กฎหมายลักษณะเอกเทศสัญญา
- 3. เอกเทศสัญญา หมายถึง สัญญาชนิดที่มีชื่อซึ่งประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3
เอกเทศสัญญามี 22ประเภท
1. ซื้อขาย
2. แลกเปลี่ยน
3. ให้
4. เช่าทรัพย์
5. เช่าซื้อ
6. จ้างแรงงาน
7. จ้างทาของ
8. รับขน
9. ยืม
10. ฝากทรัพย์
11. ค้าประกัน
12. จานอง
13. จานา
14. เก็บของในคลัง
15. ตัวแทน
16. นายหน้า
17. ประนีประนอมยอมความ
18. การพนันและขันต่อ
20. ประกันภัย
21. ตั๋วเงิน
22. หุ้นส่วนและบริษัท
- 4. สัญญาซื้อขาย หมายถึง สัญญาที่ “ผู้ขาย” โอนกรรมสิทธิ์แห่ง
ทรัพย์สินให้แก่ “ผู้ซื้อ” และผู้ซื้อตกลงว่าจะใช้ราคาทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้าาย
ลักษณะของสัญญาซื้อขาย
1. เป็นสัญญาต่างตอบแทน
2. เป็นสัญญาที่มีวัตถุในการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
3. เป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ในการชาระราคาเพื่อตอบแทนการโอนกรรมสิทธิ์ใน
ทรัพย์สิน
4. เป็นสัญญาที่มีวัตถุาองสัญญาเป็นทรัพย์สิน
สัญญาซื้อาาย
- 5. 1. เป็ นสัญญาต่างตอบแทน
เป็นสัญญาที่ผู้ขายและผู้ซื้อต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้กัน โดยผู้ขายเป็นเจ้าหนี้และผู้ซื้อ
ผู้ซื้อเป็นลูกหนี้ หากผู้ซื้อไม่ยอมชาระราคา ผู้ขายก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งมอบทรัพย์สิน ในทางกลับกัน
กลับกันหากผู้ขายไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สิน ผู้ซื้อก็มีสิทธิที่จะยังไม่ชาระราคา
2. เป็ นสัญญาที่มีวัตถุในการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
เป็นสัญญาที่ผู้ขายตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนให้แก่ผู้ซื้อ หากไม่มีการโอน
โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ไปยังผู้ซื้อ สัญญานั้นย่อมไม่ใช่สัญญาซื้อขาย
Ex สัญญาซื้อเวลาออกอากาศสถานีวิทยุกระจายเสียงไม่ใช่สัญญาซื้อขาย เพราะไม่มี
ไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน แต่เป็นสัญญาให้บริการการออกกระจายเสียง
ลักษณะของสัญญาซื้อขาย
- 7. 4. เป็ นสัญญาที่มีวัตถุของสัญญาเป็ นทรัพย์สิน
สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ในการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน แต่ก็มี
ทรัพย์สินบางประเภทที่ตกลงซื้อขายกันตามปกติไม่ได้ เช่น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่วัด ที่
ที่ธรณีสงฆ์ ที่ศาลาสมบัติกลาง หรือทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ฯลฯ
ลักษณะของสัญญาซื้อขาย
- 8. สัญญาซื้อาายจะตกลงกันด้วยวิธีใดก็ได้ เช่น ด้วยวาจา ทางโทรศัพท์หรือตกลงกัน
เป็นหนังสือก็ได้ แต่สัญญาซื้อาายบางประเภทต้องทาตามแบบที่กฎหมายกาหนด มิฉะนั้น
สัญญาจะตกเป็นโมฆะ หรือบางกรณีต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ มิฉะนั้นจะฟ้ องร้องให้บังคับ
คดีไม่ได้ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
แบบของสัญญาซื้อขาย
- 10. แบบของสัญญาซื้อขาย
๒. สัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ
สัญญาจะซื้อจะขาย หมายถึง สัญญาซื้อาายกันในอนาคต สัญญาจะซื้อจะาาย
นั้นกฎหมายไม่ได้กาหนดให้ต้องทาตามแบบเหมือนสัญญาซื้อาายอสังหาริมทรัพย์ฯ แต่
กฎหมายกาหนดให้ต้องทาเป็นหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบ
หรือวางมัดจา หรือชาระหนี้บางส่วน หากไม่กระทาการอย่างใดอย่างหนึ่ง สัญญาจะซื้อ
จะาายนั้นไม่สามารถฟ้ องร้องบังคับคดีกันได้ แต่สัญญาดังกล่าวก็ยังสมบูรณ์ไม่ตกเป็น
โมฆะ
Ex แดงและดาตกลงด้วยวาจาทาสัญญาจะซื้อจะาายที่ดินาองดา หากดาผิด
สัญญาไม่ยอมไปทาสัญญาซื้อาายกันตามที่ตกลงกันไว้ แดงไม่สามารถนาสัญญาจะซื้อจะ
าายไปฟ้ องต่อศาลเพื่อบังคับดาได้ แต่แดงยังคงสามารถเรียกร้องให้ดาไปทาสัญญาซื้อาาย
ได้เสมอ เพราะสัญญาจะซื้อจะาายมีผลสมบูรณ์ทุกประการ
- 11. แบบของสัญญาซื้อขาย
๓. สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาทขึ้นไป
กฎหมายไม่ได้กาหนดให้ต้องทาตามแบบเหมือนอย่างสัญญาซื้อาาย
อสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ แต่กฎหมายกาหนดให้ต้องทาหลักฐานเป็น
หนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือวางมัดจาหรือชาระหนี้บางส่วนเช่นเดียวกับ
สัญญาจะซื้อจะาาย หากไม่กระทาการอย่างใดอย่างหนึ่ง สัญญาซื้อาายนั้นไม่สามารถ
ฟ้ องร้องบังคับคดีได้ สัญญาดังกล่าวก็ยังสมบูรณ์ไม่ตกเป็นโมฆะ
ดังนั้น สัญญาซื้อาายสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาต่ากว่า ๒๐,๐๐๐ บาท แม่ไม่ได้ทา
เป็นหลักฐาน เป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือวางมัดจา หรือชาระหนี้บางส่วน
คู่สัญญาก็สามารถฟ้ องร้องต่อศาลให้รับผิดตามสัญญาได้เสมอ
- 14. ข้อยกเว้น การโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ซื้อขาย
๒. สัญญาซื้อขายทรัพย์สินที่กาหนดไว้แต่เพียงประเภท
Ex แดงเป็นพ่อค้าาายเนื้อหมูในตลาดซึ่งมีเนื้อหมูอยู่เป็นจานวนมาก ดาตกลงซื้อ
เนื้อหมูจากแดงเป็นจานวน 2 กิโลกรัม กรณีนี้ถึงแม้สัญญาซื้อาายเกิดาึ้นแล้ว แต่กรรมสิทธิ์
ในเนื้อหมูก็ยังไม่โอนจากแดงไปยังดาทันทีที่สัญญาเกิด เพราะเนื้อหมูยังไม่ได้ถูกทาให้เป็น
ทรัพย์เฉพาะสิ่ง แต่เมื่อใดที่มีการตัดแบ่งและชั่งเนื้อหมูออมมาเป็นจานวน 2 กิโลกรัมเพื่อจะ
ทาการส่งมอบ เมื่อนั้นเนื้อหมูที่ตัดแบ่งออกมาและถูกชั่งน้าหนักแล้วจึงจะกลายเป็นทรัพย์
เฉพาะสิ่งและกรรมสิทธิ์จึงไม่โอนไปยังผู้ซื้อได้เลย
- 18. สัญญาซื้อขายเฉพาะอย่าง
๒. สัญญาขายตามตัวอย่าง ขายตามคาพรรณนา ขายเผื่อชอบ
๒.๑ สัญญาขายตามตัวอย่าง หมายถึง สัญญาที่ผู้าายให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสตรวจดู
หรือใช้ทรัพย์สินที่จะาายเป็นตัวอย่างก่อนที่จะตกลงทาสัญญาซื้อาาย
๒.๒ สัญญาขายตามคาพรรณนา หมายถึง สัญญาที่ผู้ซื้อไม่มีโอกาสได้เห็นและ
ตรวจสอบคุณภาพาองทรัพย์สิน แต่ผู้ซื้อได้ตกลงซื้อโดยคาเชื่อตามคาพรรณนาถึงลักษณะ
รูปพรรณและคุณภาพาองสินค้าที่ผู้าายได้พรรณนาไว้
๒.๓ สัญญาขายเผื่อชอบ หมายถึง สัญญาที่มีเงื่อนไาว่าให้ผู้ซื้อได้มีโอกาส
ตรวจดูสินทรัพย์ก่อน โดยผู้ซื้อจะซื้อหรือไม่ก็ได้
๒.๔ สัญญาขายทอดตลาด หมายถึง สัญญาที่ผู้าายนาทรัพย์สินออกเสนอาาย
โดยให้ผู้ซื้อสู้ราคากัน
- 23. สัญญาให้
สัญญาให้ หมายถึง สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า “ผู้ให้” โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
าองตนโดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับ” และผู้รับยอมรับเอาเอาทรัพย์สินนั้น
Ex แดงถูกลอตเตอรี่จานวน ๓ ล้านบาท แดงจึงแบ่งเงินรางวัลจานวน ๕ แสนบาท
ให้แก่นายดา ซึ่งเป็นน้องชายาองตน โดยดารับเอาเงินจานวนดังกล่าวด้วยความดีใจ
- 27. สัญญาเช่าทรัพย์
สัญญาเช่าทรัพย์ หมายถึง สัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า “ผู้ให้เช่า” ตกลงให้บุคคลอีกคน
หนึ่งเรียกว่า “ผู้เช่า” ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินตามกาหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ และผู้เช่า
ตกลงจะให้ค่าเช่าแก่ผู้ให้เช่าเป็นการตอบแทนจากการที่ตนได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่า
ลักษณะของสัญญาเช่าทรัพย์
๑. เป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้ให้เช่าต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ให้เช่าแก่ผู้เช่า และผู้เช่าต้องชาระค่า
เช่าแก่ผู้ให้เช่าเป็นการตอบแทน
๒. เป็นสัญญาที่ไม่ได้มีโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน เช่น แดงให้ดาเช่ารถยนต์ของตน ดาอาจนา
รถยนต์คันดังกล่าวไปให้ขาวเช่าต่ออีกทอดหนึ่ง การกระทาดังกล่าวเรียกว่า “การเช่าช่วง”
- 28. สัญญาเช่าทรัพย์
ลักษณะของสัญญาเช่าทรัพย์
๓. เป็นสัญญาที่มีระยะเวลาจากัด การเช่าสังหาริมทรัพย์นั้นคู่สัญญาจะกาหนดระยะเวลาการเช่า
นานเพียงใดก็ได้ แต่การเช่าอสังหาริมทรัพย์กฎหมายกาหนดให้เช่าได้ไม่เกิน ๓๐ ปี
๔. เป็นสัญญาที่ถือเอาคุณสมบัติของผู้เช่าเป็นสาระสาคัญ เมื่อผู้เช่ามีคุณสมบัติที่จะดูแลรักษา
ทรัพย์สินที่ให้เช่าได้ ผู้ให้เช่าก็จะยินยอมให้เช่าทรัพย์สิน ดังนั้น หากผู้เช่าตาย สัญญาย่อมระงับ
ลง และผู้เช่าจะเอาทรัพย์สินไปให้บุคคลอื่นเช่าต่อโดยผู้ให้เช่าไม่ยินยอมไม่ได้
๕. เป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ สัญญาเช่าจึงสมบูรณ์เมื่อมีการตกลงกันระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่า แต่
หากเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นกฎหมายกาหนดให้ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับ
ผิด มิฉะนั้นจะไม่สามารถฟ้ องร้องบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญาเช่าได้
- 30. สัญญาเช่าซื้อ
สัญญาเช่าซื้อ หมายถึง “ผู้ให้เช่าซื้อ” นาทรัพย์สินของตนออกให้เช่าและให้คามั่นว่าจะ
ขายทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ “ผู้เช่าซื้อ” โดยมีเงื่อนไขว่าผู้เช่าซื้อต้องชาระราคาทรัพย์สินนั้นเป็นงวดๆ
จนครบตามจานวนที่ได้ตกลงไว้ในสัญญา
ลักษณะของสัญญาเช่าซื้อ
๑. เป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้ให้เช่าซื้อต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ให้เช่าแก่ผู้เช่าซื้อและโอนกรรม
สิทธ์ให้เมื่อผู้เช่าซื้อชาระเงินครบทุกงวด
๒. ผู้ให้เช่าซื้อไม่ต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อก็ได้ เช่น นายแดงทาสัญญาเช่าซื้อกับนาย
ดา ในระหว่างที่แดงยังชาระราคารถยนต์แก่ดาไม่ครบถ้วน แดงจึงไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์
รถยนต์คนดังกล่าวจากดา
- 32. สัญญาจ้างแรงงาน
สัญญาจ้างแรงงาน หมายถึง “ลูกจ้าง” ตกลงที่จะทางานให้กับ “นายจ้าง” และนายจ้าง
ตกลงจะให้สินจ้างตลอดเวลาที่ทางาน
ลักษณะของสัญญาจ้างแรงงาน
๑. เป็นสัญญาต่างตอบแทน ลูกจ้างต้องทางานให้แก่นายจ้าง ส่วนนายจ้างต้องจ่ายสินจ้างให้แก่
ลูกจ้างตลอดระยะเวลาที่ลูกจ้างทางานให้
๒. เป็นสัญญาที่สาระสาคัญอยู่ที่ตัวบุคคลผู้เป็นคู่สัญญา ในการตัดสินใจเข้าทาสัญญาทั้งฝ่าย
นายจ้างลูกจ้าง จะต้องพิจารณาคุณสมบัติและบุคลิกลักษณะของแต่ละฝ่ายจนพอใจจึงจะตก
ลงเข้าทางานด้วยกัน
๓. เป็นสัญญาที่คู่สัญญามีความสัมพันธ์พิเศษแตกต่างไปจากสัญญาชนิดอื่นๆ ลูกจ้างต้อง
ทางานให้แก่นายจ้างด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และนายจ้างมีอานาจบังคับบัญชาลูกจ้าง
๔. เป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ สัญญาจ้างแรงงานไม่จาเป็นต้องทาเป็นหนังสือสัญญาเพียงแต่ตกลงกัน
ด้วยวาจา
- 33. สัญญาจ้างทาของ
สัญญาจ้างทาของ หมายถึง “ผู้รับจ้าง” ตกลงรับจะทาการงานสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนสาเร็จ
ให้แก่ “ผู้ว่าจ้าง” และผู้ว่าจ้างตกลงจะให้สิจ้างเพื่อผลสาเร็จแห่งการที่ทานั้น
ลักษณะของสัญญาจ้างทาของ
๑. เป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้รับจ้างต้องทางานที่รับมาจนสาเร็จ ส่วนผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายสินจ้าง
ให้เป็นการตอบแทน โดยสินจ้างจะเป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดก็ได้
๒. เป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์ตรงที่ผลสาเร็จของงานที่ว่าจ้าง ถ้าผู้รับจ้างทางานไม่สาเร็จผู้ว่า
จ้างก็ไม่ต้องจ่ายสินจ้าง
๓. เป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ สัญญาจ้างทาของไม่จาเป็นต้องทาเป็นหนังสือ เพียงแต่ตกลงกันด้วย
วาจา
- 34. ความแตกต่างระหว่างสัญญาจ้างแรงงานกับสัญญาจ้างทาของ
ประเด็น สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาจ้างทาของ
๑. วัตถุประสงค์ของสัญญา แรงงานของลูกจ้าง ผลสาเร็จของงานที่ว่าจ้าง
๒. สินจ้าง ต้องเป็นเงินเท่านั้น อาจเป็นเงินหรือทรัพย์สินก็ได้
๓. การจ่ายสินจ้าง นายจ้างต้องจ่ายสินจ้าง
ตลอดเวลาที่ลูกจ้างทางานให้แม้
แม้ลูกจ้างจะทางานไม่สาเร็จก็
ตาม
ผู้ว่าจ้างจะจ่ายสินจ้างเมื่อผู้รับ
จ้างทางานสาเร็จ หากผู้รับจ้าง
ทางานไม่สาเร็จ ผู้ว่าจ้างก็ไม่ต้อง
ต้องจ่ายสินจ้าง
๔. อานาจบังคับบัญชา นายจ้างมีอานาจบังคับบัญชา
ลูกจ้าง
ผู้ว่าจ้างไม่มีอานาจบังตับบัญชา
- 35. ความแตกต่างระหว่างสัญญาจ้างแรงงานกับสัญญาจ้างทาของ
ประเด็น สัญญาจ้างแรงงาน สัญญาจ้างทาของ
๕. การให้บุคคลอื่นทางานแทน ลูกจ้างให้ผู้อื่นทางานแทนไม่ได้ ผู้รับจ้างสามารถให้บุคคลอื่น
ทางานแทนได้ หากสาระสาคัญ
สาระสาคัญของงานนั้นไม่ได้อยู่ที่
ที่ความรู้ความสามารถของ ผู้รับ
ผู้รับจ้าง
๖. ความรับผิดชอบในการทา
ทาละเมิด
เมื่อลูกจ้างทาละเมินในการงานที่
ที่จ้าง นายจ้างจะต้องร่วมรับผิด
ผิดกับลูกจ้างด้วย
เมื่อผู้รับจ้างทาละเมิด ผู้ว่าจ้างไม่
ไม่ต้องร่วมรับผิดกับผู้รับจ้าง เว้น
เว้นแต่การละเมิดเกิดจากการงาน
งานที่ผู้ว่าจ้างสั่งให้ทา หรือคาสั่ง
คาสั่งของผู้ว่าจ้าง
๗. ศาลที่มีอานาจพิจารณาคดี ศาลแรงงาน ศาลแพ่ง ศาลจังหวัด หรือศาล
แขวง แล้วแต่กรณี
- 36. สัญญายืม
สัญญายืมมี 2 ประเภท
๑. สัญญายืมใช้คงรูป หมายถึง “ผู้ให้ยืม” ให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า “ผู้ยืม” ใช้สอย
ทรัพย์สินสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เปล่าและผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินนั้นเมื่อได้ใช้สอยเสร็จแล้ว
ลักษณะของสัญญายืมใช้คงรูป
๑. เป็นสัญญาไม่ต่างตอบแทน คือ เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหน้าที่ในการชาระหนี้แก่ผู้ยืม
เพียงฝ่ายเดียว
๒. เป็นสัญญาไม่มีค่าตอบแทน คือ เป็นสัญญาที่ให้ผู้ยืมได้ใช้สอยทรัพย์สินที่ยืมโดยไม่
ต้องเสียค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิน
- 37. สัญญายืม
ลักษณะของสัญญายืมใช้คงรูป
๓. เป็นสัญญาที่บริบูรณ์เมื่อมีการส่งมอบทรัพย์ที่ยืม คือ สัญญายืมใช้คงรูปเกิดขึ้นเมื่อผู้
ให้ยืมส่งมอบทรัพย์สินให้แก่ผู้ยืม หากคู่สัญญาเพียงแต่ตกลงกันโดยผู้ให้ยืมยังไม่ส่งมอบทรัพย์สิน
สัญญายืมใช้คงรูปก็ยังไม่เกิดขึ้น
๔. เป็นสัญญาที่ไม่โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ยืม กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ยืมยังคงเป็นของผู้
ให้ยืมเสมอ ผู้ยืมมีเพียงสิทธิในการใช้สอยทรัพย์ที่ยืมเท่านั้น
๕. เป็นสัญญาที่ถือคุณสมบัติของผู้ยืมเป็นสาระสาคัญ หากผู้ยืมตาม สัญญายืมใช้คง
รูปย่อมระงับลง
- 38. สัญญายืม
๒. สัญญายืมใช้สิ้นเปลือง หมายถึง สัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิดใช้
แล้วหมดไปเป็นปริมาณที่มีกาหนดให้แก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด
ปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งยืมไป เช่น การกู้ยืมเงิน การยืมเนื้อมาประกอบอาหาร
ลักษณะของสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง
๑. เป็นสัญญาไม่ต่างตอบแทน คือ เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหน้าที่ในการชาระหนี้แก่ผู้ยืม
เพียงฝ่ายเดียว
๒. เป็นสัญญาที่จะมีค่าตอบแทนหรือไม่ก็ได้ โดยหลักแล้วผู้ยืมได้ใช้สอยทรัพย์ใช้สิ้นที่ยืม
โดยไม่ต้องเสียวค่าตอบแทน แต่คู่สัญญาอาจตกลงกันให้มีค่าตอบแทนสาหรับการยืมก็ได้
- 40. ความแตกต่างระหว่างสัญญายืมใช้คงรูปกับสัญญายืมใช้
สิ้นเปลือง
ประเด็น สัญญายืมใช้คงรูป สัญญายืมใช้สิ้นเปลือง
๑. ลักษณะการใช้ทรัพย์สิน การใช้ทรัพย์ที่ยืมจะไม่ทาให้ทรัพย์
ทรัพย์เสียภาพและไม่ทาให้
สิ้นเปลืองหมดไป
การใช้ทรัพย์สินที่ยืมจะทาให้ทรัพย์
ทรัพย์เสียภาพและสิ้นเปลืองไป
๒. การเป็นเจ้าของทรัพย์ของผู้
ผู้ให้ยืม
ผู้ให้ยืมไม่จาเป็นต้องเป็นเจ้าของ
เจ้าของทรัพย์
ผู้ยืมต้องเป็นเจ้าของทรัพย์
๓. การโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์
ทรัพย์ที่ยืม
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ยืมไม่โอนไป
ไปเป็นของผู้ยืม
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ยืมโอนไปเป็น
เป็นของผู้ยืม
๔. ค่าตอบแทนในการใช้สอย
สอยทรัพย์
ไม่มีค่าตอบแทนการได้ใช้ทรัพย์ มีค่าตอบแทนการได้ทรัพย์หรือไม่
หรือไม่ก็ได้
- 42. สัญญายืม
สัญญากู้ยืมเงิน เป็ นสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง อย่างหนึ่ง หมายถึง สัญญาที่ผู้ให้ยืมส่ง
มอบและโอนกรรมสิทธิ์ในเงินจานวนหนึ่งให้แก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงคืนเงินในจานวนที่ตนได้รับมา
ให้แก่ผู้ให้ยืม
สัญญากู้ยืมเงินย่อมสมบูรณ์เมื่อผู้ให้ยืมส่งมอบเงินให้แก่ผู้ยืม หากไม่มีการส่งมอบเงินที่ยืม
สัญญากูยืมเงินยังไม่เกิดขึ้น
Ex ดาตกลงให้แดงกู้ยืมเงินจานวน ๕๐๐ บาท แต่ดาไม่ยอมส่งมอบเงินให้แก่แดง ดังนี้
แดงไม่สามารถเรียกร้องให้ดาส่งมอบเงินจานวน ๕๐๐ บาทนั้นให้แก่ตนได้เพราะสัญญากู้ยืมเงินยังไม่
เกิดขึ้น
- 43. สัญญายืม
หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงิน การกู้ยืมเงินเกินกว่า ๒,๐๐๐ บาท กฎหมายกาหนดให้
ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือที่มีการลงลายชื่อผู้ที่จะรับผิด มิฉะนั้นจะไม่สามารถฟ้ องร้องบังคับคดีได้
ดอกเบี้ยสาหรับการกู้ยืมเงิน ในกรณีที่กาหนดให้ผู้ยืมต้องเสียดอกเบี้ย กฎหมายห้ามคิด
ดอกเบี้ยเกินร้อยละ ๑๕ ต่อปี หากกาหนดอัตราดอกเบี้ยไว้เกินกว่าร้อยละ ๑๕ ต่อปี จะทาให้
ข้อตกลงที่ให้ผู้ยืมต้องเสียดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นเป็นโมฆะ ผู้ให้ยืมไม่สามารถเรียกดอกเบี้ยได้ แต่
เรียกร้องให้คืนเงินต้นได้
Ex ดากู้ยืมเงินแดงเป็นจานวน ๑,๐๐๐ บาท โดยแดงคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๒ ต่อ
เดือน (ร้อยละ ๑๕ ต่อปี) ดังนี้ ข้อตกลงเรื่องดอกเบี้ยตกเป็นโมฆะ แดงจึงเรียกดอกเบี้ยจากดาไม่ได้
เลย แต่แดงยังสามารถเรียกต้นเงินจานวน ๑,๐๐๐ บาทจากแดงได้อยู่
- 44. สัญญาฝากทรัพย์
สัญญาฝากทรัพย์ หมายถึง “ผู้ฝาก” ส่งมอบทรัพย์สินให้แก่ “ผู้รับฝาก” และผู้รับฝากตก
ลงว่าจะเก็บรักษาทรัพย์สินนั้นไว้ในอารักขาแห่งตนแล้วจะคืนให้
Ex แดงขับรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวงานกาชาดประจาปีในตัวเมือง เมื่อถึงหน้างานจึงตก
ลงฝากรถคันดังกล่าวไว้กับดา ซึ่งรับฝากรถอยู่หน้างาน โดยแดงจะมารับคืนเมื่องานเลิก
- 47. สัญญาค้าประกัน
สัญญาค้าประกัน หมายถึง “ผู้ค้าประกัน” ผูกพันตนต่อ “เจ้าหนี้” คนหนึ่งเพื่อชาระใน
เมื่อลูกหนี้ไม่ชาระหนี้นั้น
Ex แดงกู้เงินจากดาโดยมีเขียวมาทาสัญญาค้าประกันกับดาเพื่อประกันหนี้เงินกู้ของแดง
เมื่อหนี้ถึงกาหนดชาระ แดงไม่ยอมชาระหนี้เงินกู้ ดาสามารถเรียกให้เขียวชาระหนี้เงินกู้ในฐานะ
เป็นผู้ค้าประกันได้
- 49. สัญญาจานอง
สัญญาจานอง หมายถึง “ผู้จานอง” เอาทรัพย์สินตราไว้กับ “ผู้รับจานอง” เป็นประกัน
การชาระหนี้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับจานอง
Ex แดงกู้เงินจากดาจานวน ๑ ล้านบาท และแดงได้ทาสัญญาจานองกับดา โดยนาที่ดิน
ของตนมาจดทะเบียนจานองเพื่อประกันหนี้กู้ยืมเงิน หากต่อมาแดงไม่มาชาระหนี้ภายในกาหนด ดา
สามารถฟ้ องศาลให้บังคับที่ดินที่นามาจานองไปขายทอดตลาดเพื่อนาเงินมาชาระหนี้เงินกู้ได้
- 50. ลักษณะของสัญญาจานอง
๑. เป็นสัญญาอุปกรณ์ สัญญาจานองเป็นสัญญาเช่นเดียวกับสัญญาค้าประกัน หากหนี้
าองลูกหนี้ซึ่งเป็นนี้ประธานระงับไปย่อมทาให้สัญญาจานองระงับไปด้วย
๒. ผู้จานองจะเป็นลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกก็ได้ แต่ผู้จานองต้องเป็นเจ้าาองทรัพย์ที่นามา
จานอง ผู้จานองจะเอาทรัพย์าองบุคคลอื่นมาจานองไม่ได้
๓. เป็นสัญญาที่ไม่มีการส่งมอบทรัพย์สินที่จานอง ผู้จานาจะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่จานาให้
ผู้รับจานา
๔. เป็นสัญญาที่มีแบบ ต้องทาหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มิเช่นนั้น
สัญญาจะตกเป็นโมฆะ
- 51. ทรัพย์สินที่จานองได้
๑. อสังหาริมทรัพย์
๒. สังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ เช่น เรือระวางตั้งแต่ ๕ ตันาึ้นไป สัตว์พาหนะ แพที่อยู่อาศัย
๓. สังหาริมทรัพย์อื่น เช่น เครื่องจักร เครื่องบิน รถยนต์ที่จดทะเบียนแล้ว รถพ่วง รถบด
ถนน รถแทรคเตอร์ที่จดทะเบียนแล้ว ฯลฯ
ผลของการบังคับจานอง
หากบังคับทรัพย์สินที่จานองไปาายทอดตลาดได้เงินมาไม่พอที่จะชาระหนี้ที่ลูกหนี้
ค้างชาระอยู่ เจ้าหนี้ได้รับชาระเงินเพียงเท่าที่าายทอดตลาดทรัพย์ที่จานองได้ ลูกหนี้ไม่ต้อง
รับผิดชอบในส่วนที่าาด
- 52. สัญญาจานา
สัญญาจานา หมายถึง “ผู้จานา” ส่งมอบสังหาริมทรัพย์สิ่งหนึ่งให้แก่ “ผู้รับจานา” เพื่อ
เป็นประกันการชาระหนี้
Ex ดากู้เงินจากแดงจานวน ๕,๐๐๐ บาท และดาได้ทาสัญญาจานากับแดง โดยดามอบ
สร้อยคอทองคาให้กับแดงยึดถือไปเป็นประกันการชาระหนี้ หากดาไม่ชาระหนี้ภายในกาหนด แดง
สามารถนาสร้อยคอทองคาออกขายทอดตลาดใช้หนี้ได้โดยไม่ต้องฟ้ องศาล
- 53. ลักษณะของสัญญาจานา
๑. เป็นสัญญาอุปกรณ์ สัญญาจานาเป็นสัญญาเช่นเดียวกับสัญญาค้าประกัน หากหนี้าอง
ลูกหนี้ซึ่งเป็นนี้ประธานระงับไปย่อมทาให้สัญญาจานองระงับไปด้วย
๒. ผู้จานาจะเป็นลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกก็ได้ แต่ผู้จานาต้องเป็นเจ้าาองทรัพย์ที่นามา
จานา ผู้จานาจะเอาทรัพย์าองบุคคลอื่นมาจานาไม่ได้
๓. เป็นสัญญาที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินที่จานาแก่ผู้รับจานา ถ้าไม่มีการส่งมอบทรัพย์สัญญา
จานา จะไม่เกิดาึ้น และเมื่อใดที่ผู้รับจานาส่งมอบทรัพย์ที่จานาคืนแก่ผู้จานาสัญญา
จานาจะระงับทันที
๔. เป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ สัญญาจานาจึงสมบูรณ์เมื่อมีการตกลงกันระหว่างผู้จานากับ
ผู้รับจานา ไม่ว่าจะตกลงกันด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษร
- 55. ความแตกต่างระหว่างสัญญาจานองกับสัญญาจานา
ประเด็น สัญญาจานอง สัญญาจานา
๑. ทรัพย์ที่นามาประกัน อสังหาริมทรัพย์ สังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ สังหาริมทรัพย์ทุกชนิด
๒. แบบของสัญญา ทาเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน
พนักงานเจ้าหน้าที่
ไม่มีแบบ
๓. การส่งมอบทรัพย์ที่
นามาประกัน
ไม่ต้องส่งมอบทรัพย์ที่จานอง ต้องส่งมอบทรัพย์ที่จานา
๔. การบังคับทรัพย์ที่นามา
นามาประกัน
ต้องฟ้ องศาลเพื่อขายทอดตลาด ขายทอดตลาดได้เองโดยไม่
ต้องขึ้นศาล
- 58. ลักษณะของสัญญาประกันภัย
สัญญาประกันภัยมีลักษณะที่สาคัญดังนี้
๑) เป็ นสัญญาต่างตอบแทน กล่าวคือ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่ที่จะต้อง
ปฏิบัติต่อกัน ได้แก่ ผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่ชาระเบี้ยประกันภัย และผู้รับประรับประกันภัยมี
หน้าที่จ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือชดใช้เงินจานวนหนึ่งให้ตามเงื่อนไขที่กาหนดไว้เป็นการตอบแทน
๒) เป็ นสัญญาเสี่ยงโชค กล่าวคือ เงื่อนไขในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือชดใช้
เงินของฝ่ายผู้รับประกันภัยนั้นขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในอนาคตซึ่งไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่และ
เมื่อใด
- 60. ๕) เป็นสัญญาที่ไม่มีแบบ ดังนั้น สัญญาประกันภัยจึงสมบูรณ์เมื่อมีการตกลง
กันระหว่างผู้รับประกันภัยกับผู้เอาประกันภัยไม่ว่าจะด้วยวิธีใด แต่การที่จะฟ้ องให้รับผิด
ตามสัญญาประกันภัยได้นั้น จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด
เป็นสาคัญ แต่อย่างไรก็ดีสัญญาประกันภัยที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือนั้นก็ไม่เป็นโมฆะแต่
อย่างใดยังมีผลสมบูรณ์เพียงแต่ไม่สามารถฟ้ องร้องบังคับคดีกันได้เท่านั้น
ลักษณะของสัญญาประกันภัย
- 61. ประเภทของสัญญาประกันภัย
สัญญาประกันภัยแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่
๑) สัญญาประกันวินาศภัย หมายถึง สัญญาซึ่งผู้รับประกันวินาศภัยตกลงจะใช้ค่า
สินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันวินาศภัย เมื่อมีความเสียหายอย่างใด ๆ เกิดขึ้นตามที่ตกลงกันไว้
ในสัญญา โดยผู้เอาประกันวินาศภัยตกลงจะส่งเบี้ยประกันให้กับผู้รับประกันวินาศภัยเป็นการตอบ
แทน เช่น แดงตกลงทาสัญญาประกันอัคคีภัยสาหรับบ้านของตนกับบริษัท ดา จากัด หรือแดง
ตกลงทาสัญญาประกันความเสียหายที่เกิดแก่รถยนต์ของตนกับบริษัท ดา จากัด
- 62. ๒) สัญญาประกันชีวิต หมายถึง สัญญาซึ่งผู้รับประกันชีวิตตกลงจะใช้เงิน
จานวนหนึ่งให้แก่ผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้ที่ได้ถูกเอา
ประกันชีวิตถึงแก่ความตาย หรือเมื่อผู้นั้นมีชีวิตอยู่จนถึงเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ และผู้เอา
ประกันชีวิตได้ตกลงส่งเบี้ยประกันให้แก่ผู้รับประกันชีวิต เช่น เาียวตกลงทาสัญญาประกัน
ชีวิตาองตนกับบริษัท ดา จากัด โดยตกลงว่าหากเาียวตาย บริษัท ดา จากัด จะจ่ายเงิน
ให้แก่บุตราองเาียว ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต
ประเภทของสัญญาประกันภัย
- 64. ลักษณะของสัญญาตั๋วเงิน
๑) สัญญาตั๋วเงินต้องทาเป็ นหนังสือตราสาร กล่าวคือ ต้องทาเป็นลายลักษณ์
อักษร และมีลายมือชื่อผู้ออกตราสาร หนังสือตราสารต้องมีเนื้อความตามที่กฎหมายกาหนด
หนังสือตราสารประกอบไปด้วยสิทธิทางหนี้ ซึ่งผู้รับตราสารมีสิทธิเรียกร้องตามเนื้อความในตรา
สารและสิทธิทางทรัพย์ในตราสารซึ่งผู้ออกตราสารส่งมอบให้ผู้รับตราสาร
Ex ดาออกเช็คสั่งธนาคารจ่ายเงิน จานวน ๒๐,๐๐๐ บาท ให้แก่แดง สิทธิทางหนี้
คือ แดงมีสิทธินาเช็คไปยื่นให้ธนาคารจ่ายเงินได้ ส่วนสิทธิทางทรัพย์ คือ แดงเป็นเจ้าของ
หนังสือตราสาร (เช็ค) ดังกล่าว
- 65. ๒) วัตถุแห่งหนี้ตามสัญญาตั๋วเงินต้องเป็นเงินตรา กล่าวคือ สัญญาตั๋วเงิน
ต้องสั่งให้จ่ายเงินเท่านั้น จะสั่งให้กระทาการ งดเว้นกระทาการ หรือส่งมอบทรัพย์สินอื่น
นอกจากเงินตราไม่ได้
Ex แดงออกตั๋วแลกเงินสั่งดาให้ส่งมอบทองคาหนัก ๕ บาท ให้แก่เาียวเพื่อชาระ
ค่าสินค้า สัญญาดังกล่าวไม่ใช่สัญญาตั๋วเงินเพราะไม่ได้มีคาสั่งให้จ่ายเงิน
ลักษณะของสัญญาตั๋วเงิน
- 66. ประเภทของตั๋วเงิน
๑) ตั๋วแลกเงิน หมายถึง หนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้สั่งจ่าย”
สั่งบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้จ่าย” ให้ใช้เงินจานวนหนึ่งแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้
ตามคาสั่งาองบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับเงิน” เช่น แดงออกตั๋วแลกเงินสั่งดาให้
จ่ายเงินจานวน ๑๐,๐๐๐ บาท ให้แก่เาียวเพื่อชาระค่าสินค้า
๒) ตั๋วสัญญาใช้เงิน หมายถึง หนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้
ออกตั๋ว” ให้คามั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจานวนหนึ่งให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคาสั่ง
าองบุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับเงิน” เช่น แดงออกตั๋วสัญญาใช้เงินโดยแดงสัญญาว่า
จะจ่ายเงินให้แก่ดาเพื่อชาระหนี้ค่าเช่าบ้าน
- 67. ๓) เช็ค หมายถึง หนังสือตราสารซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้สั่งจ่าย” สั่ง
“ธนาคาร” ให้ใช้เงินจานวนหนึ่งเมื่อทวงถามให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่ง หรือให้ใช้ตามคาสั่งาอง
บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า “ผู้รับเงิน” เช่น ดาออกเช็คสั่งธนาคารจ่ายเงินจานวน ๑๐,๐๐๐
บาท ให้แก่แดงเพื่อชาระหนี้เงินกู้
ข้อสังเกต ตั๋วสัญญาใช้เงินมีบุคคลที่เกี่ยวา้องเพียง ๒ ฝ่ายเท่านั้น ซึ่งต่างจาก
ตั๋วแลกเงินและเช็คที่มีบุคคลที่เกี่ยวา้อง ๓ ฝ่าย
ประเภทของตั๋วเงิน
- 69. ลักษณะของสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
สัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทมีลักษณะที่สาคัญ ดังนี้
๑) ต้องมีบุคคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปร่วมกันจัดตั้งห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
อย่างไรก็ดีหากต้องการจัดตั้งเป็นบริษัทต้องมีผู้เริ่มก่อการ (ผู้จัดตั้ง)
ตั้งแต่ ๗ คนาึ้นไป ดังนั้น หากมีบุคคลเพียงคนเดียวแม้จะประกอบกิจการการค้าก็ไม่ถือว่า
เป็นหุ้นส่วนหรือบริษัท
๒) ต้องเข้าทากิจการร่วมกัน คู่สัญญาทุกคนต้องนาเงินหรือทรัพย์สินอื่นหรือ
แรงงาน เพื่อแสวงหากาไรร่วมกัน และทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการดาเนินกิจการ
๓) ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันกาไร หากไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันกาไร
ก็ไม่เป็นหุ้นส่วนหรือบริษัท แต่อาจเป็นสมาคมหรือมูลนิธิ
- 70. ประเภทของห้างหุ้นส่วน
ห้างหุ้นส่วนมี ๓ ประเภท ได้แก่
๑) ห้างหุ้นส่วนสามัญ หมายถึง ห้างหุ้นส่วนที่ไม่ได้นาไปจดทะเบียนและมีหุ้นส่วน
ประเภทเดียว ได้แก่ หุ้นส่วนไม่จากัดความรับผิด กล่าวคือ ทุกคนต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จากัด
จานวน ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล
๒) ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หมายถึง ห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนโดยมีฐานะเป็นนิติ
บุคคล และมีหุ้นส่วนประเภทเดียว ได้แก่ หุ้นส่วนไม่จากัดความรับผิด เช่นเดียวกับห้างหุ้นส่วน
สามัญ
- 71. ๓) ห้างหุ้นส่วนจากัด หมายถึง ห้างหุ้นส่วนที่จดทะเบียนโดยมีฐานะเป็นนิติ
บุคคล เช่นเดียวกับห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน แต่มีหุ้นส่วน ๒ ประเภท ได้แก่
(๑) หุ้นส่วนไม่จากัดความรับผิด
(๒) หุ้นส่วนจากัดความรับผิด ซึ่งหมายถึง หุ้นส่วนที่ต้องรับผิดไม่เกินจานวนที่
ลงจะลงหุ้นไว้
Ex แดงเป็นหุ้นส่วนประเภทจากัดความรับผิดตกลงจะลงหุ้นเป็นเงิน ๑ แสน
บาท เมื่อห้างเลิกกิจการและมีหนี้ที่จะต้องชาระ แดงจะต้องรับผิดในหนี้นั้นไม่เกิน ๑ แสน
บาท ถ้าแดงได้นาเงินมาลงหุ้นจนครบ ๑ แสนบาทตามที่ได้ตกลงไว้แล้ว ความรับผิดชอบ
าองแดงก็หมดไป แต่ถ้าแดงส่งเงินให้กับห้างไปเพียง ๕ หมื่นบาท แดงก็ยังมีความรับผิด
อีก ๕ หมื่นบาท
ประเภทของห้างหุ้นส่วน