SlideShare a Scribd company logo
1 of 14
Download to read offline
ชื่อ-สกุล.............................................................................................................................ชั้น.............เลขที่..........
ใบงาน
รายวิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
ครูผู้สอน ครูวิภาดา พงษ์สระพัง
คาถามท้ายบทที่ 1 เรื่อง โครงสร้างโลก
1.หินต้นกำเนิดของแมกมำส่วนใหญ่อยู่บริเวณชั้นเนื้อโลกตอนบน ให้นักเรียนบอกประเภท
และส่วนประกอบของหินต้นกำเนิดแมกมำ
ตอบ แบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทปะทุรุนแรงกับไม่รุนแรง ทั้ง 2 ชนิด เกิดจำก กำรปะทุของภูเขำไฟ
1.ประเภทปะรุนแรง หินทัฟฟ์ หินแอกโกเมอเรต หินพัมมิซ หินสคอเรีย
2.ประเภทปะทุไม่รุนแรง หินไรโอไลต์ หินแอนดีไซต์ หินบะซอลต์ หินออบซีเดียน
2.คลื่น P และ S มีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงไร
ตอบ คลื่น P สำมำรถเคลื่อนที่ผ่ำนตัวกลำงได้ทุกสถำนะ และมีควำมเร็วมำกกว่ำคลื่น S
คลื่น S สำมำรถเคลื่อนที่ผ่ำนได้เฉพำะตัวกลำงที่เป็นของแข็งเท่ำนั้น
3.เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง จะเกิดเขตอับคลื่น S (S wave shadow zone) ที่ครอบคลุมผิวโลกในบริเวณ
กว้ำง ให้นักเรียนใช้ควำมรู้เกี่ยวกับสมบัติของคลื่นไหวสะเทือนและโครงสร้ำงโลก อธิบำยปรำกฏกำรณ์ดังกล่ำว
ตอบ แผ่นดินไหวเป็นปรำกฏกำรณ์ที่เป็นผลจำกกำรเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ทำให้หินเปลี่ยนตัว เลื่อนตัว แตกหัก และถ่ำย
โอนพลังงำนอย่ำงรวดเร็วให้กับชั้นหินที่อยู่ติดกันในรูปแบบของคลื่นไหวสะเทือน ซึ่งแผ่กระจำยจำกจุดกำเนิดไปทุกทิศทุกทำง
และสำมำรถเคลื่อนที่ผ่ำนตัวกลำงต่ำงๆภำยในโบกขึ้นมำบนผิวโลก
คาถามท้ายบทที่ 2 เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง
1.หลักฐำนที่แสดงว่ำทวีปต่ำงๆเคยเชื่อมต่อกันมีอะไรบ้ำง
ตอบ รูปร่ำงของขอบทวีปที่สำมำรถเชื่อมต่อกันได้ , กำรพบซำกดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกัน , กำรพบกลุ่มหินประเภทและอำยุ
เดียวกัน , แนวเทือกเขำที่มีลักษณะเหมือนกันและต่อกันได้ และ กำรพบหินอำยุเดียวกันที่เกิดจำกกำรสะสมตัวของตะกอนธำร
น้ำแข็ง
2.นักเรียนเข้ำใจเกี่ยวกับกำรเคลื่อนที่ของทวีปอย่ำงไร ให้อธิบำยและยกตัวอย่ำงหลักฐำนหรือข้อมูลที่นักวิทยำศำสตร์ใช้เป็น
เหตุผลสนับสนุน
ตอบ เกิด จำกกำรนำทฤษฎีทวีปเลื่อนและทวีปแยกมำรวมกันตั้งเป็นทฤษฎีใหม่ขึ้นมำโดยกล่ำว ไว้ว่ำ เปลือกโลกทั้งหมดแบ่ง
ออกเป็น แผ่นที่สำคัญ จำนวน 13 แผ่น โดยแต่ละแผ่นจะมีขอบเขตเฉพำะได้แก่ แผ่นอเมริกำเหนือ อเมริกำใต้ ยูเรเซีย แอฟริกำ
อินเดีย แปซิฟิก แอนตำร์กติก ฟิลิปปินส์ อำหรับ สกอเทีย โกโก้ แคริเบียน และนำซก้ำแผ่นเปลือกโลกทั้งหมดไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่
จะมีกำรเคลื่อนที่ตลอด เวลำใน 3 แบบ ได้แก่กำรเคลื่อนที่เข้ำหำกัน แยกออกจำกกัน และไถลตัวขนำนออกจำกกันซึ่งผลของ
กำรเคลื่อนที่ของเปลือกโลกทำให้เกิดปรำก ฎกำรณ์ต่ำง ๆ ขึ้น เช่น แผ่นดินไหว เทือกเขำ ภูเขำไฟ และกระบวนกำรเกิดแร่และ
หิน
3.เพรำะเหตุใดปรำกฏกำรณ์ภูเขำไฟระเบิดและแผ่นดินไหว มักเกิดตำมเขตมุดตัวของแผ่นธรณี
ตอบ เพรำะ แผ่นธรณีภำคใต้มหำสมุทรชนกับแผ่นธรณีภำคใต้มหำสมุทร แผ่นธรณีภำคจะมุดลงใต้อีกแผ่นหนึ่ง ปลำยของแผ่น
ที่มุดลงจะหลอมตัวกลำยเป็นแมกมำและปะทุขึ้นมำบนแผ่นธรณีภำคใต้ มหำสมุทร
4.รอยคดโค้ง รอยแตก รอยเลื่อนในหินมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ และเกิดขึ้นได้อย่ำงไร
ตอบ - รอยคดโค้งเกิดจำกชั้นหินถูกเปลี่ยนรูป-ในระดับเกินขีดอิลำสติก(elastic limit)ชั้นหินจะมีกำรเปลี่ยนรูปแบบ
พลำสติก(plastic deformation)เมื่อมีควำมดันรอบข้ำง(confining pressure)กระทำทุกทิศทำงหรือหินหนืดดันขึ้นมำ หินจะ
เกิดกำรเคลื่อนที่แบบ flow ในทิศทำงใดก็ได้
- รอยแตก(Fracture)เป็นกำรแตกอย่ำงไม่มีทิศทำงที่แน่นอนและพื้นผิวของรอยแตกไม่เป็นระนำบเรียบ
- รอยเลื่อน(Fault) เมื่อหินถูกควำมเค้นหรือถูกแรงกระทำ จนมีควำมเครียดเกินขีดพลำสติกหินจะแตกหักเคลื่อนที่ออก
จำกกันเป็นรอย เลื่อน(fault)ขึ้น ปกติกำรเคลื่อนที่ของหินจะเกิดในทิศทำงขนำนกับรอยเลื่อน
5.จำกแนวกำรเคลื่อนที่จำกแผ่นธรณีต่ำงๆ จะมีผลต่อภูมิประเทศของโลกอย่ำงไรในอนำคต
ตอบ ธรรมชำติ : อย่ำงรวดเร็ว เช่น แผ่นดินไหว ภูเขำไฟ --> อย่ำงช้ำ ๆ เช่น กำรกร่อน
มนุษย์ : กำรดำรงชีวิต และ ทดลองนิวเคลียร์
คาถามท้ายบทที่ 3 เรื่อง ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา
1.อธิบำยควำมแตกต่ำงระหว่ำงคำต่อไปนี้ “ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว” กับ “จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว”
ตอบ “ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว” หมำยถึง ตำแหน่งที่เป็นจุดกำเนิดกำรไหวสะเทือนของแผ่นดิน หรือตำแหน่งที่เกิดแผ่นดินไหว
“จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว” หมำยถึง ตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว
2.แนวที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขำไฟระเบิดส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใดของพื้นผิวโลก ในประเทศไทยมีแนวที่เสี่ยงต่อกำรเกิด
แผ่นดินไหวและภูเขำไฟระเบิดหรือไม่ อยู่บริเวณใด
ตอบ แนวที่เกิดแผ่นดินไหว ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณีภำคพื้นผิวโลกใน ประเทศไทยมีแนวที่เสี่ยงต่อกำร
เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินไหวในประเทศไทยเกิดจำกมีแผ่นดินไหวขนำดใหญ่นอกประเทศ แล้วส่งแรงสั่นสะเทือนมำยังประเทศ
ไทย ส่วนใหญ่จะมีแหล่งกำเนิดจำกตอนใต้ของประเทศจีน พม่ำ ลำว บริเวณทะเลอันดำมันและตอนเหนือของเกำะสุมำตรำ ถ้ำ
เกิดแผ่นดินไหวในแนวนี้ จะทำให้พื้นที่ในประเทศไทยบริเวณภำคเหนือ ภำคใต้ ภำคตะวันตก ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ และ
กรุงเทพฯ เกิดกำรสั่นไหวที่รู้สึกได้
3.แมกมำที่แทรกตัวอยู่ตำมรอยแตก รอยแยกของหินใต้พื้นผิวโลก เมื่อแข็งตัวจะกลำยเป็นหินชนิดใด
ตอบ แมก มำที่แทรกตัวอยู่ตำมรอยแตกแยกของหินใต้พื้นผิวโลก เมื่อแข็งตัวจะกลำยเป็นหินบะซอลต์ที่มีแร่แทรกปะปนอยู่
หินบะซอลต์จัดเป็นหินอัคนี
4.อะไรคือสำเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว
ตอบ สำเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว
1. เกิด จำกกำรเคลื่อนที่ของเปลือกโลกตำมแนวระหว่ำงรอยต่อของแผ่นธรณีภำค ทำให้ชั้นหินขนำดใหญ่แตกหักหรือ
เลื่อนตัวและถ่ำยโอนพลังงำนศักย์อย่ำงรวด เร็วให้กับชั้นหินที่อยู่ติดกันในรูปของคลื่นไหวสะเทือน
2. เกิด จำกกำรระเบิดของภูเขำไฟ เนื่องจำกในขณะที่แมกมำใต้ผิวโลกเคลื่อนตัวตำมเส้นทำงสู่ปล่องภูเขำไฟ สำมำรถ
ทำให้เกิดแผ่นดินไหวก่อนที่จะระเบิดออกมำเป็นลำวำ
3. เกิด จำกกำรกระทำของมนุษย์ เช่น กำรทดลองระเบิดปรมำณูใต้ดิน กำรระเบิดพื้นที่เพื่อสำรวจลักษณะของหิน
สำหรับวำงแผนก่อสร้ำงอำคำร และเขื่อนกักเก็บน้ำขนำดใหญ่ เป็นต้น
5.ท่ำนคิดอย่ำงไรจำกคำกล่ำวที่ว่ำ “ภูเขำไฟเป็นเสมือนหน้ำต่ำงที่สำมำรถมองเห็นถึงภำยในของโลก”
ตอบ เป็น คำกล่ำวที่ถูกต้อง เพรำะ เมื่อภูเขำไฟระเบิดแต่ละครั้ง จะมีเศษลำวำ เศษหิน ฝุ่นละออง และเถ้ำถ่ำน ลำวำที่ออกมำ
สู่พื้นผิวโลก จะมีอุณหภูมิสูงถึง 1,200 องศำเซลเซียส ทำให้ทรำบว่ำ ภำยในโลกมีควำมร้อนมำก นอกจำกนี้ภำยในของโลกยังมี
แร่ธำตุต่ำงๆ อยู่ เมื่อสังเกตจำกหินบะซอลต์ หินแอนดีไซต์ หินไรโอไลต์ และหินออปซิเดียน เป็นต้น
6.บอกประโยชน์และโทษของแผ่นดินไหว และภูเขำไฟระเบิด
ตอบ ภูเขำไฟระเบิดก่อให้เกิดประโยชน์และโทษ คือ
ประโยชน์ของภูเขำไฟ
1.ช่วยปรับระดับของเปลือกโลกให้อยู่ในสมดุล
2.ช่วยให้หินที่ถูกแปรสภำพมีควำมแข็งมำกขึ้น
3.เกิด แร่ที่สำคัญขึ้น เป็นแหล่งกำเนิดอัญมณีที่มีค่ำทำงเศรษฐกิจ เช่น ทับทิม ไพลิน และพลอยอื่นๆ ที่สวยงำม จัดเป็น
สินค้ำส่งออกที่สำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศ
4.เป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดผู้คนให้ไปเยี่ยมชม
5.ดินที่เกิดจำกภูเขำไฟมักจะเป็นดินดี เหมำะแก่กำรเพำะปลูก
โทษของภูเขำไฟ
ทำลำยชีวิต อำคำรบ้ำนเรือน และทรัพย์สินทั้งทำงตรงและอ้อม
7.อธิบำยควำมหมำยของคำต่อไปนี้ ภูเขำไฟมีพลัง และคำบอุบัติซ้ำ
ตอบ ภูเขำไฟมีพลัง หมำยถึง ภูเขำไฟที่มีกำรระเบิดค่อนข้ำงถี่และอำจจะระเบิดอีก
คำบอุบัติซ้ำ หมำยถึง ระยะเวลำครบรอบของแผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้น ณ ที่นั้น แล้วกลับมำเกิดซ้ำในที่เดิมอีก อำจเป็นร้อยปี
หรือพันปี หรือน้อยกว่ำนั้น
คาถามท้ายบทที่ 4 เรื่อง ธรณีประวัติ
1.นักวิทยำศำสตร์ทรำบได้อย่ำงไรว่ำ ครั้งหนึ่งบนโลกมีไดโนเสำร์อำศัยอยู่
ตอบ เพรำะ มีกำรพบซำกดึกดำบรรพ์ของไดโนเสำร์ในชั้นของหิน เช่น ในประเทศไทยมีกำรพบซำกดึกดำบรรพ์ของ
ไดโนเสำร์ ประเภทเดินสี่เท้ำ กินพืชเป็นอำหำร คอและหำงยำว ชื่อว่ำ ภูเวียงโกซอรัสสิรินทรเน พบครั้งแรกที่อำเภอภูเวียง
จังหวัดขอนแก่น เป็นต้น
2.เพรำะเหตุใดเรำจึงไม่ค่อยพบซำกดึกดำบรรพ์ในกลุ่มหินอัคนี และหินแปร
ตอบ เพรำะ หินอัคนี เกิดจำกกำรเย็นตัวของแมกมำ ซึ่งได้จำกกำรระเบิดของภูเขำไฟ จึงไม่สำมำรถพบซำกดึกดำบรรพ์ได้
หิน แปร เกิดจำกกำรแปรสภำพจำกหินอัคนี หินตะกอนหรือหินแปรด้วยกันเอง ภำยใต้อุณหภูมิ ควำมดันและสิ่งแวดล้อมทำงแร่
ซึ่งหินที่ถูกทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่ำงทันทีทันใดแล้วอุณหภูมิค่อยๆ ลดลง กำรเปลี่ยนแปลงอุณหภูมินี้มีผลทำให้หินแตกหักได้ จึ่ง
ไม่สำมำรถพบซำกดึกดำบรรพ์ในหินแปร
3.ซำกดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบสำมำรถบอกอะไรแก่เรำได้บ้ำง
ตอบ ซำกดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบสำมำรถบอกให้ทรำบถึงอำยุของหิน และสภำวะแวดล้อมในอดีต และทำให้สำมำรถหำ
ควำมสัมพันธ์ของชั้นหินในบริเวณต่ำงๆ ได้
4.ซำกดึกดำบรรพ์ที่ดีและสำมำรถบ่งชี้อำยุหินได้ชัดเจนควรเป็นอย่ำงไร อธิบำยพร้อมยกตัวอย่ำงเท่ำที่ทรำบ
ตอบ ซำกดึกดำบรรพ์ที่ดี และบ่งชี้อำยุหินได้ชัดเจน ได้แก่ ซำกดึกดำบรรพ์ดัชนี (index fossil)เป็น ซำกดึกดำบรรพ์ที่มี
วิวัฒนำกำรทำงโครงสร้ำง และรูปร่ำงอย่ำงรวดเร็ว มีควำมแตกต่ำงในแต่ละช่วงอำยุอย่ำงเห็นเด่นชัด และปรำกฏให้เห็นเพียง
ช่วงอำยุหนึ่งแล้วก็สูญพันธุ์ไป ได้แก่ ไตรโลไบท์ แกรพโตไลท์ ฟิวซิลินิด เป็นต้น กำรพบซำกดึกดำบรรพ์ไตรโลไบท์ในหินทรำย
แดงที่เกำะตะรุเตำ จังหวัดสตูล ทำให้นักธรณีวิทยำบอกได้ว่ำ หินทรำยแดงนั้นเป็นหินที่มีอำยุประมำณ 570 - 505 ล้ำนปี หรือ
กำรพบซำกดึกดำบรรพ์ฟิวซิลินิดในหินปูนที่บริเวณจังหวัดสระบุรี ทำให้นักธรณีวิทยำบอกได้ว่ำ หินปูนนั้นเป็นหินที่มีอำยุ
ประมำณ 286 - 245 ล้ำนปี เป็นต้น
5.กำรลำดับชั้นหินและซำกดึกดำบรรพ์มรำพบ มีควำมสำคัญอย่ำงไรกับกำรศึกษำควำมเป็นมำของโลก
ตอบ กำรลำดับชั้นหินและซำกดึกดำบรรพ์ที่พบ มีควำมสำคัญในกำรศึกษำควำมเป็นมำของโลก คือ อำศัยอำยุเทียบสัมพัทธ์
(relative age) เป็น อำยุหินเปรียบเทียบซึ่งบอกได้ว่ำ หินชุดใดมีอำยุมำกหรือน้อยกว่ำกัน โดยอำศัยข้อมูลจำกซำกดึกดำบรรพ์ที่
ทรำบอำยุ ลักษณะกำรลำดับชั้นของหินชนิดต่ำงๆ และลักษณะโครงสร้ำงทำงธรณีวิทยำของหิน แล้วนำมำเทียบสัมพัทธ์กับ
ช่วงเวลำทำงธรณีวิทยำที่เรียกว่ำ ธรณีกำล (geologic time) ก็จะสำมำรถบอกอำยุของหินว่ำ เป็นหินยุคไหนหรือมีช่วงอำยุเป็น
เท่ำใดกำร ลำดับชั้นหินเป็นกำรรวบรวมข้อมูลทำงธรณีวิทยำเกือบทุกทำงมำใช้ศึกษำ วิเครำะห์ และประเมินศักยภำพของพื้นที่
ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งทำให้ทรำบถึงควำมเป็นมำของโลก
6.ถ้ำนักเรียนสำรวจพบซำกดึกดำบรรพ์ของปะกำรังบนยอดเขำแห่งหนึ่ง นักเรียนมีควำมเห็นเกี่ยวกับกำรดำเนินของภูเขำนั้น
อย่ำงไร จงอธิบำย
ตอบ ถ้ำพบซำกดึกดำบรรพ์ของปะกำรังบนยอดเขำแห่งหนึ่ง แสดงว่ำ ในอดีตบริเวณนี้เป็นทะเลน้ำตื้นในช่วงแรกแล้วแผ่ไปสู่
ทะเลลึก และเปลี่ยนเป็นทะเลตื้นใกล้ชำยฝั่งอีกครั้งหนึ่ง หลังจำกที่มีกำรสะสมตะกอนจำกทะเล มีกำรแข็งตัวของตะกอน ทำให้
บริเวณนี้ตื้นขึ้น ต่อจำกนั้นเปลือกโลกบริเวณนี้มีกำรเคลื่อนที่ และมีกำรระเบิดของภูเขำไฟ ทำให้พื้นที่นี้มีกำรยกตัวสูงขึ้นเป็น
ภูเขำในปัจจุบัน
คาถามท้ายบทที่ 5 เรื่อง เอกภพ
1.เพราะเหตุใดนักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่จึงเห็นด้วยกับทฤษฎีบิกแบง ที่ใช้อธิบายกาเนิดเอกภาพ
ตอบ ทฤษฎีบิกแบงมีหลักฐำนหรือปรำกฏกำรณ์ที่สนับสนุนอยู่ 2 อย่ำง
1) กำรขยำยตัวของเอกภพ
2) อุณหภูมิพื้นหลังของเอกภพ ปัจจุบันลดลงเหลือ 2 - 73 เคลวิน
จำกหลักฐำนทั้ง 2 ข้อ จึงทำให้นักดำรำศำสตร์เห็นด้วยกับทฤษฎีบิกแบง
2.มีธาตุอะไรมากที่สุดในเอกภาพ
ตอบ ธำตุที่มีมำกที่สุดในเอกภพคือ ธำตุไฮโดรเจน
3.เอกภพประกอบด้วยระบบที่เล็กกว่า มีอะไรบ้าง
ตอบ เอกภพประกอบด้วยระบบสุริยะและระบบกำแล็กซี
4.เอกภพเมื่ออายุประมาณ 300,000 ปี มีธาตุอะไรเป็นองค์ประกอบสาคัญบ้าง
ตอบ ธำตุไฮโดรเจน และธำตุฮีเลียม
5.หลักฐานใดที่แสดงว่าเอกภพกาลังขยายตัวอยู่ในปัจจุบัน
ตอบ ค.ศ. 1920 เอ็ดวิน ฮับเบิล ได้ใช้ข้อมูลจำกกำรสังเกตกำแล็กซีต่ำงๆ จำนวนมำกพบว่ำกำแล็กซีเหล่ำนั้นเกิด
ปรำกฏกำรณ์เลื่อนทำงแดงของเส้นสเปกตรัม จำกควำมรู้ทำงฟิสิกส์พื้นฐำนของนักวิทยำศำสตร์ทรำบดีว่ำ เมื่อพบปรำกฏกำรณ์
เลื่อนทำงแดงของวัตถุท้องฟ้ำใด แสดงว่ำวัตถุนั้นกำลังเคลื่อนที่ถอยหำงออกจำกผู้สังเกตบนโลก
6.กฎฮับเบิลมีว่าอย่างไร
ตอบ V = H0d
V = ควำมเร็วในกำรถอยห่ำงของกำแล็กซี
H0 = ค่ำคงที่ของฮับเบิล
= 71 km/s/Mpc
d = ระยะทำงถึงกำแล็กซี
7.ถ้าค่าของแล้วเอกภพจะมีอายุและรัศมีประมาณเท่าใด
ตอบ ประมำณ 13,000 ล้ำนปี
8.คลื่นไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศสนับสนุนทฤษฎีบิกแบงอย่างไร
ตอบ เพรำะเป็นคลื่นไมโครเวฟที่หลงเหลืออยู่หลังจำกกำรระเบิดออกของวัตถุควำมร้อน มหำศำล (ช่วง Big-Bang) หำกไม่
มี Big-Bang ก็จะไม่ตรวจพบคลื่นนี้ แต่บังเอิญตรวจพบ (บังเอิญพบโดยนักวิทยำศำสตร์สมัครเล่น) จึงกล่ำวได้ว่ำ เมื่อนำนมำแล้ว
เกิด Big-Bang ให้เอกภพกำเนิดขึ้นมำครับ
9.กาแล็กซีคืออะไร และมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ กำแล็กซี (Galaxy) ซึ่งประกอบด้วย ดำวฤกษ์ ดำวเครำะห์ อุกกำบำต ฝุ่นผงและ แก็สในอวกำศ กำแลคซีเมื่อแบ่งโดย
ใช้รูปร่ำงเป็นเกณฑ์แบ่งออก 4 ประเภท คือ
1 กำแล็กซี่รูปวงกลมรี
2.กำแล็กซีรูปก้นหอย
3.กำแล็กซีรูปก้นหอยคำน
4.กำแล็กซีไร้รูปร่ำง
10.กาแล็กซีทางช้างเผือกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100,000 ปีแสง คิดเป็นระยะทางกี่กิโลเมตร
ตอบ 1 ปีแสง คิดเป็นระยะทำงประมำณ = 9.5 × 1012 กิโลเมตร
105 ปีแสง คิดเป็นระยะทำงประมำณ = 9.5 × 1012 × 105 กิโลเมตร
ดังนั้น คิดเป็นระยะทำง = 9.5 × 1017 กิโลเมตร
11.ทางช้างเผือกกับกาแล็กซีทางช้างเผือก เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ ทำงช้ำงเผือก เกิดจำกดำวฤกษ์หลำยหมื่นล้ำนดวงที่มำอยู่รวมกัน เห็นเป็นแนวฝ้ำขำวจำงๆ ขนำดกว้ำงประมำณ 15๐
พำดผ่ำนเป็นทำงยำวรอบท้องฟ้ำ
กำแล็กซี ทำงช้ำงเผือก ประกอบด้วยดำวฤกษ์ 200,000 ล้ำนดวงและเมฆฝุ่นกับแก๊สที่เรียกว่ำ เนบิวลำ รวมทั้งระบบ
สุริยะ ทำงช้ำงเผือกเป็นส่วนหนึ่งของกำแล็กซีทำงช้ำงเผือก
12.กาแล็กซีแมกเจลแลนใหญ่แตกต่างจากกาแล็กซีแอนโครเมดาอย่างไรบ้าง
ตอบ กำแล็กซีแมกเจลแลนใหญ่ จะโคจรรอบทำงช้ำงเผือกที่ระยะห่ำงประมำณ 200,000 ปีแสง เป็นกำแล็กซีแบบไร้รูปทรง
หรือมีรูปร่ำงไม่แน่นอน มีควำมสว่ำงมำกจนสำมำรถมองเห็นได้คล้ำยกับก้อนเมฆในยำมค่ำคืน อยู่ใกล้ขอบฟ้ำทิศใต้ เป็นกำแล็กซี
ที่อยู่ใกล้เรำที่สุด
กำแล็กซีแอนโดรเมดำ มองเห็นอยู่ในบริเวณท้องฟ้ำทำงเหนือ มีรูปร่ำงแบบกังหัน เหมือนกำแล็กซีทำงช้ำงเผือก
กำแล็กซีแอนโดรเมดำอยู่ห่ำงจำกกำแล็กซีทำงช้ำงเผือกของเรำไกลประมำณ 2 ล้ำนปีแสง มีชื่อเรียกอีกอย่ำงหนึ่ง
ว่ำ M31 หรือ NGC 224
คาถามท้ายบทที่ 6 เรื่อง ดาวฤกษ์
1.ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีความเหมือนและความแตกต่างกันในเรื่องใดบ้าง
ตอบ ดำวฤกษ์แต่ละดวงมีควำมเหมือนกันอยู่ 2 อย่ำง คือ
1) มีพลังงำนในตัวเอง
2) เป็นแหล่งกำเนิดธำตุต่ำงๆ เช่น ธำตุฮีเลียม ลิเทียม และเบริลเลียม
ดำว ฤกษ์แต่ละดวงมีควำมแตกต่ำงกันดังนี้ คือ มวล อุณหภูมิผิว สี อำยุ องค์ประกอบทำงเคมี ขนำด ระยะห่ำง ควำมสว่ำง
ระบบดำว และกำรวิวัฒนำกำร
2.หลุมดาคืออะไร ต่างจากคาวนิวตรอนอย่างไร
ตอบ หลุมดำ (Black hole) คือ บริเวณในอวกำศที่มีแรงโน้มถ่วงสูง ไม่มีอะไรออกจำกบริเวณนี้ได้แม้แต่แสงสว่ำง ซึ่ง
เคลื่อนที่ด้วยควำมเร็ว 300,000 กิโลเมตรต่อวินำที ก็ออกจำกหลุมดำไม่ได้ เมื่อไม่มีแสงออกมำหลุมดำจึงมืด
หลุมดำอำจแบ่งได้เป็นสำมจำพวกใหญ่ๆ คือ
1. หลุมดำที่เกิดจำกดำวฤกษ์ตำยแล้ว เมื่อดำวฤกษ์ที่มวลมำกๆ ถึงครำวหมดอำยุขัย จะเกิดกำรระเบิดเป็น ซูเปอร์โนวำ หำก
หลังกำรระเบิดยังหลงเหลือมวลสำรที่ใจกลำงของดำวมำกกว่ำ 3 เท่ำของมวลดวงอำทิตย์ มวลสำรใจกลำงดำวนั้นจะยุบตัวลง
เป็นหลุมดำ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดรังสีเอกซ์หลำยแห่งในกำแล็กซีทำงช้ำงเผือก เช่น Cygnus X - 1 ในกลุ่มดำวหงส์ ก็เชื่อว่ำ เป็น
หลุมดำชนิดนี้
2. หลุมดำยักษ์ หลุมดำจำพวกนี้จะมีมวลมำกมำยมหำศำล อำจมีมวลมำกนับเป็นหลำยพันล้ำนเท่ำของดวงอำทิตย์ ส่วนใหญ่จะ
พบอยู่ในใจกลำงของกำแล็กซีขนำดใหญ่ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ำนมำนี้ นักดำรำศำสตร์พบหลุมดำชนิดนี้อยู่ตำมกำแล็กซีขนำดใหญ่
เป็นจำนวนมำก รวมทั้งกำแล็กซีทำงช้ำงเผือกของเรำด้วย
3. หลุมดำจิ๋ว เป็นหลุมดำที่มีมวลเพียงไม่กี่ร้อยล้ำนตัน มีขนำดเล็กเพียงขนำดของอะตอมเท่ำนั้น เกิดขึ้นหลังจำกเกิด บิกแบง ได้
ไม่นำน หลุมดำชนิดนี้จะมีอำยุสั้นและจะสลำยตัวด้วยกำรระเบิด ปลดปล่อยรังสีแกมมำออกมำ หลุมดำจิ๋วนี้เป็นหลุมดำในทำง
ทฤษฎี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกำรค้นพบอย่ำงเป็นทำงกำร
ดำวนิวตรอน (Neutron star) คือ ดำวซึ่งมีมวลอยู่ในช่วงระหว่ำง 8 ถึง 18 เท่ำของมวลดวงอำทิตย์ ซึ่งได้ยุบตัวลงเนื่องจำกแรง
โน้มถ่วงของตัวเอง องค์ประกอบของดำวประกอบด้วยนิวตรอนล้วนๆ ดำวนิวตรอนมีขนำดเล็กมำก มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงเพียง
ประมำณ 10 กิโลเมตร และมีควำมหนำแน่นประมำณ 1017 กิโลกรัมต่อลูกบำศก์เมตร ดำวนิวตรอนสำมำรถตรวจพบได้ในรูป
ของ พัลซำร์
3.เนบิวลาคืออะไร และเกี่ยวข้องกับดาวฤกษ์อย่างไร
ตอบ เนบิวลำ คือ กลุ่มแก๊สและฝุ่นที่เกิดขึ้นในอวกำศภำยในกำแล็กซี
เกี่ยวข้องกันกับดำวฤกษ์ คือ ดำวฤกษ์เกิดจำกกำรยุบรวมตัวของเนบิวลำ หรือกล่ำวอีกอย่ำงว่ำ เนบิวลำ เป็นแหล่งกำเนิดของ
ดำวฤกษ์ทุกประเภท
4.ธาตุต่างๆในโลกและในตัวเรา เกิดจากที่ใด
ตอบ ธำตุ ต่ำงๆ ในโลกเกิดจำกกำรระเบิดของกลุ่มแก๊สภำยในดวงดำว เช่น กำรระเบิดภำยในดำวฤกษ์ที่มีควำมร้อนและ
ควำมดันมหำศำล ที่เรียกว่ำ ซูเปอร์โนวำ ทำให้เกิดธำตุหนัก เช่น ยูเรเนียม หรือทองคำขึ้นได้
ธำตุ ต่ำงๆ ในตัวเรำเกิดจำกพืชสร้ำงอำหำรขึ้นโดยวิธีสังเครำะห์แสง เมื่อเรำรับประทำนพืชก็จะได้สำรอำหำรที่ทำให้เกิดธำตุ
ต่ำงๆ ขึ้นภำยในตัวเรำ
5.ดาวฤกษ์ที่อยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์เดียวกัน อยู่ห่างจากโลกเท่ากันหรือไม่
ตอบ ดำวฤกษ์ที่อยู่ในกลุ่มดำวเดียวกันอำจอยู่ห่ำงจำกโลกไม่เท่ำกัน เพรำะกลุ่มดำวฤกษ์เป็นเพียงภำพที่เห็นดำวอยู่ใน
ทิศทำงเดียวกันเท่ำนั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน
6.ดาวตานกอินทรีมีโชติมาตร 0.76 ดาววีกามีโชติมาตร 0.03 ดาวหางหงส์มีโชติมาตร 1.25 ดาวปากหงส์มีโชติมาตร 3.36
ตามลาดับ จงเรียงลาดับดาวฤกษ์ที่สว่างมากที่สุดไปยังน้อยที่สุด
ตอบ ดำววีกำ ดำวตำนกอินทรี ดำวหำงหงส์ ดำวปำกหงส์
7.ดาววีกามีแพรัลแลกซ์ 0.129 พิลิปดา ดาววีกาอยู่ห่างจากโลกกี่ปีแสง
ตอบ พำรำแลกซ์ 1 ฟิลิปดำคือระทำง 3.26 ปีแสง (1 parsec) และมุมพำรำแลกซ์แปรผกผันกับระยะทำง
ดังนั้น 0.129 ฟิลิบดำคือระยะห่ำง 3.26/0.129 = 25.27 ปีแสง
คาถามท้ายบทที่ 7 เรื่อง ระบบสุริยะ
1.เพราะเหตุใดจึงกล่าวว่า ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์รุ่นหลัง
ตอบ เพรำะ ว่ำ ดำวฤกษ์เกิดจำกกำรยุบตัวของเนบิวลำที่เกิดจำกแรงโน้มถ่วงของเนบิวลำเอง ทำให้ที่แกนกลำงของเนบิวลำ
ที่ยุบตัวลงนี้ จะมีอุณหภูมิสูงกว่ำที่ขอบนอก เมื่ออุณหภูมิแกนกลำงสูงมำกขึ้น เป็นหลำยแสนองศำเซลเซียส เรียกช่วงนี้ว่ำ “ดำว
ฤกษ์ก่อนเกิด” (protostar) หลัง จำกที่ดวงอำทิตย์เพิ่งกำเนิดขึ้นมำจะคงสภำพที่ใหญ่กว่ำปัจจุบันเล็กน้อย อุณหภูมิที่แกนกลำง
สูงขึ้นไปถึง 15ล้ำนเคลวิน และปฏิกิริยำเทอร์โมนิวเคลียร์ได้เริ่มต้นขึ้น หลอมนิวเคลียสไฮโดรเจนเป็นนิวเคลียสฮีเลียม เมื่อเกิด
ควำมสมดุลระหว่ำงแรงโน้มถ่วงกับแรงดันของแก๊สร้อน ทำให้ดวงอำทิตย์เป็นดำวฤกษ์สมบูรณ์ จึงกล่ำวได้ว่ำ ดวงอำทิตย์เป็น
ดำวฤกษ์รุ่นหลัง
2.ดวงอาทิตย์เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะมีวิวัฒนาการอย่างไร
ตอบ ดวง อำทิตย์เกิดจำกกำรยุบตัวของเนบิวลำ ซึ่งกำรยุบตัวนี้เกิดจำกแรงโน้มถ่วงของเนบิวลำเอง เมื่อแก๊สยุบตัวลง ควำม
ดันของแก๊สจะสูงขึ้น ผลที่ตำมมำ คือ อุณหภูมิของแก๊สจะสูงขึ้นที่บริเวณแกนกลำงเป็นหลำยแสนองศำเซลเซียส เรียกช่วงนี้
ว่ำ “ดำวฤกษ์ก่อนเกิด” เมื่อแรงโน้มถ่วงถึงให้แก๊สยุบตัวลงไปอีก อุณหภูมิสูงขึ้นเป็น 15 ล้ำนเคลวิน ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงมำก
พอที่จะเกิดปฏิกิริยำเทอร์โมนิวเคลียร์ (thermonuclear reaction) หลอม นิวเคลียสไฮโดรเจนเป็นนิวเคลียสฮีเลียม เมื่อเกิด
ควำมสมดุลระหว่ำงแรงโน้มถ่วงกับแรงดันของแก๊สร้อนจะทำให้ดวง อำทิตย์มีควำมสมบูรณ์ขึ้น
วิวัฒนำกำร ของดวงอำทิตย์มีดังนี้ คือ เมื่อธำตุไฮโดรเจนที่ใช้เป็นเชื้อเพลงเหลือน้อย แรงโน้มถ่วง เนื่องจำกมวลของดวงอำทิตย์
สูงกว่ำแรงดัน ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นมำกกว่ำเดิมเป็น 100 ล้ำนเคลวิน จนเกิดปฏิกิริยำเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมรวมนิวเคลียสของ
ธำตุฮีเลียมเป็น นิวเคลียสของคำร์บอน ในขณะเดียวกันไฮโดรเจนที่อยู่รอบนอกแกนฮีเลียม มีอุณหภูมิสูงถึง 15 ล้ำนเคลวิน จะ
เกิดปฏิกิริยำเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมไฮโดรเจนเป็นฮีเลียมครั้งใหม่ได้ พลังงำนออกมำอย่ำงมหำศำล ทำให้ดวงอำทิตย์มีขนำด
ใหญ่ขึ้นเป็น 100 เท่ำของขนำดปัจจุบัน เมื่อผิวด้ำนนอกขยำยตัว อุณหภูมิผิวจะลดลง สีจะเปลี่ยนจำกสีเหลืองเป็นสีแดง เรียกว่ำ
ดำวยักษ์แดง ซึ่งมีชีวิตค่อนข้ำงสั้น ที่แกนกลำงของดวงอำทิตย์ซึ่งอยู่ในสภำพดำวยักษ์แดง ในช่วงท้ำยของชีวิตจะไม่เกิดปฏิกิริยำ
เทอร์โมนิวเคลียร์ที่หลอมฮีเลียมเป็น คำร์บอนอีกต่อไป แรงโน้มถ่วงจะทำให้แกนกลำงของดำวยักษ์แดงยุบตัวลง กลำยเป็นดำว
แคระขำว ขณะเดียวกันกับที่แกนกลำงเกิดกำรยุบตัว มวลของผิวดำวรอบนอกไม่ได้ยุบเข้ำมำรวมด้วย จึงมีชั้นของแก๊สหุ้มอยู่
รอบ เกิดเป็นเนบิวลำดำวเครำะห์ ซึ่งจะเคลื่อนห่ำงออกไปจำกดำวแคระขำว กระจำยออกไปในอวกำศ
3.เพราะเหตุใดโลก ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวพุธ จึงถูกจัดเป็นดาวเคราะห์หิน และเกิดได้อย่างไร
ตอบ เพรำะ โลก ดำวศุกร์ ดำวอังคำร และดำวพุธ ต่ำงเป็นดำวเครำะห์ ที่มีพื้นผิวเป็นพื้นหินแข็งชัดเจน ดำวเครำะห์หินเกิด
จำกตอนที่ดำวเครำะห์เพิ่งกำเนิดขึ้นเมื่อ 4,600 ล้ำนปีมำแล้ว มีภูเขำน้ำแข็งและก้อนหินจำนวนมำกที่เหลือจำกกำรสร้ำงดวง
อำทิตย์อยู่ใน บริเวณที่เป็นดำวเครำะห์หินในปัจจุบัน ต่อมำอีก 500 ล้ำนปี วัตถุก้อนใหญ่ก็ดึงก้อนเล็กเข้ำหำ เกิดกำรชนกันพอก
พูนจนใหญ่โตขึ้น เศษที่เหลืออยู่มีจำนวนน้อยลง ขณะเดียวกันวัตถุที่ระเหยง่ำยหรือเบำ เช่น น้ำและไฮโดรเจน ก็ถูกพลังงำนจำก
กำรแผ่รังสีของดวงอำทิตย์ ผลักดันให้ออกไปอยู่ที่ชั้นนอกของระบบสุริยะ ดังนั้น ดำวเครำะห์ชั้นในจึงเป็นหิน
4.เพราะเหตุใดดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน จึงถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แก๊ส และเกิดได้อย่างไร
ตอบ เพรำะ มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊สไฮโดรเจนหรือแก๊สแอมโมเนียและมีเทน ไม่มีพื้นผิวดำวชัดเจน ภำยในดำว
เครำะห์ยักษ์ เป็นแก๊สควำมดันสูงหรือแก๊สเหลว ซึ่งมักมีอุณหภูมิและควำมดันสูงมำก มีขนำดใหญ่ ดำวเครำะห์ยักษ์เกิดขึ้น
เนื่องจำกในขณะที่ระบบสุริยะกำลังเกิดขึ้นนั้น ดำวเครำะห์ยักษ์ขยำยใหญ่ขึ้นมำกกว่ำดำวเครำะห์หิน ซึ่งอยู่ใกล้ดวงอำทิตย์
เพรำะอยู่ในบริเวณที่เย็นกว่ำ ก้อนสำรที่รวมกันอยู่ชั้นนอกของระบบสุริยะรวมถึงก้อนน้ำแข็งสกปรกและแก๊สที่ แข็งตัว เป็นส่วน
หนึ่งของดำวเครำะห์ยักษ์ด้วย เมื่อเข้ำไปใกล้ดวงอำทิตย์ ควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์จะทำให้สำรที่ระเหยง่ำย เช่น น้ำ ระเหยออก
จำกดำวเครำะห์ชั้นใน เหลือแต่ส่วนที่เป็นหินแข็งและโลหะ เมื่อวัตถุที่เป็นของแข็งในตอนเริ่มต้นมีขนำดใหญ่กว่ำแรงโน้มถ่วงที่
สูงของ ดำวที่กำลังโตขึ้น จึงดึงดูดเอำแก๊สจำนวนมำกไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของดำวเครำะห์ ทำให้มีขนำดใหญ่ขึ้นเป็นดำวเครำะห์
ยักษ์
5.ดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง อยู่บริเวณใดของระบบสุริยะ และเกิดได้อย่างไร
ตอบ ดำวเครำะห์น้อย จะโคจรอยู่ระหว่ำงดำวอังคำรกับดำวพฤหัสบดี ในระบบสุริยะ
ดำวหำงอยู่รอบนอกของระบบสุริยะ
ดำว เครำะห์น้อยเกิดจำกเศษที่เหลือจำกกำรพอกพูนของดำวเครำะห์หิน ถูกแรงรบกวนของดำวพฤหัสบดี ซึ่งมีขนำด
ใหญ่และเกิดมำก่อน ทำให้มวลสำรในบริเวณแถบของดำวเครำะห์น้อยจับตัวกันมีขนำดใหญ่ไม่ได้ จึงปรำกฏมีแต่ดำวเครำะห์
น้อยขนำดเล็กๆ จำนวนมำก
ดำว หำง เกิดจำกเศษเหลือจำกดำวเครำะห์ยักษ์ที่ประกอบด้วยก้อนน้ำแข็งและแก๊สแข็งตัว หลำยชนิด รวมทั้งฝุ่นที่
ปะปนอยู่ เมื่อก้อนน้ำแข็งนี้เข้ำใกล้ดวงอำทิตย์จะได้รับรังสี ทำให้เกิดกำรระเหิดของวัตถุบำงส่วน เกิดกำรพุ่งกระจำยของธุลี
และแก๊สออกมำจำกนิวเคลียสหรือแกน เป็นส่วนหัวของดำวหำงและส่วนหำง
6.การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์คืออะไร มีผลกระทบต่อโลกหรือไม่ อย่างไร
ตอบ ปรำกฏกำรณ์กำรระเบิดจ้ำบนดวงอำทิตย์ (Solar Flare) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของกำรระเบิดบนผิวของดวงอำทิตย์ กำร
ระเบิดจ้ำมักเกิด ณ บริเวณที่เป็นจุด ซึ่งดวงอำทิตย์จะเกิดจุดมำกที่สุดทุกๆ ประมำณ 11 ปี ช่วงที่มีจุดมำกจะมีกำรระเบิดจ้ำมำก
ด้วย ทำให้อนุภำคโปรตอนและอิเล็กตรอนถูกปลดปล่อยจำกดวงอำทิตย์ เป็นจำนวนมำกกว่ำปกติ เรียกว่ำ พำยุสุริยะ
กำร ระเบิดจ้ำมีผลต่อโลก คือ กำรเกิดแสงเหนือ - แสงใต้ เกิดไฟฟ้ำแรงสูงดับในประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลก เกิดกำรติดขัดทำงกำร
สื่อสำรโดยเฉพำะวิทยุคลื่นสั้นทั่วโลก และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในดำวเทียมอำจถูกทำลำย
คาถามท้ายบทที่ 8 เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ
1.เพราะเหตุใดจึงต้องส่งกล้องโทรทรรศน์ขึ้นไปโคจรรอบโลกในการศึกษาวัตถุท้องฟ้า
ตอบ เพรำะ กล้องโทรทรรศน์ที่ส่งขึ้นไปพร้อมยำนอวกำศนั้น จะมีอุปกรณ์สำคัญติดตั้งไปกับกล้อง คือ ระบบคอมพิวเตอร์
กล้องถ่ำยภำพมุมกว้ำง เครื่องตรวจวัดสเปกตรัม เครื่องปรับทิศทำงของกล้อง ซึ่งข้อมูลต่ำงๆ ที่ได้จำกกล้อง จะทำให้เรำได้เห็น
รำยละเอียดต่ำงๆ ของวัตถุท้องฟ้ำ ช่วยให้เกิดควำมเข้ำใจถึงส่วนประกอบในระบบสุริยะ กำรกำเนิดของดำวฤกษ์ โครงสร้ำงและ
กำรเปลี่ยนแปลงของกำแล็กซี
2.ยานขนส่งอวกาศปล่อยดาวเทียมสื่อสารให้เข้าสู่วงจรโคจรได้อย่างไร
ตอบ ยำน ขนส่งอวกำศปล่อยดำวเทียมสื่อสำรให้เข้ำสู่วงโคจรได้ โดยให้อยู่เหนือผิวโลก 35,880กิโลเมตร ในระดับนี้
ดำวเทียมจะเคลื่อนที่รอบโลกเร็วเท่ำกับโลกหมุนรอบตัวเอง ดำวเทียมสื่อสำรจึงปรำกฏอยู่ที่ตำแหน่งเดิมบนท้องฟ้ำตลอดเวลำ
3.ท่านคิดว่าการอาศัยอยุ่ในอวกาศของมนุษย์อวกาศเป็นระยะเวลานานๆ มีผลกระทบจ่อมนุษย์อวกาศเหล่านั้นอย่างไร
บ้าง
ตอบ กำร อำศัยอยู่ในอวกำศของมนุษย์อวกำศ ภำยในสภำพแวดล้อมแห่งควำมถ่วงของอวกำศ นักบินอวกำศจะพยำยำม
ดำเนินชีวิตประจำวันให้เหมือนอยู่บนโลกมำกที่สุด แต่เนื่องจำกไม่ถูกดึงดูดจำกแรงโน้มถ่วงของโลก จึงมีสภำพไร้น้ำหนัก กำรกิน
กำรนอน และกำรออกกำลังกำยจึงมีปัญหำและถ้ำอยู่ในอวกำศ เป็นระยะเวลำนำนๆ จะมีผลต่อกล้ำมเนื้อ กล้ำมเนื้อทุกส่วนจะมี
ขนำดเล็กลง ระบบสูบฉีดโลหิต หัวใจทำงำนช้ำลง กระดูกจะมีควำมหนำแน่นน้อยลง กระดูกจึงเปรำะและแตกหักง่ำย
4.การสารวจอวกาศมีผลดีและผลเสียต่อมนุษย์และโลกอย่างไร
ตอบ กำรสำรวจอวกำศมีผลดีต่อมนุษย์และต่อโลกคือ ช่วยให้เกิดควำมเข้ำใจในเรื่องต่อไปนี้
1. ส่วนประกอบในระบบสุริยะ
2. กำรกำเนิดของดำวฤกษ์
3. โครงสร้ำงและกำรเปลี่ยนแปลงของกำแล็กซี
4. วิวัฒนำกำรของเอกภพ
5. กำรกำเนิดของโลก
6. หำคำตอบว่ำ มนุษย์เกิดมำได้อย่ำงไร
7. กำรป้องกันโลกไม่ให้เกิดอันตรำยจำกกำรชนของวัตถุในอวกำศ
ผลเสียที่มีต่อมนุษย์และต่อโลก
1. สิ้นเปลืองงบประมำณ
2. เกิดอันตรำยต่อมนุษย์ หำกดำวเทียมหรือยำนอวกำศตกลงมำสู่พื้นโลก เช่น สถำนีอวกำศเมียร์
5.ที่ระดับความสูงจากผิวโลก 3,620 กิโลเมตร ยานอวกาศจะต้องมีความเร็วเท่าไร จึงหลุดออกไปนอกโลกได้
ตอบ 8.66 กิโลเมตรต่อวินำที
58.หลักฐำนที่แสดงว่ำทวีปต่ำงๆเคยเชื่อมต่อกันมีอะไรบ้ำง
ตอบ รูปร่ำงของขอบทวีปที่สำมำรถเชื่อมต่อกันได้ , กำรพบซำกดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกัน ,กำรพบกลุ่มหินประเภทและอำยุ
เดียวกัน , แนวเทือกเขำที่มีลักษณะเหมือนกันและต่อกันได้ และ กำรพบหินอำยุเดียวกันที่เกิดจำกกำรสะสมตัวของตะกอนธำร
น้ำแข็ง
59.นัก เรียนเข้ำใจเกี่ยวกับกำรเคลื่อนที่ของทวีปอย่ำงไร ให้อธิบำยและยกตัวอย่ำงหลักฐำนหรือข้อมูลที่นักวิทยำศำสตร์ใช้เป็น
เหตุผล สนับสนุน
ตอบ เกิด จำกกำรนำทฤษฎีทวีปเลื่อนและทวีปแยกมำรวมกันตั้งเป็นทฤษฎีใหม่ขึ้นมำโดยกล่ำว ไว้ว่ำ เปลือกโลกทั้งหมด
แบ่งออกเป็น แผ่นที่สำคัญ จำนวน 13 แผ่น โดยแต่ละแผ่นจะมีขอบเขตเฉพำะได้แก่ แผ่นอเมริกำเหนือ อเมริกำใต้ ยูเรเซีย
แอฟริกำ อินเดีย แปซิฟิก แอนตำร์กติก ฟิลิปปินส์ อำหรับ สกอเทีย โกโก้ แคริเบียน และนำซก้ำแผ่นเปลือกโลกทั้งหมดไม่หยุด
นิ่งอยู่กับที่จะมีกำรเคลื่อนที่ตลอด เวลำใน 3 แบบ ได้แก่กำรเคลื่อนที่เข้ำหำกัน แยกออกจำกกัน และไถลตัวขนำนออกจำกกัน
ซึ่งผลของกำรเคลื่อนที่ของเปลือกโลกทำให้เกิดปรำก ฎกำรณ์ต่ำง ๆ ขึ้น เช่น แผ่นดินไหว เทือกเขำ ภูเขำไฟ และกระบวนกำร
เกิดแร่และหิน
60..เพรำะเหตุใดปรำกฏกำรณ์ภูเขำไฟระเบิดและแผ่นดินไหว มักเกิดตำมเขตมุดตัวของแผ่นธรณี
ตอบ เพรำะ แผ่นธรณีภำคใต้มหำสมุทรชนกับแผ่นธรณีภำคใต้มหำสมุทร แผ่นธรณีภำคจะมุดลงใต้อีกแผ่นหนึ่ง ปลำยของ
แผ่นที่มุดลงจะหลอมตัวกลำยเป็นแมกมำและปะทุขึ้นมำบนแผ่นธรณีภำคใต้ มหำสมุทร
61.รอยคดโค้ง รอยแตก รอยเลื่อนในหินมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ และเกิดขึ้นได้อย่ำงไร
ตอบ - รอยคดโค้งเกิดจำกชั้นหินถูกเปลี่ยนรูป-ในระดับเกินขีดอิลำสติก(elastic limit)ชั้นหินจะมีกำรเปลี่ยนรูปแบบ
พลำสติก(plastic deformation)เมื่อมีควำมดันรอบข้ำง(confining pressure)กระทำทุกทิศทำงหรือหินหนืดดันขึ้นมำ หินจะ
เกิดกำรเคลื่อนที่แบบ flow ในทิศทำงใดก็ได้
- รอยแตก(Fracture)เป็นกำรแตกอย่ำงไม่มีทิศทำงที่แน่นอนและพื้นผิวของรอยแตกไม่เป็นระนำบเรียบ
- รอยเลื่อน(Fault) เมื่อหินถูกควำมเค้นหรือถูกแรงกระทำ จนมีควำมเครียดเกินขีดพลำสติกหินจะแตกหักเคลื่อนที่ออกจำกกัน
เป็นรอย เลื่อน(fault)ขึ้น ปกติกำรเคลื่อนที่ของหินจะเกิดในทิศทำงขนำนกับรอยเลื่อน
62.จำกแนวกำรเคลื่อนที่จำกแผ่นธรณีต่ำงๆ จะมีผลต่อภูมิประเทศของโลกอย่ำงไรในอนำคต
ตอบ ธรรมชำติ : อย่ำงรวดเร็ว เช่น แผ่นดินไหว ภูเขำไฟ --> อย่ำงช้ำ ๆ เช่น กำรกร่อน
มนุษย์ : กำรดำรงชีวิต และ ทดลองนิวเคลียร์
เติมคาตอบ
ทฤษฎีกำรแปรสัณฐำนแผ่นธรณีภำคใช้สำหรับอธิบำยกำเนิดของแผ่นดิน มหำสมุทร และสิ่งมีชีวิตที่ตำยทับถมกันอยู่ในหินบน
เปลือกโลก
70. สมมติฐำนที่ว่ำผืนแผ่นดินทั้งหมดบนโลกแต่เดิมเป็นแผ่นดินเดียวกันเรียนว่ำ พันเจีย (Pangaea)
71. เมื่อประมำณ 200ล้ำนปีที่แล้ว พันเจียเริ่มแยกออกเป็น 2 ทวีปใหญ่คือ ลอเรเซียทำงตอนเหนือและกอนด์วำนำทำงตอนใต้
72. ทวีปทำงตอนใต้จะแตกและเลื่อนแยกออกจำกกันเป็นอินเดีย อเมริกำใต้ และอัฟริกำ
73. อินเดียได้เคลื่อนไปชนกับเอเชียจนเกิดเป็นภูเขำหิมำลัยซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินและมหำสมุทรดังปัจจุบัน
74. จำกหลักฐำนทำงธรณีวิทยำ และกำรค้นพบซำกดึกดำบรรพ์ของพืชและสัตว์ชนิดเดียวกันในทวีปต่ำง ๆ ทำให้เชื่อว่ำ ทวีป
ต่ำง ๆ ในปัจจุบันแต่เติมเป็นแผ่นดินเดียวกัน
75. ลักษณะโดดเด่นของพื้นมหำสมุทรแอตแลนติก ได้แก่ เทือกเขำกลำงมหำสมุทรซึ่งเป็นเหมือนเทือกเขำยำมโค้งอ้อมไปตำม
รูปร่ำงของทวีป
76. นอกจำกลักษณะโดดเด่นของเทือกเขำกลำงมหำสมุทร ยังมีรอยร้ำวแยกตัวออกเป็นร่องลึกและมีรอยตัดขวำงบนสันเขำ ซึ่ง
เป็นศูนย์กลำงของกำรเกิดแผ่นดินไหว
77. นักธรณีวิทยำแบ่งแผ่นธรณีภำคของโลกออกเป็น 2 ประเภทคือ แผ่นทวีปและแผ่นมหำสมุทร
78. แผ่นธรณีภำคของโลกแบ่งเป็นแผ่นย่อย จำนวน 13 แผ่นและมีกำรเคลื่อนที่ตลอดเวลำ
79. ลักษณะกำรเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภำคได้แก่
1. ขอบแผ่นธรณีภำคแยกออกจำกกัน
2. ขอบแผ่นธรณีภำคเคลื่อนเข้ำหำกัน
3. ขอบแผ่นธรณีภำคเคลื่อนที่ผ่ำนกัน
80. แนวที่แผ่นธรณีภำคชนหรือมุดซ้อนกันเป็นไปได้ 3 แบบคือ
1. แผ่นธรณีภำคใต้สมุทรชนกับแผ่นธรณีภำคใต้สมุทร
2. แผ่นธรณีภำคใต้สมุทรชนกับแผ่นธรณีภำคพื้นทวีป
3. แผ่นธรณีภำคพื้นทวีปชนกับแผ่นธรณีภำคพื้นทวีป
81. แผ่นธรณีภำคพื้นทวีปชนกับแผ่นธรณีภำคพื้นทวีป ทำให้เกิดเทือกเขำหิมำลัยในทวีปเอเชีย และเทือเขำแอลป์ ในทวีปยุโรป
82. นอกจำกหลักฐำนทำงธรณีภำคและอำยุหินบนเทือกเขำกลำงมหำสมุทรแล้ว ยังมีหลักฐำนที่สนับสนุนสมมุติฐำนของแผ่น
พันจัยคือ หลักฐำนเกี่ยวกับซำกดึกดำบรรพ์และหลักฐำนอื่น ๆ อีก
83. หลักฐำนจำกกำรเปลี่ยนแปลงของอำกำศที่สนับสนุนทฤษฎีกำรแปรสัณฐำนแผ่นธรณีภำคคือ กำรทำให้เกิดกำรสะสม
ตะกอนในบริเวณต่ำง ๆ ของโลกโดยเฉพำะหินที่เกิดจำกตะกอนธำรน้ำแข็ง
84. อำยุเทียบสัมพันธ์หมำยถึง อำยุหินเปรียบเทียบซึ่งบอกว่ำหินชุดใดมีอำยุมำกหรือน้อยกว่ำกัน โดยนำมำเทียบสัมพันธ์กับ
ช่วงเวลำทำงธรณีวิทยำที่เรียกว่ำธรณีกำล
85. อำยุสัมบูรณ์หมำยถึง อำยุของหินหรือซำกดึกดำบรรพ์ ที่สำมำรถบอกเป็นจำนวนปีที่ค่อนข้ำงแน่นอน

More Related Content

What's hot

ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบwebsite22556
 
วัฏจักรน้ำ
วัฏจักรน้ำวัฏจักรน้ำ
วัฏจักรน้ำsavokclash
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O net (โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O net (โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ)ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O net (โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O net (โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ)สำเร็จ นางสีคุณ
 
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2dnavaroj
 
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศkrupornpana55
 
สรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
สรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศสรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
สรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศสิปป์แสง สุขผล
 
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์Aomiko Wipaporn
 
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศบทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศPinutchaya Nakchumroon
 
ใบงาน เทคโนโลยีอวกาศ ม.5
ใบงาน เทคโนโลยีอวกาศ ม.5ใบงาน เทคโนโลยีอวกาศ ม.5
ใบงาน เทคโนโลยีอวกาศ ม.5Worrachet Boonyong
 
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอ...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอ...ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอ...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอ...Prachoom Rangkasikorn
 
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียงคู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียงโรงเรียนเทพลีลา
 
อุณหภูมิของอากาศ
อุณหภูมิของอากาศอุณหภูมิของอากาศ
อุณหภูมิของอากาศKhwankamon Changwiriya
 
บทที่ 6 ดาวฤกษ์ (star)
บทที่ 6   ดาวฤกษ์ (star)บทที่ 6   ดาวฤกษ์ (star)
บทที่ 6 ดาวฤกษ์ (star)Pinutchaya Nakchumroon
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์สมศรี หอมเนียม
 
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกบทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกTa Lattapol
 
เฉลยข้อสอบ O-Net ดาราศาสตร์ ปีการศึกษา 2548
เฉลยข้อสอบ O-Net ดาราศาสตร์ ปีการศึกษา 2548เฉลยข้อสอบ O-Net ดาราศาสตร์ ปีการศึกษา 2548
เฉลยข้อสอบ O-Net ดาราศาสตร์ ปีการศึกษา 2548Physics Lek
 
บทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศบทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศnarongsakday
 
แบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็ว
แบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็วแบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็ว
แบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็วJariya Jaiyot
 

What's hot (20)

ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
ใบงานที่ 1 ธาตุและสารประกอบ
 
วัฏจักรน้ำ
วัฏจักรน้ำวัฏจักรน้ำ
วัฏจักรน้ำ
 
งานและพลังงาน (work and_energy)
งานและพลังงาน (work and_energy)งานและพลังงาน (work and_energy)
งานและพลังงาน (work and_energy)
 
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O net (โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O net (โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ)ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O net (โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ)
ข้อสอบวิทยาศาสตร์ O net (โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ)
 
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
แบบทดสอบ วิทยาศาสตร์ 2 ชั้น ม.1 ชุดที่ 2
 
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
องค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ
 
สรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
สรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศสรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
สรุป วิชาโลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
 
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
ใบกิจกรรมที่ 2 เรื่อง กล้องจุลทรรศน์
 
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศบทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 8 เทคโนโลยีอวกาศ
 
ใบงาน เทคโนโลยีอวกาศ ม.5
ใบงาน เทคโนโลยีอวกาศ ม.5ใบงาน เทคโนโลยีอวกาศ ม.5
ใบงาน เทคโนโลยีอวกาศ ม.5
 
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอ...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอ...ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอ...
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ปรากฏการณ์ของโลกและเทคโนโลยีอ...
 
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียงคู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
คู่มือการใช้นวัตกรรมคลื่นกลและเสียง
 
เรื่อง เมฆ
เรื่อง เมฆเรื่อง เมฆ
เรื่อง เมฆ
 
อุณหภูมิของอากาศ
อุณหภูมิของอากาศอุณหภูมิของอากาศ
อุณหภูมิของอากาศ
 
บทที่ 6 ดาวฤกษ์ (star)
บทที่ 6   ดาวฤกษ์ (star)บทที่ 6   ดาวฤกษ์ (star)
บทที่ 6 ดาวฤกษ์ (star)
 
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
แบบรายงานการแสดงทางวิทยาศาสตร์
 
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลกบทที่ 1 โครงสร้างของโลก
บทที่ 1 โครงสร้างของโลก
 
เฉลยข้อสอบ O-Net ดาราศาสตร์ ปีการศึกษา 2548
เฉลยข้อสอบ O-Net ดาราศาสตร์ ปีการศึกษา 2548เฉลยข้อสอบ O-Net ดาราศาสตร์ ปีการศึกษา 2548
เฉลยข้อสอบ O-Net ดาราศาสตร์ ปีการศึกษา 2548
 
บทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศบทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศ
บทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศ
 
แบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็ว
แบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็วแบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็ว
แบบฝึกการหาอัตราเร็วความเร็ว
 

Similar to โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ

ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลกใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลกwebsite22556
 
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52rdschool
 
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3 วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3 น้ำ' เพชร
 
การทดลองภูเขาไฟระเบิด
การทดลองภูเขาไฟระเบิดการทดลองภูเขาไฟระเบิด
การทดลองภูเขาไฟระเบิดTaweesak Poochai
 
ส 43102สอบ ม.6
ส 43102สอบ ม.6ส 43102สอบ ม.6
ส 43102สอบ ม.6thnaporn999
 
โครงงานเปิดโลกปิโตรเลียม
โครงงานเปิดโลกปิโตรเลียมโครงงานเปิดโลกปิโตรเลียม
โครงงานเปิดโลกปิโตรเลียมfirstnarak
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนssuser66968f
 

Similar to โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ (13)

ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลกใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
ใบงานที่ 6 ส่วนประกอบของโลก
 
Midterm2 m6 51
Midterm2 m6 51Midterm2 m6 51
Midterm2 m6 51
 
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
แบบฝึกหัด เรื่องโลก ดิน หิน น้ำ52
 
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3 วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
วิชา ดาราศาสตร์ บทที่ 1 2 3
 
การทดลองภูเขาไฟระเบิด
การทดลองภูเขาไฟระเบิดการทดลองภูเขาไฟระเบิด
การทดลองภูเขาไฟระเบิด
 
แบบฝึกหัด เรื่อง ธรณีภาค
แบบฝึกหัด เรื่อง ธรณีภาคแบบฝึกหัด เรื่อง ธรณีภาค
แบบฝึกหัด เรื่อง ธรณีภาค
 
ส 43102สอบ ม.6
ส 43102สอบ ม.6ส 43102สอบ ม.6
ส 43102สอบ ม.6
 
โครงงานเปิดโลกปิโตรเลียม
โครงงานเปิดโลกปิโตรเลียมโครงงานเปิดโลกปิโตรเลียม
โครงงานเปิดโลกปิโตรเลียม
 
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอนชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์  โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน
 
โลกของเรา (The Earth)
โลกของเรา (The Earth)โลกของเรา (The Earth)
โลกของเรา (The Earth)
 
ธรณีกาล
ธรณีกาลธรณีกาล
ธรณีกาล
 
Pim
PimPim
Pim
 
Pim
PimPim
Pim
 

More from พัน พัน

เรื่องระบบปฏิบัติการ
เรื่องระบบปฏิบัติการเรื่องระบบปฏิบัติการ
เรื่องระบบปฏิบัติการพัน พัน
 
เรื่องภาษาซี
เรื่องภาษาซีเรื่องภาษาซี
เรื่องภาษาซีพัน พัน
 
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษรการเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษรพัน พัน
 
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
การทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์การทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัยระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัยพัน พัน
 
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศพัน พัน
 
ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้นพัน พัน
 
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นพัน พัน
 
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
เรื่องคอมพิวเตอร์
เรื่องคอมพิวเตอร์เรื่องคอมพิวเตอร์
เรื่องคอมพิวเตอร์พัน พัน
 
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้พัน พัน
 

More from พัน พัน (20)

เรื่องระบบปฏิบัติการ
เรื่องระบบปฏิบัติการเรื่องระบบปฏิบัติการ
เรื่องระบบปฏิบัติการ
 
เรื่องภาษาซี
เรื่องภาษาซีเรื่องภาษาซี
เรื่องภาษาซี
 
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์
 
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษรการเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
การเปลี่ยนตัวเลขให้เป็นตัวอักษร
 
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
หลักการทำงาน บทบาทและอุปกรณ์พื้นฐานของคอมพิวเตอร์
 
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
รายงานเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
 
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
การทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์
 
การทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์การทำงานของคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์
 
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัยระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
ระบบคอมพิวเตอร์และยุคสมัย
 
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ
 
ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์
 
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้นเรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
เรื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
 
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
เรื่องด้านคอมพิวเตอร์
 
เรื่องคอมพิวเตอร์
เรื่องคอมพิวเตอร์เรื่องคอมพิวเตอร์
เรื่องคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
การปริ้น
การปริ้นการปริ้น
การปริ้น
 
Office
OfficeOffice
Office
 
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
ปัญหาทรัพยากรป่าไม้
 
ยาเสพติด
ยาเสพติดยาเสพติด
ยาเสพติด
 

โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ

  • 1. ชื่อ-สกุล.............................................................................................................................ชั้น.............เลขที่.......... ใบงาน รายวิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ รหัสวิชา ว30104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ครูผู้สอน ครูวิภาดา พงษ์สระพัง คาถามท้ายบทที่ 1 เรื่อง โครงสร้างโลก 1.หินต้นกำเนิดของแมกมำส่วนใหญ่อยู่บริเวณชั้นเนื้อโลกตอนบน ให้นักเรียนบอกประเภท และส่วนประกอบของหินต้นกำเนิดแมกมำ ตอบ แบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทปะทุรุนแรงกับไม่รุนแรง ทั้ง 2 ชนิด เกิดจำก กำรปะทุของภูเขำไฟ 1.ประเภทปะรุนแรง หินทัฟฟ์ หินแอกโกเมอเรต หินพัมมิซ หินสคอเรีย 2.ประเภทปะทุไม่รุนแรง หินไรโอไลต์ หินแอนดีไซต์ หินบะซอลต์ หินออบซีเดียน 2.คลื่น P และ S มีควำมแตกต่ำงกันอย่ำงไร ตอบ คลื่น P สำมำรถเคลื่อนที่ผ่ำนตัวกลำงได้ทุกสถำนะ และมีควำมเร็วมำกกว่ำคลื่น S คลื่น S สำมำรถเคลื่อนที่ผ่ำนได้เฉพำะตัวกลำงที่เป็นของแข็งเท่ำนั้น 3.เมื่อเกิดแผ่นดินไหว ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง จะเกิดเขตอับคลื่น S (S wave shadow zone) ที่ครอบคลุมผิวโลกในบริเวณ กว้ำง ให้นักเรียนใช้ควำมรู้เกี่ยวกับสมบัติของคลื่นไหวสะเทือนและโครงสร้ำงโลก อธิบำยปรำกฏกำรณ์ดังกล่ำว ตอบ แผ่นดินไหวเป็นปรำกฏกำรณ์ที่เป็นผลจำกกำรเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ทำให้หินเปลี่ยนตัว เลื่อนตัว แตกหัก และถ่ำย โอนพลังงำนอย่ำงรวดเร็วให้กับชั้นหินที่อยู่ติดกันในรูปแบบของคลื่นไหวสะเทือน ซึ่งแผ่กระจำยจำกจุดกำเนิดไปทุกทิศทุกทำง และสำมำรถเคลื่อนที่ผ่ำนตัวกลำงต่ำงๆภำยในโบกขึ้นมำบนผิวโลก
  • 2. คาถามท้ายบทที่ 2 เรื่อง โลกและการเปลี่ยนแปลง 1.หลักฐำนที่แสดงว่ำทวีปต่ำงๆเคยเชื่อมต่อกันมีอะไรบ้ำง ตอบ รูปร่ำงของขอบทวีปที่สำมำรถเชื่อมต่อกันได้ , กำรพบซำกดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกัน , กำรพบกลุ่มหินประเภทและอำยุ เดียวกัน , แนวเทือกเขำที่มีลักษณะเหมือนกันและต่อกันได้ และ กำรพบหินอำยุเดียวกันที่เกิดจำกกำรสะสมตัวของตะกอนธำร น้ำแข็ง 2.นักเรียนเข้ำใจเกี่ยวกับกำรเคลื่อนที่ของทวีปอย่ำงไร ให้อธิบำยและยกตัวอย่ำงหลักฐำนหรือข้อมูลที่นักวิทยำศำสตร์ใช้เป็น เหตุผลสนับสนุน ตอบ เกิด จำกกำรนำทฤษฎีทวีปเลื่อนและทวีปแยกมำรวมกันตั้งเป็นทฤษฎีใหม่ขึ้นมำโดยกล่ำว ไว้ว่ำ เปลือกโลกทั้งหมดแบ่ง ออกเป็น แผ่นที่สำคัญ จำนวน 13 แผ่น โดยแต่ละแผ่นจะมีขอบเขตเฉพำะได้แก่ แผ่นอเมริกำเหนือ อเมริกำใต้ ยูเรเซีย แอฟริกำ อินเดีย แปซิฟิก แอนตำร์กติก ฟิลิปปินส์ อำหรับ สกอเทีย โกโก้ แคริเบียน และนำซก้ำแผ่นเปลือกโลกทั้งหมดไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ จะมีกำรเคลื่อนที่ตลอด เวลำใน 3 แบบ ได้แก่กำรเคลื่อนที่เข้ำหำกัน แยกออกจำกกัน และไถลตัวขนำนออกจำกกันซึ่งผลของ กำรเคลื่อนที่ของเปลือกโลกทำให้เกิดปรำก ฎกำรณ์ต่ำง ๆ ขึ้น เช่น แผ่นดินไหว เทือกเขำ ภูเขำไฟ และกระบวนกำรเกิดแร่และ หิน 3.เพรำะเหตุใดปรำกฏกำรณ์ภูเขำไฟระเบิดและแผ่นดินไหว มักเกิดตำมเขตมุดตัวของแผ่นธรณี ตอบ เพรำะ แผ่นธรณีภำคใต้มหำสมุทรชนกับแผ่นธรณีภำคใต้มหำสมุทร แผ่นธรณีภำคจะมุดลงใต้อีกแผ่นหนึ่ง ปลำยของแผ่น ที่มุดลงจะหลอมตัวกลำยเป็นแมกมำและปะทุขึ้นมำบนแผ่นธรณีภำคใต้ มหำสมุทร 4.รอยคดโค้ง รอยแตก รอยเลื่อนในหินมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ และเกิดขึ้นได้อย่ำงไร ตอบ - รอยคดโค้งเกิดจำกชั้นหินถูกเปลี่ยนรูป-ในระดับเกินขีดอิลำสติก(elastic limit)ชั้นหินจะมีกำรเปลี่ยนรูปแบบ พลำสติก(plastic deformation)เมื่อมีควำมดันรอบข้ำง(confining pressure)กระทำทุกทิศทำงหรือหินหนืดดันขึ้นมำ หินจะ เกิดกำรเคลื่อนที่แบบ flow ในทิศทำงใดก็ได้ - รอยแตก(Fracture)เป็นกำรแตกอย่ำงไม่มีทิศทำงที่แน่นอนและพื้นผิวของรอยแตกไม่เป็นระนำบเรียบ - รอยเลื่อน(Fault) เมื่อหินถูกควำมเค้นหรือถูกแรงกระทำ จนมีควำมเครียดเกินขีดพลำสติกหินจะแตกหักเคลื่อนที่ออก จำกกันเป็นรอย เลื่อน(fault)ขึ้น ปกติกำรเคลื่อนที่ของหินจะเกิดในทิศทำงขนำนกับรอยเลื่อน 5.จำกแนวกำรเคลื่อนที่จำกแผ่นธรณีต่ำงๆ จะมีผลต่อภูมิประเทศของโลกอย่ำงไรในอนำคต ตอบ ธรรมชำติ : อย่ำงรวดเร็ว เช่น แผ่นดินไหว ภูเขำไฟ --> อย่ำงช้ำ ๆ เช่น กำรกร่อน มนุษย์ : กำรดำรงชีวิต และ ทดลองนิวเคลียร์
  • 3. คาถามท้ายบทที่ 3 เรื่อง ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา 1.อธิบำยควำมแตกต่ำงระหว่ำงคำต่อไปนี้ “ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว” กับ “จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว” ตอบ “ศูนย์เกิดแผ่นดินไหว” หมำยถึง ตำแหน่งที่เป็นจุดกำเนิดกำรไหวสะเทือนของแผ่นดิน หรือตำแหน่งที่เกิดแผ่นดินไหว “จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว” หมำยถึง ตำแหน่งบนผิวโลกที่อยู่เหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหว 2.แนวที่เกิดแผ่นดินไหวและภูเขำไฟระเบิดส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใดของพื้นผิวโลก ในประเทศไทยมีแนวที่เสี่ยงต่อกำรเกิด แผ่นดินไหวและภูเขำไฟระเบิดหรือไม่ อยู่บริเวณใด ตอบ แนวที่เกิดแผ่นดินไหว ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณีภำคพื้นผิวโลกใน ประเทศไทยมีแนวที่เสี่ยงต่อกำร เกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินไหวในประเทศไทยเกิดจำกมีแผ่นดินไหวขนำดใหญ่นอกประเทศ แล้วส่งแรงสั่นสะเทือนมำยังประเทศ ไทย ส่วนใหญ่จะมีแหล่งกำเนิดจำกตอนใต้ของประเทศจีน พม่ำ ลำว บริเวณทะเลอันดำมันและตอนเหนือของเกำะสุมำตรำ ถ้ำ เกิดแผ่นดินไหวในแนวนี้ จะทำให้พื้นที่ในประเทศไทยบริเวณภำคเหนือ ภำคใต้ ภำคตะวันตก ภำคตะวันออกเฉียงเหนือ และ กรุงเทพฯ เกิดกำรสั่นไหวที่รู้สึกได้ 3.แมกมำที่แทรกตัวอยู่ตำมรอยแตก รอยแยกของหินใต้พื้นผิวโลก เมื่อแข็งตัวจะกลำยเป็นหินชนิดใด ตอบ แมก มำที่แทรกตัวอยู่ตำมรอยแตกแยกของหินใต้พื้นผิวโลก เมื่อแข็งตัวจะกลำยเป็นหินบะซอลต์ที่มีแร่แทรกปะปนอยู่ หินบะซอลต์จัดเป็นหินอัคนี 4.อะไรคือสำเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว ตอบ สำเหตุที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว 1. เกิด จำกกำรเคลื่อนที่ของเปลือกโลกตำมแนวระหว่ำงรอยต่อของแผ่นธรณีภำค ทำให้ชั้นหินขนำดใหญ่แตกหักหรือ เลื่อนตัวและถ่ำยโอนพลังงำนศักย์อย่ำงรวด เร็วให้กับชั้นหินที่อยู่ติดกันในรูปของคลื่นไหวสะเทือน 2. เกิด จำกกำรระเบิดของภูเขำไฟ เนื่องจำกในขณะที่แมกมำใต้ผิวโลกเคลื่อนตัวตำมเส้นทำงสู่ปล่องภูเขำไฟ สำมำรถ ทำให้เกิดแผ่นดินไหวก่อนที่จะระเบิดออกมำเป็นลำวำ 3. เกิด จำกกำรกระทำของมนุษย์ เช่น กำรทดลองระเบิดปรมำณูใต้ดิน กำรระเบิดพื้นที่เพื่อสำรวจลักษณะของหิน สำหรับวำงแผนก่อสร้ำงอำคำร และเขื่อนกักเก็บน้ำขนำดใหญ่ เป็นต้น 5.ท่ำนคิดอย่ำงไรจำกคำกล่ำวที่ว่ำ “ภูเขำไฟเป็นเสมือนหน้ำต่ำงที่สำมำรถมองเห็นถึงภำยในของโลก” ตอบ เป็น คำกล่ำวที่ถูกต้อง เพรำะ เมื่อภูเขำไฟระเบิดแต่ละครั้ง จะมีเศษลำวำ เศษหิน ฝุ่นละออง และเถ้ำถ่ำน ลำวำที่ออกมำ สู่พื้นผิวโลก จะมีอุณหภูมิสูงถึง 1,200 องศำเซลเซียส ทำให้ทรำบว่ำ ภำยในโลกมีควำมร้อนมำก นอกจำกนี้ภำยในของโลกยังมี แร่ธำตุต่ำงๆ อยู่ เมื่อสังเกตจำกหินบะซอลต์ หินแอนดีไซต์ หินไรโอไลต์ และหินออปซิเดียน เป็นต้น 6.บอกประโยชน์และโทษของแผ่นดินไหว และภูเขำไฟระเบิด ตอบ ภูเขำไฟระเบิดก่อให้เกิดประโยชน์และโทษ คือ ประโยชน์ของภูเขำไฟ 1.ช่วยปรับระดับของเปลือกโลกให้อยู่ในสมดุล 2.ช่วยให้หินที่ถูกแปรสภำพมีควำมแข็งมำกขึ้น 3.เกิด แร่ที่สำคัญขึ้น เป็นแหล่งกำเนิดอัญมณีที่มีค่ำทำงเศรษฐกิจ เช่น ทับทิม ไพลิน และพลอยอื่นๆ ที่สวยงำม จัดเป็น สินค้ำส่งออกที่สำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศ 4.เป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดผู้คนให้ไปเยี่ยมชม 5.ดินที่เกิดจำกภูเขำไฟมักจะเป็นดินดี เหมำะแก่กำรเพำะปลูก โทษของภูเขำไฟ
  • 4. ทำลำยชีวิต อำคำรบ้ำนเรือน และทรัพย์สินทั้งทำงตรงและอ้อม 7.อธิบำยควำมหมำยของคำต่อไปนี้ ภูเขำไฟมีพลัง และคำบอุบัติซ้ำ ตอบ ภูเขำไฟมีพลัง หมำยถึง ภูเขำไฟที่มีกำรระเบิดค่อนข้ำงถี่และอำจจะระเบิดอีก คำบอุบัติซ้ำ หมำยถึง ระยะเวลำครบรอบของแผ่นดินไหวที่เคยเกิดขึ้น ณ ที่นั้น แล้วกลับมำเกิดซ้ำในที่เดิมอีก อำจเป็นร้อยปี หรือพันปี หรือน้อยกว่ำนั้น
  • 5. คาถามท้ายบทที่ 4 เรื่อง ธรณีประวัติ 1.นักวิทยำศำสตร์ทรำบได้อย่ำงไรว่ำ ครั้งหนึ่งบนโลกมีไดโนเสำร์อำศัยอยู่ ตอบ เพรำะ มีกำรพบซำกดึกดำบรรพ์ของไดโนเสำร์ในชั้นของหิน เช่น ในประเทศไทยมีกำรพบซำกดึกดำบรรพ์ของ ไดโนเสำร์ ประเภทเดินสี่เท้ำ กินพืชเป็นอำหำร คอและหำงยำว ชื่อว่ำ ภูเวียงโกซอรัสสิรินทรเน พบครั้งแรกที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เป็นต้น 2.เพรำะเหตุใดเรำจึงไม่ค่อยพบซำกดึกดำบรรพ์ในกลุ่มหินอัคนี และหินแปร ตอบ เพรำะ หินอัคนี เกิดจำกกำรเย็นตัวของแมกมำ ซึ่งได้จำกกำรระเบิดของภูเขำไฟ จึงไม่สำมำรถพบซำกดึกดำบรรพ์ได้ หิน แปร เกิดจำกกำรแปรสภำพจำกหินอัคนี หินตะกอนหรือหินแปรด้วยกันเอง ภำยใต้อุณหภูมิ ควำมดันและสิ่งแวดล้อมทำงแร่ ซึ่งหินที่ถูกทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่ำงทันทีทันใดแล้วอุณหภูมิค่อยๆ ลดลง กำรเปลี่ยนแปลงอุณหภูมินี้มีผลทำให้หินแตกหักได้ จึ่ง ไม่สำมำรถพบซำกดึกดำบรรพ์ในหินแปร 3.ซำกดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบสำมำรถบอกอะไรแก่เรำได้บ้ำง ตอบ ซำกดึกดำบรรพ์ที่ค้นพบสำมำรถบอกให้ทรำบถึงอำยุของหิน และสภำวะแวดล้อมในอดีต และทำให้สำมำรถหำ ควำมสัมพันธ์ของชั้นหินในบริเวณต่ำงๆ ได้ 4.ซำกดึกดำบรรพ์ที่ดีและสำมำรถบ่งชี้อำยุหินได้ชัดเจนควรเป็นอย่ำงไร อธิบำยพร้อมยกตัวอย่ำงเท่ำที่ทรำบ ตอบ ซำกดึกดำบรรพ์ที่ดี และบ่งชี้อำยุหินได้ชัดเจน ได้แก่ ซำกดึกดำบรรพ์ดัชนี (index fossil)เป็น ซำกดึกดำบรรพ์ที่มี วิวัฒนำกำรทำงโครงสร้ำง และรูปร่ำงอย่ำงรวดเร็ว มีควำมแตกต่ำงในแต่ละช่วงอำยุอย่ำงเห็นเด่นชัด และปรำกฏให้เห็นเพียง ช่วงอำยุหนึ่งแล้วก็สูญพันธุ์ไป ได้แก่ ไตรโลไบท์ แกรพโตไลท์ ฟิวซิลินิด เป็นต้น กำรพบซำกดึกดำบรรพ์ไตรโลไบท์ในหินทรำย แดงที่เกำะตะรุเตำ จังหวัดสตูล ทำให้นักธรณีวิทยำบอกได้ว่ำ หินทรำยแดงนั้นเป็นหินที่มีอำยุประมำณ 570 - 505 ล้ำนปี หรือ กำรพบซำกดึกดำบรรพ์ฟิวซิลินิดในหินปูนที่บริเวณจังหวัดสระบุรี ทำให้นักธรณีวิทยำบอกได้ว่ำ หินปูนนั้นเป็นหินที่มีอำยุ ประมำณ 286 - 245 ล้ำนปี เป็นต้น 5.กำรลำดับชั้นหินและซำกดึกดำบรรพ์มรำพบ มีควำมสำคัญอย่ำงไรกับกำรศึกษำควำมเป็นมำของโลก ตอบ กำรลำดับชั้นหินและซำกดึกดำบรรพ์ที่พบ มีควำมสำคัญในกำรศึกษำควำมเป็นมำของโลก คือ อำศัยอำยุเทียบสัมพัทธ์ (relative age) เป็น อำยุหินเปรียบเทียบซึ่งบอกได้ว่ำ หินชุดใดมีอำยุมำกหรือน้อยกว่ำกัน โดยอำศัยข้อมูลจำกซำกดึกดำบรรพ์ที่ ทรำบอำยุ ลักษณะกำรลำดับชั้นของหินชนิดต่ำงๆ และลักษณะโครงสร้ำงทำงธรณีวิทยำของหิน แล้วนำมำเทียบสัมพัทธ์กับ ช่วงเวลำทำงธรณีวิทยำที่เรียกว่ำ ธรณีกำล (geologic time) ก็จะสำมำรถบอกอำยุของหินว่ำ เป็นหินยุคไหนหรือมีช่วงอำยุเป็น เท่ำใดกำร ลำดับชั้นหินเป็นกำรรวบรวมข้อมูลทำงธรณีวิทยำเกือบทุกทำงมำใช้ศึกษำ วิเครำะห์ และประเมินศักยภำพของพื้นที่ ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งทำให้ทรำบถึงควำมเป็นมำของโลก 6.ถ้ำนักเรียนสำรวจพบซำกดึกดำบรรพ์ของปะกำรังบนยอดเขำแห่งหนึ่ง นักเรียนมีควำมเห็นเกี่ยวกับกำรดำเนินของภูเขำนั้น อย่ำงไร จงอธิบำย ตอบ ถ้ำพบซำกดึกดำบรรพ์ของปะกำรังบนยอดเขำแห่งหนึ่ง แสดงว่ำ ในอดีตบริเวณนี้เป็นทะเลน้ำตื้นในช่วงแรกแล้วแผ่ไปสู่ ทะเลลึก และเปลี่ยนเป็นทะเลตื้นใกล้ชำยฝั่งอีกครั้งหนึ่ง หลังจำกที่มีกำรสะสมตะกอนจำกทะเล มีกำรแข็งตัวของตะกอน ทำให้ บริเวณนี้ตื้นขึ้น ต่อจำกนั้นเปลือกโลกบริเวณนี้มีกำรเคลื่อนที่ และมีกำรระเบิดของภูเขำไฟ ทำให้พื้นที่นี้มีกำรยกตัวสูงขึ้นเป็น ภูเขำในปัจจุบัน
  • 6. คาถามท้ายบทที่ 5 เรื่อง เอกภพ 1.เพราะเหตุใดนักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่จึงเห็นด้วยกับทฤษฎีบิกแบง ที่ใช้อธิบายกาเนิดเอกภาพ ตอบ ทฤษฎีบิกแบงมีหลักฐำนหรือปรำกฏกำรณ์ที่สนับสนุนอยู่ 2 อย่ำง 1) กำรขยำยตัวของเอกภพ 2) อุณหภูมิพื้นหลังของเอกภพ ปัจจุบันลดลงเหลือ 2 - 73 เคลวิน จำกหลักฐำนทั้ง 2 ข้อ จึงทำให้นักดำรำศำสตร์เห็นด้วยกับทฤษฎีบิกแบง 2.มีธาตุอะไรมากที่สุดในเอกภาพ ตอบ ธำตุที่มีมำกที่สุดในเอกภพคือ ธำตุไฮโดรเจน 3.เอกภพประกอบด้วยระบบที่เล็กกว่า มีอะไรบ้าง ตอบ เอกภพประกอบด้วยระบบสุริยะและระบบกำแล็กซี 4.เอกภพเมื่ออายุประมาณ 300,000 ปี มีธาตุอะไรเป็นองค์ประกอบสาคัญบ้าง ตอบ ธำตุไฮโดรเจน และธำตุฮีเลียม 5.หลักฐานใดที่แสดงว่าเอกภพกาลังขยายตัวอยู่ในปัจจุบัน ตอบ ค.ศ. 1920 เอ็ดวิน ฮับเบิล ได้ใช้ข้อมูลจำกกำรสังเกตกำแล็กซีต่ำงๆ จำนวนมำกพบว่ำกำแล็กซีเหล่ำนั้นเกิด ปรำกฏกำรณ์เลื่อนทำงแดงของเส้นสเปกตรัม จำกควำมรู้ทำงฟิสิกส์พื้นฐำนของนักวิทยำศำสตร์ทรำบดีว่ำ เมื่อพบปรำกฏกำรณ์ เลื่อนทำงแดงของวัตถุท้องฟ้ำใด แสดงว่ำวัตถุนั้นกำลังเคลื่อนที่ถอยหำงออกจำกผู้สังเกตบนโลก 6.กฎฮับเบิลมีว่าอย่างไร ตอบ V = H0d V = ควำมเร็วในกำรถอยห่ำงของกำแล็กซี H0 = ค่ำคงที่ของฮับเบิล = 71 km/s/Mpc d = ระยะทำงถึงกำแล็กซี 7.ถ้าค่าของแล้วเอกภพจะมีอายุและรัศมีประมาณเท่าใด ตอบ ประมำณ 13,000 ล้ำนปี 8.คลื่นไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศสนับสนุนทฤษฎีบิกแบงอย่างไร ตอบ เพรำะเป็นคลื่นไมโครเวฟที่หลงเหลืออยู่หลังจำกกำรระเบิดออกของวัตถุควำมร้อน มหำศำล (ช่วง Big-Bang) หำกไม่ มี Big-Bang ก็จะไม่ตรวจพบคลื่นนี้ แต่บังเอิญตรวจพบ (บังเอิญพบโดยนักวิทยำศำสตร์สมัครเล่น) จึงกล่ำวได้ว่ำ เมื่อนำนมำแล้ว เกิด Big-Bang ให้เอกภพกำเนิดขึ้นมำครับ 9.กาแล็กซีคืออะไร และมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ตอบ กำแล็กซี (Galaxy) ซึ่งประกอบด้วย ดำวฤกษ์ ดำวเครำะห์ อุกกำบำต ฝุ่นผงและ แก็สในอวกำศ กำแลคซีเมื่อแบ่งโดย ใช้รูปร่ำงเป็นเกณฑ์แบ่งออก 4 ประเภท คือ 1 กำแล็กซี่รูปวงกลมรี 2.กำแล็กซีรูปก้นหอย 3.กำแล็กซีรูปก้นหอยคำน 4.กำแล็กซีไร้รูปร่ำง
  • 7. 10.กาแล็กซีทางช้างเผือกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100,000 ปีแสง คิดเป็นระยะทางกี่กิโลเมตร ตอบ 1 ปีแสง คิดเป็นระยะทำงประมำณ = 9.5 × 1012 กิโลเมตร 105 ปีแสง คิดเป็นระยะทำงประมำณ = 9.5 × 1012 × 105 กิโลเมตร ดังนั้น คิดเป็นระยะทำง = 9.5 × 1017 กิโลเมตร 11.ทางช้างเผือกกับกาแล็กซีทางช้างเผือก เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ตอบ ทำงช้ำงเผือก เกิดจำกดำวฤกษ์หลำยหมื่นล้ำนดวงที่มำอยู่รวมกัน เห็นเป็นแนวฝ้ำขำวจำงๆ ขนำดกว้ำงประมำณ 15๐ พำดผ่ำนเป็นทำงยำวรอบท้องฟ้ำ กำแล็กซี ทำงช้ำงเผือก ประกอบด้วยดำวฤกษ์ 200,000 ล้ำนดวงและเมฆฝุ่นกับแก๊สที่เรียกว่ำ เนบิวลำ รวมทั้งระบบ สุริยะ ทำงช้ำงเผือกเป็นส่วนหนึ่งของกำแล็กซีทำงช้ำงเผือก 12.กาแล็กซีแมกเจลแลนใหญ่แตกต่างจากกาแล็กซีแอนโครเมดาอย่างไรบ้าง ตอบ กำแล็กซีแมกเจลแลนใหญ่ จะโคจรรอบทำงช้ำงเผือกที่ระยะห่ำงประมำณ 200,000 ปีแสง เป็นกำแล็กซีแบบไร้รูปทรง หรือมีรูปร่ำงไม่แน่นอน มีควำมสว่ำงมำกจนสำมำรถมองเห็นได้คล้ำยกับก้อนเมฆในยำมค่ำคืน อยู่ใกล้ขอบฟ้ำทิศใต้ เป็นกำแล็กซี ที่อยู่ใกล้เรำที่สุด กำแล็กซีแอนโดรเมดำ มองเห็นอยู่ในบริเวณท้องฟ้ำทำงเหนือ มีรูปร่ำงแบบกังหัน เหมือนกำแล็กซีทำงช้ำงเผือก กำแล็กซีแอนโดรเมดำอยู่ห่ำงจำกกำแล็กซีทำงช้ำงเผือกของเรำไกลประมำณ 2 ล้ำนปีแสง มีชื่อเรียกอีกอย่ำงหนึ่ง ว่ำ M31 หรือ NGC 224
  • 8. คาถามท้ายบทที่ 6 เรื่อง ดาวฤกษ์ 1.ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีความเหมือนและความแตกต่างกันในเรื่องใดบ้าง ตอบ ดำวฤกษ์แต่ละดวงมีควำมเหมือนกันอยู่ 2 อย่ำง คือ 1) มีพลังงำนในตัวเอง 2) เป็นแหล่งกำเนิดธำตุต่ำงๆ เช่น ธำตุฮีเลียม ลิเทียม และเบริลเลียม ดำว ฤกษ์แต่ละดวงมีควำมแตกต่ำงกันดังนี้ คือ มวล อุณหภูมิผิว สี อำยุ องค์ประกอบทำงเคมี ขนำด ระยะห่ำง ควำมสว่ำง ระบบดำว และกำรวิวัฒนำกำร 2.หลุมดาคืออะไร ต่างจากคาวนิวตรอนอย่างไร ตอบ หลุมดำ (Black hole) คือ บริเวณในอวกำศที่มีแรงโน้มถ่วงสูง ไม่มีอะไรออกจำกบริเวณนี้ได้แม้แต่แสงสว่ำง ซึ่ง เคลื่อนที่ด้วยควำมเร็ว 300,000 กิโลเมตรต่อวินำที ก็ออกจำกหลุมดำไม่ได้ เมื่อไม่มีแสงออกมำหลุมดำจึงมืด หลุมดำอำจแบ่งได้เป็นสำมจำพวกใหญ่ๆ คือ 1. หลุมดำที่เกิดจำกดำวฤกษ์ตำยแล้ว เมื่อดำวฤกษ์ที่มวลมำกๆ ถึงครำวหมดอำยุขัย จะเกิดกำรระเบิดเป็น ซูเปอร์โนวำ หำก หลังกำรระเบิดยังหลงเหลือมวลสำรที่ใจกลำงของดำวมำกกว่ำ 3 เท่ำของมวลดวงอำทิตย์ มวลสำรใจกลำงดำวนั้นจะยุบตัวลง เป็นหลุมดำ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดรังสีเอกซ์หลำยแห่งในกำแล็กซีทำงช้ำงเผือก เช่น Cygnus X - 1 ในกลุ่มดำวหงส์ ก็เชื่อว่ำ เป็น หลุมดำชนิดนี้ 2. หลุมดำยักษ์ หลุมดำจำพวกนี้จะมีมวลมำกมำยมหำศำล อำจมีมวลมำกนับเป็นหลำยพันล้ำนเท่ำของดวงอำทิตย์ ส่วนใหญ่จะ พบอยู่ในใจกลำงของกำแล็กซีขนำดใหญ่ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่ำนมำนี้ นักดำรำศำสตร์พบหลุมดำชนิดนี้อยู่ตำมกำแล็กซีขนำดใหญ่ เป็นจำนวนมำก รวมทั้งกำแล็กซีทำงช้ำงเผือกของเรำด้วย 3. หลุมดำจิ๋ว เป็นหลุมดำที่มีมวลเพียงไม่กี่ร้อยล้ำนตัน มีขนำดเล็กเพียงขนำดของอะตอมเท่ำนั้น เกิดขึ้นหลังจำกเกิด บิกแบง ได้ ไม่นำน หลุมดำชนิดนี้จะมีอำยุสั้นและจะสลำยตัวด้วยกำรระเบิด ปลดปล่อยรังสีแกมมำออกมำ หลุมดำจิ๋วนี้เป็นหลุมดำในทำง ทฤษฎี จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกำรค้นพบอย่ำงเป็นทำงกำร ดำวนิวตรอน (Neutron star) คือ ดำวซึ่งมีมวลอยู่ในช่วงระหว่ำง 8 ถึง 18 เท่ำของมวลดวงอำทิตย์ ซึ่งได้ยุบตัวลงเนื่องจำกแรง โน้มถ่วงของตัวเอง องค์ประกอบของดำวประกอบด้วยนิวตรอนล้วนๆ ดำวนิวตรอนมีขนำดเล็กมำก มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงเพียง ประมำณ 10 กิโลเมตร และมีควำมหนำแน่นประมำณ 1017 กิโลกรัมต่อลูกบำศก์เมตร ดำวนิวตรอนสำมำรถตรวจพบได้ในรูป ของ พัลซำร์ 3.เนบิวลาคืออะไร และเกี่ยวข้องกับดาวฤกษ์อย่างไร ตอบ เนบิวลำ คือ กลุ่มแก๊สและฝุ่นที่เกิดขึ้นในอวกำศภำยในกำแล็กซี เกี่ยวข้องกันกับดำวฤกษ์ คือ ดำวฤกษ์เกิดจำกกำรยุบรวมตัวของเนบิวลำ หรือกล่ำวอีกอย่ำงว่ำ เนบิวลำ เป็นแหล่งกำเนิดของ ดำวฤกษ์ทุกประเภท 4.ธาตุต่างๆในโลกและในตัวเรา เกิดจากที่ใด ตอบ ธำตุ ต่ำงๆ ในโลกเกิดจำกกำรระเบิดของกลุ่มแก๊สภำยในดวงดำว เช่น กำรระเบิดภำยในดำวฤกษ์ที่มีควำมร้อนและ ควำมดันมหำศำล ที่เรียกว่ำ ซูเปอร์โนวำ ทำให้เกิดธำตุหนัก เช่น ยูเรเนียม หรือทองคำขึ้นได้ ธำตุ ต่ำงๆ ในตัวเรำเกิดจำกพืชสร้ำงอำหำรขึ้นโดยวิธีสังเครำะห์แสง เมื่อเรำรับประทำนพืชก็จะได้สำรอำหำรที่ทำให้เกิดธำตุ ต่ำงๆ ขึ้นภำยในตัวเรำ 5.ดาวฤกษ์ที่อยู่ในกลุ่มดาวฤกษ์เดียวกัน อยู่ห่างจากโลกเท่ากันหรือไม่ ตอบ ดำวฤกษ์ที่อยู่ในกลุ่มดำวเดียวกันอำจอยู่ห่ำงจำกโลกไม่เท่ำกัน เพรำะกลุ่มดำวฤกษ์เป็นเพียงภำพที่เห็นดำวอยู่ใน ทิศทำงเดียวกันเท่ำนั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กัน
  • 9. 6.ดาวตานกอินทรีมีโชติมาตร 0.76 ดาววีกามีโชติมาตร 0.03 ดาวหางหงส์มีโชติมาตร 1.25 ดาวปากหงส์มีโชติมาตร 3.36 ตามลาดับ จงเรียงลาดับดาวฤกษ์ที่สว่างมากที่สุดไปยังน้อยที่สุด ตอบ ดำววีกำ ดำวตำนกอินทรี ดำวหำงหงส์ ดำวปำกหงส์ 7.ดาววีกามีแพรัลแลกซ์ 0.129 พิลิปดา ดาววีกาอยู่ห่างจากโลกกี่ปีแสง ตอบ พำรำแลกซ์ 1 ฟิลิปดำคือระทำง 3.26 ปีแสง (1 parsec) และมุมพำรำแลกซ์แปรผกผันกับระยะทำง ดังนั้น 0.129 ฟิลิบดำคือระยะห่ำง 3.26/0.129 = 25.27 ปีแสง
  • 10. คาถามท้ายบทที่ 7 เรื่อง ระบบสุริยะ 1.เพราะเหตุใดจึงกล่าวว่า ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์รุ่นหลัง ตอบ เพรำะ ว่ำ ดำวฤกษ์เกิดจำกกำรยุบตัวของเนบิวลำที่เกิดจำกแรงโน้มถ่วงของเนบิวลำเอง ทำให้ที่แกนกลำงของเนบิวลำ ที่ยุบตัวลงนี้ จะมีอุณหภูมิสูงกว่ำที่ขอบนอก เมื่ออุณหภูมิแกนกลำงสูงมำกขึ้น เป็นหลำยแสนองศำเซลเซียส เรียกช่วงนี้ว่ำ “ดำว ฤกษ์ก่อนเกิด” (protostar) หลัง จำกที่ดวงอำทิตย์เพิ่งกำเนิดขึ้นมำจะคงสภำพที่ใหญ่กว่ำปัจจุบันเล็กน้อย อุณหภูมิที่แกนกลำง สูงขึ้นไปถึง 15ล้ำนเคลวิน และปฏิกิริยำเทอร์โมนิวเคลียร์ได้เริ่มต้นขึ้น หลอมนิวเคลียสไฮโดรเจนเป็นนิวเคลียสฮีเลียม เมื่อเกิด ควำมสมดุลระหว่ำงแรงโน้มถ่วงกับแรงดันของแก๊สร้อน ทำให้ดวงอำทิตย์เป็นดำวฤกษ์สมบูรณ์ จึงกล่ำวได้ว่ำ ดวงอำทิตย์เป็น ดำวฤกษ์รุ่นหลัง 2.ดวงอาทิตย์เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะมีวิวัฒนาการอย่างไร ตอบ ดวง อำทิตย์เกิดจำกกำรยุบตัวของเนบิวลำ ซึ่งกำรยุบตัวนี้เกิดจำกแรงโน้มถ่วงของเนบิวลำเอง เมื่อแก๊สยุบตัวลง ควำม ดันของแก๊สจะสูงขึ้น ผลที่ตำมมำ คือ อุณหภูมิของแก๊สจะสูงขึ้นที่บริเวณแกนกลำงเป็นหลำยแสนองศำเซลเซียส เรียกช่วงนี้ ว่ำ “ดำวฤกษ์ก่อนเกิด” เมื่อแรงโน้มถ่วงถึงให้แก๊สยุบตัวลงไปอีก อุณหภูมิสูงขึ้นเป็น 15 ล้ำนเคลวิน ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงมำก พอที่จะเกิดปฏิกิริยำเทอร์โมนิวเคลียร์ (thermonuclear reaction) หลอม นิวเคลียสไฮโดรเจนเป็นนิวเคลียสฮีเลียม เมื่อเกิด ควำมสมดุลระหว่ำงแรงโน้มถ่วงกับแรงดันของแก๊สร้อนจะทำให้ดวง อำทิตย์มีควำมสมบูรณ์ขึ้น วิวัฒนำกำร ของดวงอำทิตย์มีดังนี้ คือ เมื่อธำตุไฮโดรเจนที่ใช้เป็นเชื้อเพลงเหลือน้อย แรงโน้มถ่วง เนื่องจำกมวลของดวงอำทิตย์ สูงกว่ำแรงดัน ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นมำกกว่ำเดิมเป็น 100 ล้ำนเคลวิน จนเกิดปฏิกิริยำเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมรวมนิวเคลียสของ ธำตุฮีเลียมเป็น นิวเคลียสของคำร์บอน ในขณะเดียวกันไฮโดรเจนที่อยู่รอบนอกแกนฮีเลียม มีอุณหภูมิสูงถึง 15 ล้ำนเคลวิน จะ เกิดปฏิกิริยำเทอร์โมนิวเคลียร์หลอมไฮโดรเจนเป็นฮีเลียมครั้งใหม่ได้ พลังงำนออกมำอย่ำงมหำศำล ทำให้ดวงอำทิตย์มีขนำด ใหญ่ขึ้นเป็น 100 เท่ำของขนำดปัจจุบัน เมื่อผิวด้ำนนอกขยำยตัว อุณหภูมิผิวจะลดลง สีจะเปลี่ยนจำกสีเหลืองเป็นสีแดง เรียกว่ำ ดำวยักษ์แดง ซึ่งมีชีวิตค่อนข้ำงสั้น ที่แกนกลำงของดวงอำทิตย์ซึ่งอยู่ในสภำพดำวยักษ์แดง ในช่วงท้ำยของชีวิตจะไม่เกิดปฏิกิริยำ เทอร์โมนิวเคลียร์ที่หลอมฮีเลียมเป็น คำร์บอนอีกต่อไป แรงโน้มถ่วงจะทำให้แกนกลำงของดำวยักษ์แดงยุบตัวลง กลำยเป็นดำว แคระขำว ขณะเดียวกันกับที่แกนกลำงเกิดกำรยุบตัว มวลของผิวดำวรอบนอกไม่ได้ยุบเข้ำมำรวมด้วย จึงมีชั้นของแก๊สหุ้มอยู่ รอบ เกิดเป็นเนบิวลำดำวเครำะห์ ซึ่งจะเคลื่อนห่ำงออกไปจำกดำวแคระขำว กระจำยออกไปในอวกำศ 3.เพราะเหตุใดโลก ดาวศุกร์ ดาวอังคาร และดาวพุธ จึงถูกจัดเป็นดาวเคราะห์หิน และเกิดได้อย่างไร ตอบ เพรำะ โลก ดำวศุกร์ ดำวอังคำร และดำวพุธ ต่ำงเป็นดำวเครำะห์ ที่มีพื้นผิวเป็นพื้นหินแข็งชัดเจน ดำวเครำะห์หินเกิด จำกตอนที่ดำวเครำะห์เพิ่งกำเนิดขึ้นเมื่อ 4,600 ล้ำนปีมำแล้ว มีภูเขำน้ำแข็งและก้อนหินจำนวนมำกที่เหลือจำกกำรสร้ำงดวง อำทิตย์อยู่ใน บริเวณที่เป็นดำวเครำะห์หินในปัจจุบัน ต่อมำอีก 500 ล้ำนปี วัตถุก้อนใหญ่ก็ดึงก้อนเล็กเข้ำหำ เกิดกำรชนกันพอก พูนจนใหญ่โตขึ้น เศษที่เหลืออยู่มีจำนวนน้อยลง ขณะเดียวกันวัตถุที่ระเหยง่ำยหรือเบำ เช่น น้ำและไฮโดรเจน ก็ถูกพลังงำนจำก กำรแผ่รังสีของดวงอำทิตย์ ผลักดันให้ออกไปอยู่ที่ชั้นนอกของระบบสุริยะ ดังนั้น ดำวเครำะห์ชั้นในจึงเป็นหิน 4.เพราะเหตุใดดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน จึงถูกจัดเป็นดาวเคราะห์แก๊ส และเกิดได้อย่างไร ตอบ เพรำะ มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊สไฮโดรเจนหรือแก๊สแอมโมเนียและมีเทน ไม่มีพื้นผิวดำวชัดเจน ภำยในดำว เครำะห์ยักษ์ เป็นแก๊สควำมดันสูงหรือแก๊สเหลว ซึ่งมักมีอุณหภูมิและควำมดันสูงมำก มีขนำดใหญ่ ดำวเครำะห์ยักษ์เกิดขึ้น เนื่องจำกในขณะที่ระบบสุริยะกำลังเกิดขึ้นนั้น ดำวเครำะห์ยักษ์ขยำยใหญ่ขึ้นมำกกว่ำดำวเครำะห์หิน ซึ่งอยู่ใกล้ดวงอำทิตย์ เพรำะอยู่ในบริเวณที่เย็นกว่ำ ก้อนสำรที่รวมกันอยู่ชั้นนอกของระบบสุริยะรวมถึงก้อนน้ำแข็งสกปรกและแก๊สที่ แข็งตัว เป็นส่วน หนึ่งของดำวเครำะห์ยักษ์ด้วย เมื่อเข้ำไปใกล้ดวงอำทิตย์ ควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์จะทำให้สำรที่ระเหยง่ำย เช่น น้ำ ระเหยออก จำกดำวเครำะห์ชั้นใน เหลือแต่ส่วนที่เป็นหินแข็งและโลหะ เมื่อวัตถุที่เป็นของแข็งในตอนเริ่มต้นมีขนำดใหญ่กว่ำแรงโน้มถ่วงที่ สูงของ ดำวที่กำลังโตขึ้น จึงดึงดูดเอำแก๊สจำนวนมำกไว้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของดำวเครำะห์ ทำให้มีขนำดใหญ่ขึ้นเป็นดำวเครำะห์ ยักษ์
  • 11. 5.ดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง อยู่บริเวณใดของระบบสุริยะ และเกิดได้อย่างไร ตอบ ดำวเครำะห์น้อย จะโคจรอยู่ระหว่ำงดำวอังคำรกับดำวพฤหัสบดี ในระบบสุริยะ ดำวหำงอยู่รอบนอกของระบบสุริยะ ดำว เครำะห์น้อยเกิดจำกเศษที่เหลือจำกกำรพอกพูนของดำวเครำะห์หิน ถูกแรงรบกวนของดำวพฤหัสบดี ซึ่งมีขนำด ใหญ่และเกิดมำก่อน ทำให้มวลสำรในบริเวณแถบของดำวเครำะห์น้อยจับตัวกันมีขนำดใหญ่ไม่ได้ จึงปรำกฏมีแต่ดำวเครำะห์ น้อยขนำดเล็กๆ จำนวนมำก ดำว หำง เกิดจำกเศษเหลือจำกดำวเครำะห์ยักษ์ที่ประกอบด้วยก้อนน้ำแข็งและแก๊สแข็งตัว หลำยชนิด รวมทั้งฝุ่นที่ ปะปนอยู่ เมื่อก้อนน้ำแข็งนี้เข้ำใกล้ดวงอำทิตย์จะได้รับรังสี ทำให้เกิดกำรระเหิดของวัตถุบำงส่วน เกิดกำรพุ่งกระจำยของธุลี และแก๊สออกมำจำกนิวเคลียสหรือแกน เป็นส่วนหัวของดำวหำงและส่วนหำง 6.การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์คืออะไร มีผลกระทบต่อโลกหรือไม่ อย่างไร ตอบ ปรำกฏกำรณ์กำรระเบิดจ้ำบนดวงอำทิตย์ (Solar Flare) เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของกำรระเบิดบนผิวของดวงอำทิตย์ กำร ระเบิดจ้ำมักเกิด ณ บริเวณที่เป็นจุด ซึ่งดวงอำทิตย์จะเกิดจุดมำกที่สุดทุกๆ ประมำณ 11 ปี ช่วงที่มีจุดมำกจะมีกำรระเบิดจ้ำมำก ด้วย ทำให้อนุภำคโปรตอนและอิเล็กตรอนถูกปลดปล่อยจำกดวงอำทิตย์ เป็นจำนวนมำกกว่ำปกติ เรียกว่ำ พำยุสุริยะ กำร ระเบิดจ้ำมีผลต่อโลก คือ กำรเกิดแสงเหนือ - แสงใต้ เกิดไฟฟ้ำแรงสูงดับในประเทศที่อยู่ใกล้ขั้วโลก เกิดกำรติดขัดทำงกำร สื่อสำรโดยเฉพำะวิทยุคลื่นสั้นทั่วโลก และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในดำวเทียมอำจถูกทำลำย
  • 12. คาถามท้ายบทที่ 8 เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ 1.เพราะเหตุใดจึงต้องส่งกล้องโทรทรรศน์ขึ้นไปโคจรรอบโลกในการศึกษาวัตถุท้องฟ้า ตอบ เพรำะ กล้องโทรทรรศน์ที่ส่งขึ้นไปพร้อมยำนอวกำศนั้น จะมีอุปกรณ์สำคัญติดตั้งไปกับกล้อง คือ ระบบคอมพิวเตอร์ กล้องถ่ำยภำพมุมกว้ำง เครื่องตรวจวัดสเปกตรัม เครื่องปรับทิศทำงของกล้อง ซึ่งข้อมูลต่ำงๆ ที่ได้จำกกล้อง จะทำให้เรำได้เห็น รำยละเอียดต่ำงๆ ของวัตถุท้องฟ้ำ ช่วยให้เกิดควำมเข้ำใจถึงส่วนประกอบในระบบสุริยะ กำรกำเนิดของดำวฤกษ์ โครงสร้ำงและ กำรเปลี่ยนแปลงของกำแล็กซี 2.ยานขนส่งอวกาศปล่อยดาวเทียมสื่อสารให้เข้าสู่วงจรโคจรได้อย่างไร ตอบ ยำน ขนส่งอวกำศปล่อยดำวเทียมสื่อสำรให้เข้ำสู่วงโคจรได้ โดยให้อยู่เหนือผิวโลก 35,880กิโลเมตร ในระดับนี้ ดำวเทียมจะเคลื่อนที่รอบโลกเร็วเท่ำกับโลกหมุนรอบตัวเอง ดำวเทียมสื่อสำรจึงปรำกฏอยู่ที่ตำแหน่งเดิมบนท้องฟ้ำตลอดเวลำ 3.ท่านคิดว่าการอาศัยอยุ่ในอวกาศของมนุษย์อวกาศเป็นระยะเวลานานๆ มีผลกระทบจ่อมนุษย์อวกาศเหล่านั้นอย่างไร บ้าง ตอบ กำร อำศัยอยู่ในอวกำศของมนุษย์อวกำศ ภำยในสภำพแวดล้อมแห่งควำมถ่วงของอวกำศ นักบินอวกำศจะพยำยำม ดำเนินชีวิตประจำวันให้เหมือนอยู่บนโลกมำกที่สุด แต่เนื่องจำกไม่ถูกดึงดูดจำกแรงโน้มถ่วงของโลก จึงมีสภำพไร้น้ำหนัก กำรกิน กำรนอน และกำรออกกำลังกำยจึงมีปัญหำและถ้ำอยู่ในอวกำศ เป็นระยะเวลำนำนๆ จะมีผลต่อกล้ำมเนื้อ กล้ำมเนื้อทุกส่วนจะมี ขนำดเล็กลง ระบบสูบฉีดโลหิต หัวใจทำงำนช้ำลง กระดูกจะมีควำมหนำแน่นน้อยลง กระดูกจึงเปรำะและแตกหักง่ำย 4.การสารวจอวกาศมีผลดีและผลเสียต่อมนุษย์และโลกอย่างไร ตอบ กำรสำรวจอวกำศมีผลดีต่อมนุษย์และต่อโลกคือ ช่วยให้เกิดควำมเข้ำใจในเรื่องต่อไปนี้ 1. ส่วนประกอบในระบบสุริยะ 2. กำรกำเนิดของดำวฤกษ์ 3. โครงสร้ำงและกำรเปลี่ยนแปลงของกำแล็กซี 4. วิวัฒนำกำรของเอกภพ 5. กำรกำเนิดของโลก 6. หำคำตอบว่ำ มนุษย์เกิดมำได้อย่ำงไร 7. กำรป้องกันโลกไม่ให้เกิดอันตรำยจำกกำรชนของวัตถุในอวกำศ ผลเสียที่มีต่อมนุษย์และต่อโลก 1. สิ้นเปลืองงบประมำณ 2. เกิดอันตรำยต่อมนุษย์ หำกดำวเทียมหรือยำนอวกำศตกลงมำสู่พื้นโลก เช่น สถำนีอวกำศเมียร์ 5.ที่ระดับความสูงจากผิวโลก 3,620 กิโลเมตร ยานอวกาศจะต้องมีความเร็วเท่าไร จึงหลุดออกไปนอกโลกได้ ตอบ 8.66 กิโลเมตรต่อวินำที
  • 13. 58.หลักฐำนที่แสดงว่ำทวีปต่ำงๆเคยเชื่อมต่อกันมีอะไรบ้ำง ตอบ รูปร่ำงของขอบทวีปที่สำมำรถเชื่อมต่อกันได้ , กำรพบซำกดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกัน ,กำรพบกลุ่มหินประเภทและอำยุ เดียวกัน , แนวเทือกเขำที่มีลักษณะเหมือนกันและต่อกันได้ และ กำรพบหินอำยุเดียวกันที่เกิดจำกกำรสะสมตัวของตะกอนธำร น้ำแข็ง 59.นัก เรียนเข้ำใจเกี่ยวกับกำรเคลื่อนที่ของทวีปอย่ำงไร ให้อธิบำยและยกตัวอย่ำงหลักฐำนหรือข้อมูลที่นักวิทยำศำสตร์ใช้เป็น เหตุผล สนับสนุน ตอบ เกิด จำกกำรนำทฤษฎีทวีปเลื่อนและทวีปแยกมำรวมกันตั้งเป็นทฤษฎีใหม่ขึ้นมำโดยกล่ำว ไว้ว่ำ เปลือกโลกทั้งหมด แบ่งออกเป็น แผ่นที่สำคัญ จำนวน 13 แผ่น โดยแต่ละแผ่นจะมีขอบเขตเฉพำะได้แก่ แผ่นอเมริกำเหนือ อเมริกำใต้ ยูเรเซีย แอฟริกำ อินเดีย แปซิฟิก แอนตำร์กติก ฟิลิปปินส์ อำหรับ สกอเทีย โกโก้ แคริเบียน และนำซก้ำแผ่นเปลือกโลกทั้งหมดไม่หยุด นิ่งอยู่กับที่จะมีกำรเคลื่อนที่ตลอด เวลำใน 3 แบบ ได้แก่กำรเคลื่อนที่เข้ำหำกัน แยกออกจำกกัน และไถลตัวขนำนออกจำกกัน ซึ่งผลของกำรเคลื่อนที่ของเปลือกโลกทำให้เกิดปรำก ฎกำรณ์ต่ำง ๆ ขึ้น เช่น แผ่นดินไหว เทือกเขำ ภูเขำไฟ และกระบวนกำร เกิดแร่และหิน 60..เพรำะเหตุใดปรำกฏกำรณ์ภูเขำไฟระเบิดและแผ่นดินไหว มักเกิดตำมเขตมุดตัวของแผ่นธรณี ตอบ เพรำะ แผ่นธรณีภำคใต้มหำสมุทรชนกับแผ่นธรณีภำคใต้มหำสมุทร แผ่นธรณีภำคจะมุดลงใต้อีกแผ่นหนึ่ง ปลำยของ แผ่นที่มุดลงจะหลอมตัวกลำยเป็นแมกมำและปะทุขึ้นมำบนแผ่นธรณีภำคใต้ มหำสมุทร 61.รอยคดโค้ง รอยแตก รอยเลื่อนในหินมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ และเกิดขึ้นได้อย่ำงไร ตอบ - รอยคดโค้งเกิดจำกชั้นหินถูกเปลี่ยนรูป-ในระดับเกินขีดอิลำสติก(elastic limit)ชั้นหินจะมีกำรเปลี่ยนรูปแบบ พลำสติก(plastic deformation)เมื่อมีควำมดันรอบข้ำง(confining pressure)กระทำทุกทิศทำงหรือหินหนืดดันขึ้นมำ หินจะ เกิดกำรเคลื่อนที่แบบ flow ในทิศทำงใดก็ได้ - รอยแตก(Fracture)เป็นกำรแตกอย่ำงไม่มีทิศทำงที่แน่นอนและพื้นผิวของรอยแตกไม่เป็นระนำบเรียบ - รอยเลื่อน(Fault) เมื่อหินถูกควำมเค้นหรือถูกแรงกระทำ จนมีควำมเครียดเกินขีดพลำสติกหินจะแตกหักเคลื่อนที่ออกจำกกัน เป็นรอย เลื่อน(fault)ขึ้น ปกติกำรเคลื่อนที่ของหินจะเกิดในทิศทำงขนำนกับรอยเลื่อน 62.จำกแนวกำรเคลื่อนที่จำกแผ่นธรณีต่ำงๆ จะมีผลต่อภูมิประเทศของโลกอย่ำงไรในอนำคต ตอบ ธรรมชำติ : อย่ำงรวดเร็ว เช่น แผ่นดินไหว ภูเขำไฟ --> อย่ำงช้ำ ๆ เช่น กำรกร่อน มนุษย์ : กำรดำรงชีวิต และ ทดลองนิวเคลียร์ เติมคาตอบ ทฤษฎีกำรแปรสัณฐำนแผ่นธรณีภำคใช้สำหรับอธิบำยกำเนิดของแผ่นดิน มหำสมุทร และสิ่งมีชีวิตที่ตำยทับถมกันอยู่ในหินบน เปลือกโลก 70. สมมติฐำนที่ว่ำผืนแผ่นดินทั้งหมดบนโลกแต่เดิมเป็นแผ่นดินเดียวกันเรียนว่ำ พันเจีย (Pangaea) 71. เมื่อประมำณ 200ล้ำนปีที่แล้ว พันเจียเริ่มแยกออกเป็น 2 ทวีปใหญ่คือ ลอเรเซียทำงตอนเหนือและกอนด์วำนำทำงตอนใต้ 72. ทวีปทำงตอนใต้จะแตกและเลื่อนแยกออกจำกกันเป็นอินเดีย อเมริกำใต้ และอัฟริกำ 73. อินเดียได้เคลื่อนไปชนกับเอเชียจนเกิดเป็นภูเขำหิมำลัยซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินและมหำสมุทรดังปัจจุบัน 74. จำกหลักฐำนทำงธรณีวิทยำ และกำรค้นพบซำกดึกดำบรรพ์ของพืชและสัตว์ชนิดเดียวกันในทวีปต่ำง ๆ ทำให้เชื่อว่ำ ทวีป ต่ำง ๆ ในปัจจุบันแต่เติมเป็นแผ่นดินเดียวกัน 75. ลักษณะโดดเด่นของพื้นมหำสมุทรแอตแลนติก ได้แก่ เทือกเขำกลำงมหำสมุทรซึ่งเป็นเหมือนเทือกเขำยำมโค้งอ้อมไปตำม รูปร่ำงของทวีป
  • 14. 76. นอกจำกลักษณะโดดเด่นของเทือกเขำกลำงมหำสมุทร ยังมีรอยร้ำวแยกตัวออกเป็นร่องลึกและมีรอยตัดขวำงบนสันเขำ ซึ่ง เป็นศูนย์กลำงของกำรเกิดแผ่นดินไหว 77. นักธรณีวิทยำแบ่งแผ่นธรณีภำคของโลกออกเป็น 2 ประเภทคือ แผ่นทวีปและแผ่นมหำสมุทร 78. แผ่นธรณีภำคของโลกแบ่งเป็นแผ่นย่อย จำนวน 13 แผ่นและมีกำรเคลื่อนที่ตลอดเวลำ 79. ลักษณะกำรเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภำคได้แก่ 1. ขอบแผ่นธรณีภำคแยกออกจำกกัน 2. ขอบแผ่นธรณีภำคเคลื่อนเข้ำหำกัน 3. ขอบแผ่นธรณีภำคเคลื่อนที่ผ่ำนกัน 80. แนวที่แผ่นธรณีภำคชนหรือมุดซ้อนกันเป็นไปได้ 3 แบบคือ 1. แผ่นธรณีภำคใต้สมุทรชนกับแผ่นธรณีภำคใต้สมุทร 2. แผ่นธรณีภำคใต้สมุทรชนกับแผ่นธรณีภำคพื้นทวีป 3. แผ่นธรณีภำคพื้นทวีปชนกับแผ่นธรณีภำคพื้นทวีป 81. แผ่นธรณีภำคพื้นทวีปชนกับแผ่นธรณีภำคพื้นทวีป ทำให้เกิดเทือกเขำหิมำลัยในทวีปเอเชีย และเทือเขำแอลป์ ในทวีปยุโรป 82. นอกจำกหลักฐำนทำงธรณีภำคและอำยุหินบนเทือกเขำกลำงมหำสมุทรแล้ว ยังมีหลักฐำนที่สนับสนุนสมมุติฐำนของแผ่น พันจัยคือ หลักฐำนเกี่ยวกับซำกดึกดำบรรพ์และหลักฐำนอื่น ๆ อีก 83. หลักฐำนจำกกำรเปลี่ยนแปลงของอำกำศที่สนับสนุนทฤษฎีกำรแปรสัณฐำนแผ่นธรณีภำคคือ กำรทำให้เกิดกำรสะสม ตะกอนในบริเวณต่ำง ๆ ของโลกโดยเฉพำะหินที่เกิดจำกตะกอนธำรน้ำแข็ง 84. อำยุเทียบสัมพันธ์หมำยถึง อำยุหินเปรียบเทียบซึ่งบอกว่ำหินชุดใดมีอำยุมำกหรือน้อยกว่ำกัน โดยนำมำเทียบสัมพันธ์กับ ช่วงเวลำทำงธรณีวิทยำที่เรียกว่ำธรณีกำล 85. อำยุสัมบูรณ์หมำยถึง อำยุของหินหรือซำกดึกดำบรรพ์ ที่สำมำรถบอกเป็นจำนวนปีที่ค่อนข้ำงแน่นอน