บทที่ 32
- 1. องค์ประกอบด้านซอฟต์แวร์
ซอฟต์แวร์ คือ กลุ่มของชุดคําสังทีเขียนขึนเพือให้คอมพิวเตอร์ทํางานได้ตามต้องการ การที
คอมพิวเตอร์ทํางานได้อย่างอัตโนมัติโดยทีมนุษย์ไม่ต้องเข้าไปเกียวข้องในการประมวลผลนัน
เป็นผลจากการทํางานของซอฟต์แวร์นันเอง โดยปกติแล้วผู้เขียนชุดคําสังนีขึนมาเรามักเรียกว่า นักเขียน
โปรแกรม
การจัดหาซอฟต์แวร์มาใช้งาน
โดยปกติแล้วเราสามารถหาซอฟต์แวร์มาใช้งานได้หลาย ๆ วิธี ซึงอาจจะอยู่ในรูปแบบของการ
สังซือโดยตรงกับบริษัทผู้ผลิตหรื
วิธีการเลือกซอฟต์แวร์มาใช้งานได้ดังนี
1. แบบสําเร็จรูป
วิธีการนีผู้ใช้งานสามารถทีจะเข้าไปเดินหาซือได้กับตัวแทนจําหน่ายซอฟต์แวร์ทีได้รับการ
แต่งตังจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ซึงมักจะมีการเตรียมบรร
ผู้ใช้สามารถทีจะหยิบเลือกซือได้เมือพอใจในตัวสินค้าซอฟต์แวร์นันๆ และนําไปติดตังเพือใช้งานได้โดย
ทันที กรณีทีไม่สามารถเลือกซือผ่านร้านตัวแทนจําหน่ายได้ อาจเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิต
ซอฟต์แวร์นันๆ แล้วกรอกข้อมูลรายการชําระเงินผ่านแบบฟอร์มบนเว็บ เมือรายละเอียดเกียวกับการจ่าย
ชําระเงินของผู้ซือได้รับการอนุมัติก็สามารถนําเอาซอฟต์แวร์ดังกล่าวมาใช้ได้ทันที
บทที 3
ซอฟต์แวร์ คือ กลุ่มของชุดคําสังทีเขียนขึนเพือให้คอมพิวเตอร์ทํางานได้ตามต้องการ การที
คอมพิวเตอร์ทํางานได้อย่างอัตโนมัติโดยทีมนุษย์ไม่ต้องเข้าไปเกียวข้องในการประมวลผลนัน
เป็นผลจากการทํางานของซอฟต์แวร์นันเอง โดยปกติแล้วผู้เขียนชุดคําสังนีขึนมาเรามักเรียกว่า นักเขียน
โดยปกติแล้วเราสามารถหาซอฟต์แวร์มาใช้งานได้หลาย ๆ วิธี ซึงอาจจะอยู่ในรูปแบบของการ
สังซือโดยตรงกับบริษัทผู้ผลิตหรือใช้ตัวอย่างทดลองจากการดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ตได้ จึงพอสรุป
วิธีการเลือกซอฟต์แวร์มาใช้งานได้ดังนี
วิธีการนีผู้ใช้งานสามารถทีจะเข้าไปเดินหาซือได้กับตัวแทนจําหน่ายซอฟต์แวร์ทีได้รับการ
แต่งตังจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ซึงมักจะมีการเตรียมบรรจุภัณฑ์และเอกสารคู่มือการใช้งานไว้อยู่แล้ว
ผู้ใช้สามารถทีจะหยิบเลือกซือได้เมือพอใจในตัวสินค้าซอฟต์แวร์นันๆ และนําไปติดตังเพือใช้งานได้โดย
ทันที กรณีทีไม่สามารถเลือกซือผ่านร้านตัวแทนจําหน่ายได้ อาจเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิต
ข้อมูลรายการชําระเงินผ่านแบบฟอร์มบนเว็บ เมือรายละเอียดเกียวกับการจ่าย
ชําระเงินของผู้ซือได้รับการอนุมัติก็สามารถนําเอาซอฟต์แวร์ดังกล่าวมาใช้ได้ทันที
ซอฟต์แวร์ คือ กลุ่มของชุดคําสังทีเขียนขึนเพือให้คอมพิวเตอร์ทํางานได้ตามต้องการ การที
คอมพิวเตอร์ทํางานได้อย่างอัตโนมัติโดยทีมนุษย์ไม่ต้องเข้าไปเกียวข้องในการประมวลผลนัน ส่วนหนึง
เป็นผลจากการทํางานของซอฟต์แวร์นันเอง โดยปกติแล้วผู้เขียนชุดคําสังนีขึนมาเรามักเรียกว่า นักเขียน
โดยปกติแล้วเราสามารถหาซอฟต์แวร์มาใช้งานได้หลาย ๆ วิธี ซึงอาจจะอยู่ในรูปแบบของการ
อใช้ตัวอย่างทดลองจากการดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ตได้ จึงพอสรุป
วิธีการนีผู้ใช้งานสามารถทีจะเข้าไปเดินหาซือได้กับตัวแทนจําหน่ายซอฟต์แวร์ทีได้รับการ
จุภัณฑ์และเอกสารคู่มือการใช้งานไว้อยู่แล้ว
ผู้ใช้สามารถทีจะหยิบเลือกซือได้เมือพอใจในตัวสินค้าซอฟต์แวร์นันๆ และนําไปติดตังเพือใช้งานได้โดย
ทันที กรณีทีไม่สามารถเลือกซือผ่านร้านตัวแทนจําหน่ายได้ อาจเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิต
ข้อมูลรายการชําระเงินผ่านแบบฟอร์มบนเว็บ เมือรายละเอียดเกียวกับการจ่าย
- 2. 2. แบบว่าจ้างทํา
กรณีทีบางองค์กรมีลักษณะงานทีเป็นแบบเฉพาะของตนเองและไม่สามารถนําโปรแกรม
สําเร็จรูปมาประยุกต์ใช้ได้ ก็สามารถทีจะผลิตขึนมาเองหรือว่าจ้างให้บุคคลภายนอกทีมีความเชียวชาญ
โดยเฉพาะทําการผลิตซอฟต์แวร์ออกมาให้ตรงตามคุณสมบัติทีต้องการ ซึงวิธีการนีอาจมีค่าใช้จ่ายใ
ว่าจ้างให้เขียนซอฟต์แวร์ทีมีต้นทุนแพงกว่าแบบสําเร็จรูปอยู่พอสมควร
3. แบบทดลองใช้
ในการใช้งานโปรแกรม ผู้ใช้งานอาจมีความต้องการเพียงแค่อยาก ทดสอบการใช้งานของ
โปรแกรมนันๆ ก่อนว่าดีหรือไม่ และจะเหมาะสมกับงานทีทําอยู่อย่างไรบ้าง บริษัทผู้ผลิตจึงมักจะมี
โปรแกรมเพือให้ลูกค้าทดลองใช้งานก่อนได้ แต่อาจจะมีการกําหนดระยะเวลาทดลองใช้งานหรือ
เงือนไขอืนๆ เพิมเติมด้วย เช่น ใช้ได้ภายใน
ผู้ใช้สามารถทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซือได้ซอฟต์แวร์ประเภทนีส่วนใหญ่แล้วมักจะมีให้
อินเทอร์เน็ตโดยทัวไป ซึงจะหาได้ตามเว็บไซต์ของผู้ผลิตโดยตรงหรือเว็บไซต์ทีให้บริการดาวน์โหลด
ซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ
4. แบบใช้งานฟรี
ปัจจุบันเราสามารถเลือกหาโปรแกรมทีแจกให้ใช้กันฟรีๆ เพือตอบสนองกับการทํางานที
หลากหลายมาได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิงกั
โปรแกรมขนาดเล็กและใช้เวลาเพียงไม่กีนาที ซึงผู้ใช้ไม่จําเป็นต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้ผลิตแต่อย่างใด แต่
เนืองจากเป็นของทีให้ใช้กันฟรีๆ จึงอาจจะไม่มีคู่มือหรือเอกสารประกอบอย่างละเอียดเหมือนกับทีต้อง
เสียเงินซือ เนืองจากเป้ าหมายของผู้ผลิตคือ ต้องการพัฒนาโปรแกรมเพือเผยแพร่ผลงานของตนเองให้
เป็นทีรู้จักมากยิงขึนและทดสอบระบบทีพัฒนาเพียงเท่านัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะแจกให้ใช้ฟรี
ซอฟต์แวร์ประเภทนีลิขสิทธิก็ยังเป็นของบริษัทผู้ผลิตอยู่ ไม่สามารถนําไปพัฒนาต่อหรือแ
เปลียนแปลงภายใต้เงือนไขทีกําหนดให้
5. แบบโอเพ่นซอร์ส
ในบางองค์กรทีมีกลุ่มบุคคลผู้มีความรู้และความเชียวชาญทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์
พอสมควร หากต้องการใช้ซอฟต์แวร์แต่ไม่ต้องการเสียเวลาในการพัฒนาทียาวนานจนเกินไป อาจจะ
เลือกใช้กลุ่มของซอฟต์แวร์ทีมีการเ
การละเมิดลิขสิทธิใดๆ ด้วย ซึงบางครังเรียกซอฟต์แวร์กลุ่มนีว่า โอเพ่นซอร์ส ซึงผู้ใช้งานสามารถทีจะ
นําเอาโค้ดต่างๆ ไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ได้ตามความต้องการได้ภายใต้เงือนไขทีกําหนดหรือระบุไว้
ของผู้ผลิตดังเดิม
กรณีทีบางองค์กรมีลักษณะงานทีเป็นแบบเฉพาะของตนเองและไม่สามารถนําโปรแกรม
สําเร็จรูปมาประยุกต์ใช้ได้ ก็สามารถทีจะผลิตขึนมาเองหรือว่าจ้างให้บุคคลภายนอกทีมีความเชียวชาญ
โดยเฉพาะทําการผลิตซอฟต์แวร์ออกมาให้ตรงตามคุณสมบัติทีต้องการ ซึงวิธีการนีอาจมีค่าใช้จ่ายใ
ว่าจ้างให้เขียนซอฟต์แวร์ทีมีต้นทุนแพงกว่าแบบสําเร็จรูปอยู่พอสมควร
ในการใช้งานโปรแกรม ผู้ใช้งานอาจมีความต้องการเพียงแค่อยาก ทดสอบการใช้งานของ
โปรแกรมนันๆ ก่อนว่าดีหรือไม่ และจะเหมาะสมกับงานทีทําอยู่อย่างไรบ้าง บริษัทผู้ผลิตจึงมักจะมี
กรมเพือให้ลูกค้าทดลองใช้งานก่อนได้ แต่อาจจะมีการกําหนดระยะเวลาทดลองใช้งานหรือ
เงือนไขอืนๆ เพิมเติมด้วย เช่น ใช้ได้ภายใน 30 วัน หรือปรับลดคุณสมบัติบางอย่างลงไป วิธีการนีทําให้
ผู้ใช้สามารถทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซือได้ซอฟต์แวร์ประเภทนีส่วนใหญ่แล้วมักจะมีให้
อินเทอร์เน็ตโดยทัวไป ซึงจะหาได้ตามเว็บไซต์ของผู้ผลิตโดยตรงหรือเว็บไซต์ทีให้บริการดาวน์โหลด
ปัจจุบันเราสามารถเลือกหาโปรแกรมทีแจกให้ใช้กันฟรีๆ เพือตอบสนองกับการทํางานที
หลากหลายมาได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิงกับแหล่งบริการดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ต ซึงมักจะเป็น
โปรแกรมขนาดเล็กและใช้เวลาเพียงไม่กีนาที ซึงผู้ใช้ไม่จําเป็นต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้ผลิตแต่อย่างใด แต่
เนืองจากเป็นของทีให้ใช้กันฟรีๆ จึงอาจจะไม่มีคู่มือหรือเอกสารประกอบอย่างละเอียดเหมือนกับทีต้อง
เนืองจากเป้ าหมายของผู้ผลิตคือ ต้องการพัฒนาโปรแกรมเพือเผยแพร่ผลงานของตนเองให้
เป็นทีรู้จักมากยิงขึนและทดสอบระบบทีพัฒนาเพียงเท่านัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะแจกให้ใช้ฟรี
ซอฟต์แวร์ประเภทนีลิขสิทธิก็ยังเป็นของบริษัทผู้ผลิตอยู่ ไม่สามารถนําไปพัฒนาต่อหรือแ
เปลียนแปลงภายใต้เงือนไขทีกําหนดให้
แบบโอเพ่นซอร์ส
ในบางองค์กรทีมีกลุ่มบุคคลผู้มีความรู้และความเชียวชาญทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์
พอสมควร หากต้องการใช้ซอฟต์แวร์แต่ไม่ต้องการเสียเวลาในการพัฒนาทียาวนานจนเกินไป อาจจะ
เลือกใช้กลุ่มของซอฟต์แวร์ทีมีการเปิดให้แก้ไขปรับปรุงตัวโปรแกรมต่างๆ ได้เอง อีกทังยังไม่ถือว่าเป็น
การละเมิดลิขสิทธิใดๆ ด้วย ซึงบางครังเรียกซอฟต์แวร์กลุ่มนีว่า โอเพ่นซอร์ส ซึงผู้ใช้งานสามารถทีจะ
นําเอาโค้ดต่างๆ ไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ได้ตามความต้องการได้ภายใต้เงือนไขทีกําหนดหรือระบุไว้
กรณีทีบางองค์กรมีลักษณะงานทีเป็นแบบเฉพาะของตนเองและไม่สามารถนําโปรแกรม
สําเร็จรูปมาประยุกต์ใช้ได้ ก็สามารถทีจะผลิตขึนมาเองหรือว่าจ้างให้บุคคลภายนอกทีมีความเชียวชาญ
โดยเฉพาะทําการผลิตซอฟต์แวร์ออกมาให้ตรงตามคุณสมบัติทีต้องการ ซึงวิธีการนีอาจมีค่าใช้จ่ายในการ
ในการใช้งานโปรแกรม ผู้ใช้งานอาจมีความต้องการเพียงแค่อยาก ทดสอบการใช้งานของ
โปรแกรมนันๆ ก่อนว่าดีหรือไม่ และจะเหมาะสมกับงานทีทําอยู่อย่างไรบ้าง บริษัทผู้ผลิตจึงมักจะมี
กรมเพือให้ลูกค้าทดลองใช้งานก่อนได้ แต่อาจจะมีการกําหนดระยะเวลาทดลองใช้งานหรือ
วัน หรือปรับลดคุณสมบัติบางอย่างลงไป วิธีการนีทําให้
ผู้ใช้สามารถทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซือได้ซอฟต์แวร์ประเภทนีส่วนใหญ่แล้วมักจะมีให้ดาวน์โหลดจาก
อินเทอร์เน็ตโดยทัวไป ซึงจะหาได้ตามเว็บไซต์ของผู้ผลิตโดยตรงหรือเว็บไซต์ทีให้บริการดาวน์โหลด
ปัจจุบันเราสามารถเลือกหาโปรแกรมทีแจกให้ใช้กันฟรีๆ เพือตอบสนองกับการทํางานที
บแหล่งบริการดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ต ซึงมักจะเป็น
โปรแกรมขนาดเล็กและใช้เวลาเพียงไม่กีนาที ซึงผู้ใช้ไม่จําเป็นต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้ผลิตแต่อย่างใด แต่
เนืองจากเป็นของทีให้ใช้กันฟรีๆ จึงอาจจะไม่มีคู่มือหรือเอกสารประกอบอย่างละเอียดเหมือนกับทีต้อง
เนืองจากเป้ าหมายของผู้ผลิตคือ ต้องการพัฒนาโปรแกรมเพือเผยแพร่ผลงานของตนเองให้
เป็นทีรู้จักมากยิงขึนและทดสอบระบบทีพัฒนาเพียงเท่านัน อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะแจกให้ใช้ฟรี
ซอฟต์แวร์ประเภทนีลิขสิทธิก็ยังเป็นของบริษัทผู้ผลิตอยู่ ไม่สามารถนําไปพัฒนาต่อหรือแก้ไข
ในบางองค์กรทีมีกลุ่มบุคคลผู้มีความรู้และความเชียวชาญทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์
พอสมควร หากต้องการใช้ซอฟต์แวร์แต่ไม่ต้องการเสียเวลาในการพัฒนาทียาวนานจนเกินไป อาจจะ
ปิดให้แก้ไขปรับปรุงตัวโปรแกรมต่างๆ ได้เอง อีกทังยังไม่ถือว่าเป็น
การละเมิดลิขสิทธิใดๆ ด้วย ซึงบางครังเรียกซอฟต์แวร์กลุ่มนีว่า โอเพ่นซอร์ส ซึงผู้ใช้งานสามารถทีจะ
นําเอาโค้ดต่างๆ ไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ได้ตามความต้องการได้ภายใต้เงือนไขทีกําหนดหรือระบุไว้
- 3. เป็นซอฟต์แวร์ทีเอาไว้ใช้สําหรับควบคุมและประสานงานระหว่างอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์
ทังหมด ตังแต่ซีพียู หน่วยความจํา ไปจนถึงส่วนนําเข้าและส่งออกผลลัพธ์ บางครังก็นิยมเรียกรวมๆ ว่า
แพลตฟอร์ม คอมพิวเตอร์จะทํางานได้จําเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการติดตังอยู่ในเครืองเสียก่อน ซึงก็
ขึนอยู่ระบบปฏิบัติการอยู่ในคอมพิวเตอร์แทบจะทุกประเภทตังแต่เครืองขนาดใหญ่อย่างเครือง
เมนเฟรมจนถึงระดับเล็กสุด เช่น เครืองคอมพิวเตอร์พกพาประเภทพีดีเอ
คุณสมบัติการทํางาน
ระบบปฏิบัติการโดยทัวไปจะมีคุณสมบัติในการทํางานแบบต่างๆ ดังต่อไปนี
1. การทํางานแบบ Multi
ความสามารถในการทํางานได้หลายๆ งาน หรือหลายๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน เช่น พิมพ์
รายงานควบคู่ไปกับการท่องเว็บ ซึงในสมัยก่อนการทํางานของระบบปฏิบัติการจะอยู่ในรูปแบบที
เรียกว่า single-tasking ซึงจะทํางานทีละโปรแกรมคําสัง ผู้ใช้ไม่สามารถทีจะสลับงานไประหว่าง
โปรแกรมหรือทํางานควบคู่กันได้ แต่สําหรับในปัจจุบันจะพบเห็นลักษณะการทํางานแบบนีมากขึน
เช่น ในระบบปฏิบัติการ Windows
โปรแกรม
ระบบปฏิบัติการ (OS)
เป็นซอฟต์แวร์ทีเอาไว้ใช้สําหรับควบคุมและประสานงานระหว่างอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์
ทังหมด ตังแต่ซีพียู หน่วยความจํา ไปจนถึงส่วนนําเข้าและส่งออกผลลัพธ์ บางครังก็นิยมเรียกรวมๆ ว่า
แพลตฟอร์ม คอมพิวเตอร์จะทํางานได้จําเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการติดตังอยู่ในเครืองเสียก่อน ซึงก็
ขึนอยู่ระบบปฏิบัติการอยู่ในคอมพิวเตอร์แทบจะทุกประเภทตังแต่เครืองขนาดใหญ่อย่างเครือง
เมนเฟรมจนถึงระดับเล็กสุด เช่น เครืองคอมพิวเตอร์พกพาประเภทพีดีเอ
ระบบปฏิบัติการโดยทัวไปจะมีคุณสมบัติในการทํางานแบบต่างๆ ดังต่อไปนี
Multi – Tasking
ความสามารถในการทํางานได้หลายๆ งาน หรือหลายๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน เช่น พิมพ์
รายงานควบคู่ไปกับการท่องเว็บ ซึงในสมัยก่อนการทํางานของระบบปฏิบัติการจะอยู่ในรูปแบบที
ซึงจะทํางานทีละโปรแกรมคําสัง ผู้ใช้ไม่สามารถทีจะสลับงานไประหว่าง
หรือทํางานควบคู่กันได้ แต่สําหรับในปัจจุบันจะพบเห็นลักษณะการทํางานแบบนีมากขึน
Windows รุ่นใหม่ๆ ซึงทําให้การใช้งานได้สะดวกและทํางานได้หลายๆ
เป็นซอฟต์แวร์ทีเอาไว้ใช้สําหรับควบคุมและประสานงานระหว่างอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์
ทังหมด ตังแต่ซีพียู หน่วยความจํา ไปจนถึงส่วนนําเข้าและส่งออกผลลัพธ์ บางครังก็นิยมเรียกรวมๆ ว่า
แพลตฟอร์ม คอมพิวเตอร์จะทํางานได้จําเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการติดตังอยู่ในเครืองเสียก่อน ซึงก็
ขึนอยู่ระบบปฏิบัติการอยู่ในคอมพิวเตอร์แทบจะทุกประเภทตังแต่เครืองขนาดใหญ่อย่างเครือง
ระบบปฏิบัติการโดยทัวไปจะมีคุณสมบัติในการทํางานแบบต่างๆ ดังต่อไปนี
ความสามารถในการทํางานได้หลายๆ งาน หรือหลายๆ โปรแกรมในเวลาเดียวกัน เช่น พิมพ์
รายงานควบคู่ไปกับการท่องเว็บ ซึงในสมัยก่อนการทํางานของระบบปฏิบัติการจะอยู่ในรูปแบบที
ซึงจะทํางานทีละโปรแกรมคําสัง ผู้ใช้ไม่สามารถทีจะสลับงานไประหว่าง
หรือทํางานควบคู่กันได้ แต่สําหรับในปัจจุบันจะพบเห็นลักษณะการทํางานแบบนีมากขึน
รุ่นใหม่ๆ ซึงทําให้การใช้งานได้สะดวกและทํางานได้หลายๆ
- 4. 2. การทํางานแบบ Multi
ในระบบการเชือมโยงคอมพิวเตอร์เข้าไว้ด้วยกันแบบเครือข่าย ระบบปฏิบัติการทีทําหน้าที
ควบคุมจะมีคุณสมบัติอย่างหนึงทีเรียกว่า
คน ขณะทีมีการประมวลผลของงานพร้อมๆ กัน ทําให้กระจายการใช้ได้ทัวถึงมากยิงขึน
ประเภทของระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการทีใช้กันโดยทัวไปในปัจจุบัน อาจนําเอาไปใช้ได้กับคอมพิวเตอร์หลากหลาย
ชนิด ตังแต่เครืองคอมพิวเตอร์ระดับใหญ่จนถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก ซึงอาจแบ่งออกได้
เป็น 3 ประเภท ดังนี
ระบบปฏิบัติการแบบเดียว
เป็นระบบปฏิบัติการทีมุ่งเน้นและให้บริการสําหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว นิยมใช้สําหรับเครือง
คอมพิวเตอร์ทีประมวลผลและทํางานแบบทัวไป เช่น เครืองคอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสํานักงาน ซึงจะ
ถูกติดตังระบบปฏิบัติการนีรองรับการทํางานบางอย่าง เช่น พิมพ์รายงาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือเชือมต่
เข้ากับอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ปัจจุบันพัฒนาให้มีคุณสมบัติทีเป็นลูกข่ายเพือขอรับบริการจากเครืองแม่ข่าย
ได้ด้วย
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเดียว ได้แก่
Mac OS X / Linux
Multi – User
ในระบบการเชือมโยงคอมพิวเตอร์เข้าไว้ด้วยกันแบบเครือข่าย ระบบปฏิบัติการทีทําหน้าที
ควบคุมจะมีคุณสมบัติอย่างหนึงทีเรียกว่า multi-user หรือความสามารถในการทํางานกับผู้ใช้ได้หลายๆ
คน ขณะทีมีการประมวลผลของงานพร้อมๆ กัน ทําให้กระจายการใช้ได้ทัวถึงมากยิงขึน
ระบบปฏิบัติการทีใช้กันโดยทัวไปในปัจจุบัน อาจนําเอาไปใช้ได้กับคอมพิวเตอร์หลากหลาย
ชนิด ตังแต่เครืองคอมพิวเตอร์ระดับใหญ่จนถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก ซึงอาจแบ่งออกได้
ติการทีมุ่งเน้นและให้บริการสําหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว นิยมใช้สําหรับเครือง
คอมพิวเตอร์ทีประมวลผลและทํางานแบบทัวไป เช่น เครืองคอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสํานักงาน ซึงจะ
ถูกติดตังระบบปฏิบัติการนีรองรับการทํางานบางอย่าง เช่น พิมพ์รายงาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือเชือมต่
เข้ากับอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ปัจจุบันพัฒนาให้มีคุณสมบัติทีเป็นลูกข่ายเพือขอรับบริการจากเครืองแม่ข่าย
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเดียว ได้แก่ DOS (Disk Operating System) / Windows / Unix /
ในระบบการเชือมโยงคอมพิวเตอร์เข้าไว้ด้วยกันแบบเครือข่าย ระบบปฏิบัติการทีทําหน้าที
หรือความสามารถในการทํางานกับผู้ใช้ได้หลายๆ
คน ขณะทีมีการประมวลผลของงานพร้อมๆ กัน ทําให้กระจายการใช้ได้ทัวถึงมากยิงขึน
ระบบปฏิบัติการทีใช้กันโดยทัวไปในปัจจุบัน อาจนําเอาไปใช้ได้กับคอมพิวเตอร์หลากหลาย
ชนิด ตังแต่เครืองคอมพิวเตอร์ระดับใหญ่จนถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก ซึงอาจแบ่งออกได้
ติการทีมุ่งเน้นและให้บริการสําหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว นิยมใช้สําหรับเครือง
คอมพิวเตอร์ทีประมวลผลและทํางานแบบทัวไป เช่น เครืองคอมพิวเตอร์ตามบ้านหรือสํานักงาน ซึงจะ
ถูกติดตังระบบปฏิบัติการนีรองรับการทํางานบางอย่าง เช่น พิมพ์รายงาน ดูหนัง ฟังเพลง หรือเชือมต่อ
เข้ากับอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ปัจจุบันพัฒนาให้มีคุณสมบัติทีเป็นลูกข่ายเพือขอรับบริการจากเครืองแม่ข่าย
DOS (Disk Operating System) / Windows / Unix /
- 5. ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย
เป็นระบบปฏิบัติการทีมุ่งเน้นและให้บริการสําหรับผู้ใช้หลายๆ คน นิยมใช้สําหรับ
งานให้บริการและประมวลผลข้อมูลสําหรับเครือข่ายโดยเฉพาะ มักพบเห็นได้กับการนําไป
ใช้ในองค์กรธุรกิจทัวไป เครืองคอมพิวเตอร์ทีติดตังระบบปฏิบัติการเหล่านี
เป็นเสมือนเครืองแม่ข่ายทีให้บริการข้อมูลต่างๆ ทีจําเป็นสําหรับผู้ใช้นันเอง
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย ได้แก่
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง
เป็นระบบปฏิบัติการทีพบเห็นได้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก เช่น พีดีเอหรือ
Smart phone บางรุ่น สามารถช่วยในการทํางานของอุปกรณ์แบบไม่ประจําทีเหล่านีได้เป็นอย่างดี เกิด
ขึนมาหลังสุดพร้อมๆ กับทีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาเหล่านีได้รับความนิยมมากขึน บางระบบมี
คุณสมบัติทีใกล้เคียงกับระบบปฏิบัติการแบบเดียวด้วย เช่น รองรับกับการทํางานทัวไป ดูหนัง ฟังเพลง
หรือเชือมต่ออินเทอร์เน็ตได้
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง มักจะพบเห็นการใช้งานของระบบปฏิบัติการแบบฝังนีกับอุปกรณ์
คอมพิวเตอร์ขนาดพกพา เช่น Palm, pocket PC, Smart phone
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย ได้แก่
/ Palm OS / Symbian OS
โปรแกรมอรรถประโยชน์ /
เป็ นโปรแกรมทีสําคัญกับการทํางานของระบบคอมพิวเตอร์
เช่นเดียวกันส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกว่าระบบปฏิบัติการคุณสมบัติในการใช้
งานนันค่อนข้างหลากหลายหรือใช้งานได้แบบอรรถประโยชน์มักนิยมเรียก
สันๆ ว่า ยูทิลิตี แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
เป็นระบบปฏิบัติการทีมุ่งเน้นและให้บริการสําหรับผู้ใช้หลายๆ คน นิยมใช้สําหรับ
งานให้บริการและประมวลผลข้อมูลสําหรับเครือข่ายโดยเฉพาะ มักพบเห็นได้กับการนําไป
ใช้ในองค์กรธุรกิจทัวไป เครืองคอมพิวเตอร์ทีติดตังระบบปฏิบัติการเหล่านีเรียกว่า เครือง
เป็นเสมือนเครืองแม่ข่ายทีให้บริการข้อมูลต่างๆ ทีจําเป็นสําหรับผู้ใช้นันเอง
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย ได้แก่ Windows Server / OS/2 Warp Server / Solaris
เป็นระบบปฏิบัติการทีพบเห็นได้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก เช่น พีดีเอหรือ
บางรุ่น สามารถช่วยในการทํางานของอุปกรณ์แบบไม่ประจําทีเหล่านีได้เป็นอย่างดี เกิด
ขึนมาหลังสุดพร้อมๆ กับทีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาเหล่านีได้รับความนิยมมากขึน บางระบบมี
คุณสมบัติทีใกล้เคียงกับระบบปฏิบัติการแบบเดียวด้วย เช่น รองรับกับการทํางานทัวไป ดูหนัง ฟังเพลง
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง มักจะพบเห็นการใช้งานของระบบปฏิบัติการแบบฝังนีกับอุปกรณ์
Palm, pocket PC, Smart phone รวมถึงอุปกรณ์ขนาดเล็กอืนๆ
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย ได้แก่ Pocket PC OS (Windows CE
Symbian OS
/ โปรแกรมยูทิลิตี
โปรแกรมทีสําคัญกับการทํางานของระบบคอมพิวเตอร์
เช่นเดียวกันส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกว่าระบบปฏิบัติการคุณสมบัติในการใช้
งานนันค่อนข้างหลากหลายหรือใช้งานได้แบบอรรถประโยชน์มักนิยมเรียก
ชนิด คือ
เป็นระบบปฏิบัติการทีมุ่งเน้นและให้บริการสําหรับผู้ใช้หลายๆ คน นิยมใช้สําหรับ
งานให้บริการและประมวลผลข้อมูลสําหรับเครือข่ายโดยเฉพาะ มักพบเห็นได้กับการนําไป
เรียกว่า เครือง server ซึง
Windows Server / OS/2 Warp Server / Solaris
เป็นระบบปฏิบัติการทีพบเห็นได้ในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาขนาดเล็ก เช่น พีดีเอหรือ
บางรุ่น สามารถช่วยในการทํางานของอุปกรณ์แบบไม่ประจําทีเหล่านีได้เป็นอย่างดี เกิด
ขึนมาหลังสุดพร้อมๆ กับทีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาเหล่านีได้รับความนิยมมากขึน บางระบบมี
คุณสมบัติทีใกล้เคียงกับระบบปฏิบัติการแบบเดียวด้วย เช่น รองรับกับการทํางานทัวไป ดูหนัง ฟังเพลง
ระบบปฏิบัติการแบบฝัง มักจะพบเห็นการใช้งานของระบบปฏิบัติการแบบฝังนีกับอุปกรณ์
รวมถึงอุปกรณ์ขนาดเล็กอืนๆ
Pocket PC OS (Windows CE เดิม)
- 7. - ประเภทการสแกนดิสก์ เมือใดก็ตามทีอุปกรณ์สํารองข้อมูลของเครืองคอมพิวเตอร์ เช่น
หรือฟล็อปปีดิสก์เกิดปัญหาในการใช้งานขึนยูทิลิตีประเภทนีจะทําการสแกนหาข้อผิดพลาดต่างๆ เหล่านัน
พร้อมทังหาทางแก้ปัญหานันให้ด้วย ยูทิลิตีประเภทสแกนดิสก์อาจพบเห็นได้กับการเอาไปใช้เพือสแกนหาไฟล์
ทีไม่ต้องการใช้งาน ซึงอาจเกิดขึนได้เป็นจํานวนมาก
เพือให้มีพืนทีเก็บบันทึกข้อมูลเหลือคืนมา เราอาจเลือกใช้โปรแกรม เช่น
ไฟล์เหล่านันออกไปจากระบบเพือกันพืนทีไว้เก็บข้อมูลทีจําเป็นใหม่ๆ อีกได้
- ประเภทการจัดเรียงพืนทีเก็บข้อมูล
ดิสก์ของคอมพิวเตอร์นันเมือมีการเรียกใช้งานอยู่บ่อยๆ
ไฟล์ข้อมูลอย่างไม่เป็นระเบียบและไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันเมือต้องการเรียกใช้อีกในภายหลัง
จะทําให้เวลาในการดึงข้อมูลนันๆ ช้าลงโปรแกรมยูทิลิตีประเภทนีจะคอยทําหน้าทีจัดเรียงไฟล์
เหล่านีเสียใหม่ให้เป็นระเบียบมากขึนเพือช่ว
เมือใดก็ตามทีอุปกรณ์สํารองข้อมูลของเครืองคอมพิวเตอร์ เช่น
หรือฟล็อปปีดิสก์เกิดปัญหาในการใช้งานขึนยูทิลิตีประเภทนีจะทําการสแกนหาข้อผิดพลาดต่างๆ เหล่านัน
พร้อมทังหาทางแก้ปัญหานันให้ด้วย ยูทิลิตีประเภทสแกนดิสก์อาจพบเห็นได้กับการเอาไปใช้เพือสแกนหาไฟล์
ทีไม่ต้องการใช้งาน ซึงอาจเกิดขึนได้เป็นจํานวนมากเมือเราใช้คอมพิวเตอร์ทํางานไปสักระยะเวลาหนึงดังนัน
เพือให้มีพืนทีเก็บบันทึกข้อมูลเหลือคืนมา เราอาจเลือกใช้โปรแกรม เช่น Disk Cleanup ทําการสํารวจและกําจัด
ไฟล์เหล่านันออกไปจากระบบเพือกันพืนทีไว้เก็บข้อมูลทีจําเป็นใหม่ๆ อีกได้
ประเภทการจัดเรียงพืนทีเก็บข้อมูล เป็นยูทิลิตีทีมีประโยชน์ในการใช้งานอย่างมากเพราะ
ดิสก์ของคอมพิวเตอร์นันเมือมีการเรียกใช้งานอยู่บ่อยๆจะทําให้เกิดการกระจัดกระจายของ
ไฟล์ข้อมูลอย่างไม่เป็นระเบียบและไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันเมือต้องการเรียกใช้อีกในภายหลัง
จะทําให้เวลาในการดึงข้อมูลนันๆ ช้าลงโปรแกรมยูทิลิตีประเภทนีจะคอยทําหน้าทีจัดเรียงไฟล์
เหล่านีเสียใหม่ให้เป็นระเบียบมากขึนเพือช่วยให้การเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวง่ายและเร็วกว่าเดิม
เมือใดก็ตามทีอุปกรณ์สํารองข้อมูลของเครืองคอมพิวเตอร์ เช่นฮาร์ดดิสก์
หรือฟล็อปปีดิสก์เกิดปัญหาในการใช้งานขึนยูทิลิตีประเภทนีจะทําการสแกนหาข้อผิดพลาดต่างๆ เหล่านัน
พร้อมทังหาทางแก้ปัญหานันให้ด้วย ยูทิลิตีประเภทสแกนดิสก์อาจพบเห็นได้กับการเอาไปใช้เพือสแกนหาไฟล์
เมือเราใช้คอมพิวเตอร์ทํางานไปสักระยะเวลาหนึงดังนัน
ทําการสํารวจและกําจัด
เป็นยูทิลิตีทีมีประโยชน์ในการใช้งานอย่างมากเพราะ
จะทําให้เกิดการกระจัดกระจายของ
ไฟล์ข้อมูลอย่างไม่เป็นระเบียบและไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มก้อนเดียวกันเมือต้องการเรียกใช้อีกในภายหลัง
จะทําให้เวลาในการดึงข้อมูลนันๆ ช้าลงโปรแกรมยูทิลิตีประเภทนีจะคอยทําหน้าทีจัดเรียงไฟล์
ยให้การเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวง่ายและเร็วกว่าเดิม
- 8. - ประเภทรักษาหน้าจอ
เดิมโดยไม่มีการเคลือนไหวใดๆเกิดขึนเป็นเวลานาน
และไม่สามารถลบหายออกไปได้เมือปล่อยทิงไว้นานเข้าอาจส่งผลให้อายุการใช้งานของหน้า
จอคอมพิวเตอร์สันลงตามไปด้วยโปรแกรมประเภทรักษาหน้าจอหรือ
ปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์สา
เริมทํางานได้หากไม่มีการเคลือนไหวใดๆ ของจอภาพ เช่น
ขยับเมาส์หรือเริมทีจะนังทํางานใหม่ โปรแกรมดังกล่าวก็จะหายไปภาพเคลือนไหวต่างๆทีใช้สําหรับ
รักษาหน้าจอสามารถเลือกลวดลายหรือรู
การใช้งานของบุคคลทีสามอาจใช้การตังรหัสผ่านของโปรแกรมรักษาหน้าจอเอาไว้ด้วย
ประเภทรักษาหน้าจอ จอภาพของคอมพิวเตอร์เมือเราเปิดทํางานและปล่อยทิงให้แสดงภาพ
เดิมโดยไม่มีการเคลือนไหวใดๆเกิดขึนเป็นเวลานานจะทําให้เกิดรอยไหม้บนสารเรืองแสงทีฉาบผิวจอ
และไม่สามารถลบหายออกไปได้เมือปล่อยทิงไว้นานเข้าอาจส่งผลให้อายุการใช้งานของหน้า
จอคอมพิวเตอร์สันลงตามไปด้วยโปรแกรมประเภทรักษาหน้าจอหรือ Screen Saver
ปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดีผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์สามารถตังค่าระยะเวลาให้โปรแกรมตรวจเช็คและ
เริมทํางานได้หากไม่มีการเคลือนไหวใดๆ ของจอภาพ เช่น 5 นาที หรือ 10
ขยับเมาส์หรือเริมทีจะนังทํางานใหม่ โปรแกรมดังกล่าวก็จะหายไปภาพเคลือนไหวต่างๆทีใช้สําหรับ
รักษาหน้าจอสามารถเลือกลวดลายหรือรูปแบบภาพได้ด้วยตนเองนอกจากนันแล้วเพือเป็นการป้ องกัน
การใช้งานของบุคคลทีสามอาจใช้การตังรหัสผ่านของโปรแกรมรักษาหน้าจอเอาไว้ด้วย
จอภาพของคอมพิวเตอร์เมือเราเปิดทํางานและปล่อยทิงให้แสดงภาพ
จะทําให้เกิดรอยไหม้บนสารเรืองแสงทีฉาบผิวจอ
และไม่สามารถลบหายออกไปได้เมือปล่อยทิงไว้นานเข้าอาจส่งผลให้อายุการใช้งานของหน้า
Screen Saver จะมาช่วยป้ องกัน
มารถตังค่าระยะเวลาให้โปรแกรมตรวจเช็คและ
10 นาที เป็นต้นเมือเราทําการ
ขยับเมาส์หรือเริมทีจะนังทํางานใหม่ โปรแกรมดังกล่าวก็จะหายไปภาพเคลือนไหวต่างๆทีใช้สําหรับ
ปแบบภาพได้ด้วยตนเองนอกจากนันแล้วเพือเป็นการป้ องกัน
การใช้งานของบุคคลทีสามอาจใช้การตังรหัสผ่านของโปรแกรมรักษาหน้าจอเอาไว้ด้วย
- 9. 2.ยูทิลิตีอืนๆ เป็นยูทิลิตีทีช่วยให้เครืองคอมพิวเตอร์ทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- โปรแกรมป้ องกันไวรัสการใช้งานคอมพิวเตอร์ร่วมกับบุคคลอืนหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิง
เมือประยุกต์ใช้กับระบบเครือข่าย ปัญหาทีพบบ่อยมากทีสุด ก็คือไวรัสคอมพิวเตอร์ ซึงเป็นชุดคําสัง
ประเภทหนึงทีมีผู้ทีไม่ประสงค์ดีเขียนขึนมาเพือทําให้ประสิทธิภาพในการทํางานของคอมพิวเตอร์ลดลง
หรือไม่สามารถทํางานต่าง ๆ ได้ จึงมีผู้พัฒนาโปรแกรมไว้ใช้เพือแก้ไขปัญหาดังกล่าวเรียกว่า โปรแกรม
ป้ องกันไวรัส การใช้คอมพิวเตอร์โดยทัวไปควรจะมีการติดตังโปรแกรมนีไว้ภายในเครืองด้วย อย่างไรก็ดี
ไวรัสคอมพิวเตอร์นันเกิดขึนใหม่อยู่ตลอดเวลา โปรแกรมบางรุ่นอาจไม่สามารถตรวจพบไวรัสบางตัวได้
ซึงเป็นเพราะว่าผลิตขึนมาก่อนทีไวรัสตัวนันจะแพร่กระจาย ผู้ใช้จึงจําเป็นต้องอัพเดทข้อมูลบอกให้กับ
โปรแกรมเหล่านีทราบด้วยเพือให้ทํางานได้อย่างสมบูรณ์นันเอง (โปรแกรมป้ องกันไวรัสจะมีส่วนของ
การอัพเดทข้อมูลแบบออนไลน์จากเว็บของเจ้าของโปรแกรมให้กับผู้ใช้ไว้ด้วยเสมอ)
- โปรแกรมไฟร์วอลล์การใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายทีแพร่หลาย
มากยิงขึน เป็นเหตุผลหนึงทีทําให้ผู้ไม่ประสงค์ดีบุกรุกเข้ามาใช้เครืองคอมพิวเตอร์
ของเราได้ ดังนันเพือเป็นการป้ องกันการบุกรุกดังกล่าว เราสามารถหาโปรแกรม
ประเภทไฟร์วอลล์มาป้ องกันได้ เนืองจากมีคุณสมบัติเกียวกับป้ องกันการบุกรุก การ
ติดตาม ตลอดจนตรวจสอบรายการต่างๆ ของผู้บุกรุกได้
- 10. - โปรแกรมบีบอัดไฟล์ เป็นลักษณะของโปรแกรมทีทําหน้าทีบีบอัดไฟล์ให้มีขนาดเล็ก
ลงนันเอง ไฟล์ทีได้จากการบีบอัดไฟล์นีบางครังนิยมเรียกว่า ซิปไฟล์ ตัวอย่างของยูทิลิตีทีนิยม
ใช้และรู้จักกันเป็นอย่างดี เช่น PKZip, Winzipเป็นต้น และแม้ในตัว Windows XP เองก็มี
ความสามารถในการบีบอัดไฟล์ระดับหนึงอยู่แล้ว เรียกว่าเป็น Compressed Folderนันเอง
ภาษาคอมพิวเตอร์
เป็นเครืองมือทีมนุษย์ใช้สือสารกับเครืองคอมพิวเตอร์ โดยแต่ละภาษา
จะมีลักษณะเฉพาะตัวทีชัดเจน มีคําศัพท์ทีใช้จํานวนจํากัด
ระดับของภาษา
1.ภาษาเครือง(Machine Languages)
2.ภาษาแอสแซมบลี(Assembly Languages)
3.ภาษาระดับสูง(High-level Languages)
4.ภาษาระดับสูงมาก(Very High-level Languages)
5.ภาษาธรรมชาติ(Natural Languages)
- 11. ยุคของภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์มีการพัฒนาหรือมีวิวัฒนาการมาโดย
ลําดับเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ โดยจะสามารถแบ่งออกเป็นยุคหรือ
เป็นรุ่นของภาษา ซึงในยุคหลังๆจะมีการพัฒนาภาษาให้มีความ
สะดวกในการอ่านและเขียนง่ายขึนกว่าภาษาในยุคแรกๆ
เนืองจากมีโครงสร้างภาษาใกล้เคียงกับภาษาอังกฤษจึง
สามารถแบ่งภาษาคอมพิวเตอร์ออกได้เป็น 5 ยุค ดังนี
1.ภาษาเครือง
2.ภาษาแอสเซมบลี
3.ภาษาชันสูง
4.ภาษาขันสูงมาก
5.ภาษาธรรมชาติ
ภาษาเครือง: เป็นภาษาทีมีระดับตําทีสุด โดยจะเขียนด้วยระบบฐานสอง ซึงมีเพียง 0 กับ 1 เท่านัน
ภาษาแอสแซมบลี: จัดเป็นภาษาระดับตํามาก ใช้ตัวย่อ หรือรหัสย่อในการเขียนโปรแกรม เช่น A คือ
รหัสของ Add, C คือ Compare เป็นต้น และตัวแปลภาษา Assembly คือ Assembler
คอมพิวเตอร์สามารถกระทําการได้เฉพาะภาษาเครืองเท่านัน ดังนันหากเราเขียนด้วยภาษาใดๆ ก็
ตามทีมิใช่ภาษาเครือง จะต้องใช้ตัวแปลภาษาเพือแปลภาษาโปรแกรมทีเขียนให้เป็นภาษาทีเครืองเข้าใจ
ภาษาระดับสูง: เป็นภาษาโปรแกรมยุคที 3 ทีเป็นภาษาระดับสูงโปรแกรมจะเขียนในลักษณะคล้าย
ภาษาอังกฤษ ทําให้เขียนได้ง่ายขึน และสําหรับตัวแปลภาษาโปรแกรมเหล่านีคือ คอมไพเลอร์ โดยคอมไพเลอร์
จะทําหน้าทีแปล Souce Program ให้เป็น Oject Program โดยแปลครังเดียว ยกตัวอย่างภาษาโปรแกรมระดับสูง
เช่น Fortran, Basic, pascal, C, Cobol
ภาษาระดับสูงมาก: เป็นภาษาโปรแกรมยุคที 4 ซึงเป็นภาษาระดับสูงมาก จัดเป็นภาษาไร้กระบวน
คําสัง หมายความว่าผู้ใช้เพียงบอกแต่ว่าให้คอมพิวเตอร์ทําอะไร ไม่ต้องบอกคอมพิวเตอร์ว่าสิงนันทําอย่างไร
เรียกว่าเป็นภาษาเชิงผลลัพธ์ คือเน้นว่าทําอะไร ไม่ใช่ทําอย่างไร ดังนันจึงเป็นภาษาโปรแกรมทีเขียนง่าย
ภาษาธรรมชาติ: เป็นภาษาโปรแกรมยุคที 5 ซึงคล้ายกับภาษาพูดตามธรรมชาติของคน การเขียน
โปรแกรมง่ายทีสุด คือการเขียนคําพูดของเราเองว่าเราต้องการอะไร ไม่ต้องใช้คําสังงานใดๆ เลย
- 12. 1. ภาษาเครือง
ก่อนปี ค.ศ.1952 มีภาษาคอมพิวเตอร์เพียงภาษาเดียวเท่านันคือ ภาษาเครือง ซึงเป็ น
ภาษาระดับตําทีสุดเพราะใช้เลขฐานสอง ซึงประกอบด้วยเลขฐานสองคือ 0 และ 1 ซึงจะสัมพันธ์กับการ
เปิดและการปิดของสัญญาณไฟฟ้ าภายในเครืองคอมพิวเตอร์แทนข้อมูลและคําสังต่างๆ ทังหมด จะเป็น
ภาษาทีขึนอยู่กับชนิดของเครืองคอมพิวเตอร์หรือหน่วยประมวลผลทีใช้ นันคือแต่ละเครืองก็จะมีรูปแบบ
ของคําสัง เฉพาะของตนเอง ซึงนักคํานวณและนักเขียนโปรแกรมในสมัยก่อน ต้องรู้จักวิธีทีจะรวมตัวเลข
เพือแทนคําสังต่างๆ ทําให้การเขียนโปรแกรมยุ่งยากมากเครืองคอมพิวเตอร์แต่ละประเภทจะมีภาษาเครือง
ทีเป็นของตนเอง ไม่สามารถนําภาษาเครืองทีใช้กับเครืองประเภทหนึงไปใช้กับเครืองประเภทอืนได้
เนืองจากแต่ละระบบก็จะมีชุดคําสังของภาษาเครืองทีแตกต่างกันออกไป ซึงเป็นลักษณะของภาษาทีมี
พัฒนาการนันขึนอยู่กับเครือง
คําสังในภาษาเครืองจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1.โอเปอเรชันโค้ด เป็นคําสังทีสังให้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติการ เช่นการบวกการลบ เป็นต้น
2.โอเปอแรนด์ เป็นตัวทีระบุตําแหน่งทีเก็บของข้อมูลทีจะนําเข้าสู่คอมพิวเตอร์เพือนําไป
ปฏิบัติการตามคําสังในโอเปอเรชันโค้ด
2. ภาษาแอสเซมบลี
เป็นภาษาทีมีการใช้ตัวอักษรในภาษาอังกฤษมาแทนคําสังทีเป็นเลขฐานสอง และเรียกอักษร
สัญลักษณ์ทีเป็นคําสังนีว่า สัญลักษณ์ข้อความ เพือให้ง่ายต่อการเขียนและการจดจํามากกว่าภาษาเครือง
แต่ถึงอย่างไรก็ยังจัดภาษาแอสเซมบลีนีเป็นภาษาระดับตํา ซึงมีการใช้สัญลักษณ์ต่อไปนี
A มาจาก Addหมายถึงการบวก
Sมาจาก Subtract หมายถึงการลบ
Cมาจาก Compare หมายถึงการเปรียบเทียบ
MPมาจากMultiplyหมายถึง การคูณ
STมาจาก Storeหมายถึง การเก็บข้อมูลไว้ในความจํา เป็นต้น
ถึงแม้สัญลักษณ์เหล่านีจะไม่มีความหมายในภาษาอังกฤษ แต่ก็ทําให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียน
โปรแกรมได้สะดวกสบายมากขึน เนืองจากไม่ต้องจดจําเลข 0 และ1 ของเลขฐานสองอีก นอกจากนี
ภาษาแอสเซมบลี ยังอนุญาตให้ผู้เขียนใช้ตัวแปรทีตังขึนมาเองในการเก็บค่าข้อมูลใดๆ เช่น X, Y, RATE
หรือ TOTALแทนการอ้างถึงตําแหน่งทีเก็บข้อมูลจริงๆภายในหน่วยความจํา ดังได้กล่าวแล้วว่าเครือง
คอมพิวเตอร์จะรู้จักเฉพาะภาษาเครืองเท่านัน ดังนันจึงจําเป็นต้องมีการแปลโปรแกรมภาษาแอสเซมบลี
นันให้เป็นภาษาเครืองเสียก่อน เพือให้คอมพิวเตอร์สามารถทํางานตามคําสังในโปรแกรมได้
- 13. การแปลภาษาแอสเซมบลีเป็นภาษาเครืองนันจะต้องมีตัวแปลภาษาแอสเซมบลีทีเรียกว่า แอสเซมเบลอร์
เป็นตัวแปล ซึงภาษาแอสเซมบลี
โปรแกรมภาษาแอสเซมบลี 10
ภาษาแอสเซมบลีจะมีลักษณะทีเหมือนกับภาษาเครือง คือ เป็นภาษาทีขึนอยู่กับเครือง กล่าวคือเราไม่
สามารถนําโปรแกรมทีเขียนด้วยแอสเซมบลี โปรแกรมเดียวกันไปใช้ในเครืองต่างชนิดกันได้ และ
นอกจากนีผู้ทีจะเขียนโปรแกรมภาษาแอสเซมบลีได้ จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรืองของฮาร์ดแวร์เป็น
อย่างดี เนืองจากจะต้องยุ่งเกียวกับการใช้งานหน่วยความจําทีเป็นรีจิสเตอร์ภายในตลอด ดังนันจึงเหมาะ
ทีจะใช้เขียนในงานทีต้องการความเร็วในการทํางานสูง เช่น งานทางด้านกราฟิก หรือ
ระบบต่างๆอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาษานีจะง่ายกว่าการเขียนด้วยภาษาเครือง แต่ก็ยังถือว่าเป็นภาษาชัน
ตําทียังยากต่อการเขียนและการเรียนรู้ให้เข้าใจได้ดีสําหรับผู้ทีไม่มีความรู้เกียวกับฮาร์ดแวร์เท่าใดนัก
ภาษาชันสูง
สามารถเรียกได้อีกอย่างว่าเ
อ่านโปรแกรมได้ง่ายขึน เนืองจากมีลักษณะเหมือนภาษาอังกฤษทัวๆไป และทีสําคัญ คือ ผู้เขียนโปรแกรม
ไม่จําเป็นต้องมีความรู้เกียวกับระบบฮาร์ดแวร์แต่อย่างใด ตัวอย่างของภาษาประเภทนีได้แก่ ภาษาฟอร์
แทรนโคบอล เบสิก ปาสคาล ซีเอดาเป็นต้น
อย่างไรก็ตามโปรแกรมทีถูกเขียนด้วยภาษาประเภทนีจะทํางานได้ก็ต่อเมือมีการแปลงให้เป็น
ภาษาเครืองเสียก่อน ซึงวิธีการแปลงจากภาษาชันสูงให้เป็นภาษาเครืองนันจะทําได้โดยใช้โปรแกรมที
เรียกว่า คอมไพเลอร์หรือ อินเตอร์พรีเตอร์ อย่
ภาษาเฉพาะเป็นของตัวเอง ดังนันจึงไม่สามารถนําตัวแปลของภาษาหนึงไปใช้กับอีกภาษาหนึงได้
ตัวอย่างเช่น ภาษาโคบอลจะมีตัวแปลภาษาทีเรียกว่า โคบอลคอมไพเลอร์ ไม่สามารถนําคอมไพเลอร์ของ
ภาษาโคบอลนีไปใช้แปลภาษาปาสคาลได้
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาขันสูงนันนอกจากจะให้ความสะดวกแก่ผู้เขียนเป็นอันมากแล้ว
ผู้เขียนแทบจะไม่ต้องมีความรู้เกียวกับการทํางานของระบบฮาร์ดแวร์ก็สามารถเขียนโปรแกรมสังให้เครือง
คอมพิวเตอร์ทํางานได้ นอกจากนียังมีข้อดีอีกอย่างคือ สามารถนําโปรแกรมทีเ
ก็ได้คือมีลักษณะทีไม่ขึนอยู่กับเครืองเพียงแต่ต้องทําการแปลโปรแกรมใหม่เท่านันแต่อย่างไรก็ตาม
ภาษาเครืองทีได้จากการแปลภาษาชันสูงนีอาจเยินเย้อและไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการเขียนด้วย
ภาษาเครืองหรือแอสเซมบลีโดยตรง
ภาษารุ่นที 3 นี ส่วนใหญ่จะจัดอยู่ในกลุ่มของภาษามีแบบแผน เนืองจากลักษณะการเขียน
โปรแกรมจะมีโครงสร้างแบบแผนทีเป็นระเบียบ กล่าวคือ งานทุกอย่างผู้เขียนโปรแกรมต้องเขียน
โปรแกรมควบคุมการทํางานเองทังหมดและต้องเขียนคําสังการทํางานทีเป็นขันเป็นตอนทุกอย่าง ไม่ว่าจะ
เป็นการสร้างแบบฟอร์มกรอกข้อมูล การประมวลผล หรือการสร้างรายงาน ซึงโปรแกรมทีเขียนจะค่อนข้าง
ซับซ้อนและใช้เวลาในการพัฒนาค่อนข้างมาก
การแปลภาษาแอสเซมบลีเป็นภาษาเครืองนันจะต้องมีตัวแปลภาษาแอสเซมบลีทีเรียกว่า แอสเซมเบลอร์
เป็นตัวแปล ซึงภาษาแอสเซมบลี 1 คําสังจะสามารถแปลเป็นภาษาเครือง 1 คําสังเช่นกัน ดังนัน ถ้าเขียน
10คําสัง ก็จะถูกแปลเป็นภาษาเครือง 10 คําสังเช่นกัน จึงเห็นได้ว่า
ภาษาแอสเซมบลีจะมีลักษณะทีเหมือนกับภาษาเครือง คือ เป็นภาษาทีขึนอยู่กับเครือง กล่าวคือเราไม่
สามารถนําโปรแกรมทีเขียนด้วยแอสเซมบลี โปรแกรมเดียวกันไปใช้ในเครืองต่างชนิดกันได้ และ
จะเขียนโปรแกรมภาษาแอสเซมบลีได้ จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรืองของฮาร์ดแวร์เป็น
อย่างดี เนืองจากจะต้องยุ่งเกียวกับการใช้งานหน่วยความจําทีเป็นรีจิสเตอร์ภายในตลอด ดังนันจึงเหมาะ
ทีจะใช้เขียนในงานทีต้องการความเร็วในการทํางานสูง เช่น งานทางด้านกราฟิก หรือ
ระบบต่างๆอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาษานีจะง่ายกว่าการเขียนด้วยภาษาเครือง แต่ก็ยังถือว่าเป็นภาษาชัน
ตําทียังยากต่อการเขียนและการเรียนรู้ให้เข้าใจได้ดีสําหรับผู้ทีไม่มีความรู้เกียวกับฮาร์ดแวร์เท่าใดนัก
สามารถเรียกได้อีกอย่างว่าเป็นภาษารุ่นที 3 เป็นภาษาทีถูกสร้างขึนมาเพือให้สามารถเขียนและ
อ่านโปรแกรมได้ง่ายขึน เนืองจากมีลักษณะเหมือนภาษาอังกฤษทัวๆไป และทีสําคัญ คือ ผู้เขียนโปรแกรม
ไม่จําเป็นต้องมีความรู้เกียวกับระบบฮาร์ดแวร์แต่อย่างใด ตัวอย่างของภาษาประเภทนีได้แก่ ภาษาฟอร์
รนโคบอล เบสิก ปาสคาล ซีเอดาเป็นต้น
อย่างไรก็ตามโปรแกรมทีถูกเขียนด้วยภาษาประเภทนีจะทํางานได้ก็ต่อเมือมีการแปลงให้เป็น
ภาษาเครืองเสียก่อน ซึงวิธีการแปลงจากภาษาชันสูงให้เป็นภาษาเครืองนันจะทําได้โดยใช้โปรแกรมที
เรียกว่า คอมไพเลอร์หรือ อินเตอร์พรีเตอร์ อย่างใดอย่างหนึง โดยภาษาชันสูงแต่ละภาษาจะมีตัวแปล
ภาษาเฉพาะเป็นของตัวเอง ดังนันจึงไม่สามารถนําตัวแปลของภาษาหนึงไปใช้กับอีกภาษาหนึงได้
ตัวอย่างเช่น ภาษาโคบอลจะมีตัวแปลภาษาทีเรียกว่า โคบอลคอมไพเลอร์ ไม่สามารถนําคอมไพเลอร์ของ
ภาษาโคบอลนีไปใช้แปลภาษาปาสคาลได้ เป็นต้น
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาขันสูงนันนอกจากจะให้ความสะดวกแก่ผู้เขียนเป็นอันมากแล้ว
ผู้เขียนแทบจะไม่ต้องมีความรู้เกียวกับการทํางานของระบบฮาร์ดแวร์ก็สามารถเขียนโปรแกรมสังให้เครือง
คอมพิวเตอร์ทํางานได้ นอกจากนียังมีข้อดีอีกอย่างคือ สามารถนําโปรแกรมทีเขียนนีไปใช้งานบนเครืองใด
ก็ได้คือมีลักษณะทีไม่ขึนอยู่กับเครืองเพียงแต่ต้องทําการแปลโปรแกรมใหม่เท่านันแต่อย่างไรก็ตาม
ภาษาเครืองทีได้จากการแปลภาษาชันสูงนีอาจเยินเย้อและไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการเขียนด้วย
ภาษาเครืองหรือแอสเซมบลีโดยตรง
ส่วนใหญ่จะจัดอยู่ในกลุ่มของภาษามีแบบแผน เนืองจากลักษณะการเขียน
โปรแกรมจะมีโครงสร้างแบบแผนทีเป็นระเบียบ กล่าวคือ งานทุกอย่างผู้เขียนโปรแกรมต้องเขียน
โปรแกรมควบคุมการทํางานเองทังหมดและต้องเขียนคําสังการทํางานทีเป็นขันเป็นตอนทุกอย่าง ไม่ว่าจะ
บบฟอร์มกรอกข้อมูล การประมวลผล หรือการสร้างรายงาน ซึงโปรแกรมทีเขียนจะค่อนข้าง
ซับซ้อนและใช้เวลาในการพัฒนาค่อนข้างมาก
การแปลภาษาแอสเซมบลีเป็นภาษาเครืองนันจะต้องมีตัวแปลภาษาแอสเซมบลีทีเรียกว่า แอสเซมเบลอร์
คําสังเช่นกัน ดังนัน ถ้าเขียน
คําสังเช่นกัน จึงเห็นได้ว่า
ภาษาแอสเซมบลีจะมีลักษณะทีเหมือนกับภาษาเครือง คือ เป็นภาษาทีขึนอยู่กับเครือง กล่าวคือเราไม่
สามารถนําโปรแกรมทีเขียนด้วยแอสเซมบลี โปรแกรมเดียวกันไปใช้ในเครืองต่างชนิดกันได้ และ
จะเขียนโปรแกรมภาษาแอสเซมบลีได้ จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรืองของฮาร์ดแวร์เป็น
อย่างดี เนืองจากจะต้องยุ่งเกียวกับการใช้งานหน่วยความจําทีเป็นรีจิสเตอร์ภายในตลอด ดังนันจึงเหมาะ
ทีจะใช้เขียนในงานทีต้องการความเร็วในการทํางานสูง เช่น งานทางด้านกราฟิก หรืองานพัฒนาซอฟแวร์
ระบบต่างๆอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาษานีจะง่ายกว่าการเขียนด้วยภาษาเครือง แต่ก็ยังถือว่าเป็นภาษาชัน
ตําทียังยากต่อการเขียนและการเรียนรู้ให้เข้าใจได้ดีสําหรับผู้ทีไม่มีความรู้เกียวกับฮาร์ดแวร์เท่าใดนัก
เป็นภาษาทีถูกสร้างขึนมาเพือให้สามารถเขียนและ
อ่านโปรแกรมได้ง่ายขึน เนืองจากมีลักษณะเหมือนภาษาอังกฤษทัวๆไป และทีสําคัญ คือ ผู้เขียนโปรแกรม
ไม่จําเป็นต้องมีความรู้เกียวกับระบบฮาร์ดแวร์แต่อย่างใด ตัวอย่างของภาษาประเภทนีได้แก่ ภาษาฟอร์
อย่างไรก็ตามโปรแกรมทีถูกเขียนด้วยภาษาประเภทนีจะทํางานได้ก็ต่อเมือมีการแปลงให้เป็น
ภาษาเครืองเสียก่อน ซึงวิธีการแปลงจากภาษาชันสูงให้เป็นภาษาเครืองนันจะทําได้โดยใช้โปรแกรมที
างใดอย่างหนึง โดยภาษาชันสูงแต่ละภาษาจะมีตัวแปล
ภาษาเฉพาะเป็นของตัวเอง ดังนันจึงไม่สามารถนําตัวแปลของภาษาหนึงไปใช้กับอีกภาษาหนึงได้
ตัวอย่างเช่น ภาษาโคบอลจะมีตัวแปลภาษาทีเรียกว่า โคบอลคอมไพเลอร์ ไม่สามารถนําคอมไพเลอร์ของ
การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาขันสูงนันนอกจากจะให้ความสะดวกแก่ผู้เขียนเป็นอันมากแล้ว
ผู้เขียนแทบจะไม่ต้องมีความรู้เกียวกับการทํางานของระบบฮาร์ดแวร์ก็สามารถเขียนโปรแกรมสังให้เครือง
ขียนนีไปใช้งานบนเครืองใด
ก็ได้คือมีลักษณะทีไม่ขึนอยู่กับเครืองเพียงแต่ต้องทําการแปลโปรแกรมใหม่เท่านันแต่อย่างไรก็ตาม
ภาษาเครืองทีได้จากการแปลภาษาชันสูงนีอาจเยินเย้อและไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการเขียนด้วย
ส่วนใหญ่จะจัดอยู่ในกลุ่มของภาษามีแบบแผน เนืองจากลักษณะการเขียน
โปรแกรมจะมีโครงสร้างแบบแผนทีเป็นระเบียบ กล่าวคือ งานทุกอย่างผู้เขียนโปรแกรมต้องเขียน
โปรแกรมควบคุมการทํางานเองทังหมดและต้องเขียนคําสังการทํางานทีเป็นขันเป็นตอนทุกอย่าง ไม่ว่าจะ
บบฟอร์มกรอกข้อมูล การประมวลผล หรือการสร้างรายงาน ซึงโปรแกรมทีเขียนจะค่อนข้าง