More Related Content
Similar to ประวัติที่มาของเรื่อง1 (20)
ประวัติที่มาของเรื่อง1
- 1. ประวัติที่มาของเรื่อง
สังข์ทองเป็นเรื่องที่ได้มาจากสุวณัสังขชาดก ซึ่งเป็น นิทาน เรื่องหนึ่งใน ปัญญาสชาดก ของท้องถิ่น
ในภาคเหนือและภาคใต้มีสถานที่ที่กลา่วถึงเนื้อเรื่องในสังข์ทองกลา่วคือเลา่กนัวา่เมืองทุง่ยั้ง
เป็นเมืองท้าวสามนต์ ใกล้วดัมหาธาตุมีลานหินเป็นสนามตีคลีของพระสังข์ ส่วนในภาคใต้
เชื่อวา่เมืองตะกวั่ป่าเป็นเมืองท้าวสามนต์ และเรียกภูเขาลูกหนึ่งวา่ "เขาขมงัมา้"
เนื่องจากเมื่อพระสังข์ตีคลีชนะได้ขี่มา้ข้ามภูเขานั้นไป
ลักษณะคา ประพันธ์
1.1.เป็นกลอนบทละคร บทหนึ่งมี 4 วรรค วรรคละ 6 คา หนึ่งบทมี 2บาท เรียกวา่บาทเอกและบาทโท 1
บาท เทา่กบั 1 คา กลอน
1.2.คา ขึ้นต้นบท กลอนบทละครมีคา ขึ้นต้นหลายแบบ
และคา ขึ้นต้นนั้นไมจ่า เป็นต้องมีจา นวนเทา่กับวรรคสดับ อาจจะมีเพียง 2 คา ก็ได้
บทละครพระราชนิพนธ์เรื่อง สังข์ทอง มี 9 ตอน คือ
1.กาเนิดพระสังข์
2.ถว่งพระสังข์
3.นางพันธุรัตน์เลี้ยงพระสังข์
4.พระสังข์หนีนางพันธุรัต
5.ท้าวสามนต์ให้นางทั้งเจ็ดเลือกคู่
6.พระสังข์ได้นางรจนา
7.ท้าวสามนต์ให้ลูกเขยหาปลาหาเนื้อ
8.พระสังข์ตีคลี
9.ท้าวยศวิมลตามพระสังข์
เรื่องยอ่สังข์ทอง
ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันเทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์
จึงถูกพระนางจันทา มเหสีรอง ใส่ร้ายวา่เป็นกาลีบ้านเมือง
จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า จนกระทั่งพระสังข์ที่ซอ่นอยูใ่นหอย ได้ออกมาพบแม่
สร้างความยินดีกบัพระนางจันเทวีมาก
- 2. ขา่วลว่งรู้ไปถึงนางจันทา จึงได้ส่งคนมาจับพระสังข์ไปถว่งน้า แตท่้าวภุชงค์พญานาคราชชว่ยเอาไว้
และส่งให้ไปอยูก่บั นางพันธุรัต พระสังข์รู้วา่นางพันธุรัตเป็นยักษ์จึงขโมยรูปเงาะ ไมเ้ท้า เกือกแกว้
เหาะหนีมาอยูบ่นเขา นางพันธุรัตตามมาทันแต่ไมส่ามารถขึ้นไปหาพระสังข์ได้ จึงได้มอบมนต์มหาจินดา
เรียกเนื้อเรียกปลาให้แกพ่ระสังข์กอ่นที่จะอกแตกสิ้นใจตายที่เชิงเขา นั่นเอง
พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑากา ลังจัดพิธีเลือกคูใ่ห้ธิดาทั้งเจ็ด
แตร่จนาพระธิดาองค์สุดท้อง ไมย่อมเลือกใครเป็นคู่ท้าวสามลจึงให้คนไปตามเจ้าเงาะมาให้เลือก
รจนาเห็นรูปทองที่ซอ่นอยูใ่นรูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให้
สร้างความพิโรธให้ท้าวสามาลจึงถึงกบัขับไล่รจนาให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ
ท้าวสามลหาทางแกล้งเจ้าเงาะ โดยการให้ไปหาเนื้อหาปลาแขง่กบัเขยทั้งหก
เจ้าเงาะให้มนต์ที่นางพันธุรัตให้ไวเ้รียกเนื้อ เรียกปลามารวมกนัทา ให้หกเขยหาปลาไมไ่ด้
จึงต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลา
ท้าวสามลพิโรธมากจนถึงกบัคิดหาทางประหารเจ้าเงาะ
ร้อนถึงพระอินทร์ต้องหาทางชว่ยโดยการลงมาท้าตีคลีชิงเมือง กบัท้าวสามล
ท้าวสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไมไ่ด้ จึงต้องยอมให้เจ้าเงาะไปสู้แทน
เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์และสู้กบัพระอินทร์ จนชนะ
ท้าวสามลจึงยอมรับพระสังข์กลับเข้าเมืองและจัดพิธีอภิเษกให้
พระอินทร์ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมด
ท้าวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันเทวีจนพบ และได้เดินทาน ไปเมืองสามลนครเพื่อพบพระสังข์
โดยพระนางจันเทวีได้ปลอมเป็นแมค่รัวในวงัและได้แกะสลักเรื่องราวทั้งหมดบนชิ้นฟัก ให้พระสังข์เสวย
ทา ให้พระสังข์รู้วา่แมค่รัวคือพระมารดานั่นเอง พระสังข์และรจนาจึงได้เสด็จตามท้าวยศวิมลและพระนาง
จันเทวีกลับไปครองเมืองยศวิมลสืบไป
- 3. ประวัติวรรณคดี
วรรณคดี แปลวา่เรื่องที่แตง่เป็นหนังสือ มีความหมายตรงกนัคา วา่ Literature ในภาษาอังกฤษ
แตพ่จนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ ให้คา จา กดัความของวรรณคดีวา่
หนังสือที่ได้รับยกยอ่งวา่แตง่ดี ปรากฏครั้งแรกในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งวรรณคดีสโมสร เมื่อวนัที่ ๒๓
กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ ในรัชสมยัพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยูหั่ว
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งวรรณคดีสโมสร กลา่ววา่
๑ . เป็นหนังสือดี กลา่วคือ เป็นเรื่องที่สมควรซึ่งสาธารณชนจะอา่นได้โดยไมเ่สียประโยชน์
คือไมเ่ป็นเรื่องที่ชักจูงความคิดผู้อา่นไปในทางอันไมเ่ป็นแกน่สาร
ซึ่งจะชวนให้คิดวุน่วานทางการเมืองอันเกิดเป็นเรื่องราคาญแกรั่ฐบาลของพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยูหั่ว (
เพราะคนรู้น้อยอาจจะไขวา้เขวได้ )
๒ . เป็นหนังสือแตง่ดี ใช้วิธีเรียบเรียงอยา่งใด ๆ ก็ตามแตต่้องให้เป็นภาษาไทยอันดี
ถูกต้องตามเยี่ยงที่ใช้ในโบราณกาลหรือปัจจุบันกาลก็ได้ ไมใ่ช้ภาษาตา่งประเทศ ( เชน่ ใช้วา่ ไปจับรถ แทน
ไปขึ้นรถ และ มาสาย แทน มาช้า ดังนี้เป็นตัวอยา่ง )
วรรณคดี คือ ความรู้สึกนึกคิดของกวี ซึ่งถอดออกมาจากจิตใจให้ปรากฎเป็นรูปหนังสือ
มีถ้อยคา เหมาะเจาะเพราะพริ้ง เร้าใจให้ผู้อา่นหรือผู้ฟังเกิดความรู้สึก
วรรณคดี คือ หนังสือที่มีลักษณะเรียบเรียงถ้อยคา เกลี้ยงเกลาเพราะพริ้งมีรสปลุกมโนคติ ( imagination
) ให้เพลิดเพลิน เกิดกระทบกระเทือนอารมณ์ตา่ง ๆ เป็นไปตามอารมณ์ของผู้ประพันธ์บทประพันธ์ที่เป็น
วรรณคดี คือ บทประพันธ์ที่มุง่ให้ความเพลิดเพลิน ให้เกิดความรู้สึกนึกคิด(imagination)
และอารมณ์ตา่ง ๆ ตามผู้เขียน นอกจากนี้บทประพันธ์ที่เป็นวรรณคดีจะต้องมีรูปศิลปะ ( form )
- 4. เทา่ที่กลา่วมาแล้วพอสรุปได้วา่วรรณคดี คือ เรื่องที่มีลักษณะดังนี้
๑ . ใช้ถ้อยคา สานวนโวหารไพเราะสละสลวย
๒ . กอ่ให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ
๓ . ยกระดับจิตใจให้สูง
๔ . ใช้เป็นแบบแผนในการแตง่ได้
ร้อยกรอง คือ บทประพันธ์ที่แตง่ให้มีสัมผัสของคา เชื่อมโยงกนั
โดยมีคณะของคา ตามหลักที่กา หนดไวใ้นฉันทลักษณ์หรือตารากลอนตา่ง ๆ เชน่ มีครุ ลหุ เอก โท เป็นต้น
รูปแบบของร้อยกรองวรรณคดีที่เป็นร้อยกรอง ( กาพย์กลอนของไทย ) ได้เจริญเรื่อยมา
และแบง่ตามรูปแบบคา ประพันธ์ที่ใช้แตง่เรื่องนั้น ๆ ได้ดังนี้
๑ . คา หลวง เป็นเรื่องที่พระมหากษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูงในพระราชวงศ์ทรงแตง่ หรือ
ทรงเกยี่วข้องในการแตง่ ไมจ่า กดัรูปแบบคา ประพันธ์ แตต่้องเป็นเรื่องที่ศักด์ิสิทธ์ิ
เป็นเรื่องที่เกยี่วกบัศีลธรรมจรรยา เทา่ที่ปรากฏชื่อในวรรณคดีมีอยู่๔ เรื่อง คือ มหาชาติคา หลวง
นันโทปนันทสูตรคา หลวง พระมาลัยคา -หลวง และพระนลคา หลวง
๒ . คา ฉันท์ ได้แก่วรรณคดีที่แตง่เป็นฉันท์ชนิดตา่ง ๆ มกัมีกาพย์บางชนิดปนอยู่ด้วย เชน่
สมุทรโฆษคา ฉั นท์ สามคัคีเภทคา ฉันท์ เป็นต้น
๓ . คา โคลง ได้แก่วรรณคดีที่แตง่เป็นโคลงคั้นหรือโคลงสี่สุภาพ เชน่ โคลงนิราศนรินทร์ เป็นต้น
๔ . คา กลอน วรรณคดีที่แตง่เป็นคา กลอนชนิดตา่ง ๆ ได้แก่กลอนสุภาพ กลอนเสภา กลอนบทละคร
กลอนหก เชน่ พระอภัยมณี เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน
๕ . คา กาพย์ ได้แก่วรรณคดีที่แตง่เป็นกาพย์ยานี กาพย์ฉบัง กาพย์สุรางคนางค์ เชน่
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา เป็นต้น
๖ . กาพย์ห่อโคลง กาพย์เห่เรือ ได้แก่วรรณคดีที่แตง่ด้วยโคลงและกาพย์ เชน่
กาพย์ห่อโคลงประพาศธารทองแดง กาพย์เห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร
๗ . ร่ายยาว ได้แก่วรรณคดีที่แตง่เป็นร่ายยาว เช่น ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก เป็นต้น
๘ . ลิลิต ได้แก่วรรณคดีที่แตง่โดยใช้โคลงและร่ายปนกนั รับสัมผัสคา แบบลิลิต เชน่ ลิลิตพระลอ
ลิลิตตะเลงพา่ย ลิลิตนิทราชาคริต เป็นต้น
- 5. นอกจากแบง่ตามลักษณะคา ประพันธ์แล้ว ยังแบง่ตามเนื้อเรื่อง เชน่ นิราศ เพลงยาว นิทานคา กาพย์
นิทานคา กลอน คา สอน เป็นต้น
บทละคร คือ เรื่องที่แตง่ขึ้นเพื่อการแสดงบนเวทีรูปแบบของบทละคร
๑ . บทละครรา เป็นบทละครแบบเดิมของไทย ได้แก่บทละครเรื่องอิเหนา รามเกียรต์ิ สังข์ทอง เป็นต้น
๒ . บทละครแบบตะวนัตก ได้แก่บทละครพูดเรื่องหัวใจนักรบ บทละครร้องเรื่องสาวเครือฟ้า
บทละครคา ฉันท์เรื่องมทันะพาธา เป็นต้น
การแบง่ประเภทวรรณคดีตามเกณฑ์ตา่ง ๆ วรรณคดีไทยอาจแบง่ตามเกณฑ์ตา่ง ๆ
ได้ดังนี้แบง่ตามความมุง่หมาย แยกได้ ๒ ประเภท คือ
๑ . สารคดี คือ หนังสือที่มุง่ให้ความรู้แกผู่้อา่นเป็นสาคัญแตใ่นขณะเดียวกนัก็ใช้กลวิธี
การเขียนให้เกิดความบันเทิงเป็นผลพลอยได้ไปด้วย เชน่ บทความหรือความเรียง หนังสือสารคดี ตา รา
บันทึก จดหมายเหตุ รายงาน พงศาวดาร ตา นาน ปาฐกถา คา สอน
๒ . บันเทิงคดี คือ หนังสือที่มุง่ให้ความสนุกเพลิดเพลินแกผู่้อ่านมากกวา่ความรู้ แตอ่ยา่งไรก็ดี
บันเทิงคดียอ่มมีเนื้อหาที่เป็นสาระสาคัญแทรกอยู่ด้วยในรูปของคติชีวิตและเกร็ดความรู้ เชน่ เรื่องสั้น
นวนิยาย บทละครพูด นิทาน นิยายแบง่ตามลักษณะที่แตง่ แยกได้ ๒ ประเภท คือ
๑ . ร้อยแกว้ อาจแตง่เป็นสารคดีหรือบันเทิงคดี โดยมีรูปแบบตา่ง ๆ
๒ . ร้อยกรอง หมายถึง ความเรียงที่ใช้ภาษาพูดตามธรรมดา
แตมี่รูปแบบโดยเฉพาะและมีความไพเราะเหมาะเจาะด้วยเสียงและความหมาย
ร้อยกรองอาจเรียกวา่คา ประพันธ์ กาพย์กลอน หรือ กวีนิพนธ์ ก็ได้ ร้อยกรองแตเ่ป็นกลอน โคลง
ร่ายกาพย์และฉันท์ อาจแตง่เป็นสารคดีและบันเทิงคดี ส่วนมากเป็นบันเทิงคดี โดยอาจแบง่รูปตามชนิดของ
คา ประพันธ์ หรือลักษณะของเนื้อเรื่องแบง่ตามลักษณะการจดบันทึก แยกได้ ๒ ประเภท คือ
๑ . วรรณคดีลายลักษณ์อักษร ได้แก่วรรณคดีที่บันทึกไวเ้ป็นหนังสืออาจเป็นตัวจารึก ตัวเขียน
หรือตัวพิมพ์ก็ได้
๒ . วรรณคดีที่ไมไ่ด้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่วรรณคดีที่บอกเลา่จดจา สืบต่อกนัมา
เรียกอีกอยา่งหนึ่งวา่ วรรณคดีมุขปาฐะ เชน่เพลงพื้นเมือง บทเห่กลอ่ม นิทานพื้นบ้าน ปริศนาคา ทาย
การแบง่ประเภทวรรณคดีดังกล่าวอาจคาบเกี่ยวกนัได้
สารคดีโดยทั่วไปมกัแตง่เป็นร้อยแก้วแต่อาจแตง่เป็นร้อยกรองก็ได้บันเทิงคดี
- 6. อาจแตง่เป็นร้อยกรองหรือร้อยแกว้ก็ได้วรรณคดีไทยแบง่สมยัการแตง่ได้ดังนี้
๑ . วรรณคดีสมยัสุโขทัย ( พ.ศ. ๑๘๐๐ - ๑๙๒๐ )
๒ . วรรณคดีสมยัอยุธยาตอนต้น ( พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๐๗๒ )
๓ . วรรณคดีสมยัอยุธยาตอนกลาง ( ยุคทองของวรรณคดี พ.ศ. ๒๑๖๓ - ๒๒๓๑๔)
๔ . วรรณคดีสมยัอยุธยาตอนปลาย ( พ.ศ. ๒๒๙๕ - ๒๓๑๐๕ )
๕ . วรรณคดีสมยัธนบุรี ( พ.ศ. ๒๓๑๐ - ๒๓๒๕๖ )
๖ . วรรณคดีสมยัรัตนโกสินทร์ ( พ.ศ. ๒๓๒๕ - ปัจจุบัน )
เนื่องจากการแตง่วรรณคดี มกัจะมีส่วนสัมพันธ์กนั ประวตัิศาสตร์และสภาพสังคมในยุคสมยันั้น ๆ
เพราะฉะนั้นการอา่นวรรณคดีให้ได้คุณคา่อยา่งแท้จริง จา เป็นจะต้องเรียนประวตัิวรรณคดีประกอบด้วย
ซึ่งต้องพิจารณาถึงประเด็นสาคัญของวรรณคดี ในด้านตา่ง ๆ ดังนี้
๑ . ผู้แตง่ รวมถึงชีวประวตัิและผลงานสาคัญ
๒ . ที่มาของเรื่อง ได้แก่เรื่องที่เป็นต้นเค้า อาจจะได้รับอิทธิพลภายในประเทศ
หรือที่ได้รับอิทธิพลจากตา่งประเทศ
๓ . ความมุง่หมายที่แตง่ ได้แก่ความบันดาลใจหรือความมุง่หมายของผู้แตง่ในการแตง่วรรณคดีนั้น ๆ
๔ . วิวฒันาการและความสัมพันธ์ตอ่เนื่องระหวา่งวรรณคดีแตล่ะสมัย
๕ . สภาพสังคมในสมยัที่แตง่ ซึ่งได้แก่วฒันธรรม สภาพสังคม
และเหตุการณ์ของบ้านเมืองในระยะเวลาที่แตง่
๖ . อิทธิพลที่วรรณคดีมีตอ่สังคมทั้งในสมยัที่แตง่และในสมยัตอ่มา
ดร. สิทธา พินิจภูวดล กลา่วไวใ้นหนังสือความรู้ทั่วไปทางวรรณกรรมไทย
ถึงเรื่องการศึกษาวรรณคดีในแนวประวตัิ มีดังนี้
๑ . เพื่อให้ทราบต้นกา เนิดของวรรณคดีวา่ วรรณคดีแตล่ะเลม่เกิดขึ้นได้อยา่งไร เกิดในสมยัใด
และวรรณคดีอื่น ๆ ในสมยันั้นมีลักษณะที่เกิดขึ้นมาอยา่งเดียวกนัหรือไม่
๒ .เพื่อให้ทราบวิวฒันาการของสติปัญญาของชาติ พลังปัญญาของบุคคลในชาติ
จะแสดงออกมาในรูปของศิลปกรรมประเภทตา่ง ๆ ซึ่งรวมทั้งวรรณกรรมด้วย
คนจะแสดงพลังปัญญาในการนาเรื่องราวทางการเมือง การทหาร การรบพุง่ปราบปรามศัตรู และอื่น ๆ
มาเรียบเรียงร้อยกรองเป็นบทเพลงหรือบทประพันธ์ แทนการเลา่เรื่องอยา่งธรรมดา ๆ
คนที่มีความสามารถจะหาทางออกในแนวแปลกงดงามและมีผลดี วรรณคดีที่มีแนวตา่ง ๆ
- 7. กนัเป็นผลของการแสดงพลังปัญญาของบุคคลในชาติ
๓ . เพื่อให้รู้จักเหตุการณ์ที่มีอิทธิพลต่อวรรณคดี วรรณคดีเป็นผลงานกวี
กวีในแตล่ะยุคแตล่ะสมยัยอ่มมีชีวิตความเป็นอยู่ตา่งกนั มีแนวคิดตา่งกนั
มีเหตุการณ์ในยุคสมยัของตนแตกตา่งกนัไปด้วย เชน่
คนไทยในยุคสุโขทัยระยะหลังได้รับความร่วมเย็นเป็นสุขอยา่งเต็มที่ เอาใจใส่ในศาสนาและวรรณกรรม
ศิลาจารึกในยุคนั้นจึงมีเรื่องราวเกี่ยวกบัศาสนามาก เหตุการณ์ตา่ง ๆ ในบ้านเมืองหรือ
ในสังคมยอ่มสัมพันธ์กบัเรื่องราวในวรรณคดี การศึกษาประวตัิวรรณคดี จะทา ให้เข้าใจ ตัววรรณคดี
ชัดเจนยิ่งขึ้น และเข้าใจกวีวา่เหตุใดจึงแตง่วรรณคดีชนิดนั้น เชน่ เหตุใดวรรณกรรมไทยในยุคปลายสุโขทัย
จึงเป็นแตป่ระเภท วรรณกรรมศาสนาเทา่นั้น เป็นต้น
๔ . เพื่อให้รู้จักผู้แตง่วรรณคดี วา่กวีคือใคร มีความรู้สึกนึกคิดอยา่งไร
อะไรเป็นเหตุทา ให้เขาแตง่เรื่องเชน่นั้น เชน่
เราต้องการทราบประวตัิชีวิตของสุนทรภู่ พยายามสืบค้นวา่สุนทรภู่มีบิดามารดา ชื่ออะไร อาชีพอะไร
เกิดที่เมืองไหน ครอบครัวของสุนทรภูมี่ใครบ้าง อะไรทา ให้สุนทรภูเ่ขียนลงไปวา่ อนิจจาตัวเราก็เทา่นี้
ไมมี่ที่พสุธาจะอาศัย…… สิ่งเหลา่นี้ล้วนแตท่า ให้ผู้ศึกษาวรรณคดีรู้จักวรรณคดีลึกซึ้งขึ้นทั้งสิ้น
ในบางยุคสมยัผู้แตง่วรรณคดีจะเป็นคนในราชสานักเป็นส่วนมาก
ดังที่ปรากฏอยูใ่นยุคสุโขทัยเรื่อยลงมาจนถึงอยุธยา และตอ่มาจนถึงยุคต้นรัตนโกสินทร์
ประวตัิวรรณคดีจะทา ให้เราเข้าใจแนวสร้างวรรณคดีไทย
- 8. ประวัติผู้แต่ง
สังข์ทอง ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีลักษณะของละครนอก
มีตัวละครที่เป็นรู้จักกนัเป็นอยา่งดี คือ เจ้าเงาะซึ่งคือพระสังข์ กบันางรจนา
เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานและเป็นนิยม จึงมีการนาเนื้อเรื่องบางบทที่นิยม ได้แก่บทพระสังข์ได้นางรจนา
เพื่อนามาประยุกต์เป็นการแสดงชุด รจนาเสี่ยงพวงมาลัย สังข์ทองเป็นเรื่องที่ได้มาจากสุวณัสังข์
- 9. คุณค่าจากเรื่อง สังข์ทอง ตอน กาเนิดพระสังข์
คุณค่าด้าววรรณศิลป์
บทละครนอก มิใชบ่ทสาหรับแสดงละครเพียงอยา่งเดียว แตใ่ช้เป็นวรรณคดีสาหรับอา่นด้วย
โดยมีความสาคัญควบคู่กนัไป เพราะในการอา่นบทละครนั้น ผู้อา่นจะอา่นเนื้อเรื่องโดยตลอด
ส่วนในการแสดงก็คงจะนิยมนามาแสดงเป็นตอนๆ ไมไ่ด้แสดงที่เดียว จบทั้งเรื่อง เชน่
เรื่องสังข์ทองก็นิยมแสดงตอนนางมณฑาลงกระทอ่มมากกวา่ตอนอื่นๆ เป็นต้น
ผู้ดูละครต้องการความบันเทิงและการผ่อนคลายอารมณ์จากความตึงเครียด
ต้องการประสบการณ์ใหมๆ่ ที่ได้จากการดูละคร ซึ่งก็เป็นความจริงของชีวิตที่แฝงอยูใ่นบทละครนั้น
ละครจึงมีส่วนชว่ยและมีบทบาทในการดา เนินชีวิตของมนุษย์อยู่มาก
โดยเฉพาะอยา่งยิ่งในสมยักอ่นที่คนไทยส่วนใหญอ่า่นหนังสือไมอ่อก และมีมหรสพให้ชมอยูไ่มกี่่ชนิด
- 10. คุณค่าด้านสังคม
๑. คา่นิยมในสังคม วฒันธรรม และแนวทางการดา เนินชีวิต
โดยต้องการปลูกฝังทัศนคติลงไปในจิตใจของคนไทย เชน่
ทัศนคติเกยี่วกบัความซื่อสัตย์จงรักภักดีของผู้หญิงที่มีตอ่สามี ตัวอยา่งที่เห็นได้ชัดคือ
บทบาทของนางจันท์เทวีและนางรจนา เชน่ นางรจนาคร่า ครวญตอนท้าวสามนต์ให้หาปลาถวาย
๒. การรักพวกพ้อง รักชาติบ้านเมือง ตัวอยา่งที่เห็นได้อยา่งชัดเจนคือ พฤติการณ์ของหกเขย
และการตีคลีพนันกบัพระอินทร์ เชน่ ตอนนางมณฑาขอร้องให้เจ้าเงาะชว่ย
๓. การทา ความดี มีตัวอยา่งปรากฏตลอดทั้งเรื่อง เชน่ การที่ท้าวภุชงค์และนางพันธุรัตรับเลี้ยงดูพระสังข์
ตายายชว่ยเหลือนางจันท์เทวีนายประตูเมืองสามนต์ช่วยเหลือท้าวยศวิมล เป็นต้น
ข้อคิดจากเรื่องสังข์ทอง ตอนกาเนิดพระสังข์
๑. การแสดงความรักของแมที่่มีตอ่ลูก ไมว่า่ลูกจะเป็นอยา่งไร แมก่็ยังรักลูกเสมอ
๒. ความกตัญญูของพระสังข์ ที่คอยชว่ยเหลืองานบ้านเพื่อแบง่เบาภาระของแม่
๓. ความพยายามของนางจันเทวี ที่ไมย่อมแพ้ตอ่อุปสรรคแมจ้ะต้องลา บาก
- 12. สัมผัสระหวา่งวรรคไมบั่งคับตายตัว ให้สังเกตจากแผนผัง วรรคที่ ๑
อาจจะสัมผัสกบัตา แหน่งใดตา แหน่งหนึ่งตามเส้นสัมผัสในวรรคที่ ๒
๒. คา ขึ้นต้นบท กลอนบทละครมีคา ขึ้นต้นหลายแบบ และคา ขึ้นต้นนั้นไมจ่า เป็นต้องมีจา นวน
เทา่กบัวรรคสดับ อาจจะมีเพียง ๒ คา ก็ได้ คา ขึ้นต้นมีดังนี้
๒.๑ มาจะกลา่วบทไป มกัใช้เมื่อขึ้นต้นเรื่อง หรือกลา่วถึงเรื่องแทรกเข้ามา
๒.๒ เมื่อนั้น ใช้สาหรับผู้มียศสูง หรือผู้เป็นใหญใ่นที่นั้นตามเนื้อเรื่อง เชน่กษัตริย์ ราชวงศ์
๒.๓ บัดนั้น ใช้ขึ้นต้นสาหรับผู้น้อยลงมา เชน่ เสนา ไพร่พล
เนื้อเรื่องย่อ
ณ เมืองยศวิมลนคร อันมีท้าวยศวิมลเป็นเจ้าเมือง พระมเหสีจันเทวีได้คลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์
จึงถูกพระนางจันทา มเหสีรอง ใส่ร้ายวา่เป็นกาลีบ้านเมือง
- 13. จนถูกขับออกจากเมืองไปอยู่กระท่อมตายายที่ชายป่า จนกระทั่งพระสังข์ที่ซอ่นอยูใ่นหอย ได้ออกมาพบแม่
สร้างความยินดีกบัพระนางจันเทวี ขา่วลว่งรู้ไปถึงนางจันทา จึงได้ส่งคนมาจับพระสังข์ไปถว่งน้า
แตท่้าวภุชงค์พญานาคราชชว่ยเอาไว้และส่งให้ไปอยูก่บั นางพันธุรัต
พระสังข์รู้วา่นางพันธุรัตเป็นยักษ์จึงขโมยรูปเงาะ ไมเ้ท้า เกือกแกว้ เหาะหนีมาอยูบ่นเขา
นางพันธุรัตตามมาทันแต่ไมส่ามารถขึ้นไปหาพระสังข์ได้ จึงได้มอบมนต์มหาจินดา
เรียกเนื้อเรียกปลาให้แกพ่ระสังข์กอ่นที่จะอกแตกสิ้นใจตายที่เชิงเขา นั่นเอง
พระสังข์เหาะมาจนถึงเมืองสามล ท้าวสามลและนางมณฑากา ลังจัดพิธีเลือกคูใ่ห้ธิดาทั้งเจ็ด
แตร่จนาพระธิดาองค์สุดท้อง ไมย่อมเลือกใครเป็นคู่ท้าวสามลจึงให้คนไปตามเจ้าเงาะมาให้เลือก
รจนาเห็นรูปทองที่ซอ่นอยูใ่นรูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให้
สร้างความพิโรธให้ท้าวสามลจึงถึงกบัขับไลร่จนาให้ไปอยู่กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ
ท้าวสามลหาทางแกล้งเจ้าเงาะ โดยการให้ไปหาเนื้อหาปลาแขง่กบัเขยทั้งหก
เจ้าเงาะให้มนต์ที่นางพันธุรัตให้ไวเ้รียกเนื้อ เรียกปลามารวมกนัทา ให้หกเขยหาปลาไมไ่ด้
จึงต้องยอมตัดปลายหูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลา
ท้าวสามลพิโรธมากจนถึงกับคิดหาทางประหารเจ้าเงาะ
ร้อนถึงพระอินทร์ต้องหาทางชว่ยโดยการลงมาท้าตีคลีชิงเมือง กบัท้าวสามล
ท้าวสามลส่งหกเขยไปสู้ก็สู้ไมไ่ด้ จึงต้องยอมให้เจ้าเงาะไปสู้แทน
เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์และสู้กบัพระอินทร์ จนชนะ
ท้าวสามลจึงยอมรับพระสังข์กลับเข้าเมืองและจัดพิธีอภิเษกให้ พระอินทร์ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล
เพื่อบอกเรื่องราวทั้งหมด ท้าวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันเทวีจนพบ และได้เดินทาน
ไปเมืองสามลนครเพื่อพบพระสังข์
โดยพระนางจันเทวีได้ปลอมเป็นแมค่รัวในวงัและได้แกะสลักเรื่องราวทั้งหมดบนชิ้นฟัก ให้พระสังข์เสวย
ทา ให้พระสังข์รู้วา่แมค่รัวคือพระมารดานั่นเอง พระสังข์และรจนาจึงได้เสด็จตามท้าวยศวิมลและพระนาง
จันเทวีกลับไปครองเมืองยศวิมลสืบไป
- 14. เนื้อเรื่อง
ท้าวยศวิมลมีมเหสีชื่อนางจันท์เทวี มีสนมเอกชื่อนางจันทาเทวี ไมมี่โอรสธิดา
จึงบวงสรวงและรักษาศีลห้าเพื่อขอบุตร
และประกาศแกพ่ระมเหสีและนางสนมวา่ถ้าใครมีโอรสก็จะมอบเมืองให้ครองอยู่มานางจันท์เทวีทรงครรภ์
เทวบุตรจุติมา เป็นพระโอรสของนาง แตป่ระสูติมาเป็นหอยสังข์
นางจันทาเทวีเกิดความริษยาจึงติดสินบนโหรหลวงให้ทา นายวา่หอยสังข์จะทา ให้บ้านเมืองเกิดความหายนะ
ท้าวยศวิมลหลงเชื่อนางจันทาเทวี
จึงจา ใจต้องเนรเทศนางจันท์เทวีและหอยสังข์ไปจากเมืองนางจันท์เทวีพาหอยสังข์ไปอาศัยตายายชา่วไร่
ชว่ยงานตายายเป็นเวลา 5 ปี พระโอรสในหอยสังข์แอบออกมาชว่ยทา งาน เชน่ หุงหาอาหาร
ไลไ่กไ่มใ่ห้จิกข้าว เมอื่นางจันท์เทวีทราบก็ทุบหอยสังข์เสียในเวลาตอ่มา
พระนางจันทาเทวีได้ไปวา่จ้างแมเ่ฒา่สุเมธาให้ชว่ยทา เสน่ห์เพื่อที่ท้าวยศวิมลจะได้หลงอยูใ่นมนต์สะกด
และได้ยุยงให้ท้าวยศวิมลไปจับตัวพระสังข์มาประหาร ท้าวยศวิมลจึงมีบัญชาให้จับตัวพระสังข์มาถ่วงน้า
แตท่้าวภุชงค์(พญานาค) ราชาแห่งเมืองบาดาลก็มาชว่ยไว้และนาไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
กอ่นจะส่งให้นางพันธุรัตเลี้ยงดูตอ่ไปจนพระสังข์มีอายุได้ 15 ปีบริบูรณ์วนัหนึ่ง นางพันธุรัตได้ไปหาอาหาร
พระสังข์ได้แอบไปเที่ยวเลน่ที่หลังวงั และได้พบกบับอ่เงิน บอ่ทอง รูปเงาะ เกือกทอง(รองเท้าทองนั้นเอง)
ไมพ้ลอง และพระสังข์ก็รู้ความจริงวา่นางพันธุรัตเป็นยักษ์ เมอื่พระสังข์พบเข้ากบัโครงกระดูก
จึงได้เตรียมแผนการหนีด้วยการสวมกระโดดลงไปชุบตัวในบอ่ทอง สวมรูปเงาะ กบัเกือกทอง
และขโมยไมพ้ลองเหาะหนีไปเมอื่นางพันธุรัตทราบวา่พระสังข์หนีไป
ก็ออกตามหาจนพบพระสังข์อยู่บนเขาลูกหนึ่ง จึงขอร้องให้พระสังข์ลงมา แตพ่ระสังข์ก็ไมย่อม
นางพันธุรัตจึงเขียนมหาจินดามนตร์ที่ใช้เรียกเนื้อเรียกปลาได้ไว้ที่ก้อนหิน กอ่นที่นางจะอกแตกตาย
ซึ่งพระสังข์ได้ลงมาทอ่งมหาจินดามนตร์จนจา ได้ และได้สวมรูปเงาะออกเดินทางต่อไป
พระสังข์เดินทางมาถึงเมืองสามล ซึ่งมีท้าวสามลและพระนางมณฑาปกครองเมือง
ซึ่งท้าวสามลและพระนางมณฑามีธิดาล้วนถึง 7 พระองค์ โดยเฉพาะ พระธิดาองค์สุดท้องที่ชื่อ รจนา
มีสิริโฉมเลิศล้า กวา่ธิดาทุกองค์ จนวนัหนึ่ง ท้าวสามลได้จัดให้มีพิธีเสี่ยงมาลัยเลือกคูใ่ห้ธิดาทั้งเจ็ด ซึ่งธิดาทั้ง
6 ตา่งเสี่ยงมาลัยได้คูค่รองทั้งสิ้น เวน้แตน่างรจนาที่มิได้เลือกเจ้าชายองค์ใดเป็นคูค่รอง
- 15. ท้าวสามลจึงได้ให้ทหารไปนาตัวพระสังข์ในร่างเจ้าเงาะซึ่งเป็นชายเพียงคนเดียวที่เหลือในเมืองสามล
ซึ่งนางรจนาเห็นรูปทองภายในของเจ้าเงาะ จึงได้เสี่ยงพวงมาลัยให้เจ้าเงาะ ทา ให้ท้าวสามลโกรธมาก
เนรเทศนางรจนาไปอยูที่่กระทอ่มปลายนากับเจ้าเงาะ
ท้าวสามลคิดจะกา จัดเจ้าเงาะทุกวิถีทาง จึงได้ให้เขยทั้งหมดไปจับปลามาให้ได้คนละร้อยตัว
พระสังข์จึงได้ถอดรูปเงาะออก และทอ่งมหาจินดามนตร์จนได้ปลามานับร้อย
ส่วนหกเขยจับปลาไมไ่ด้เลยสักตัว จึงเข้ามาขอพระสังข์เพราะคิดวา่เป็นเทวดา พระสังข์ก็ยินดีให้
แตต่้องแลกกบัปลายจมูกของหกเขยด้วย
ตอ่มา ท้าวสามลได้ให้เขยทั้งหมดไปหาเนื้อมาให้ได้คนละร้อยตัว
พระสังข์ก็ใช้มหาจินดามนตร์จนได้เนื้อมานับร้อย ส่วนหกเขยก็หาไมไ่ด้อีกตามเคย
และได้เข้ามาขอพระสังข์ พระสังข์ก็ยินดีให้ แตต่้องแลกกบัปลายหูของหกเขยด้วย ณ
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์ อาสน์ที่ประทับของพระอินทร์เกิดแข็งกระด้าง
อันเป็นสัญญาณวา่มีผู้มีบุญกา ลังเดือดร้อน จึงส่องทิพย์เนตรลงไปพบเหตุการณ์ในเมืองสามล
จึงได้แปลงกายเป็นกษัตริย์เมืองยกทัพไปล้อมเมืองสามล ท้าให้ท้าวสามลออกมาแขง่ตีคลีกับพระองค์
หากท้าวสามลแพ้ พระองค์จะยึดเมืองสามลเสีย ท้าวสามลส่งหกเขยไปแขง่ตีคลีกับพระอินทร์
แตก่็แพ้ไมเ่ป็นทา่ จึงจา ต้องเรียกเจ้าเงาะให้มาชว่ยตีคลี
ซึ่งนางรจนาได้ขอร้องให้สามีชว่ยถอดรูปเงาะมาชว่ยตีคลี เจ้าเงาะถูกขอร้องจนใจออ่น
และยอมถอดรูปเงาะมาชว่ยเมืองสามลตีคลีจนชนะในที่สุด หลังจากเสร็จภารกิจที่เมืองสามลแล้ว
พระอินทร์ได้ไปเข้าฝันท้าวยศวิมล และเปิดโปงความชั่วของพระนางจันทาเทวี
พร้อมกบัสั่งให้ท้าวยศวิมลไปรับพระนางจันท์เทวีกบัพระสังข์มาอยู่ด้วยกนัดังเดิม
ท้าวยศวิมลจึงยกขบวนเสด็จไปรับพระนางจันท์เทวีกลับมา
และพากนัเดินทางไปยังเมืองสามลเมอื่ตามหาพระสังข์
ท้าวยศวิมลและพระนางจันท์เทวีปลอมตัวเป็นสามญัชนเข้าไปอยูใ่นวงั
โดยท้าวยศวิมลเข้าไปสมัครเป็นชา่งสานกระบุง ตะกร้า ส่วนพระนางจันท์เทวีเข้าไปสมคัรเป็นแมค่รัว
และในวนัหนึ่ง พระนางจันท์เทวีก็ปรุงแกงฟักถวายพระสังข์
โดยพระนางจันท์เทวีได้แกะสลักชิ้นฟักเจ็ดชิ้นเป็นเรื่องราวของพระสังข์ตั้งแตเ่ยาว์วยั
ทา ให้พระสังข์รู้วา่พระมารดาตามมาแล้ว
- 16. จึงมาที่ห้องครัวและได้พบกับพระมารดาที่พลัดพรากจากกนัไปนานอีกครั้ง หลังจากนั้น ท้าวยศวิมล
พระนางจันท์เทวี พระสังข์กบันางรจนาได้เดินทางกลับเมืองยศวิมล
ท้าวยศวิมลได้สั่งประหารพระนางจันทาเทวี และสละราชสมบัติให้พระสังข์ได้ครองราชย์สืบต่อมา
บรรณานุกรม
สังข์ทอง:หนังสือมลัติมีเดียออนไลน์. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงวฒันธรรม,
พ.ศ. 2537สังข์ทอง:หนังสือมลัติมีเดียออนไลน์. สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระทรวงวฒันธรรม, พ.ศ. 2537 http://chainarong2533.blogspot.com/2013/10/blog-post_7422.html
- 17. คานา
รายงานเรื่อง “วรรณคดีไทย เรื่อง สังข์ทอง ตอน กา เนิดพระสังข์” ฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย
เพิ่มเติม รหัสวิชา ท๓๓๒๐๓ ชั้นมธัยมศึกษาปีที่ ๖ มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาความรู้เกยี่วกับวรรณคดีไทย
เรื่องสังข์ทอง ตอน กา เนิดพระสังข์ ซึ่งรายงานฉบับนี้มีเนื้อหาเกยี่วกบัประวตัิวรรณคดี ประวตัิผู้แตง่
ที่มาของเรื่อง คุณคา่ของวรรณคดี ที่สะท้อนความคิด ความเชื่อ
และคา่นิยมของคนไทยและข้อคิดที่ได้จากการศึกษาค้นควา้วรรณคดีไทยเรื่องนี้
การศึกษาค้นควา้เรื่อง “วรรณคดีไทย เรื่อง สังข์ทอง ตอน กา เนิดพระสังข์” เลม่นี้
ข้าพเจ้าได้วางแผนการดา เนินงานการศึกษาค้นควา้เป็นระยะเวลา ๒ เดือน ศึกษาจากแหลง่ความรู้ต่าง ๆ
อาทิ ตา รา หนังสือ นิทาน และแหลง่ความรู้จากเว็บไซต์ในห้องสมุดโรงเรียนนาหมนื่พิทยาคม
การจัดทา รายงานฉบับนี้สาเร็จตามวัตถุประสงค์ไปด้วยดี ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณครู แพรวไพลิน ศศิทัตต์
ที่ทา่นได้ให้คา แนะนาการเขียนรายงานจนทา ให้รายงานฉบับนี้สมบูรณ์ในด้านแผนปฏิบัติศึกษาการทา รายง
าน การเรียบเรียงเนื้อหา การเขียนบรรณานุกรมได้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ขอขอบพระคุณห้องสมุดโรงเรียนนาหมนื่พิทยาคมเป็นอยา่งสูงที่ให้โอกาสแกข่้าพเจ้าเข้าไปศึกษาค้นควา้เรื่
องนี้ ข้าพเจ้าหวงัวา่ เนื้อหาในรายงานฉบับนี้ที่ได้เรียบเรียงมาจะเป็นประโยชน์ตอ่ผู้สนใจเป็นอยา่งดี
หากมีสิ่งใดในรายงานฉบับนี้จะต้องปรับปรุง
ข้าพเจ้าขอน้อมรับในข้อชี้แนะและจะนาไปแกไ้ขหรือพัฒนาให้ถูกต้องสมบูรณ์ตอ่ไป
- 18. ราเชนทร์ ท้าววงั
สารบัญ
หน้า
คา นา ๑.
ประวตัิวรรณคดี ๒-๕
รูปแบบคา ประพันธ์ ๖.
เนื้อเรื่อง ๗-๘
เนื้อเรื่องยอ่ ๙.
ข้อคิด ๑๐.
ประวตัิผู้แตง่ ๑๑.
ที่มาของเรื่อง ๑๒-๑๓
คุณคา่ ๑๔.
บรรณานุกรม ๑๕.
- 19. เรื่องยอ่
กาลปางกอ่น มีพระเจ้าพรหมทัต(ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร(เมืองยศวิมล)
พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อพระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี)
มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อพระนางสุวรรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก
ตอ่มามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทา นายวา่บุตร ของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง
พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนจะเป็นโอรส และเกรงวา่พระนางจันทราเทวีจะได้ดีกวา่
จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อ ขับไลพ่ระนางจันทราเทเวีออกจากพระราชวงั
พระนางจันทราเทวเดินทางด้วยความยากลา บาก เมอื่ถึงชายป่านอกเมือง
ยายตาสองคนสงสารจึกชวนให้พักอยูด่้วย
โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความยากลา บากของพระมารดาจึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไมใ่
ห้พระมารดาต้องลา บากเลี้ยงดู เมอื่ครบกา หนดคลอด พระนางจันทราเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์
ซึ่งพระนางก็รักใคร่ เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์
วนัหนึ่งพระนางจันทราเทวีออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน
ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ชว่ยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้
พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางจันทราเทวีเมอื่กลับมาก็แปลกใจวา่ใครมาช่วยทา งาน
และเมื่อนางจันทราเทวีออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะออกมาทา งานบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้ง
- 20. พระนางจันทราเทวีอยากรู้วา่เป็นใคร วนัหนึ่งจึงทา ทีออกจากบ้านไปป่าเชน่เคย แตแ่ล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน
โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทางานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจ
จึงทุบหอยสังข์เสียและกอดโอรสด้วย ความยินดี และตั้งชื่อให้วา่ ” สังข์ทอง “
เมอื่พระเจ้าพรหมทัตรู้ขา่ววา่พระนางจันทราเทวีประสูติพระโอรสก็ยินดีจะรับพระนางจันทราเทวีกลับ
พระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลวา่พระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์
พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อเกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง
จึงให้อา มาตย์จับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป
เมอื่แพลอนออกทะเลเกิดพายุใหญแ่พแตก พระนาจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมทัราษฎร์
พระนางก็เดินทาซัดเซพเนจรไปอาศัยบ้านเศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อ ธนัญชัยเศรษฐี และทา หน้าที่เป็นแมค่รัว
ฝ่ายพระสังข์ทองนั้นจมน้าลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง
แล้วอุ้มพระสังข์ทองใส่ไวใ้นเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่งนางยักษ์พันธุรัตปกครองอยู่
นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิดความรักใคร่เอ็นดู จึงนาพระสังข์ทองมาเลี้ยงดูในปราสาท
และให้พี่เลี้ยงนางนมแปลงร่างเป็นคนเพื่อมิให้พระสังข์ทองหวาดกลัว
พระสังข์ทองก็เติบโตอยูก่บันางยักษ์พันธุรัต
นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร
เมื่อนางออกไปป่าก็จะไปครั้งละสามวนัหรือเจ็ดวนั
ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ทองวา่อย่าขึ้นไปเลน่บนปราสาทชั้นบน และในสวน พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง
แตเ่มื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้ วนัหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่า
พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้
เห็นกระดูกสัตว์และคนเป็นจา นวนมากที่นางยักษ์กินเนื้อแล้วทิ้งกระดูกไวเ้ป็นจา นวนมาก
พระสังข์ทองเห็นเชน่นั้นก็ตกใจ นึกรู้วา่มารดาเลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัว
และเมื่อเดิตอ่ไปเห็นบอ่เงินบอ่ทองสวยงามพอพระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็นสีทอง
- 21. พระสังข์ทองจึงลงไปอาบทั้งตัว ร่างกายก็กลายเป็นสีทองงดงาม
แล้วพระสังข์ทองก็ขึ้นไปบนปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์
พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวมก็กลายร่างเป็นเงาะป่าพอใส่เกือกทองก็รู้สึกวา่ลอยได้
พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์แล้วเหาะหนีออกจากเมืองยักษ์ และข้ามแมน่้าไปยังเมืองตักศิลา
ตกเย็นจึงพักอยูที่่ศาลาริมน้า ฝ่ายนางยักษ์กลับมาไมเ่ห็นลูก
และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบนเห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทองและพระขรรค์หายไป
ก็รู้ทันทีวา่พระสังข์ทองรู้วา่ตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป
เมื่อถึงฝั่งน้าเห็นพระสังข์ทองพักอยู่นางไมส่ามารถเหาะข้ามไปได้
จึงร้องไห้อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไมย่อมกลับ
นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลาย
แตก่อ่นตายนางก็สอนมนต์หาเนื้อหาปลาให้พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นใจตาย พระสังข์ทองรู้สึกเสียใจมาก
หลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสี
และได้ไปอาศัชาวบ้านชว่ยเลี้ยงโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่า
พวกเด็กเลี้ยงโคก็มาเลน่สนิทสนมกับพระสังข์ทอง
พระสังข์ ตอนหนีนางพันธุรัต
บทนา
บทละครเรื่องสังข์ทอง เดิมเป็นนิทานและนามาแตง่เป็นบทละคร
เพื่อใช้เลน่ละครนอกตั้งแตค่รั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีตอ่มาในรัชสมยัพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหน้า
นภาลัย (รัชกาลที่ 2) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทละคร เรื่องสังข์ทองขึ้นใหม่
เพื่อใช้เลน่ละครนอกของหลว
พระราชประวตัิผู้แตง่
บทละครเรื่องสังข์ทองตอนพระสังข์หนีนางพันธุรัตเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ
หล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ซึ่งเป็นราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1)
- 22. และสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี มีพระนามเดิมวา่ “ฉิม” ทรงพระราชสมภพเมอื่วนัที่ 22 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2310 ณ ตา บลอัมพวา จังหวดัสมุทรสาคร
เมอื่ทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาเลา่เรียนกับสมเด็จพระวนัรัต (ทองอยู)่ แห่งวดัระฆังโฆสิตาราม
เมอื่พระชนม์ได้ 16 พรรษา ได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ
เจ้าฟ้าอิสรสุนทร พระชมมายุ 19 พรรษา พระองค์ทรงผนวชและจา พรรษาอยูที่่วดัสมอราย (วดัราชาธิวาส)
และเมอื่พระชมมายุได้ 41 พรรษา ได้อุปราชาภิเษกเป็นกรมพระราชวงับวรสถานมงคล 2 ปี
ตอ่มาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคร
พระองค์จึงได้เสด็จเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี เมอื่วนัที่ 7 กนัยายน พ.ศ.
2352
ในรัชสมยัของพระองค์ทา่นถือได้วา่เป็นยุคทองของวรรณคดีไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ละครรารุ่งเรืองถึงขีดสุด พระองค์ทรงเป็นกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
พระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธ์วรรคดีร้อยกรองไวห้ลายเรื่อง และเป็นที่นิยมแพร่หลายมาจนถึงทุกวนันี้
ตัวละคร
ท้าวยศวิมล เจ้าเมืองยศวิมล มีพระมเหสีสององค์ ชื่อนางจันท์เทวีและนางจันทาเทวี
นางจันท์เทวี มเหสีของท้าวยศวิมล เป็นมารดาของสังข์ทอง
นางจันทาเทวี มเหสีของท้าวยศวิมล มีนิสัยริษยา
พระสังข์ โอรสของท้าวยศวิมลกับนางจันท์เทวี คลอดออกมาอยูใ่นหอยสังข์
ตา ยาย ชาวป่าที่นางจันท์เทวีพาหอยสังข์มาอาศัยอยูด่้วย
- 23. พญานาค เจ้าแห่งท้องทะเลได้ชว่ยพระสังข์ที่ถูกถว่งน้าไว้
นางพันธุรัต นางยักษ์หมา้ย ที่พญานาคส่งพระสังข์ให้นางเลี้ยงดู
โดยแปลงร่างเป็นหญิงงามเลี้ยงดูพระสังข์ดังลูกแท้ ๆ ของนาง
เจ้าเงาะ พระสังข์ที่สวมรูปเงาะไว้
ท้าวสามล เจ้าเมืองสามล มีมเหสีชื่อนางมณฑาเทวี มีธิดาทั้งหมดเจ็ดองค์
นางมณฑาเทวี มเหสีของท้าวสามล
นางรจนา พระราชธิดาองค์สุดท้ายของท้าวสามลและมเหสีมณฑาเทวี
พระอินทร์ เจ้าแห่งสวรรค์
แปลงกายลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อท้าพนันตีคลีเอาเมืองสามลเพื่อชว่ยพระสังข์และนางรจนา
ของวิเศษ
เรื่องยอ่
ท้าวยศวิมลครองเมืองยศวิมล มีพระมเหสีสององค์ชื่อนางจันท์เทวีและนางจันทาเทวี
แตไ่มมี่โอรสไว้สืบราชสมบัติ ท้าวยศวิมลและพระมเหสีจึงได้บา เพ็ญศีลเพื่อขอโอรส
ตอ่มานางจันท์เทวีทรงครรภ์โหรหลวงทา นายวา่จะมีโอรสที่มีบุญญาธิการมาก
เมอื่นางจันท์เทวีคลอดโอรสเป็นหอยสังข์นางจันทาเทวีคิดริษยาจึงสมคบกบัโหรหลวงทา นายวา่เป็นกาลกิณี
ตอ่บ้านเมือง ท้าวยศวิมลจึงขับไลน่างจันท์เทวีและหอยสังข์ออกจากเมือง
- 24. นางไปขออาศัยอยูก่บัตายายที่ในป่า นางจันท์เทวีได้รับความลา บาก ต้องตักน้าตา ข้าว
เข้าป่าเก็บผักหาฝืนเลี้ยงชีวิต พระสังข์เห็นพระมารดาได้รับความยากลา บาก
จึงออกจากหอยสังข์มาหุงข้าวหุงปลาดูแลบ้านชอ่ง
นางจันท์เทวีสงสัยจึงทา ทีออกไปเก็บผักหาฟีนแล้วซอ่นตัวอยู่เมอื่เห็นพระสังข์ออกจาหอยสังข์
นางจันท์เทวีก็แอบกลับเข้าไปในกระทอ่มใช้ไมทุ้บหอยสังข์แตก
พระสังข์จึงกลับเข้าไปในหอยสังข์ไมไ่ด้อีกตอ่ไปนางจันทาเทวีทราบข่าววา่นางจันท์กบัพระสังข์ไปอยูกั่บต
ายายในป่า จึงทูลยุยงท้าวยศวิมลให้เสนาอา มาตย์จับพระสังข์ไปฆา่ด้วยวิธีตา่ง ๆ
แตไ่มส่ามารถฆา่พระสังข์ได้ท้าวยศวิมลจึงให้นาพระสังข์ไปถ่วงน้าที่ท้องทะเล
พญานาคที่อยูใ่ต้ท้องทะเลได้ชว่ยพระสังข์ไว้และส่งพระสังข์ไปอยูก่บันางพันธุรัตซึ่งเป็นยักษ์
พระสังข์อยูก่บันางพันธุรัตซึ่งแปลงกายเป็นมนุษย์จนอายุได้ 15 ปี วนัหนึ่งพระสังข์ลอบไปที่ครัวไฟ
พบซากมนุษย์ซากสัตว์และโครงกระดูกมากมาย จึงรู้วา่นางพันธุรัตเป็นยักษ์ พระสังข์ไปพบบอ่เงิน บอ่ทอง
ลองจุม่นิ้วลงไปจึงรู้วา่ชุปตัวได้จากนั้นก็พบรูปเงาะ เกือกแกว้ และไมเ้ท้า จึงลองสวมรูปเงาะ สวมเกือกแกว้
และถือไมเ้ท้า ปรากฎวา่สามารถเหาะได้ พระสังข์ถอดรูปเงาะเก็บไวต้ามเดิม
และคิดจะหนีนางพันธุรัตเพื่อสืบหานางจันท์เทวีตอ่ไป
ตอ่ไปนี้เป็นบทละครเรื่อง สังข์ทอง ตอนพระสังข์หนีนางพันธุรัต
นางพันธุรัตได้ออกไปในป่า จับววัควายกินเป็นอาหารอยูจ่นเย็นและพักผอ่นนอนหลับอยูก่ลางป่า
ส่วนพี่เลี้ยงนางนม ตื่นนอนขึ้นมาไมเ่ห็นพระสังข์ ตา่งตกใจเที่ยวตามหาพระสังข์ยังที่ตา่ง ๆ แตก่็ไมพ่บ
นางพันธุรัตเที่ยวเลน่ในป่าเป็นเวลาหลายวนัก็ได้เดินทางกลับเข้ามาในเมือง
- 25. นางรีบตรงไปยังปราสาทของพระสังข์ รู้วา่พระสังข์ได้ชุบตัวในบอ่ทอง
และลักรูปเงาะพร้อมไมเ้ท้าและเกือกแกว้หนีออกจากเมือง
จึงตีกลองสัญญาณเรียกยักษ์และภูตผีทั้งหลายให้มาชุมชุมกนัฝ่ายพวกยักษ์และภูตผีทั้งหลายได้ยินเสียงกลอง
ตา่งก็มาเฝ้านางพันธุรัต นางพันธุรัตจึงเตรียมพลโยธาออกติดตามพระสังข์มาจนพบพระสังข์บนยอดเขา
พระสังข์เกรงวา่นางพันธุรัตจะติดตามขึ้นมาบนยอดเขา
จึงอธิษฐานอยา่ให้นางพันธุรัตขึ้นบนยอดเขาได้เพื่อจะได้ติดตามหาพระมารดาของตน
พระสังข์สวมรูปเงาะเหาะมาถึงเมืองสามล มาอาศัยอยูที่่ชายทุม่ มีพวกเด็กเลี้ยงควายเป็นเพื่อนเลน่
ท้าวสามลมีพระมเหสีชื่อ นางมณฑาเทวี มีพระธิดาเจ็ดองค์แตห่ามีพระโอรสไม่
ท้าวสามลจึงให้พระธิดาทั้งเจ็ดองค์เลือกคู่ครองพระธิดาผู้พี่เลือกคูค่รองเป็นผู้มีรูปร่างงดงาม
แตน่างรจนาพระธิดาองค์สุดท้องเลือกได้เจ้าเงาะ
ท้าวสามลโกรธจึงไลน่างรจนากับเจ้าเงาะไปอยูที่่กระท่อมปลายนา ทั้งสองคนได้รับความลา บากมาก
ฝ่ายพระอินทร์เห็นวา่นางรจนากบัเจ้าเงาะเป็นคนดี ได้รับความลา บาก
จึงแปลงกายลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ยกทัพมาท้าพนันตีคลีเอาบ้านเอาเมืองเพื่อชว่ยเจ้าเงาะกบันางรจนาหกเขยออกตีคลีแพ้
ท้าวสามลอ้อนวอนให้เจ้าเงาะชว่ย เจ้าเงาะถอดรูปเป็นพระสังข์ ตีคลีชนะพระอินทร์
ทา ให้เมืองสามลไมถู่กพระอินทร์ริบ ท้าวสามลจึงได้พระสังข์ครองเมืองสามล
พระอินทร์เห็นวา่นางจันท์เทวีได้รับความลา บาก หวงัที่จะชว่ยเหลือคนดี
จึงสั่งให้ท้าวยศวิมลออกติดตามหานางจันท์ทวีและพระสังข์
ท้าวยศวิมลจึงให้เสนาอา มาตย์สืบหานางจันท์เทวีจนพบและพระองค์ออกไปรับนางกลับคืนพระนคร
ท้าวยศวิมลและนางจันท์เทวีได้ปลอมตนเป็นชาวบ้านเดินทางไปยังเมือสามล
นางจันท์เทวีได้เข้าไปอยูก่บัคนทา อาหารในวงั นางสลักชิ้นฟักเป็นเรื่องราวของพระสังข์
เมอื่พระสังข์จะเสวยชิ้นฟักได้สังเกตเห็นเรื่องราวของตนก็ทราบวา่พระมารดาเป็นคนครัว
จึงออกไปรับพระมารดาเข้าวงั และให้เสนาอา มาตย์ไปรับพระบิดาเข้าวงัด้วยพระสังข์
พระบิดาและพระมารดาได้ลาท้าวสามลและนางมณฑาเทวีเดินทางกลับเมืองของตนพร้อมด้วยรจนา