More Related Content
Similar to การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
Similar to การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต (20)
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
- 2. เซลล์ (cell)
1. เซลล์ (cell) เป็ นโครงสร้างและหน่วยทํางานที่เล็กที่สุดของสิ่ งมีชีวตแทบทุกชนิด
ิ
2. ออร์ แกเนลล์ (organell) เป็ นโครงสร้างภายในเซลล์ทาหน้าที่เฉพาะอย่าง
ํ
- 4. คําถาม
ั
• ให้นกเรี ยนจับคู่ออร์แกเนลล์กบคุณสมบัติให้ถูกต้อง
ั
ออร์ แกเนลล์
คุณสมบัติ
ไลโซโซม
1. สังเคราะห์โปรตีน
ไมโทคอนเดรี ย
2. ทําให้เซลล์คงรู ปร่ าง
นิวเคลียส
3. ควบคุมสารผ่านเข้า-ออกเซลล์
ผนังเซลล์
4. บรรจุน้ าและสารชนิดต่างๆ
ํ
่
แวคิวโอล
5. มีเอนไซม์ทาหน้าที่ยอยสลาย
ํ
เยือหุมเซลล์
่ ้
6. แหล่งผลิตสารพลังงานสู ง
ไรโบโซม
7. แหล่งเก็บสารพันธุกรรม
คลอโรพลาสต์
8. ปรับเปลี่ยนโปรตีนและไขมันเพื่อส่ งไปแหล่งต่างๆ
กอลจิคอมเพล็กซ์
9. สังเคราะห์น้ าตาลด้วยพลังงานแสง
ํ
- 7. การแพร่ (diffusion)
• เป็ นการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสารจากบริ เวณที่มีความเข้มข้นของสาร
สู งไปสู่บริ เวณที่มีความเข้มข้นของสารตํ่า
• สมดุลการแพร่ คือ ความเข้มข้นของอนุภาคสารเท่ากันทุกบริ เวณโดยที่
อนุภาคของสารเคลื่อนที่ในอัตราที่คงที่ทุกบริ เวณ
- 9. ออสโมซิส (osmosis)
• การแพร่ ของนํ้าผ่านเยือหุมเซลล์จากด้านที่มีความเข้มข้นของสารละลาย
่ ้
ตํ่า (นํ้ ามาก) ไปยังด้านที่มีความเข้มข้นของสารละลายสูงกว่า (นํ้ าน้อย)
• สารละลายไฮโพโทนิค (hypotonic solution) สารที่มีความเข้มข้นตํ่ากว่า
ในเซลล์
• สารละลายไฮเพอร์ โทนิค (hypertonic solution) สารที่มีความเข้มข้นสู ง
กว่าในเซลล์
• สารละลายไอโซโทนิค (isotonic solution) สารที่มีความเข้มข้นเท่ากับใน
เซลล์
- 15. การลําเลียงแบบใช้ พลังงาน (active transport)
่
• การลําเลียงสารผ่านเยือหุมเซลล์ผานโปรตีนตัวพา จากบริ เวณที่มีความ
่ ้
เข้มข้นของสารตํ่าไปยังบริ เวณที่มีความเข้มข้นของสารสูง โดยต้องใช้
พลังงานในการขนส่ งสาร
- 19. คําถาม
• นํ้า กลูโคส และโปรตีน นําเข้าสู่เซลล์ดวยวิธีการใด ในสถานการณ์ใด
้
• สาหร่ ายไฟเป็ นสาหร่ ายเซลล์เดียวที่ต่อกันเป็ นสายยาว จากการศึกษาธาตุ
อาหารใน แวคิวโอลของสาหร่ ายมีสารอาหารดังตาราง สาหร่ ายมีการ
ลําเลียงสารต่างๆ เข้าสู่เซลล์ดวยกระบวนการใด
้
- 23. การรักษาดุลภาพของนําและสารในร่ างกาย
้
• ร่ างกายคนประกอบด้วยนํ้า 65% - 70%
• ร่ างกายมีการควบคุมนํ้าเข้าร่ างกายจาก
อาหาร เครื่ องดื่ม
กระบวนการหายใจในเซลล์ เป็ นต้น
• ร่ างกายมีการควบคุมนํ้าออกจากร่ างกาย
หายใจ เหงื่อ ปั สสาวะ อุจจาระ เป็ นต้น
- 31. Diuretic
• ไดยูเรติก (diuretics) คือสารขับปั สสาวะ สารนี้มีสมบัติทาให้เซลล์ในไต
ํ
สู ญเสี ยนํ้าออกไปมากกว่าการดูดซึ มนํ้าเข้ามา
• ตัวอย่างของไดยูเรติก ได้แก่ สารคาแฟอีน (ซึ่ งพบได้ในกาแฟ ชา ช็อกโกแลต
นํ้าอัดลมประเภทโคล่า) และแอลกอฮอล์
• ไดยูเรติกทําให้เกิดการสู ญเสี ยนํ้า รวมทั้งโพแทสเซี ยมและโซเดียมมากขึ้น
• ป้ องกันความผิดปกติน้ ีดวยการรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซี ยมสูงๆ เช่น
้
กล้วย ลูกพรุ น ส้ม และ แตงโม เป็ นต้น
- 32. คําถาม
• เหตุใดเราจึงรู ้สึกกระหายนํ้า
• การดูดนํ้ากลับของเซลล์ท่อหน่วยไต มีผลต่อความดันเลือดและความ
เข้มข้นของเลือดอย่างไรบ้าง
• อธิบายการทํางานของสมองส่ วนไฮโพทาลามัสขณะเลือดเข้มข้น
• อธิบายการทํางานของสมองส่ วนไฮโพทาลามัสขณะเลือดเจือจาง
• เหตุใดเมื่อหลังจากเล่นกีฬาหรื อทํางานหนัก ไม่ควรดื่มโคล่า
- 33. การรักษาดุลยภาพของความเป็ นกรด – เบสภายในร่ างกาย
ในคนปกติ pH อยู่ระหว่าง 7.35 – 7.45
ถ้าเลือดมี pH ตํากว่า 7.35 หมายความว่า เลือดของบุ คคลนันเป็ นกรดมากกว่าปกติ เรียกว่า
่
้
Acidosis
ถ้าเลือด pH สูงกว่า 7.45 หมายความว่า เลือดของบุ คคลนันเป็ นด่างมากกว่าปกติ เรียก Alkalosis
้
Acidosis ตํากว่ า 7.35
่
ปกติ (7.35-7.45)
Alkalosis สู งกว่ า 7.45
สมการรักษาดุลยภาพกรด - เบสในเลือด
CO2 + H2O
H2CO3
กรดคาร์บอนิก
H+
+ HCO3-
ไฮโดรเจนไอออน ไอโดรเจนคาร์บอเนตไอออน
- 34. กลไกควบคุม กรด-เบส (PH)
ร่างกายคนเรามีกลไกควบคุม กรด-เบส (PH) ได้ 3 วิธี คือ
่
1. การเปลียนแปลงอัตราการหายใจ โดยศูนย์ควบคุมการหายใจทีสมองส่วน
่
เมดุลลา ออบลองกาตา ถ้า PH ในเลือดตํา่ ลงการหายใจเร็วขึ้น แต่ถา้ PH
สูงขึ้นอัตราการหายใจจะช้าลง
2. ระบบบัฟเฟอร์ เป็ นกลไกควบคุมสารทีมค่าความเป็ นกรด-เบส เกือบคงที่
่ ี
แม้จะมีการเพิมขึ้นหรือลดลง
่
3. การขับ H+ เพิมขึ้นหรือลดลง โดยการทํางานของไต (Kidney)
่
- 36. คําถาม
1. ถ้า H+ เข้มข้นเกินไป ร่างกายมีวธการใดบ้างในการปรับให้กลับสู่ดุลยภาพ
ิี
2. เพราะเหตุใดจึงต้องรักษาสมดุลของความเป็ นกรด-เบสของเลือด
- 41. การรักษาดุลยภาพของอุณหภูมภายในร่ างกาย
ิ
ระดับของค่า pH ในร่ างกายเหมาะสมกับการทํางานของเอนไซม์ในแต่ละชนิด
่
กลไกควบคุมอุณหภูมิให้อยูในช่วงที่เหมาะสมกับการทํางานของ
กระบวนการต่างๆในร่ างกาย
อุณหภูมของร่ างกายอยู่ระหว่ าง 35.8 – 37.7 oC
ิ
35 - 40 oC
ตํ่ากว่า 34 oC กระบวนการต่างๆในร่ างกายไม่สามารถทํางานตามปกติ มากกว่ า 40 oC
- 43. กลไกการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมในร่ างกาย
ิ
ไฮโพทาลามัส
T > 37 OC
T < 37 OC
เพิมอัตราเมแทบอลิซึม
่
ลดอัตราเมแทบอลิซึม
หลอดเลือดหดตัว
หลอดเลือดขยายตัว
ขนเอนราบ
ขนลุก/ร่ างกายสั่ น
ต่ อมเหงือไม่ สร้ างเหงือ
่
่
ต่ อมเหงือสร้ างเหงือ
่
่
ลดการระเหย
เพิมการระเหย
่
T ของเลือดลดลง
T ของเลือดปกติ 37 OC
imusichelp.blogspot.com/2009_07_01_archive.ht
ml
T ของเลือดเพิมขึน
่ ้
hilight.kapook.com/view/11432
- 47. คําถาม
• เหตุใดจึงต้องพยายามรักษาอุณหภูมิในร่ างกายให้คงที่เสมอ
• คนมีวิธีรักษาความร้อนไว้ในร่ างกายอย่างไรบ้าง
• เหตุใดเมื่อเราร้อนจึงรู้สึกกระหายนํ้า และมีสารใดอีกบ้างนอกจากนํ้าที่
ร่ างกายต้องการ
ั
• กลไกการควบคุมอุณหภูมิของร่ างกายมีความสัมพันธ์กบการทํางานของ
อวัยวะใดบ้าง อย่างไร
• ผิวหนังมีความสําคัญต่อการควบคุมอุณหภูมิในร่ างกายอย่างไร
• สัตว์เลือดอุ่นมีอุณหภูมิร่างกายคงค่อนข้างที่ มีประโยชน์อย่างไร