More Related Content
Similar to Work1 pjcom (20)
Work1 pjcom
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5
ปีการศึกษา 2562
ชื่อโครงงานชื่อโครงงาน อาการง่วงซึมที่ฝืนไม่ได้
ชื่อผู้ทาโครงงาน
ชื่อ นางสาวธมลวรรณ สมัครเขตรการณ์
เลขที่ 6 ชั้น ม.6 ห้อง 4
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานร่วม (ถ้ามี)…………………………………………………
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 62
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม .……
1นางสาวธมลวรรณ สมัครเขตรการณ์ เลขที่ 6
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
อาการง่วงซึมที่ฝืนไม่ได้
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Irresistible drowsiness
ประเภทโครงงาน
โครงงานเพื่อการศึกษา
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาวธมลวรรณ สมัครเขตรการณ์
ชื่อที่ปรึกษา
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน
ภาคเรียนที่ 1 ถึงภาเรียนที่ 2
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
ในการนอนหลับของคนเรา 1 วัน ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายของ
เราได้พักผ่อน คนส่วนใหญ่มักนอนหลับในเวลากลางคืน หรือกลางคืนและกลางวัน เพื่อนให้สุขภาพและระบบ
ภายในร่างกายทางานได้ดี เมื่อเรานอนตามเวลาเดิมเป็นประจาร่างกายของเราก็จะจดจาและทาให้นอนหลับและ
ตื่นเวลาเดิมๆได้ในทุกๆวัน โดยมีวงจรหลับและตื่นเพื่อความอยู่รอด ในเด็กทารกมีการนอนที่ยาวนานถึง 1620 ชั่วโมง
ในวัยเรียนจะลดลงมาเป็น 8-9 ชั่วโมง ในวัยผู้ใหญ่ก็จะลดลงมาอีกเหลือเพียง 6-7 ชั่วโมงแต่การนอนหลับของคนเรา
จะไม่เหมือนการเพราะฉะนั้นเราจึงมีการฝึกฝนการนอนตรงเวลาตั้งเด็กๆเพื่อให้ร่างกายคุ้น ชินกับการนอนและตื่น
แม้อาการง่วงนอนนั้นเราสามารถควบคุมผ่านการจดจาของร่างกายก็จริงแต่มันไม่สาม รถควบคุมได้ทั้งหมด
เพราะอาการง่วงนอนสามารถเกิดได้แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจ แล้วหลับไปโดยไม่รู้ตัวแม้ว่าคุณ จะทากิจกรรมอะไรอยู่ก็ตาม
หลายคนเรียกอาการนี้ว่าอาการหลับใน แต่ในความจริงแล้วอาการนี้เกิดจากโรคที่ มีชื่อว่า โรคลมหลับ (Narcolepsy)
- 3. 3
เป็นการผิดปกติทางด้านการนอนหลับที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรังผู้ที่เป็นโรคนี้จะรู้สึกง่วงอย่างมากในช่วงกลางวันและมักหลั
บไปโดยไม่รู้ตัว บางคนอาจจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงกะทันหันด้วย จะเป็นมากในช่วงอายุ 10-25 ปี
หากอาการรุนแรงเราควรไปพบแพทย์เพื่อนปรึกษาและหาทางบรรเทาอาการลง เพราะเหตุนี้จึงได้มีการจักทา
โครงงานนี้ขึ้นเพื่อทาให้ผู้ที่มีอาการสุ่มเสี่ยงได้รู้ตัวไว้ก่อน และเป็นแนวทางในการศึกษาสาหรับผู้ที่สนใจ
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.เพื่อเป็นกรณีศึกษาให้กับผู้ที่มีอาการคล้ายจะเป็นโรคนี้ได้เข้ามาศึกษาและเข้าใจมากขึ้น
2.เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาเกี่ยวกับโรคลมหลับ
3.เพื่อให้หลายคนเข้าใจว่าการนอนหลับไปโดยไม่รู้ตัวของผู้เป็นโรคนี้ไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจหรือนอน
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเริ่มแสดงอาการผิดปกติตั้งแต่ช่วงอายุ 10-25 ปี โดยอาการอาจค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้นใน 2-3
ปีแรก หรืออาจเกิดขึ้นภายในเวลาเพียง 2-3 สัปดาห์หลังเริ่มแสดงอาการ ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายอาจจะมีอาการ
แตกต่างกันไป ดังนี้
ง่วงนอนอย่างมากในช่วงกลางวัน และผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม เช่น
ทางาน พูดคุย รับประทานอาหาร หรือแม้กระทั่งขับรถอยู่ เป็นต้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ และผู้ป่วยมัก
รู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อได้พักงีบ แต่ก็จะกลับไปมีอาการง่วงอีกครั้ง
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันในช่วงเวลาสั้น ๆ โดยมีปัจจัยกระตุ้นทางอารมณ์ เช่น การ
หัวเราะ ความรู้สึกตื่นเต้น ความโกรธ ความกลัว เป็นต้น
อาการผีอา (Sleep Paralysis)
คือภาวะที่ผู้ป่วยไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือส่งเสียงได้ในระหว่างที่นอนหลับหรือ แม้แต่ขณะตื่น
ทว่ายังสามารถเคลื่อนไหวดวงตาและหายใจได้ตามปกติ โดยมักเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น
ประสาทหลอนขณะนอนหลับหรืออยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
อาการโรคลมหลับนั้นเกิดจากสารเคมีในสมองที่ชื่อว่า hypocretin ต่ากว่าปกติ ทาให้มีอาการง่วงซึม
ตลอดเวลาหรือผล็อยหลับไปโดยไม่รู้สึกตัว ในช่วงเวลาที่ไม่ปกติ บางรายก็มีอาการคล้ายกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่ว่า
จะนอนมากขนาดไหนก็ยังคงรู้สึกว่าง่วงนอนอยู่ดี ปัจจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่หายขาด มีเพียงแค่บรรเทาอาการ
หนักให้เป็นเบาเพียงเท่านั้น
สาเหตุของโรคลมหลับ
ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง เป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคลมหลับ โดยพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็น
โรคลมหลับจะมีระดับสารกระตุ้นให้ตื่นในสมองที่ชื่อว่าไฮโปเครติน (Hypocretin) ต่ากว่าปกติ
พันธุกรรม ผู้ป่วยโรคลมหลับมักไม่มีประวัติว่าคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ แต่พบว่าญาติที่ใกล้ชิดของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มี
ความเสี่ยงสูงทางสติในการพัฒนาไปเป็นโรคลมหลับในอนาคต นอกจากนี้โรคลมหลับยังอาจเกิดจากความบกพร่อง
ทางพันธุกรรมที่ขัดขวางไม่ให้มีการผลิตสารกระตุ้นอย่างไฮโปเครตินในระดับปกติ แต่กรณีหลังนี้พบได้น้อย
โรคภูมิคุ้มกันทาลายตนเอง นักวิจัยพบว่า โรคลมหลับที่มีโรคภาวะผล็อยหลับร่วมด้วย (โรคลมหลับชนิดที่ 1) อาจมี
ความเชื่อมโยงกับการสูญเสียเซลล์ในสมองที่มีหน้าที่ผลิตสารไฮโปเครติน ซึ่งเกิดจากโรคภูมิคุ้มกันทาลายตนเอง ที่
ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทางานผิดพลาดและโจมตีเซลล์เหล่านี้
- 4. 4
การบาดเจ็บรุนแรง ในกรณีที่พบได้ไม่บ่อย โรคลมหลับมักเป็นผลลัพธ์จากอาการบาดเจ็บรุนแรงที่บางส่วนของสมองที่
ควบคุมการนอนหลับในช่วงที่จะมีการเคลื่อนไหวของลูกตาอย่างรวดเร็ว (REM sleep) หรือจากเนื้องอกในสมอง
รวมถึงโรคอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในบริเวณเดียวกัน
สาเหตุอื่นๆ เช่น การติดเชื้อ การสัมผัสสารพิษ ความเครียด ความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนในวัยหนุ่มสาวหรือวัยหมด
ประจาเดือน และการเปลี่ยนแปลงเวลาการนอนที่มากเกินไปอย่างการทางานเป็นกะ
อาการของโรคลมหลับ
อาการแสดงทั่วไปของโรคลมหลับมีดังนี้
- อาการง่วงนอนมากผิดปกติในเวลากลางวัน เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคลมหลับ และส่งผลกระทบ
ต่อกิจวัตรประจาวันของผู้ป่วยอย่างมาก เพราะจะทาให้รู้สึกง่วงซึมระหว่างวันแม้จะได้หลับอย่างเต็มที่ใน
ตอนกลางคืนแล้วก็ตาม รวมทั้งรู้สึกไม่มีพลัง ซึมเศร้า หรืออ่อนเพลียเป็นอย่างมาก และผู้ป่วยบางรายอาจมี
ปัญหาด้านความจา ขาดสมาธิในการทางานหรือการเรียนด้วย
- ภาวะผล็อยหลับ ประมาณ 70% ของผู้ป่วยที่เป็นโรคลมหลับจะเป็นโรคลมหลับชนิดที่ 1 ซึ่งมีโรคภาวะผล็อย
หลับร่วมอยู่ด้วย ภาวะนี้เกิดจากการสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อแบบเฉียบพลันในขณะที่ตื่น ทาให้เกิด
อาการอ่อนแรงและสูญเสียการควบคุมของกล้ามเนื้อลาย ภาวะผล็อยหลับสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาขณะตื่น
และมีความรุนแรงแตกต่างกันไป เช่น การสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อเพียงเล็กน้อยที่ทาให้เปลือกตาตก
ลงเล็กน้อย หรือในกรณีที่รุนแรงอาจสูญเสียความตึงตัวของกล้ามเนื้อลายทั้งหมดจนทาให้ไม่สามารถ
เคลื่อนไหว พูดคุย หรือเปิดตาได้ แม้ในช่วงเวลานั้นจะมีสติเต็มร้อยก็ตาม
- ผีอา เป็นสภาวะที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือพูดในขณะกาลังนอนหลับหรือช่วงใกล้จะตื่นเพียงชั่วคราว และ
อาจเกิดขึ้นได้แม้กระทั่งในยามที่มีสติเต็มร้อย โดยทั่วไปแล้วอาการผีอามักเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่วินาทีหรือ
ไม่กี่นาที
- ประสาทหลอน มักจะเกิดขึ้นในลักษณะของการเห็นภาพที่เหมือนจริง แต่ไม่มีอยู่จริง โดยอาจเกิดขึ้นใน
ขณะที่กาลังเคลิ้มหลับ กาลังเคลิ้มตื่น หรือในระหว่างหลับที่หลับสนิทอยู่ก็ได้
- ทั้งนี้ผู้ที่เป็นโรคลมหลับมักไม่มีปัญหาในการนอนหลับในตอนกลางคืน แต่มักเกิดปัญหาขึ้นจากอาการนอนไม่
หลับ การฝันมากมาย การนอนละเมอ การเดินละเมอออกนอกสถานที่ในขณะหลับ และภาวะขากระตุกขณะ
หลับ
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1.รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกลับโรคลมหลับ
2.เริ่มวางแผนทาโครงงาน
3.ตรวจสอบโครงงานว่าครบถ้วนมีปัญหาหรือไม่
4.แก้ไขปัญหาของโครงงานที่พบ
5.ตรวจสอบอีกครั้ง
6.ประเมินผล
7.เสนอแก่ผู้ที่สนใจและผู้ที่มีอาการ
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์
งบประมาณ
200 บาท
- 5. 5
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
12
1
3
1
4
1
5
16 17
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน)
ให้ผู้ที่มีอาการสุ่มเสี่ยงได้รู้ถึงสาเหตุและวิธีการรักษาและเพื่อให้ผู้ที่สนใจที่จะศึกษาเรื่องนี้ได้เข้ามาศึกษาต่อเพื่อ
เป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นต่อไป
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
กลุ่มสาระการเรียนรู้คอมพิวเตอร์
แหล่งอ้างอิง (เอกสาร หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน)
https://www.sleepcenterchula.org/index.php/en/component/k2/item/24-narcolepsy
https://www.honestdocs.co/what-is-narcolepsy