More Related Content
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์2
Similar to โครงงานคอมพิวเตอร์2 (20)
โครงงานคอมพิวเตอร์2
- 2. หัวข้ อโครงงาน
ประเภทของโครงงาน
ผู้เสนอโครงงาน
ครู ทปรึกษาโครงงาน
ี่
ปี การศึกษา
: เรื่ อง ประวัติความเป็ นมาของประเพณี ลอยกระทง
: โครงงานพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษา
: นางสาว วนิ ดา แก้วพิลา ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6/1 เลขที่ 27
: อาจารย์ ณัฐพล บัวพันธ์ ตาแหน่ง ครู ชานาญการพิเศษ
: 2556
บทคัดย่อ
“ประวัติความเป็ นมาของประเพณี ลอยกระทง”นี้เป็ นโครงงานพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษา (Education
Media Development) ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็ นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ ใน
การผลิตสื่ อเพื่อการศึกษา ซึ่งผูจดทาจะใช้เว็บบล็อกในการผลิตสื่ อเพื่อการศึกษาเรื่ อง “ประวัติความ
้ั
่ ั
เป็ นมาของประเพณี ลอยกระทง” ซึ่ งเว็บบล็อกเป็ นเว็บไซต์ที่มีเนื้ อหาหลากหลายขึ้นอยูกบเจ้าของ
บล็อก โดยสามารถใช้เป็ นเครื่ องมือสื่ อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การ
่
เผยแพร่ ผลงาน ในหลายด้านไม่วา อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรื อข่าวปั จจุบน นอกจากนี้บล็อกที่
ั
ถูกเขียนเฉพาะเรื่ องส่ วนตัวหรื อจะเรี ยกว่าไดอารี ออนไลน์ ซึ่ งไดอารี ออนไลน์นี่เองเป็ นจุดเริ่ มต้น
ของการใช้บล็อกในปัจจุบน
ั
- 3. กิตติกรรมประกาศ
โครงการนี้สาเร็ จลุล่วงไปได้ดวยความช่วยเหลืออย่างดียงของ อาจารย์ ณัฐพล บัวพันธ์ อาจารย์ที่
้
ิ่
ปรึ กษาโครงการ ที่ได้ให้คาแนะนา และข้อคิดเห็นต่างๆมาโดยตลอด และ ขอขอบคุณ และขอบใจ
ครอบครัวและเพื่อนๆของผูจดทาโครงงาน ที่คอยให้กาลังใจ และถามไถ่ความเป็ นไปของโครงการ
้ั
อยูเ่ สมอ ทาให้ผจดทาโครงงานมีกาลังใจที่จะพัฒนาโครงการจนสาเร็ จได้ ผูจดทาโครงงาน
ู้ ั
้ั
ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาศนี้
จัดทาโดย
นางสาว วนิดา แก้วพิลา
(คณะผูจดทา)
้ั
- 4. สารบัญ
บทคัดย่อ
กิตติกรรมประกาศ
สารบัญ
บทที่ 1 บทนา
1.1 แนวคิด ที่มา และความสาคัญ
1.2 วัตถุประสงค์
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
1.4 ผลที่คาดว่าจะได้รับ
บทที่ 2 เอกสารทีเ่ กียวข้ อง
่
2.1 ความสาคัญของการจัดทาโครงงานประวัติความเป็ นมาของประเพณี ลอยกระทง
2.1.1 ประวัติการลอยกระทงในเมืองไทย
2.1.2 การลอยกระทงเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท
2.1.3 ตานานการลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี
2.1.4 การลอยกระทงเพื่อบูชาพระนารายณ์บรรทมสิ นธุ์
2.1.5 ตานานการลอยกระทงเพื่อบูชาท้าวกามพรหม
2.1.6 ตานานการลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตต์
2.1.7 การลอยกระทงของชาวเหนือ (ยีเ่ ป็ ง)
2.1.8 การลอยกระทงของชาวอีสาน (ไหลเรื่ อไฟ)
2.1.9 การลอยกระทงในปัจจุบน
ั
2.1.10 บทส่ งท้าย
2.1.11 สรุ ปเหตุผลในการลอยกระทง
2.2 การสร้างเว็บบล็อก (Blogger)
หน้ า
ก
ข
ค
1
1
2
2
2
3
3
4
4
4-5
5
6-7
7
8
8-9
10
10
10
11-13
- 5. บทที่ 3 วิธีดาเนินงานโครงงาน
3.1 แผนปฏิบัติงาน
14
15
บทที่ 4 ผลการดาเนินงานโครงงาน
4.1วิธีดาเนินการอย่างเป็ นขั้นตอน
16
16
บทที่ 5 สรุ ปผลการดาเนินงาน และข้ อเสนอแนะ
5.1 ผลที่คาดว่าจะได้รับ
5.2 ข้อเสนอแนะ
17
17
17
บรรณานุกรม
ภาคผนวก
ข้ อมูลผู้จัดทา
ง
จ
ฉ
- 6. บทที่ 1
บทนา
1.1 แนวคิด ทีมา และความสาคัญ
่
“ประวัติความเป็ นมาของประเพณี ลอยกระทง”นี้เป็ นโครงงานพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษา
(Education Media Development) ลักษณะเด่นของโครงงานประเภทนี้ คือ เป็ นโครงงานที่ใช้
คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่ อเพื่อการศึกษา ซึ่งผูจดทาจะใช้เว็บบล็อกในการผลิตสื่ อเพื่อการศึกษา
้ั
เรื่ อง“ประวัติความเป็ นมาของประเพณี ลอยกระทง” ซึ่ งเว็บบล็อกเป็ นเว็บไซต์ที่มีเนื้ อหาหลากหลาย
่ ั
ขึ้นอยูกบเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็ นเครื่ องมือสื่ อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความ
่
คิดเห็น การเผยแพร่ ผลงาน ในหลายด้านไม่วา อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรื อข่าวปั จจุบน
ั
นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่ องส่ วนตัวหรื อจะเรี ยกว่าไดอารี ออนไลน์ ซึ่ งไดอารี ออนไลน์
นี่เองเป็ นจุดเริ่ มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบน
ั
ผูจดทาโครงงานจะนาเนื้อหาความรู ้ เรื่ อง “ประวัติความเป็ นมาของประเพณี ลอยกระทง”ไปเผยแพร่
้ั
ทางอินเตอร์ เน็ตผ่านทางเว็บบล็อก เพื่อให้ผกาลังค้นหาข้อมูลเรื่ องดังกล่าวสามารถเข้าไปศึกษาได้
ู้
ในเว็บบล็อกของผูจดทาได้
้ั
ผูใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริ หารบล็อกผ่านทางเว็บบราว์เซอร์ เหมือนการใช้งานและอ่านเว็บไซต์
้
ทัวไป โดยจะมีรูปแบบบริ หารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิ การของบล็อก ผูเ้ ขียน
่
หลายคนจะส่ งเรื่ องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิ การอนุมติให้บล็อกเผยแพร่ ก่อน บล็อก
ั
ถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์น้ นได้ ซึ่ งจะแตกต่างจากบล็อกส่ วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทนที
ั
ั
่
ผูเ้ ขียนบล็อกในปั จจุบนจะใช้งานบล็อกในรู ปแบบใดรู ปแบบหนึ่งไม่วา ติดตั้งซอฟต์แวร์ ของตัวเอง
ั
หรื อใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริ การบล็อก
สาหรับผูอ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทวไป และสามารถแสดงความเห็น
้
ั่
ได้ในส่ วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผอ่าน
ู้
่
บล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผานระบบฟี ด ซึ่ งมีให้บริ การในบล็อกทัวไป ทาให้ผใช้สามารถอ่าน
ู้
่
บล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จาเป็ นต้องเข้ามาสู่ หน้าบล็อกนั้น
- 7. 1.2 วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้ได้รู้จกกับประเพณี ลอยกระทงมากยิงขึ้น
ั
่
ั ิ
2.สามารถนาไปประยุกต์ใช้กบชีวตประจาวันได้
3.เพื่อเป็ นตัวอย่างของสื่ อสมัยใหม่ให้แก่ผสนใจ
ู้
4.ประเพณี ลอยกระทงเป็ นที่รู้จกของคนทัวไปมากยิงขึ้น
ั
่
่
1.3 ขอบเขตของโครงงาน
1.สามารถนาไปสอนได้ง่าย
2.เหมาะกับเครื่ องมือที่ทนสมัย
ั
3.เนื้ อหาเข้าใจง่าย
1.4 ผลทีคาดว่าจะได้ รับ
่
1. ประชาชน ได้รับความรู้ความเข้าใจในประเพณี ลอยกระทงของไทย
2. เยาวชน ประชาชนเห็นคุณค่าต่อศาสนาร่ วมสื บทอดประเพณี อนดีงามของไทยแต่โบราณ
ั
3. เกิดความสมัครสมานสามัคคีในชุมชน บ้าน วัด โรงเรี ยน
4. เยาวชน ประชาชน ในท้องถิ่นเกิดความซาบซึ้ ง และตระหนักในความสาคัญ เห็นคุณค่า ของ
งานประเพณี ลอยกระทง
5. ประชาชนให้ความร่ วมมือ เข้าร่ วมกิจกรรม การประกวดกระทงประเภทสวยงาม
- 8. บทที่ 2
เอกสารและทฤษฎีทเี่ กี่ยวข้ อง
2.1ประวัติความเป็ นมาของประเพณีลอยกระทง
คติทมาเกียวกับวันลอยกระทงมีอยู่หลายตานาน ดังนี้
ี่ ่
1. การลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
่
2. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระผูเ้ ป็ นเจ้าตามคติพราหมณ์ คือบูชาพระนารายณ์ซ่ ึ งบรรทมสิ นธุ์อยูใน
มหาสมุทร
3. การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไปจาพรรษา
่
อยูบนสวรรค์ช้ นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
ั
4. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริ มแม่น้ านัมมทานที เมื่อ
คราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
5. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระจุฬามณี บนสวรรค์ ซึ่งเป็ นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
6. การลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ช้ นพรหมโลก
ั
่
7. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่ งบาเพ็ญเพียรบริ กรรมคาถาอยูในท้องทะเลลึกหรื อ
สะดือทะเล
- 9. ประวัติการลอยกระทงในเมืองไทย
การลอยกระทงในเมืองไทย มีมาตั้งแต่ครั้งสุ โขทัย เรี ยกว่า การลอยพระประทีป หรื อ ลอยโคม เป็ น
งานนักขัตฤกษ์รื่นเริ งของประชาชนทัวไป ต่อมานางนพมาศหรื อท้าวศรี จุฬาลักษณ์สนมเอกของ
่
พระร่ วง ได้คิดประดิษฐ์ดดแปลงเป็ นรู ปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม การลอยกระทงหรื อลอย
ั
โคมในสมัยนางนพมาศ กระทาเพื่อเป็ นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ านัมมทานที ซึ่ งเป็ น
่
แม่น้ าสายหนึ่งอยูในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปั จจุบนเรี ยกว่า แม่น้ าเนรพุททา
ั
การลอยกระทงเพือบูชารอยพระพุทธบาท
่
่
รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่ไปปรากฏอยูริมฝั่งแม่น้ านัมมทานที มีความเป็ นมาเกี่ยวข้อง
กับพุทธประวัติ คือ ครั้งหนึ่งพญานาคทูลอาราธนาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เสด็จไปแสดงธรรม
โปรดในนาคพิภพ เมื่อพระองค์จะเสด็จกลับ พญานาคทูลขออนุสาวรี ยไว้กราบไหว้บูชา พระพุทธ
์
องค์จึงทรงประดิษฐานรอบพระพุทธบาทไว้ที่หาดทราย ริ มฝั่งแม่น้ านัมมทานที เพื่อให้บรรดานาค
ทั้งหลายได้สักการะ บูชา การลอยกระทงที่มีความเป็ นมาเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ยังมีอีก 2 เรื่ อง
คือ
1. การลอยกระทงเพื่อบูชาพระจุฬามณี บนสวรรค์ และ
2. การลอยกระทงเพื่อต้อนรับพระพุทธองค์ในวันที่เสด็จกลับจากเทวโลก
ตานานการลอยกระทงเพือบูชาพระจุฬามณี
่
เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิ ทธัตถะ เสด็จออกจากพระนครกบิลพัสดุในเวลากลางคืนด้วยม้ากัณฐกะ พร้อม
์
นายฉันทะมหาดเล็กผูตามเสด็จ ครั้นรุ่ งอรุ ณก็ถึงฝั่งแม่น้ าอโนมานที เจ้าชายทรงขับม้ากัณฐกะ
้
กระโจนข้ามแม่น้ าไปโดยสวัสดี
เมื่อทรงทราบว่าพ้นเขตกรุ งกบิลพัสดุแล้ว เจ้าชายสิ ทธัตถะจึงเสด็จลงประทับเหนือหาดทรายขาว
์
สะอาด ตรัสให้นายฉันทะนาเครื่ องประดับและม้ากัณฐกะกลับพระนคร ทรงตั้งพระทัยปรารภจะ
บรรพชา โดยเปล่งวาจา "สาธุ โข ปพฺพชฺ ชา" แล้ว จึงทรงจับพระเมาลีดวยพระหัตถ์ซาย พระหัตถ์
้
้
- 10. ขวาทรงพระขรรค์ตดพระเมาลี แล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ พระอินทร์ ได้นาผอบทองมารองรับพระ
ั
เมาลีไว้ และนาไปบรรจุยงพระจุฬามณี เจดียสถานในเทวโลก
ั
พระจุฬามณี ตามปกติมีเทวดาเหาะมาบูชาเป็ นประจาแม้พระศรี อริ ยเมตไตรยเทวโพธิสัตว์ซ่ ึงใน
อนาคต จะมาจุติบนโลกและตรัสรู ้เป็ นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งก็ยงเสด็จมาไหว้ การลอยกระทง
ั
เพื่อบูชาพระจุฬามณี จึงถือเป็ นการไหว้บูชาพระศรี อริ ยไตรยด้วยตานานการลอยกระทง เพื่อ
ต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อเจ้าชายสิ ทธัตถะเสด็จออกบวชจนได้บรรลุธรรมเป็ น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว หลังจากเผยพระธรรมคาสั่งสอนแก่สาธุ ชนโดยทัวไปได้ระยะหนึ่ง จึง
่
่
เสด็จไปจาพรรษาอยูบนสวรรค์ช้ นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดา ครั้งจา
ั
พรรษาจนครบ 3 เดือน พระองค์จึงเสด็จกลับลงสู่ โลกมนุษย์ เมื่อท้าวสักกเทวราชทราบพุทธ
ประสงค์ จึงเนรมิตบันไดทิพย์ข้ ึน อันมี บันไดทอง บันไดเงิน และบันไดแก้ว ทอดลงสู่ ประตูเมือง
สังกัสสนคร บันไดแก้วนั้นเป็ นที่ซ่ ึ งพระผูมีพระภาคเจ้าเสด็จลง บันไดทองเป็ นที่สาหรับเทพยดา
้
ทั้งหลายตามส่ งเสด็จ บันไดเงินสาหรับพรหมทั้งหลายส่ งเสด็จ
ในการเสด็จลงสู่ โลกมนุษย์ครั้งนี้ เหล่าทวยเทพและประชาชนทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันทา การ
สักการบูชาด้วยทิพย์บุปผามาลัย การลอยกระทงตามคติน้ ี จึงเป็ นการรับเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จากดาวดึงส์พิภพ (เป็ นตานานเดียวกับประเพณี การตักบาตรเทโวรับเสด็จพระพุทธองค์ลงจาก
ดาวดึงส์)
การลอยกระทง เพือบูชาพระนารายณ์ บรรทมสิ นธุ์
่
ยังมีพิธีการลอยกระทงตามคติพราหมณ์อีกเรื่ องหนึ่ง ซึ่งกระทาเพื่อบูชาพระผูเ้ ป็ นเจ้า คือ พระ
่
นารายณ์ที่บรรทมสิ นธุ์อยูในมหาสมุทร นิยมทากันในวันขึ้น 15 ค่าเดือน 11 หรื อ วันขึ้น 15 ค่าเดือน
12 เป็ น 2 ระยะ จะทาในกาหนดใดก็ได้
- 11. ตานานการลอยกระทง เพือบูชาท้ าวพกาพรหม
่
นิทานต้นเหตุเกี่ยวกับอีกเรื่ องหนึ่งที่น่าสนใจ เป็ นนิทานชาวบ้าน กล่าวถึงเมื่อครั้งดึกดาบรรพ์ มีกา
่
เผือกสองตัวผัวเมียทารังอยูบนต้นไม้ในป่ าหิ มพานต์ใกล้ฝั่งแม่น้ า วันหนึ่งกาตัวผูออกไปกากินแล้ว
้
หลงทานกลับรังไม่ได้ ปล่อยให้นางกาตัวเมียซึ่ งกกไข่อยู่ 5 ฟองรอด้วยความกระวนกระวายใจ จนมี
พายุใหญ่พดรังกระจัดกระจาย ฟองไข่ตกลงน้ า แม่กาถูกลมพัดไปทางหนึ่ง
ั
่
เมื่อแม่กาย้อนกลับมามีรังไม่พบฟองไข่ จึงร้องไห้จนขาดใจตาย ไปเกิดเป็ นท้าวพกาพรหมอยูใน
พรหมโลก ฟองไข่ท้ ง 5 นั้นลอยน้ าไปในสถานที่ต่างๆ บรรดาแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โคและแม่
ั
ราชสี ห์ มาพบเข้า จึงนาไปรักษาไว้ตวละ 1 ฟอง ครั้งถึงกาหนดฟักกลับกลายเป็ นมนุษย์ท้ งหมดไม่มี
ั
ั
ฟองไหนเกิดมาเป็ นลูกกาตามชาติกาเนิดเลย กุมารทั้ง 5 ต่างเห็นโทษภัยในการเป็ นฆราวาสและเห็น
อานิสงส์ในการบรรพชา จึงลามารดาเลี้ยงไปบวชเป็ นฤาษีท้ ง 5 ได้มีโอกาสพบปะกันและถามถึง
ั
นามวงศ์และมารดาของกันและกัน จึงทราบว่าเป็ นพี่นองกัน ฤาษีท้ ง 5 มีนามดังนี้
้
ั
คนแรก ชื่ อ กกุสันโธ (วงศ์ไก่)
คนที่สอง ชื่อ โกนาคมโน (วงศ์นาค)
คนที่สาม ชื่อ กัสสโป (วงศ์เต่า)
คนที่สี่ ชื่อ โคตโม (วงศ์โค)
คนที่หา ชื่อ เมตเตยโย (วงศ์ราชสี ห์)
้
ต่างตั้งจิตอธิ ษฐาน ว่าถ้าต่อไปจะได้ไปเกิดเป็ นพระพุทธเจ้า ขอให้ร้อนไปถึงมารดา ด้วยแรง
อธิ ษฐาน ท้าวพกาพรหมจึงเสด็จมาจากเทวโลก จาแลงองค์เป็ นกาเผือก แล้วเล่าเรื่ องราวแต่ทนหลัง
ให้ฟัง พร้อมบอกว่าถ้าคิดถึงมารดา เมื่อถึงเพ็ญเดือน 11 เดือน 12 ให้เอาด้ายดิบผูกไม้ตีนกา ปั กธูป
เทียนบูชาลอยกระทงในแม่น้ า ทาอย่างนี้เรี ยกว่าคิดถึงมารดา แล้วท้าวพกาพรหมก็ลากลับไป
ตั้งแต่น้ นมา จึงมีการลอยกระทงเพื่อบูชาท้าวพกาพรหม แล้วเพื่อบูชารอยพระบาท ซึ่ งประดิษฐาน
ั
่
อยูริมฝั่งแม่น้ านัมมทานที ส่ วนฤาษีท้ ง 5 ต่อมาได้ตรัสรู ้เป็ นพระพุทธเจ้า ดังนี้
ั
ฤาษีองค์แรก กกุสันโธ ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกกุสันโธ
ฤาษีองค์ที่สอง โกนาคมโน ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระโกนาคมน์
ฤาษีองค์ที่สาม กัสสโป ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระกัสสปะ
ฤาษีองค์ที่สี่ โคตโม ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสมณโคดม
- 12. ฤาษีองค์ที่หา เมตเตยโย ได้แก่ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระศรี อาริ ยเมตไตรย
้
พระพุทธเจ้า 3 พระองค์แรก ได้มาบังเกิดบนโลกแล้วในอดีตกาล พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 คือ พระ
สัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบน พระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 คือ พระพุทธเจ้าที่จะมาบังเกิดบนโลกในอนาคต
ั
ได้แก่ พระศรี อาริ ยเมตไตรย
ตานานการลอยกระทง เพือบูชาท้ าวพกาพรหม
่
นิทานต้นเหตุเกี่ยวกับอีกเรื่ องหนึ่งที่น่าสนใจ เป็ นนิทานชาวบ้าน กล่าวถึงเมื่อครั้งดึกดาบรรพ์ มีกา
่
เผือกสองตัวผัวเมียทารังอยูบนต้นไม้ในป่ าหิ มพานต์ใกล้ฝั่งแม่น้ า วันหนึ่งกาตัวผูออกไปกากินแล้ว
้
หลงทานกลับรังไม่ได้ ปล่อยให้นางกาตัวเมียซึ่ งกกไข่อยู่ 5 ฟองรอด้วยความกระวนกระวายใจ จนมี
พายุใหญ่พดรังกระจัดกระจาย ฟองไข่ตกลงน้ า แม่กาถูกลมพัดไปทางหนึ่ง
ั
่
เมื่อแม่กาย้อนกลับมามีรังไม่พบฟองไข่ จึงร้องไห้จนขาดใจตาย ไปเกิดเป็ นท้าวพกาพรหมอยูใน
พรหมโลก ฟองไข่ท้ ง 5 นั้นลอยน้ าไปในสถานที่ต่างๆ บรรดาแม่ไก่ แม่นาค แม่เต่า แม่โคและแม่
ั
ราชสี ห์ มาพบเข้า จึงนาไปรักษาไว้ตวละ 1 ฟอง ครั้งถึงกาหนดฟักกลับกลายเป็ นมนุษย์ท้ งหมดไม่มี
ั
ั
ฟองไหนเกิดมาเป็ นลูกกาตามชาติกาเนิดเลย กุมารทั้ง 5 ต่างเห็นโทษภัยในการเป็ นฆราวาสและเห็น
อานิสงส์ในการบรรพชา จึงลามารดาเลี้ยงไปบวชเป็ นฤาษีท้ ง 5 ได้มีโอกาสพบปะกันและถามถึงแต่
ั
่
ด้วยเกรงว่าพญามารจะมาทาลายพิธีฉลอง มีเพียงพระอุปคุตต์ที่ไปจาศีลอยูในสะดือทะเลเพียงท่าน
เดียวเท่านั้น ที่จะสามารถปราบพญามารได้ เมื่อพระอุปคุตต์ปราบพญามารจนสานึกตัวหันมายึดเอา
่
พระรัตนตรัยเป็ นที่พ่ ึงแล้ว พระอุปคุตต์จึงลงไปจาศีลอยูในสะดือทะเลตามเดิม
พระอุปคุตต์น้ ีไทยเรี ยกว่า พระบัวเข็ม ชาวไทยเหนื อหรื อชาวอีสานและชาวพม่านับถือพระอุปคุตต์
่
มาก ชาวพม่าไม่วาจะมีงานอะไรเป็ นต้องนิมนต์มาเช้าพิธีดวยเสมอ ไทยเราใช้บูชาในพิธีขอฝนหรื อ
้
พิธีมงคล ฯลฯ
- 13. การลอยกระทงของชาวเหนือ (ยีเ่ ป็ ง)
การลอยกระทงของชาวเหนื อ นิยมทากันในเดือนยีเ่ ป็ ง (คือเดือนยีหรื อเดือนสอง เพราะนับวันเร็ ว
่
่
กว่าของเรา 2 เดือน) เพื่อบูชาพระอุปคุตต์ซ่ ึ งเชื่อกันว่าท่านบาเพ็ญบริ กรรมคาถาอยูในท้องทะเลลึก
หรื อสะดือทะเล ตรงกับคติของชาวพม่า
การลอยกระทงของชาวอีสาน (ไหลเรือไฟ)
การลอยกระทงในภาคอีสาน เรี ยกว่าเทศกาลไหลเรื อไฟจัดเป็ นประเพณี ยงใหญ่ในจังหวัดนครพนม
ิ่
โดยการนาหยวกกล้วยหรื อวัสดุต่างๆ มาตกแต่งเป็ นรู ปพญานาคและรู ปอื่นๆ ตอนกลางคืนจุดไฟ
ปล่อยให้ไหลไปตามลาน้ าโขงดูสวยงามตระการตา
นอกจากนี้ยงมีประเพณี ลอยกระทงในประเทศต่างๆ เช่นที่เขมร จีน อินเดีย โดยมีคติความเชื่อและ
ั
ประวัติความเป็ นมาตรงกันบ้างแตกต่างกันไปบ้าง
การลอยกระทงในปัจจุบัน
การลอยกระทงในปัจจุบน ยังคงรักษารู ปแบบเดิมเอาไว้ได้ตามสมควร เมื่อถึงวันเพ็ญพระจันทร์เต็ม
ั
ดวงในเดือน 12 ชาวบ้านจะจัดเตรี ยมทากระทงจากวัสดุที่หาง่ายตามธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วยและ
ดอกบัว นามาประดิษฐ์เป็ นกระทงสวยงาม ปั กธูปเทียนและดอกไม้เครื่ องสักการบูชา ก่อนทาการ
ลอยในแม่น้ าก็จะอธิ ษฐานในสิ่ งที่มุ่งหวัง พร้อมขอขมาต่อพระแม่คงคา ตามคุมวัดหรื อสถานที่จด
้
ั
งานหลายแห่ง มีการประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ และมีมหรสพสมโภชในตอนกลางคืน
นอกจากนั้นยังมีการจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ซึ่ งในการเล่นต้องระมัดระวังเป็ นพิเศษ วัสดุที่นามาใช้
กระทง ควรเป็ นของที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ งานลอยกระทงที่ยงใหญ่จดขึ้นที่
ิ่
ั
จังหวัดสุ โขทัยเป็ นงานระดับประเทศ เรี ยกว่า เทศกาลเผาเทียนเล่นไฟ มีนกท่องเที่ยวทั้งชาวไทย
ั
และต่างประเทศไปร่ วมสนุกสนานกันเป็ นประจามากทุกปี พิธีจองเปรี ยงเทศกาลลอยกระทงของ
สุ โขทัยในสมัยโบราณในหนังสื อตารับท้าวศรี จุฬาลักษณ์ ได้กล่าวถึงพิธีจองเปรี ยงไว้ดงนี้
ั
พอถึงการพระราชพิธีจองเปรี ยงในวันเพ็ญเดือน 12 เป็ นนักขัตฤกษ์ชกโคมลอยบรรดาประชาชน
ั
ชายหญิงต่างตกแต่งโคมชักโคมแขวนโคมลอยทุกตระกูลทัวทั้งพระนคร แล้วก็ชวนกันเล่นมหรสพ
่
สิ้ นสามราตรี เป็ นเยียงอย่าง แต่บรรดาข้าเฝ้ าฝ่ ายราชบุรุษนั้น ต่างทาโคมประเทียบบริ วารวิจิตรด้วย
่
- 14. ลวดลายวาดเขียนเป็ นรู ปสัณฐานต่างๆ ประกวดกันมาชักมาแขวนเป็ นระเบียบเรี ยบราบตามแนว
่ ั
โคมชัยเสาระหงตรงหน้าพระที่นงชลพิมาน ถวายสมเด็จพระเจ้าอยูหวให้ทรงพระราชอุทิศสักการ
ั่
พระมหาเกศธาตุจุฬามณี ในชั้นดาวดึงส์
ฝ่ ายพระสนมกานัลก็ทาโคมลอยร้อยด้วยบุปผชาติเป็ นรู ปต่างๆ ประกวดกันถวายให้ทรงอุทิศบูชา
พระพุทธบาทซึ่ งประดิษฐานยังนัมมทานทีแลข้าน้อย(นางนพมาศ) ก็กระทาโคมลอยคิดตกแต่งให้
งามประหลาดกว่าโคมพระสนมกานัลทั้งปวง
ครั้นเวลาพลบค่า สมเด็จพระร่ วงเจ้าเสด็จลงพระที่นงชลพิมานพร้อมด้วยอัครชายา พระบรมวงศ์
ั่
และพระสนมกานัลนางท้าวชาวชะแม่ท้ งปวง พราหมณ์ก็ถวายเสี ยงสังข์อนเป็ นมงคล ชาวพนักงาน
ั
ั
ก็ชกสายโคมชัยโคมประเทียบบริ วารขึ้นพร้อมกัน เพื่อจะให้ทรงพระราชอุทิศสักการบุชาพระจุฬา
ั
มณี ฝ่ ายนางท้าวชาวชะแม่ก็ลอยโคมพระราชเทพี พระวงศานุวงศ์โคมพระสนมกานัล ก็เป็ นลาดับ
กันลงมา ถวายให้ทอดพระเนตรและทรงพระราชอุทิศ
่ ั
ครั้นถึงโคมรู ปดอกกระมุทของข้าน้อย สมเด็จพระเจ้าอยูหวทรงทอดพระเนตร พลางทางตรัสชมว่า
โคมลอยอย่างนี้วามประหลาด ยังหาเคยมีไม่ เป็ นโคมของผูใดคิดกระทา ท้าวศรี ราชศักดิโสภาก็
้
กราบบังคมทูลว่าโคมของนพมาศธิ ดาพระศรี มโหสถ..... ครั้นสมเด็จพระร่ วงเจ้าทรงสดับ ก็ดารัสว่า
ข้าน้อยนี้มีปัญญาฉลาดสมกับที่เกิดในตระกูลนักปราชญ์..... จึงมีพระราชบริ หารบาหยัดสาปสรรว่า
แต่น้ ีสืบไปเบื้องหน้า โดยลาดับกษัตริ ยในสยามประเทศ ถึงการกาหนดนักขัตฤกษ์วนเพ็ญเดือน 12
์
ั
พระราชพิธีจองเปรี ยงแล้วก็ให้กระทาโคมลอยเป็ นรู ปดอกกระมุทอุทิศ สักการบูชาพระพุทธ
บาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน อันว่าโคมลอยรู ปดอกกระมุท (ดอกบัว) ก็ปรากฏมาจนเท่าทุก
วันนี้
- 15. บทส่ งท้าย
ประเพณี การลอยกระทง น่าจะเป็ นคติของชนชาติที่ประกอบกสิ กรรม ซึ่ งต้องมีน้ าเป็ นปั จจัยสาคัญ
เมื่อพืชพันธุ์ธญญาหารเจริ ญงอกงามอุดมสมบูรณ์ จึงมีการลอยกระทงไปตามกระแสน้ า เพื่อ
ั
ขอบคุณพระแม่คงคาหรื อเทพเจ้าแห่งน้ า อีกทั้งเป็ นการแสดงความคารวะขออภัยที่ได้ลงอาบ หรื อ
่
ปล่อยสิ่ งปฏิกลลงน้ า ไม่วาจะโดยตั้งใจหรื อไม่ก็ตาม รวมทั้งเป็ นการบูชาเทพเจ้าตลอดจนรอยพระ
ู
พุทธบาท พระเจดียจุฬามณี ฯลฯ ตามคติความเชื่อ
์
หลังจากทาพิธีลอยกระทงแล้ว ก็จดให้มีการละเล่นรื่ นเริ งสนุกสนาน เช่น การละเล่นพื้นเมือง การ
ั
เล่นเพลงเรื อ ราวงฯลฯ อันเป็ นธรรมเนียมประเพณี ที่ปฏิบติสืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณ
ั
่
ความมุ่งหมายของการลอยกระทงมีอยูหลายประการ เช่น การขอขมาต่อพระแม่คงคาการบูชารอบ
พระพุทธบาท การลอยเคราะห์โรคภัยและทุกข์โศกให้ไหลไปกับสายน้ า ฯลฯ กิจกรรมดังกล่าวนี้จะ
จัดขึ้นในเดือน 12 โดยนับวันตามจันทรคติ หรื อราวเดือนพฤศจิกายน
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบติในวันลอยกระทง
ั
1. นากระทงไปลอยตามแม่น้ าลาคลอง หรื อตามแหล่งน้ าที่มีการจัดพิธี
2. ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ในวันลอยกระทง เช่น การประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ
การละเล่นพื้นเมือง เช่น ราวง เพลงเรื อ เพื่อสื บสานวัฒนธรรมไทย
3. จัดนิทรรศการ หรื อพิธีการลอยกระทง เพื่อเผยแพร่ และอนุรักษ์ประเพณี ไทย
4. จัดรณรงค์ให้มีการใช้วสดุจากธรรมชาติมาทากระทง เพื่อไม่ให้เกิดมลภาวะแก่แม่น้ าลาคลอง
ั
สรุ ปเหตุผลในการลอยกระทง
1. เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา เพื่อบูชารอยพระพุทธบาทและบูชาเทพเจ้า ตามคติความเชื่อ
2. เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้ มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา
3. เพื่อรู ้ถึงคุณค่าของน้ าหรื อแม่น้ าลาคลอง อันเป็ นสิ่ งจาเป็ นสาหรับการดารงชีวิต
- 17. -พิมพ์ตามอักษรที่ปรากฎให้ถูกต้อง
-คลิกดาเนินต่อไป
4.จากนั้ นให้ต้ งชื่ อ เว็บบล็อกของท่าน
ั
่
-คลิกที่ตรวจสอบ เพื่อตรวจเช็คดูวา มีใครใช้ชื่อนี้ไป หรื อยัง ถ้ามีแล้วระบบจะแจ้งเตือนว่าใช้ไม่ได้
และจะมีตวเลือกให้เราโดยอัตโนมัต ถ้าชอบใจตัวไหน ก็คลิกที่ชื่อด้านล่างตัวนั้นได้ แต่ถาต้องการ
ั
้
ชื่ออื่นอีกก็ตรวจสอบจนกว่าจะได้ชื่อที่คุณพอใจ เมื่อได้ชื่อตามที่ตองการแล้ว คลิกที่ ดาเนินต่อไป
้
5.จาก นั้นจะเข้าสู่ การเลือกแม่แบบว่า เราต้องการเว็บบล็อกรู ปแบบไหน มีให้เลือกมากมายตาม
ต้องการสามารถคลิกเพื่อดูตวอย่างแม่แบบได้ เมื่อได้แม่แบบตามที่เราชอบแล้ว คลิกที่ ดาเนินต่อไป
ั
ถึงตอนนี้คุณก็จะมีบล็อกกับกูเกิลแล้ว อย่าลืมจดจาคือ
- 19. บทที่ 3
วิธีดาเนินงานโครงงาน
ผูจดทาโครงงานจะนาเนื้อหาความรู ้เรื่ อง“ประวัติความเป็ นมาของประเพณี ลอยกระทง"ไป
้ั
เผยแพร่ ทางอินเตอร์ เน็ตผ่านทางเว็บบล็อก เพื่อให้ผกาลังค้นหาข้อมูลเรื่ องดังกล่าวสามารถเข้าไป
ู้
ศึกษาได้ในเว็บบล็อกของผูจดทา โดยการใช้งานเว็บบล็อกมีดงนี้
้ั
ั
ผูใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริ หารบล็อกผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ เหมือนการใช้งานและอ่านเว็บไซต์
้
ทัวไป โดยจะมีรูปแบบบริ หารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิ การของบล็อก ผูเ้ ขียน
่
หลายคนจะส่ งเรื่ องเข้าทางบล็อกและจะต้องรอให้บรรณาธิ การอนุมติให้บล็อกเผยแพร่ ก่อนบล็อก
ั
ถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์น้ นได้ ซึ่ งจะแตกต่างจากบล็อกส่ วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทนที
ั
ั
่
ผูเ้ ขียนบล็อกในปั จจุบนจะใช้งานบล็อกในรู ปแบบใดรู ปแบบหนึ่งไม่วา ติดตั้งซอฟต์แวร์ ของตัวเอง
ั
หรื อใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริ การบล็อก
สาหรับผูอ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทวไป และสามารถแสดงความเห็น
้
ั่
ได้ในส่ วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผอ่าน
ู้
่
บล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผานระบบฟี ด ซึ่ งมีให้บริ การในบล็อกทัวไป ทาให้ผใช้สามารถอ่าน
ู้
่
บล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จาเป็ นต้องเข้ามาสู่ หน้าบล็อกนั้น
- 20. แผนปฏิบัติงาน
ลาดับที่ กิจกรรม
เดือนที่ 1 เดือนที่ 2 เดือนที่ 3 เดือนที่ 4
1 2 3 4 1 2 3 4 1 2 3 4 1 23 4
1
คิดเรื่ องที่สนใจในการทา
โครงงาน
2
ศึกษาเรื่ อง “ประวัติความเป็ นมา
ของประเพณี ลอยกระทง”
3
รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
เช่น อินเตอร์ เน็ต หนังสื อ เป็ นต้น
4
นาข้อมูลที่ได้มาเรี ยบเรี ยงเพื่อ
จัดทาเป็ นสื่ อการศึกษาโดยใช้เว็บ
บล็อก
5
ออกแบบโครงสร้างสื่ อการศึกษา
ในเว็บบล็อก
6
ทดสอบและแก้ไขสื่ อการศึกษา
ในเว็บบล็อก
7
เผยแพร่ สื่อการศึกษา“ประวัติ
ความเป็ นมาของประเพณี ลอย
กระทง”ผ่านทางอินเตอร์ เน็ตโดย
ใช้เว็บบล็อก
- 22. บทที่ 5
สรุ ปผลการดาเนินงาน และข้ อเสนอแนะ
ผลทีได้ รับจากการทาโครงงานครั้งนี้
่
1.เพื่อเป็ นแหล่งการเรี ยนรู ้แก่ผที่ตองการศึกษา
ู้ ้
2. เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้ มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา
3. เพื่อให้ทุกคนรู ้ถึงคุณค่าของน้ าหรื อแม่น้ าลาคลอง อันเป็ นสิ่ งจาเป็ นสาหรับการดารงชีวต
ิ
ข้ อเสนอแนะ
เราควรรู ้จกใช้เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์ ให้เป็ นประโยชน์ต่อชี วต เช่น การใช้ในการศึกษาหา
ั
ิ
ความรู ้ หรื อ การใช้ในการเผยแพร่ ความรู ้ เป็ นต้น
- 23. บรรณานุกรม
กองสร้ างสรรค์ กจกรรม การท่องเทียวแห่ งประเทศไทย. 2550. ประวัติความเป็ นมาประเพณีลอย
ิ
่
กระทง. http://www.loikrathong.net/th/History.php เข้ าถึงเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2556