More Related Content
Similar to อิเหนาและโวหาร
Similar to อิเหนาและโวหาร (20)
More from ณรงค์ศักดิ์ กาหลง
More from ณรงค์ศักดิ์ กาหลง (20)
อิเหนาและโวหาร
- 3. ประวัติส่วนตัว
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระนามเต็ม
ว่า พระบาทสมเด็จพระ บรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรี
สินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช
รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศ ตรีภูวเนตรวรนายก
ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ สากลจักร
วาฬาธิเบนทร สุริเยนทราธิบดินทร์หริหรินทรา ธาดาธิบดี
ศรีวิบูลยคุณอกนิษฐ ฤทธิราเมศวรมหันต บรมธรรมิก
ราชาธิราชเดโชชัย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ภู
มิทรปรมาธิเบศ โลกเชษฐวิสุทธิ รัตนมกุฎประกาศ คตา
มหาพุทธางกูรบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว
- 4. ผลงานผู้แต่ง
ด้านกวีนิพนธ์
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ได้รับการยกย่องว่า เป็นยุคทองของวรรณคดีสมัยหนึ่ง
เลยทีเดียว ด้านกาพย์กลอนเจริญสูงสุด จนมีคากล่าว
ว่า "ในรัชกาลที่ 2 นัน้ ใครเป็นกวีก็เป็นคนโปรด" กวีที่มี
ชื่อเสียงนอกจากพระองค์เองแล้ว ยังมีกรมหมื่นเจษฎา
บดินทร์ (รัชกาลที่ 3) สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส
สุนทรภู่พระยาตรัง
- 5. ด้านปฏิมากรรม /ประติมากรรม
นอกจากจะทรงส่งเสริมงานช่างด้านหล่อ
พระพุทธรูปแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า
นภาลัยยังได้ทรงพระราชอุตสาหะปั้นหุ่นพระพักตร์
ของพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระ
ประธานในพระอุโบสถวัดอรุณราชวราราม อันเป็น
พระพุทธรูปที่สาคัญยิ่งองค์หนึ่งไทยด้วยพระองค์
เอง ซึ่งลักษณะและทรวดทรงของพระพุทธรูปองค์นี้
เป็นแบบอย่างที่ประดิษฐ์คิดค้น ขึน้ใหม่ในรัชกาลที่
2 นีเ้อง
- 6. ด้านดนตรี
กล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระปรีชาสามารถใน
ด้านนีไ้ม่น้อยไปกว่า ด้านละครและฟ้อนรา เครื่องดนตรีที่ทรงถนัดและโปรด
ปรานคือ ซอสามสาย ซงึ่ซอคู่พระหัตถ์ที่สาคัญได้พระราชทานนามว่า "ซอ
สายฟ้าฟาด" และเพลงพระราชนิพนธ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีคือ "เพลง
บุหลันลอยเลื่อน" หรือ "บุหลัน (เลื่อน) ลอยฟ้า" แต่ต่อมามักจะเรียกว่า "เพลง
ทรงพระสุบิน" เพราะเพลงมีนีมี้กาเนิดมาจากพระสุบิน (ฝัน) ของพระองค์เอง
โดยเล่ากันว่าคืนหนึ่งหลังจากได้ทรงซอสามสายจนดึก ก็เสด็จเข้าที่บรรทม
แล้วทรงพระสุบินว่า ได้เสด็จไปยังดินแดนที่สวยงามดุจสวรรค์ ณ ที่นั่น มี
พระจันทร์อันกระจ่างได้ลอยมาใกล้พระองค์ พร้อมกับมีเสียงทิพยดนตรีอัน
ไพเราะยิ่ง ประทับแน่นในพระราชหฤทัย ครัน้ทรงตื่นบรรทมก็ยังทรงจดจา
เพลงนัน้ได้ จึงได้เรียกพนักงานดนตรีมาต่อเพลงนัน้ไว้ และทรงอนุญาตให้นา
ออกเผยแพร่ได้ เพลงนีจึ้งเป็นที่แพร่หลายและรู้จักกันกว้างขวางมาจนทุก
วันนี้
- 7. แผนผังคาประพันธ์
ลักษณะคาประพันธ์
เรื่องอิเหนานีใ้ช้ลักษณะการแต่งแบบกลอนบทละคร โดยมี
ลักษณะบังคับเหมือนกลอนสุภาพ แต่วรรคแรกมักจะขึน้ด้วย
เมื่อนัน้ บัดนัน้ มาจะกล่าวบทไป ฯลฯ เรียกว่าคาขึน้ต้น โดยคา
ว่า เมื่อนัน้ ใช้กับตัเอกของเรื่องหรือตัวละครกษัตริย์ คาว่า บัดนัน้
ใช้กับตัวบทละครสามัญ หรือไม่สาคัญ และคาว่า มาจะกล่าวบท
ไป ใช้เมื่อขึน้ตอนใหม่ หรือความใหม่ ทัง้นีจ้านวนคาในแต่ละ
วรรคจะมีไม่เท่ากัน เพราะจะต้องให้เหมาะสมกับท่าราและ
ทานองเพลง
- 8. ฉันทลักษณ์
มีการใช้กลอนบทละคร ซงึ่มีลักษณะดังนี้
๑.กลอนแต่ละวรรค มีจานวนคาระหว่าง ๗ – ๘ คา
๒. การสัมผัสในจะมีทัง้สัมผัสพยัญชนะและสัมผัสสระเป็นคู่ ๆ ในแต่
ละวรรค ทาให้เกิดเสียงเสนาะขึน้ เช่น
ว่าพลางโอบอุ้มอรทัย
ขึ้นไว้เหนือตักสะพักชม
เอนองค์ลงแอบแนบน้อง
เชยปรางพลางประคองสองสม
คลึงเคล้าเย้ายวนสารวลรมย์
เกลียวกลมสมสวาทไม่คลาดคลาย
กรกอดประทับแล้วรับขวัญ
อย่าตระหนกอกสนั่นะโฉมฉาย
ดังสายสุนีวาบปลาบตา
- 9. ที่มาของเรื่อง
อิเหนา เป็นวรรณคดีที่มีมาแต่เมื่อครัง้กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดย
มีที่มาจากนิทานปันหยี ซึ่งเป็นคาสามัญที่ชาวชวาใช้เรียกวรรณคดีที่
มีความสาคัญมากเรื่องหนึ่ง คือ อิเหนาปันหยีกรัตปาตี
วรรณคดีเรื่องอิเหนา มีเนือ้หาเป็นพงศาวดาร แต่งขึน้เพื่อการ
เฉลิมพระเกียรติกษัตริย์ชวาพระองค์หนึ่งซึ่งทรงเป็นนักรบ นัก
ปกครอง และทรงสร้างความเจริญให้แก่ชวาเป็นอย่างมาก กษัตริย์
พระองค์นีท้รงพระนามว่า ไอรลังคะ ครองราชย์อยู่ที่เมืองตาฮา (ดา
หา) เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๕๑๒ กษัตริย์ไอรลังคะทรงมีพระราชธิดา ๑
พระองค์ และพระราชโอรส ๒ พระองค์ เมื่อพระราชธิดาออกผนวช
เป็นชี กษัตริย์ไอรลังคะจึงทรงแบ่งราชอาณาจักรออกเป็น ๒ ส่วน คือ
กุเรปัน และดาหา เมื่อพระองค์สนิ้พระชนม์ พระราชโอรสพระองค์โต
ทรงครองเมื่อกุเรปัน พระราชโอรสพระองค์เล็กครองเมืองดาหา
- 10. เนื้อเรื่อง
ดินแดนชวาโบราณ มีกษัตริย์วงศ์หนึ่งเรียกว่า วงศ์อสัญแดหวา
หรือวงศ์เทวา กล่าวกันว่าวงศ์นีมี้พี่น้องสี่องค์ องค์พี่ครองเมือง
กุเรปัน องค์ที่สองครองเมืองดาหา องค์ที่สามครองเมืองกาหลัง
และองค์ที่สี่ครองเมืองสิงหัดส่าหรี กษัตริย์วงศ์เทวามีอานุภาพ
ยิ่งใหญ่ด้วยยศศักดิ์ถือตัวว่าเป็นชนชัน้สูง จึงอภิเษกกันเฉพาะใน
วงศ์พี่น้อง นอกจากนีทั้ง้สี่เมืองเท่านัน้ที่สามารถแต่งตัง้มเหสีได้
๕ องค์ ตามลาดับตาแหน่ง คือ ประไหมสุหรีมะเดหวี มะโต ลิกู
และเหมาหราหงีแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองหมันหยาซึ่งเป็น
เมืองเล็กกว่า
- 11. โวหารหรือกวีโวหาร
อันอิเหนาเอามาทาเป็นคาร้อง
สาหรับงานการฉลองกองกุศล
ครั้งกรุงเก่าเจ้าสตรีเธอนิพนธ์
แต่เรื่องต้นตกหายพลัดพรายไปฯ
ร้องเรื่องระเด่นโดย
บุษบาตุนาหงัน
พักพาคูหาบรรณ-
พตร่วมฤดีโลม ฯ
ว่าพลางโอบอุ้มอรทัย
ขึ้นไว้เหนือตักสะพักชม
เอนองค์ลงแอบแนบน้อง
เชยปรางพลางประคองสองสม
คลึงเคล้าเย้ายวนสารวลรมย์
เกลียวกลมสมสวาทไม่คลาดคลาย
กรกอดประทับแล้วรับขวัญ
อย่าตระหนกอกสนั่นะโฉมฉาย
ฤดีดาลซ่านจับเนตรพราย
ดังสายสุนีวาบปลาบตา
- 13. คาศัพท์ยาก
ลาดับ
คาศัพท์
คาแปล
1
บุษบา
ดอกไม้
2
อภิเษกสมรส
แต่งงาน
3
ตรัส
พูด
4
โอรส
บุตรชาย
5
ธิดา
บุตรสาว
6
ประสูติ
เกิด
7
นิมิต
เห็น
8
พระนาม
ชื่อ
- 14. ข้อคิด
๑. การเอาแต่ใจตนเอง อยากได้อะไรเป็นต้องได้ จากในวรรณคดีเรื่อง
อิเหนานัน้ เราได้ข้อคิดเกี่ยวกับการเอาแต่ใจตนเอง อยากได้อะไรเป็น
ต้องได้ ไม่รู้จักระงับความอยากของตน หรือพอใจในสิ่งที่ตนมีแล้ว ซงึ่
การกระทาเช่นนีท้าให้เกิดปัญหามากมายตามมา และคนอื่นๆ ก็
พลอยเดือดร้อนไปด้วย ดังเช่นในตอนที่อิเหนาได้เห็นนางบุษบาแล้ว
เกิดหลงรัก อยากได้มาเป็นมเหสีของตน กระนัน้แล้ว อิเหนาจึงหา
อุบายแย่งชิงนางบุษบา แม้ว่านางจะถูกยกให้จรกาแล้วก็ตาม โดยที่
อิเหนาได้ปลอมเป็นจรกาไปลักพาตัวบุษบา แล้วพาไปยังถา้ทองที่ตน
ได้เตรียมไว้ ซงึ่การกระทาของอิเหนานัน้เป็นการกระทาที่ไม่ถูกต้อง
ทาให้ผู้คนเดือดร้อนไปทวั่ พิธีที่เตรียมไว้ก็ต้องล่มเพราะบุษบาหายไป
อีกทัง้เมืองยังถูกเผา เกิดความเสียหายเพียงเพราะความเอาแต่ใจ
อยากได้บุษบาของอิเหนานั่นเอง
- 15. คุณค่าในวรรณคดี
๑. คุณค่าในด้านเนือ้เรื่อง บทละครเรื่องอิเหนา
มีโครงเรื่องและเนือ้เรื่องที่สนุก โครงเรื่องสาคัญ
เป็นเรื่องการชิงบุษบาระหว่างอิเหนากับจรกา
เรื่องความรักระหว่างอิเหนากับบุษบา เนือ้เรื่อง
สาคัญก็คือ อิเหนาไปหลงรักจินตะหรา ทัง้ที่มี
คู่หมัน้อยู่แล้วซงึ่ก็คือบุษบา ทาให้เกิดปม
ปัญหาต่างๆ