More Related Content
Similar to บันได ๔ ขั้นสอนเขียน
Similar to บันได ๔ ขั้นสอนเขียน (20)
บันได ๔ ขั้นสอนเขียน
- 1. บันได ๔ ขัน้สอนเขยีน “เรยีงความ”
...การสอนเขยีนเรยีงความทคี่รูหลายคนบ่นวา่ยาก หากจับประสบการณ์นาฝึกทักษะมใิหก้า้วกระโดด
ก็ไม่ยากเกนิกว่าจะฝึกฝนใหเ้ขยีนกันไดจ้รงิๆ นะครับ แต่ทคี่รูมักพบว่าหลังการสอน “วธิีการเขยีนเรยีงความ”
แลว้ ผูเ้รยีนมักจะเขยีนไม่ได้หรอืเขยีนไดก้็ไม่เป็นไปตามความคาดหวังทพี่งึประสงค ์
นั่นก็เพราะครูพลาดขัน้ตอนไปสอน “วธิีเขยีน” ก่อนนั่นเอง การทผีู่เ้รยีนจะเรยีงความไดไ้ม่ใช่จากการรูว้ธิีเขยีน
แต่จะเขยีนไดจ้ากความมทีักษะพนื้ฐานทลีะขัน้ตอนต่างหาก
ทางเลอืกออกจากความลม้เหลวในทนีี่้จงึขอใหค้รู “หยุดสอนวธิีเขยีน” แลว้มาเรมิ่
“นาพาผูเ้รยีนฝึกปฏบิัตไิปทลีะขัน้พรอ้มๆ กับครู” ดังนี้สคิรับ
ขัน้ทหี่นึ่ง – ฝึกใหผู้เ้รยีนเขยีนบรรยายสัน้ๆ สงิ่ต่างๆ ตามทเี่ห็น ตามทไี่ดย้นิ ไดก้ลนิ่ ไดล้มิ้รส
หรอืตามทสีั่มผัสรูส้กึ ตามทรีั่บรู้เพยีงสัน้ๆ ก่อน กระทั่งชานาญ จงึค่อยเพมิ่ความยาว
ขัน้ทสี่อง – เมอื่ฝึกบรรยายไดแ้ลว้ ใหต้่อยอดฝึกเขยีนโวหารต่างๆ เรมิ่จากอุปมาโวหารง่ายๆ
พรรณนาโวหารสัน้ๆ และโวหารอนื่ๆ โดยเขยีนถงึสงิ่ต่างๆ เรอื่งราวต่างๆ
ตามทพี่บทเี่ห็นและทสีั่มผัสรับรูเ้พยีงประโยคสัน้ๆ ก่อน แลว้ค่อยเพมิ่เรยีบเรยีงใหย้าวขนึ้เท่าทที่าได้
ขัน้ทสี่าม - ครัน้เมอื่แน่ใจว่าการเรยีบเรยีงภาษาใชไ้ด้ใหเ้รมิ่ฝึกเล่าเรอื่งสัน้ๆ และยาวๆ จากประสบการณ์
หรอืเหตุการณ์ หรอืเล่าความรูส้กึนึกคดิ
กระทั่งพัฒนาเป็นการแสดงทัศนะอย่างมเีหตุมผีลทกี่ลมกลนืกับเรอื่งราว ฝึกใหช้านาญอกีระยะเวลาหนึ่ง
ขัน้ทสีี่่– จากนั้นใหค้รูแสวงหาตัวอย่างเรยีงความทดีี่นามาใหผู้เ้รยีนฝึกอ่าน ฝึกสังเกตวธิีเขยีน
การจับประเด็น ศลิปะการใชภ้าษา วธิีย่อหนา้ วธิีอา้งองิ รวมทัง้กลวธิีขนึ้ตน้และลงทา้ย
แลว้ใหผู้เ้รยีนทดลองฝึกเขยีนองิแบบ กระทั่งเขยีนอสิระได้และเขยีนเรยีงความสรา้งสรรคใ์นทสี่ดุ
...ขอ้ควรคานึงปฏบิัตสิาคัญในการสอนก็คอื ทุกขัน้ตอนของการฝึกนั้น
ครูผูส้อนจะตอ้งฝึกตนใหท้าไดท้าเป็นเสยีก่อน
ไม่เช่นนั้นแลว้ก็จะไม่สามารถสรา้งแรงศรัทธาและปฏบิัตกิารนาฝึกใหเ้ห็นเป็น
รูปธรรมแก่ผูเ้รยีนไดจ้รงิจังนะครับ
การอ่านออกเขยีนไดใ้นระดับพนื้ฐานทเี่พยีงพอสาหรับการสอื่สารและการเรยีนรู้วชิาการต่างๆ
เป็นความจาเป็นพนื้ฐานของผูเ้รยีนทุกระดับ
แต่จากขอ้มูลการทดสอบประเมนิทงั้ในระดับพนื้ทแี่ละระดับชาตปิัจจบุันกลับพบ
ว่ายังมผีูเ้รยีนจานวนมากทยีั่งอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดใ้นระดับพนื้ฐานดงั กล่าว
และจากการทดสอบเขยีนตามคาบอกจาก “คาตรงมาตราทงั้ ๙ แม่ซงึ่มพียัญชนะตน้ครอบคลุมอักษรสามหมู่
ครอบคลุมสระไม่นอ้ยกว่า ๒๐ สระขนึ้ไป รวมทงั้ครอบคลุมคาควบกล้า คาอักษรนา
และคาผันเสยีงวรรณยุกตท์ุกหมู่อักษร” ทผีู่เ้ขยีนไดท้ดสอบกับผูเ้รยีนตัง้แต่ ป.๒ ขนึ้ไปในภูมภิาคต่างๆ
ปรากฏว่ามผีูไ้ดค้ะแนนไม่ผ่านรอ้ยละ ๕๐ อยู่ทรี่ะหว่างรอ้ยละ ๒๐ – ๘๐ ของแต่ละโรงเรยีน
โดยทกี่ารดาเนินการแกไ้ขปัญหาของโรงเรยีนก็ยังเป็นไปแบบไม่แม่นตรง
ไม่ก่อใหเ้กดิสัมฤทธิผลในการแกไ้ขอย่างแทจ้รงิ
ผูเ้รยีนทยีั่งคงถูกทอดทงิ้ใหอ้ยู่ในโลกมดืของการอ่านเขยีนยังมอีกีมากมาย
ผูเ้ขยีนไดม้สี่วนร่วมกับการดาเนินกจิกรรมแกปั้ญหาเรอื่งนี้ทัง้เขยีน หนังสอืชอื่
“เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว” ใหก้ารอบรมผูบ้รหิารสถานศกึษา ครู และผูเ้กยี่วขอ้ง
รวมทงั้จัดทาโครงการจัดครูอาสาปฏบิัตกิารสอนเชงิวจิัยและกากับตามนิเทศแบบมีส่วนร่วม ตัง้แต่ปี ๒๕๕๐
ต่อเนื่องมาถงึปัจจุบัน (๒๕๕๗)
กระทั่งไดข้อ้สรุปอันเป็นสาระสาคัญในการดาเนนิการแกปั้ญหาอย่างเป็นระบบครบ วงจร
เพอื่ใหโ้รงเรยีนสามารถป้องกันปัญหา แกปั้ญหา
และรักษาคุณภาพการอ่านออกเขยีนไดท้ยีั่่งยนืและเป็นตน้แบบแก่โรงเรยีนอนื่ๆ ต่อไป
- 2. จะตอ้งดาเนินการดังต่อไปนี้
แนวทางดาเนินการป้องกันและแกปั้ญหา
หลักการดาเนินการ "ป้องกันปัญหาและแกปั้ญหาเพอื่ประกันการอ่านออกเขยีนไดยั้่งยนื"
ซงึ่ใหแ้นวทางในหนังสอื เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว ของ ผศ.ศวิกานท ์ปทุมสูติ
นั้นมสีาระสาคัญโดยสรุป ดังนี้
๑.วเิคราะหเ์หตุแห่งปัญหา
พบว่า เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดม้สีาเหตุมาจาก
๑.๑ ครูสอนผดิวถิกีารสอนภาษาไทย
๑.๒ ครูจัดการเรยีนการสอนไม่ครบกระบวนทักษะ โดยเฉพาะความผดิพลาดสาคญัทเี่กดิแก่ชัน้ ป.๑
จากสาเหตุต่อไปนี้
(๑) ครู ป.๑ มักไม่ค่อยไดเ้ขยีนแบบฝึกอ่านบนกระดานดาเหมอืนครูรุ่นเก่า เด็กๆ จงึขาดจุดเนน้นาสายตา
ทาใหค้วามสนใจเนื้อหาลดลง การเปล่งเสยีงอ่านคาในหนังสอืเรยีนทคี่รูไม่อาจรูไ้ดว้่าเด็กๆ
แต่ละคนจะตามคาอ่านไดต้รงกับทคี่รูอ่านหรอืไม่ และนอกจากนั้นครูยังนาฝึกปฏบิัตนิอ้ย
ไม่ไดน้าฝึกใหส้มบูรณ์ทักษะอย่างจรงิแท้
(๒) หลักสูตรการศกึษาขัน้พนื้ฐานกาหนดใหชั้น้ ป.๑ ตอ้งเรยีนสาระต่างๆ รวม ๘ สาระเหมอืนกับชัน้อนื่ๆ
เป็นอกีสาเหตุสาคัญทที่าใหโ้รงเรยีนยังจัดเวลาสาหรับการเรยีนการสอนภาษาไทย ป.๑ นอ้ยเกนิไป
ไม่เพยีงพอกับการฝึกทักษะเท่าทคี่วรจะเป็น
(๓) โรงเรยีนหลายแห่งจัดจานวนนักเรยีนในชัน้ ป.๑ ต่อหอ้งมากเกนิไป กล่าวคอืมจีานวนเด็ก ป.๑ ระหว่าง
๓๐-๔๕ คนต่อหอ้งก็มีซงึ่ถา้จะจัดจานวนเด็กทเี่หมาะควรใหส้ามารถควบคุมคุณภาพการอ่านออกเขยีนได้
นั้นไม่ควรเกนิ ๒๕ คนต่อหอ้ง (ฟังมาว่าทปี่ระเทศฟินแลนดซ์งึ่จัดการการศกึษาไดด้เีป็นอันหนึ่งของโลกนั้น
กาหนดจานวนนักเรยีนต่อหอ้ง ๑๒-๒๐ คนเท่านั้น)
(๔) การจัดใหเ้ด็กพเิศษ (เด็กบกพร่องการเรยีนร)ู้
เรยีนร่วมกับเด็กปกตกิ็เป็นอกีปัญหาหนึ่งทที่าใหค้รูไม่สามารถจัดการเรยีน
การสอนทมี่คีุณภาพครบถว้นไปพรอ้มๆ กันได้เพราะตอ้งมัวห่วงหนา้พะวงหลัง
ส่งผลใหเ้ด็กปกตไิดเ้รยีนอย่างไม่เต็มศักยภาพ และเด็กพเิศษก็จะถูกทงิ้หรอืเรยีนไม่ทันผูอ้นื่
กลายเป็นปมดอ้ยซ้าซอ้น
...เมอื่เด็กๆ ผ่านชัน้ ป.๑ ขนึ้ไปดว้ยความไม่พรอ้ม อ่านไม่ออกเขยีนไม่ได้
ก็กลายเป็นปัญหาลูกโซ่กับสาระการเรยีนรูอ้นื่ๆ ในชัน้ ป.๒ และชัน้สูงๆ ขนึ้ไปไม่สนิ้สุด
๑.๓ ผูบ้รหิารสถานศกึษาจัดวางตัวครูอนุบาลและครู ป.๑ ไม่เหมาะบุคคล
รวมทงั้มอบหมายแนวทางการจัดการเรยีนการสอนไม่ถูกตอ้ง
๑.๔ ผูบ้รหิาร นักวชิาการ และนักการศกึษาผูก้าหนดแผนงานและนโยบายระดับต่างๆ
ไม่เขา้ใจเหตุแห่งปัญหา ไม่สามารถกาหนดแนวทางในการจัดการเรยีนการสอน การกากับตดิตาม
และนิเทศใหถู้กตอ้งแทจ้รงิ
๑.๕ ครูมงีานอนื่ๆ มากเกนิไป ทาใหง้านสอนถูกแย่งเวลาไปเป็นอันมาก
ในทสีุ่ดก็ลดทอนคุณภาพการเตรยีมการสอน ขาดประสทิธภิาพการสอน
ไม่มเีวลาตดิตามแกปั้ญหาเด็กอย่างใกลช้ดิ และไม่มเีวลาซ่อมเสรมิทักษะ
ปัญหานี้สบืเนื่องจากการบรหิารจัดการทไี่ม่ดีไม่สะสางขยะทางวชิาการ
กระทั่งกลายเป็นสงิ่ปกคลุมคุณค่าทแี่ทจ้รงิของการศกึษา
๒.การแกปั้ญหา
การแกปั้ญหาจะตอ้งจัดทาแผนงานโครงการเป็น ๒ โครงการสาคัญ คอื
- 3. ๒.๑ โครงการป้องกันปัญหา
โครงการนี้จะตอ้งจัดทาอย่างจรงิจังและถูกตอ้งเพอื่ป้องกันปัญหาแบบยั่งยนืทชีั่น้ อนุบาล และชัน้ ป.๑
นั่นก็คอื
(๑) จัดกจิกรรมการเรยีนการสอนระดับอนุบาลดว้ยการเตรยีมความพรอ้มดา้นทักษะภาษาก่อนขนึ้ ป.๑ ดังนี้
-เปล่งคา (จากการดู ฟัง สัมผัส ฯลฯ)
และเปล่งเสยีงพูดตามครูใหชั้ดเจนทุกเสยีงอักขระในถอ้ยคาทเี่ป็นชอื่นามสงิ่ ต่างๆ
ไม่นอ้ยกว่าระดับชัน้อนุบาลละ ๕,๐๐๐ คา
(รวมทัง้เปล่งเสยีงท่องบทอาขยานและรอ้งเพลงตามครู
ฝึกพูดสอื่สารถามตอบไดชั้ดเจนตามเสยีงอักขระและเสยีงคาควบกล้า, ฟังนิทาน เรอื่งเล่า
และพูดถามตอบไดชั้ดเจนตามเสยีงอักขระและเสยีงคาควบกล้า)
-เปล่งเสยีงท่องพยัญชนะ ก - ฮ หรอืรอ้งเป็นเพลง เปล่งเสยีงสระสัน้ยาวทัง้ ๓๒ สระ
ไดถู้กฐานเสยีงจนเกดิทักษะจดจาไดต้ามศักยภาพ
-มพีัฒนาการการจับดนิสอ ปรับระยะสายตา เขยีนเสน้ลลีาตา่งๆ
และวาดรูปอย่างมทีักษะสมบูรณ์ก่อนการเขยีนตัวอักษร
-สามารถเขยีนพยัญชนะ ก - ฮ สระเดยี่ว วรรณยุกตท์งั้ ๔ รูป และตัวเลข ๐-๙
ฝึกเตรยีมทักษะดา้นภาษาเพยีงเท่านี้ใหไ้ดอ้ย่างครบถว้นแทจ้รงิ โดยไม่ตอ้งฝึกอ่านและเขยีนคา
เพราะขัน้ตอนการฝึกอ่านและเขยีนคาเป็นหนา้ทขี่องครู ป.๑ การเร่งฝึกอ่านเขยีนก่อนวัยอันสมควร
จะเป็นโทษแก่เด็กมากกว่าเป็นผลดี
ซ้ายังทาใหค้รูอนุบาลไม่มเีวลาฝึกเตรยีมทักษะพนื้ฐานขา้งตน้ใหส้มบูรณ์เพยีง พออกีดว้ย
(๒) จัดการเรยีนการสอนภาษาไทย ป.๑ เพอื่การอ่านออกเขยีนไดอ้ย่างมมีาตรฐาน ดังนี้
-จัดใหม้จีานวนเด็ก ป.๑ หอ้งละไม่เกนิ ๒๕ คน
-ในกรณีทโี่รงเรยีนใดมนีักเรยีนชั้น ป.๑ มากกว่า ๑ หอ้ง
ใหคั้ดแยกเด็กแต่ละหอ้งตามศักยภาพการเรยีนรูท้ใี่กลเ้คยีงกัน เพอื่ใหจั้ดการเรยีนการสอนง่าย
ใหเ้ด็กสามารถเรยีนรแู้ละพัฒนาทักษะไปไดพ้รอ้มๆ กัน
(การจัดใหเ้ด็กคละศักยภาพอยู่ในหอ้งเดยีวกันจะส่งผลกระทบต่อการเรยีนรูห้ลายประการ
ดังไดก้ล่าวขา้งตน้แลว้)
-ครูจัดทาชารต์แบบฝึกอ่านเขยีนทถีู่กตอ้งและมมีาตรฐาน ในทนีี่้ขออา้งองิตามหนังสอื
เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว ของ ผศ.ศวิกานท ์ปทุมสูติบทที่๓-๖
-ครูจัดกจิกรรมการเรยีนการสอนแบบบันไดทักษะ ๔ ขัน้วันละ ๒ ชั่วโมง
-นักเรยีนมี“สมุดคัดลายมอื” ทแี่สดงผลการเรยีนต่อเนื่อง
-นักเรยีนมี“สมุดเขยีนตามคาบอก” ทแี่สดงผลการเรยีนต่อเนอื่งอย่างสอดคลอ้งกับสมุดคัดลายมอื
และแสดงผลการแกไ้ขปรับปรุงอย่างมพีัฒนาการ
-ครูมบีัญชแีสดงการมาเรยีนของนักเรยีน
-เมอื่สอนครบเนื้อหาหลักสูตรไดม้กีารทดสอบ “เขยีนตามคาบอก” ดว้ยคามาตรฐาน ๕๐
คาและแสดงหลักฐานไดอ้ย่างเป็นระบบทงี่่ายต่อการตรวจสอบ
๒.๒ โครงการเฉพาะกจิแกปั้ญหาเร่งด่วนทชีั่น้ ป.๒ ขนึ้ไป
เนื่องจากเด็กทเี่ลอื่นชัน้จาก ป.๑ มาอยู่ในชัน้เรยีนต่างๆ ขณะนี้จานวนมากยังอ่านไม่ออกเขยีนไม่ได้
จงึจาเป็นตอ้งจัดทาโครงการแกปั้ญหาเฉพาะกจิเร่งด่วน ดังนี้
(๑) สารวจสภาพปัญหาดว้ยการใหเ้ด็กชัน้ ป.๒ ขนึ้ไปเขยีนตามคาบอกจากคาทดสอบ ๕๐ คา
โดยทคี่าทดสอบนี้มมีาตรฐานพนื้ทักษะระดับชัน้ ป.๑
ซงึ่มคี่าความยากง่ายเฉลยี่องคป์ระกอบของคาครอบคลุม
-คาทมี่พียัญชนะตน้อักษรสามหมู่
-คาทสี่ะกดตรงมาตราทงั้ ๙ แม่
-คาทปี่ระสมสระไม่นอ้ยกว่า ๒๐ สระขนึ้ไป
-คาควบกล้าและคาอักษรนา
-คาผันเสยีงวรรณยุกตท์ัง้สามหมู่อักษร
ชุดคาทดสอบ ๕๐ คา ตามหนังสอื เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว ของ ผศ.ศวิกานท ์ปทุมสูติ
- 4. จานวน ๒ ชุด ซงึ่สามารถเลอืกใชชุ้ดใดชุดหนึ่งก็ได้
หรอือาจออกคาทดสอบเพมิ่เตมิจากหลักการมาตรฐานดังกล่าวไดอ้กีตามทเี่ห็นเหมาะ สม
นักเรยีนทไี่ดค้ะแนนไม่ถงึ ๒๕ คะแนนใหคั้ดจาแนกเด็กเป็นกลุ่มๆ เขา้สู่โครงการแกปั้ญหา
(๒) จาแนกเด็กเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละไม่เกนิ ๒๐ คน โดยพจิารณาใหเ้ด็กเรยีนชา้อยู่กับชา้ เด็กเรยีนเร็วอยู่กับเร็ว
รวมทัง้ดูวัยใหใ้กลเ้คยีงกัน และดูคะแนนความสามารถทใี่กลเ้คยีงกันใหอ้ยู่กลุ่มเดยีวกันดว้ย
(๓) จัดใหม้คีรูอาสาเป็นผูรั้บผดิชอบจัดการเรยีนการสอนเพอื่การแกปั้ญหาเป็นการ เฉพาะ
ครูอาสาคนหนึ่งจะรับผดิชอบเด็กไดไ้ม่เกนิ ๔ กลุ่ม หรอืไม่เกนิ ๘๐ คน
(๔) ครูอาสาจัดกจิกรรมการเรยีนการสอนกลุ่มละไม่นอ้ยกว่า ๑ ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น ถา้มเีด็ก ๔
กลุ่มก็จะตอ้งสอนวันละ ๔ รอบ รอบละ ๑ กลุ่มต่อ ๑ ชั่วโมง ดังนั้น ครูอาสาทรีั่บผดิชอบสอนวันละ ๔ กลุ่ม
ควรจะตอ้งว่างจากภารกจิอนื่อย่างสนิ้เชงิ เพอื่จะไดทุ้่มเทเวลาเพอื่กจิกรรมการสอนแกปั้ญหาอย่างแทจ้รงิ
(๕) ครูอาสาเขยีนชารต์ประกอบการสอนตามแบบฝึกในหนังสอื เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว
ของ ผศ.ศวิกานท ์ปทุมสูติตัง้แต่บทที่๓ ถงึบทที่๖ และดาเนินการสอนไปตามลาดบัเนอื้หาอย่างครบถว้น
โดยใชก้จิกรรมการสอนแบบบันไดทักษะ ๔ ขัน้ทุกชั่วโมง คอื
ขัน้ทหี่นึ่ง แจกลูก ใหผู้กจา
ขัน้ทสี่อง อ่านคา ย้าวถิี
ขัน้ทสี่าม คัดลายมอื ซ้าอกีที
ขัน้ทสีี่่เขยีนคาบอก ทุกชั่วโมง
(๖) ครูอาสาดาเนินการสอนแกปั้ญหาไปจนครบถว้นเนื้อหาเป็นเวลาไม่นอ้ยกว่ากลุ่มละ ๙๐ ชั่วโมง
หรอืไม่นอ้ยกว่า ๔ เดอืน หรอือาจเกนิกว่าเวลาทกี่าหนดนี้ก็ได้
ทัง้นี้ใหถ้อืเอาความมสีัมฤทธิผลของทักษะของเด็กแต่ละกลุ่มและแต่ละคนเป็น สาคัญ
(๗) เมอื่สอนครบตามเนื้อหาบทที่๓-๖ ใหค้รูอาสานาคาทดสอบ ๕๐
คาใชค้รัง้แรกก่อนเขา้โครงการมาทดสอบใหเ้ด็กเขยีนตามคาบอกอกีครัง้
เพอื่เปรยีบเทยีบพัฒนาการและผลสัมฤทธิ์ในการแกปั้ญหา (โดยทั่วไป
ถา้ครูอาสาดาเนินการอย่างครบถว้นตามเนื้อหาแบบฝึก กระบวนการ และขัน้ตอนต่างๆ ดังทกี่ล่าวแลว้
โดยไม่มปีัญหาหรอือุปสรรคแทรกซอ้น จะไดผ้ล ๑๐๐%)
(๘) จัดทารายงานสรุปผลการดาเนินโครงการเสนอหน่วยงานในสังกัดรับทราบ
๓.การบรหิาร กากับตดิตาม นิเทศ และประเมินผล
ฝ่ายบรหิารและฝ่ายวชิาการจะตอ้งเรยีนรูก้ระบวนการ ขัน้ตอน วธิีการต่างๆ จากหนังสอื
เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว ของ ผศ.ศวิกานท ์ปทุมสูติใหเ้กดิความเขา้ใจตรงกันกับครูอนุบาล
ครู ป.๑ และครูอาสา เพอื่วางแผนงานสนับสนุน ตดิตามกากับดูแล นิเทศ และช่วยเหลอื ดังนี้
๓.๑ จัดสรรงบประมาณในส่วนทจี่าเป็นเพอื่การสนับสนุน เช่น จัดซอื้หนังสอื
เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว และ ก ไก่ นอ้มไหว้จัดซอื้กระดาษและเครอื่งเขยีน
เพอื่เขยีนชารต์ประกอบการสอนชุดละประมาณไม่นอ้ยกว่า ๒๐๐ แผ่น
และกระดาษเอสเี่พอื่เด็กอนุบาลฝึกเขยีนเสน้ลลีาตา่งๆ
๓.๒ บรหิารบุคลากรและวชิาการใหเ้ออื้ต่อกระบวนการแกปั้ญหา (มรีายละเอยีดในหนังสอืทอี่า้งองิ)
๓.๓ ตดิตามกากับดูแล นิเทศ และช่วยเหลอื โดยสงิ่สาคัญทตี่อ้งกากับใหค้รูดาเนนิการ คอื
(๑) ครูอนุบาลปฏบิัตกิารตามแนวทางดาเนินการและมมีาตรฐานสมัฤทธิผลทสี่ามารถตรวจสอบไดจ้าก
-มหีลักฐานบัญชคีาและการเปล่งคาของนักเรยีนทมี่มีาตรฐานและสอดคลอ้งกับแนวทางทไี่ดรั้บการนิเทศ
-มหีลักฐานชารต์พยัญชนะ ก-ฮ, ชารต์สระทมี่มีาตรฐาน และสามารถพสิูจน์การเปล่งท่องของนักเรยีนได้
-นักเรยีนมพีัฒนาการการจับดนิสอ ปรับระยะสายตา เขยีนเสน้ลลีาตา่งๆ
และวาดรูปอย่างมทีักษะสมบูรณ์ก่อนการเขยีนตัวอักษร,
มหีลักฐานการจัดเก็บผลงานและพัฒนาการของนักเรยีนอย่างเป็นระบบ
-นักเรยีนสามารถเขยีนพยัญชนะ ก - ฮ สระเดยี่ว วรรณยุกตท์งั้ ๔ รูป และตัวเลข ๐-๙,
มหีลักฐานการจัดเก็บผลงานและพัฒนาการของนักเรยีนอย่างเป็นระบบ
(๒) ครู ป.๑ ปฏบิัตกิารสอนเพอื่ประกันการอ่านออกเขยีนไดวั้นละ ๒ ชั่วโมง และสามารถตรวจสอบไดจ้าก
- 5. -ครูมชีารต์แบบฝึกอ่านเขยีนทถีู่กตอ้งและมมีาตรฐานตามหนังสอื เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว
บทที่๓-๖
-ครูไดจั้ดกจิกรรมการเรยีนการสอนแบบบันไดทักษะ ๔ ขัน้ทุกชั่วโมง
-นักเรยีนมี“สมุดคัดลายมอื” ทแี่สดงผลการเรยีนต่อเนื่อง
-นักเรยีนมี“สมุดเขยีนตามคาบอก” ทแี่สดงผลการเรยีนต่อเนอื่งอย่างสอดคลอ้งกับสมุดคัดลายมอื
และแสดงผลการแกไ้ขปรับปรุงอย่างมพีัฒนาการ
-ครูมบีัญชแีสดงการมาเรยีนของนักเรยีน
-เมอื่สอนครบเนื้อหาหลักสูตรไดม้กีารทดสอบ “เขยีนตามคาบอก” ดว้ยคามาตรฐาน ๕๐
คาและแสดงหลักฐานไดอ้ย่างเป็นระบบทงี่่ายต่อการตรวจสอบ
(๓) ครูอาสาปฏบิัตกิารสอนเพอื่แกปั้ญหาการอ่านการเขยีนอย่างนอ้ยวันละ ๑ ชั่วโมง
และมหีลักฐานเอกสารประกอบการดาเนินงานทสี่ามารถตรวจสอบได้ดังนี้
-ครูไดด้าเนินการทดสอบการเขยีนตามคาบอกนักเรยีนก่อนเขา้โครงการจากคามาตรฐาน ๕๐
คาและมกีระดาษคาตอบเก็บไวอ้ย่างเป็นระบบและหมวดหมู่ทงี่่ายต่อการตรวจสอบ
-ครูมชีารต์แบบฝึกอ่านเขยีนทถีู่กตอ้งและมมีาตรฐานตามหนังสอื เด็กอ่านไม่ออกเขยีนไม่ไดแ้กง้่ายนิดเดยีว
บทที่๓-๖
-ครูไดจั้ดกจิกรรมการเรยีนการสอนแบบบันไดทักษะ ๔ ขัน้ทุกชั่วโมง
-นักเรยีนมี“สมุดคัดลายมอื” ทแี่สดงผลการเรยีนต่อเนื่อง
-นักเรยีนมี“สมุดเขยีนตามคาบอก” ทแี่สดงผลการเรยีนต่อเนอื่งอย่างสอดคลอ้งกับสมุดคัดลายมอื
และแสดงผลการแกไ้ขปรับปรุงอย่างมพีัฒนาการ
-ครูมบีัญชแีสดงการมาเรยีนของนักเรยีน
-เมอื่สอนครบเนื้อหาหลักสูตรไดม้กีารทดสอบ “เขยีนตามคาบอก” ดว้ยคามาตรฐาน ๕๐
คาและแสดงหลักฐานไดอ้ย่างเป็นระบบทงี่่ายต่อการตรวจสอบ
หากทาตามทกี่ล่าวมานี้ รับประกันว่าจะสามารถป้องกันปัญหาและแกปั้ญหาไดอ้ย่างยั่งยนืแทจ้รงิ
ซงึ่นี่คอืแนวทพี่สิูจน์มาแลว้กับครูและเด็กๆ ในโรงเรยีนทเี่ขา้ร่วมแนวทางทั่วทุกภูมภิาค