New
- 5. ขอบข่ายโครงงานคอมพิวเตอร์
• ดำเนินงำนโดยนักเรียน เป็นผู้ริเริ่มสร้ำงสรรค์ และครู
อำจำรย์ เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษำ โดยมีองค์ประกอบดังนี้
1. เป็นกิจกรรมกำรเรียนให้นักเรียนศึกษำ ค้นคว้ำ ปฏิบัติดัวย
ตนเองโดยอำศัยหลักวิชำกำรทำงทฤษฎีตำมเนื้อหำโครงงำน
นั้นๆ หรือจำกประสบกำรณ์และกิจกรรมต่ำง ๆ ที่ได้พบเห็น
มำกแล้ว
2. นักเรียนทุกคนพิจำรณำจัดทำโครงงำนด้วยตนเอง หรือเป็น
กลุ่มโดยใช้ระยะเวลำสั้นๆ เป็นภำคเรียน หรือมำกว่ำก็ได้
แล้วแต่โครงงำนเล็กหรือใหญ่
3. นักเรียนเป็นผู้พิจำรณำริเริ่มสร้ำงสรรค์ คัดเลือกโครงงำนที่
จะศึกษำค้นคว้ำปฏิบัติด้วยตนเองตำมควำมถนัด สนใจ และ
ควำมพร้อม
4. นักเรียนเป็นผู้เสนอโครงงำน รำยละเอียดของโครงงำน
แผนปฏิบัติงำนและกำรแปลผล รำยงำนผลต่ออำจำรย์ที่
ปรึกษำ เพื่อดำเนินงำนร่วมกันให้บรรลุตำมจุดหมำยที่
กำหนดไว้
5. เป็นโครงงำนที่เหมำะสมกับควำมรู้ ควำมสำมำรถของ
นักเรียนตำมวัยและสติปัญญำ รวมทั้งกำรใช้จ่ำยเงิน
ดำเนินงำนด้วย
- 7. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
1. โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อ
การศึกษา ลักษณะเด่นของโครงงำนประเภทนี้
คือ เป็นโครงงำนที่ใช้คอมพิวเตอร์ในกำรผลิต
สื่อเพื่อกำรศึกษำ โดยกำรสร้ำงโปรแกรม
บทเรียนหรือหน่วยกำรเรียน ซึ่งอำจจะต้องมี
ภำคแบบฝึกหัด บททบทวน และคำถำมคำตอบ
ไว้พร้อม ผู้เรียนสำมำรถเรียนแบบรำยบุคคล
หรือรำยกลุ่มกำรสอน โดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย
สอนนี้ ถือว่ำคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์กำรสอน
ซึ่งอำจเป็นกำรพัฒนำบทเรียนแบบออนไลน์ ให้
ผู้เรียนเข้ำมำศึกษำด้วยตนเองก็ได้ โครงงำน
ประเภทนี้สำมำรถพัฒนำขึ้นเพื่อใช้ประกอบกำร
สอนในวิชำต่ำงๆ โดยผู้เรียนอำจคัดเลือก
เนื้อหำที่เข้ำใจยำก มำเป็นหัวข้อในกำรพัฒนำ
สื่อเพื่อกำรศึกษำ
- 8. 2.โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้
งาน โครงงำนประยุกต์ใช้งำนเป็นโครงงำนที่ใช้
คอมพิวเตอร์ในกำร สร้ำงผลงำนเพื่อ
ประยุกต์ใช้งำนจริงในชีวิตประจำวัน อำทิเช่น
ซอฟต์แวร์สำหรับกำรออกแบบและตกแต่ง
ภำยในอำคำร ซอฟต์แวร์สำหรับกำรผสมสี และ
ซอฟต์แวร์สำหรับกำรระบุคนร้ำย เป็นต้น
โครงงำนประเภทนี้จะมีกำรประดิษฐ์ฮำร์ดแวร์
ซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ใช้สอยต่ำงๆ ซึ่งอำจ
เป็นกำรคิดสร้ำงสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุง
เปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มี
ประสิทธิภำพสูงขึ้น โครงงำนลักษณะนี้จะต้อง
ศึกษำและวิเครำะห์ควำมต้องกำรของผู้ใช้ก่อน
แล้วนำข้อมูลที่ได้มำใช้ในกำรออกแบบ และ
พัฒนำสิ่งของนั้นๆ ต่อจำกนั้นต้องมีกำร
ทดสอบกำรทำงำนหรือทดสอบคุณภำพของ
สิ่งประดิษฐ์แล้วปรับ ปรุงแก้ไขให้มีควำม
สมบูรณ์ โครงงำนประเภทนี้ผู้เรียนต้องใช้
ควำมรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ภำษำ
โปรแกรม และเครื่องมือต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้อง
- 9. • 3.โครงงานพัฒนาเกม โครงงำนประเภทนี้
เป็นโครงงำนพัฒนำซอฟต์แวร์เกมเพื่อควำมรู้
หรือเพื่อควำม เพลิดเพลิน เกมที่พัฒนำควร
จะเป็นเกมที่ไม่รุนแรง เน้นกำรใช้สมองเพื่อฝึก
คิดอย่ำงมีหลักกำร โครงงำนประเภทนี้จะมี
กำรออกแบบลักษณะและกฎเกณฑ์กำรเล่น
เพื่อให้น่ำสนใจแก่ผู้เล่น พร้อมทั้งให้ควำมรู้
สอดแทรกไปด้วย ผู้พัฒนำควรจะได้ทำกำร
สำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกมต่ำงๆ
ที่มีอยู่ทั่วไป และนำมำปรับปรุงหรือพัฒนำขึ้น
ใหม่ เพื่อให้เป็นเกมที่แปลกใหม่ และน่ำสนใจ
แก่ผู้เล่นกลุ่มต่ำงๆ
- 10. 4.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงำนประเภทนี้เป็นโครงงำน
เพื่อพัฒนำเครื่องมือช่วย สร้ำงงำนประยุกต์ต่ำงๆ โดยส่วน
ใหญ่จะอยู่ในรูปซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วำดรูป ซอฟต์แวร์
พิมพ์งำน และซอฟต์แวร์ช่วยกำรมองวัตถุในมุมต่ำงๆ เป็นต้น
สำหรับซอฟต์แวร์เพื่อกำรพิมพ์งำนนั้นสร้ำงขึ้นเป็นโปรแกรม
ประมวลคำ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เรำใช้ในกำรพิมพ์งำนต่ำงๆ
บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ส่วนซอฟต์แวร์กำรวำดรูป พัฒนำขึ้น
เพื่ออำนวยควำมสะดวกให้กำรวำดรูปบนเครื่องคอมพิวเตอร์
ให้เป็นไปได้ โดยง่ำย สำหรับซอฟต์แวร์ช่วยกำรมองวัตถุในมุม
ต่ำงๆ ใช้สำหรับช่วยกำรออกแบบสิ่งของ อำทิเช่น ผู้ใช้วำด
แจกันด้ำนหน้ำ และต้องกำรจะดูว่ำด้ำนบนและด้ำนข้ำงเป็น
อย่ำงไร ก็ให้ซอฟต์แวร์คำนวณค่ำและภำพที่ควรจะเป็นมำให้
เพื่อพิจำรณำและแก้ไขภำพแจกันที่ออกแบบไว้ได้อย่ำงสะดวก
- 11. 5. โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี โครงงำนประเภทนี้เป็นโครงงำนที่ใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยในกำร จำลองกำรทดลองของสำขำต่ำงๆ ซึ่งเป็นงำนที่ไม่
สำมำรถทดลองด้วยสถำนกำรณ์จริงได้ เช่น กำรจุดระเบิด เป็นต้น และเป็น
โครงงำนที่ผู้ทำต้องศึกษำรวบรวมควำมรู้ หลักกำร ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่ำงๆ
อย่ำงลึกซึ้งในเรื่องที่ต้องกำรศึกษำแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจำลอง หลักกำร ซึ่ง
อำจอยู่ในรูปของสูตร สมกำร หรือคำอธิบำย พร้อมทั้งำรจำลองทฤษฏีด้วย
คอมพิวเตอร์ให้ออกมำเป็นภำพ ภำพที่ได้ก็จะเปลี่ยนไปตำมสูตรหรือสมกำรนั้น ซึ่ง
จะทำให้ผู้เรียนมีควำมเข้ำใจได้ดียิ่งขึ้น กำรทำโครงงำนประเภทนี้มีจุดสำคัญอยู่ที่
ผู้ทำต้องมีควำมรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่ำงดี ตัวอย่ำงโครงงำนจำลองทฤษฎี เช่น
กำรทดลองเรื่องกำรไหลของของเหลว กำรทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลำปิรัน
ย่ำ และกำรทดลองเรื่องกำรมองเห็นวัตถุแบบสำมมิติ เป็นต้น