1. ขั้นตอนการทางานของภาษาซี
ขั้นที่ 1
เขียนคาสั่ง .c หรือ .cpp
ขั้นที่ 2
คอมไพล์และลิงค์ .OBJ
ขั้นที่ 3
นาไปใช้งาน .EXE
ตัวแปลภาษา
ภาษาคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะภาษาระดับสูง จะมีจุดประสงค์เพื่อให้มนุษย์สามารถ
สื่อสารเพื่อเขียนโปรแกรมได้งาย แต่เป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์ไม่รจัก ดังนันจึงต้องนา
่
ู้
้
ภาษาระดับสูงผ่านกระบวนการแปลเพื่อให้เป็นภาษาเครื่อง สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิด
1. คอมไพเลอร์ (compiler) เช่น ภาษาซี ภาษาปาสคาล จะแปลทังโปรแกรม ซึ่ง
้
หากมีขอผิดพลาด ก็จะต้องแก้ไขให้ถูกต้อง และแปลใหม่จนกระทั่งไม่พบข้อผิดพลาด
้
โปรแกรมจึงจะสามารถทางานได้

2. 2. อินเตอร์พรีเตอร์ (Interpreter) จะแปลทีละคาสั่งในแต่ละบรรทัดโดยโปรแกรม
ยังสามารถทางานต่อไปได้ถึงแม้วาจะมีขอผิดพลาดในโปรแกรมก็ตาม ตราบใดที่ตัวแปลยัง
่
้
ไม่ผ่านบรรทัดคาสั่งที่เขียนผิดขันตอนการทดสอบโปรแกรมเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การดีบั๊ก
้
โปรแกรม (Debugging)”
ชนิดของของข้อผิดพลาด
ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการเขียนโปรแกรม สามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. ข้อผิดพลาดที่เกิดจากไวยากรณ์ (Syntax Errors)
ข้อผิดพลาดนี้เกิดจากการใช้ไวยากรณ์หรือรูปแบบภาษาที่ผิด เช่น สะกด
คาสั่งผิด เช่น คาสั่ง scanf ก็พิมพ์เป็น scant เป็นต้น เมื่อผ่านการแปลแล้ว ตัวแปลภาษาก็
จะไม่รจักคาสั่งดังกล่าว ข้อผิดพลาดที่เกิดจากไวยากรณ์ คอมไพเลอร์สามารถตรวจพบ
ู้
และแจ้งข้อผิดพลาดที่เกิดขึนให้ทราบได้
้
2. ข้อผิดพลาดที่เกิดจากตรรกะโปรแกรม (Logic Errors)
เป็นข้อผิดพลาดที่เกิดจากโปรแกรมเมอร์หรือผู้เขียนโปรแกรมเอง เช่น การ
ใช้เงื่อนไขผิดพลาดหรือ การสร้างสูตรคานวณผิด ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ท่ผิดพลาด ไม่ตรงกับ
ี
ความเป็นจริง เช่น โปรแกรมคานวณเกรดคะแนน 80 ขึนไปจะได้เกรด 4 แต่สร้างเงื่อนไข
้
เป็น คะแนนรวม > 80 จะได้เกรด 4 ส่งผลให้นักเรียนที่มีคะแนน 80 ไม่ได้เกรด 4 เป็นต้น
ข้อผิดพลาดชนิดนีตัวคอมไพเลอร์ไม่สามารถตรวจพบได้ ดังนัน ตรรกะในการสร้างเงื่อนไข
้
้
และสูตรคานวณต่างๆ ต้องได้รับการทดสอบและตรวจความถูกต้องทุกครั้งก่อนนาไปใช้
งานจริง
3. ข้อผิดพลาดในขณะรันโปรแกรม (Runtime Errors)
ในกรณีพบข้อผิดพลาดชนิดนีในขณะรันโปรแกรมอยู่ โปรแกรมจะมีข้อความ
้
แจ้งให้ทราบ และจะหยุดทางานไป ข้อผิดพลาดดังกล่าวจะต้องกลับไปแก้ไขซอร์สโค้ดใน
โปรแกรมใหม่