SlideShare a Scribd company logo
1 of 9
Download to read offline
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2560
ชื่อโครงงาน รู้เท่าทันมะเร็งเต้านม
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาววิชญาพร แสงสว่าง เลขที่ 2 ชั้น ม.6 ห้อง 5
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิก
นางสาววิชญาพร แสงสว่าง เลขที่ 2
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
รู้เท่าทันมะเร็งเต้านม
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Breast cancer
ประเภทโครงงาน พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาววิชญาพร แสงสว่าง
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่1
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เป็นโรคมะเร็งที่พัฒนาจากเนื้อเยื่อเต้านม อาจมีอาการแสดง ได้แก่ มีก้อนในเต้านม มีการเปลี่ยนแปลง
รูปทรงของเต้านม ผิวหนังมีรอยบุ๋ม มีสารน้้าไหลจากหัวนม หรือมีปื้นผิวหนังมีเกล็ดแดง ในผู้ที่มีการแพร่ของโรคไป
ไกล อาจมีปวดกระดูก ปุ่มน้้าเหลืองโต หายใจล้าบาก มะเร็งเต้านมทั่วโลกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิง โดยคิดเป็น
25% ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด ในปี 2555 โรคนี้มีผู้ป่วย 1.68 ล้านคน และผู้เสียชีวิต 522,000 คน พบมากกว่าใน
ประเทศพัฒนาแล้ว และพบในหญิงมากกว่าชาย 100 เท่า สาเหตุจากมะเร็งเต้านมคือการมีระดับเอสโตรเจนในเลือด
สูงเป็นเวลานาน โดยพบว่าร้อยละ5-10 ของผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมมีความผิดปกติทางพันธุกรรม ผู้ที่มรปัจจัยเสี่ยงต่อ
การพบมะเร็งเต้านมมากที่สุดจะเป็นคนที่มีช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปค่ะ
ซึ่งถ้าเป็นในระยะแรกๆจะไม่ค่อยมีอาการชัดเจน ต่อมาผู้ป่วยจะคล้าได้ก้อนที่เต้านม ดังนั้นจึงมีวิธีการตรวจ
มะเร็งเต้านมด้วยตนเองโดยจะคล้าได้ก้อนที่บริเวณเต้านมหรือรักแร้ แต่ถ้าไม่แน่ใจควรรีบไปพบแพทย์ทันที่ มะเร็งเต้า
นมสามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุ20ปีขึ้นไป แต่ก่อนการตรวจต้องทราบก่อนว่าขนาดและลักษณะของเต้านมเปลี่ยนแปลง
ตลอดเวลา จึงมีการจัดท้าสื่อการเรียนการเรียนนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษาเรื่องมะเร็งเต้านมได้มาศึกษาค่ะ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้รู้วิธีการตรวจการรักษามะเร็งอย่างถูกต้อง
2. สามารถน้าไปใช้ในชีวิตประจ้าวันได้จริง
3. เพื่อให้ผู้คนตื่นตัวกับโรคมะเร็งเต้านม
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจ้ากัดของการท้าโครงงาน)
จัดท้าโครงงานคอมพิวเตอร์ให้กับผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของมะเร็งเต้านม เพื่อให้ทราบวิธีการตรวจ
มะเร็งเต้านมด้วยตนเอง และวิธีการรักษาโรคมะเร็งเต้านม
3
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการท้าโครงงาน)
โรคมะเร็งเต้านม (Breast cancer)
โรคมะเร็งเต้านม (Breast cancer) เป็นโรคมะเร็งที่มีความสัมพันธ์กับการมีระดับเอสโตรเจนในเลือดสูงเป็นเวลานาน โดยเป็นมะเร็งที่
พบได้บ่อยเป็นอันดับที่ 1-2 ของโรคมะเร็งที่พบได้ในผู้หญิง จะเริ่มพบได้ตั้งแต่วัยสาวเป็นต้นไป และจะพบได้มากขึ้นตามอายุ ส่วนมาก
จะพบในหญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
มะเร็งชนิดนี้เป็นโรคมะเร็งของผู้ใหญ่ เพราะจะพบได้สูงขึ้นตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป และมีเพียงประมาณ 5% เท่านั้นที่พบได้ในอายุต่้า
กว่า40 ปี
มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับ 2 ของโรคมะเร็งที่พบได้ในผู้หญิง โดยคิดเป็นประมาณ 16% ของโรคมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด
😋 มะเร็งชนิดนี้เป็นโรคมะเร็งของผู้ใหญ่ เพราะจะพบได้สูงขึ้นตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป และมีเพียงประมาณ 5% เท่านั้นที่พบได้ในอายุ
ต่้ากว่า 40 ปี
😋 มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับ 2 ของโรคมะเร็งที่พบได้ในผู้หญิง โดยคิดเป็นประมาณ 16% ของโรคมะเร็งในผู้หญิง
ทั้งหมด
😋 อัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละเชื้อชาติและภูมิประเทศ โดยมีรายงานว่าในภูมิภาคเอเชียจะ
พบได้ประมาณ 18-26 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน, ในภูมิภาคแอฟริกาพบได้ประมาณ 22-28 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน, ใน
อเมริกากลางและอเมริกาใต้พบได้ประมาณ 42 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน, ในทวีปยุโรปพบได้ประมาณ 49-78 คนต่อประชากรหนึ่ง
แสนคน และในอเมริกาเหนือพบได้ประมาณ 90 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ส่วนในประเทศจากรายงานเมื่อปี พ.ศ. 2544 –
2546 พบว่าผู้หญิงเป็นโรคมะเร็งเต้านมประมาณ 20.9 คน และในผู้ชายประมาณ 0.3 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน (ส่วนรายงาน
ล่าสุดในปี พ.ศ. 2553-2555 พบอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งเต้านมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งในหญิงไทย โดยคิดเป็น 28.6 คน
ต่อประชากรหนึ่งแสนคน มีอัตราการเสียชีวิตและอัตราการเกิดโรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง)
😋 มะเร็งชนิดนี้จะพบได้ในผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิงเป็น 100 เท่า ซึ่งข้อมูลในการรักษามะเร็งเต้านมของผู้ชายนั้นยังมีอยู่น้อยมาก
เนื่องจากเป็นโรคที่พบได้น้อย ในทางการแพทย์จึงอนุโลมให้ใช้วิธีการดูแลรักษาเช่นเดียวกับผู้หญิง
สาเหตุของมะเร็งเต้านม
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งเต้านม (โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมในผู้ชาย) โดยพบว่าร้อยละ 5-10 ของ
ผู้ป่วยมีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ในผู้หญิงมีอยู่หลายปัจจัย ได้แก่
1 อายุที่มากขึ้น ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงส้าคัญที่สุดต่อการเป็นมะเร็งเต้านม (สาเหตุรองลงมาคือ ข้อ 2-8 ส่วนข้ออื่น ๆ ถือเป็นปัจจัยที่มี
ความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) โดยจะพบผู้ป่วยเป็นโรคนี้ได้สูงขึ้นตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะยิ่งมี
ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมสูงถึง 50-60%
2 เคยผ่าตัดก้อนเนื้อที่เต้านม และพบว่าเป็นซีสต์เต้านมชนิดที่เริ่มผิดปกติ (Atypia)
3 พันธุกรรม มีประวัติว่าคนในครอบครัวสายตรงเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ (มารดาหรือพี่น้องท้องเดียวกัน) จะมีโอกาสเกิด
โรคมะเร็งเต้านมได้สูงกว่า (ถ้ามีญาติเป็นมะเร็งเต้านมก่อนวัยหมดประจ้าเดือน ยิ่งมากคนก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเต้านม
ได้มากขึ้น)
4 เชื้อชาติ โดยพบโรคนี้ในคนเชื้อชาติตะวันตกมากกว่าเชื้อชาติเอเชีย
5 มีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน โดยผู้ป่วยที่เกิดมะเร็งเต้านมขึ้นที่ข้างใดข้างหนึ่งจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเต้านมขึ้นที่อีก
ข้างหนึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 3-4 เท่า
6 มีประวัติการเป็นมะเร็งรังไข่ เนื่องจากมะเร็งรังไข่มีความเกี่ยวข้องกับการสัมผัสฮอร์โมน จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้
7 มีโรคก้อนเนื้อบางชนิดของเต้านม
8 การกลายพันธุ์ของยีน BRCA1 หรือ BRCA2 มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
9 การเริ่มมีประจ้าเดือนครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากพบโรคนี้ได้สูงขึ้นในหญิงที่มีประจ้าเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี
10การมีภาวะหมดประจ้าเดือนช้า หรือหมดประจ้าเดือนหลังอายุ 55 ปี
11การใช้ยาเม็ดคุมก้าเนิดตั้งแต่อายุยังน้อยและใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน (เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ก่อนวัยหมดประจ้าเดือน)
12การมีลูกคนแรกหลังอายุ 30 ปี
13การไม่มีลูกหรือมีลูกยาก
14การใช้ยากลุ่มฮอร์โมนทดแทนหลังวัยหมดประจ้าเดือนนานเกิน 4 ปี (ส่วนอีกข้อมูลว่านานเกิน 10 ปี)
4
15มีภาวะน้้าหนักตัวเกินหรือภาวะอ้วนที่เกิดภายหลังวัยหมดประจ้าเดือนไปแล้ว เพราะถึงแม้ว่ารังไข่จะหยุดการสร้างฮอร์โมนเอสโตร
เจนแล้ว แต่ก็พบว่ายังมีปริมาณฮอร์โมนอยู่ในระดับต่้าที่ถูกสร้างจากเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย ดังนั้นถ้าหากมีภาวะอ้วนก็จะท้าให้
ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยง ส่วนภาวะอ้วนในผู้หญิงที่ยังมีประจ้าเดือนนั้นจะไม่ถือเป็นปัจจัย
เสี่ยง แต่กลับกันความอ้วนอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่ยังมีประจ้าเดือนได้อีกด้วย
16ขาดการออกก้าลังกายอย่างสม่้าเสมอ
17การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอย่างต่อเนื่อง
18การสูบบุหรี่
19การดื่มแอลกอฮอล์จัด
20การได้รับรังสีในปริมาณสูงตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยสาว
อาการของมะเร็งเต้านม
ในระยะแรกมักมีอาการไม่ชัดเจน ต่อมาผู้ป่วยจะคล้าได้ก้อนที่เต้านม (มักเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว ส่วนโอกาสที่จะเกิดทั้งสองข้างมี
เพียง5%) ก้อนที่เป็นมะเร็งเต้านมมักจะมีลักษณะแข็งและขรุขระ แต่อาจจะเป็นก้อนเรียบ ๆ ก็ได้ ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่
จะไม่มีอาการเจ็บหรือปวด แต่จะมีเพียง 10% ของผู้ป่วยเท่านั้นที่มีอาการปวดเต้านม
ส่วนอาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้แก่ หัวนมบุ๋ม (จากเดิมที่ปกติ) เต้านมใหญ่ขึ้นหรือรูปทรงของเต้านมผิดปกติไปจากเดิม ผิวหนังที่
เต้านมบุ๋มลงไปคล้ายลักยิ้ม ผิวหนังที่เต้านมมีผื่น แดง ร้อน และขรุขระคล้ายผิวส้ม อาจมีแผลที่หัวนมและรอบหัวนม หรือมีน้้าเหลือง
หรือน้้าเลือดไหลออกจากหัวนม ในบางรายอาจคล้าพบก้อนบริเวณรักแร้ และนาน ๆ ครั้งอาจพบมะเร็งเต้านมที่มีอาการบวมแดงคล้าย
การอักเสบที่เต้านม
ในบรรดาก้อนที่เต้านมจะมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ ซีสต์เต้านม, เนื้องอกเต้านม และมะเร็งเต้านม โดยผู้ที่เป็นซีสต์เต้านมมักจะมี
อาการเจ็บที่ก้อน ซึ่งผิดกับกลุ่มเนื้องอกหรือมะเร็ง ซึ่งมักจะไม่มีอาการเจ็บหรือปวด จึงท้าให้ “ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดว่าก้อนที่
ไม่เจ็บคงไม่เป็นอะไร และปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งก้อนมะเร็งนั้นใหญ่โตขึ้นมากแล้วมารู้สึกเจ็บภายหลัง”
ระยะของโรคมะเร็งเต้านม
โรคมะเร็งเต้านมทั้งในผู้หญิงและผู้ชายจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะด้วยกันเช่นเดียวกับโรคมะเร็งทั่วไป ดังนี้
😮ระยะที่ 0 เป็นระยะที่ก้อนมะเร็งยังมีขนาดเล็กและเซลล์มะเร็งยังอยู่เฉพาะในชั้นผิวของเนื้อเยื่อเต้านม ในระยะนี้หากท้าการรักษา
อย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี สูงถึง 95-100% (ในระยะนี้ยังไม่จัดว่าเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะโรคยังไม่มีการ
รุกรานใด ๆ)
😮ระยะที่ 1 เป็นระยะที่ก้อนมะเร็งที่เต้านมยังมีขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตร ยังไม่ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ (ระยะที่ 1A
– Stage IA) หรือเป็นระยะที่มะเร็งได้ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ (เป็นเซลล์มะเร็งกลุ่มเล็ก ๆ) และยังไม่พบก้อนมะเร็งที่เต้านม
หรือพบก้อนมะเร็งที่เต้านม แต่ยังขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตร (ระยะที่ 1B – Stage IB) ในระยะนี้หากท้าการรักษาอย่างถูกต้องจะมี
อัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี สูงถึง 90-100%
😮ระยะที่ 2 เป็นระยะที่มะเร็งลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ 1-3 ต่อม แต่ยังไม่พบก้อนมะเร็งที่เต้านม หรือเป็นระยะที่
ก้อนมะเร็งที่เต้านมยังมีขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตร แต่มะเร็งมีการลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ 1-3 ต่อม หรือเป็นระยะที่
ก้อนมะเร็งที่เต้านมมีขนาดโตกว่า 2 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 5 เซนติเมตร ที่ยังไม่ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ ในระยะนี้หากท้า
การรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณ 85-90%
😮ระยะที่ 3 ในระยะนี้หากท้าการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีอยู่ที่ประมาณ 65-70% โดยจะแบ่ง
ออกเป็น 3 แบบดังนี้
💬ระยะที่ 3A (Stage IIIA) : เป็นระยะที่ยังไม่พบก้อนมะเร็งที่เต้านมหรือพบก้อนมะเร็งที่เต้านมขนาดใดก็ได้ และมะเร็งได้
ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ 4-9 ต่อม หรือพบก้อนมะเร็งที่เต้านมขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร และมะเร็งได้ลุกลามเข้าไปต่อม
น้้าเหลืองที่รักแร้ (เป็นเซลล์มะเร็งกลุ่มเล็ก ๆ) หรือลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ 1-3 ต่อม
💬ระยะที่ 3B (Stage IIIB): เป็นระยะที่พบก้อนมะเร็งที่เต้านมมีขนาดใดก็ได้ และโรคมะเร็งได้ลุกลามไปยังผนังหน้าอกและ/
หรือผิวหนังของเต้านมจนก่อให้เกิดอาการบวม และอาจลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้หรือต่อมน้้าเหลืองใกล้กับกระดูกหน้าอก
จนถึง 9ต่อม
5
💬ระยะที่ 3C (Stage IIIC): เป็นระยะที่ยังไม่พบก้อนมะเร็งที่เต้านมหรือพบก้อนมะเร็งที่เต้านมขนาดใดก็ได้ และมะเร็งได้
ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้มากกว่า 10 ต่อม หรือลุกลามไปต่อมน้้าเหลืองที่ไหปลาร้า หรือลุกลามไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้และ
ต่อมน้้าเหลืองที่อยู่ใกล้กับกระดูกหน้าอก
😮ระยะที่ 4 เป็นระยะที่มะเร็งได้แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะอื่น ๆ ที่พบได้บ่อยคือ ปอด สมอง ตับ กระดูก และไข
กระดูก ซึ่งโรคในระยะนี้มักจะไม่หายขาด โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1-3 ปี โดยขึ้นอยู่กับอวัยวะที่มีโรคแพร่กระจาย ส่วน
อัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี จะอยู่ที่ประมาณ 0-20%
การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง
เป็นการตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นด้วยวิธีการง่าย ๆ ด้วยตัวเองเป็นประจ้าทุกเดือน สามารถตรวจได้ตั้งแต่
อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ก่อนการตรวจคุณจะต้องทราบก่อนว่าขนาดและลักษณะของเต้านมจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะบาง
คนจะมีขนาดโตมากขึ้นและแข็งมากขึ้นก่อนมีประจ้าเดือน หรือบางคนเต้านมจะแข็งตลอดเวลาที่มีประจ้าเดือน และพอหลังเข้าสู่ช่วง
วัยทองขนาดของเต้านมก็จะเล็กลง ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่อาการที่ผิดปกติแต่อย่างใด
ดังนั้น ช่วงเวลาในการตรวจเต้านมที่ดีที่สุดจึงควรเป็นช่วง 5-7 วันหลังการมีประจ้าเดือนวันสุดท้าย เพราะในช่วงนี้เต้านมจะอ่อนนุ่ม
มากที่สุด ท้าให้คล้าเจอก้อนที่มีขนาดเล็กได้โดยง่าย แต่ส้าหรับผู้หญิงวัยทองหรือผู้ที่ได้รับการผ่าตัดมดลูกไปนั้นสามารถตรวจได้ตาม
สะดวก แต่แนะน้าว่าให้ก้าหนดวันที่แน่นอนส้าหรับการตรวจเป็นประจ้าทุกเดือนเพื่อง่ายต่อการจดจ้า (เช่น ตรวจทุกวันที่ 1 ของเดือน
เป็นต้น) ส่วนวิธีการตรวจมีดังนี้
😏การดูเต้านมหน้ากระจก ให้ยืนตัวตรงมือแนบล้าตัว แล้วสังเกตลักษณะของเต้านมทั้ง 2 ข้างอย่างละเอียด เปรียบเทียบดูขนาด
รูปร่างของหัวนม และการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังทุกส่วนของเต้านม เช่น รอยนูนขึ้นผิดปกติ รอยบุ๋ม หัวนมบอด ระดับของหัวนมไม่
เท่ากัน มีแผลหรือมีเส้นเลือดใต้ผิวมากขึ้นผิดปกติ
โดยการสังเกตนั้นให้ท้าการเปรียบเทียบเต้านมทั้ง 2 ข้างว่าแตกต่างไปจากเดิมหรือผิดไปจากอีกข้างหรือไม่ (เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วจะ
เป็นเพียงข้างเดียว) แล้วท้าการหันตัวเล็กน้อยเพื่อให้มองได้เห็นด้านข้างของเต้านมได้ชัดเจนขึ้น แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
จากนั้นให้ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อสังเกตดูความผิดปกติของรอยบุ๋มของผิวหนังบริเวณเต้านมที่เกิดจากการดึงรั้ง เพราะในรายที่เป็น
มะเร็งอาจจะมีการดึงรั้งของเนื้อเยื่อและท้าให้เกิดรอยบุ๋มได้ ต่อมาให้เอามือเท้าสะเอวเพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าอกตึงตัว แล้วโน้มตัวไป
ข้างหน้าเพื่อสังเกตรอยดึงรั้งของผิวหนัง เมื่อไม่พบความผิดปกติจากการสังเกตที่เต้านมแล้ว ให้ท้าในขั้นตอนถัดไป
😏การคล้าเต้านมในท่านั่ง ให้ตรวจให้ทั่วพื้นที่ของบริเวณเต้านมโดยรอบ โดยการใช้ด้านฝ่ามือของนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง (บริเวณ
ที่ค่อนไปทางปลายนิ้ว เพราะเป็นต้าแหน่งที่ไวต่อการสัมผัส) การคล้าเต้านมให้คล้าในลักษณะคลึงเป็นก้นหอยเล็ก ๆ ไปตามเต้านม
เนื่องจากต้าแหน่งของเต้านมที่อยู่บนผนังหน้าอกเป็นต้าแหน่งที่สามารถตรวจพบก้อนมะเร็งเต้านมได้ ต่อมาให้สังเกตความผิดปกติว่ามี
ของเหลวหรือเลือดออกมาจากหัวนมในขณะที่กดบริเวณปานนมหรือไม่ (การบีบบริเวณหัวนมควรท้าอย่างเบามือ เพราะถ้ามีความ
ผิดปกติจริงจะพบว่ามีน้้าหรือเลือดออกจากหัวนมเมื่อมีการกดได้โดยไม่ต้องบีบเค้น) จากนั้นให้ใช้นิ้วมือคล้าบริเวณเต้านมส่วนที่อยู่ใต้
รักแร้ว่ามีก้อนหรือต่อมน้้าเหลืองที่โตผิดปกติหรือไม่ (ให้ห้อยแขนลงมาเพื่อให้กล้ามอกหย่อนลง จะได้คล้ารักแร้ได้อย่างชัดเจน)
😏การคล้าเต้านมในท่านอน ต่อจากท่านั่งให้ใช้หมอนหรือผ้าห่มหนุนตรงสะบักหลัง เพื่อให้หน้าอกด้านหน้าแอ่นขึ้น ยกแขนหนุน
ศีรษะ แล้วใช้ฝ่ามือด้านตรงข้ามคล้าตรวจเต้านมทีละข้าง (เช่น ถ้าจะคล้าเต้านมซ้ายก็ให้ใช้มือขวาคล้า) ส่วนวิธีการคล้านั้นให้ใช้นิ้ว
มือ 3 นิ้ว คล้าในลักษณะคลึงวนเป็นก้นหอยเล็ก ๆ บริเวณเต้านมให้ทั่ว (ให้ไล่จากด้านนอกเข้ามายังหัวนม จะคล้าตามเข็มหรือทวน
เข็มนาฬิกาก็ได้) ในระดับความแรง 3 ระดับ คือ ระดับตื้นลงไปจากผิวหนังเล็กน้อย ระดับลึกลงไปอีก และระดับที่ลึกถึงผนังหน้าอก
แล้วสังเกตดูว่ามีก้อนอะไรดันอยู่หรือสะดุดใต้ฝ่ามือหรือไม่ (มะเร็งของเต้านมมักจะพบได้ที่ส่วนบนด้านนอกของเต้านมมากกว่าส่วนอื่น
ๆ ดังนั้น จึงควรสังเกตดูบริเวณนี้ให้ละเอียด) ส้าหรับผู้หญิงที่มีเต้านมขนาดใหญ่ ให้ใช้วิธีนอนตะแคงโดยเอาด้านข้างของล้าตัวด้านนั้น
ให้สูงขึ้น เพื่อที่จะคล้าด้านข้างได้ชัดเจน เนื่องจากเนื้อของเต้านมจะไปกองอยู่ที่บริเวณด้านข้างจนท้าให้คล้าได้ยาก หรือจะใช้วิธีคล้าลง
ล่างและขึ้นบนไปมาจนทั่วบริเวณ แล้วนอนหงายเพื่อคล้าด้านในให้ทั่วเช่นเดียวกัน
6
การวินิจฉัยมะเร็งเต้านม
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ทั้งในผู้หญิงและในผู้ชายได้โดยดูจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครัว ประวัติการ
กินยาต่าง ๆ การตรวจร่างกาย การตรวจคล้าเต้านม การตรวจภาพรังสีเต้านม (Mammogram – แมมโมแกรม) และอาจร่วมกับการ
ตรวจอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) แต่ที่จะให้ผลแน่นอนที่สุดคือ การเจาะ ดูดเซลล์ หรือตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางเซลล์วิทยาหรือทาง
พยาธิวิทยา
ถ้าพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมแพทย์อาจให้ตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อดูการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะต่าง ๆ (เช่น ตับ ปอด
กระดูก ด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ตับ เอกซเรย์ปอด และตรวจสแกนกระดูก) และเพื่อดูว่ามะเร็งมีการตอบสนองต่อฮอร์โมนหรือไม่
ด้วย ซึ่งการตรวจเหล่านี้จะมีความส้าคัญอย่างมากต่อการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
ส้าหรับการตรวจเลือดและยีน (Gene) เพื่อหามะเร็งเต้านมนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เพราะการตรวจเลือดเพื่อหามะเร็งเต้านม
จะมีความแม่นย้าต่้า ผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมจะพบผลการตรวจเลือดเกี่ยวกับมะเร็ง เช่น CA153, CEA ผิดปกติน้อยกว่า 20% ใน
ขณะเดียวกันผู้ที่มีผลเลือดปกติก็อาจจะเป็นมะเร็งเต้านมอยู่แล้วก็ได้ ส่วนการตรวจยีน เช่น gene BRCA1, BRCA2 ซึ่งจะมีความผิด
ปกติในมะเร็งเต้านมที่เป็นกันทั้งครอบครัว หากตรวจพบก็ไม่ได้หมายความว่าก้าลังเป็นมะเร็งอยู่ เพียงแต่จะท้าให้รู้ว่ามีโอกาสเป็น
มะเร็งได้มากกว่าคนทั่วไป และยีนดังกล่าวก็พบได้เพียง 5-10% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่เป็นมะเร็งเต้านมเท่านั้น เมื่อตรวจแล้วพบว่าปกติก็
ยังมีสิทธิ์เป็นมะเร็งเต้านมอยู่ไม่น้อย
วิธีรักษามะเร็งเต้านม
แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเต้านม โดยอาจตัดเต้านมออกเพียงบางส่วนหรือตัดออกทั้งหมด (ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
ขนาดและต้าแหน่งของก้อนเนื้อ ขนาดของเต้านมผู้ป่วย และดุลยพินิจของแพทย์) พร้อมกับเลาะเอาต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ออก
นอกจากนี้แพทย์จะให้การรักษาเสริมด้วยรังสีรักษา ยาเคมีบ้าบัด ยาฮอร์โมนบ้าบัด (โดยให้กินยาทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen) ซึ่งเป็น
ยาที่มีฤทธิ์ต้านเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม) และยารักษาตรงเป้าหรือยาที่ออกฤทธิ์
เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted therapy) โดยทั้งยาฮอร์โมนและยารักษาตรงเป้านั้นจะใช้รักษาเฉพาะผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งเป็น
ชนิดตอบสนองต่อยาเท่านั้น ซึ่งแพทย์สามารถทราบได้จากการตัดชิ้นเนื้อจากก้อนมะเร็งไปตรวจทางพยาธิวิทยา
😆การผ่าตัดเต้านมมีทั้งแบบเก็บเต้านมไว้ (มักต้องรักษาร่วมกับรังสีบ้าบัด) และแบบผ่าตัดเต้านม
😆วิธีการรักษามะเร็งเต้านมในผู้ชายจะท้าเช่นเดียวกับการรักษามะเร็งเต้านมในผู้หญิง
😆แนวทางการรักษาโรคมะเร็งเต้านมมักจะใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ระยะของโรคและการกระจาย
ของมะเร็ง ขนาดและต้าแหน่งของก้อนเนื้อ ผลชิ้นเนื้อภายหลังการผ่าตัด อายุและสุขภาพของผู้ป่วย ภาวะก่อนหรือหลังหมด
ประจ้าเดือน และดุลยพินิจของแพทย์
😆ผลการรักษาส่วนใหญ่จะได้ผลดี ถ้าเป็นระยะแรกมักจะมีชีวิตอยู่ได้นานตามปกติหรือหายขาด แต่ถ้าเป็นในระยะแพร่กระจายไปทั่ว
ร่างกายแล้ว ก็มักจะได้ผลไม่สู้ดีนัก ดังนั้นโอกาสในการรักษาให้หายขาดจึงขึ้นอยู่กับระยะของโรคเป็นหลัก และรวมไปถึงการ
ตอบสนองต่อการใช้ยา อายุ และสุขภาพของผู้ป่วย
ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียงจากการรักษาโรคนี้จะขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ในการรักษา ได้แก่
💭ผลข้างเคียงจากการผ่าตัด เช่น การเสียเลือด, แผลผ่าตัดติดเชื้อ, การสูญเสียเนื้อเยื่อ และเสี่ยงต่อการดมยาสลบ
💭ผลข้างเคียงจากการใช้รังสีรักษา คือ ผิวหนังในบริเวณที่ท้าการฉายรังสีเกิดเป็นแผลถลอก เป็นแผลเปียกคล้ายแผลถูกไฟไหม้น้้า
ร้อนลวก แผลมีขนาดใหญ่ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
💭ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเคมีบ้าบัด คือ ผมร่วง, เบื่ออาหาร, คลื่นไส้อาเจียน, มือเท้าชา, อ่อนเพลีย, เกิดภาวะซีด, เม็ดเลือดขาวต่้า
ท้าให้ติดเชื้อได้ง่าย, ภาวะเกล็ดเลือดต่้าท้าให้มีเลือดออกได้ง่าย, การท้างานของไตลดลง เป็นต้น
💭ผลข้างเคียงจากการใช้ยาฮอร์โมนบ้าบัด คือ ตกขาวโดยไม่มีการติดเชื้อ, เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (พบได้น้อย), ปวดข้อ
, เสี่ยงเป็นมะเร็งเยื่อบุมดลูก (พบได้น้อยมากประมาณ 0.2-1.6 คน ต่อผู้ใช้ยานี้ 1,000 คน)
💭ผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาตรงเป้า คือ การเกิดสิวขึ้นทั่วตัวรวมทั้งใบหน้า และยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดภาวะเลือดออกได้ง่าย
แผลติดยากเมื่อเกิดบาดแผล และอาจเป็นสาเหตุท้าให้ผนังล้าไส้ทะลุได้
ผลข้างเคียงที่กล่าวมานี้จะสูงและรุนแรงมากขึ้น ในกรณีที่ใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกันในการรักษา
7
💭ผู้ป่วยมีโรคประจ้าตัวหรือเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง
💭ผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ
💭ผู้ป่วยสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
วิธีป้องกันมะเร็งเต้านม
1) หมั่นตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เพื่อให้พบโรคได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ซึ่งการตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ในระยะแรกเริ่มจะมี
โอกาสรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ดังนั้นผู้หญิงทุกคนควรหมั่นตรวจเต้านมด้วยตัวเอง ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมหรือถ่ายภาพรังสีเต้า
นม ตามเกณฑ์อายุดังนี้
😗อายุ 20 ปีขึ้นไป ให้ตรวจเต้านมด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง (ตามวิธีการที่แนะน้าไว้ข้างต้น)
😗อายุ 20-40 ปี ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมทุก ๆ 3 ปี และอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมเป็นประจ้า
ทุกปี
😗อายุ 35-40 ปี ควรตรวจหามะเร็งระยะแรกเริ่ม (ก่อนคล้าได้ก้อน) ด้วยการถ่ายภาพรังสีเต้านม (Mammography) เป็นครั้งแรกไว้
เป็นพื้นฐาน เมื่ออายุ 40-49 ปี ควรตรวจซ้้าทุก 1-2 ปี และหลังจากอายุ 50 ปี ไปแล้ว ควรตรวจซ้้าเป็นประจ้าทุกปี ส่วนผู้ที่มีความ
เสี่ยงสูง (เช่น คนในครอบครัวสายตรงมีประวัติเป็นโรคนี้ ฯลฯ) อาจจ้าเป็นต้องตรวจถี่ขึ้นมากกว่าปกติ
😗การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยวิธีการถ่ายภาพรังสีเต้านม (Mammography) ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดและได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานทั่ว
โลก เพราะสามารถตรวจพบมะเร็งในระยะแรกเริ่มที่มีขนาดเล็กมากหรือที่เพิ่งจะเห็นเป็นหินปูนอยู่ในเต้านมได้ (ซึ่งเป็นมะเร็งในระยะ
ที่รักษาให้หายขาดได้) โดยจะเป็นการใช้เครื่องเอกซเรย์ชนิดพิเศษที่ใช้รังสีในปริมาณต่้ากว่าเครื่องเอกซเรย์ทั่วไปมาก เพื่อท้าการตรวจ
เต้านมข้างละ 2ท่า รวม 4 ภาพ โดยจะมีอุปกรณ์ช่วยในการกดเต้านม เพื่อให้เนื้อเต้านมกระจาย และเครื่องจะเอกซเรย์ภายในเวลา
ไม่กี่วินาที ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ แก่เต้านม จึงมีความปลอดภัยมาก แม้ผู้ที่ได้รับการเสริมเต้านมมาแล้วก็สามารถตรวจได้อย่าง
ปลอดภัย ส่วนในผู้ชายนั้นยังไม่มีการแนะน้าให้ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่เฉพาะเจาะจง แพทย์เพียงแต่จะแนะน้าให้หมั่นสังเกต
ตัวเอง ถ้าพบว่ามีก้อนเนื้อผิดปกติหรือมีเลือดออกจากหัวนม ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้อง
2) หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ เช่น การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์จัด และการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานาน
3) ควบคุมน้้าหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
4) ลดการบริโภคเนื้อแดง อาหารที่มีไขมันสูง
5) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ ควรรับประทานให้มาก ๆ
6) หมั่นออกก้าลังกายเป็นประจ้า
7) ควรเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง เพราะจากการศึกษาพบว่ามารดาที่ให้ลูกดื่มนมตัวเองนานเกิน 2 ปี จะมีผลช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็น
มะเร็งเต้านมลงได้
8) ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคนี้ ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาให้กินยาป้องกันเอาไว้ เช่น
แอสไพริน (สัปดาห์ละครั้ง) หรือยาต้านเอสโตรเจน เช่น ทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen), ราโลซิเฟน (Raloxifene) เป็นต้น
9) ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ถ้าคล้าพบก้อนในเต้านมหรือพบความผิดปกติของเต้านม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจภายใน 1-
2 สัปดาห์
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
8
งบประมาณ
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
___________________________________________________________________
__________________________________________________________________
___________________________________________________________________
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดท้าโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การท้าเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 น้าเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการท้าโครงงาน)
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
สถานที่ด้าเนินการ
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่น้ามาใช้การท้าโครงงาน)
9
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________

More Related Content

Similar to วิชญาพร1

แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ปราณปริยา สุขเสริฐ
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project YokBenyaporn
 
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณโครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณKnooknickk Pinpukvan
 
2562 final-project -warun
2562 final-project -warun2562 final-project -warun
2562 final-project -warunTawanny Rawipon
 
Animaltherapy
AnimaltherapyAnimaltherapy
Animaltherapysiradamew
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน
แบบเสนอโครงร่างโครงงานแบบเสนอโครงร่างโครงงาน
แบบเสนอโครงร่างโครงงานKpSwagger
 
2560 project (1) (1)
2560 project  (1) (1)2560 project  (1) (1)
2560 project (1) (1)charintip0204
 
2562 final-project -warun (1)
2562 final-project -warun (1)2562 final-project -warun (1)
2562 final-project -warun (1)Tawanny Rawipon
 

Similar to วิชญาพร1 (20)

AT1
AT1AT1
AT1
 
Final Project computer_4
Final Project computer_4Final Project computer_4
Final Project computer_4
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
2562 final-project
2562 final-project 2562 final-project
2562 final-project
 
Hyper36
Hyper36Hyper36
Hyper36
 
งาน
งานงาน
งาน
 
งาน2
งาน2งาน2
งาน2
 
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณโครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
 
Final1
Final1Final1
Final1
 
2557 โครงงาน3
2557 โครงงาน32557 โครงงาน3
2557 โครงงาน3
 
2557 โครงงาน3
2557 โครงงาน32557 โครงงาน3
2557 โครงงาน3
 
2562 final-project -warun
2562 final-project -warun2562 final-project -warun
2562 final-project -warun
 
2560 project
2560 project2560 project
2560 project
 
Animaltherapy
AnimaltherapyAnimaltherapy
Animaltherapy
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน
แบบเสนอโครงร่างโครงงานแบบเสนอโครงร่างโครงงาน
แบบเสนอโครงร่างโครงงาน
 
กิจกรรมที่ 5
กิจกรรมที่ 5กิจกรรมที่ 5
กิจกรรมที่ 5
 
2560 project (1) (1)
2560 project  (1) (1)2560 project  (1) (1)
2560 project (1) (1)
 
2562 final-project -warun (1)
2562 final-project -warun (1)2562 final-project -warun (1)
2562 final-project -warun (1)
 
2560 project -1 new
2560 project -1 new2560 project -1 new
2560 project -1 new
 

วิชญาพร1

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2560 ชื่อโครงงาน รู้เท่าทันมะเร็งเต้านม ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาววิชญาพร แสงสว่าง เลขที่ 2 ชั้น ม.6 ห้อง 5 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิก นางสาววิชญาพร แสงสว่าง เลขที่ 2 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) รู้เท่าทันมะเร็งเต้านม ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Breast cancer ประเภทโครงงาน พัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา ชื่อผู้ทาโครงงาน นางสาววิชญาพร แสงสว่าง ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่1 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน เป็นโรคมะเร็งที่พัฒนาจากเนื้อเยื่อเต้านม อาจมีอาการแสดง ได้แก่ มีก้อนในเต้านม มีการเปลี่ยนแปลง รูปทรงของเต้านม ผิวหนังมีรอยบุ๋ม มีสารน้้าไหลจากหัวนม หรือมีปื้นผิวหนังมีเกล็ดแดง ในผู้ที่มีการแพร่ของโรคไป ไกล อาจมีปวดกระดูก ปุ่มน้้าเหลืองโต หายใจล้าบาก มะเร็งเต้านมทั่วโลกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิง โดยคิดเป็น 25% ของผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมด ในปี 2555 โรคนี้มีผู้ป่วย 1.68 ล้านคน และผู้เสียชีวิต 522,000 คน พบมากกว่าใน ประเทศพัฒนาแล้ว และพบในหญิงมากกว่าชาย 100 เท่า สาเหตุจากมะเร็งเต้านมคือการมีระดับเอสโตรเจนในเลือด สูงเป็นเวลานาน โดยพบว่าร้อยละ5-10 ของผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมมีความผิดปกติทางพันธุกรรม ผู้ที่มรปัจจัยเสี่ยงต่อ การพบมะเร็งเต้านมมากที่สุดจะเป็นคนที่มีช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปค่ะ ซึ่งถ้าเป็นในระยะแรกๆจะไม่ค่อยมีอาการชัดเจน ต่อมาผู้ป่วยจะคล้าได้ก้อนที่เต้านม ดังนั้นจึงมีวิธีการตรวจ มะเร็งเต้านมด้วยตนเองโดยจะคล้าได้ก้อนที่บริเวณเต้านมหรือรักแร้ แต่ถ้าไม่แน่ใจควรรีบไปพบแพทย์ทันที่ มะเร็งเต้า นมสามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุ20ปีขึ้นไป แต่ก่อนการตรวจต้องทราบก่อนว่าขนาดและลักษณะของเต้านมเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา จึงมีการจัดท้าสื่อการเรียนการเรียนนี้ขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษาเรื่องมะเร็งเต้านมได้มาศึกษาค่ะ วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้รู้วิธีการตรวจการรักษามะเร็งอย่างถูกต้อง 2. สามารถน้าไปใช้ในชีวิตประจ้าวันได้จริง 3. เพื่อให้ผู้คนตื่นตัวกับโรคมะเร็งเต้านม ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจ้ากัดของการท้าโครงงาน) จัดท้าโครงงานคอมพิวเตอร์ให้กับผู้ที่สนใจศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของมะเร็งเต้านม เพื่อให้ทราบวิธีการตรวจ มะเร็งเต้านมด้วยตนเอง และวิธีการรักษาโรคมะเร็งเต้านม
  • 3. 3 หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการท้าโครงงาน) โรคมะเร็งเต้านม (Breast cancer) โรคมะเร็งเต้านม (Breast cancer) เป็นโรคมะเร็งที่มีความสัมพันธ์กับการมีระดับเอสโตรเจนในเลือดสูงเป็นเวลานาน โดยเป็นมะเร็งที่ พบได้บ่อยเป็นอันดับที่ 1-2 ของโรคมะเร็งที่พบได้ในผู้หญิง จะเริ่มพบได้ตั้งแต่วัยสาวเป็นต้นไป และจะพบได้มากขึ้นตามอายุ ส่วนมาก จะพบในหญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มะเร็งชนิดนี้เป็นโรคมะเร็งของผู้ใหญ่ เพราะจะพบได้สูงขึ้นตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป และมีเพียงประมาณ 5% เท่านั้นที่พบได้ในอายุต่้า กว่า40 ปี มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับ 2 ของโรคมะเร็งที่พบได้ในผู้หญิง โดยคิดเป็นประมาณ 16% ของโรคมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด 😋 มะเร็งชนิดนี้เป็นโรคมะเร็งของผู้ใหญ่ เพราะจะพบได้สูงขึ้นตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป และมีเพียงประมาณ 5% เท่านั้นที่พบได้ในอายุ ต่้ากว่า 40 ปี 😋 มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้เป็นอันดับ 2 ของโรคมะเร็งที่พบได้ในผู้หญิง โดยคิดเป็นประมาณ 16% ของโรคมะเร็งในผู้หญิง ทั้งหมด 😋 อัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านมในผู้หญิงจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละเชื้อชาติและภูมิประเทศ โดยมีรายงานว่าในภูมิภาคเอเชียจะ พบได้ประมาณ 18-26 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน, ในภูมิภาคแอฟริกาพบได้ประมาณ 22-28 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน, ใน อเมริกากลางและอเมริกาใต้พบได้ประมาณ 42 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน, ในทวีปยุโรปพบได้ประมาณ 49-78 คนต่อประชากรหนึ่ง แสนคน และในอเมริกาเหนือพบได้ประมาณ 90 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ส่วนในประเทศจากรายงานเมื่อปี พ.ศ. 2544 – 2546 พบว่าผู้หญิงเป็นโรคมะเร็งเต้านมประมาณ 20.9 คน และในผู้ชายประมาณ 0.3 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน (ส่วนรายงาน ล่าสุดในปี พ.ศ. 2553-2555 พบอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งเต้านมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งในหญิงไทย โดยคิดเป็น 28.6 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน มีอัตราการเสียชีวิตและอัตราการเกิดโรคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง) 😋 มะเร็งชนิดนี้จะพบได้ในผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิงเป็น 100 เท่า ซึ่งข้อมูลในการรักษามะเร็งเต้านมของผู้ชายนั้นยังมีอยู่น้อยมาก เนื่องจากเป็นโรคที่พบได้น้อย ในทางการแพทย์จึงอนุโลมให้ใช้วิธีการดูแลรักษาเช่นเดียวกับผู้หญิง สาเหตุของมะเร็งเต้านม ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งเต้านม (โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมในผู้ชาย) โดยพบว่าร้อยละ 5-10 ของ ผู้ป่วยมีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ในผู้หญิงมีอยู่หลายปัจจัย ได้แก่ 1 อายุที่มากขึ้น ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงส้าคัญที่สุดต่อการเป็นมะเร็งเต้านม (สาเหตุรองลงมาคือ ข้อ 2-8 ส่วนข้ออื่น ๆ ถือเป็นปัจจัยที่มี ความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) โดยจะพบผู้ป่วยเป็นโรคนี้ได้สูงขึ้นตามอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะยิ่งมี ความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมสูงถึง 50-60% 2 เคยผ่าตัดก้อนเนื้อที่เต้านม และพบว่าเป็นซีสต์เต้านมชนิดที่เริ่มผิดปกติ (Atypia) 3 พันธุกรรม มีประวัติว่าคนในครอบครัวสายตรงเป็นมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งรังไข่ (มารดาหรือพี่น้องท้องเดียวกัน) จะมีโอกาสเกิด โรคมะเร็งเต้านมได้สูงกว่า (ถ้ามีญาติเป็นมะเร็งเต้านมก่อนวัยหมดประจ้าเดือน ยิ่งมากคนก็ยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเต้านม ได้มากขึ้น) 4 เชื้อชาติ โดยพบโรคนี้ในคนเชื้อชาติตะวันตกมากกว่าเชื้อชาติเอเชีย 5 มีประวัติเคยเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน โดยผู้ป่วยที่เกิดมะเร็งเต้านมขึ้นที่ข้างใดข้างหนึ่งจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเต้านมขึ้นที่อีก ข้างหนึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 3-4 เท่า 6 มีประวัติการเป็นมะเร็งรังไข่ เนื่องจากมะเร็งรังไข่มีความเกี่ยวข้องกับการสัมผัสฮอร์โมน จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้ 7 มีโรคก้อนเนื้อบางชนิดของเต้านม 8 การกลายพันธุ์ของยีน BRCA1 หรือ BRCA2 มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม 9 การเริ่มมีประจ้าเดือนครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากพบโรคนี้ได้สูงขึ้นในหญิงที่มีประจ้าเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี 10การมีภาวะหมดประจ้าเดือนช้า หรือหมดประจ้าเดือนหลังอายุ 55 ปี 11การใช้ยาเม็ดคุมก้าเนิดตั้งแต่อายุยังน้อยและใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน (เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ก่อนวัยหมดประจ้าเดือน) 12การมีลูกคนแรกหลังอายุ 30 ปี 13การไม่มีลูกหรือมีลูกยาก 14การใช้ยากลุ่มฮอร์โมนทดแทนหลังวัยหมดประจ้าเดือนนานเกิน 4 ปี (ส่วนอีกข้อมูลว่านานเกิน 10 ปี)
  • 4. 4 15มีภาวะน้้าหนักตัวเกินหรือภาวะอ้วนที่เกิดภายหลังวัยหมดประจ้าเดือนไปแล้ว เพราะถึงแม้ว่ารังไข่จะหยุดการสร้างฮอร์โมนเอสโตร เจนแล้ว แต่ก็พบว่ายังมีปริมาณฮอร์โมนอยู่ในระดับต่้าที่ถูกสร้างจากเนื้อเยื่อไขมันในร่างกาย ดังนั้นถ้าหากมีภาวะอ้วนก็จะท้าให้ ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยง ส่วนภาวะอ้วนในผู้หญิงที่ยังมีประจ้าเดือนนั้นจะไม่ถือเป็นปัจจัย เสี่ยง แต่กลับกันความอ้วนอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นมะเร็งเต้านมในผู้หญิงที่ยังมีประจ้าเดือนได้อีกด้วย 16ขาดการออกก้าลังกายอย่างสม่้าเสมอ 17การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอย่างต่อเนื่อง 18การสูบบุหรี่ 19การดื่มแอลกอฮอล์จัด 20การได้รับรังสีในปริมาณสูงตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยสาว อาการของมะเร็งเต้านม ในระยะแรกมักมีอาการไม่ชัดเจน ต่อมาผู้ป่วยจะคล้าได้ก้อนที่เต้านม (มักเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว ส่วนโอกาสที่จะเกิดทั้งสองข้างมี เพียง5%) ก้อนที่เป็นมะเร็งเต้านมมักจะมีลักษณะแข็งและขรุขระ แต่อาจจะเป็นก้อนเรียบ ๆ ก็ได้ ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่ จะไม่มีอาการเจ็บหรือปวด แต่จะมีเพียง 10% ของผู้ป่วยเท่านั้นที่มีอาการปวดเต้านม ส่วนอาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้แก่ หัวนมบุ๋ม (จากเดิมที่ปกติ) เต้านมใหญ่ขึ้นหรือรูปทรงของเต้านมผิดปกติไปจากเดิม ผิวหนังที่ เต้านมบุ๋มลงไปคล้ายลักยิ้ม ผิวหนังที่เต้านมมีผื่น แดง ร้อน และขรุขระคล้ายผิวส้ม อาจมีแผลที่หัวนมและรอบหัวนม หรือมีน้้าเหลือง หรือน้้าเลือดไหลออกจากหัวนม ในบางรายอาจคล้าพบก้อนบริเวณรักแร้ และนาน ๆ ครั้งอาจพบมะเร็งเต้านมที่มีอาการบวมแดงคล้าย การอักเสบที่เต้านม ในบรรดาก้อนที่เต้านมจะมีอยู่ด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ ซีสต์เต้านม, เนื้องอกเต้านม และมะเร็งเต้านม โดยผู้ที่เป็นซีสต์เต้านมมักจะมี อาการเจ็บที่ก้อน ซึ่งผิดกับกลุ่มเนื้องอกหรือมะเร็ง ซึ่งมักจะไม่มีอาการเจ็บหรือปวด จึงท้าให้ “ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดว่าก้อนที่ ไม่เจ็บคงไม่เป็นอะไร และปล่อยทิ้งไว้จนกระทั่งก้อนมะเร็งนั้นใหญ่โตขึ้นมากแล้วมารู้สึกเจ็บภายหลัง” ระยะของโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งเต้านมทั้งในผู้หญิงและผู้ชายจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะด้วยกันเช่นเดียวกับโรคมะเร็งทั่วไป ดังนี้ 😮ระยะที่ 0 เป็นระยะที่ก้อนมะเร็งยังมีขนาดเล็กและเซลล์มะเร็งยังอยู่เฉพาะในชั้นผิวของเนื้อเยื่อเต้านม ในระยะนี้หากท้าการรักษา อย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี สูงถึง 95-100% (ในระยะนี้ยังไม่จัดว่าเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะโรคยังไม่มีการ รุกรานใด ๆ) 😮ระยะที่ 1 เป็นระยะที่ก้อนมะเร็งที่เต้านมยังมีขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตร ยังไม่ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ (ระยะที่ 1A – Stage IA) หรือเป็นระยะที่มะเร็งได้ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ (เป็นเซลล์มะเร็งกลุ่มเล็ก ๆ) และยังไม่พบก้อนมะเร็งที่เต้านม หรือพบก้อนมะเร็งที่เต้านม แต่ยังขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตร (ระยะที่ 1B – Stage IB) ในระยะนี้หากท้าการรักษาอย่างถูกต้องจะมี อัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี สูงถึง 90-100% 😮ระยะที่ 2 เป็นระยะที่มะเร็งลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ 1-3 ต่อม แต่ยังไม่พบก้อนมะเร็งที่เต้านม หรือเป็นระยะที่ ก้อนมะเร็งที่เต้านมยังมีขนาดเล็กไม่เกิน 2 เซนติเมตร แต่มะเร็งมีการลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ 1-3 ต่อม หรือเป็นระยะที่ ก้อนมะเร็งที่เต้านมมีขนาดโตกว่า 2 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 5 เซนติเมตร ที่ยังไม่ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ ในระยะนี้หากท้า การรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณ 85-90% 😮ระยะที่ 3 ในระยะนี้หากท้าการรักษาอย่างถูกต้องจะมีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีอยู่ที่ประมาณ 65-70% โดยจะแบ่ง ออกเป็น 3 แบบดังนี้ 💬ระยะที่ 3A (Stage IIIA) : เป็นระยะที่ยังไม่พบก้อนมะเร็งที่เต้านมหรือพบก้อนมะเร็งที่เต้านมขนาดใดก็ได้ และมะเร็งได้ ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ 4-9 ต่อม หรือพบก้อนมะเร็งที่เต้านมขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร และมะเร็งได้ลุกลามเข้าไปต่อม น้้าเหลืองที่รักแร้ (เป็นเซลล์มะเร็งกลุ่มเล็ก ๆ) หรือลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ 1-3 ต่อม 💬ระยะที่ 3B (Stage IIIB): เป็นระยะที่พบก้อนมะเร็งที่เต้านมมีขนาดใดก็ได้ และโรคมะเร็งได้ลุกลามไปยังผนังหน้าอกและ/ หรือผิวหนังของเต้านมจนก่อให้เกิดอาการบวม และอาจลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้หรือต่อมน้้าเหลืองใกล้กับกระดูกหน้าอก จนถึง 9ต่อม
  • 5. 5 💬ระยะที่ 3C (Stage IIIC): เป็นระยะที่ยังไม่พบก้อนมะเร็งที่เต้านมหรือพบก้อนมะเร็งที่เต้านมขนาดใดก็ได้ และมะเร็งได้ ลุกลามเข้าไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้มากกว่า 10 ต่อม หรือลุกลามไปต่อมน้้าเหลืองที่ไหปลาร้า หรือลุกลามไปต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้และ ต่อมน้้าเหลืองที่อยู่ใกล้กับกระดูกหน้าอก 😮ระยะที่ 4 เป็นระยะที่มะเร็งได้แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดและอวัยวะอื่น ๆ ที่พบได้บ่อยคือ ปอด สมอง ตับ กระดูก และไข กระดูก ซึ่งโรคในระยะนี้มักจะไม่หายขาด โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1-3 ปี โดยขึ้นอยู่กับอวัยวะที่มีโรคแพร่กระจาย ส่วน อัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี จะอยู่ที่ประมาณ 0-20% การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเอง เป็นการตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นด้วยวิธีการง่าย ๆ ด้วยตัวเองเป็นประจ้าทุกเดือน สามารถตรวจได้ตั้งแต่ อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ก่อนการตรวจคุณจะต้องทราบก่อนว่าขนาดและลักษณะของเต้านมจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะบาง คนจะมีขนาดโตมากขึ้นและแข็งมากขึ้นก่อนมีประจ้าเดือน หรือบางคนเต้านมจะแข็งตลอดเวลาที่มีประจ้าเดือน และพอหลังเข้าสู่ช่วง วัยทองขนาดของเต้านมก็จะเล็กลง ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่อาการที่ผิดปกติแต่อย่างใด ดังนั้น ช่วงเวลาในการตรวจเต้านมที่ดีที่สุดจึงควรเป็นช่วง 5-7 วันหลังการมีประจ้าเดือนวันสุดท้าย เพราะในช่วงนี้เต้านมจะอ่อนนุ่ม มากที่สุด ท้าให้คล้าเจอก้อนที่มีขนาดเล็กได้โดยง่าย แต่ส้าหรับผู้หญิงวัยทองหรือผู้ที่ได้รับการผ่าตัดมดลูกไปนั้นสามารถตรวจได้ตาม สะดวก แต่แนะน้าว่าให้ก้าหนดวันที่แน่นอนส้าหรับการตรวจเป็นประจ้าทุกเดือนเพื่อง่ายต่อการจดจ้า (เช่น ตรวจทุกวันที่ 1 ของเดือน เป็นต้น) ส่วนวิธีการตรวจมีดังนี้ 😏การดูเต้านมหน้ากระจก ให้ยืนตัวตรงมือแนบล้าตัว แล้วสังเกตลักษณะของเต้านมทั้ง 2 ข้างอย่างละเอียด เปรียบเทียบดูขนาด รูปร่างของหัวนม และการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังทุกส่วนของเต้านม เช่น รอยนูนขึ้นผิดปกติ รอยบุ๋ม หัวนมบอด ระดับของหัวนมไม่ เท่ากัน มีแผลหรือมีเส้นเลือดใต้ผิวมากขึ้นผิดปกติ โดยการสังเกตนั้นให้ท้าการเปรียบเทียบเต้านมทั้ง 2 ข้างว่าแตกต่างไปจากเดิมหรือผิดไปจากอีกข้างหรือไม่ (เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วจะ เป็นเพียงข้างเดียว) แล้วท้าการหันตัวเล็กน้อยเพื่อให้มองได้เห็นด้านข้างของเต้านมได้ชัดเจนขึ้น แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน จากนั้นให้ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อสังเกตดูความผิดปกติของรอยบุ๋มของผิวหนังบริเวณเต้านมที่เกิดจากการดึงรั้ง เพราะในรายที่เป็น มะเร็งอาจจะมีการดึงรั้งของเนื้อเยื่อและท้าให้เกิดรอยบุ๋มได้ ต่อมาให้เอามือเท้าสะเอวเพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าอกตึงตัว แล้วโน้มตัวไป ข้างหน้าเพื่อสังเกตรอยดึงรั้งของผิวหนัง เมื่อไม่พบความผิดปกติจากการสังเกตที่เต้านมแล้ว ให้ท้าในขั้นตอนถัดไป 😏การคล้าเต้านมในท่านั่ง ให้ตรวจให้ทั่วพื้นที่ของบริเวณเต้านมโดยรอบ โดยการใช้ด้านฝ่ามือของนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง (บริเวณ ที่ค่อนไปทางปลายนิ้ว เพราะเป็นต้าแหน่งที่ไวต่อการสัมผัส) การคล้าเต้านมให้คล้าในลักษณะคลึงเป็นก้นหอยเล็ก ๆ ไปตามเต้านม เนื่องจากต้าแหน่งของเต้านมที่อยู่บนผนังหน้าอกเป็นต้าแหน่งที่สามารถตรวจพบก้อนมะเร็งเต้านมได้ ต่อมาให้สังเกตความผิดปกติว่ามี ของเหลวหรือเลือดออกมาจากหัวนมในขณะที่กดบริเวณปานนมหรือไม่ (การบีบบริเวณหัวนมควรท้าอย่างเบามือ เพราะถ้ามีความ ผิดปกติจริงจะพบว่ามีน้้าหรือเลือดออกจากหัวนมเมื่อมีการกดได้โดยไม่ต้องบีบเค้น) จากนั้นให้ใช้นิ้วมือคล้าบริเวณเต้านมส่วนที่อยู่ใต้ รักแร้ว่ามีก้อนหรือต่อมน้้าเหลืองที่โตผิดปกติหรือไม่ (ให้ห้อยแขนลงมาเพื่อให้กล้ามอกหย่อนลง จะได้คล้ารักแร้ได้อย่างชัดเจน) 😏การคล้าเต้านมในท่านอน ต่อจากท่านั่งให้ใช้หมอนหรือผ้าห่มหนุนตรงสะบักหลัง เพื่อให้หน้าอกด้านหน้าแอ่นขึ้น ยกแขนหนุน ศีรษะ แล้วใช้ฝ่ามือด้านตรงข้ามคล้าตรวจเต้านมทีละข้าง (เช่น ถ้าจะคล้าเต้านมซ้ายก็ให้ใช้มือขวาคล้า) ส่วนวิธีการคล้านั้นให้ใช้นิ้ว มือ 3 นิ้ว คล้าในลักษณะคลึงวนเป็นก้นหอยเล็ก ๆ บริเวณเต้านมให้ทั่ว (ให้ไล่จากด้านนอกเข้ามายังหัวนม จะคล้าตามเข็มหรือทวน เข็มนาฬิกาก็ได้) ในระดับความแรง 3 ระดับ คือ ระดับตื้นลงไปจากผิวหนังเล็กน้อย ระดับลึกลงไปอีก และระดับที่ลึกถึงผนังหน้าอก แล้วสังเกตดูว่ามีก้อนอะไรดันอยู่หรือสะดุดใต้ฝ่ามือหรือไม่ (มะเร็งของเต้านมมักจะพบได้ที่ส่วนบนด้านนอกของเต้านมมากกว่าส่วนอื่น ๆ ดังนั้น จึงควรสังเกตดูบริเวณนี้ให้ละเอียด) ส้าหรับผู้หญิงที่มีเต้านมขนาดใหญ่ ให้ใช้วิธีนอนตะแคงโดยเอาด้านข้างของล้าตัวด้านนั้น ให้สูงขึ้น เพื่อที่จะคล้าด้านข้างได้ชัดเจน เนื่องจากเนื้อของเต้านมจะไปกองอยู่ที่บริเวณด้านข้างจนท้าให้คล้าได้ยาก หรือจะใช้วิธีคล้าลง ล่างและขึ้นบนไปมาจนทั่วบริเวณ แล้วนอนหงายเพื่อคล้าด้านในให้ทั่วเช่นเดียวกัน
  • 6. 6 การวินิจฉัยมะเร็งเต้านม แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคนี้ทั้งในผู้หญิงและในผู้ชายได้โดยดูจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครัว ประวัติการ กินยาต่าง ๆ การตรวจร่างกาย การตรวจคล้าเต้านม การตรวจภาพรังสีเต้านม (Mammogram – แมมโมแกรม) และอาจร่วมกับการ ตรวจอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) แต่ที่จะให้ผลแน่นอนที่สุดคือ การเจาะ ดูดเซลล์ หรือตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางเซลล์วิทยาหรือทาง พยาธิวิทยา ถ้าพบว่าเป็นมะเร็งเต้านมแพทย์อาจให้ตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อดูการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะต่าง ๆ (เช่น ตับ ปอด กระดูก ด้วยการตรวจอัลตราซาวนด์ตับ เอกซเรย์ปอด และตรวจสแกนกระดูก) และเพื่อดูว่ามะเร็งมีการตอบสนองต่อฮอร์โมนหรือไม่ ด้วย ซึ่งการตรวจเหล่านี้จะมีความส้าคัญอย่างมากต่อการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ส้าหรับการตรวจเลือดและยีน (Gene) เพื่อหามะเร็งเต้านมนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เพราะการตรวจเลือดเพื่อหามะเร็งเต้านม จะมีความแม่นย้าต่้า ผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมจะพบผลการตรวจเลือดเกี่ยวกับมะเร็ง เช่น CA153, CEA ผิดปกติน้อยกว่า 20% ใน ขณะเดียวกันผู้ที่มีผลเลือดปกติก็อาจจะเป็นมะเร็งเต้านมอยู่แล้วก็ได้ ส่วนการตรวจยีน เช่น gene BRCA1, BRCA2 ซึ่งจะมีความผิด ปกติในมะเร็งเต้านมที่เป็นกันทั้งครอบครัว หากตรวจพบก็ไม่ได้หมายความว่าก้าลังเป็นมะเร็งอยู่ เพียงแต่จะท้าให้รู้ว่ามีโอกาสเป็น มะเร็งได้มากกว่าคนทั่วไป และยีนดังกล่าวก็พบได้เพียง 5-10% ของผู้ป่วยทั้งหมดที่เป็นมะเร็งเต้านมเท่านั้น เมื่อตรวจแล้วพบว่าปกติก็ ยังมีสิทธิ์เป็นมะเร็งเต้านมอยู่ไม่น้อย วิธีรักษามะเร็งเต้านม แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเต้านม โดยอาจตัดเต้านมออกเพียงบางส่วนหรือตัดออกทั้งหมด (ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ขนาดและต้าแหน่งของก้อนเนื้อ ขนาดของเต้านมผู้ป่วย และดุลยพินิจของแพทย์) พร้อมกับเลาะเอาต่อมน้้าเหลืองที่รักแร้ออก นอกจากนี้แพทย์จะให้การรักษาเสริมด้วยรังสีรักษา ยาเคมีบ้าบัด ยาฮอร์โมนบ้าบัด (โดยให้กินยาทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen) ซึ่งเป็น ยาที่มีฤทธิ์ต้านเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของมะเร็งเต้านม) และยารักษาตรงเป้าหรือยาที่ออกฤทธิ์ เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted therapy) โดยทั้งยาฮอร์โมนและยารักษาตรงเป้านั้นจะใช้รักษาเฉพาะผู้ป่วยที่เซลล์มะเร็งเป็น ชนิดตอบสนองต่อยาเท่านั้น ซึ่งแพทย์สามารถทราบได้จากการตัดชิ้นเนื้อจากก้อนมะเร็งไปตรวจทางพยาธิวิทยา 😆การผ่าตัดเต้านมมีทั้งแบบเก็บเต้านมไว้ (มักต้องรักษาร่วมกับรังสีบ้าบัด) และแบบผ่าตัดเต้านม 😆วิธีการรักษามะเร็งเต้านมในผู้ชายจะท้าเช่นเดียวกับการรักษามะเร็งเต้านมในผู้หญิง 😆แนวทางการรักษาโรคมะเร็งเต้านมมักจะใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ระยะของโรคและการกระจาย ของมะเร็ง ขนาดและต้าแหน่งของก้อนเนื้อ ผลชิ้นเนื้อภายหลังการผ่าตัด อายุและสุขภาพของผู้ป่วย ภาวะก่อนหรือหลังหมด ประจ้าเดือน และดุลยพินิจของแพทย์ 😆ผลการรักษาส่วนใหญ่จะได้ผลดี ถ้าเป็นระยะแรกมักจะมีชีวิตอยู่ได้นานตามปกติหรือหายขาด แต่ถ้าเป็นในระยะแพร่กระจายไปทั่ว ร่างกายแล้ว ก็มักจะได้ผลไม่สู้ดีนัก ดังนั้นโอกาสในการรักษาให้หายขาดจึงขึ้นอยู่กับระยะของโรคเป็นหลัก และรวมไปถึงการ ตอบสนองต่อการใช้ยา อายุ และสุขภาพของผู้ป่วย ผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งเต้านม ผลข้างเคียงจากการรักษาโรคนี้จะขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้ในการรักษา ได้แก่ 💭ผลข้างเคียงจากการผ่าตัด เช่น การเสียเลือด, แผลผ่าตัดติดเชื้อ, การสูญเสียเนื้อเยื่อ และเสี่ยงต่อการดมยาสลบ 💭ผลข้างเคียงจากการใช้รังสีรักษา คือ ผิวหนังในบริเวณที่ท้าการฉายรังสีเกิดเป็นแผลถลอก เป็นแผลเปียกคล้ายแผลถูกไฟไหม้น้้า ร้อนลวก แผลมีขนาดใหญ่ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 💭ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเคมีบ้าบัด คือ ผมร่วง, เบื่ออาหาร, คลื่นไส้อาเจียน, มือเท้าชา, อ่อนเพลีย, เกิดภาวะซีด, เม็ดเลือดขาวต่้า ท้าให้ติดเชื้อได้ง่าย, ภาวะเกล็ดเลือดต่้าท้าให้มีเลือดออกได้ง่าย, การท้างานของไตลดลง เป็นต้น 💭ผลข้างเคียงจากการใช้ยาฮอร์โมนบ้าบัด คือ ตกขาวโดยไม่มีการติดเชื้อ, เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (พบได้น้อย), ปวดข้อ , เสี่ยงเป็นมะเร็งเยื่อบุมดลูก (พบได้น้อยมากประมาณ 0.2-1.6 คน ต่อผู้ใช้ยานี้ 1,000 คน) 💭ผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาตรงเป้า คือ การเกิดสิวขึ้นทั่วตัวรวมทั้งใบหน้า และยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดภาวะเลือดออกได้ง่าย แผลติดยากเมื่อเกิดบาดแผล และอาจเป็นสาเหตุท้าให้ผนังล้าไส้ทะลุได้ ผลข้างเคียงที่กล่าวมานี้จะสูงและรุนแรงมากขึ้น ในกรณีที่ใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกันในการรักษา
  • 7. 7 💭ผู้ป่วยมีโรคประจ้าตัวหรือเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง 💭ผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ 💭ผู้ป่วยสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วิธีป้องกันมะเร็งเต้านม 1) หมั่นตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม เพื่อให้พบโรคได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ซึ่งการตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ในระยะแรกเริ่มจะมี โอกาสรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ ดังนั้นผู้หญิงทุกคนควรหมั่นตรวจเต้านมด้วยตัวเอง ไปพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมหรือถ่ายภาพรังสีเต้า นม ตามเกณฑ์อายุดังนี้ 😗อายุ 20 ปีขึ้นไป ให้ตรวจเต้านมด้วยตัวเองอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง (ตามวิธีการที่แนะน้าไว้ข้างต้น) 😗อายุ 20-40 ปี ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมทุก ๆ 3 ปี และอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเต้านมเป็นประจ้า ทุกปี 😗อายุ 35-40 ปี ควรตรวจหามะเร็งระยะแรกเริ่ม (ก่อนคล้าได้ก้อน) ด้วยการถ่ายภาพรังสีเต้านม (Mammography) เป็นครั้งแรกไว้ เป็นพื้นฐาน เมื่ออายุ 40-49 ปี ควรตรวจซ้้าทุก 1-2 ปี และหลังจากอายุ 50 ปี ไปแล้ว ควรตรวจซ้้าเป็นประจ้าทุกปี ส่วนผู้ที่มีความ เสี่ยงสูง (เช่น คนในครอบครัวสายตรงมีประวัติเป็นโรคนี้ ฯลฯ) อาจจ้าเป็นต้องตรวจถี่ขึ้นมากกว่าปกติ 😗การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยวิธีการถ่ายภาพรังสีเต้านม (Mammography) ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดและได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐานทั่ว โลก เพราะสามารถตรวจพบมะเร็งในระยะแรกเริ่มที่มีขนาดเล็กมากหรือที่เพิ่งจะเห็นเป็นหินปูนอยู่ในเต้านมได้ (ซึ่งเป็นมะเร็งในระยะ ที่รักษาให้หายขาดได้) โดยจะเป็นการใช้เครื่องเอกซเรย์ชนิดพิเศษที่ใช้รังสีในปริมาณต่้ากว่าเครื่องเอกซเรย์ทั่วไปมาก เพื่อท้าการตรวจ เต้านมข้างละ 2ท่า รวม 4 ภาพ โดยจะมีอุปกรณ์ช่วยในการกดเต้านม เพื่อให้เนื้อเต้านมกระจาย และเครื่องจะเอกซเรย์ภายในเวลา ไม่กี่วินาที ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ แก่เต้านม จึงมีความปลอดภัยมาก แม้ผู้ที่ได้รับการเสริมเต้านมมาแล้วก็สามารถตรวจได้อย่าง ปลอดภัย ส่วนในผู้ชายนั้นยังไม่มีการแนะน้าให้ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมที่เฉพาะเจาะจง แพทย์เพียงแต่จะแนะน้าให้หมั่นสังเกต ตัวเอง ถ้าพบว่ามีก้อนเนื้อผิดปกติหรือมีเลือดออกจากหัวนม ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้อง 2) หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ เช่น การหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์จัด และการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานาน 3) ควบคุมน้้าหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ 4) ลดการบริโภคเนื้อแดง อาหารที่มีไขมันสูง 5) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ ควรรับประทานให้มาก ๆ 6) หมั่นออกก้าลังกายเป็นประจ้า 7) ควรเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง เพราะจากการศึกษาพบว่ามารดาที่ให้ลูกดื่มนมตัวเองนานเกิน 2 ปี จะมีผลช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็น มะเร็งเต้านมลงได้ 8) ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น คนในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคนี้ ฯลฯ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาให้กินยาป้องกันเอาไว้ เช่น แอสไพริน (สัปดาห์ละครั้ง) หรือยาต้านเอสโตรเจน เช่น ทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen), ราโลซิเฟน (Raloxifene) เป็นต้น 9) ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ถ้าคล้าพบก้อนในเต้านมหรือพบความผิดปกติของเต้านม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจภายใน 1- 2 สัปดาห์ วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________
  • 8. 8 งบประมาณ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ __________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดท้าโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การท้าเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 น้าเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการท้าโครงงาน) _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ สถานที่ด้าเนินการ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่น้ามาใช้การท้าโครงงาน)