More Related Content
More from Oui Nuchanart (20)
Animal55
- 4. เกณฑ์ในการจําแนกสัตว์
1. เนือเยือ แบ่งออกเป็ น 2 กลุ่มคือ
1.1 กลุ่มทีไม่มีเนื อเยือทีแท้จริงได้แก่ ฟองนํา
1.2 กลุ่มทีมีเนื อเยือทีแท้จริง มี 2 ประเภทคือ
1.2.1 เนื อเยือ 2 ชัน (Diploblastica) ประกอบด้วยเนื อเยือชันนอก
(Ectoderm) และเนื อเยือชันใน (Endoderm) ได้แก่ พวก
ไฮดรา แมงกะพรุน โอบีเลีย
1.2.2 เนื อเยือ 3 ชัน (Triploblastica) ประกอบด้วยเนื อเยือชันนอก
ชันกลาง (Mesoderm) และชันใน ได้แก่พวกหนอนตัวแบนขึนไป
จนถึงสัตว์ทีมีกระดูกสันหลัง
- 7. เกณฑ์ในการจําแนกสัตว์
3. การเปลียนแปลงของบลาสโทพอร์ พบเฉพาะสัตว์ทีมีสมมาตรแบบด้านข้าง
มี 2 แบบ คือ
- โพรโทสโทเมีย (Protostomia )พวกทีบลาสโทพอร์เปลียนเป็ นช่องปาก
- ดิวเทอโรสโทเมีย (Deuterostomia) พวกทีบลาสโทพอร์เปลียนเป็ นทวาร
หนัก
การเปลียนแปลงของบลาสโทพอร์ ก. โพรโทสเมีย ข. ดิวเทอโรสเมีย
- 9. เกณฑ์ในการจําแนกสัตว์
5. ทางเดินอาหาร (Digestive tract) ทางเดินอาหารของสัตว์แบ่ง
ออกเป็ น 3 แบบ คือ
1 ทางเดินอาหารแบบช่องร่างแห (Channel network) เป็ นทางเดิน
อาหารทีไม่ใช่ทางเดินอาหารทีแท้จริง แต่เป็ นเพียงทางผ่านของนําจากภายนอก
เข้าสู่ภายในลําตัวเท่านันได้แก่ ทางเดินอาหารของฟองนํา
2 ทางเดินอาหารแบบปากถุง (One-hole sac) เป็ นทางเดินอาหารทีมี
ช่องเปิ ดทางเดียว ได้แก่ทางเดินอาหารของซีเลนเตอเรท และหนอนตัวแบน
3 ทางเดิ นอาหารแบบท่ อกลวง (Two-hole tube) เป็ นทางเดิ น
อาหารทีมีช่องเปิ ด 2 ช่อง โดยช่องหนึ งทําหนําทีเป็ นทางเข้าของอาหารและอีก
ช่องหนึ งทําหนํ าทีเป็ นทางออกของกากอาหาร ได้แก่ทางเดินอาหารของพวก
หนอนตัวกลมขึนไปจนถึงสัตว์พวกมีกระดูกสันหลังทุกชนิ ด
- 10. เกณฑ์ในการจําแนกสัตว์
6. ช่องตัว (coelom) แบ่งออกเป็ น 3 แบบ คือ
1. สัตว์ทีไม่มีช่องตัว (Acoelomate animal) ได้แก่พวก
หนอนตัวแบน
2. สัตว์ทีมีช่องตัวแบบเที ยม (Pseudocoelomate animal)
สัตว์กลุ่มนี มีช่องตัวที อยู่ระหว่างเนื อเยือชันกลางกับเนื อเยือชันนอก
หรือเนื อเยือชันใน ได้แก่ พวกหนอนตัวกลม
3. สัตว์ทีมีช่องตัวแบบแท้ (Eucoelomate animal) สัตว์กลุ่ม
นี มี ช่ อ งตั ว อยู่ ภ ายในเนื อ เยื อชั นกลาง ได้แ ก่ ไส้เ ดื อ น กุ ้ง แมลง
ตลอดไปจนถึงสัตว์ทีมีกระดูกสันหลัง
- 12. เกณฑ์ในการจําแนกสัตว์
7. การแบ่งเป็ นปล้อง (Segmentation) แบ่งออกเป็ น
1 การแบ่งเป็ นปล้องเฉพาะภายนอก (Superficial Segmentation
เช่น พวกพยาธิตวตืด ั
2 การแบ่ ง เป็ นปล้อ งที แท้จ ริ ง (Metameric Segmentation)
เป็ นการเกิดปล้องขึนตลอดลําตัวทังภายนอกและภายใน โดยข้อปล้อง
เกิดขึนที เนื อเยือชันกลาง ทําให้เนื อเยือชันอืนๆเกิดเป็ นปล้องไปด้วย
เช่น ไส้เดือน กุ ง ปู แมลงตลอดไปจนถึงพวกสัตว์มีกระดูกสันหลังทุ ก
้
ชนิ ด
- 14. กลุ่มทีไม่มีเนือเยือแท้จริง : Phylum Porifera
• มีโครงสร้างร่างกายไม่ซบซ้อน
ั
•ลําตัวมีช่องให้นําเข้าขนาดเล็ก
•ช่องนําออกขนาดใหญ่
•ตัวเต็มวัยมักเกาะอยูกบที
่ ั
•มีโครงร่างค้าจุนแทรกอยูในตัวฟองนํา เรียก สปิ คุล
่
•ตัวอย่าง ฟองนําแก้ว ฟองนําหินปูน ฟองนําถูตว ฟองนํารูปแจกัน
ั
- 18. กลุ่มทีมีเนือเยือแท้จริง : แบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม
ก. กลุ่มทีมีสมมาตรแบบรัศมี
Phylum Cnidaria
• มีเนื อเยือ 2 ชัน
• ส่วนใหญ่อาศัยอยูในนําเค็ม
่
• มีรปร่าง 2 แบบ คือ แบบโพลิบ (polyp) และ เมดูซา (medusa)
ู
• ใช้เทนทาเคิลล่าเหยือ
• มีไนโดไซต์ (cnidocyte) ใช้จบเหยือ หรือปองกันตัว
ั ้
• ตัวอย่าง แมงกะพรุน ดอกไม้ทะเล ปะการัง กัลปั งหา ต่อทะเล
- 25. Phylum Ctenophora : หวีวุน
้
- เคลือนทีโดยอาศัยการพัดโบกของชิเลีย (cilia)
- มีเทนตาเคิล 2 เส้น
- รอบตัวแบ่งเป็ น 8 ส่วน โดยมีแถบชิเลียยาว 8 แถว มีลกษณะคล้ายชีหวี
ั
- เทนทาเคิลไม่มเข็มพิษ สืบพันธุแบบไม่แยกเพศ
ี ์
- 27. กลุ่มทีมีเนือเยือแท้จริง : แบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม
ข. กลุ่มทีมีสมมาตรด้านข้าง
แบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มโพรโทสเมียและกลุ่มดิวเทอโรสโทเมีย
1. กลุ่มโพรโทสเมีย คือ กลุ่มทีมีตวอ่อนแบบโทรโคฟอร์และกลุ่มทีมี
ั
ตัวอ่อนแบบลอกคราบ ได้แก่
Phylum Platyhelminthes
Phylum Mollusca
Phylum Annelida
- 28. Phylum Platyhelminthes
• มีลาตัวแบนจึงเรียกหนอนตัวแบน
ํ
• มีขนาดแตกต่างกัน บางชนิ ดมีขนาดเล็กไม่สามารถมองเห็นได้ดวยตา
้
เปล่า บางขนิ ดมีขนาดใหญ่
• มีเนื อเยือ 3 ชัน
• มีทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์
• ไม่มีช่องตัว (noncoelom)
• การดํารงชีวิตแบบอิสระและปรสิต
• ตัวอย่าง พลานาเรีย พยาธิใบไม้ พยาธิตวตืด
ั
-
- 32. Phylum Mollusca
•เป็ นสัตว์ทีมีลาตัวนิ ม
ํ
• สร้างเปลือกแข็งทีมีสารประกอบแคลเซียมหุมตัว้
• มีแมนเทิลสร้างเปลือกหุมตัว
้
• แลกเปลียนแก๊สโดยใช้เหงือก
•มีทวารหนักและรูขบถ่าย
ั
•การดํารงชีวิต บางชนิ ดกินพืช บางชนิ ดเป็ นผูล่า กินแพลงก์ตอน
้
•ตัวอย่าง หอย และหมึก
-
- 38. 2. กลุ่มโพรโทสเมีย และตัวอ่อนมีแบบลอกคราบ ได้แก่
Phylum Nematoda
Phylum Arthropoda ประกอบด้วยคลาสดังนี
- Class Merostomata ได้แก่ แมงดาทะเล
- Class Arachnida ได้แก่ แมงมุม แมงป่ อง เห็บ ไร
- Class Diplopoda ได้แก่ กิงกือ
- Class Chilopoda ได้แก่ ตะขาบ ตะเข็บ
- Class Insecta ได้แก่ แมลงต่างๆ
- Class Crustacea ได้แก่ กุง กัง ปู
้
- 39. Phylum Nematoda
•เป็ นสัตว์ทีมีรปทรงกระบอก
ู
•เป็ นสัตว์ไม่มีปล้องบริเวณลาตัว จึงเรียกหนอนตัวกลม
•มีคิวทิเคิลหุมร่างกายทาให้มีการลอกคราบในระหว่างการเจริญเติบโต
้
•มีทางเดินอาหารสมบูรณ์
•ไม่มีระบบหมุนเวียนเลือด
•มีช่องตัวเทียม (pseudocoelom)
•ตัวอย่าง พยาธิชนิดต่างๆ
-
- 42. Phylum Arthropoda
•มีลาตัวเป็ นปล้อง
ํ
• มีรยางค์เป็ นข้อต่อกัน
• รยางค์เป็ นลักษณะทีปรับเปลียนไปทําหน้าที เช่นใช้เดิน จับเหยือ รั
บความรูสึก ผสมพันธุและและปองกันอันตราย
้ ์ ้
•มีโครงสร้างภายนอกเป็ นเปลือกแข็งประกอบด้วย ไคทิน
•มีการลอกคราบในระยะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย
•มีระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิ ด
•สืบพันธุแบบอาศัยเพศ
์
- 43. Phylum Arthropoda
สัตว์ในไฟลัมอาร์โทรโพดาทีพบในปั จจุบน
ั
- Class Merostomata ได้แก่ แมงดาทะเล
- Class Arachnida ได้แก่ แมงมุม แมงป่ อง เห็บ ไร
- Class Diplopoda ได้แก่ กิงกือ
- Class Chilopoda ได้แก่ ตะขาบ ตะเข็บ
- Class Insecta ได้แก่ แมลงต่างๆ
- Class Crustacea ได้แก่ กุง กัง ปู
้
-
- 44. Class Merostomata ได้แก่ แมงดาทะเล
- มีลาตัวแบ่งออกเป็ น 2 ส่วน คือ ส่วนหัวและส่วนอกรวมกันและส่วนท้อง
ํ
- มีรยางค์ค่แรกทําหน้าทีในการกินอาหาร
ู
- มีขาเดิน 5 คู่ ปลายขาคู่สุดท้ายมีลกษณะเป็ นแผ่นซ้อนกันใช้ขุดทราย
ั
เวลาฝั งตัว
- 45. Class Arachnida ได้แก่ แมงมุม แมงป่ อง เห็บ ไร
- มีส่วนหัวและส่วนอกรวมกัน มีรยางค์ 6 คู่ โดยรยางค์คู่ที1 และคู่ที 2
ใช้จบอาหารและรับความรูสึกและมีขาเดินอีก 4 คู่
ั ้
- ในบริเวณปล้องส่วนท้ายของแมงมุมจะมีอวัยวะชักใย ขณะทีในแมงป่ อง
จะปรับเปลียนไปสําหรับใช้ล่าเหยือและปองกันตัว
้
- 46. Class Diplopoda ได้แก่ กิงกือ
-ลําตัวมีรยางค์ปล้องละ 2 คู่ บริเวณหัวมีหนวด 1 คู่
- อาศัยอยูตามพืนดินใต้กองใบไม้กินซากใบไม้และซากสัตว์ทีเน่ าเปื อย
่
ในดินเป็ นอาหาร
- 47. Class Chilopoda ได้แก่ ตะขาบ ตะเข็บ ตะขาบฝอย
- ลําตัวแบนมีรยางค์ปล้องละ 1 คู่
- บริเวณหัวมีหนวด 1 คู่ ปล้องแรกของลําตัวมีเขียวพิษ 1 คู่ แนบกับ
ส่วนหัวจะปล่อยพิษทําให้เหยือเป็ นอัมพาตจึงจับกินได้ง่ายหรือใช้ปองกัน
้
ตัวเอง
- 48. Class Insecta ได้แก่ แมลงต่างๆ
แมลงมีลาตัวแบ่งออกเป็ น 3 ส่วน คือ ส่วนหัว ส่วนนอกและส่วนท้อง มี
ํ
หนวด 1 คู่ มีขา 3 คู่ อยูบริเวณส่วนอกบางชนิ ดอาจมีปีก 1-2 คู่
่
ภาพ โครงสร้างของแมลง
- 49. Class Crustacea ได้แก่ กุง กัง ปู
้
- ส่วนใหญ่คงอาศัยอยูในทะเลหรือแหล่งนําจืดสัตว์
่
- กลุ่มนี มีรยางค์จานวนมากทําหน้าทีพิเศษหลายอย่าง เช่น ใช้เดิน ว่ายนํา
ํ
หรือเปลียนแปลงเป็ นหนวดและส่วนประกอบของปาก
- มีหนวด 2 คู่
- มีขาเดินและมีรยางค์ทีส่วนท้องสําหรับว่ายนําหรือปรับเปลียนไปทําหน้าที
เฉพาะ เช่น แลกเปลียนแก๊ส เป็ นทีเกาะของไข่ เป็ นต้น
ภาพ กุง กัง ปู
้
- 51. Phylum Echinodermata
•เป็ นสัตว์ทีมี 5 แฉก
•มีโครงร่างแข็งภายใน
•ผิวลําตัวมีหนามยืนออกมา
•มีระบบท่อลาเลียงนํา
•มีทิวบ์ฟีท เป็ นโครงสร้างในการเคลือนที
•ตัวอย่าง ปลิงทะเล ดาวทะเล พลับพลึงทะเล ดาวขนนก
ดาวมงกุฏหนาม
-
- 53. Phylum Chordata
• มีโนโทคอร์ด
• มีท่อประสาทกลวงทีด้านหลัง
• มีช่องเหงือกบริเวณคอหอย
• มีหาง
• ไฟลัมคอร์ดาตาแบ่งออกเป็ น 2 กลุ่ม คือ สัตว์ทีไม่มีกระดูกสันหลัง
และสัตว์ทีมีกระดูกสันหลัง
- 54. Phylum Chordata :สัตว์ทีไม่มีกระดูกสันหลัง
1. ยูโรคอร์เดต (Urochordate) เป็ นสัตว์ทีมีถุงหุมตัว ้
ประกอบด้วยสารคล้ายเซลลูโลส ตัวเต็มวัยไม่มีโนโทคอร์ด ไม่มี
เส้นประสาทขนาดใหญ่บริเวณหลังและหางจะหดหายไปในระยะตัวเต็ม
วัย ตัวอย่างเช่น เพรียงหัวหอม เป็ นต้น
- 55. Phylum Chordata :สัตว์ทีไม่มีกระดูกสันหลัง
2. เซฟาโลคอร์เดต (Cephalochordate) เป็ นสัตว์ทีระยะตัวเต็ม
วัยมีท่อประสาทขนาดใหญ่ทีบริเวณหลัง มีโนโทคอร์ดยาวตลอดชีวิต มี
ช่องเหงือกทีคอหอยและมีหางตัวอย่างของสัตว์กลุ่มนี ได้แก่ แอมฟิ ออก
ซัส ซึงเป็ นสัตว์ขนาดเล็กอาศัยอยูในบริเวณทีตืนชายฝั งทะเล
่
- 56. Phylum Chordata :สัตว์ทีมีกระดูกสันหลังทีไม่มี
ขากรรไกร
ได้แก่ ปลาไม่มีขากรรไกรส่วนใหญ่จะสูญพันธุไปแล้ว ปลาไม่มีขากรรไกรที
์
พบในปั จจุบนคือ ปลาปากกลม ซึงได้แก่ แฮกฟิ ช (hagfish) เป็ นปรสิต
ั
ภายนอกของปลาหลายชนิ ด และ
แลมเพรย์ (lamprey) ซึงมีรปร่างคล้ายปลาไหล มีโครงร่างเป็ น
ู
กระดูกอ่อนและไม่มีครีบคู่เหมืนปลาทัวไป
- 58. Phylum Chordata :สัตว์ทีมีกระดูกสันหลังทีมีขากรรไกร
• Class Chondrichthyes ได้แก่ปลากระดูกอ่อน
• Class Osteicthyes ได้แก่ ปลากระดูกแข็ง
• Class Amphibia ได้แก่ กบ อึงอ่าง คางคก
• Class Reptilia ได้แก่ จิงจก จระเข้ เต่า ตะพาบน้า
• Class Aves ได้แก่ นกชนิ ดต่างๆ
• Class Mammalia ได้แก่ ตุ่นปากเป็ ด จิงโจ้ กระต่าง ลิง คน
- 59. Phylum Chordata :Class Chondrichthyes
ได้แก่ปลากระดูกอ่อน
• มีการแลกเปลียนแก๊สโดยใช้เหงือก ไม่มีแผ่นปิ ดเหงือก
• มีการปฏิสนธิภายในและออกลูกเป็ นตัว
• มีฝันแหลมคม
• มีเกล็ดคมปกคลุมผิวหนัง
• เช่น ปลาฉลาม ปลากระเบน
- 61. Phylum Chordata : Class Osteicthyes ได้แก่
ปลากระดูกแข็ง
• มีโครงร่างภายในเป็ นกระดูกแข็ง
• ผิวหนังมีเกล็ดปกคลุม
• มีครีบ 2 คู่ คือครีบอก และครีบสะโพก
• หายใจโดยเหงือกมีแผ่นปิ ดเหงือก
ภาพ ปลาปอดออสเตรีย และปลาปอดแอฟริกา
- 62. Phylum Chordata : Class Amphibia ได้แก่ กบ
อึงอ่าง คางคก งูดิน
• มีผิวหนังเปี ยกชืน ทาหน้าทีแลกเปลียนแก๊ส
• ไม่มีเกล็ดปกคลุม
• มีการปฏิสนธิภายนอก
• ตัวอ่อนอาศัยในน้าหายใจด้วยเหงือก
• ตัวเต็มวัยอาศัยบนบกใช้ปอดในการหายใจ
ภาพ ก. ซาลามานเดอร์ ข. คางคก ค. งูดิน
- 63. Phylum Chordata: Class Reptilia ได้แก่ จิงจก
จระเข้ เต่า ตะพาบนํา
• มีผิวหนังปกคลุมด้วยสารเคราทิน (keratin) เพือปองกันการสูญเสีย
้
นําออกจากร่างกาย
• มีการหายใจโดยใช้ปอด
• มีการปฏิสนธิภายในร่างกายเพศเมีย
• สร้างเปลืกห่อหุมไข่
้
• วางไข่นอกร่างกายเพศเมีย
- 64. Phylum Chordata: Class Reptilia ได้แก่ จิงจก
จระเข้ เต่า ตะพาบนํา
ภาพ (บนซ้าย) เต่าแก้มแดง (บนขวา) ทัวทารา (ล่างซ้าย) มังกรโคโมโด (ล่างขวา) งูอนาคอนดา
- 65. Phylum Chordata: Class Aves ได้แก่ นกชนิด
ต่างๆ
• นกเป็ นสัตว์เลือดอุ่น
• มีการปรับรูปร่างเพือช่วยในการบินโดยกระดูกมีรพรุนทําให้มีนาหนักเบา
ู ้
• ปรับอวัยวะทีไม่จาเป็ นให้มีขนาดเล็ก
• มีการปฏิสนธิภายและออกลูกเป็ นไข่
- 66. Phylum Chordata :Class Mammalia ได้แก่ ตุน ่
ปากเป็ ด จิงโจ้
กระต่าง ลิง คน
• เพศเมียของสัตว์เลียงลูกด้วยนํานมมีต่อมน้านมทาหน้าทีผลิตนม
สําหรับเลียงลูกอ่อน
• มีขนปกคลุมลําตัว
• มีอุณหภูมิร่างกายค่อนข้างคงที
• ตัวอ่อนเจริญอยูในมดลูก
่
• ได้รบสารอาหารจากแม่ผ่านทางรกทีเชือมระหว่างตัวอ่อนกับแม่
ั
- 67. Phylum Chordata :Class Mammalia
สัตว์เลียงลูกด้วยน้านม แบ่งเป็ น 3 กลุ่มคือ
1. กลุ่มมอโนทรีม (Monotremes) ได้แก่ ตุ่นปากเป็ ด ตัวกินมด
2. กลุ่มมาร์ซเรียล (Marsupials) ได้แก่ โอพอสซัม จิงโจ้ โคอาลา
ู
3. กลุ่มยูเทเรียน (Eutherians) ได้แก่ ลิง คน
- 68. Phylum Chordata :Class Mammalia
1. กลุ่มมอโนทรีม (Monotremes) ได้แก่ ตุ่นปากเป็ ด ตัวกินมด
• ออกลูกเป็ นไข่ แต่มีขน
• มีต่อมนํานม ออกจากไข่แล้วเลียนํานมบริเวณหน้าท้องของแม่กิน
• ตัวกินมดมีหนามทีมีขนแข็งคล้ายเม่น
• พบเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย และนิ วกีนี
- 70. Phylum Chordata :Class Mammalia
2. กลุ่มมาร์ซเรียล (Marsupials) ได้แก่ โอพอสซัม จิงโจ้ โคอาลา
ู
• ตังท้องระยะเวลาสัน ทําให้ลกอ่อนทีคลอดออกมามีขนาดเล็กคลานเข้าไป
ู
อยูหน้าท้องของแม่
่
• ลูกอยูในถุ งหน้าท้องจนกว่าจะเจริญเติบโตเต็มที
่
- 72. Phylum Chordata :Class Mammalia
3. กลุ่มยูเทเรียน (Eutherians) ได้แก่ ลิง คน
• เป็ นสัตว์เลียงลูกด้วยนมทีมีรก
• มีระยะเวลาในการตังท้องนาน
• ตัวอ่อนมีการเจริญเติบโตทีสมบูรณ์ภายในมดลูกของแม่
• ได้รบสารอาหารผ่านทางรก
ั
- 74. ไพรเมต (primate)
• อาศัยอยูบนต้นไม้เป็ นส่วนใหญ่ เช่น ลิงลม กระแต ลิง ชะนี อุรงอุตง
่ ั ั
ชิมแปนซีและมนุ ษย์
• สัตว์กลุ่มนี มีมือและเท้าสําหรับยึดเกาะ
• มีสมองขนาดใหญ่ มีขากรรไกรสันทําให้ใบหน้าแบน
• มีตาทีใช้มองไปข้างหน้า มีเล็บแบนทังนิ วมือและนิ วเท้า
• มีพฤติกรรมในการเลียงลูกอ่อนและพฤติกรรมทางสังคมทีซับซ้อนขึน
• สัตว์กลุ่มไพรเมตมีวิวฒนาการแบ่งออกเป็ น 2 สาย คือ
ั
โพรซิเมียน (Prosimian) และ แอนโทร
พอยด์ (Anthropoid)
- 76. ไพรเมต (primate) : โพรซิเมียน (Prosimian)
- เป็ นสัตว์กลุ่มไพรเมตรระยะแรกเริมทีอาศัยอยูบนต้นไม้
่
- ได้แก่ ลิงลมหรือนางอายและลิงทาร์ซิเออร์ พบอยูในเขตร้อนแถบแอฟริกา
่
และเอเชียใต้
ภาพ (ซ้าย) ลิงลม (ขวา) ลิงทาร์ซิเออร์
- 77. ไพรเมต (primate) :แอนโทรพอยด์ (Anthropoid)
แอนโทรพอยด์ ได้แก่ ลิงมีหาง ลิงไม่มีหาง และมนุ ษย์
ลิงมีหาง ได้ แก่ ลิงโลกเก่าและลิงโลกใหม่
- มีวิวฒนาการเกิดขึนเมือประมาณ 45 ล้านปี ทีผ่านมา
ั
- ลิงโลกใหม่ทุกชนิ ดยังคงอาศัยอยูบนต้นไม้ พบเฉพาะทวีปอเมริกาใต้
่
- ลิงโลกใหม่มีแขนขายาวใช้ประโยชน์ในการปี นป่ ายและห้อยโหน
- ลิงโลกเก่ามีกนเป็ นแผ่นหนังหนา เกลียง
้
- ลิงทังสองกลุ่มเป็ นสัตว์ทีหากินในเวลากลางวันอยูรวมกันเป็ นฝูงมีการ
่
ควบคุมกันโดยใช้พฤติกรรมทางสังคม
- 79. ลิงไม่มีหาง ได้ แก่ ชะนี อุรังอุตง กอริ ลลา และชิมแปนซี
ั
- มีวิวฒนาการมาจากลิงโลกเก่าเมือประมาณ 25-30 ล้านปี ทีผ่านมา
ั
- มีแขนยาว แต่ขาสันและไม่มีหาง สามารถห้อยโหนไปมาได้
- มีพฒนาการทางสมองมีรอยหยักคล้ายคน
ั
- มีการสือสารระหว่างกลุ่ม มีการพัฒนาพฤติกรรมทางสังคมดี มีการอยู่
รวมกันเป็ นครอบครัว มีจ่าฝูงเป็ นผูนําเป็ นสัตว์หากินเวลากลางวันและมัก
้
สร้างทีอยูอย่างง่ายๆ
่
- 81. วิวฒนาการของมนุ ษย์
ั
- เมือประมาณ 20 ล้านปี ทีผ่านมา เกิดการเปลียนแปลงของสภาพแวดล้อมโดยมีทุ่ง
หญ้าขึนมาทดแทนป่ าทีอุดมสมบูรณ์ ทําให้สิงมีชีวิตหลายชนิ ด มีวิวฒนาการมา
ั
ดํารงชีวิตบนพืนดินมากขึน
- จากหลักฐานซากดึกดําบรรพ์และการเปรียบเทียบลําดับเบสบน DNA ระหว่าง
มนุ ษย์และชิมแปนซี พบว่ามนุ ษย์แยกสายวิวฒนาการจากลิงไม่มีหางเมือประมาณ
ั
7-5 ล้านปี ทีผ่านมา
- 83. ออสทราโลพิเทคัส(Australopithecus)
• กําเนิ ดขึนเมือประมาณ 4.3 ล้านปี ทีผ่านมาและได้สญพันธุไปกว่า 2 ล้านปี
ู ์
• นักบรรพชีวนได้คนพบซากดึกดําบรรพ์ทีประเทศเอธิโอเปี ยและเรียกซากดึก
ิ ้
ดําบรรพ์ทีค้นพบนันว่า ลูซี (Lucy) หรือAustralopithecus
afarensis
• เป็ นซากดึกดําบรรพ์ทีมีขนาดเล็กสูงประมาณ 1 เมตร มีอายุประมาณ 3.8-
3.0 ล้านปี มีลกษณะผสมผสานระหว่างลักษณะของมนุ ษย์และลิงไม่มีหาง
ั
• หลักฐานบ่งชีวา A. afarensis มีการเดิน 2 ขา มีแขนยาว ซึงเหมาะสมใน
่
การเคลือนทีได้ดีทงบนพืนดิน และบนต้นไม้
ั
• ลําตัวสูงประมาณ 1-1.5 เมตร สมองมีความจุประมาณ 400-500 ลูกบาศก์
เซนติเมตร มีฟันทีปรับเปลียนมาเพือการกินอาหารได้หลายแบบ รูจกใช้
้ั
เครืองมือแต่อาจสร้างเครืองมือไม่ได้หรือสร้างได้นานถึงประมาณ 1 ล้านปี
- 84. ภาพ (ซ้าย)ลักษณะของ A. afarensis (กลาง)ซากดึกดําบรรพ์ของ A. afarensis พบทีเอธิโอเปี ย
(ขวา) กระดูกกะโหลกศีรษะของ Australopithecus
- 85. จีนสโฮโม(Homo)
ั
- เกิดขึนเมือประมาณ 2 ล้านปี ทีผ่านมา
- ซากดึกดําบรรพ์ของจีนัสโฮโมทีพบว่ามีอายุมากทีสุดคือ Homo habilis ใน
ชันหินอายุ 1.8 ล้านปี ทางตอนใต้ของแอฟริกา
- Homo habilis มีความจุสมองประมาณ 750 ลูกบาศก์เซนติเมตร มี
ความสูงประมาณ 1.5 เมตร มีกระดูกนิ วมือทีคล้ายมนุ ษย์ปัจจุบนมากจึงน่ าจะช่วย
ั
ให้สามารถหยิบจับหรือใช้เครืองมือได้ดี ซึงพบ เครืองมือหินและร่องรอยการอยู่
อาศัย
- ทําให้สนนิ ษฐานได้ว่า H. habilis อาจเป็ นพวกแรกทีรูจกการประดิษฐ์ขวาน สิว
ั ้ั
มีดจากหินเพือนํามาใช้ประโยชน์ในการดํารงชีวิตก็เป็ นได้
- 87. Homo erectus
- เป็ นมนุ ษย์กลุ่มแรกทีอพยพมาจากแอฟริกาไปยังเอเชียและยุโรป
- พบซากดึกดําบรรพ์โครงกระดูกมากในแถบเอเชียรวมทังหมูเกาะอินโดนี เชีย
่
ซากดึกดําบรรพ์ทีพบในหมู่เกาะชวา และรูจกกันในวงกว้างจะเรียกว่า มนุ ษย์
้ั
ชวา (Java man) และทีพบในปั กกิง ซึงเป็ น สปี ชีสเดียวกัน เรียกว่า มนุ ษย์
์
ปั กกิง (Beijing man หรือ Peking man)
- H. erectus มีอายุประมาณ 1.8 ล้านปี ถึง 500,000 ปี ทีผ่านมา
- มีความจุสมองประมาณ 1,100 ลูกบาศก์เซนติเมตร มีความสูงประมาณ
1.6-1.8 เมตร
- เดินตัวตรงเหมือนมนุ ษย์มากขึน สามารถประดิษฐ์และใช้เครืองมือที
เฉพาะงาน และเริมรูจกใช้ไฟ คาดว่ามนุ ษย์กลุ่มนี น่าจะอยูรวมกันเป็ นกลุ่ม
้ั ่
มีสงคม วัฒนธรรมและภาษาเกิดขึน
ั
- 89. มนุ ษย์นีแอนเดอร์ทล (Neanderthal man)
ั
- มีสมองขนาดใหญ่เท่ากับหรือมากกว่ามนุ ษย์ปัจจุบน ั
- โครงร่างมีลกษณะเตียลําแข็งแรง จมูกแบน รูจมูกกว้าง หน้าผากลาดแคบ
ั
มีสนคิวหนา คางแคบหดไปด้านหลัง
ั
- มีการอยูรวมกันเป็ นสังคม ใช้ไฟและมีเครืองนุ่ งห่ม มีรองรอยของอารยธรรม
่่ ่
ในกลุ่ม เช่น การบูชาเทพเจ้าและมีพิธีฝังศพ เป็ นต้น
- นักมนุ ษย์วทยาได้จดให้มุษย์นีแอนเดอร์ทลอยูในสปี ชีสเดียวกันกับมนุ ษย์
ิ ั ั ่ ์
ปั จจุบน (Homo sapiens sapiens) แต่แยกกันในระดับซับสปี ชีส์
ั
เป็ น Homo sapiens neanderthalensis
- ในปั จจุบนจากการศึกษาทางชีววิทยาระดับโมเลกุล การสกัด DNA จาก
ั
กระดูกมนุ ษย์นีแอนเดอร์ทลชีให้เห็นว่ามนุ ษย์นีแอนเดอร์ทลบางส่วนอาจมีผม
ั ั
สีแดงและมีผิวซีด
- 91. กําเนิดของมนุ ษย์ปัจจุบนนันมาจากไหน?
ั
สมมติฐานเกียวกับกําเนิ ดของมนุ ษย์ปัจจุบนมี 2 แนวทาง
ั
สมมติฐานแรก เชือว่ามนุ ษย์ปัจจุบนทีอยูในต่างทวีปนันมี
ั ่
วิวฒนาการมาจาก H. erectus ทีแพร่กระจายจากแอฟริกาไปอยู่
ั
ตามทีต่างๆ เช่น ยุโรป เอเชียและออสเตรเลีย เมือประมาณเกือบสอง
ล้านปี ทีผ่านมา จากนันจึงวิวฒนาการเป็ นมนุ ษย์ปัจจุบนทีอาศัยอยู่
ั ั
ตามแต่ละทีทัวโลก และการทีมนุ ษย์เชือชาติต่างๆไม่เกิดความแตกต่าง
กันในระดับสปี ชีสจนเกิดสปี ชีสใหม่เพราะมนุ ษย์ในแต่ละทียังคงมีการ
์ ์
ผสมผสานทางเผ่าพันธุมาโดยตลอด
์
- 92. กําเนิดของมนุ ษย์ปัจจุบนนันมาจากไหน?
ั
สมมติฐานทีสอง เชือว่ามนุ ษย์ปัจจุบนทีอยูในต่างทวีปนันมีววฒนาการ
ั ่ ิั
มาจาก H. erectus ในแอฟริกา จากนัน H. erectus ได้
แพร่กระจายไปอยูตามทีต่างๆทัวโลกแต่ในทีสุดก็สญพันธุไปจนหมด เหลือ
่ ู ์
เพียงกลุ่ม
H. erectus ในแอฟริกากลุ่มเดียวเท่านัน จนกระทังเมือ 100,000 ปี ที
ผ่านมานี เอง H. erectus ในแอฟริกา กลุ่มทีมีสายวิวฒนาการต่อเนื องมา
ั
นี จึงแพร่กระจายออกไปยังสถานทีต่างๆโดยไม่มีการผสมผสานทางเผ่าพันธุ์
กับมนุ ษย์โบราณทีอพยพมาก่อนหน้านัน
- 94. มนุ ษย์โครแมนยัง (Cro-magnon man)
- จัดอยูในซับสปี ชีสเดียวกับมนุ ษย์ยุคปั จจุบน คือ H. sapiens
่ ์ ั
sapiens
- เกิดขึนเมือ 40,000 ปี ทีผ่านมาและสูญพันธุไปเมือ 20,000 ปี
์
- มีขนาดสมองใกล้เคียงกับมนุ ษย์ปัจจุบน มีความสามารถในการล่าสัตว์
ั
- ซึงสามารถประดิษฐ์เครืองมือจากหิน ทีซับซ้อนและเหมาะสมกับการใช้
งาน มีการใช้หอกในการล่าสัตว์ระยะไกล
- สามารถวาดภาพสัตว์โดยใช้สีทีสวยงามซึงพบในถํา หลายแท่ง มีการ
แกะสลักกระดูกและเขากวางเป็ นรูปต่างๆ
- อยูร่วมกันเป็ นชุมชนทีมีกฎเกณฑ์ร่วมกัน
่