกระแสไฟฟาผ่านขดลวดตัวนาที่มความต้านทานสูงๆ ลวดตัวนานันจะ
่ ้ ี ้
ร้อนจนสามารถนาความร้อนออกไปใช้ประโยชน์ได้ เนืองจากเป็ นเครื่องใช้ไฟฟาที่ให้พลังงานความร้อน
่ ้
มาก จึงสิ้นเปลี่ยนพลังงานไฟฟามากเมือเปรียบกับการใช้เครื่องใช้ไฟฟาประเภทอื่นๆ เมื่อใช้ในเวลาที่
้ ่ ้
เท่ากัน ฉะนันขณะใช้เครื่องใช้ไฟฟาให้พลังงานความร้อนจึงควรใช้ดวยความระมัดระวัง ตัวอย่าง
้ ้ ้
เครื่องใช้ไฟฟาที่ให้พลังงานความร้อน เช่น เตารีด หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟา กาต้มน้า เครื่องต้มกาแฟ
้ ้
เตาไฟฟา ฯลฯ
้
- 10. 13. ส่วนประกอบในเครื่องใช้ไฟฟาที่ให้พลังงานความร้อน มีดงนี้ 1. ขดลวดความร้อน หรือแผ่นความ
้ ั
ร้อน มักทาจากโลหะผสมระหว่างนิเกิลกับโครเมียม เรียกว่า นิโครม ซึ่งมีสมบัตคือมีจดหลอมเหลวสูง
ิ ุ
มากจึงทนความร้อนได้สงเมือมีความร้อนเกิดขึนมากๆจึงไม่ขาด และมีความต้านทานสูงมาก 2. เทอโม
ู ่ ้
สตาร์ท หรือสวิตซ์ความร้อนอัตโนมัติ ทาหน้าที่ควบคุมอุณหภูมไม่ให้รอนเกินไป มีสวนประกอบเป็ นโลหะ
ิ ้ ่
ต่างชนิดกัน 2 แผ่นมาประกบกัน เมือได้รบความร้อนจะขยายตัวได้ไม่เท่ากัน เช่น เหล็กกับทองเหลือง
่ ั
โดยให้แผ่นโลหะทีขยายตัวได้นอย(เหล็ก)อยู่ดานบน ส่วนโลหะที่จะขยายตัวได้มาก(ทองเหลือง)อยู่ดานล่าง
่ ้ ้ ้
เมือกระแสไฟฟาไหลผ่านแผ่นโลหะทังสองมากขึน จะทาให้มอณหภูมสงจนแผ่นโลหะทังสองซึ่งขยายตัวได้
่ ้ ้ ้ ี ุ ิ ู ้
ต่างกันโลหะที่ขยายตัวได้ มากจะขยายตัวโค้งงอ เป็ นเหตุให้จดสัมผัสแยกออกจากกัน เกิดเป็ นวงจรเปิ ด
ุ
กระแสไฟฟาจึงไหลผ่านไม่ได้ และเมือแผ่นโลหะทังสองเย็นลงก็จะสัมผัสกันเหมือนเดิม เกิดเป็ นวงจรปิ ด
้ ่ ้
กระแสไฟฟาจึงไหลผ่านได้อีกครังหนึง
้ ้ ่
- 11. 14. 3. แผ่นไมกา หรือ แผ่นใยหิน ซึ่งเป็ นฉนวนไฟฟา ในเครื่องใช้ไฟฟาที่ให้พลังงาน
้ ้
ความร้อนบางชนิด เช่นเตารีด หม้อหุงข้าว เตาไฟฟา จะมีแผ่นไมกา หรือใยหิน เพื่อ
้
ปองกันไม่ให้ขดลวดหลอมละลาย และปองกันไฟฟารัวขณะใช้งาน
้ ้ ้ ่
15. ข้อควรระวังในการใช้เครื่องใช้ไฟฟาที่ให้พลังงานความร้อน เนืองจาก
้ ่
เครื่องใช้ไฟฟาที่ให้พลังงานความร้อนจะมีกระแสไฟฟาปริมาณมากไหลผ่าน มากกว่า
้ ้
เครื่องใช้ประเภทอื่นๆ จึงควรใช้ดวยความระมัดระวังดังนี้ - หมันตรวจสอบดูแล
้ ่
สายไฟ เต้ารับ เต้าเสียบ ให้อยูในสภาพเรียบร้อยไม่ชารุด - เมือเลิกใช้งานต้องถอด
่ ่
เต้าเสียบออกจากเต้ารับทุกครังไม่ควรเสียบทิ้งไว้
้