More Related Content
Similar to เครื่องใช้ไฟฟ้า33 (20)
เครื่องใช้ไฟฟ้า33
- 3. เครื่องใช้ ไฟฟาที่ให้ พลังงานแสงสว่ าง
้
• เครื่ องใช้ ไฟฟาที่ทาหน้ าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟา ให้ เป็ นพลังงานแสงสว่าง ช่วยทาให้ เรามองเห็น
้ ้
สิ่งต่างๆ ได้ แก่ หลอดไฟฟา ผู้ที่ประดิษฐ์ หลอดไฟฟาขึ ้นเป็ นคนแรกของโลก คือ ทอมัส แอลวา
้ ้
เอดิสน นักวิทยาศาสตร์ ชาวอเมริ กน ( พ.ศ. 2390-2474 ) เอดิสนได้ ประดิษฐ์ หลอดไฟฟาขึ ้นครัง
ั ั ั ้ ้
แรกเมื่อ พ.ศ. 2422 โดยใช้ คาร์ บอนเส้ นเล็กๆ เป็ นไส้ คาร์ บอน ไส้ คาร์ บอนจะร้ อนจนจัดเปล่งแสง
ออกมา โดยอุณหภูมิของไส้ คาร์ บอนที่กระแสไฟฟาผ่านประมาณ 1,350 องศาเซลเซียส ซึงจุด
้ ่
หลอมเหลวของคาร์ บอนสูงประมาณ 3500 องศาเซลเซียส ........ ดังนันการใช้ คาร์ บอนเป็ นไส้
้
หลอดจึงไม่มีปัญหาต่อการหลอมเหลวของไส้ คาร์ บอน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคาร์ บอนเมื่อ
ได้ รับความร้ อนแล้ ว บางส่วนก็จะกลายเป็ นไอหรื อเขม่า เมื่อลอยตัวไปจักกับหลอดแก้ วด้ านใน
ของหลอด ไฟ จะทาให้ แสงสว่างที่สองออกมาสูภายนอกลดลง นอกจากนี ้ไส้ หลอดที่ทาด้ วย
่ ่
คาร์ บอนเส้ นเล็กๆยังเปราะอีกด้ วย เมื่อเกิดการสันสะเทือนไส้ หลอดก็จะหักออกจากกัน ต่อมา
่
จึงได้ มีการพัฒนาโดยนาวัตถุชนิดอื่นมาทาไส้ หลอด ได้ แก่ ทังสเตน ทังนี ้เพราะโลหะทังสเตน
้
เป็ นโลหะที่หาง่าย ราคาถูก มีจดหลอมเหลวสูง ทนความร้ อนได้ ดี เมื่อได้ รับความร้ อนจึงไม่ขาด
ุ
ง่ายเหมือนกับ
คาร์ บอน
- 4. • ในระยะแรกภายในหลอดไฟมีอากาศบรรจุอยู่ ดังนันขณะที่ไส้ หลอด
้
ได้ รับความร้ อนก๊ าซออกซิเจนจึงทาปฏิกิริยากับไส้ หลอด ทาให้ หลอด
ขาดง่าย มีอายุการใช้ งานค่อนข้ างน้ อยจึงได้ มีการ พัฒนาโดยการสูบ
เอาอากาศออกหมดแล้ วบรรจุก๊าซเฉื่อยเข้ าไป ใน
พ.ศ. 2457 แลงเมียร์ ( Langmuir ) ได้ ใช้ ก๊าซอาร์ กอนบรรจุใน
หลอดไฟฟา ซึงก๊ าซนี ้ช่วยให้ ทงสเตนที่ได้ รับความร้ อน
้ ่ ั
ไม่ระเหิดไปจับผิวในของหลอดไฟฟา หลอดไฟฟาจึงไม่ดา อย่างไรก็
้ ้
ตามปั จจุบนภายในหลอดไฟฟาได้ บรรจุไอโอดีนแทนก๊ าซอาร์ กอน เวลา
ั ้
ไส้ หลอดได้ รับความร้ อนก็จะทาปฏิกิริยากับไอโอดีน ทาให้ ไส้ หลอดมี
ความทนทานมากขึ ้น และให้ แสงสว่างได
้้เช่นเดียวกับก๊ าซอาร์ กอน
- 5. หลอดไฟ
• ส่ วนประกอบของหลอดไฟฟา ้
• หลอดไฟฟาแบบธรรมดาหรื อหลอดไฟฟาชนิดไส้ มีสวนประกอบทัวๆไปดังนั ้
้ ้ ่ ่
• ........ 1. หลอดแก้ ว
• ........ 2. ไส้ หลอดทาด้ วยโลหะทังสเตน
• ........ 3. เส้ นหลอดต่อเข้ ากับไส้ หลอด
• ........ 4. ลอดยึดไส้ หลอด
• ........ 5. ก้ านลวดยึดไส้ หลอด
• ........ 6. ขั ้นหลอด
• ........ ในการประดิษฐ์ หลอดไฟฟาชนิดนี ้ บริษัทผู้ผลิตจะเอาอากาศออกจากหลอดแก้ วจนหมด แล้ วบรรจุก๊าซ
้
อาร์ กอนหรื อไอโอดีน
เข้ าไปแทนที่ เพื่ออายุการใช้ งานของหลอดนานขึ ้น หลอดไฟฟาชนิดมีไส้ มีหลายขนาดด้ วยกัน เช่น 3 วัตต์ 25 วัตต์
้
40 วัตต์ 100 วัตต์
เป็ นต้ น อายุการใช้ งานของหลอดไฟฟาประมาณ 1000 ชัวโมง หลอดไฟฟาชนิดไส้ มี 2 แบบ คือ ขั ้วแบบเกลียวแล้ ว
้ ่ ้
ขั ้วแบบเขี ้ยว
• หลักการทางานของไส้ หลอดไฟฟา ้
• ........ เมือกระแสไฟฟาไหลผ่านไส้ หลอดที่ทาด้ วยทังสเตนที่มความต้ านทานสูง ไส้ หลอดจะไม่ยอมให้ กระแสไฟฟา
่ ้ ี ้
ไหลผ่าน แต่ด้วยแรงดันไฟฟาที่สงของกระแสไฟฟาจึงดันให้ อิเลคตรอนผ่านไส้ หลอด การที่ไส้ หลอดมีขนาดเล็กมาก
้ ู ้
ประกอบกับ
มีความต้ านทางสูง เมื่ออิเลคตรอนอิสระเคลือนที่ผ่านจึงทาให้ เกิดความร้ อนสูงมากจนไส้ หลอดเปล่งแสงออกมา
่
• ........ ปั จจุบนไม่นิยมใช้ หลอดไฟฟาชนิดไส้ เนื่องจากหลอดไฟฟาชนิดนี ้มีความร้ อนสูงและสิ ้น เปลืองกาลังไฟฟา
ั ้ ้ ้
มาก
- 6. • หลอดตะเกียบ
• ( ที่มา http://www.electron.rmutphysics.com/news/index.php?option=com )
• หลักการทางานของหลอดประหยัดพลังงาน ( หลอดตะเกียบ)
• ........ หลอดไฟฟาประหยัดพลังงานโดยทัวไปใช้ กบความ ต่างศักย์ ขนาด 230 โวลต์ เมื่อกดสวิตช์เพื่อเปิ ดไฟ
้ ่ ั
ความต่างศักย์
ที่สตาร์ ตเตอร์ (Starter) จุดติดอยู่ระหว่าง 250 โวลต์- 450 โวลต์ ซึงทาหน้ าที่เป็ นตัวจ่ายกระแสไฟฟา (Glow
่ ้
discharge) เมื่อกระแสไฟไหลผ่านวงจรผ่าน ขั ้วบวกและขั ้วลบที่มีแท่งโลหะ (Bimetal) ต่อเชื่อมอยู่ เมือ ่
กระแสไฟไหลผ่านขั ้วทั ้งสองแล้ ว จะเกิดการไหลของกระแสไฟภายใต้ ความต่างศักย์ที่สงขึ ้น ส่งผลให้ ขดลวดที่ทา
ู
มาจากโลหะทังสเตนปล่อยอิเลคตรอนวิ่งไปชนกับอะตอมของก๊ าซในหลอดไฟ (Impact ionization) ทาให้
อะตอมของก๊ าซเกิดปฎิกิริยาไอออนไนเซชัน ( เกิดเป็ นอนุภาคของก๊ าซที่มีขั ้ว) เมื่ออนุภาคที่มีขั ้วดังกล่าววิ่งไปชน
กับสารเรื องแสง (Luminescent substance) ก็จะเกิดเป็ นสเปคตรัมหรื อแสง ที่เรามองเห็นนันเอง ่
• หลอดฟลูอเรสเซนต์
• ( ที่มา http://www.electron.rmutphysics.com/news/index.php?option=com )
• ส่ วนประกอบของหลอดไฟฟา ้
• ........ หลอดไฟฟาชนิดนี ้ มีลกษณะแตกต่างไปจากหลอดไฟฟาธรรมชาติชนิดไส้ กล่าวคือ ตัวหลอดทาด้ วยแก้ ว
้ ั ้
บางใสกลมยาวรูปทรงกระบอกหรื อรูปวงกลม ภายในหลอดแก้ วจะสูบอากาศออกเกือบหมด และบรรจุก๊าซ
อาร์ กอนและปรอทไว้ เล็กน้ อย ที่ผิวด้ านในของหลอดฉาบไว้ ด้วยสารเคมีบางชนิดที่เปล่งแสงได้ เมื่อได้ รับรังสีอลต ั
ร้ าไวโอเลต สารเคมีที่มสมบัติดงกล่าวนี ้เรี ยกว่า
ี ั
สารเรื องแสง ที่เหลือไส้ หลอดแต่ละข้ างจะมีขั ้วโลหะอาบน ้ายาเพื่อให้ กระจายอิเลคตรอนได้ ง่าย เมื่อได้ รับความร้ อน
จากไส้ หลอดขั ้วโลหะเป็ นขั ้วไฟฟาที่เรี ยกว่า อิเลคโทรด ( Electrode ) ซึงขั ้วไฟฟาจะทาหน้ าที่เป็ นตัวเชื่อต่อ
้ ่ ้
กระแสไฟฟาจากวงจรภายนอกเข้ าสูตวหลอด
้ ่ ั
• ........ การใช้ หลอดฟลูออเรสเซนต์ไม่สามารถต่อเข้ ากับวงจรไฟฟาในบ้ านได้ โดยตรงเหมือนกับหลอดไฟฟาธรรมดา
้ ้
เพราะจะทาให้ หลอดไส้ ขาดทันทีที่กระแสไฟฟาผ่าน ดังนั ้นจึงต้ องใช้ ต่อร่วมกับอุปกรณ์อื่นอีก ได้ แก่ สตาร์ ตเตอร์
้
และบัลลัสต์
- 7. สตาร์ ตเตอร์ ( Starter )
• ปั จจุบนมีลกษณะเป็ นทรงกระบอก เป็ นโลหะหรื อพลาสติกสีขาว มีขาสองขา ภายใน
ั ั
ประกอบด้ วยแผ่นโลหะ 2 ชนิด เช่น แผ่นโลหะคู่ และแผ่นโลหะตัวนาโลหะแต่ละแผ่นจะต่อกับ
ขัวไฟฟาซึงห่างกันเล็กน้ อย โลหะตัวนาทังสองชนิดจะขยายตัวได้ ไม่เท่ากัน เกิดการโค้ งงอเมื่อได
้ ้ ่ ้
้้ รับความร้ อน และภายในสตาร์ ตเตอร์ จะบรรจุด้วยก๊ าซอาร์ กอน
• หลักการทางาน
• ........ เมื่อกดสวิตซ์ให้ วงจรปิ ดกระแสไฟฟาจะไหลจากแผ่นโลหะคูที่ต่ออยู่กบขัวไฟฟาขัวหนึง
้ ่ ั ้ ้ ้ ่
ผ่านก๊ าซอาร์ กอนที่อยู่ภายในหลอดแก้ วไปยังโลหะ
ตัวนาที่ต่อเข้ ากับปลายขัวไฟฟาอีกข้ างหนึงขณะ ที่กระแสไฟฟาผ่านก๊ าซอาร์ กอนนันจะเกิดการ
้ ้ ่ ้ ้
เรื องแสงหรื อมีประกายไฟ ทาให้ แผ่นโลหะคูร้อน จึงทาให้ คโค้ งงอลงมาแตะกันทาให้ ครบวงจร
่ ู่
กระแสไฟฟาจึงไหลผ่านขัวไฟฟาทังสองได้ โดยไม่ต้องผ่านก๊ าซการ์ กอนความร้ อนจึงไม่เกิดขึ ้น
้ ้ ้ ้
ทาให้ แผ่นโลหะคูเ่ ย็นลงและแยกออกจากกัน วงจรจะถูกตัดขาด ซึงเป็ นช่วงที่หลอดฟลูออเรส
่
เซนต์ทางาน ดังนันการทางานสตาร์ ตเตอร์
้
จึงเสมือนการทางานของสวิตซ์อตโนมัติ ั
- 8. • แบลลัสต์ ( Ballast )
• ........ มีรูปร่างคล้ ายแท่งเหล็กสี่เหลี่ยม ภายในพันด้ วย ขดลวดรอบ แกน
แม่เหล็ก ใช้ ลวดทองแดงอาบน ้ายากัน ไฟรั่วระหว่างเส้ นและรั่วลง
แกนเหล็กแบลลัสต์จะมีความ ต้ านทานไฟฟากระแสสลับสูง
้
• หลักการทางาน
• ........ เมื่อกดสวิตซ์ให้ วงจรปิ ด กระแสไฟฟาไหลในวงจร แบลลัสต์จะทา
้
หน้ าที่เพิ่มความต่างศักย์ไฟฟาระหว่างปลายทังสองของหลอด
้ ้
ฟลูออเรสเซนต์ให้ สงขึ ้น เพื่อให้ อิเลคตรอนไหลออกจากไส้ หลอด เมื่อทางาน
ู
แล้ ว แบลลัสต์จะทาหน้ าที่เป็ นตัวหน่วงให้ กระแสไฟฟาน้ อยลง โดยการ
้
เหนี่ยวนาความต่างศักย์ไฟฟาระหว่างปลายทังสองของหลอดให้ คงที่ หลอด
้ ้
จึงสว่างจนกว่าจะกดสวิตซ์ให้ วงจรปิ ด
• ........ การเลือกสตาร์ ตเตอร์ และแบลลัสต์ต้องเลือกที่มีคณภาพตาม
ุ
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อตสาหกรรม และมีกาลังไฟฟาตรงกับกาลังไฟฟา
ุ ้ ้
ของหลอดฟลูออเรสเซนต์ ซึงมีความทนทานและเกิดความปลดภัยขณะใช้
่
งาน
- 9. • ความหมายและตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนเครื่ องใช้ ไฟฟาและอุปกรณ์ ไฟฟา
้ ้
• ........ เครื่ องใช้ ไฟฟาและอุปกรณ์ไฟฟาต่างๆ ได้ แก่ หลอดไฟ สตาร์ ตเตอร์ และแบลลัสต์ ถ้ า
้ ้
สังเกตจะพบว่าบริ ษัทที่ผลิตจะระบุตวเลขต่างๆ
ั
ไว้ บนเครื่ องใช้ และอุปกรณ์เหล่านัน ซึงตัวเลขดังกล่าวมีความหมายทางไฟฟ้ าดังนี ้
้ ่
• ........ หลอดไฟ ตัวเลขที่ระบุหลอด เช่น 20 W 10 A 20W นัน ตัวอักษร W ย่อมาจาก
้
Watt หรื อกาลังไฟฟา จะเป็ นปริ มาณพลังงานไฟฟา
้ ้
ที่ใช้ ไปในวินาที เช่น 20 W หมายถึง หลอดไฟฟาจะใช้ พลังงานไป 20 จูล ใน 1 วินาที ส่วนตัว
้
อักษร A ย่อมาจาก Ampere หรื อปริ มาณกระแสไฟฟาที่ไหลผ่านหลอดฟลูออเรสเซนต์ได้
้
สูงสุดตามที่กาหนดไว้ เช่น 10 A หมายถึง ใช้ กบกระแสไฟฟาสูงสุดขนาด
ั ้
10 แอมแปร์
• ........ สตาร์ ตเตอร์ ตัวเลขที่ระบุ 220 V ตัวอักษร V ย่อมาจาก Volt หรื อแรงดันไฟฟา หรื อ
้
ความต่างศักย์ไฟฟาสูงสุดที่ระดับได้
้
มีค่าเท่ากับ 2220 โวลต์
- 10. เครื่องใช้ ไฟฟ้ าที่ให้ พลังงานความร้ อน
• การเปลี่ยนพลังงานไฟฟาเป็ นพลังงานความร้ อน เครื่ องใช้ ไฟฟาประเภทนี ้ในปั จจุบนมีการผลิตและใช้ กนมาก เช่น เตาไฟฟา
้ ้ ั ั ้
เตารี ดไฟฟา หม้ อหุงข้ าว กาต้ มน ้าไฟฟา เครื่ องปิ งขนมปั ง เครื่ องอบผม เป็ นต้ น
้ ้ ้
• ........ เครื่ องใช้ ไฟฟาประเภทนี ้อาศัยหลักการที่วา เมื่อให้ กระแสไฟฟาผ่านขดลวดความต้ านทานจะทาให้ เกิดความร้ อนในขดลวดนันความร้ อน
้ ่ ้ ้
จะมีปริ มาณมากหรื อน้ อยขึ ้นอยูกกระแสไฟฟา และความต้ านทานของขดลวด ถ้ ากระแสไฟฟามากลวดจะร้ อนมากขึ ้น และถ้ าความต้ านทาน
่ ั ้ ้
ขดลวดมากก็จะทาให้ ร้อนยิ่งขึ ้น จากหลักการนี ้เส้ นลวดที่นามาใช้ เป็ นตัวให้ ความร้ อนจึงต้ องมีความต้ านทานสูงเพื่อให้ มีความร้ อนมาก และจุด
หลอมเหลวสูงพอที่จะทาให้ ความร้ อนนานๆ และที่สาคัญต้ องไม่รวมกับออกซิเจนในอากาศเมื่ออุณหภูมิสงขึ ้นเพื่อไม่ให้ ขาดเร็ว
ู
• ........ ในทางปฏิบตเิ ส้ นลวดที่นามาใช้ ทาเป็ นขดลวดความร้ อนนี ้ ทามาจากโลหะผสมระหว่างนิกเกิล ประมาณร้ อยละ 60 โครเมียม ประมาณ
ั
ร้ อยละ 15 และเหล็กประมาณร้ อยละ 25 ได้ โลหะใหม่ที่ เรี ยกว่า นิโครม เป็ นโลหะที่มีความต้ านทานประมาณ 50 เท่าของ
ลวดทองแดง และจุดหลอมเหลวอยู่ 1,500 องศาเซลเซียส ลวดนิโครมที่ประกอบอยู่ในเครื่ องใช้ ไฟฟาอาจทาเป็ นเส้ นลวดหรื อแถบทังนี ้ขึ ้นอยูกบ
้ ้ ่ ั
ลักษณะการใช้ งาน โดยทัวไปจะนิยมทาเป็ น
่
ลวดขดสปริง เพราะความยาวของขดลวดทาให้ ขดลวดมีความต้ านทานและความร้ อนสูงขึ ้นด้ วย
• ........ ขดลวดความร้ อนหรื อขดลวดนิโครมในเครื่ องใช้ ไฟฟาส่วนใหญ่จะขดอยูในที่รองรับเป็ นฉนวนไฟฟา สามารถถ่ายเท่พลังงานความร้ อนจาก
้ ่ ้
ขดลวดให้ แก่ภาชนะหรื อวัตถุอื่นได้ นอกจากขดลวดความร้ อนแล้ วเครื่ องใช้ ไฟฟาที่ให้ ความร้ อนบางชนิดจะมีสวิตซ์อตโนมัติควบคุมอุณหภูมิ ให้
้ ั
คงที่ โดยปกติแล้ วการทางานของเครื่ องใช้ ไฟฟาให้ คงที่ที่อณหภูมิหนึง หรื อถึงอุณหภูมิที่ต้องการก็ตดวงจรสวิตซ์อตโนมัติที่ทาการควบคุม
้ ุ ่ ั ั
อุณหภูมินี ้ เรี ยกว่า เทอร์ โมสตัท ( Termostat ) ซึงมีหลักการดังนี ้
่
• ........ เทอร์ โมสตัทประกอบด้ วยแผ่นโลหะ 2 ชนิดประกบติดกัน โดยที่โลหะทังสองชนิดมีความสามารถในการขยายตัวต่างกันเมื่อได้ รับความ
้
ร้ อน เช่น แผ่นเหล็กกับทองแดง แผ่นเหล็กกับแผ่นทองเหลือง ซึงอาจ เรี ยกว่าแผ่นโลหะคู่ เมื่อได้ รับความร้ อนแผ่นโลหะคูจะขยายตัว โดยที่โลหะ
่ ่
ที่มีการขยายตัวมากกว่าจะพยายามดันตัวออก แต่จะถูกโลหะที่ขยายตัวน้ อยกว่าที่ดงไว้ ทาให้ เกิดการโค้ งงอไปทางด้ านโลหะที่มีการขยายตัว
ึ
น้ อยกว่า หน้ าสัมผัสหรื อ คอนแทค ที่ตอวงจรก็จะแยกออกจากกันแต่เมื่ออุณหภูมิของแผ่นโลหะคูลดลงแผ่นโลหะทังสองจะกลับสูสภาพเดิม ทา
่ ่ ้ ่
ให้ วงจรต่อเชื่อมกันดังเดิม
- 11. • ........ แบลลัสต์ ตัวเลขที่ระบุ เช่น 250 W 220V และ 50 Hz ตัวเลข 250W และ 220V
ตัวอักษร Hz ย่อมาจาก Hertz หรื อความถี่ไฟฟา ้
กระแสสลับ 50 Hz หมายถึง แบลลัสต์จะใช้ ได้ กบกระแสไฟฟาสลับที่มีความถี่ 50 เฮิรตซ์
ั ้
• จะเห็นได้ วาความหมายของตัวเลขบนเครื่ องใช้ ไฟฟาทุกชนิดหรื ออุปกรณ์ไฟฟ้ าที่มี
่ ้
ความสาคัญต้ องการเลือกซื ้อและการใช้ อปกรณ์ไฟฟา
ุ ้
ต่างๆให้ มีความสัมพันธ์กบวงจรไฟฟาภายในบ้ าน
ั ้
• ........ นอกจากหลอดไฟฟาแบบธรรมดาชนิดไส้ และหลอดฟลูออเรสเซนต์แล้ ว อาจจะเคย
้
เห็นหลอดไฟฟาแบบประดิษฐ์ เป็ นตัวอักษร
้
หรื อรูปต่างๆตามร้ านค้ าหรื อาถานบริ การ หลอดไฟโฆษณาเป็ นหลอดแก้ วที่ถกลนไฟดัดให้
ู
เป็ นรูปหรื อตัวอักษรต่างๆ แล้ วสูบอากาศออก
จนเป็ นสุญญากาศ จากนั ้นใส่ก๊าซบางชนิดที่ให้ แสงสีตางๆออกมาได้ เมื่อมีกระแสไฟฟาไหล
่ ้
ผ่านหลอดไฟ แต่ใช้ คั ้นหลอดไฟฟาทาด้ วยโลหะ
้
ติดอยูที่ปลายทั ้งสองข้ าง แล้ วต่อกับแหล่งกาเนิดไฟฟาที่มีความต่างศักย์สงประมาณ
่ ้ ู
10,000 โวลต์ หรื อ 10 กิโลวัตต์ ความต่างศักย์ท
้ี ้่ สงมากๆ จะทาให้ ก๊าซที่บรรจุไว้ ในหลอดเกิดการแตกตัวเป็ นไอออนและนาไฟฟาเมื่อ
ู ้
กระแสไฟฟาผ่านก๊ าซเหล่านี ้จะทาให้ ก๊าซร้ อนติดไฟ
้
ให้ แสงสีตางๆได้
่
- 12. • หลักการทางานของเครื่องใช้ ไฟฟาที่ให้ ความร้ อน
้
• ......เครื่ องใช้ ไฟฟาที่ให้ ความร้ อนมีหลักการ
้
• ......เมื่อมีกระแสไฟฟาไหลผ่านความต้ านทานไฟฟาสูง พลังงานไฟฟาจะเปลี่ยนเป็ นพลังงาน
้ ้ ้
ความร้ อน ดังนัน จึงให้ กระแสไฟฟาไหลผ่านขดลวดนิโครมหรื อแผ่นความร้ อนซึงมีความ
้ ้ ่
ต้ านทานไฟฟาสูง พลังงานไฟฟาจะเปลี่ยนเป็ นพลังงานความร้ อน
้ ้
มากแล้ วถ่ายเทพลังงานความร้ อนไปยังภาชนะ
• เตาไฟฟา ้
• ...... เตาไฟฟาเป็ นเครื่ องใช้ ไฟฟาที่ให้ ความสะดวกในการต้ มน ้าหรื อหุงต้ มอาหาร เนื่องจากเวลา
้ ้
ใช้ เพียงแต่เสียบปลัก เตาไฟฟาก็สามารถ
๊ ้
ทางานได้ เตาไฟฟามีวิวฒนาการโดยแบบต่างๆ ตังแต่แบบธรรมดาที่มีลวดให้ ความร้ อน 1 ชุด
้ ั ้
จนกระทังถึงลวดให้ ความร้ อน 4 ชุด
่
และบางชนิดมีเตาอบด้ วย เตาไฟฟาสามารถแบ่งออกเป็ นแบบเปิ ดและแบบปิ ด
้
- 13. • ......1.เตาไฟฟาแบบเปิ ด เตาไฟฟ้ าแบบเปิ ดนี ้ไม่มีเครื่ องควบคุมอุณหภูมิ เมื่อผู้ต้องการใช้ เพียงแต่ใช้
้
เตาเสียบเสียบเตารับเท่านัน ถ้ าไม่ต้องการใช้ ก็ถอดเตาเสียบออกเตาไฟฟ้ าแบบเปิ ดนี ้ประกอบด้ วยขด
้
ลวดความร้ อนที่ทาด้ วยลวดนิโครมขดเป็ นขดลวดสปริ ง
ขดอยู่ตมร่องปูนพลาสเตอร์ หรื อปูนซีเมนต์หรื อกระเบื ้องเคลือบ เพื่อไม่เกิดการลัดวงจรและกันความร้ อน
ไม่ให้ เกิดการลัดวงจร
และกันความร้ อนไม่ให้ ไปอยู่บริ เวณส่วนล่างของเตา เตาไฟฟา แบบนี ้จะสูญเสียพลังงานมากกว่าเตา
้
ไฟฟาแบบปิ ดเพราะการใช้ ต้องวาง
้
ภาชนะไม่ให้ สมผัสกับขดลวดความร้ อน เนื่องจากกระแสไฟฟาไหลผ่านได้ อากาศที่คนอยู่ระหว่างขด
ั ้ ั่
ลวดความร้ อนกับก้ นภาชนะ
เมื่อร้ อนจะเคลื่อนที่หนีไป จึงต้ องเสียพลังงานไฟ
• ......2.เตาไฟฟาแบบเปิ ด เตาไฟฟ้ าแบบนี ้มีลวดนิโครมอยู่ภายในท่อเหล็กไร้ สนิม ภายในท่อบรรจุ
้
แมกนีเซียมออกไซด์ ซึงมีสมบัติเป็ นฉนวนไฟฟ้ าแต่นาความร้ อนดังนันเตาไฟฟ้ าแบบนี ้จึงให้ ความ
่ ้
ปลอดภัยมากกว่าเตาไฟฟ้ าแบบเปิ ด เพราะถ้ าสัมผัสถูกท่
อความร้ อน ขณะกระแสไฟฟาผ่านจึงไม่เป็ นอันตรายจากการถูกไฟฟาลัดวงจรหรื อที่ เรี ยกว่าไฟดูด
้ ้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้ ว
การวางภาชนะหุงต้ มที่เป็ นโลหะหรื อของเหลวที่ไหลล้ นออกาจะไม่เป็ นอันตราย และผู้ใช้ สามารถทา
ความสะอาดได้ ง่ายเตาไฟฟ้ า
แบบปิ ดจึงเป็ นเตาที่มีราคาแพงกว่า และมีสวิตซ์ควบคุมอุณหภูมิสามารถทาให้ ความร้ อนมีกระแสไฟฟ้ า
ไหลผ่านได้ แตกต่างกัน
เตาไฟฟาแบบนี ้ที่มีจานวนส่วนมากมีขนาด 800 วัตต์ถง 1,600 วัตต์
้ ึ
- 14. • เตารี ดไฟฟา ้
• ......เตารี ดไฟฟาเป็ นเครื่ องใช้ ไฟฟาที่ให้ ความร้ อน และมีความจาเป็ นในชีวิตประจาวันเป็ น
้ ้
อย่างมาก
• ......ส่วนประกอบที่สาคัญจากเตารี ดไฟฟา เตารี ดไฟฟาประกอบด้ วยส่วนประกอบที่สาคัญ
้ ้
คือ แผ่นความเทอร์ โมสตัท แผ่นขดลวดความร้ อน แผ่นทับผ้ า และปุ่ มปรับความร้ อนเตารี ด
ไฟฟาใช้ แผ่นขดลวดความร้ อนทาด้ วยลวดนิโครมแผ่นแบนๆ วงสับไปมาไม่ได้ ทาเป็ นขดลวด
้
เหมือนเตาไฟฟา หรื อ อาจที่เรี ยกว่า ไส้ เตารี ด ซึงจะสอดอยูภายในระหว่างไมก้ า (Mica)
้ ่ ่
2 แผ่น ไมก้ านี ้เป็ นวัตถุทนไฟและเป็ นฉนวนด้ วย
• ......เหตุที่ต้องใช้ ไมก้ ามากั ้นนั ้น เนื่องจากเตารี ดต้ องการน ้าหนังจึงจะทาให้ ผ้าเรี ยบได้ ดังนัน
้
เตารี ดจะมีเฉพาะแต่ไส้ เตารี ดจึงต้ องมีฐานโลหะที่หนัง เมื่อไส้ เตารี ดร้ อนก็จะทาให้ ฐานโลหะ
ร้ อนตามด้ วย
• หลักการทางานของเตารี ดไฟฟา ้
• ......โดยทัวไปเตารี ดไฟฟาเมื่อใช้ เต้ าเสียบเสียบเต้ ารับแล้ ว กระแสไฟฟาจะไหลผ่านขดลวด
่ ้ ้
ให้ ความร้ อน คือแถบลวดนิโครม หรื อขดลวดความร้ อน และจะถ่ายเทความร้ อนให้ กบแผ่น ั
ทับผ้ า ทาให้ แผ่นทับผ้ าร้ อน การตังอุณหภูมิให้ มีความร้ อนมากหรื อน้ อยเท่าไร ขึ ้นอยูชนิด
้ ่
ของผ้ าที่จะรี ด เช่นผ้ าไนลอนหรื อผ้ าแพรต้ องใช้ อณหภูมิไม่สงมากนัก แต่ถ้าเป็ นผ้ าหนาต้ อง
ุ ู
ใช้ อณหภูมิสง การตั ้งความร้ อนมีปมปรับความร้ อน ซึงจะไปกดแผ่นโลหะคูให้ ตดไฟตาม
ุ ู ุ่ ่ ่ ั
อุณหภูมิที่ต้องการ
- 15. • วิธีใช้ เตารี ดไฟฟาให้ ประหยัดพลังงาน
้
• ......1. ควรรี ดผ้ าคราวละมากๆ ติดต่อกันจนเสร็ จ และควรเริ่ มรี ดผ้ าบางๆ ก่อนใน
ขณะที่เตารี ดยังไม่ร้อน และก่อนรี ดเสร็ จประมาณ 2-3 นาทีให้ ถอดปลักออก ๊
......2. เมื่อไม่ได้ ใช้ งานควรถอดปลักออก และก่อนจะเก็บควรทิ ้งให้ เตารี ดเย็นก่อน
๊
•
• คาแนะนาด้ านความปลอดภัยของเตารี ด
• ......1. ควรระวังไม่ให้ ความร้ อนจากเตารี ดสัมผัสสายไฟฟาเพราะจะทาให้ เปลือกสาย
้
(ฉนวน) เสียหายได้
......2. สายปลักของเตารี ด เปลือกสาย (ฉนวน) ต้ องไม่เสื่อมสภาพหรื อฉีกขาด
๊
......3. ต้ องคอยหมันตรวจสอบฉนวนยางที่ห้ มสายเข้ าเตารี ด หากพบว่าเปื่ อยหรื อฉีก
่ ุ
ขาดควรรี บเปลี่ยนใหม่โดยช่างผู้มีความรู้ เพราะหากไม่รีบเปลี่ยนสายไฟบริเวณนัน ้
อาจชารุดและถูกไฟดูดได้
......4. ขณะใช้ งาน เมื่อหยุดรี ดต้ องวางบนวัสดุที่ไม่ติดไฟง่าย
......5. เตารี ดที่ใช้ ควรมีสายดินและต่อลงดินผ่านทางเต้ าเสียบเต้ ารับที่มี
สายดินด้ วย และหมันตรวจสอบไฟรั่วด้ วยไขควงลองไฟเสมอ
่
......6. ดูข้อควรปฏิบติในการใช้ ไฟฟา หรื อเครื่ องใช้ ไฟฟาอย่างปลอดภัย
ั ้ ้
- 16. เครื่องใช้ ไฟฟ้ าทีให้ พลังงานกล
่
• พลังงานกล หมายถึง พลังงานที่ทาให้ วตถุเกิดการหมุน หรื อเกิดการเคลื่อนที่
ั
หรื อเปลี่ยนขนาดของวัตถุหรื อเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ของวัตถุ
• .......เครื่ องใช้ ไฟฟาที่เปลี่ยนเป็ นพลังงานไฟฟาเป็ นพลังงานกลอยูอย่าง
้ ้ ่
มากมาย ได้ แก่ พัดลม เครื่ องปรับอากาศ เครื่ องปั๊ มน ้า เครื่ องดูดฝุ่ น เครื่ อง
เป่ าผม และเครื่ องใช้ ไฟฟาที่ไฟฟาที่มีมอเตอร์ ทุกชนิด
้ ้
• .......มอเตอร์ ไฟฟา ทางานโดยอาศัยหลักการดังนี ้ เมื่อมีกระแสไฟฟาไหล
้ ้
ผ่านขดลวดตัวนาทางวางงออยูระหว่างขันเหนือและขันใต้ ของแท่งแม่เหล็ก
่ ้ ้
กระแสไฟฟาขณะไหลผ่านขดลวดจะเกิดการเหนี่ยวนาเกิดสนามแม่เหล็ก
้
รอบเส้ นลวด ทาให้ เส้ นแรงแม่เหล็กของแท่นแม่เหล็กแบนไป ซึงเส้ นแรง่
แม่เหล็กที่เบี่ยงเบนไปนี ้จะยึดเส้ นแรงออกให้ ตรงด้ วยเส้ นแรงผลักขดลวด
เป็ นผลให้ ขดลวดหมุนได้
- 17. • พัดลมไฟฟา ้
• .......ประเทศไทยตั ้งอยูในเมืองเขตร้ อนชื ้น ดังนันพัดลมจึงเป็ นเครื่ องใช้ ไฟฟาชนิดหนึงที่มี
่ ้ ้ ่
ความจาเป็ น พัดลมที่ใช้ กนทัวมีหลายประเภท สามารถแบ่งตามลัก ษ ะการใช้ งานได้ ดงนี ้
ั ่ ั
พัดลมตังพื ้น พัดลมตั ้งโต๊ ะ พัดลมติดเพดาน พัดลมติดผนัง และพัดลมดูดอากาศ แม้ วาพัด
้ ่
ลมที่มีหลายประเภทแต่ก็มีหลักการทางานเหมือนกัน
• พัดลมโดยทัวไปใช้ มอเตอร์ ไฟฟา 3 ชนิด คือ
่ ้
• .......ยูนเวอร์ ซลมอเตอร์ เป็ นมอเตอร์ ชนิดที่ใช้ ได้ ทงไฟฟากระแสตรงและกระแสสลับ
ิ ั ั้ ้
มอเตอร์ แบบบังขั ้วและสปลิตเฟสมอเตอร์ มอเตอร์ ทงสองชนิดเป็ นมอเตอร์ ไฟฟาเหนี่ยวนาที่
ั้ ้
ใช้ กบกระแสสลับ
ั
• .......การดูแลรักษาพัดลมอย่างสม่าเสมอจะช่วยทาให้ พดลมทางานได้ เต็มประสิทธิภาพ
ั
และยังช่วยยืดอายุการทางานให้ ยาวนานขึ ้นโดย มีวิธีการดังนี ้
• .......หมันทาความสะอาดตามจุดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใบพัด และตะแกรงครอบใบพัด
่
• · .......อย่าให้ ฝนละอองเกาะจับ และ ต้ องดูแลให้ มีสภาพดีอยูเ่ สมออย่าให้ แตกหักหรื อชารุด
ุ่
หรื อโค้ งงอผิดส่วนจะทาให้ ลมที่ออกมามีความแรงหรื อความเร็ วลดลง
• .......หมันทาความสะอาดช่องลมตรงฝาครอบมอเตอร์ ของพัดลม ซึงเป็ นช่องระบายความ
่ ่
ร้ อนของมอเตอร์ อย่าให้ มีคราบน ้ามันหรื อฝุ่ นละอองเกาะจับ เพราะจะทาให้ ประสิทธิภาพ
ของมอเตอร์ ลดลง และสิ ้นเปลืองพลังงานไฟฟามากขึ ้น ้
- 18. • เครื่องปั่ น - บดอาหารไฟฟา ้
• .......เครื่ องปั่ น - บดอาหาร เป็ นเครื่ องใช้ ไฟฟาที่ช่วยให้ สวนผสมของอาหาร
้ ่
แหลกละเอียดด้ วยตัวเครื่ องประกอบด้ วยสองส่วนคือ ส่วนที่เป็ นฐานล่างกับ
ส่วนที่เป็ นโถใส่อาหาร ในส่วนของฐานล่างจะมีมอเตอร์ ชนิดยูนิเวอร์ ซล ั
มอเตอร์ ติดอยู่ เพราะให้ กาลังหมุนเร็ วมาก แกนมอเตอร์ ของมอเตอร์ ตงขึ ้น มีั้
สวิตซ์ปิด-เปิ ดมอเตอร์ ตดอยูที่ฐานล่างด้ วย สาหรับส่วนที่เป็ นโถใส่อาหารนัน
ิ ่ ้
ในโถตอนล่างจะมีใบมีดเป็ นแฉกๆ เหมือนกับมีใบมีดติดอยูแกนใบมีดต่อ ่
ออกไปด้ านล่างของโถและที่ปลายแกนมีที่สาหรับเดือยของ
มอเตอร์ เมื่อต้ องการใช้ ให้ สวมเดือยให้ ตดกัน เปิ ดสวิตซ์ มอเตอร์ จะหมุน
ิ
แกนใบมีด ทาให้ ใบมีดหมุนอย่างรวดเร็ วตัดอาหารที่ต้องการปั่ น
ให้ ละเอียด อาหารที่มีชิ ้นใหญ่และน ้าหนักมากจะตกลงมาอยูในตาแหน่งที่่
ใบมีดตัดได้ ทวถึง ั่
- 19. • เครื่ องดูดฝุ่ น
•
• ......... ในปั จจุบนนี ้เครื่ องดูดฝุ่ นเป็ นเครื่ องใช้ ไฟฟาที่นิยมกันมากในชีวิตประจาวัน เครื่ องดูด
ั ้
ฝุ่ น เป็ นเครื่ องช่วยทาความสะอาดภายในบ้ าน
โดยใช้ ระบบสุญญากาศดูดผงฝุ่ นและเศษขยะต่างๆเข้ าไปเก็บในที่เก็บ เครื่ องดูดฝุ่ นแบ่ง
ออกเป็ น 2 ชนิด คือ เครื่ องดูดฝุ่ นแบบถุงและ
เครื่ องดูดฝุ่ นแบบทรงกระบอกใบพัดที่ใช้ ในเครื่ องดูดฝุ่ นเป็ นใบพัดประเภทเดียวกับพัดลมดูด
อากาศและใช้ มอเตอร์ แบบยูนิเวอร์ ซล ั
• เครื่ องดูดฝุ่ นแบบถุง
• ......... เป็ นเครื่ องดูดฝุ่ นที่ใช้ ทาความสะอาดได้ เฉพาะที่พื ้นที่เท่านัน ตัวเครื่ องประกอบด้ วย
้
แปรงทรงกระบอกต่อสายพานเข้ ากับแกนมอเตอร์
ทาให้ แปรงหมุนขณะมอเตอร์ ทางานแปรงจะช่วยมอเตอร์ ปัดฝุ่ นให้ ขึ ้นมาจากพื ้นพัดลมจะ
ช่วยดูดอากาศที่มีฝนให้ ผานไปยังถุงเก็บถุงทาให้
ุ่ ่
ผงฝุ่ นปลิวขึ ้นและเข้ าไปรวมกันอยู่ในถุงเก็บฝุ่ น ส่วนอากาศก็จะออกจากถุงโดยที่ฝนออก ุ่
จากถุงไม่ได้ ทั ้งนี ้ก็ขึ ้นอยู่กบความละเอียดของผ้ าที่ใช
ั
้้ทาถุงแต่ถ้าฝุ่ นมาอุดที่ผนังถุงมากๆจะทาให้ อากาศออกจากถุงได้ ยากกาลังดูดของ
มอเตอร์ ก็จะลดลงดังนั ้นเพื่อให้ การใช้ เครื่ องดูดฝุ่ นมี
ประสิทธิภาพมากขึ ้นก็ต้องทาความสะอาดถุงเก็บฝุ่ นเสมอ
- 20. • เครื่องดูดฝุ่ นแบบทรงกระบอก
• ......... เป็ นเครื่ องดูดฝุ่ นที่วางมอเตอร์ และใบพัดไว้ ในแนวนอนใน
เครื่ องดูดฝุ่ นบริเวณด้ านหน้ าจะมีถงเก็บฝุ่ น ส่วนหลังของถุงเก็บฝุ่ นจะมี
ุ
มอเตอร์ ดดอากาศให้ ออกไปด้ านหลังของตัวเครื่ องซึงจะทาให้ อากาศ
ู ่
บริเวณตอนหน้ าของเครื่ องถูกดูดไปจึงเป็ นบริเวณที่มีความกดดัน
น้ อยและอากาศด้ านหน้ าของหัวดูดก็จะพัดเข้ ามาตลอดเวลาการใช้
เครื่ องดูดฝุ่ นชนิดนี ้สะดวกกว่าแบบถุงเพราะสามารถเปลี่ยนหัวดูด
ได้ หลายแบบและสามารถใช้ ดดฝุ่ นตามฝาผนัง ตามซอกมุมหรื อบริเวณ
ู
เบาะรถยนต์ได้ ด้วย
- 21. เครื่องใช้ ไฟฟาที่ให้ พลังงานเสี ยง
้
• ปั จจุบนในชีวิตประจาวันของเรามีเครื่ องใช้ ไฟฟาที่ให้ พลังงานเสียงที่มี
ั ้
ความสาคัญสาหรับเรามาก ได้ แก่ เครื่ องรับวิทยุ มีประโยชน์ในการรับ
ฟั งข่าวสาร ตลอดจนรายการบันเทิงต่างๆ ที่ออกอากาศมาให้ เรารับฟั ง
เช่น
• เครื่ องรับวิทยุ
• เครื่ องบันทึกเสียง
- 22. • เครื่ องรั บวิทยุ - เครื่ องบันทึกเสียง
• เครื่ องรั บวิทยุ
• ......... เมื่อสถานีสงวิทยุแปลงสัญญาณไฟฟาเป็ นคลื่นวิทยุที่มีความถี่ต่างๆ กันแล้ ว คลื่นวิทยุดงกล่าวจะถูกส่งไป
่ ้ ั
ยังสถานีต่างๆ เมื่อคลืนวิทยุไปกระทบกับเสาอากาศของเครื่ องรับวิทยุภาครับของเครื่องรับวิทยุที่เลือกความถี่ได้
่
ตรงกับความถี่คลื่นวิทยุที่สงออกมา จะรับเอาคลื่นวิทยุดงกล่าวไปแปลงเป็ นสัญญาณไฟฟา แล้ วสัญญาณไฟฟานี ้
่ ั ้ ้
จะเข้ าสูวงจรขยายเพื่อให้ สญญาณไฟฟามีแอมปลิจดสูงขึ ้น สัญญาณนี ้จะผ่านอุปกรณ์อเิ ลคทรอนิกส์ เพื่อแยกคลืน
่ ั ้ ู ่
เสียงออกจากคลื่นพาหะ แล้ วผ่านวงจรขยายอีกครังหนึ่งให้ สญญาณมีความแรง
้ ั
ขึ ้นจนเพียงพอที่จะทาให้ ลาโพงเกิดการสันสะเทือนเป็ นเสียงที่เหมือนกับเสียงที่ออกมาจากแหล่งกาเนิดเสียงสถานี
่
ส่ง
ดังนั ้น ลาโพงจึงทาหน้ าที่เปลี่ยนสัญญาณไฟฟาเป็ นสัญญาณเสียง
้
•
• เครื่ องบันทึกเสียง
• ......... เมื่อผู้พดหรื อโฆษกพูดผ่านไมโครโฟน แผ่นไดอะแฟรมในไมโครโฟนจะสั ้นตามคลื่นเสียงที่ออกมา แล้ ว
ู
เปลี่ยนคลื่นเสียงเป็ นสัญญาณไฟฟาที่เกิดขึ ้นก็จะถูกบันทึกลงในแถบบันทึกเสียงที่ฉาบด้ วยสารแม่เหล็กในรูป
้
สัญญาณแม่เหล็ก เมือนาแถบบันทึกเสียงที่บนทึกเสียงไว้ แล้ วมาเปิ ด สัญญาณแม่เหล็กที่แถบบันทึกเสียงได้ บนทึก
่ ั ั
ไว้ จะเปลี่ยนเป็ นสัญญาณไฟฟา แล้ วผ่านภาคขยายให้ สญญาณแรงขึ ้นด้ วยอุปกรณ์ไฟฟา แล้ วส่งไปยังลาโพง ทา
้ ั ้
ให้ ลาโพงเกิดการสันสะเทือนกลับมาเป็ นเสียงที่บนทึก
่ ั
ได้ บนทึกเก็บไว้ ทาให้ เราได้ ยินเสียงเหมือนเสียงที่บนทึกไว้ อีกครังหนึ่ง
ั ั ้
- 23. จัดทาโดย
• ด.ช. วุฒิชย เตชะปั ญญา เลขที่ 13 ม.3/3
ั
• ด.ช.ศรันย์ ขยันดี เลขที่ 14 ม.3/3
• ด.ช. ศักดิสทธิ์ เจริญ เลขที่ 15 ม.3/3
์ ิ
• ด.ช.ศุภกฤต วงค์ไชยา เลขที่ 16 ม.3/3
• เสนอ
• อาจารย์ จิราภรณ์ ไชยมงคล