โรงเรียนโนนสูงศรีธานี

2. เรือง
โลกดาราศาสตร์

3. ผู้ศึกษา
1. นายกัก ยมาภรณ์ดุสิต
2. นางสาวกาญจนาพร เกณฑ์กระโทก
ชันมัธยมศึกษาปีที 5/1

4. ครูผู้สอน
คุณครู ชัยยันต์ ไม้กลาง

5. ลําดับการเรียนรู้ที 1 เรืองทีศึกษา
โลกดาราศาสตร์

6. ลําดับการเรียนรู้ที 2 การตังคําถามทีอยากรู้จากเรืองทีกําหนด
1.โลกดาราศาสตร์คืออะไร
2.จักรวาลกว้างแค่ไหน
3.โลกเราใหญ่แค่ไหนเมือเทียบกับดวงอาทิตย์
4.ดาวดวงไหนมีแรงโน้มถ่วงน้อยทีสุด
5.ดาวดวงไหนมีแรงโน้มถ่วงมากทีสุด
6.มนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริงไหม

7. ลําดับการเรียนรู้ที3 การตังสมมติฐาน
1.โลกดาราศาสตร์ คือ การศึกษาเฉพาะสิงต่างๆทีอยู่นอกโลกเท่านัน
2.จักรวาลกว้างกว่ามหาสมุทรแปซิฟิก 1000ล้านเท่า
3.โลกเราเล็กกว่าดวงอาทิตย์ 100 เท่า
4.ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงน้อยทีสุด
5.โลกมีแรงโน้มถ่วงมากทีสุด
6.มนุษย์ต่างดาวไม่มีอยู่จริง

8. ลําดับการเรียนรู้ที 4 วางแผนรวบรวมข้อมูล
4.1 แหล่งข้อมูลทีจะไปศึกษา
1.สอบถามข้อมูลจากบุคคล
2.ศึกษาค้นคว้าจากวารสาร
3.ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือพิมพ์
4.ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ
5.ศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
6.ศึกษาค้นคว้าจากสถานทีจริง

9. 4.2 หัวข้อย่อยทีจะศึกษา
1. ความหมายของโลกดาราศาสตร์
2. การปฏิวัติทางทางวิทยาศาสตร์
3. ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์
4. ดาราศาสตร์สุริยะ
5. ดาราศาสตร์ดาราจักร
6. จักรวาลวิทยา

10. ลําดับการเรียนรู้ที 5 การแสวงหาและตรวจสอบความรู้
5.1 การสอบถามจากบุคคล
1. คุณครูสาโรจน์ จ้องสละ
2. คุณครูอนงค์ ปลังกลาง
3. คุณครูโมลี หาญสงคราม

11. 5.2การศึกษาค้นคว้าจากวารสาร
ได้ศึกษาค้นคว้าจากวารสาร ชือ โลกดาราศาสตร์ หน้าที 206 ฉบับที 97 พบว่า
ระบบดาวฤกษ์ คือ ดาวฤกษ์กลุ่มหนึงทีโคจรอยู่รอบๆ กันและกันภายใต้แรง
โน้มถ่วงทีกระทําต่อดวงดาวซึงกันและกัน ซึงระบบดาวฤกษ์จะมีลักษณะดังนี
- ระบบดาวฤกษ์ 2 ดวง จะประกอบด้วยดาวฤกษ์ 2 ดวง เคลือนทีรอบซึงกันและ
กันภายใต้แรงโน้มถ่วงของดวงดาว
- ระบบดาวฤกษ์ 3 ดวง เช่น ดาวแอลฟาเซนทารี เป็นระบบดาวฤกษ์ 3 ดวง ซึงมี
ดาวแอลฟาเซนทารี AและB เคลือนทีอยู่รอบๆซึงกันและกันรอบละ80ปี ในขณะทีดาว
แอลฟาเซนทารีCเคลือนทีอยู่รอบๆAและB รอบละ30ล้านปี

12. 5.3การศึกษาค้นคว้าจากหนังสือพิมพ์
ได้ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือพิมพ์ ชือ เดลินิวส์ ฉบับวันที 3 มี.ค.53 หน้าที 8
ค้นพบว่า
โลกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1.เปลือกโลก แบ่งออกเป็น
1.1 เปลือกโลกทวีป
1.2 เปลือกโลกมหาสมุทร
2.เนือโลก หนาประมาณ 2,895 กม.
3.แก่นโลก แบ่งออกเป็น
3.1แก่นโลกชันนอก
3.2แก่นโลกชันใน

13. 5.4 การศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ
ได้ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ ชือ โลกดาราศาสตร์และอวกาศ หน้าที 221ถึง223 ค้นพบว่า
การกําเนิดระบบสุริยะ
1.เมือประมาณ5,000ล้านปีก่อน กลุ่มแก๊สและฝุ่ นทีมีการเคลือนทีตลอดเวลา จะมารวมตัวกันตรง
บริเวณศูนย์กลางของกลุ่มแก๊สและฝุ่ น บริเวณนีมีความหนาแน่นมากขึน มวลเพิมจํานวนมากขึน และ
มีแรงดึงดูดนีจะดึงเอาสสารต่างๆ สู่ด้านในให้มารวมกัน ทําให้ขนาดของกลุ่มแก๊สและฝุ่ นทีมีขนาดเล็ก
ลงด้วยแรงโน้มถ่วงบริเวณศูนย์กลางและจะหมุนไปรอบๆ
2.แก๊สและฝุ่ นทีหลงเหลืออยู่ล้อมรอบส่วนนูนตรงกลางของกลุ่มแก๊สและและฝุ่ นได้แฟบแบนลงจน
กลายเป็นแผ่นกลมแบน หมุนวนรอบดวงอาทิตย์ก่อนเกิด

14. 3.ของแข็งทีเหลือจากการรวมตัวเป็นดาวเคราะห์ก่อนเกิด โดยเฉพาะตรงบริเวณ
ช่องว่างระหว่างวงโคจรของดาวอังคารกับดาวพฤหัสบดีจะกลายเป็นแถบดาวเคราะห์
น้อยทีโคจรรอบดวงอาทิตย์
ส่วนสสารฝุ่ นและแก๊สทีกระจายอยู่ไกลจากดาวเคราะห์ก่อนเกิดมาก จะพัฒนา
กลายไปเป็นแหล่งกําเนิดดาวหาง

15. 5.5 การศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
ดาราศาสตร์
ดาราศาสตร์ คือ วิชาวิทยาศาสตร์ที
ศึกษาวัตถุบนท้องฟ้ า รวมทังปรากฏการณ์
ทางธรรมชาติต่างๆ ทีเกิดขึนจากนอกชัน
บรรยากาศของโลก โดยศึกษาเกียวกับ
วิวัฒนาการ ลักษณะทางกายภาพ ทางเคมี
ทางอุตุนิยมวิทยา และการเคลือนทีของวัตถุ
ท้องฟ้ า ตลอดจนถึงการกําเนิดและ
วิวัฒนาการของเอกภพ

16. การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์
ในยุคเรอเนซอง นิโคลาส โคเปอร์นิคัส ได้นําเสนอแนวคิด
แบบจําลองดวงอาทิตย์ เป็นศูนย์กลาง ซึงถูกต่อต้านอย่างมาก
จากศาสนจักร ทว่า ได้รับการยืนยันรับรองจากงานศึกษาของกาลิ
เลโอ กาลิเลอิ และโยฮันเนส เคปเลอร์ โดยทีกาลิเลโอได้ประดิษฐ์กล้อง
โทรทรรศน์หักเหแสงแบบใหม่ขึนในปี ค.ศ.1609 ทําให้สามารถเฝ้ า
สังเกตดวงดาวและนําผลจากการสังเกตมาช่วยยืนยันความคิดนี

17. ดาราศาสตร์เชิงสังเกตการณ์
ดาราศาสตร์วิทยุ
ดาราศาสตร์เชิงแสง

18. ดาราศาสตร์สุริยะ
ดวงอาทิตย์ เป็นเป้าหมายการศึกษาดาราศาสตร์ยอดนิยมแห่งหนึง อยู่
ห่างจากโลกประมาณ 8นาทีแสง
พืนผิวรอบนอกของดวงอาทิตย์เรียกว่าโฟโตสเฟียร์ เหนือพืนผิวนี
บางๆ เรียกชือว่า โครโมสเฟียร์ จากนันเป็นชันเปลียนผ่านซึงมีอุณหภูมิเพิม
สูงขึนเป็นอย่างมาก ชันนอกสุดมีอุณหภูมิสูงทีสุด เรียกว่า โคโรนา

19. ดาราศาสตร์ดาราจักร
ดาวเคราะห์ทีโคจรรอบดวงอาทิตย์มีอยู่ทังหมด
8ดวง ได้แก่
-ดาวพุธ -ดาวพฤหัสบดี
-ดาวศุกร์ -ดาวเสาร์
-โลก -ดาวยูเรนัส
-ดาวอังคาร -ดาวเนปจูน
ส่วนดาวพลูโต ปัจจุบันถูกตัดออกจากระบบ
สุริยะเนืองจากพิสูจน์แล้วว่าอยู่นอกวงโคจร
จึงถูกกําหนดให้เป็นดาวเคราะห์แคระ

20. จักรวาลวิทยา
จักรวาลวิทยา เป็นการศึกษาเกียวกับเอกภพทังหมดในภาพรวม
การสังเกตการณ์โครงสร้างขนาดใหญ่ของเอกภพ เป็นสาขาวิชาหนึงที
เรียกว่า จักรวาลวิทยาเชิงกายภาพ ช่วยให้เรามีความเข้าใจอย่างลึกซึง
เกียวกับการกําเนิด และวิวัฒนาการของจักรวาล ทฤษฎีอันเป็นทียอมรับ
โดยทัวไปสําหรับพืนฐานของจักรวาลวิทยาสมัยใหม่ ได้แก่ ทฤษฎีบิกแบง ซึง
กล่าวว่าเอกภพของเรากําเนิดมาจากจุดเพียงจุดเดียว หลังจากนันจึง
ขยายตัวขึนเป็นเวลากว่า 13.7พันล้านปีมาแล้ว หลักการของทฤษฎีบิ
กแบงเริมต้นขึนตังแต่การค้นพบ รังสีไมโครเวฟพืนหลังจักรวาล ในปี
ค.ศ.1965

21. ภาพจําลองระบบสุริยะ

22. 5.7 การตรวจสอบความรู้ โดยอภิปรายสมมติฐานทุกข้อ
5.7.1 จากการสมมติฐานข้อที 1 กล่าวว่า โลกดาราศาสตร์ คือ การศึกษาเฉพาะสิงต่างๆทีอยู่นอกโลกเท่านัน
เมือสืบค้นข้อมูลพบว่า ไม่เป็น ไปตามสมมติฐาน ทีตังไว้
5.7.2 จากการสมมติฐานข้อที 2 กล่าวว่า จักรวาลกว้างกว่ามหาสมุทรแปซิฟิก 1000ล้านเท่า
เมือสืบค้นข้อมูลพบว่า ไม่เป็น ไปตามสมมติฐาน ทีตังไว้
5.7.3 จากการสมมติฐานข้อที 3 กล่าวว่า โลกเราเล็กกว่าดวงอาทิตย์ 100 เท่า
เมือสืบค้นข้อมูลพบว่า ไม่เป็น ไปตามสมมติฐาน ทีตังไว้
5.7.4 จากการสมมติฐานข้อที 4 กล่าวว่า ดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงน้อยทีสุด
เมือสืบค้นข้อมูลพบว่า ไม่เป็น ไปตามสมมติฐาน ทีตังไว้
5.7.5 จากการสมมติฐานข้อที 5 กล่าวว่า โลกมีแรงโน้มถ่วงมากทีสุด
เมือสืบค้นข้อมูลพบว่า ไม่เป็น ไปตามสมมติฐาน ทีตังไว้
5.7.6 จากการสมมติฐานข้อที 6 กล่าวว่า มนุษย์ต่างดาวไม่มีอยู่จริง
เมือสืบค้นข้อมูลพบว่า ไม่เป็น ไปตามสมมติฐาน ทีตังไว้

23. ประโยชน์ทีได้รับ
1. ได้ทราบถึงความเป็นมาของดาวในแต่ละดวง
2. ได้ทราบถึงยุคสมัยของโลก
3. ได้ทราบถึงวิธีการสังเกตดูดาวและลักษณะของดาวใน
แต่ละดวง
4. ได้ทราบถึงธรณีประวัติและซากดึกดําบรรพ์
5. ได้ทราบถึงการกําเนิดโลกและดวงดาวดวงต่างๆ

24. จบการนําเสนอ