1. อ.สานิตย์ หนูนิล
วิทยาลัยดุสิตธานี

2. ประเด็นด้านจริยธรรมเป็นเรื่องที่มีความสาคัญมากปัจจุบันโดย
องค์กรต่างๆ หันมาให้ความสนใจกับเรื่องดังกล่าวรวมทั้งองค์กรด้าน
อุตสาหกรรมบริการ ซึ่งอุตสาหกรรมบริการ (hospitality industry) เป็น
อุตสาหกรรมที่มีความสาคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของ
ประเทศ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ทารายได้หลักให้กับประเทศ ซึ่งมี
การขยายตัวในทุกๆ ปี ส่งผลให้มีแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบริการ
เพิ่มขึ้นด้วย

3. 1. เพื่อศึกษาการรับรู้ของนักศึกษาฝึกงานต่อปัญหาจริยธรรมที่เกิดขึ้นใน
อุตสาหกรรมบริการ
2. เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างด้านการรับรู้ของนักศึกษาฝึกงานที่เพศ
ต่างกันต่อปัญหาจริยธรรมที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบริการ
3. เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักศึกษาฝึ กงานต่อจริยธรรมที่สาคัญ
สาหรับผู้ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมบริการ
4. เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างด้านความคิดเห็นของนักศึกษาฝึกงานที่
เพศต่างกันต่อจริยธรรมที่สาคัญสาหรับผู้ประกอบอาชีพใน
อุตสาหกรรมบริการ

4. การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงสารวจ (survey research) เก็บ
รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม (questionnaire)
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร คือ นักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานีชั้นปีที่ 3 และ 4 ที่ผ่านการ
ฝึกงานในองค์กรอุตสาหกรรมบริการ ประจาภาคการศึกษาพิเศษ/2555
จานวน 627 คน คานวณขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สูตรของยามาเน่
(Yamane) ที่ระดับความเชื่อมัน 95% ความคลาดเคลื่อน 0.05 (Yamane,
1973, p. 125) ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 244 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่าง
แบบชั้นภูมิ (stratified sampling) ประกอบด้วย นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ร้อยละ
57.38 (140 คน) และนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ร้อยละ 42.62 (104 คน)

5. ครื่องมือวิจัยที่ใช้ในการวิจัย
แบบสอบถามการวิจัยแบ่งออกเป็น 3 ตอน คือ ตอนที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
ของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 การรับรู้ของนักศึกษาฝึกงานต่อปัญหา
จริยธรรมที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบริการ และ ตอนที่ 3 ความคิดเห็นของ
นักศึกษาฝึ กงานต่อจริยธรรมที่สาคัญสาหรับผู้ประกอบอาชีพใน
อุตสาหกรรมบริการ
หาคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้การวิจัยโดยหาค่า IOC พบว่าทุกข้อมีค่า
IOC มากกว่า 0.67 การตรวจสอบความเที่ยงโดยหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา
ของ Conbrach (Conbrach’s alpha coefficient) ได้เท่ากับ 0.88

6. การวิเคราะห์ข้อมูล
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมทางสถิติ มีขั้นตอนการดาเนินการดังนี้
1. หาค่าความถี่ (frequency) และค่าร้อยละ (percentage) ของข้อมูลทั่วไปของ
ผู้สอบแบบสอบถาม
2. หาค่าความถี่ (frequency) และค่าร้อยละ (percentage) ค่าเฉลี่ย (mean) และค่า
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (standard deviation) ของคะแนน จากการตอบ
แบบสอบถามที่วัดระดับการรับรู้ของนักศึกษาฝึกงานต่อปัญหาจริยธรรมที่
เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบริการ และวัดระดับความคิดเห็นต่อจริยธรรมที่สาคัญ
สาหรับผู้ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมบริการ
3. ทดสอบความความแตกต่างค่าเฉลี่ยของระดับการรับรู้ของนักศึกษาฝึกงานต่อ
ปัญหาจริยธรรมที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบริการ และระดับความคิดเห็นของ
นักศึกษาฝึกงานต่อจริยธรรมที่สาคัญสาหรับผู้ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรม
บริการ จาแนกตามเพศ โดยใช้การทดสอบค่าที (t-test)

7. 1. การรับรู้ของนักศึกษาฝึกงานต่อปัญหาจริยธรรมที่เกิดขึ้นใน
อุตสาหกรรมบริการผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีการรับรู้ต่อ
ปัญหาจริยธรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบริการโดยรวมเป็น
ปัญหาที่มีความสาคัญในระดับน้อยที่สุด ( =1.19) โดยปัญหาที่มี
ความสาคัญ 5 ปัญหาแรก มีรายละเอียด ดังตาราง
x

8. ปัญหา S.D. แปลผล
1. การแสวงหาผลประโยชน์จากองค์กร 2.18 1.46 น้อย
2. การจ่ายค่าจ้างให้กับพนักงานไม่เหมาะสมกับ
ภาระงานของพนักงานแต่ละคน
1.93 1.62 น้อย
3. การละเลยต่อสิทธิบางด้านของพนักงาน 1.59 1.58 น้อย
4. การขาดความทุ่มเทของพนักงานในการ
ปฏิบัติงาน
1.58 1.47 น้อย
5. การลักขโมยทรัพย์สินขององค์กร 1.57 1.43 น้อย
x

9. หากพิจาณาความสาคัญของปัญหาจริยธรรมเป็นรายด้านทั้ง 5
ด้าน โดยเรียงลาดับจากสาคัญมากไปน้อย ประกอบด้วย 1) ปัญหา
จริยธรรมต่อองค์กร ( = 1.44) 2) ปัญหาจริยธรรมต่อพนักงาน ( =
1.39) 3) ปัญหาจริยธรรมต่อสิ่งแวดล้อม ( = 1.08) 4) ปัญหาจริยธรรม
ต่อสังคม ( = 1.06) และ 5) ปัญหาจริยธรรมต่อลูกค้า ( = 1.00)
x x
x
x x

10. 2. ความคิดเห็นต่อจริยธรรมที่สาคัญสาหรับผู้ประกอบอาชีพใน
อุตสาหกรรมบริการผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นต่อ
จริยธรรมที่สาคัญสาหรับผู้ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมบริการ
โดยรวมทั้ง 12 ด้าน มีความสาคัญในระดับมาก ( = 4.43) โดย
จริยธรรมที่มีความสาคัญ 5 ด้านแรก แสดงรายละเอียด ดังตาราง
x

11. จริยธรรม S.D. แปลผล
1. การใส่ใจต่อผู้รับบริการ 4.64 0.66 มากที่สุด
2. การปฏิบัติตามคามั่นสัญญา 4.63 0.62 มากที่สุด
3. การเคารพต่อบุคคลอื่น 4.63 0.62 มากที่สุด
4. ความรับผิดชอบ 4.57 0.68 มากที่สุด
5. ความเท่าเทียมในการให้บริการ 4.46 0.73 มาก
x

12. 3. ความแตกต่างด้านการรับรู้ของนักศึกษาฝึกงานที่เพศต่างกัน
ต่อปัญหาจริยธรรมที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมบริการ พบว่า นักศึกษา
ฝึกงานเพศชายและเพศหญิงมีการรับรู้ต่อปัญหาจริยธรรมที่เกิดขึ้นใน
อุตสาหกรรมบริการทุกด้านไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่
ระดับ 0.05

13. 4. ความแตกต่างด้านความคิดเห็นของนักศึกษาฝึกงานที่เพศ
ต่างกันต่อจริยธรรมที่สาคัญสาหรับผู้ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรม
บริการ พบว่า นักศึกษาฝึกงานเพศชายและเพศหญิงมีความคิดเห็น
ต่อจริยธรรมที่สาคัญสาหรับผู้ประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมบริการ
ในแต่ละด้านส่วนใหญ่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ที่
ระดับ 0.05 ยกเว้น ด้านการมุ่งเน้นการให้บริการที่เป็นเลิศ และการมี
ภาวะผู้นา โดยนักศึกษาเพศชายมีความคิดเห็นต่อจริยธรรมทั้งสอง
ด้านสูงกว่านักศึกษาเพศหญิงอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05

14. จากผลการวิจัยในครั้งนี้แตกต่างจากงานวิจัยอื่น ๆ ทั้งนี้เนื่องจาก
การรับรู้และการตัดสินใจด้านจริยธรรมของบุคคลขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ
ประกอบด้วย ปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ ปรัชญาด้านจริยธรรมส่วนตน อายุ
เพศ ตาแหน่งงาน ประสบการณ์ทางาน ความเคร่งทางศาสนา ปัจจัย
สิ่งแวดล้อม ได้แก่ ค่านิยมด้านจริยธรรมขององค์กร จรรยาบรรณของ
องค์กร รวมถึงที่ตั้งขององค์กร (บุษยา วีรกุล, 2551, หน้า 60) โดยเฉพาะ
ปัจจัยด้านประสบการณ์ทางาน คือจานวนปี ที่อยู่ในงาน อาชีพ หรือ
อุตสาหกรรมเฉพาะทาง โดยทั่วไปคนที่มีประสบการณ์ทางานมานานจะมี
การตัดสินใจทางจริยธรรมที่ดีกว่า (Ferrell, Fradrich & Ferrell, 2008, p.
122 อ้างถึงใน พิพัฒน์ นนทนาธรณ์, 2555 หน้า 182 - 183)

15. 1. นักศึกษาที่กาลังจะปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมบริการ รวมทั้งผู้ที่
ปฏิบัติงานอยู่ในอุตสาหกรรมบริการควรตระหนักถึงปัญหาจริยธรรมที่
เกิดขึ้นเพื่อเป็นการป้ องกันและจัดการกับปัญหาจริยธรรมดังกล่าว
รวมทั้งควรมีการพัฒนาตนเองในด้านจริยธรรมโดยเฉพาะจริยธรรมที่มี
ความจาเป็นสาหรับการปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมบริการเพื่อให้การ
ปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมนี้ประสบความสาเร็จอย่างมีจริยธรรม
2. สถาบันการศึกษาควรมีการปลูกฝังรวมทั้งกาหนดหลักสูตรด้าน
จริยธรรมให้กับเพื่อพัฒนานักศึกษาให้จบไปเป็นบัณฑิตที่มีความรู้และมี
คุณธรรมจริยธรรม

16. 3. องค์กรควรตระหนักและให้ความสาคัญกับประเด็นด้านจริยธรรม
โดยเฉพาะปัญหาจริยธรรมที่เกิดขึ้นเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสาคัญ
อย่างยิ่ง รวมทั้งมีการพัฒนาด้านจริยธรรมให้กับพนักงานในองค์กร
4. การศึกษาในครั้งนี้ผู้วิจัยศึกษาเพียงแค่มุมมองด้านจริยธรรมของ
นักศึกษาฝึกงานซึ่งมีระยะ เวลาในการฝึกงานจากัดอาจส่งผลต่อการ
รับรู้ต่อปัญหาจริยธรรมที่เกิดขึ้นจริงในองค์กร ดังนั้นในการศึกษาครั้ง
ต่อไปควรมีการศึกษามุมมองที่กว้างและในเชิงลึกมากขึ้นโดยเฉพาะ
มุมของพนักงานที่ปฏิบัติงานในองค์กรอุตสาหกรรมบริการ มุมมอง
ของลูกค้า รวมทั้งมีการเปรียบเทียบมุมมองด้านจริยธรรมของบุคคล
กลุ่มต่างๆ ว่ามีความคิดเห็นที่เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

17. คาถาม
และข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ