More Related Content
Similar to ลูกประคบสมุนไพร
Similar to ลูกประคบสมุนไพร (20)
ลูกประคบสมุนไพร
- 3. ลูกประคบสมุนไพร
• ลูกประคบสมุนไพร คือ การใช้สมุนไพรหลายอย่างมาห่อรวมกัน
ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรทีมนามันหอมระเหย โดยนามานึ่งให้ร้อนประคบ
่ ี ้
บริเวณทีปวดหรือเคล็ดขัดยอกซึ่งน้ามันหอมระเหยเมือถูกความร้อน จะ
่
่
ระเหยออกมา ความร้อนจากลูกประคบจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
ดีขึ้น และ ยังมีสารสาคัญจากสมุนไพรบางชนิดทีซมเข้าทางผิวหนัง ช่วย
่ึ
รักษาอาการเคล็ด ขัด ยอก และลดปวดได้
- 4. ชนิดของการประคบสมุนไพร
ลูกประคบมี 2 ชนิด คือ ลูกประคบสมุนไพรสดและลูกประคบสมุนไพรแห้ง
1.ลูกประคบสมุนไพรสด
่
ข้ อดี คือ การใช้สมุนไพรสดในการปรุ งลูกประคบนั้นสมุนไพรจะมีน้ าอยูแล้วจึงไม่
จาเป็ นต้องพรมน้ าก่อนนาไปใช้ ไม่ตองตากแห้ง ไม่ตองอบฆ่าเชื้อไม่ตองกลัวขึ้นรา
้
้
้
ข้ อจากัด คือ เมื่อปรุ งลูกประคบเสร็ จแล้ว ต้องรี บนาไปใช้ ไม่สามารถเก็บไว้ได้นานใน
อุณหภูมิปกติ ต้องเก็บในตูเ้ ย็นหรื อภาชนะบรรจุพิเศษ
2.ลูกประคบสมุนไพรแห้ ง
ข้ อดี คือ เก็บไว้ได้นาน สะดวกในการนาไปใช้ สามารถเตรี ยมสมุนไพรที่ใช้ ในการ
ปรุ งลูกประคบได้ครบถ้วนมากขึ้น เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดไม่สามารถ หาได้ใน
ท้องถิ่น ต้องหามาจากแหล่งอื่น
- 5. สมุนไพรที่ใช้ในการทาลูกประคบ
ไพล
ชื่ออืน : ปูลอย ปูเลย (ภาคเหนือ) ว่านไฟ (ภาคกลาง) มิ้นสะล่าง(ฉาน-แม่ฮ่องสอน)
่
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ลมลุกสูง 0.7-1.5 เมตร มีเหง้าใต้ดิน เปลือกสี น้ าตาล
้
แกมเหลือง เนื้อในสี เหลืองถึงเหลืองแกมเขียว แทงหน่อหรื อลาต้นเทียมขึ้นเป็ นกอ ซึ่ ง
ประกอบด้วยกาบหรื อโคนใบหุ มซ้อนกัน ใบเดี่ยว เรี ยงสลับ รู ปขอบขนานแกมใบหอก
้
กว้าง 3.5-5.5 เซนติเมตร ยาว 18-35 เซนติเมตร ดอกช่อ แทงจากเหง้าใต้ดิน กลีบดอกสี
นวล ใบประดับสี ม่วง ผลเป็ นผลแห้งรู ปกลม
- 6. สรรพคุณ
• เหง้ า
- เป็ นยาแก้ทองขึ้น ท้องอืดเฟ้ อ ขับลม
้
- แก้บิด ท้องเดิน ขับประจาเดือนสตรี ทาแก้ฟกบวม แก้ผนคัน
ื่
- เป็ นยารักษาหืด
- เป็ นยากันเล็บถอด
- ใช้ตมน้ าอาบหลังคลอด
้
• นาคั้นจากเหง้ า - รักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกบวม แพลงช้ าเมื่อย
้
• หัว - ช่วยขับระดู ประจาเดือนสตรี เลือดร้าย แก้มุตกิตระดูขาว แก้อาเจียน แก้
ปวดฟัน
• ดอก - ขับโลหิ ตกระจายเลือดเสี ย
• ต้ น - แก้ธาตุพการ แก้อุจาระพิการ
ิ
• ใบ - แก้ไข้ ปวดเมื่อย แก้ครั่นเนื้อครั่นตัว แก้เมื่อย
- 7. มะกรู ด
• ชื่ออืน : มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ) มะขู (กะเหรี่ ยง-แม่ฮ่องสอน) ส้มกรู ด ส้มมัวผี
่
่
(ภาคใต้)
• ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ตนขนาดเล็ก สูง 2-8 เมตร เปลือกต้นเรี ยบ สี น้ าตาล มี
้
หนามแหลมตามกิ่งก้าน ใบ เป็ นใบประกอบที่มีใบย่อยใบเดี่ยว ออกเรี ยงสลับ ปลาย
่
ใบและโคนใบมน ขอบใบเรี ยบ แผ่นใบเรี ยบเป็ นมันสี เขียวเข้ม มีต่อมน้ ามันอยูตาม
ผิวใบ มีกลิ่นหอมเฉพาะ ก้านใบมีปีกดูคล้ายใบ ดอก ออกเป็ นช่อตามซอกใบที่ปลาย
กิ่ง ดอกสี ขาว กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 แฉก โคนกลีบดอกติดกัน ผล เป็ น
รู ปทรงกลมหรื อรู ปไข่ โคนผลเรี ยวเป็ นจุก ผิวขรุ ขระ มีต่อมน้ ามัน ผลอ่อนสี เขียวแก่
สุ กเป็ นสี เหลือง มีรสเปรี้ ยว เมล็ดกลมรี สี ขาว มีหลายเมล็ด
- 8. สรรพคุณ
• ราก - กระทุงพิษ แก้ฝีภายในและแก้เสมหะเป็ นพิษ
้
• ใบ - มีน้ ามันหอมระเหย
• ผล, นาคั้นจากผล - ใช้แต่งกลิ่น สระผมรักษาชันนะตุ รังแค
้
ทาให้ผมสะอาด
• ผิวจากผล
- ปรุ งเป็ นยาขับลมในลาไส้ แก้แน่น
- เป็ นยาบารุ งหัวใจ
- 9. มะขาม
• ชื่ออืน : ขาม (ภาคใต้) ตะลูบ(ชาวบน่
นครราชสี มา) ม่องโคล้ง (กะเหรี่ ยงกาญจนบุรี) อาเปี ยล (เขมร-สุ รินทร์) หมาก
แกง (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) ส่ ามอเกล (กะเหรี่ ยงแม่ฮ่องสอน)
• ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ตนขนาดกลาง
้
จนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือก
ต้นขรุ ขระและหนา สี น้ าตาลอ่อน ใบ เป็ นใบ
ประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็ นคู่ ใบ
ย่อยเป็ นรู ปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน
ดอก ออกเป็ นช่อเล็กๆ ตามปลายกิ่ง หนึ่งช่อมี
10-15 ดอก ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสี
่
เหลืองและมีจุดประสี แดงอยูกลางดอก ผล
เป็ นฝักยาว รู ปร่ างยาวหรื อโค้ง ยาว 3-20 ซม.
ฝักอ่อนมีเปลือกสี เขียวอมเทา สี น้ าตาลเกรี ยม
เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็ น
เปลือกแข็งกรอบหักง่าย สี น้ าตาล เนื้อใน
กลายเป็ นสี น้ าตาลหุมเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ ยว
้
และหวาน
- 10. สรรพคุณ
• ราก - แก้ทองร่ วง สมานแผล รักษาเริ ม และงูสวัด
้
• เปลือกต้ น - แก้ไข้ ตัวร้อน
• แก่ น - กล่อมเสมหะ และโลหิ ต ขับโลหิ ต ขับเสมหะ รักษาฝี ในมดลูก รักษาโรคบุรุษ เป็ นยาชัก
มดลูกให้เข้าอู่
• ใบสด (มีกรดเล็กน้อย) - เป็ นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในลาไส้ แก้ไอ แก้บิด รักษาหวัด ขับเสมหะ
หยอดตารักษาเยือตาอักเสบ แก้ตามัว ฟอกโลหิ ต ขับเหงื่อ ต้มผสมกับสมุนไพรอื่นๆ อาบหลัง
่
คลอดช่วยให้สะอาดขึ้น
• เนือหุ้มเมล็ด - แก้อาการท้องผูก เป็ นยาระบาย ยาถ่าย ขับเสมหะ แก้ไอ กระหายน้ า เป็ นยาสวน
้
ล้างท้อง
• ฝักดิบ - ฟอกเลือด และลดความอ้วน เป็ นยาระบายและลดอุณหภูมิในร่ างกาย บรรเทาอาการไข้
• เมล็ดในสี ขาว - เป็ นยาถ่ายพยาธิไส้เดือนตัวกลมในลาไส้ พยาธิเส้นด้าย
• เปลือกเมล็ด - แก้ทองร่ วง แก้บิดลมป่ วง สมานแผลที่ปาก ที่คอ ที่ลิ้น และตามร่ างกาย รักษาแผล
้
สด ถอนพิษและรักษาแผลที่ถูกไฟลวก รักษาแผลเบาหวาน
• เนือในฝักแก่ (มะขามเปี ยก) - รับประทานจิ้มเกลือ แก้ไอ ขับเสมหะ
้
• ดอกสด - เป็ นยาลดความดันโลหิตสูง
- 11. ขมิน
้
• ขมิ้น เป็ นพืชล้มลุกที่จดอยูในตระกูลขิง
ั ่
่
มีเหง้าอยูใต้ดิน เนื้อในของเหง้าจะเป็ นสี
เหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวมีต้ งแต่สี
ั
เหลืองเข้มจนถึงสี แสดจัด โดยที่ถิ่นกาเนิด
ในแถบเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ และมีชื่อ
อื่นๆอีก เช่น ขมิ้นชันขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก
่ ั
ขมิ้นหัว ขี้มิ้น หมิ้น ทั้งนี้ข้ ึนอยูกบแต่ภาค
และจังหวัดนันๆ นิยมนาไปใช้ในการ
่
ประกอบอาหาร แต่งสี แต่งกลิ่นอาหาร
เช่น แกงไตปลา แกงกะหรี่ เป็ นต้น
- 13. ลักษณะของ ขมินอ้อย
้
ต้ น : ขมิ้นอ้อย เป็ นไม้ลมลุกสู ง 50-70 ซม.
้
ลักษณะคล้ายขมิ้นชัน แต่ตนสูงกว่า ขนาดเหง้า
้
และใบใหญ่กว่า โดยเหง้าใต้ดินจะโผล่ข้ ึนมาเหนือ
ดินเล็กน้อย มีเนื้อในสี เหลืองอมส้ม กลีบดอกสี
นวล มีกลิ่นหอม
ใบ : ใบออกเป็ นรัศมีติดผิวดิน รู ปหอกแกม
ขอบขนาน กว้าง 8-10 ซม. ยาว 30-40 ซม. ก้านใบ
ยาว 8-15 ซม. ท้องใบจะมีขนนิ่ม ๆ ในหน้าแล้งใบ
จะแห้งลงหัว บางครั้งเราก็เรี ยกว่าขมิ้นหัวขึ้น
ดอก : ขมิ้นอ้อยจะออกดอกเป็ นช่อ ก้าน
่
่
ดอกยาวพุงออกจากเหง้าที่อยูใต้ดิน ช่อดอกจะมีใบ
ประดับ ดอกมีสีขาว ตรงปลายช่อดอกจะเป็ นสี
ชมพู ส่ วนดอกสี เหลืองจะบานจากล่างขึ้นข้างบน
และจะบานครั้งละ 2-3 ดอก
ขมินอ้ อย
้
- 14. สรรพคุณ
รักษาอาการท้ องร่ วง ท้ องเดิน (ที่ไม่ ใช่ บิด หรืออหิวาตกโรค) โดยใช้หวขมิ้นอ้อยสด ๆ ประมาณ 2 แว่น มาบด
ั
ผสมกับน้ าปูนใส กินแก้ทองร่ วงได้
้
รักษาแผล โดยนาขมิ้นอ้อยไปหุงในน้ ามันมะพร้าว แล้วนามาใส่ แผล จะช่วยให้แผลหายเร็ ว เนื่องจากหัวขมิ้น
อ้อยเป็ นยาฝาดสมานด้วย
รักษาฝี ถ้าเป็ นฝี หวเดือน ให้นาใบไผ่มาเผ่าไฟให้ไหม้ แล้วนาหัวขมิ้นอ้อยมาตาด้วยกัน แล้วใช้น้ าเป็ นกระสาย
ั
ยา และใช้ได้ท้ งกินและทา หรื อพอก
ั
แก้ ฝีในมดลูก โดยใช้ขมิ้นอ้อย 3 ท่อน บอระเพ็ด 3 ท่อน ลูกขี้กาแดง 1 ลูก (ผ่าเป็ น 4 ซี กแต่ใช้แค่ 3) นามาต้ม
รวมกับสุ รา กินแก้ฝีในมดลูกได้
รักษาอาการเสี้ยนหนามตา โดยนาขมิ้นอ้อยมา 5 แว่น ข้าวเหนียวสุ ก ประมาณ 1 กามือ ดอกชบา 5 ดอก ใช้ตา
พอก จะดูดเสี้ ยนและหนองออกจากแผล
รักษาอาการปวดบวม ฟกช้า โดยนาขมิ้นสด ๆ มาตาให้ละเอียดแล้วนามาพอกบริ เวณปวดบวม ฟกช้ า
แก้ หวัด โดยนาหัวขมิ้นอ้อย พริ กหาง อบเชยเทศ มาต้มและเติมน้ าผึ้งลงไปผสม นามารับประทานแก้หวัดได้
แก้ ริดสี ดวงทวาร นาขมิ้นอ้อย พริ กไทยล่อน เปลือกยางแดง มาผสมกันทายาผง แล้วนาไปละลายในน้ ายางใส
ปั้ นทั้งหมดเป็ นลูกกลอนขนาดเท่าปลายนิ้วชี้ รับประทานเช้า-เย็น
- 15. ใบส้ มป่ อย
• ชื่ออืน : ส้มขอน (ฉาน-แม่ฮ่องสอน)
่
• ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พมรอเลื้อย มีหนามตามลาต้น กิ่ง ก้านและใบ ใบ
ุ่
ประกอบแบบขนนกสองชั้น เรี ยงสลับ ยาว 7-20 ซม. ใบย่อยรู ปขอบขนาน ขนาด
เล็ก ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ เป็ นช่อกลม กลีบดอกเป็ นหลอด สี นวล ผลเป็ นฝัก สี
น้ าตาลดา ผิวย่นขรุ ขระ ขอบมักเป็ นคลื่น
- 16. สรรพคุณ
ต้ น - แก้ตาพิการ
ใบ - แก้โรคตา ชาระเมือกมันในลาไส้ ยาถ่ายเสมหะ แก้บิด ฟอกล้างโลหิ ตระดู
ดอก - แก้เส้นพิการให้บริ บูรณ์
ผล - แก้น้ าลายเหนียว
ราก - แก้ไข้
ฝัก - ปิ้ งให้เหลือง ชงน้ าจิบแก้ไอ ขับเสมหะ เป็ นยาถ่ายทาให้อาเจียน ฟอกผมแก้
รังแค แก้ไข้จบสั่น ปิ ดแผลโรคผิวหนัง
ั
• เมล็ด - คัวให้เกรี ยมบดให้ละเอียด นัตถุทาให้คนจมูกและจามดี
์
ั
่
• ใบ - ตาห่อผ้าประคบเส้นให้เส้นอ่อน
•
•
•
•
•
•
- 17. • เกลือแกง หรือ โซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride) เป็ นสารเคมีธรรมชาติตวหนึ่งที่ถูกนามาใช้
ั
อย่างแพร่ หลายมานานนับพันปี บางท่านอาจจะไม่คุนกับชื่อเกลือแกง แต่ถาบอกว่ามันก็คือเกลือ
้
้
ั
ที่เราใช้ประกอบอาหารกันทุกวัน ก็คงร้องอ๋ อกันทุกคน เกลือแกงถูกนามาใช้กนในหลายด้าน ทั้ง
ด้านประกอบอาหาร ถนอมอาหาร รวมถึงใช้เป็ นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมหลายประเภท
• เกลือแกงนั้นมีประโยชน์ต่อเรามากมาย ทั้งในการประกอบอาหาร การเก็บรักษาอาหารประเภท
หมักดอง ใช้ในทางการแพทย์และการรักษาโรค เช่น ใช้ทาน้ าเกลือ รักษาอาการไอ เจ็บคอ อัน
เนื่องมาจากหวัด รักษาอาการคันตามผิวหนัง เป็ นต้น นอกจากนี้ยงมีการใช้เกลือในอุตสาหกรรม
ั
ต่างๆ มากมาย เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เครื่ องปรุ งรสต่างๆ อุตสาหกรรมฟอกย้อมเสื้ อผ้า
อุตสาหกรรมกระดาษ อุตสาหกรรมผลิต สบู่และผงซักฟอก รวมถึงอุตสาหกรรมยาฆ่าแมลง เป็ น
ต้น
- 18. การบูร
• สรรพคุณ : ใช้ผสมในยาน้ า มีสรรพคุณบารุ งธาตุ ขับเสมหะ ขับลม แก้
จุกเสี ยดแน่นเฟ้ อ แก้ปวดท้อง ท้องร่ วง ขับเหงื่อ ใช้ผสมในยาหม่อง ยา
ั
ขี้ผ้ ง ยาครี มทาแก้เคล็ดบวม ขัดยอก แพลง แก้พิษแมลงสัตว์กดต่อย และ
ึ
โรคผิวหนังเรื้ อรัง
- 19. พิมเสน
• พิมเสนเป็ นเกล็ดเล็กๆ สี ขาวขุ่น เนื้อแน่นกว่าการบูร ระเหิ ดได้ชากว่าการบูร ติดไฟให้แสงจ้าและ
้
มีควันมาก ไม่มีข้ ีเถ้า พิมเสนบริ สุทธิ์จะเป็ นผลึกรู ปแผ่นหกเหลี่ยม มีจุดหลอมเหลว 208 องศา
เซลเซียส ละลายได้ยากในน้ า ละลายได้ดีในตัวทาละลายชนิดขั้วต่า พิมเสนมีกลิ่นหอมเย็น ฉุ น
รสหอม เย็นปากคอ สมัยก่อนใส่ ในหมากพลูเคี้ยว
- 20. สรรพคุณ
ตารายาแผนโบราณ: ใช้พิมเสนเป็ นยาขับเหงื่อ ขับเสมหะ กระตุน
้
การหายใจ กระตุนสมอง บารุ งหัวใจ ใช้เป็ นยาระงับความกระวนกระวาย
้
ทาให้ง่วงซึม แก้ลมวิงเวียน หน้ามืด หัวใจอ่อน บารุ งหัวใจ ทาให้ชุ่มชื่น
ทาให้เรอ ขับผายลม แก้จุกเสี ยดแน่นเฟ้ อ แก้ปวดท้อง แก้บาดแผลสด
แผลเรื้ อรัง แผลกามโรค แผลเนื้อร้าย ผสมในตารับยาหอม เช่น
ยาหอมเทพจิตร ยาหอมนวโกฐ
• มีสรรพคุณโดยรวมคือแก้ลมวิงเวียน หน้ามืดตาลาย การกลันใบและยอด
่
อ่อนของหนาดด้วยไอน้ า จะได้พิมเสนตกผลึกออกมา นามาทาเป็ นยากิน
แก้ปวดท้อง ท้องร่ วง หรื อใช้ขบลม ใช้ภายนอกเป็ นผงใส่บาดแผล แก้
ั
แผลอักเสบ แก้กลากเกลื้อน และแผลฟกช้ า
- 22. วิธีการทาลูกประคบสมุนไพร
1. หันหัวไพล, ขมิ้นชัน. ต้นตะไคร้, ผิวมะกรู ด, ตาพอหยาบ ๆ
่
(เวลาประคบจะทาให้ระคายผิว)
2. นาใบมะขาม, ใบส้มป่ อย(เฉพาะใบ) ผสมกับสมุนไพร ข้อ1 เสร็ จแล้วให้
ใส่ เกลือ, การบูร คลุกเคล้าให้เป็ นเนื้อเดียวกันแต่อย่าให้แฉะเป็ นน้ า
3. แบ่งตัวยาที่เรี ยบร้อยแล้วใส่ ผาดิบห่อเป็ นลูกประคบประมาณลูกส้มโอ
้
รัดด้วยเชือกให้แน่น(ลูกประคบเวลาถูกความร้อนยาสมุนไพรจะฝ่ อลง
ให้รัดใหม่ให้แน่นเหมือนเดิม)
4. นาลูกประคบที่ได้ไปนึ่งในหม้อนึ่ง ใช้เวลานึ่งประมาณ 15-20 นาที
5. นาลูกประคบที่รับความร้อนได้ที่แล้วมาประคบคนไข้ที่มีอาการต่าง ๆ
โดยสับเปลี่ยนลูกประคบ
- 23. วิธีการประคบ
1. ใช้ผาจับลูกประคบขณะร้อน ยกขึ้นจากปากหม้อ
้
2. ใช้ลกประคบแตะที่ทองแขนตนเองทดสอบความร้อน
ู
้
3. ช่วงแรก แตะลูกประคบ และยกขึ้นโดยเร็ ว จนกว่าลูกประคบจะคลายความร้อนลง
4. จากนั้น จึงวางลูกประคบให้นานพอประมาณ แล้วกดเน้นบริ เวณที่ตองการ
้
5. เปลี่ยนลูกประคบเมื่อเย็นลง
ลักษณะประคบ ดูสังเกตลูกประคบว่ ามีความร้ อนมากหรือเปล่ า
ถ้ามีความร้อนต้องห่มผ้าขนหนูก่อน แล้วประคบ ตอนแรกห้ามประคบที่ใดที่หนึ่ง
นานๆ เพราะจะทาให้ผวหนังผูป่วยพุพอง หรื อผูป่วยตกใจอาจช็อกได้เมื่อร้อนต้อง
ิ
้
้
ประคบเร็ วๆ คอยซักถามดูเรื่ อยๆ แล้วค่อยช้าลง ถ้าไม่ร้อนเอาผ้าขนหนูออก
- 24. ขั้นตอนการประคบ
1. จัดท่าผูป่วยให้เหมาะสม เช่น นอน
้
หงาย นัง นอนตะแคง
่
่ ั
(ขึ้นอยูกบตาแหน่งที่จะทาการประคบ)
2. ทดสอบความร้อนของลูกประคบ คือ
นาลูกประคบที่ร้อนได้ที่แล้วมาแตะที่
ท้องแขน หรื อหลังมือก็ได้
3. ในการวางลูกประคบบนผิวคนไข้ใน
ช่วงแรก ๆ ต้องทาด้วยความเร็ วไม่วาง
แช่นาน ๆ อาจจะทาให้ผวหนังพองได้
ิ
ง่าย
- 26. ข้ อห้ าม หรือข้ อควรระวังในการใช้ ลูกประคบ
• 1. ห้ามใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป
2. ควรใช้ผาขนหนูรองบริ เวณผิวหนังอ่อนๆ หรื อบาดเจ็บ
้
3. ควรระวังผูป่วยที่เป็ นเบาหวาน อัมพาต เด็ก ผูสูงอายุเพราะ
้
้
การตอบสนองต่อความร้อนช้า
4. ไม่ประคบกับกรณี การอักเสบ หรื อ บวม ในช่วง 24 ชัวโมง
่
แรก เพราะอาจบวมมากขึ้น ควรประคบด้วยนาเย็นก่อน
5. หลังจากประคบ ไม่ควรอาบน้ าทันที่เพราะจะทาให้ตวยาถูก
ั
ล้างออกไป
- 27. การเก็บรักษาลูกประคบสมุนไพร
• 1. ลูกประคบที่ทาครั้งหนึ่ง สามารถเก็บไว้ได้นาน 3-5 วันถ้าใส่ ตูเ้ ย็น
สามารถเก็บได้ 7 วัน
• 2. ควรผึ่งให้แห้งก่อนเก็บ ไม่ให้อบชื้น ถ้าเก็บในตูเ้ ย็น จะเก็บได้นาน
ั
มากขึ้น
• 3. ลูกประคบที่แห้ง ก่อนใช้ควรพรมด้วยน้ า หรื อเหล้าขาว
• 4. ลูกประคบที่มีสีเหลืองอ่อน หรื อ จางลง แสดงว่าตัวยาในลูกประคบ
หมดสภาพแล้วจะใช้ไม่ได้ผล
• 5. เมื่อต้องการจะนาไปใช้ใหม่ ต้องเปลี่ยนผ้าห่อลูกประคบผืนใหม่
• 6. เวลาที่จะเก็บไว้ และเอามาใช้ใหม่ควรเติมเกลือ และพิมเสน การบูร
อย่างละ 1ช้อนโต๊ะ
- 29. แหล่ งที่มาอ้ างอิง
• https://sites.google.com/site/wisdom1305/phumipayya-thxngthin-luk-prakhb-smunphir-1
• http://www.tungsong.com/samunpai/herbs/herbs.htm
• http://www.tistr.or.th/spa/herb/01.html