โรงเรียนโนนสูงศรีธานี

1. รายงานการศึกษาค้นคว้า
ด้วยตนเอง (IS)

2. เรื่อง ปะการัง

3. ผู้ศึกษา
นางสาวสุธิตา กลิ่นทองหลาง เลขที่ 8
นางสาวสุธิดา ทิพย์กระโทก เลขที่ 13
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1

4. ครูผู้สอน
ครู ชัยยันต์ ไม้กลาง

5. ลาดับการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องที่ศึกษา
ปะการัง

6. ลาดับการเรียนรู้ที่ 2 การตั้งคาถามที่อยากเรียนรู้จากเรื่องที่กาหนด
1. ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดอยู่ในชั้นใด
2. ปะการังมีการสืบพันธุ์แบบใด
3. ในตัวของปะการังมีพิษหรือไม่
4. ปะการังมีลักษณะอย่างไร
5. ปะการังอาศัยอยู่ที่ใด
6. ปะการังกินอะไรเป็นอาหาร

7. ลาดับการเรียนรู้ที่ 3 การตั้งสมมติฐาน
1. ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดอยู่ในชั้นแอนโชซัว
2. ปะการังมีการสืบพันธุ์ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ
3. ในตัวปะการังนั้นมีเข็มพิษที่เมื่อทิ่มเหยื่อเหยื่อจะสลบ
4. ปะการังมีรูปร่างเป็นทรงกระบอกขนาด 1 มม.– 1 ซม.
5. ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเล
6. อาหารของปะการัง คือ แพลงก์ตอน จุลินทรีย์ต่างๆ
และโพรตัวซัว

8. ลาดับการเรียนรู้ที่ 4 วางแผนรวบรวมข้อมูล
4.1 แหล่งข้อมูลที่จะไปศึกษา
1. สอบถามข้อมูลจากบุคคล
2. ศึกษาค้นคว้าจากวารสาร
3. ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือพิมพ์
4. ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ
5. ศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
6. ศึกษาค้นคว้าจากสถานที่จริง

9. 4.2 หัวข้อย่อยที่จะศึกษา
1. ปะการัง
2. ลักษณะของปะการัง
3. การหาอาหารของปะการัง
4. ประเภทของปะการัง
5. การสืบพันธุ์ของปะการัง
6. แนวปะการังในท้องทะเลไทย

10. ลาดับการเรียนรู้ที่ 5 การแสวงหาและตรวจสอบข้อมูล
5.1 การสอบถามจากบุคคล
1. นางเหลือ ทิพย์กระโทก
2. นางสุกร์ กลิ่นทองหลาง
3. นางจาปี บรรจงฤทธิ์
4. นายอภิรมย์ ดอกทองหลาง

11. 5.2 การศึกษาค้นคว้าจากวารสาร
ได้ศึกษาค้นคว้าจากวารสาร ชื่อ โลกใต้ทะเล ชุด ปะการัง
หน้าที่ 47 ฉบับที่ 3 พบว่า
ปะการังแข็งจะเจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิ 20-28 องศาเซลเซียส
การพัฒนาของแนวปะการังมีมากในพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลของคลื่น เนื่อง
จากคลื่นจะนาอาหารแร่ธาตุและออกซิเจนมาสู่แนวปะการังรวมทั้งช่วย
แพร่กระจายตัวอ่อนของปะการัง และช่วยให้ไม่เกิดการตกตะกอนทับถม
แนวปะการังอีกด้วย ปะการังจะเจริญเติบโตได้ไม่ดีในบริเวณที่มีตะกอน
ขุ่นข้น และมีฝนตกในระยะยาว ด้วยเหตุนี้จึงพบเห็นปะการังเฉพาะใน
น่านน้าเขตร้อนและอบอุ่นเท่านั้น

12. 5.3 การศึกษาค้นคว้าจากหนังสือพิมพ์
ได้ศึกษาค้นคว้าหนังสือพิมพ์ ASTV ฉบับวันที่ 27
มกราคม พ.ศ. 2557 หน้าที่ 11 ค้นพบว่า
ปะการังฟอกขาวเกิดจากสาหร่ายซูแซนเทลลี่ ที่อาศัยอยู่ใน
เนื้อเยื่อปะการังซึ่งทาหน้าที่สร้างสีสันและสังเคราะห์แสงให้พลังงาน
แยกตัวออกมา ทาให้ตัวปะการังสีซีดลงกลายเป็นเนื้อเยื่อใสๆคล้ายวุ้น
สาเหตุอีกอย่างมาจากอุณหภูมิน้าทะเลที่สูงขึ้นกว่าปกติซึ่งถ้า
อุณหภูมิของน้าสูงกว่า 30.1 องศาเซลเซียส จะทาให้ปะการังปรับตัวและ
มีสีซีด

13. 5.4 การศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ
ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ ชื่อ ปะการัง Coral หน้าที่ 14
ถึง 32 ค้นพบว่า
ปะการัง เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภทสัตว์ทะเลที่ไม่มี
กระดูกสันหลัง ซึ่งมีหลากหลายสีและหลากหลายรูปร่างแตกต่างกันไป
โดยแนวปะการังในท้องทะเลไทยมีหลายแบบคือ
1. แนวปะการังริมฝั่ง เกิดจากการสะสมหินปูน
2. กลุ่มปะการังบนพื้นทราย เป็นลักษณะของปะการังที่ขึ้นเป็นกลุ่มบน
พื้นทราย
3. กลุ่มปะการังบนโขดหิน เป็นปะการังที่เกาะยึดติดบนโขดหิน

14. 5.5 การศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต
ปะการัง

15. ลักษณะของปะการัง
แบ่งตามลักษณะที่เห็นออกได้เป็น 7 กลุ่มคือ
1. ปะการังก้อน
2. ปะการังกิ่งก้าน
3. ปะการังเคลือบ
4. ปะการังกึ่งก้อน
5. ปะการังกลีบซ้อน
6. ปะการังแผ่น
7. ปะการังเห็ด

16. การหาอาหารของปะการัง
เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังอยู่ในกลุ่มของไดนาเรีย ชั้นแอนโชซัว
ซึ่งเคยเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่าซิเลนเทดเรท รูปร่างเป็นทรงกระบอกปลาย
ล่างตัน ด้านบนมีปากอยู่ตรงกลาง และมีหนวดเรียงรายอยู่โดยรอบเป็น
อนุกรม 6 ที่หนวดนี้มีเซลล์สาหรับต่อย เพื่อให้ปะการังป้องกันตนเองและ
หาอาหาร ปะการังหาอาหารกินด้วยการจับเหยื่อตัวเล็กๆ ที่ล่องลอยมา
กับกระแส น้า โดยปล่อยเข็มพิษออกมาจากเซลล์สาหรับต่อยในเวลา
กลางคืนปะการังจะแผ่ขยายหนวด ควานหาเหยื่อและใช้เข็มพิษจับเหยื่อ
เป็นอาหาร

17. ประเภทของปะการัง
ปะการังมีมากมายหลากหลายกว่า 700 ชนิด ในปะเทศไทยมี
ปะการังประมาณ 350 ชนิด จึงมีการจัดเป็นประเภทได้ 2 ประเภท คือ
1.ปะการังชนิดที่สร้างแนวปะการัง
- ปะการังสมอง - ปะการังเขากวาง - ปะการังดาว
- ปะการังพิลลาร์ - ปะการังหินหรือเลพทอพซอมเมีย
2. ปะการังชนิดที่ไม่สร้างแนวปะการัง
- ปะการังอ่อน - ปะการังทานเลต
- ปะการังรูโคส - ปะการังเคอร์แรดติเนียน

18. การสืบพันธุ์ของปะการัง
ปะการังมีการสืบพันธุ์ได้ 2 แบบ คือ
1. แบบอาศัยเพศ ตัวจะประกอบกันเป็นโคโลนีนั้น เมื่อโตเต็มที่แล้วก็
จะปล่อยไข่หรือสเปิร์มของตัวมันออกมา บางชนิดในโคโลนีเดียวกันจะมี
ทั้งสองเพศคือ ปล่อยมาทั้งสเปิร์มและไข่ สเปิร์มและไข่ของปะการังเมื่อ
ออกมาแล้วจะผสมกันเป็นตัวอ่อนเรียกว่า พลานูลา เป็นที่น่าสนใจว่าการ
ผสมพันธุ์ของปะการังด้วยวิธีนี้จะเกิดขึ้นพร้อมๆกัน
2. แบบไม่อาศัยเพศ นั่นคือ ปะการังจะแตกหน่อออกไปเรื่อยๆ ขยาย
ออกไปตามลักษณะของปะการังแต่ละชนิด ทาให้โคโลนีใหญ่ขึ้น

19. แนวปะการังในท้องทะเลไทย
โดยแนวปะการังในท้องทะเลไทยมีหลายแบบคือ
1. แนวปะการังริมฝั่ง เกิดจาก
การสะสมหินปูน
2. กลุ่มปะการังบนพื้นทราย
เป็นลักษณะของปะการังที่ขึ้น
เป็นกลุ่มบนพื้นทราย
3. กลุ่มปะการังบนโขดหิน
เป็นปะการังที่เกาะยึดติดบน
โขดหิน

20. 5.7 การตรวจสอบความรู้ โดยอภิปรายสมมติฐานทุกข้อ
5.7.1 สมมติฐานข้อที่ 1 กล่าวว่า ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่จัดอยู่ในชั้นแอนโชซัว
เมื่อสืบค้นข้อมูลพบว่า เป็นไปตามสมมติฐาน
5.7.2 สมมติฐานข้อที่ 2 กล่าวว่า ปะการังมีการสืบพันธุ์ทังแบบอาศัยเพศและไม่
อาศัยเพศ เมื่อสืบค้นข้อมูลพบว่า เป็นไปตามสมมติฐาน
5.7.3 สมมติฐานข้อที่ 3 กล่าวว่า ในตัวปะการังนั้นมีเข็มพิษที่เมื่อทิ่มเหยื่อเหยื่อจะ
สลบ เมื่อสืบค้นข้อมูลพบว่า เป็นไปตามสมมติฐาน
5.7.4 สมมติฐานข้อที่ 4 กล่าวว่า ปะการังมีรูปร่างเป็นทรงกระบอกขนาด 1 มม.
ถึง 1 ซม. เมื่อสืบค้นข้อมูลพบว่า เป็นไปตามสมมติฐาน
5.7.5 สมมติฐานข้อที่ 5 กล่าวว่า ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในทะเล เมื่อ
สืบค้นข้อมูลพบว่า เป็นไปตามสมมติฐาน
5.7.6 สมมติฐานข้อที่ 6 กล่าวว่า อาหารของปะการัง คือ แพลงก์ตอน จุลินทรีย์
ต่างๆ และโพรตัวซัว เมื่อสืบค้นข้อมูลพบว่า เป็นไปตามสมมติฐาน

21. ลาดับการเรียนรู้ที่ 7 สังเคราะห์องค์ความรู้
1. ทาให้รู้จักปะการังมากยิ่งขึ้น
2. ทาให้ทราบถึงความสาคัญของปะการัง
3. รู้จักวิธีการดูแลรักษาปะการัง
4. ทาให้ได้รู้จักการหลีกเลี่ยงการกระทา
ที่ส่งผลเสียต่อปะการัง
5. รู้จักวิธีการสืบพันธุ์ ขยายพันธุ์ของปะการัง
6. สามารถนาความรู้ไปใช้เป็นแนวทาง
การอนุรักษ์ปะการังได้

22. ขอขอบคุณที่รับชมการนาเสนอ