More Related Content
Similar to ประเพณีของจีน (20)
ประเพณีของจีน
- 1. ประเพณีของจีน : ความเชื่อและพิธีกรรมเทศกาลเช็งเม้ ง (ชิงหมิง)
นางสาวคุณากร หนูนนท์ 5224610377
ั
ประเทศจีนเป็ นประเทศที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมยาวนานหลานพันปี จึงเป็ นธรรมดาที่เป็ น
แหล่งกําเนิดเทศกาลสําคัญมากมาย เทศกาลของชาวจีนที่เราคุ้นเคยกันดี ได้ แก่ เทศกาลตรุษจีน เทศกาล
ขนมจ้ าง เทศกาลเชงเม้ ง เทศกาลหยวนเซียว เทศกาลตวนอู่ เป็ นต้ น ซึ่งยังไม่ได้ รวมไปถึงเทศกาลของชน
เผ่าพื น เมืองอื่นที่ ก ระจายอยู่ทั่วประเทศจี น องค์ป ระกอบของเทศกาลสําคัญ ต่างๆของชาวจีน ก็ คงจะ
้
เช่นเดียวกับเทศกาลทัวไปของชนชาติภาษา คือประกอบไปด้ วย ตํานานเรื่องเล่า ความเป็ นมาของเทศกาล
่
กิจกรรมพิเศษๆของคราวสมัยที่จดกิจกรรมและผู้คนที่ร่วมกิจกรรม เนื่องจากชาวจีนถือว่าเป็ นชนชาติกลุ่ม
ั
ใหญ่ มีกลุมคนที่นอกจากตังถิ่นฐานในประเทศมาตุภมิแล้ วยังกระจัดกระจายตังหลักแหล่งอยู่ทวโลก
่ ้ ู ้ ั่
ความเป็ นมา/ ความสาคัญของเทศกาลเช็งเม้ ง (ชิงหมิง)
ในสมัยโบราณของจีนนัน จะมีก ารประกอบพิธีการเซ่น ไหว้ บรรพบุรุษ กันที่สสานรวมหรื อสุสาน
้ ุ
ประจําตระกูล เพื่อเป็ นการแสดงถึงเจตนารมณ์ และความกตัญํูต่อบรรพบุรุษ โดยมีอิทธิพลมาจากลัทธิ
ขงจื๊อ ที่เน้ นเรื่องความกตัญํูเป็ นสําคัญ
ประเพณี ที่ สํ า คัญ มากที่ สุด ของของชาวจี น คื อ ไหว้ บ รรพบุรุ ษ ที่ สุส าน (ฮวงซุ้ ย หรื อ ฮวง
จุ้ย ) เทศกาล “ เชงเม้ ง ” เป็ นเทศกาลประจําปี ในการบูชาและแสดงความกตัญํูตอบรรพบุรุษที่ลวงลับไป
่ ่
แล้ วของชาวจีน ก่อนวันพิธีจะมีการทําความสะอาดหลุมฝั งศพของบรรพบุรุษ หลังจากนันในวันพิธีจะมี
้
การเซ่นไหว้ อาหารหวานคาว ที่หลุมฝั งศพ เพื่อเป็ นการ รําลึกถึงคุณงามความดีของบรรพบุรุษ และเป็ นการ
ส่งอาหารให้ ทกปี เพื่อมิให้ อดอยาก เมื่อไปอยู่อีกภพหนึ่ง คนจีนส่วนใหญ่ จะหยุดงานมาร่วมพิธีกัน พร้ อม
ุ
หน้ าพร้ อมตา หรือถือว่าเป็ นวันพบญาติของคนจีนก็วาได้ 1
่
1
มอลเทจ คัลเชอร์ . ประตูส่ ูวัฒนธรรมจีน. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์ สุขภาพใจ บริ ษัท ตถาตา พับลิเคชั่น
จํากัด, 2551.
- 2. การบูชาบรรพบุรุษ (Ance stor Worship) และการไว้ ทุกข์ (Mourning) ถือเป็ นพิธีกรรมที่สําคัญ
ที่สดพิธีกรรมหนึ่งของชาวจีน และปฏิบัติกันแพร่หลายสืบมาหลายพันปี จวบจนทุกวันนี ้ แม้ ว่าการไว้ ทุกข์
ุ
และการบูชาบรรพบุรุษจะเป็ นความเชื่ อดังเดิมของชาวจีน แต่ก็ ได้ รับการส่งเสริ มสนับสนุนจากปรัชญา
้
ขงจื ้อ เพราะขงจื ้อถือว่าเป็ นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามในการปลูกฝั งความกตัญํูกตเวทีแก่ชนรุ่น
หลัง เป็ นโอกาสที่พี่น้องลูก หลานจะมาพบปะกัน และประเพณี ก็เ ป็ นเครื่ องร้ อยรัดผู้คนในสังคมเข้ าไว้
ด้ วยกัน ขงจื ้อจึงมองเทศกาล “ เชงเม้ ง ” ในแง่ของจริยธรรมทางสังคม มากกว่าในแง่อภิปรัชญาเรื่ องชีวิ ต
หลังความตาย
ซึ่งคํา ว่า ชิงหมิ ง (qing-ming, อัก ษรจี น ตัวเต็ม : 清明節, อัก ษรจี น ตัวย่ อ : 清明节, พิ น
อิน: Qīngmíngjié) หรือ เช็งเม้ ง, เชงเม้ ง (ตามสําเนียงแต้ จิ๋ว) “เช็ง” หมายถึง สะอาด บริ สทธิ์ และ “เม้ ง”
ุ
หมายถึง สว่าง รวมแล้ วหมายความถึง ช่วงเวลาแห่งความแจ่มใสรื่นรมย์2
ตานานการเกิดเชงเม้ ง
ในยุคชุนชิว องค์ชายฉงเอ่อแห่งแคว้ นจิ ้นหนีภยออกนอกแคว้ น ไปมีชีวิตตกระกําลําบากนอกเมือง
ั
โดยมี เจี ้ยจื่อทุย ติดตามไปดูแลรับใช้
เจี ้ยจื่อทุย เป็ นคนที่ มีจิตใจเมตตาถึงขนาดเชือดเนือที่ขาของตนเป็ นอาหารให้ องค์ชายเสวยเพื่อ
้
ประทังชีวิต ภายหลังเมื่อองค์ชายฉงเอ่อเสด็จกลับเข้ าแคว้ นและได้ รับการสถาปนาขึ ้นเป็ นเจ้ าผู้ครองแคว้ น
นาม จินเหวินกง และได้ สถาปนาตอบแทนขุนนางทุกคนที่เคยให้ ความช่วยเหลือตน แต่ลืมเจียจื่อทุยไป
้ ้
นานวันเข้ าจึงมีคนเตือนถึงบุญคุณเจี ้ยจื่อทุย จิ ้นเหวินกงเพิ่งนึกขึ ้นไป จึงต้ องการตอบแทนบุญคุ ณเจียจื่อ
้
ทุย โดยจัดหาบ้ านให้ เขาและมารดาให้ เข้ ามาอยู่อย่างสุขสบายในเมือง แต่ทว่าเจี ้ยจื่อทุยปฏิเสธ
2
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี . เทศกาลเช็งเม้ ง. (ระบบออนไลน์ ) แหล่งที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/เทศ
กาลเช็งเม้ ง (23 เมษายน 2554 )
- 3. จิ ้นเหวินกงได้ คิดแผนเผาภูเขา โดยหวังว่าเจียจื่อทุยจะพามารดาออกมาจากบ้ าน แต่ผลสุดท้ าย
้
กลับไม่เป็ นไปอย่างที่คิด สองแม่ลกกลับต้ องเสียชีวิตในกองเพลิง ดังนัน เพื่อเป็ นการรําลึกถึงเจี ้ยจื่อทุย จิน
ู ้ ้
เหวินกงจึงมีคําสังให้ วนนี ้ของทุกปี ห้ ามไม่ให้ มีการก่อไฟ และให้ รับประทานแต่อาหารสด ๆ และเย็น ๆ จน
่ ั
กลายเป็ นที่มาของเทศกาลวันกินอาหารเย็น หรือ เทศกาลหันสือเจี๋ย (寒食节) ซึ่งเป็ นวันสุกดิบก่อน
วันเช็งเม้ ง 1 วัน3
ดันนันคนโบราณจึงนิยมถือปฏิบติกิจกรรมตามประเพณีวนหันสือเจี๋ยต่อเนื่องไปจนถึงวันเช็งเม้ ง
้ ั ั
นานวันเข้ าเทศกาลทังสองก็รวมเป็ นวันเช็งเม้ งวันเดียว การไหว้ เจียจื่อทุยจึงค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็ นการไป
้ ้
เซ่นไหว้ บรรพบุรุษแทน
จุดกาเนิดของเทศกาลเช็งเม้ ง
วันเทศกาลและประเพณีตางๆของชาวจี นก็เหมือนกับเทศกาลของอีกหลายๆประเทศทั่วโลกที่ว่า
่
เทศกาลส่วนใหญ่มกมีจดกําเนิดมาจากความเชื่อ, นิยายหรื อเรื่ องเล่าที่มีความสอดคล้ อง หรื อสัมพันธ์อยู่
ั ุ
แทบจะทุกเทศกาลเลยทีเดียว ในตํานานเรื่องเล่าเหล่านันมักจะแฝงไปด้ วยความเชื่อและวัฒนธรรมต่างๆที่
้
มีอยู่ในช่วงนัน ตังแต่โบราณกาลประเทศจีนจะมีปฏิทินที่นิยมใช้ กนมากอยู่ 2 ชนิด คือ
้ ้ ั
1. ปฏิทนจันทรคติ ถือเอาการโคจรของดวงจันทร์เป็ นตัวกําหนด ปฏิทินจันทรคตินี ้เกิดขึ ้นพร้ อมๆกัน
ิ
กับการทําผลิตผลทางด้ านเกษตร ดังนันจึงเปรียบได้ วา ปฏิทินจันทรคติเป็ นปฏิทินเกษตร (หนงลี่)
้ ่
ปฏิทินชนิดนีเ้ ริ่มใช้ ตงแต่สมัยราชวงศ์เซี่ยจนถึงปั จจุบน
ั้ ั
ปฏิทินจัน ทรคตินี เ้ ป็ นปฏิทินที่เกิ ดจากการผสมผสานกันของปฏิทินจัน ทรคติและปฏิทิ นสุริยคติ
กล่าวคือ ถือเอาการหมุนรอบตัวเองของดวงจันทร์ 1 รอบเป็ น 1 เดือน และ1 ปี แบ่งออกเป็ น 12 เดือน ถ้ า
คิดเป็ นวันก็จะมี 365 วัน ในกรณีที่ปีไหนมีเดือนอธิกมาส ปี นันก็จะเพิ่มเป็ น 13 เดือน และมี 384 วัน ใน
้
สมัยโบราณประเทศจีนแบ่งออกเป็ น 24 ฤดูกาล ฤดูกาลเหล่านี ้จะเกี่ยวข้ องกับการผลิตทางด้ านการเกษตร
โดยตรง ซึ่งประชาชนชาวจีนได้ ใช้ ปฏิทินนี ้มาหลายพันปี มาแล้ ว
3
จิ รวรรณ จิ รัน ธร. เชงเม้ ง – ประเพณี ท่ ีลู ก หลานชาวจีนควรรู้ . (ระบบออนไลน์ ) แหล่งที่ ม า
http://www.jiewfudao.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538839064&Ntype=20 ( 9
กรกฎาคม 2551)
- 4. 2. ปฏิทนสุริยคติ ถือเอาการโคจรของดวงอาทิตย์เป็ นตัวกําหนด ซึ่งกําหนดเป็ น 4 ฤดู ใน 1 ปี จะแบ่ง
ิ
ออกเป็ น 12 เดือนเช่นเดียวกับปฏิทินจันทรคติ ในทุกๆ 4 ปี จะมีอธิกมาสเพิ่มขึ ้น 1 วันในเดือน
กุมภาพันธ์ ซึ่งจะคิดเป็ นวันได้ 366 วัน การคํานวณเวลาชนิดนีใ้ นแต่ละปี จะมีความแตกต่างกัน
ค่อนข้ างน้ อย ปฏิทินแบบนี ้ได้ รับความนิยมไปในประเทศต่างๆทัวโลก และในปั จจุบนประเทศจีนก็
่ ั
ใช้ ปฏิทินชนิดนี ้
ใน 24 ฤดูกาลของประเทศจีนนันจะถือเอา ฤดูใบไม้ ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ ร่วง และฤดูหนาวที่เกิดขึ ้น
้
ครบถ้ วนถือว่าเอาว่าเป็ นรอบระยะหนึ่ง วันต่างๆในปฏิทินสุริยคติของแต่ละปี จึงแน่นอน โดยพื ้นฐานแล้ วใน
แต่ละปี จะแตกต่างกันก็ไม่มากอย่างน้ อยที่สดก็เพียง 1 วันเท่านัน แต่ในปฏิทินจันทรคติวนของฤดูกาลนัน
ุ ้ ั ้
กลับไม่คอยแน่นอน กล่าวคือ ระยะเวลาของแต่ละปี จะแตกต่างกันหลายๆวัน ซึ่ง 24 ฤดูกาลเหล่านีเ้ กิดขึ ้น
่
ในหมูชาวจีนในเขตตอนกลางและตอนปลายของลุมนํ ้าหวงเหอ หรือแม่นํ ้าเหลืองก่อนในช่วงแรกๆ จากนัน
่ ่ ้
จึงค่อยพัฒนาและขยายวงออกไปอย่างกว้ างขวางในที่ตางๆทัวประเทศ 4
่ ่
จากข้ างต้ นจะพบว่าเทศกาลเช็งเม้ ง จะตรงกับวันที่ 4 ของเดือนเมษายนในปฏิทินจีน ซึ่งถือว่าเป็ น
เทศกาลแห่งความแจ่มใสและสว่าง มีการจัดฉลองในประเทศจีนมาหลายพันปี แล้ ว แม้ ว่าวันนี จะเป็ นวันที่
้
แสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ไปแล้ ว แต่ก็ยังเป็ นวัน เกี่ยวกับชีวิตและครอบครัวด้ วย เช็ งเม้ ง
เริ่มต้ นขึ ้นในฤดูใบไม้ ผลิ ซึ่งเป็ นช่วงที่อากาศแจ่มใสและสว่าง (เป็ นที่มาสําหรับชื่อเทศกาลนี )้ เวลานีเ้ ป็ น
ช่วงที่มีผกหญ้ ากําลังขึ ้น และมีเทศกาลฉลองพระเจ้ าเสด็จกลับคืนชีวิต
ั
ดังนัน จุดกําเนิดของเทศกาลต่างๆก็เปรียบเสมือนความเชื่อที่มีความเชื่อผลต่อวิถีชีวิตของชาวจีน
้
เมื่อเป็ นเช่นนีแล้ วก็จ ะทําให้ เราได้ ทราบถึงแหล่งที่มา ความเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาของเทศกาลที่
้
สําคัญๆ สิ่งเหล่านี ้มีผลต่อความเข้ าใจอันดีของชนชาติไทยและชนชาติจีน เพราะวัฒนธรรมบางอย่างนันมี
้
ส่วนคล้ ายคลึงกับชนชาติไทยเช่นนัน
้
4
วันทิพย์ สินสูงสุด. จีน เทศกาลและวันสาคัญ China Festivals. กรุงเทพฯ: สยามมิตรการพิมพ์, 2549.
- 5. พิธีกรรมเช็งเม้ ง
การประกอบพิธีกรรมนี ้ ชาวจีนมีความเชื่อในเรื่อง พระภูมิเจ้ าที่ นรก สวรรค์ วิญญาณบรรพบุรุษ
ภูตผี วิญญาณเร่ร่อน การทํามาหากิน เคล็ด ชาติภพ เช่น ชาวจีนเชื่อว่าการนําสิ่งของไปเซ่นไหว้ ที่หลุมศพ
การพูนดินที่หลุม การโปรยกระดาษสีตาง ๆ เพราะเป็ นการแสดงออกถึงความกตัญํูร้ ูคณต่อบรรพบุรุษ ผู้
่ ุ
มีพระคุณ เป็ นการบอกเล่าแก่สงคมว่าตนยังคงระลึกถึงผู้มีพระคุณอยู่เสมอและการทํากงเต็ก ก็เนื่องจาก
ั
ชาวจีนเชื่อว่า คนที่ตายไปแล้ วไม่ได้ ไปไหน ยังคงดําเนินชีวิตอยู่ในอีกโลกหนึ่ง และอาจจะต้ องการความ
ช่วยเหลือจากมนุษย์เหมือนกับที่มนุษย์ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน
อาหารที่ใช้ ในการประกอบพิธีมดงนี ้ คือ
ี ั
1. ไก่ต้ม ๑ ตัว
2. หมูสามชัน ต้ ม ๑ ชิ ้น (โดยประมาณขนาด ๑/๒ ก.ก. ขึ ้นไป)
้
3. เส้ นบะหมี่สด
4. ขนม ๓ อย่าง คือ เต่เหลี่ยว ข้ าวเหนียวกวน ขนมเต่า (ขนมกู้)
5. ขนมถ้ วยฟู (ฮวดโก้ ย)
6. สับปะรด ๒ ลูก (ใช้ ทงก้ านและหัวจุก)
ั้
7. นํ ้าชา
8. ธูปเทียน, กระดาษเงิน, กระดาษทอง, ประทัด
- 6. การประกอบพิธีกรรม มีดงนี ้ คือ
ั
1. นําอาหาร ขนม และผลไม้ ใส่ภาชนะเป็ น 2 ชุด (เล็ก- ใหญ่)
2. ให้ นําไก่ต้ม, หมูต้มและเส้ นบะหมี่สดใส่ถาดเดียวกัน
3. นําขนมแต่ละชนิดใส่จานแยกเป็ นแต่ละชนิด
4. สับปะรดใส่จานละ 1 ลูก
5. นํ ้าชาที่ละ 2 ถ้ วยชาเล็ก (ถ้ วยตะไล)
6. อาหารชุดใหญ่ให้ วางไว้ หน้ าหลุมฝั งศพบรรพบุรุษ ชุดเล็กไว้ สําหรับเจ้ าที่
7. จุดธูป-เทียนสําหรับบูชา (เทียน 2 เล่ม, ธูป 2 เล่ม ตังใช้ บชาบรรพบุรุษและเจ้ าที่)
้ ู
8. เมื่อธูปหมดไปประมาณ 1/2 เล่ม ให้ เผากระดาษเงินให้ แก่บรรพบุรุษและเผากระดาษทอง
ที่เคารพแก่เจ้ าหน้ าที่
9. ให้ เอากระดาษเงินวางบนหลุมฝั งศพของบรรพบุรุษ
10. ให้ จดประทัดเป็ นอันเสร็จพิธีกรรม5
ุ
5
นิ ท ร ร ศ ก า ร อ อ น ไ ล น์ . เ ท ศ ก า ล เ ช็ ง เ ม็ ง . ( ร ะ บ บ อ อ น ไ ล น์ ) แ ห ล่ ง ที่ ม า
http://download.clib.psu.ac.th/datawebclib/exhonline/chengmeng/chengmeng.html (30 มี . ค.
50)
- 7. ประเพณีปฏิบัติในวันเช็งเม้ ง
1. การทาความสะอาด สุสาน (เซ้ าหมอ) ลงสีที่ปายชื่อให้ ดใหม่
้ ู
คนตายแล้ วลงสีเขียว หรือสีทองขลิบเขียว คนเป็ นลงสีแดง (ห้ ามถอนหญ้ า - อาจกระทบตําแหน่ง
ห้ าม เช่น ทิศอสูร ทิศแตกสลาย ทิศดาวเบญจภูติ) บ้ างก็ตกแต่งด้ วย กระดาษม้ วนสายรุ้ง (สุสานคนเป็ น -
แซกี - ใช้ สายรุ้ งสีแดง: สุสานคนตาย -ฮกกี - ใช้ ห ลากสีได้ ) ห้ ามปั กธง ลงบนหลังเต่า เท่ากับ ทิ่มแทง
หลุม และบางความเชื่อ ทําให้ หลังคาบ้ านของบรรพบุรุษรั่ว
2. กราบไหว้ เจ้ าที่ เป็ นการให้ เกียรติ และขอบคุณที่ช่วยคุ้มครองดูแล
1. เทียน 1 คู่ + ธูป 5 ดอก (อาจปั กลงบนฟั กได้ )
2. ชา 5 ถ้ วย
3. เหล้ า 5 ถ้ วย
4. ของไหว้ ตาง ๆ เช่น ขนมอี๋ ผลไม้ 6
่
5. กระดาษเงิน กระดาษทอง
6
ควรงดเนื ้อหมู - เพราะเคยมีปรากฏว่า เจ้ าที่เป็ นอิสลาม
- 8. 3. กราบไหว้ ระลึกถึงพระคุณ ของพ่ อแม่ บรรพบุรุษ ตังเครื่องบูชาเซ่นไหว้ ดวงวิญญาณของ
้
ท่าน7
1. ชา 3 ถ้ วย
2. เหล้ า 3 ถ้ วย
3. ของไหว้ ตาง ๆ เช่น ขนมอี๋ ผลไม้ 8
่
4. กระดาษเงิน กระดาษทอง ฯลฯ
5. เทียน 1 คู่ + ธูป ตามจํานวนบรรพบุรุษ ท่านละ 1 ดอก
ในการไหว้ ต้ องไหว้ เทพยาดาผืนดินก่อน เพราะถือว่าท่านเป็ นเทพเจ้ าที่ จากนันจึงไหว้ บรรพบุรุษ
้
ต้ องไหว้ 3 รอบ ( เฉพาะบรรพบุรุษ ) รอจนไหว้ ครังที่ 3 แล้ ว จึงเผากระดาษเงินกระดาษทอง ส่วนธรรม
้
เนียมการจุดประทัดเพื่อให้ เสียงดังช่วยขับไล่สิ่งไม่ดีและจะทําให้ ลกหลานยิ่งรํ่ารวยนัน ตามหลักวิชาฮวงจุ้ย
ู ้
ถือว่า การจุดประทัดเป็ นการกระตุ้น ต้ องดูตําแหน่งที่ถูกต้ องจึงจะได้ โชคลาภ แต่หากผิดตําแหน่ง จะเกิด
ปั ญ หา ( ผู้ป ฏิบัติ ต้ องดูตํ าแหน่งจากวิช าดาว 9 ยุค และฤกษ์ ย าม ) ส่ว นธรรมเนี ย มโบราณของจี น
แผ่นดินใหญ่ ที่จะเอาหอยแครงลวกไปไหว้ ด้วย และจะช่วยกันกินหอยแครงตรงสุสาน และโปรยเปลือก
หอยที่เหลือไว้ บนเนินดิน มีความหมายถึง มีลกหลานมาก ถือว่าไม่ขดกับหลักวิชา สําหรับการขุดเอาดินมา
ู ั
กลบบนหลังเต่า โดยเชื่ อว่า จะทํ า ให้ ก ารค้ า เพิ่ มพูน จะทํ าก็ ต่อเมื่อหลังเต่ามี รูแหว่งไป จึ งซ่อ มแซม
โดยเฉพาะการขุดดิน ถือเป็ นการกระทบธรณี และต้ องดูฤกษ์ 9
7
ห้ ามวางของตรงแท่นหน้ า เจี๊ยะปี (ปายหิน ที่จารึกชื่อ บรรพบุรุษ) เพราะเป็ นที่เข้ าออกของ วิญญาณ
้
บรรพบุรุษ ไม่ใช่เก้ าอี ้นัง
่
8
ของไหว้ ตามความเชื่อประเพณีของแต่ละท้ องถิ่น ส่วนใหญ่เป็ น ขนมถ้ วยฟู - ฮวกก้ วย
9
จุไรรัตน์ อารยะกิตติพงศ์. ครบเครื่องเรื่องจีน. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์มติชน, 2543.
- 9. ดังนันการไปไหว้ บรรพบรุษ ครังแรกต้ องดูฤกษ์ ( ปี ต่อไปไม่ต้องดูฤกษ์ อีก ) โดยปกติแล้ วซินแสจะ
้ ้
เป็ นผู้กําหนดฤกษ์ ให้ หากทิศด้ านหลังสุสาน เป็ นทิศห้ ามประจําปี ต้ องใช้ ฤกษ์ ปลอดภัยในการไหว้ และ
ไม่ได้ จํากัดว่าต้ องเป็ นช่วงเทศกาลเช็งเม้ งเท่านัน ซึ่งปั จจุบันมีปัญหาการจราจรคับคัง เพื่อหลีกหนีปัญหา
้ ่
การจราจร สามารถไปไหว้ ในช่วงสารทตังโจ่ยแทนได้ นอกจากนี ้ในเทศกาลเช็งเม็งยังมีกิจกรรมปลูกต้ นไม้
มีกลอนโบราณจีนที่บรรยายทิวทัศน์วา ต้ นหลิวทัวเมืองออกใบสีเขียวอ่อนเหมือนหมอกสีเขียวเต็มท้ องฟา
่ ่ ้
ซึ่งเป็ นเอกลักษณ์ของช่วงเทศกาลเช็งเม็ง
ค่ านิยมของชาวจีนในการปฏิบัตเทศกาลเช็งเม้ ง (ชิงหมิง)
ิ
วัฒนธรรมจีน โบราณส่วนใหญ่มาจากความเคยชินและชีวิตความเป็ นอยู่ จากการดํารงชีวิตใน
ครอบครัวของตน ยกตัวอย่างที่เห็นได้ ง่ายที่สดคือ ชาวจีนทุกครอบครัวมีการเซ่นไหว้ บรรพบุรุษ ไม่เพียงแต่
ุ
วันตรุษหรือเทศกาลต่างๆที่เขาจะนําดอกไม้ เครื่ องหอมไปบูชา ปกติก็มีหิงบูชาเจ้ า มีปายวิญญาณบรรพ
้ ้
ชนไว้ บชา มีศาลบูชาบรรพชนและบุพการี ชาวต่างชาติไม่มีการบูชาเช่นนี ้ทังนี ้เพราะวัฒนธรรมจีนเน้ นหนัก
ู ้
เรื่องความกตัญํูสืบทอดมาเป็ นความเคารพนับถือบรรพบุรุษ ในครอบครัวชาวจีน พ่อและพี่ชายมีสิทธิใน
การอบรมสังสอนลูกและน้ องอย่างเข้ มงวดกวดขันมากกว่าครอบครัวชาวต่างชาติ ทังนีมิได้ หมายความว่า
่ ้ ้
ครอบครัวชาวจีนจะไม่รักบุตรหลานของตน แต่เป็ นเพราะวัฒนธรรมจีนสอนให้ ชาวจีนอบรมลูกหลานอย่าง
เข้ มงวดมาโดยตลอด
ชาวจีนเชื่อว่าการที่ลกหลานจะเจริ ญรุ่งเรื องได้ ขึ ้นอยู่กับทําเล หรื อฮวงจุ้ยของบ้ านและตําแหน่ง
ู
ของหลุมศพ ชาวจีนไม่วาอดีตหรือปั จจุบนให้ ความสําคัญในเรื่องของความตายเท่ากับเรื่ องความเป็ น เขา
่ ั
ให้ ความใส่ใจต่อเรื่องที่อยู่อาศัยโดยการปรึกษาผู้ที่มีความรู้ความชํานาญในเรื่ องของ ลมกับนํา (เฟิ ง-สุ่ย)
้
พวกเขาจะพยายามไม่สร้ างหรือทําอะไรก็ตามที่เป็ นการแทรกแซงธรรมชาติและมีผลต่อฮวงจุ้ย ชาวจีนเชื่อ
ว่าคนเรานันสามารถอยู่ได้ เพราะธรรมชาติ ผู้เชี่ยวชาญในด้ านนี ้ซึ่งชาวจีนเรียกว่า ซินแสนี ้จะทําหน้ าที่เลือก
้
ดูสถานที่ที่เหมาะสมถูกโฉลกในการสร้ างบ้ าน หรือสร้ างหลุมฝั งศพ10
10
ทานตะวัน. เทศกาลสาคัญของคนจีน. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์ C.A.D PUBLISHING, ม.ป.ป.
- 10. จะเห็นได้ วาเทศกาลเช็งเม้ งหรือเทศกาลชิงหมิง ที่เน้ นถึงความกตัญํูของชนชาวจีนนัน มีผ้ที่เห็นดี
่ ้ ู
กับเทศกาลนี ้มากมายจนทําให้ สืบต่อกันมาได้ นบเป็ นพันๆปี จนปั จจุบน แม้ แต่คนจีนในประเทศไทยหรือคน
ั ั
ไทยแท้ ยงพยายามสืบสานต่อวัฒนธรรมของเทศกาลนี ้ และความเชื่อในเรื่ องฮวงจุ้ย ก็เป็ นค่านิยมอย่าง
ั
หนึ่งในเทศกาลเช็งเม้ งที่ทําให้ ผ้ คนเหล่านี ้หันมาปฏิบติ ตาม
ู ั
ความเชื่อของเทศกาลเช็งเม้ ง (ชิงหมิง) ในมิติต่างๆ
ตามแนวความคิดเบืองต้ นของคนจีนสมัยโบราณ ซึ่งมีส่วนสร้ างสรรค์อารยธรรมแรกเริ่ มของจีน
้
หลักความเชื่อของคนจีนในยุคแรกเริ่มของประวัติศาสตร์จีน ซึ่งได้ มีสวนแทรกเข้ ามาในลัทธิสําคัญๆ ของจีน
่
เช่น ลัทธิขงจื ้อ ลัทธิเต๋า เป็ นต้ น ในสมัยปั จจุบนคนจีนทั่วๆไปก็ยงยึดถือหลักความเชื่อเช่นนี ้อยู่
ั ั
หลัก ความเชื่อของคนจีน ในสมัยโบราณมีอยู่สามประการ ประการแรกก็คือการเคารพบูชา
บรรพบุรุษ การเคารพบูช าบรรพบุรุษเริ่ มต้ นแต่เมื่อใดนันไม่มีผ้ ใ ดทราบ เพราะแม้ แต่ประวัติศาสตร์ จี น
้ ู
สมัยก่อนราชวงศ์โจว(Chou) ก็มีลกษณะเลือนรางเกี่ยวข้ องกับวีรบุรุษกึ่งเทพเจ้ าผู้ซึ่งได้ วางรากฐานอารย
ั
ธรรมจีนไว้ ให้ แก่ชาวจีนเป็ นครังแรก อย่างไรก็ตามการเคารพบูชาบรรพบุรุษเป็ นสิ่งที่ได้ ปฏิบัติกันมาตังแต่
้ ้
สมัยแรกเริ่มนันแล้ ว เพราะปรากฏว่าคนจีนสมัยราชวงศ์ชาง (Shang) เคารพบูชาบรรพบุรุษของตน และ
้
กษัตริย์สมัยราชวงศ์โจวก็ปฏิบติเช่นเดียวกัน คนจีนเชื่อว่าวิญญาณของบรรพบุรุษของตนมีบทบาทสําคัญ
ั
ในการคุ้มครอง และอํานวยความผาสุกร่มเย็น ทังยังเชื่ออีกด้ วยว่า คนจีนต้ องจงรักภักดีและเคารพต่อผู้
้
อาวุธโสในครอบครัวเมื่อผู้อาวุธโสยังมีชีวิตอยู่ แม้ เมื่อผู้อาวุธโสถึงแก่กรรมไปแล้ วทั ศนะเช่นนีก็ยังคงรักษา
้
ไว้ สืบไป
ดังนันในความเชื่อประการแรกนีแสดงให้ เห็นทางด้ านสังคม กล่าวคือ การเคารพบูชาบรรพบุรุษ
้ ้
เป็ นการให้ ความสําคัญ กับความสัมพันธ์ ระหว่างกัน ในสังคมและความสัมพัน ธ์ ชิดใกล้ ระหว่างกัน ซึ่ง
เทศกาลนี ้จึงเป็ นสิ่งหนึ่งในการส่งเสริมการไปมาหาสูระหว่างกัน ทําให้ ความสัมพันธ์ระหว่างคนรัก และคน
่
ในครอบครัวมีความแน่นแฟนกันยิ่งขึ ้น ดังประโยคที่ว่า “ทุกครังเมื่อใกล้ จะถึงเทศกาลใดๆ ลูกหลานที่อยู่
้ ้
ห่างไกลสิ่งแรกที่พวกเขาตระหนักถึงก็คือคนที่รักในครอบครัว”
ต่อจากการเคารพบูชาบรรพบุรุษ ซึ่งเป็ นความเชื่อประการแรกของคนจีนมีส่วนเชื่อมโยงกับ ความ
เชื่อประการที่สอง คือ การเชื่อถือวิญญาณ ตังแต่สมัยโบราณมา คนจีนมีความยึดมันในความเชื่อที่ว่า
้ ่
วิญญาณมีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง และวิญญาณมีอิทธิพลต่อทุกๆ สิ่ง คนจีนจึงต้ องรับใช้ รวมทังเอาใจด้ วยการ
้
- 11. ทําพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณ และประกอบพิธี การต่างๆ เป็ นการแสดงความเคารพต่อวิญญาณ เพื่อให้
ได้ รั บ แต่สิ่ ง ที่ ดี แ ละได้ รั บ การคุ้ม ครอง ในสมัย ปั จ จุบั น การเคารพต่อ วิ ญ ญาณบรรพบุ รุ ษ ก็ ยั ง เป็ น
ส่วนประกอบที่สําคัญในระบบครอบครัวจีน โดยทัวๆ ไปคนจีนมักจุดธูปบูชาไว้ ที่ศาลเจ้ าเล็กๆ ตามสถานที่
่
ต่างๆ ทังนี ้ก็เพื่อแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณนันเอง
้ ่
ความเชื่อประการที่สาม คือ ความเชื่อเรื่ องสวรรค์ สวรรค์ในความหมายของจีนแตกต่างกับ
สวรรค์ในความหมายของศาสนาอื่นๆ อาทิเช่น สวรรค์ของคริสต์ศาสนาที่พดถึงวิญญาณสูงสุดหรือพระเจ้ า
ู
ซึ่งคุ้มครองจักรวาล แต่สวรรค์ตามแนวความคิดของจีนนันหมายถึง ฟา หรื อเทียน คือเทพเจ้ าสูงสุดเหนือ
้ ้
จักรวาลและมนุษย์ ชาวจีนเชื่อว่าในขันสุดท้ ายนันทุกสิ่งทังมวลของโลกแห่งวิญญาณและโลกแห่งมนุษย์มี
้ ้ ้
สวรรค์ควบคุมอยู่ พายุก็ดี นําท่วมก็ดี แผ่นดินไหวก็ดี และการเก็บเกี่ยวซึ่งไม่ได้ ผลดีก็ดี ล้ วนแล้ วแต่เป็ น
้
สัญญาณแห่งความไม่พอใจของสวรรค์ ส่วนบรรลุความสําเร็จและความเจริ ญรุ่งเรื อง เป็ นสัญญาณแห่ง
การยอมรับและความพอใจของสวรรค์11
จากความเชื่อเรื่ องวิญญาณและสวรรค์นี ้ แสดงให้ เ ห็นถึงทางด้ านวัฒนธรรมที่มีวิวัฒนาการมา
พร้ อมๆ กับประเทศจีน ในสมัยแห่งการทําสงครามต่อสู้กนระหว่างแคว้ นต่างๆ แนวความคิด จัดระเบียบให้
ั
เป็ นระบบที่เราได้ ทราบกันทุกวันนี ้ นักปราชญ์ ชาวจีนและศาสดาเป็ นจํานวนมากได้ พยายามที่จะแก้ ไข
ปั ญหาต่างๆ ของคนในสมัยนัน และด้ วยความพยายามนี ้เองยังผลให้ เกิดสํานักปรัชญาขึ ้นหลายสํานัก
้
ส่วนทางด้ านเศรษฐกิจ ในการที่จะจัดของไหว้ ในอดีตนันจะต้ องจัดของไหว้ ใ ห้ มีจํานวนชุดเท่ากับ
้
จํานวนที่ ที่จะไปไหว้ ซึ่งจะเป็ นการฟุ่ มเฟื อย แต่ในปั จจุบนจึงมีการปรับเปลี่ยนให้ เหมาะสมกับปั ญหาทาง
ั
เศรษฐกิจ โดยให้ เหมาะสมและต้ องให้ สอดคล้ องกับกับขนบธรรมเนียมประเพณีซึ่งอาจแก้ โดยทําอาหารไป
ไหว้ เพียงชุดเดียว แต่ไหว้ หลายที่หรือไหว้ รวมกันหลายครอบครัว เป็ นต้ น นอกจากนันในการฝั งศพ ในอดีต
้
นัน จะต้ อ งมี ก ารดูที่ ท างให้ ถูก ต้ อ งตามหลัก ฮวงจุ้ยคือ ด้ า นหน้ า ต้ องมีแ ม่นํ า ด้ านหลังต้ อ งมี ภูเ ขาซึ่ ง
้ ้
วัตถุประสงค์ของการทําเช่นนี ้อาจจะเป็ นที่การที่บริ เวณตีนเขานันอาจจะปองกันนําท่วมได้ และด้ านหน้ า
้ ้ ้
11
สวรรค์ หรือฟา หรือเทียนนัน มีอํานาจปกครองหรื อควบคุมการสร้ างสรรค์สิ่งทังมวล เมื่อตระกูลโจวล้ ม
้ ้ ้
ล้ างราชวงศ์ชางได้ ก็ได้ พยายามอ้ างสิทธิของตนและอธิบายให้ ชาวชางผู้พ่ายแพ้ ยอมรับอํานาจของตนด้ วย
การให้ เหตุผลว่าสวรรค์ได้ ทรงเลือกและมีเทวบัญชาให้ ตระกูลโจวเป็ นผู้ปกครองตราบเท่าที่ตระกูลนีปฏิบัติ
้
หน้ าที่ทงทางด้ านศาสนาและการปกครองด้ วยสติปัญญา เมตตาธรรมและความยุติธรรม
ั้
- 12. เป็ นแม่นํ ้านันอาจจะทําให้ การคมนาคมสะดวกไปมาง่าย แต่ในปั จจุบันนันการที่จะหาที่แบบนีไ้ ด้ เป็ นการ
้ ้
ยากหรืออาจจะมีอยู่น้อยการที่จะแก้ ปัญหานี ้ได้ นนอาจจะฝั งหรือบรรจุกระดูกรวมกันโดยทําในสิ่ งที่เรียกว่า
ั้
คอนโด ซึ่งจะใช้ เนื ้อที่ได้ อย่างคุ้มค่าซึ่งก็ยงถูกตามหลักฮวงจุ้ยเพียงแต่ฝังรวมกันให้ ประหยั ดเนือที่ ซึ่งการ
ั ้
แก้ ปัญหาดังกล่าวนันก็หาใช่วาจะผิดหลักประเพณีไม่เพราะถ้ าพิจารณาในจุดประสงค์ของการกระทําเช่นนี ้
้ ่
ก็ไม่ได้ ผิดจุดประสงค์ของการทําเทศกาลเช็งเม้ งเลยเพียงแต่ปรับให้ เหมาะสมกับยุคสมัยแต่วตถุประสงค์ยง
ั ั
เหมือนเดิม
กล่าวโดยสรุป การที่ชาวจีนบูชาเซ่นไหว้ บรรพบุรุษในเทศกาลเช็งเม้ ง ไม่เพียงแต่เป็ นการรํ าลึกถึง
บุคคลผู้ใกล้ ชิดที่ลวงลับไปแล้ วเท่านัน หากยังช่วยให้ คนที่ยงมีชีวิตอยู่มีที่พึ่งพิงทางจิตใจให้ กับตัวเองด้ วย
่ ้ ั
เพราะในความคิดของชาวจีน ไม่ใช่ญาติมิตร ที่ยงมีชีวิตอยู่เท่านันที่เป็ นส่วนหนึ่งของชีวิตของพวกเขา ญาติ
ั ้
มิตรที่ลวงลับไปแล้ วก็เป็ นพลังสําคัญที่ให้ กําลังใจแก่คนที่มีชีวิตอยู่ เป็ นที่พึ่งทางจิตใจ และจะเป็ นกําลังใจ
่
ให้ พวกเขา ในยามเผชิญ กับอุปสรรคและความยากลําบาก การที่ ชาวจีนดันด้ นเดินทางกลับสู่บ้านเกิ ด
้
ภูมิลําเนาเดิมเพื่อเซ่นไหว้ บรรพบุรุษในเทศกาลเช็งเม้ ง เหตุผลสําคัญประการหนึ่งก็เพื่อแสวงหา ความสงบ
สุขภายในตนเองด้ วย การทําความสะอาดสุสาน นอกจากทําให้ ทกคนรู้สกสบายอกสบายใจแล้ ว ชาวจีนยัง
ุ ึ
ถือโอกาสวันหยุดหนึ่งวัน ในเทศกาลเช็งเม้ งนี ้ออกไปท่องเที่ยว ไปสัมผัสธรรมชาติในขณะที่ต้นไม้ ชนิดต่างๆ
เริ่ มผลิดอกออกใบ ดอกไม้ นานาพัน ธุ์บ านสะพรั่งในยามนี ้ ชาวจีน ขึ ้นชื่อในเรื่ องความขยัน ขัน แข็งและ
ประหยัดอดออม ปกติก็ หาเวลาออกไปท่องเที่ ยวนอกบ้ านไม่ค่อยได้ ทุกคนจึงมักจะถือโอกาสช่วงที่ทํ า
ความสะอาดสุสานออกไปกินลมชมทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ ผลิ ฤดูที่อากาศกําลังค่อยๆอบอุนขึ ้น พืชพันธุ์ตางๆ
่ ่
บนแผ่นดิน กําลังถูก ปลูกให้ ตื่น ขึ ้น คนจีน จึงเรี ยกกิ จกรรมในเทศกาลเช็งเม้ งว่า "เดิน เล่นในฤดูใบไม้ ผลิ "
รัฐบาลจีนกําหนดให้ วนเช็งเม้ งเป็ นวัน "เทศกาลทําความสะอาดสุสานของประชาชาติ " จัดให้ มีการทําพิธี
ั
เซ่นไหว้ บรรพบุรุษเพื่อให้ ประชาชนแสดงความรําลึกถึงญาติมิตรที่ล่วงลับไป พร้ อมกับให้ ประชาชนจีนทัง
้
ประเทศ ได้ หยุดงาน 1 วัน เพื่อให้ ครอบครัวสามารถจัดกิจกรรมออกไป ท่องเที่ยวตามชานเมือง เป็ นการ
สืบสานขนบประเพณีที่ดีงาม อย่างหนึ่งในวัฒนธรรมจีนต่อไป
- 13. เอกสารอ้ างอิง
ภาษาไทย
มอลเทจ คัลเชอร์ . ประตูส่ ูวัฒนธรรมจีน. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์ สุขภาพใจ บริษัท ตถาตา พับลิเคชัน
่
จํากัด, 2551.
นิตยา (พลพิพฒนพงศ์) ชวี. วัฒนธรรมจีน. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์, 2542.
ั
จุไรรัตน์ อารยะกิตติพงศ์. ครบเครื่องเรื่องจีน. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์มติชน, 2543.
ทานตะวัน. เทศกาลสาคัญของคนจีน. กรุงเทพฯ: สํานักพิมพ์ C.A.D PUBLISHING, ม.ป.ป.
วันทิพย์ สินสูงสุด. จีน เทศกาลและวันสาคัญ China Festivals. กรุงเทพฯ: สยามมิตรการพิมพ์, 2549.
รายการอ้ างอิงทางอิเลกทรอนิกส์
จิรวรรณ จิรันธร. เชงเม้ ง – ประเพณีท่ ีลูกหลานชาวจีนควรรู้ . (ระบบออนไลน์) แหล่งที่มา
http://www.jiewfudao.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538839064&Ntype=20
(9 กรกฎาคม 2551)
นิทรรศการออนไลน์. เทศกาลเช็งเม็ง. (ระบบออนไลน์) แหล่งที่มา
http://download.clib.psu.ac.th/datawebclib/exhonline/chengmeng/chengmeng.html
(30มี.ค.50)
วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี . เทศกาลเช็งเม้ ง. (ระบบออนไลน์) แหล่งที่มา
http://th.wikipedia.org/wiki/เทศ กาลเช็งเม้ ง (23 เมษายน 2554 )