More Related Content
More from Kyle Nimasang (11)
ผีไทย
- 4. กระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบ
รับประทานของสดคาว มักออกหากินกลางคืนและไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้ง
ไว้ที่บ้าน เวลาไปจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีเขียวเรืองวาม ๆ
ใครคลอดลูกใหม่ กลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนาให้ผีกระสือมาและเข้าสิงกินตับไตไส้พุงของ
หญิงที่คลอดลูกหรือของทารกที่คลอดนั้น เหตุนี้ชาวบ้านจึงมักเอาหนามพุทราสะไว้ที่ใต้ถุน
เรือนตรงที่มีร่องมีรู เพื่อป้องกันมิให้กระสือเข้ามา เชื่อกันว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้
MANU
- 5. นางตะเคียน เป็นผีตามตานานพื้นบ้านของไทย เป็นผีผู้หญิง สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนบริเวณ
ผืนป่าที่ผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่จะสะอาดสะอ้านเหมือนมีคนมาปัดกวาดอยู่เสมอๆ ก็คง
เหมือนกับคนอยู่บ้านต้องออกมาปัดกวาดหน้าบ้านตัวเองให้สะอาดอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ผู้คนที่มีความเชื่อเรื่องนี้ มักเชื่อว่าต้นตะเคียนมักมีผีนางตะเคียนสิงอยู่ การจะนาเอาต้น
ตะเคียนมาขุดเป็น
เรือ (เรือสมัยก่อนใช้วิธีขุดขึ้นจากต้นไม้ทั้งต้น) หรือนาไม้ตะเคียนมาสร้างบ้าน จาเป็นจะต้อง
ทาพิธีบวงสรวงขออนุญาตจากนางตะเคียนก่อน ทั้งนี้ เมื่อต้นตะเคียนที่ถูกนามาแปรสภาพ
เป็นยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างแล้ว นางตะเคียนที่สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนนั้นก็จะ
เปลี่ยนแปลงสถานะตามไปด้วย เช่น ถ้าเป็นเรือ นางตะเคียนก็จะกลายเป็นแม่ย่านางเรือ เป็น
ต้น
MANU
- 6. นางตานี เป็นผีผู้หญิง เช่นเดียวกับนางตะเคียน นางตานีจะสิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยตานี และ
ต้องเป็นกล้วยตานีตายพราย (ต้นกล้วยตานีที่ออกปลีแล้วตาย)
นางตานีจะมีรูปร่างหน้าตาสวยสด หมดจด งดงาม ห่มสไบสีเขียว และนุ่งโจงกระเบนแบบ
หญิงโบราณชอบล่อชายไปลวนลาม เเละนางตานียังมีเเรงหึงหวงที่น่ากลัวอีกด้วย เพราะถ้า
ชายที่มีอะไรกับนางเเล้ว เมื่อไปมีผู้หญิงคนอื่นนางตานีก็จะตามไปหักคอชายผู้นั้นทันที ด้วย
เเรงหึงหวงนั้นเอง
MANU
- 7. ปอบ เป็นผีจาพวกหนึ่ง ที่อยู่ในความเชื่อพื้นบ้านของไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน โดยเชื่อกัน
ว่าเป็นผีที่กินของดิบ ๆ สด ๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม โดยมีความเชื่อว่า ผู้ที่จะกลายเป็นปอบนั้น
มักจะเป็นผู้เล่นคาถาอาคม หรือคุณไสย พอรักษาคาถาอาคมที่มีอยู่กับตัวไม่ได้ หรือกระทาผิด
ข้อห้าม ซึ่งในภาษาอีสานจะเรียกว่า "คะลา" ซึ่งผู้ที่เป็นปอบจะเป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
MANU
- 8. กระหัง หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า กระหาง เป็นผีตามความเชื่อของคนไทย เป็นผีผู้ชาย คู่กับผี
กระสือ ซึ่งเป็นผู้หญิง เชื่อกันว่าผู้ที่เป็นผีกระหังนั้น จะเป็นผู้ที่เล่นไสยศาสตร์ เมื่ออาคมแกร่ง
กล้าไม่สามารถควบคุมได้ก็จะเข้าตัว กลายเป็นผีกระหังไป
ผีกระหัง จะบินได้ในเวลากลางคืน จะใช้กระด้งฝัดข้าวติดกับแขนแทนปีก และใช้สากตาข้าว
หรือสากกระเบือผูกติดกับขา แทนหาง หรือขา ออกหากินของโสโครก เช่นเดียวกับ ผีกระสือ
หรือผีโพง
MANU
- 9. กองกอย เป็นผีป่าชนิดหนึ่ง ลักษณะรูปร่างจะเป็นผีที่มีขาข้างเดียว บ้างก็ว่ามีปากเป็น
ท่อเหมือนแมลงวัน เคลื่อนที่โดยการกระโดดไปด้วยขาเดียว และส่งเสียงร้องว่า
"กองกอย ๆ" อันเป็นที่มาของชื่อ[1] เชื่อว่ามีหน้าตาคล้ายลิงหรือค่าง บ้างเรียก ผี
โป่ง หรือผีโป่งค่าง สันนิษฐานว่า ความเชื่อเรื่องผีโป่งคือ ค่างแก่หน้าตาน่าเกลียดที่ไม่
สามารถขึ้นต้นไม้ได้ มีความเชื่อของคนบางกลุ่มว่า ถ้าได้ดื่มเลือดค่างจะทาให้ร่างกาย
คงกระพันเป็นอมตะ
เชื่อว่า ผีกองกอยจะดูดเลือดจากหัวแม่เท้าของคนค้างแรมในป่า วิธีการป้องกันคือ ให้
นอนไขว้ขาหรือชิดเท้ากันทั้งสองข้างและอย่านอนเอาขาหรือเท้าออกนอกเต็นท์นอน
MANU
- 11. เป็นผีชนิดหนึ่ง มาจากภาษาเขมร "โขฺมจ" แปลว่าผีทั่วไป พจนานุกรม ฉบับ
ราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่าผีโขมดจัดอยู่ในพวกผีกระสือหรือผีโพง เห็นเป็นดวงไฟลอยวูบ
วาบไปมาในเวลากลางคืน (เช่นจากนิยาย เพชรพระอุมา) พอเข้าไปใกล้ก็หายไป วิทยาศาสตร์
อธิบายว่าเป็นแก๊สมีเทนที่เกิดจากซากพืชและสัตว์ที่เน่าเปื่อยผุพัง
MANU
- 12. ควายธนู เป็นเครื่องรางตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อทางไสย
ศาสตร์ของสังคมเกษตรกรรม อันมีความผูกพันกับวัฒนธรรมข้าว ซึ่งเลี้ยงวัวควายไว้ใช้งานใน
ด้านการเกษตร วิชาเหล่านี้เป็นการทาหุ่นพยนต์รูปแบบหนึ่ง หุ่นพยนต์สามารถทาได้ทั้งรูปคน
และสัตว์ ที่นิยมมีทั้งวัวธนูและควายธนู สามารถสร้างได้หลายวิธี เช่น สานจากไม้ไผ่ ปั้นด้วย
ดินผสมมวลสาร ปั้นจากขี้ผึ้ง ไปจนถึงหล่อขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ เช่น ตะปูโลงศพเจ็ดป่าช้า ,
เหล็กขนันผีพราย ,เหล็กยอดเจดีย์ เป็นต้น
MANU
- 13. คาว่า เปรต แปลว่า ผู้ล่วงลับ ในทางศาสนาพุทธหมายถึง อมนุษย์พวกหนึ่งที่เกิดในเปตวิสัย
ซึ่งเป็น ๑ ใน ๔ อบายภูมิ เปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิ
เปรต คือเปรตที่ดารงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทาอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็
มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทาร้ายพ่อแม่
ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต
การทาพลีกรรมแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือการทาบุญอุทิศไปให้ผู้ตายว่า เปตพลี หรือ บุพเปตพลี
MANU
- 15. ผีฉมบ คือ ผีของผู้หญิงที่ตายในป่า มักปรากฏตัวเป็นแสงหรือเงาวูบวาบให้เห็น แต่ไม่ปรากฏ
เป็นตัวตน และไม่ทาอันตรายต่อผู้คน
MANU
- 16. เป็นผีไทยลักษณะหนึ่ง โดยผู้หญิงที่ตายขณะที่กาลังตั้งครรภ์ลูกในท้องหรือขณะที่กาลังคลอด
ลูก ถ้าในขณะที่กาลังจะคลอดลูกนั้นแล้วเกิดตายขึ้นมาทั้งแม่และลูกถือว่าเป็นการตายโหงอีก
รูปแบบหนึ่ง นางนาค หรือแม่นาคพระโขนงก็เป็นผีตายทั้งกลมเช่นกัน ผีตายทั้งกลมจะสาแดง
อาการหลอกหลอนคนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ถ้าใครเดินผ่านบ้านที่มีหญิงตายทั้งกลมในยามค่า
คืน จะได้ยินเสียงกล่อมเด็กดังวังเวงมาจากในบ้านที่มีหญิงตายทั้งกลมนั้น หรือหนักหน่อย
อาจจะมีคนเห็นเปลเด็กผูกอยู่บนคบไม้สูง โดยมีผีตายทั้งกลมนั่งกล่อมลูกอยู่ข้างล่าง ส่วนมือ
ยืดยาวขึ้นไปบนคบไม้ ไกวเปลให้ลูก
MANU
- 17. ผีตาโบ๋ คือ ผีที่มีลักษณะเป็นหัวกะโหลก ไม่มีลูกตา หรือผลุบหายเข้าไปในเบ้าตา เคยนามา
สร้างเป็นภาพยนตร์มาก่อน ซึ่งในขณะนั้น นาแสดงโดยพอเจตน์ แก่นเพชร และเนาวรัตน์ ยุก
ตะนันท์กากับการแสดงโดยเสน่ห์ โกมารชุน
MANU
- 18. ผีตายโหง คือ คนที่เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน แบบไม่ธรรมดาตามธรรมชาติ เช่น ถูกยิง
จมน้า รถชน ฆ่าตัวตาย เป็นต้น สาหรับการตายทั้งกลมก็ถือว่าเป็นการตายแบบตายโหง
เช่นกัน
ผีตายโหงจะเป็นผีที่จิตตก เนื่องจากจิตสุดท้ายก่อนตายอารมณ์ยังติดอยู่กับความหวาดกลัว
ความตกใจ ความอาฆาตแค้น ความอาลัยอาวรณ์ ตายทั้งที่ยังทาใจไม่ได้ วิญญาณจึงติดอยู่ใน
บ่วงแห่งอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้น ไม่สงบสุข เป็นวิญญาณทรมาน ไม่ยอมรับสภาพปัจจุบันของ
ตัวเอง เลยยังคงเที่ยวปรากฏกายให้คนได้พบได้เห็น ยิ่งถ้าเป็นผีตายโหงที่ตายขณะยังมีความ
อาฆาตพยาบาทจะมีความดุร้ายเป็นพิเศษ
MANU
- 19. ผีทะเล เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของคนที่ตายในทะเล ผีทะเลปรากฏให้เห็นในหลายลักษณะ
อาจจะมาเป็นรูปลักษณ์ของคนเดินลากปลาตัวใหญ่ขึ้นมาจากทะเลในตอนกลางคืนบ้าง (ถูก
ปลากินตาย) หรือขึ้นมาบนเรือในยามกลางคืนขณะที่ชาวประมงออกเรือหาปลาบ้าง ผีทะเลที่
ขึ้นบนเรือนี้ มักจะมาในลักษณะเป็นดวงไฟสว่างอยู่บนเสากระโดงเรือ และชาวประมงเชื่อกัน
ว่าถ้าผีทะเลได้ไต่ขึ้นเกาะบนเสากระโดงเรือแล้ว จะทาให้เรือลานั้นอัปปางลง
MANU
- 20. ผีบ้านผีเรือน มีลักษณะต่างจากผีทั่วไป คือจะอยู่ในรูปของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าบ้านเคารพ
กราบไหว้ จะคอยคุ้มครองผู้อยู่อาศัยในบ้าน ในสังคมไทยเมื่อถึงเทศกาลเช่นปีใหม่หรือวันเกิด
เจ้าบ้านที่มีความเชื่อจะทาการเซ่นไหว้ เชื่อว่ามีลักษณะรูปร่างจะเหมือนคนปกติ ใส่ชุดไทย
บ้างก็ว่าผีบ้านคือผีประจาหมู่บ้าน ส่วนผีเรือนก็คือผีประจาเหย้าเรือน และเรียกรวมกันว่าผี
บ้านผีเรือน
MANU
- 21. ผีพราย ส่วนใหญ่มีถิ่นที่อยู่อยู่ในน้ามากกว่าบนบก เชื่อกันว่าเป็นจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่มี
ขนาดเล็กสุดตามลาดับของดวงจิตวิญญาณที่สามารถปรากฏให้รับรู้ได้ คือ พราย
ภูติ ผี ปีศาจ ส่วนใหญ่มักมีที่มาจากการหมักหมมของซากพืชหรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก ๆ ดวง
จิตวิญญาณนี้มักแสดงตนมีลักษณะเป็นผู้หญิงใส่เสื้อสีขาว เป็นดวงไฟเรืองแสง มักปรากฏตัว
ตอนเวลาหกโมงเช้า เที่ยงวัน หกโมงเย็น และเที่ยงคืน มักอยู่ในคลองหรือแม่น้าที่มีผู้เสียชีวิต
มากที่สุด เมื่อจับเหยื่อได้จะเอาร่างเหยื่อที่ไร้วิญญาณเป็นร่างของตน
MANU
- 22. โดยปกติแล้ว ผีโพงจะไม่ทาร้ายมนุษย์ แต่ถ้าหากถูกคุกคามก็จะจู่โจมทาร้ายได้เช่นกัน หากมี
ผู้ใดไปทาอะไรให้ผีโพงไม่พอใจ ผีโพงจะใช้ก้านกล้วยที่ตัดใบออกหมดแล้วพุ้งข้ามหลังคาบ้าน
ผู้นั้น ซึ่งครอบครัวของผู้ที่โดนขว้างจะพบกับภัยพิบัติต่าง ๆ นานา
ผีโพงจะตายได้ เมื่อมีผู้ไปพบปะกับผีโพงเข้าอย่างจัง และทักว่าผีโพงแท้จริงแล้วคือใคร หาก
ผ่านพ้นมาได้หนึ่งวันแล้ว ผู้ที่เป็นผีโพงจะตาย
ผีโพงสามารถถ่ายทอดให้แก่กันได้ ด้วยพ่นน้าลายใส่หน้าหรือมีใครไปกินน้าลายของผีโพงเข้า
MANU
- 23. ผีหลังกลวง เป็นผีตามความเชื่อของชาวไทยภาคใต้ เชื่อว่ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนทั่วไป
แต่ที่หลังมีลักษณะกลวงโบ๋ อาศัยอยู่เป็นฝูง ๆ มักปรากฏเข้ามาพูดคุยหรือขอพักค้างแรมด้วย
กับคนที่เข้ามาในป่า
มีนิทานเล่าว่า มีผู้ชายคนหนึ่งได้เข้าไปพักค้างแรมในป่า และเจอกับผีหลังกลวงมาขอปลา
วิธีการไล่คือ เอาก้อนเส้า (หินที่ใช้ก่อกองไฟ) ใส่เข้าไปในหลังที่กลวง
MANU