4. สมบัติ กำรบวก กำรคูณ
ปิด 1. a+b R 6. a.b R
สลับที่ 2. a+b = b+a 7. ab = ba
เปลี่ยน
กลุ่ม
3. (a+b)+c = a+
(b+c)
8. (ab)c =
a(bc)
เอกลัก
ษณ์
4. a+0 = 0+a = a 9. ax1 = 1xa =
a
ตัว
ผกผัน
5. a+(-a) = (-a)+a
= 0
10. a.a-1
= a-1
.a
= 1
∈ ∈
เมื่อ a , b , c เป็นจำำนวนจริง
1.2 สมบัติของระบบจำำนวนจริง
5. ทฤษฎีบทที่ทฤษฎีบทที่ 11 ((กฏกำรตัดออกสำำหรับกำรบวกกฏกำรตัดออกสำำหรับกำรบวก))
เมื่อ a , b และ c เป็นจำำนวนจริงใดๆ ถ้ำ a+c =
b+c แล้ว a = b
พิสูจน์ 1. a+c = b+c
( กำำหนดให้ )
2. (a+c)+(-c) = (b+c)+(-c) (บวก
ด้วยจำำนวนเดียวกัน)
3. a+(c+(-c)) = b+(c+(-c)) (เปลี่ยน
กลุ่มกำรบวก)
4. a+0 = b+0 (ตัว
ผกผันของกำรบวก)
5. a = b
ทฤษฎีบทที่ทฤษฎีบทที่ 22 ((กฏกำรตัดออกสำำหรับกำรคูณกฏกำรตัดออกสำำหรับกำรคูณ))
เมื่อ a , b และ c เป็นจำำนวนจริงใดๆ ถ้ำ a.c =
b.c และ c แล้ว
a = b
0≠
6. ทฤษฎีบทที่ 3 เมื่อ a เป็นจำำนวนจริงใดๆ a.0 = 0
ทฤษฎีบทที่ 4 เมื่อ a เป็นจำำนวนจริงใดๆ (-1)a =
-a
ทฤษฎีบทที่ 5 เมื่อ a และ b เป็นจำำนวนจริงใดๆ
ถ้ำ ab = 0 แล้ว a = 0 หรือ b = 0
ทฤษฎีบทที่ 6 เมื่อ a , b เป็นจำำนวนจริงใดๆ
1. a(-b) = -ab
2. (-a)b = -ab
3. (-a)(-b) = ab
พิสูจน์ 1. a(-b) = a[(-1)b]
7. 1.31.3 กำรลบและกำรหำรจำำนวนจริงกำรลบและกำรหำรจำำนวนจริง
บทนิยำมบทนิยำม เมื่อเมื่อ aa และและ bb เป็นจำำนวนจริงใดๆเป็นจำำนวนจริงใดๆ a – ba – b
= a + (-b)= a + (-b)
บทนิยำมบทนิยำม เมื่อเมื่อ aa และและ bb เป็นจำำนวนจริงใดๆ ที่เป็นจำำนวนจริงใดๆ ที่
,,
0≠b )( 1−
= ba
b
a
ทฤษฎีบทที่ทฤษฎีบทที่ 11 ถ้ำถ้ำ a , ba , b และและ cc เป็นจำำนวนจริง แล้วเป็นจำำนวนจริง แล้ว
1.1. a(b-c) = ab – aca(b-c) = ab – ac
2. (a-b)c = ac – bc2. (a-b)c = ac – bc
3. (-a)(b-c) = -ab + ac3. (-a)(b-c) = -ab + ac
ทฤษฎีบทที่ทฤษฎีบทที่ 22 ถ้ำถ้ำ จะได้จะได้0≠a 01
≠−
a
8. ทฤษฎีบทที่ 3 1. เมื่อbc
a
c
b
a
=
)(
2. เมื่อbc
ac
b
a
=
0, ≠cb
0, ≠cb
3. เมื่อbd
bcad
d
c
b
a +
=+ 0, ≠db
4. เมื่อbd
ac
d
c
b
a
=))(( 0, ≠db
5. เมื่อ
b
c
c
b
=−1
)( 0, ≠cb
6. เมื่อ
b
aca
c
b
=
)(
0, ≠cb
7. เมื่อ
bc
ad
d
c
b
a
=
)(
)( 0,, ≠dcb
9. 1.4 สมบัติของกำรไม่เท่ำกัน
สมบัติไตรวิภำค (trichotomy property)
ถ้ำ a และ b เป็นจำำนวนจริง แล้ว a = b , a < b
และ a > b จะเป็นจริงเพียงอย่ำงใดอย่ำงหนึ่ง
บทนิยำม
หมำยถึง น้อยกว่ำหรือ
เท่ำกับ
หมำยถึง มำกกว่ำหรือ
เท่ำกับ
หมำยถึง และ
หมำยถึง และ
cba
cba
cba
cba
ba
ba
<≤
≤<
≤≤
<<
≥
≤
ba
ba
ba
ba
≤
<
≤
<
cb
cb
cb
cb
<
≤
≤
<
a
a
b
b
36. เซตที่เท่ากันเซตที่เท่ากัน
ต A จะเท่ากับเซต B ก็ต่อเมื่อสมาชิกทุกตัวขอ
นสมาชิกของเซต B และสมาชิกทุกตัวของเซต
าชิกของเซต A
เช่น ถ้า A = { 1 , 2 , 3 } และ
B = { x เป็นจำานวนนับที่น้อยกว่า 4 }
จะได้ A = B
37. สับเซต (Subsets)สับเซต (Subsets)
บท
นิยาม
เซต A เป็นสับเซตของ B ก็ต่อเมื่อ สมาชิกทุกตัวข
เป็นสมาชิกของเซต B
A เป็นสับเซตของ B เขียนแทนด้วย A B⊂
เช่นA = { 1 , 2 , 3 },B = { 1 ,2 , 3, 4 }
A B⊂ แต่ B A⊄( B ไม่เป็นสับเซต A )
จากนิยามจะได้
1. เซตทุกเซตเป็นสับเซตของตัวเองเช่น A A⊂
2. เซตว่างเป็นสับเซตของทุกเซต A⊂φเช่น
41. าง กำาหนดให้ A = { a,b,c,d } และ B = { c,d,e
จงเขียนแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์แทนเซตทั้งสองน
วิธีทำา
U
A B
c
d
a
b
e
f
42. าง กำาหนดให้ A = { a,b,c } และ B = { a,b,c,d
จงเขียนแผนภาพเวนน์-ออยเลอร์แทนเซตทั้งสองน
วิธีทำา
U
A
B
c
da
b e
43. ยูเนียน (union)ยูเนียน (union)
บทนิยามยูเนียนของเซต A และเซต B คือเซตที่ประกอบด
ป็นสมาชิกของเซต A หรือของเซต B หรือของทั้ง
ยูเนียนของเซต A และ B
เขียนแทนด้วย
BA ∪
ตัวอย่างถ้า A = { 1, 3 ,5 }, B = { 1, 2, 3, 4 }
จะได้ BA ∪ = { 1, 2, 3 ,4 ,5 }
ขียน แบบบอกเงื่อนได้BA ∪
U | x A หรือ x B หรือ x เป็นสมาชิกของ∈ ∈ ∈
45. อินเตอร์เซกชัน (intersection)อินเตอร์เซกชัน (intersection)
าม อินเตอร์เซกชันของเซต A และ B คือเซตที่ป
สมาชิกซึ่งเป็นสมาชิกของทั้งเซต A และ เซต B
เตอร์เซกชันของเซต A และ เซต B เขียนแทนด้วยBA ∩
เขียน BA ∩แบบบอกเงื่อนไขได้
{ x U | x A และ x B }∈ ∈ ∈
ย่าง ถ้า A = { 1 ,2 ,3 ,4 } และ B = {
จะได้ BA ∩ = { 2 ,4 }
47. คอมพลีเมนต์ (complement)คอมพลีเมนต์ (complement)
บทนิยาม คอมพลีเมนต์ของเซต A ซึ่งเป็น
สับเซตของเอกภพสัมพัทธ์ U
คอมพลีเมนต์ของ A เขียนแทนด้วยA′
เขียน แบบบอกเงื่อนไขได้A′ { x U | x A }∈ ∉
ตัวอย่างถ้า U = { 0 ,1 ,2 ,3 ,4 ,5 } และ A = { 0 ,2 ,
จะได้ A′= { 1 ,3 ,5 }
คือ เซตที่ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นสมาชิกของ U
แต่ไม่เป็นสมาชิกของ A
49. ผลต่างผลต่าง
ยาม ผลต่างระหว่างเซต A และเซต B คือเซตที่ปร
มาชิกของเซต A ซึ่งไม่เป็นสมาชิกของเซต B
ลต่างระหว่างเซต A และเซต B เขียนแทนด้วย A
เขียน A - B แบบเงื่อนไขได้{ x U | x A และ x B∈ ∈ ∉
ตัวอย่างถ้า A = { 0 ,1 ,2 ,3 ,4 } และ B = {
3 ,4 ,5 ,6 ,7 }
จะได้ A - B ={ 0 ,1 ,2 }
B - A ={ 5 ,6 ,7 }
58. 2. จงเขียนเซตต่อไปนี้แบบแจกแจงสมาชิก
การบ้าน
A ={x: X < 10, x เป็นจำานวนธรรมชาติ
B ={x: = 16, x จำานวนจริง
C = {x: 4 < x <11, x เป็นจำานวนเต็ม
D = {x: 0 < x < 28, x เป็นจำานวนเต็มที่ 4 หารลงตัว
∈2
x
3. จงหาเซตย่อยของเซตต่อไปนี้
3.1 C = {แดง, ดำา, เขียว
3.2 A = {1, 3, 5, 7}
3.3 B = {r, s, t, u, v}