111

1. แบบทดสอบก่อนเรียน
รายวิชา...
ศิลปวัฒนธรรมอ.สาราญ ผลดี

2. 1. คาว่า “จารีตประเพณี” หมายถึง
ข้อใด
• ก. ลักษณะของประเพณีที่มีศีลธรรม
เข้ามาเกี่ยวข้อง
• ข. ระเบียบแบบแผนที่สังคมนั้นๆ
กาหนดไว้
• ค. ประเพณีทั่วๆ ไปไม่มีแบบแผน
• ง. บรรทัดฐานที่ปฏิบัติกันมาจนเกิด
เป็ นประเพณี

3. 2. ข้อใด จัดเป็ น ประเพณีท้องถิ่น
• ก. ประเพณีสงกรานต์
• ข. ประเพณีลอยกระทง
• ค. ประเพณีโยนบัว
• ง. ประเพณีทอดกฐิน
• จ.ประเพณีวันออกพรรษา

4. 3. ข้อใด ไม่ใช่ ประเพณีที่
เกี่ยวข้องกับชีวิต
• ก. พิธีรับขวัญ โกนผมไฟ
• ข. พิธีอุปสมบท
• ค. พิธีหมั้น
• ง. พิธีรดน้าศพ
• จ. ประเพณีวันเข้าพรรษา

5. 4.ข้อใด ไม่ใช่ คาอธิบาย
ความหมายของคาว่าศาสนา
• ก. ลัทธิความเชื่อถือของมนุษย์อันมีหลัก
แสดงกาเนิดและสิ้นสุดของโลก
• ข. ความเชื่อในอานาจที่มองเห็นไม่ได้ด้วย
ตา เช่น อานาจของธรรมหรืออานาจของ
พระเจ้า
• ค. ขั้นตอนของพิธีกรรมในรูปแบบต่างๆ ที่
มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น
• ง. “คาสั่งสอน” อันเป็ นประดิษฐกรรมทาง
ความคิดอันสูงสุดของมนุษย์

6. 5.ศาสนาใดเป็ นศาสนาแบบ
“เทวนิยม” ทั้งหมด
• ก. คริสต์อิสลาม พราหมณ์
• ข. พุทธ คริสต์ขงจื้อ
• ค. ขงจื้อ พุทธ ชินโต
• ง. ชินโต พุทธ คริสต์
• จ. พุทธ เต๋า ชินโต

7. 6.ศาสนาใดต่อไปนี้เป็ น “ศาสนาที่
ยังมีชีวิตอยู่”
• ก. ศาสนาขงจื้อ
• ข. ศาสนากรีกโบราณ
• ค. ศาสนาถิถรา
• ง. ศาสนาแมกซิกัน
• จ. ศาสนาฟิ นิเซียน

8. 7.ข้อใด ไม่ใช่ ความสาคัญของ
ศาสนา
• ก. เป็ นเครื่องมือในการระดมทุนสร้าง
โบราณสถานที่สวยงาม
• ข. ทาให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมี
ความสุข
• ค. เป็ นแนวทางในการดาเนินชีวิต
• ง. เป็ นที่พึ่งทางใจ
• จ. เป็ นบ่อเกิดแห่งธรรมเนียม
่

9. 8.ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะเฉพาะของ
สังคมไทย
• ก. มีโครงสร้างแบบหลวมๆ ไม่ค่อย
รักษากฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด
• ข. ยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณี
เป็ นหลัก
• ค. มีความสัมพันธ ์กันทางเครือญาติ
อย่างใกล้ชิด
• ง. เป็ นครอบครัวเดี่ยวมาตั้งแต่สมัย
โบราณ

10. 9.ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะเฉพาะของ
สังคมชนบทของไทย
• ก. มีความเชื่อศรัทธาในศาสนาและ
ประเพณีสูง
• ข. การมีส่วนร่วมทางการเมืองการ
ปกครองมีน้อย
• ค. เป็ นสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงไป
อย่างรวดเร็ว
• ง. ประชาชนมีความสัมพันธ ์ใกล้ชิด
ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

11. 10.ข้อใดคือ ลักษณะพื้นฐาน ของ
วัฒนธรรม
• ก. ต้องเป็ นความคิดเห็นร่วมกันของ
สังคม
• ข. เป็ นสิ่งที่เกิดจากการเรียนรู ้และ
ถ่ายทอดระหว่างกัน
• ค. เป็ นสิ่งที่ไม่หยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลง
ตลอดเวลา
• ง. มีพื้นฐานมาจากการใช้สัญลักษณ์
ร่วมกัน

12. 11.ข้อใดอธิบายความหมายของคาว่า
“ศิลปะ” ได้ชัดเจนที่สุด
• ก. สิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อ
ตอบสนองความต้องการทั้งด้าน
ร่างกายและจิตใจ
• ข. ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปิ น
ที่มีชื่อเสียง
• ค. ภาพจิตรกรรมไทย
• ง. ทิวทัศน์ที่สวยงามตามสถานที่
ท่องเที่ยวต่างๆ

13. 12.ข้อใดต่อไปนี้ ไม่จัด เป็ นผลงาน
ศิลปะ
• ก. รูปวาดระบายสีเทียนของเด็ก
อนุบาล
• ข. ภาพถ่ายวิวทะเลที่หัวหิน
• ค.วัดร่องขุ่นของอ.เฉลิมชัย โฆสิต
พิพัฒน์
• ง. ทิวทัศน์น้าตกไทรโยคที่ จ.
กาญจนบุรี
่

14. 13.ข้อใดจัดเป็ นศิลปะประเภท
“วิจิตรศิลป์ ” ทั้งหมด
• ก. จิตรกรรม ประติมากรรม
สถาปัตยกรรม วรรณกรรม
• ข. จิตรกรรม ศิลปหัตถกรรม
วรรณกรรม ประติมากรรม
• ค. ประติมากรรม ศิลปหัตถกรรม
อุตสาหกรรม วรรณกรรม
• ง. ศิลปหัตถกรรม จิตรกรรม
วรรณกรรม นาฏกรรม

15. 14.ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะเฉพาะของ
จิตรกรรมไทย
• ก. เป็ นงานแบบสองมิติ
• ข. แบภาพมองจากที่สูงลงมาที่ต่า
• ค. เป็ นภาพเขียนแบบเล่าเรื่อง
• ง. น้าหนักแสงเงาเน้นกล้ามเนื้อและ
สัดส่วนชัดเจน
่

16. 15.ข้อใด ไม่ใช่ ลักษณะเฉพาะของ
ประติมากรรมไทย
• ก. ไม่นิยมปั้นแกะสลักรูปคนเหมือน
• ข. เน้นกล้ามเนื้อและสัดส่วนชัดเจน
• ค. ไม่แสดงกล้ามเนื้อในรูปคนและ
สัตว์
• ง. ไม่แสดงความแตกต่างของพื้นผิว
่

17. 16.ข้อใด ไม่ใช่ ประโยชน์ที่เกิดจาก
ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์และศาสนา
• ก. ทาให้เกิดความมั่นใจ
• ข. ทาให้เป็ นที่ยอมรับของสังคม
• ค. ทาให้เกิดพลัง
• ง. ทาให้เกิดความสามัคคี
• จ. ทาให้เกิดความคิดสร้างสรรค์

18. 17.ข้อใด ไม่ใช่ อิทธิพลที่ส่งผลต่อการ
เปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องหญิงกับชาย
ในสังคมไทย
• ก. ระบบการศึกษา
• ข. เศรษฐกิจ
• ค. วิทยาศาสตร ์และเทคโนโลยี
• ง. สภาพทางสังคม

19. 18.ทัศนคติเรืองเด็กและผู้ใหญ่นามา
ซึ่งวัฒนธรรมที่ปฏิบัติต่อกันมากมาย
ข้อใดต่อไปนี้คือคาอธิบายความหมาย
ของคาว่า “อาบน้าร้อนมาก่อน” ได้ดี
ที่สุด
• ก. ผู้ใหญ่ย่อมผ่านประสบการณ์ชีวิต
มากกว่าเด็ก
• ข. ผู้ใหญ่ย่อมได้รับสิทธิพิเศษก่อน
เด็กเสมอ
• ค. ผู้ใหญ่ย่อมมีแนวคิดในเรื่องต่างๆ
ดีกว่าเด็กเสมอ

20. 19.พุทธปฏิมากร หมายถึงสิ่งใด
• ก. พระพุทธรูป
• ข. รูปปั้นทั่วไป
• ค. ปูนปั้นที่เน้นกล้ามเนื้อและสัดส่วน
• ง. งานแกะสลักผักและผลไม้
• จ. ศิลปะการก่อสร้างแบบโบราณ

21. 20.ข้อใดไม่ใช่คาอธิบายเรื่องการเกิด
และการดารงอยู่ของโลกและสรรพสิ่ง
ตามความเชื่อแบบผีกับพระ
• ก. เชื่อว่าแถนหรือผีฟ้ าเป็ นผู้สร้างโลก
มนุษย์และสรรพสิ่ง
• ข. โลก มนุษย์และสรรพสิ่งได้รับการ
คุ้มครองจากผีฟ้ า
• ค. มนุษย์โลก สรรพสิ่ง เกิดขึ้นจาก
ปฏิกิริยาทางเคมีที่มีความสลับซับซ้อน
• ง. โลกเป็ นส่วนหนึ่งของไตรภูมิซึ่ง
ประกอบด้วย สวรรค์โลกมนุษย์และนรก

22. 21.แนวคิดทีมีอิทธิพลความแตกต่าง
ทางสังคมเรื่อง “เจ้าไพร่นายบ่าว”
ของสังคมไทยตามศาสนาพุทธคือข้อ
ใด• ก. เกิดจากบุญกรรมที่กระทาไว้
• ข. เรื่องพรหมลิขิต
• ค. เกิดจากการประทานของพระเจ้า
• ง. เกิดจากการกระทาของผี
• จ. เกิดจากแถนหรือผีฟ้ าเป็ นผู้

23. 22.ลักษณะของ “รัฐพิธี” คือข้อใด
• ก. ประเพณีที่จัดเป็ นประจาทุกปี
• ข. ประเพณีหลวงเกี่ยวข้องกับ
พระมหากษัตริย์โดยตรง
• ค. รัฐบาลเป็ นผู้จัดขึ้นโดยมี
พระมหากษัตริย์เป็ นองค์ประธาน
• ง. ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและจัด
โดยรัฐบาล

24. 23.ข้อใดต่อไปนี้สะท้อนการพัฒนา
ประเทศไทยในปัจจุบันโดยมองมิติ
ทางด้านวัฒนธรรม
• ก. ทันสมัยแต่ไม่พัฒนา
• ข. พัฒนาแต่ไม่ทันสมัย
• ค. ทันสมัยและพัฒนา
• ง. ไม่พัฒนาและไม่ทันสมัย
• จ. ล้าสมัยเร่งพัฒนา

25. 24.ข้อใดแสดงบทบาทของศาสนาต่อ
สถาบันการปกครอง
• ก. ฝ่ ายบ้านเมืองจัดระเบียบการ
ปกครองคณะสงฆ์
• ข. ฝ่ ายบ้านเมืองบารุงวัด
• ค. แนวคิดเรื่องการบารุงวัฒนธรรม
• ง. การอบรมระเบียบแบบแผนต่อคน
ในสังคม
• จ. แนวคิดเรื่องธรรมราชาที่รองรับ

26. 25.ข้อใดไม่นับเป็ นความเชื่อทาง
ศาสนา
• ก. ความเชื่อเรื่องผีสางเทวดา
• ข. ความเชื่อเรื่องพระเจ้าองค์เดียว
• ค. ความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์
• ง. ความเชื่อเรื่องอานาจเงินตรา
• จ. ความเชื่อเรื่องกรรม

27. 26.ศาสนามีความสัมพันธ ์กับ
วัฒนธรรมอย่างไร
• ก. บางวัฒนธรรมก็มีศาสนา บาง
วัฒนธรรมก็ไม่มีศาสนา
• ข. บางวัฒนธรรมมีศาสนาที่ดีกว่า
บางวัฒนธรรม
• ค. ศาสนาเป็ นวัฒนธรรมอันสูงส่ง
ของมนุษย์
• ง. ศาสนาเป็ นส่วนหนึ่งของระบบ
วัฒนธรรม มีส่วนในการกาหนด

28. 27.ความเชื่อเรื่องผีปู่ ตา เป็ นความ
เชื่อเกี่ยวกับเรื่องใด
• ก. พระภูมิเจ้าที่ของบ้าน
• ข. เจ้าพ่อหลักเมือง
• ค. ผีเร่ร่อน
• ง. ผีบรรพบุรุษของชุมชน
• จ. ขวัญ

29. 28.พิธีกรรมในข้อใด ไม่ใช่
พิธีกรรมทางไสยศาสตร ์
• ก. พิธีไล่ผี
• ข. พิธีสักลงยันต์
• ค. พิธีทายาสั่ง
• ง. พิธีทาเสน่ห์ยา
• จ. พิธีทาบุญบ้าน

30. 29.ข้อใดเป็ นตัวอย่างการใช้วิธีการทาง
ไสยศาสตร ์เพื่อทาร้ายผู้อื่น
• ก. การทาเครื่องรางของขลัง
• ข. การทาน้ามนต์
• ค. การทายาสั่ง
• ง. การทาพิธีหมอลาผีฟ้ า
• จ. การทาสังฆทานอุทิศส่วนกุศล

31. 30.ความเชื่อที่ว่าพระมหากษัตริย์
เปรียบดังสมมติเทพ เป็ นความเชื่อ
ตามศาสนาใด
• ก. ศาสนาพุทธ
• ข. ศาสนาพราหมณ์
• ค. ศาสนาชินโต
• ง. ศาสนาขงจื้อ
• จ. ศาสนาอิสลาม

32. 31.อะไรที่เป็ นเครื่องชี้บ่งลักษณะที่
สาคัญของศาสนา
• ก. ความเชื่อในเรื่องประวัติศาสตร ์
ท้องถิ่น
• ข. ความเชื่อเรื่องกลุ่มชาติพันธุ ์
• ค. ความเชื่อเรื่องการเมืองการ
ปกครอง
• ง. ความเชื่อในเรื่องอานาจเหนือ
ธรรมชาติ
• จ. ความเชื่อเรื่องอานาจในชุมชน

33. 32.ไสยศาสตร ์เหมือนกับศาสนา
ในแง่ใด
• ก. เมื่อการประกอบพิธีกรรมทาให้คน
สบายใจขึ้น มั่นใจขึ้น
• ข. ผู้ประกอบพิธีกรรมเป็ นคนคน
เดียวกัน
• ค. มีการประกอบพิธีกรรมและศาสนา
ในหมู่บ้านทั่วไป
• ง. ไสยศาสตร ์และศาสนามีการจัด
ระเบียบขององค์กรชัดเจนเหมือนกัน

34. 33.แนวคิดเรื่อง ธรรมราชา เทวราชา
และสมมติราช สะท้อนให้เห็นอะไร
• ก. ความสัมพันธ ์ระหว่างศาสนากับ
การเมือง
• ข . บ ท บ า ท ข อ ง ศ า ส น า ใ น ก า ร
ประกอบพิธีของรัฐ
• ค . บ ท บ า ท ข อ ง ศ า ส น า ใ น ก า ร
วางแผนพฤติกรรมให้คนในสังคม
• ง. บทบาทในการสร้างโลกทัศน์เรื่อง
นรกสวรรค์

35. 34.การจัดการศึกษาที่ไม่ทาลาย
วัฒนธรรมไทยควรทาอย่างไร
• ก. ส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่ง
วัฒนธรรม
• ข. ให้การศึกษาในเรื่องวัฒนธรรม
ไทยอย่างลึกซึ้งและหลากหลาย
• ค. ให้เรียนรู ้วัฒนธรรมอื่นแล้ว
นาเข้ามาใช้
• ง. พิจารณาคัดเลือกวัฒนธรรมที่
ล้าสมัยแล้วยกเลิก

36. 35.ข้อใดเป็ นปัจจัยสาคัญที่ทาให้เกิด
การเปลี่ยนแปลงทางศิลปวัฒนธรรม
ในสมัยรัตนโกสินทร ์ตอนต้น
• ก. การรับวิทยาการสมัยใหม่จาก
มิชชันนารี
• ข. การขยายตัวอย่างรวดเร็วของ
การศึกษา
• ค . ก า ร เ ป ลี่ย น แ ป ล ง อ ย่ า ง ม า ก
ทางด้านการปกครอง
• ง. ความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการค้า
กับต่างประเทศ

37. 36.ข้อใดไม่จัดอยู่ในองค์ประกอบ
ของศาสนา
• ก. องค์ศาสดา
• ข. ศาสนสถาน
• ค. พระคัมภีร ์
• จ.นักบวช
• จ. เครื่องประกอบพิธีกรรม

38. 37.แนวคิดเรื่องความแตกต่างระหว่าง
ชายและหญิงในข้อใดไม่ใช่แนวคิดแบบ
ดั้งเดิมของคนไทย
• ก. สรีระร่างกายที่แตกต่างกัน
• ข. ชายและหญิงมีสิทธิและความ
เสมอภาคกัน
• ค. ผู้ชายมีสิทธิเหนือผู้หญิง
• ง. ชายและหญิงมีภาระหน้าที่ทาง
สังคมที่แตกต่างกัน
• จ. สังคมไทยคาดหวังกับผู้ชาย
มากกว่าผู้หญิง

39. 38.ทรรศนะและความเชื่อเรื่องการเกิด
และตายของคนไทยในระดับปัญญาชน
มาจากอะไร
• ก. ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร ์
• ข. ความเชื่อเกี่ยวกับลัทธิเฉพาะกลุ่ม
ชน
• ค. ความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า
• ง. ความเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร ์
• จ. ความเชื่อเกี่ยวกับกิเลสของมนุษย์

40. 39.แนวคิดเรื่องเด็กและผู้ใหญ่ใน
สังคมไทยขึ้นอยู่กับสิ่งใด
• ก. คุณวุฒิ การศึกษา
• ข. ความอาวุโส
• ค. ระดับฐานะทางสังคม
• ค. ความสามารถเฉพาะด้าน
• จ. ชนชั้นทางสังคม

41. 40.ศาสนาพุทธของคนไทยปัจจุบัน
ผสมผสานไว้ด้วยความเชื่อในข้อใด
• ก. พุทธ พราหมณ์ ผี
• ข. พุทธ อิสลาม คริสต์
• ค. ไสยศาสตร ์พุทธศาสตร ์
• ค. ปรัชญา ศาสนา
• จ. พราหมณ์ เทพเจ้า

42. 41.ความเชื่อเรื่อง “แถน” หรือ “พญา
แถน” ของชาวอีสานเป็ นความเชื่อที่มี
ต่อใคร
• ก. พราหมณ์ผู้ทาพิธี
• ข. ผีร้ายของชาวอีสาน
• ค. เทวดาบนสวรรค์
• ง. ผีบรรพบุรุษ
• จ. เทพเจ้าที่อยู่ในธรรมชาติ

43. 42.แนวคิดเรื่อง “เจ้า ไพร่ นาย บ่าว”
ในสังคมไทยสมัยโบราณหมายถึงใคร
• ก. เจ้านาย ขุนนาง ไพร่ ทาส
• ข. ลูกพี่ ลูกน้อง
• ค. เจ้านาย ลูกน้อง
• ง. ผู้ใหญ่ ผู้น้อย
• จ. วงศาคณาญาติ

44. 43.ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ความเชื่อเรื่อง
การเจ็บไข้ได้ป่ วยของสังคมไทย
• ก. เกิดจากการกระทาของภูมิผีปี ศาจ
• ข. เกิดจากเรื่องบุญกรรม
• ค. เกิดจากพรหมลิขิต
• ง. เกิดจากเทคโนโลยี
• จ. เกิดจากการกระทาทางไสยศาสตร ์

45. 44.ข้อใดไม่ใช่เกณฑ์ในการแบ่งความ
เป็ นไทยและเทศของคนไทย
• ก. ภาษาพูดภาษไทย
• ข. รูปร่างลักษณะ สีผิว
• ค. ลักษณะความสัมพันธ ์ระหว่างกัน
• ง. ความรู ้สึก
• จ. วัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน

46. 45.ข้อใดที่คนไทยมองว่าเป็ น
“เทศ” มากที่สุด
• ก. คนลาว
• ข. คนพม่า
• ค. คนจีน
• ง. คนสิงคโปร ์
• จ. คนฝรั่งเศส

47. 46.ศาสนาทุกศาสนา มีความคล้ายกันมาก ที่สุดในข้อ
ใด
• ก. มีวิธีสอนที่คล้ายกัน
• ข. มีพิธีกรรมคล้ายกัน
• ค. มีแหล่งกาเนิดคล้ายกัน
• ง. มีหลักธรรมคาสอนคล้ายกัน
• จ. มีศาสดาเป็นผู้ประกาศศาสนา

48. 47.ข้อใดคือลักษณะเด่นที่สุดของ
พุทธศาสนา
• ก. การไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า
• ข. การสอนเรื่องกรรมในอดีต
• ค. การสอนให้รักและเมตตากัน
• ง. การสอนให้มนุษย์พึ่งพาตนเอง
• จ. การสอนให้รู ้จักความไม่เที่ยง

49. 48.แม่โพสพ เป็ นผีที่คนไทยเชื่อว่า
คุ้มครองในเรื่องใด
• ก. ทาหน้าที่รักษาเรือ
• ข. การค้าขายเจริญรุ่งเรือง
• ค. การทาไร่นาให้ได้ผลดี
• ง. ไม่ให้เจ็บไข้ ได้ป่ วย
• จ. ป้ องกันภยันตรายทั้งปวง

50. 49.ข้อใดคือวัตถุประสงค์สาคัญของ
การบวชในสังคมไทย
• ก. สะเดาะเคราะห์
• ข. ตอบแทนบุญคุณพ่อ – แม่
• ค. เตรียมตัวแต่งงานมีครอบครัว
• ง. ฝึ กฝนตนเองให้มีสติปัญญาและ
คุณธรรม
• จ. เป็ นเอกลักษณ์ของชาติ

51. 50.ประเพณีผีตาโขน เป็ นประเพณี
ของจังหวัดใด
• ก. หนองคาย
• ข. นครพนม
• ค. มุกดาหาร
• ง. อานาจเจริญ
• จ. เลย