More Related Content
Similar to กิจกรรมที่2 โครงงานคอมพิวเตอร์ (20)
กิจกรรมที่2 โครงงานคอมพิวเตอร์
- 4. ความหมาย
โครงงาน
คอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร ์เป็ นกิจกรรมการเรียนที่
นักเรียนมีอิสระในการเลือกศึกษาปัญหาที่ตน
สนใจ โดยนักเรียนจะต้องวางแผนการ
ดาเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม หรือ
อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้ความรู ้
กระบวนการทางวิศวกรรมซอฟต์แวร ์เครื่อง
คอมพิวเตอร ์และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนทักษะ
พื้นฐานในการพัฒนาโครงงาน เรื่องที่
นักเรียนสนใจและคิดจะทาโครงงาน ซึ่งอาจมี
ผู้ศึกษามาก่อน หรือเป็ นเรื่องที่นักพัฒนา
โปรแกรมได้เคยค้นคว้าและพัฒนาแล้ว
นักเรียนสามารถทาโครงงานเรื่องดังกล่าวได้
แต่ต้องคิดดัดแปลงแนวทางในการศึกษา การ
วิเคราะห์ข้อมูล การพัฒนาโปรแกรม หรือ
ศึกษาเพิ่มเติมจากผลงานเดิมที่มีผู้รายงาน
- 5. ประเภทของโครงงานคอมพิวเตอร์
1.การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา โครงงานประเภทนี้ เป็นโครงงานที่ใช้
คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการศึกษา โดยการสร้างโปรแกรม
บทเรียน หรือหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งอาจต้องมีแบบฝึกหัดทบทวน และ
คาถามคาตอบไว้พร้อมให้ผู้เรียนสามารถเรียนแบบรายบุคคลหรือราย
กลุ่ม การสอนด้วยคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนี้ อาจเป็นการพัฒนาบทเรียน
แบบออนไลน์ ให้ผู้เรียนเข้ามาศึกษาด้วยตนเองโดยผู้เรียนอาจคัดเลือก
เนื้อหาที่เข้าใจยาก มาเป็นหัวข้อในการพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ตัวอย่างโครงงานประเภทนี้ เช่น การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน พลังงาน
ทดแทน อาหารสี่ภาค สถานที่ท่องเที่ยวมหัศจรรย์ในเมืองไทย สนุกกับ
ตารางธาตุ สานวนไทยพาสนุก2.การพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนี้ เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วย
สร้างงานประยุกต์ต่างๆโดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปซอฟต์และเครื่องมือ ตัวอย่าง
โครงงานประเภทนี้เช่น ซอฟต์แวร์ระบบงานการกีฬา ซอฟต์แวร์สารบรรณสาเร็จรูป
ซอฟต์แวร์ระบบฐานข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้น เครื่องช่วยคนพิการแขนอ่าน
หนังสือเครื่องรดน้าต้นไม้และให้อาหารปลาผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องให้อาหารไก่
อัตโนมัติ หุ่นยนต์ทางานบ้า
- 6. 4. การประยุกต์ใช้งาน โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้
งานจริงในชีวิตประจาวัน โดยประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรืออุปการณ์ใช้สอยต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการ
คิดสร้างสิ่งของขึ้นใหม่ หรือปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โครงงาน
ลักษณะนี้จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ก่อน แล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบและ
พัฒนาสิ่งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรือทดสอบคุณภาพของสิ่งประดิษฐ์แล้ว
ปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์โครงงานประเภทนี้ผู้เรียนต้องใช้ความรู้เกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์ภาษา
โปรแกรมและเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างโครงงานประเภทนี้ เช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบ
และตกแต่งภายในอาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์การเลือกเครื่องเรือนให้เหมาะสมกับ
ขนาดและสีของห้อง
- 7. 2.การพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทนี้
เป็นโครงงานเพื่อพัฒนาเครื่องมือช่วยสร้าง
งานประยุกต์ต่างๆโดยส่วนใหญ่อยู่ในรูป
ซอฟต์และเครื่องมือ ตัวอย่างโครงงาน
ประเภทนี้เช่น ซอฟต์แวร์ระบบงานการกีฬา
ซอฟต์แวร์สารบรรณสาเร็จรูป ซอฟต์แวร์
ระบบฐานข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้น
เครื่องช่วยคนพิการแขนอ่านหนังสือเครื่อง
รดน้าต้นไม้และให้อาหารปลาผ่าน
โทรศัพท์เคลื่อนที่ เครื่องให้อาหารไก่
อัตโนมัติ หุ่นยนต์ทางานบ้า
3. การทดลองทฤษฎี โครงงานประเภทนี้เป็น
โครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยจาลองงาน ไม่
สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จิรงได้และเป็น
โครงงานที่ผู้ทาต้องศึกษารวบรวมความรู้
หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ แล้วเสนอ
เป็นแนวคิด แบบจาลอง หลักการอาจอยู่ในรูปของ
สูตร สมการ หรือ คาอธิบาย พร้อมทั้งการจาลอง
ทฤษฎีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่
ได้ก็จะเปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะทา
ให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การทาโครงงาน
ประเภทนี้ มีจุดสาคัญอยู่ที่ผู้ทาต้องมีความรู้ใน
เรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานประเภท
นี้ เช่น การจุดระเบิด การเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ
การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว การ
ทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ
- 8. ความสาคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็ นความสามารถที่เกิดจากการที่นักเรียนเป็ นผู้ทาโครงงานต้อง
นาเสนอผลงานให้ ครูและเพื่อนนักเรียนให้เข้าใจโครงงานคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน ดังนั้น ผู้ทา
โครงงานต้องสื่อสารความคิดในการสร้างสรรค์โครงงานด้วยการเขียน หรือด้วยปากเปล่า รวมทั้ง
เลือกใช้รูปแบบของสื่อ อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนาเสนอแนวคิดในการจัด โครงงานให้ผู้อื่นได้เข้าใจ
2. ความสามารถในการคิด ซึ่งผู้เรียนจะมีการคิดในลักษณะต่าง ๆ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เกิดจากการที่ผู้เรียนวิเคราะห์ปัญหา เข้าใจ และอธิบายปัญหาทางด้าน
คอมพิวเตอร์รวมทั้งประยุกต์ความรู้ ทักษะ และการใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหา
4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
5. เกิดจากการที่ผู้เรียนได้นาความรู้และกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการพัฒนาโครงงาน และนาไป
ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโครงงาน ก่อให้เกิดการเรียนรู้ด้วย
ตนเอง อันน าไปสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต
6. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เกิดจากการที่ผู้เรียนสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในการ
แก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม
- 9. ขอบข่ายของโครงงาน
ดาเนินงานโดยนักเรียน เป็ นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์และครูอาจารย์ เป็ นผู้ให้คาแนะนา
ปรึกษามีองค์ประกอบดังนี้
1. เป็ นกิจกรรมการเรียนให้นักเรียนศึกษา ค้นคว้า ปฏิบัติดัวยตนเองโดยอาศัย
หลักวิชาการทางทฤษฎีตามเนื้อหาโครงงานนั้นๆ หรือจากประสบการณ์และ
กิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้พบเห็นมากแล้ว
2. นักเรียนทุกคนพิจารณาจัดทาโครงงานด้วยตนเอง หรือเป็ นกลุ่มโดยใช้
ระยะเวลาสั้นๆ เป็ นภาคเรียน หรือมากว่าก็ได้ แล้วแต่โครงงานเล็กหรือใหญ่
3. นักเรียนเป็ นผู้พิจารณาริเริ่มสร้างสรรค์ คัดเลือกโครงงานที่จะศึกษาค้นคว้า
ปฏิบัติด้วยตนเองตามความถนัด สนใจ และความพร้อม
4. นักเรียนเป็ นผู้เสนอโครงงาน รายละเอียดของโครงงาน แผนปฏิบัติงานและการ
แปลผล รายงานผลต่ออาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อดาเนินงานร่วมกันให้บรรลุตาม
จุดหมายที่กาหนดไว้
5. เป็ นโครงงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของนักเรียนตามวัยและ
สติปัญญา รวมทั้งการใช้จ่ายเงินดาเนินงานด้วย