งานนำเสนอองค์ความรู้จากการค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับโรคความผิดปกติทางระบบประสาทมนุษย์ของนักเรียนม.6ห้อง143โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาปีการศึกษา2560 ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์ ตำแหน่งครู คศ.1 เอกวิชาชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ประวัติการศึกษา : พ.ศ. 2549 วิทยาศาสตรบัณฑิต (เกรียตินิยมอันดับ 2) สาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2551 ศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ เอกเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. 2552 ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต พ.ศ. 2555 สาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เอกสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พ.ศ. 2558 ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการประเมินและการวิจัยทางการศึกษา เอกวิจัยทางการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

1. งานนาเสนอข้อมูลโรคเกี่ยวกับระบบประสาท
เรื่องโรคต้อหิน
นาเสนอ
นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์
ครู คศ.1 สขาวิชาชีวิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
สมาชิกกลุ่มนาเสนอ
1. นายกฤตพล เทพศิลปะวิสุทธิ์ เลขที่ 23
2. นายภูมิภัทร ชัยวัฒนายน เลขที่ 32
3. นายภูษณ รอดสม เลขที่ 34
4. นายวชิรวิทย์ รักษาราษฎร์ เลขที่ 35
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 143 สายการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์
งานนาเสนอนี้ข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งรายของวิชาชีววิทยา 5(ว30245)
ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา 2560

2. ครูผู้สอน นายวิชัย ลิขิตพรรักษ์

3. สมาชิกกลุ่ม 5 ห้อง 143

4. ต้อหินเป็นกลุ่มโรคที่มีการ
เสื่อมของขั้วประสาทตา ส่งผลให้
เกิดการสูญเสียการมองเห็น และ
เป็นสาเหตุสาคัญของภาวะตา
บอด
โรคต้อหิน

5. อุบัติการณ์และความชุกของโรค
ครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง ร้อยละ 2 ของ
ประชากรที่มีอายุระหว่าง 40-50 ปี ตรวจพบว่าความดันในลูกตาสูง
และร้อยละ 8 ของประชากรที่มีอายุเกิน 70 ปี ตรวจพบว่ามีภาวะความ
ดันลูกตา สูงในประเทศสหรัฐอเมริกา พบผู้ป่วยตาบอดจากต้อหินปี
ละ 120,000 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 9-12 ของทั้งหมด ถือว่าเป็นโรคที่ทา
ให้ตาบอดมากเป็นอันดับสอง

6. ต้อหินชนิดมุมปิ ด พบมากในคนเอเชียและชาวเอสกิโม พบ
บ่อยในผู้หญิง คนชรา ผู้ที่สายตาสั้น และมักมีประวัติคนในครอบครัว
เป็นโรคนี้
ส่วน ต้อหินชนิดความดันลูกตาปกติ พบได้บ่อยในคนญี่ปุ่น
มักมีประวัติโรคหัวใจร่วมด้วย และมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้

7. สาเหตุการเกิดโรคต้อหิน
ปกติในลูกตาส่วนหน้ามีการ
ไหลเวียนของน้าหล่อเลี้ยงลูกตา
ผ่านช่องระหว่างม่านตาและเลนส์
ตาสู่ช่องหน้าลูกตา และไหลเวียน
ออกจากลูกตา ซึ่งในโรคต้อหินจะ
มีความผิดปกติของการไหลเวียน
ของน้าหล่อเลี้ยงลูกตา ทาให้
ความดันตาสูงขึ้นและเกิดการ
ทาลายประสาทตาตามมา

8. ปั จจัยเสี่ยงของต้อหิน
เชื้อชาติ คนแอฟริกากับอเมริกาจะพบต้อหินสูง ส่วนคน
เชื้อชาติเอเชียจะมีความเสี่ยงต่อต้อหินมุมปิด
เพศ ผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย
อายุมากกว่า 40 ปี
มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหิน

9. ตรวจพบความดันตาสูง
เคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา
การใช้ยาสเตียรอยด์
สายตายาวหรือสั้นมาก
กระจกตาบาง โรคเบาหวาน ไมเกรน

10. ลักษณะอาการของโรคต้อหิน
1.ต้อหินมุมเปิ ด เป็นต้อหินที่พบได้บ่อย เกิดจากการอุด
ตันของ trabecular meshwork ทาให้น้าหล่อเลี้ยงลูกตาไม่
สามารถไหลเวียนออกได้ตามปกติ จึงเกิดความดันตาสูงและ
ส่งผลให้ประสาทตาถูกทาลาย

11.  ผู้ป่วยส่วนมากไม่มีอาการแสดงในระยะแรก แต่หากไม่ได้
รับการรักษาในระยะเริ่มต้นจะส่งผลให้สูญเสียขอบเขตการ
มองเห็นอย่างช้าๆ จนตาบอด

12. 2.ต้อหินมุมปิ ด เกิดจากการที่มุมตาถูกม่านตาปิดกั้น
ส่งผลให้น้าหล่อเลี้ยงลูกตาไม่สามารถไหลเวียนออกได้ปกติ
เกิดความดันตาสูงตามมา

13. ต้อหินมุมปิดมีอาการแสดงได้ ดังนี้
 ต้อหินมุมปิ ดเฉียบพลัน ถือเป็นภาวะฉุกเฉิน ต้องได้รับการรักษา
อย่างทันท่วงที ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ ปวดตาอย่างรุนแรงและ
เฉียบพลัน ตาแดง น้าตาไหล สู้แสงไม่ได้ ตามัว เห็นแสงสีรุ้งรอบดวง
ไฟ รวมถึงคลื่นไส้อาเจียน
 ต้อหินมุมปิ ดกึ่งเฉียบพลัน เป็นๆ หายๆ ผู้ป่วยอาจมีแค่อาการ
ปวดศีรษะ ซึ่งการวินิจฉัยค่อนข้างยาก
 ต้อหินมุมปิ ดเรื้อรัง มักไม่มีอาการในระยะแรก เนื่องจากการดาเนิน
โรคเป็นไปอย่างช้าๆ

15. การรักษาต้อหิน
 การรักษาด้วยยา เพื่อลดความดันตาให้อยู่ในระดับปลอดภัย ยาเหล่านี้จะ
ออกฤทธิ์ลดการสร้าง หรือช่วยให้การไหลเวียนออกของน้าหล่อเลี้ยงลูกตา
ดีขึ้น
 การใช้เลเซอร์
 SLT เป็นการรักษาต้อหินมุมเปิด
 LPI เป็นการรักษาต้อหินมุมปิด
 ALPI ใช้ในกรณีไม่สามารถใช้ LPI รักษาได้
 Laser cyclophotocoagulation มักใช้ในกรณีที่การรักษาด้วยวิธี
อื่นๆ ไม่ได้ผล
 การผ่าตัด ใช้รักษาผู้ป่วยที่การรักษาด้วยยาหรือเลเซอร์ไม่สามารถ
ควบคุมความดันตาได้

16. วิธีป้ องกันโรคต้อหิน
 สาหรับต้อหินเฉียบพลัน ในปัจจุบันมีการใช้แสงเลเซอร์ยิงให้เกิดรูที่
ม่านตา (LPI) ซึ่งเป็นการรักษาที่ทาได้ไม่ยาก สามารถป้องกันการเกิด
ต้อหินอีกข้างได้
 สาหรับต้อหินเรื้อรัง ยังไม่มีวิธีป้องกัน แต่การวินิจฉัยได้เร็วและรักษา
อย่างถูกต้อง จะช่วยป้องกันมิให้สูญเสียสายตาเพิ่มขึ้น
 คาแนะนาทั่วไป ควรดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพตาให้ดี ด้วยการ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีวิตามินบารุงสายตา ออกกาลังกาย
เป็นประจา ควบคุมน้าหนักให้ดี ลดความเครียด งดการสูบบุหรี่ ไม่ดื่ม
สุรา ลดปริมาณกาแฟ ดื่มน้าสะอาดให้เพียงพอ ไม่ขยี้ตาแม้ว่าจะเคืองตา

18. เอกสารอ้างอิง
 Medthai. “ต้อหิน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://medthai.com/ต้อหิน/ [17
มิ.ย. 2017].
 โรงพยาบาลบารุงราษฎร์. “ต้อหิน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
https://www.bumrungrad.com/th/vision-eye-examination-surgery-center-
bangkok-thailand/conditions/glaucoma [17 มิ.ย. 2017].
 TRSC. “ต้อหิน”. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก :
http://www.lasikthai.com/cms.php?ref=do:read/id:46 [17 มิ.ย. 2017].
 Bangkok Health Research Center. “โรคต้อหิน”.
http://www.bangkokhealth.com/health/article/ [17 มิ.ย. 2017].